|
| |
อิอิอิ มาแว๊วเรื่องที่ข้าพเจ้าชอบอ่าน.... ภาพการค้นพบปีรมิดใต้มหาสมุทร https://www.crystalinks.com/pyrunderwater.html Atlantis https://www.crystalinks.com/atlantis.html Atlantis Graphics https://www.crystalinks.com/atlantisgraphics.html ข้อมูลแอตแลนติส มหาปิรมิด จากโหรเทวดา "เอ็ดการ์ เคซี" ........นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีเชื่อว่า มหาปิระมิดแห่งกีซากับสฟริงส์ ในประเทศอียิปต์ ถูกสร้างเมื่อ ประมาณ 2,900 ปี ก่อนคริสต์กาล แต่ สิ่งที่จะนำมาพูดถึงต่อไปนี้ เป็นความจริงที่ โหรเทวดา "เอ็ดการ์ เคซี" ได้เปิดเผย (ใช้หลักของการรับรู้ ทางจิต) ซึ่งข้อมูลที่จะนำเสนอ เอ็ดการ์ เคซี มิได้พึ่งพาเอกสาร หรือการค้นคว้าใดๆทั้งสิ้น เช่นเดียวกับการทำนายอื่นๆ มหาปิรามิดแห่งกีซา ถูกสร้างขึ้นราวๆ หนึ่งหมื่นปีก่อนคริสต์กาล ใช้เวลาก่อสร้าง 100 ปีเต็ม โดย "พลังจักรวาล" ........ที่มา
ตลอดช่วงเวลาสองแสนห้าหมื่นปี อียิปต์ยังเป็นดินแดนอยู่ใต้ทะเล อยู่เหนือพ้นน้ำก็มีทะเลทรายซาฮาร่า กับดินแดนตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์.เมื่อดินแดนอื่นๆเริ่มผุดขึ้นมาเป็นแผ่นดิน ก็ยังเวลาอีกนาน ที่อียิปต์จะกลายเป็นพื้นที่ที่คนอยู่อาศัย .คนเผ่าแรกที่มาอาศัย เป็นคนผิวดำ อาศัยอยู่นะบริเวณตอนบนของลุ่มแม่น้ำไนล์ หลังจากนั้น ก็มาถึงยุคของพระเจ้าไร ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ปกครองอียิปต์ พระองค์มีพระปรีชาสามารถมาก เกี่ยวกับเรื่องทางจิตวิญญาณ เข้าใจเกี่ยวกับกฎของจักรวาล และพระองค์ได้ทรงพยายามอย่างยิ่ง ที่จะให้ประชาชน เข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย เพื่อให้มนุษย์เป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งปวง ........พระองค์ทรงทราบเรื่องนี้จากการศึกษาธรรมชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับจักรวาล วิวัฒนาการของมนุษย์เป็นวิวัฒนาการทางจิตวิญญาณขั้นตอนต่างๆ ........คำสอนต่างๆของพระองค์ ได้ถูกบันทึกไว้ในแผ่นหินและแผ่นไม้ กลายเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เล่มแรกๆ ที่มีผู้รู้จักในชื่อ "คัมภีร์มรณะอียิปต์" พระเจ้าไรปกครองอียิปต์เป็นเวลา 199 ปี จนคนรุ่นหลังๆบูชาพระองค์เป็น "เทพเจ้า" องค์หนึ่ง แต่การปกครองของพระองค์มิได้ต่อเนื่อง เพราะถูกรุกราน จนพระองค์ต้องเสียราชบัลลังก์ การถูกรุกรานเกิดขึ้นเมื่อ 11,016 ปี ก่อนคริสต์กาล หรือราวๆ 300 ปี ก่อนที่จะเกิดการระเบิดครั้งสุดท้ายในทวีปแอตแลนติส (ซึ่งเป็นผลให้แอตแลน ตีสจม) .มีชนผิวขาวกลุ่มใหญ่ โดยการปกครองของพระเจ้าอารีท บุคคลผู้นี้มีความเลื่อมใสในพระหนุ่มรูปหนึ่ง ที่มีความสามารถดุจผู้วิเศษ ชื่อราตะ พระราตะได้ทำนายไว้ว่า ชาวเผ่าซูที่อพยพมาจาก อารเบีย จะรุกร้ำเข้ามาในอียิปต์ และต่อไปรัฐอียิปต์จะเป็นรัฐชั้นนำแห่งยุค เมื่อได้ฟังคำทำนายนั้น พระเจ้าไรก็เอาแต่หมกมุ่นค้นคว้าในเรื่องอภิปรัชญา ไม่ใส่ใจกับการปกครองบ้านเมือง จึงทำให้พระเจ้าอารีท ยึดอียิปต์ได้โดยง่าย อย่างแทบจะไม่มีการต่อต้าน ส่งผลให้ ทั้งสองประนีประนอมกัน พระเจ้าไรก็ยอมสละราชบัลลังก์ให้พระเจ้าอารีท โดยยกธิดาโฉมงามของพระองค์ ให้เป็นพระชายา และสละราชสมบัติให้แก่ราชบุตรของพระองค์ชื่ออารารัท โดยพระองค์หันมาเป็น ที่ปรึกษาคอยค้ำบัลลังก์ ให้แก่ราชบุตรของตนแทน ........ต่อมา ก็มาถึงยุคการปกครองของอารารัท ได้มีชาวแอตแลนติสอพยพมาอยู่อียิปต์เป็นจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้มีความสามารถสูง ทะเยอะทะยาน จนพระองค์ต้องยกตำแหน่งสำคัญๆทางการเมืองให้แก่ชาวแอตแลนติส เพื่อมิให้คนเหล่านี้คิดการกบฏ ........ฝ่ายพระราตะ(โหร) ได้รับความไว้วางใจให้เป็นสังฆราชแห่งอียิปต์ มีหน้าที่ในการค้นคว้าเรื่องของจิตวิญญาณ และอภิปรัชญาต่างๆ เพื่อนำมาเผยแพร่แก่ประชาชน คำสอนของพระราตะมีดังนี้ ........สอนให้รู้ถึงกฎแห่งกรรม กฎของเหตุและผลตามระดับจิตวิญญาณ พร้อมบอกถึงการเวียนว่ายตายเกิดไปสู่ภพภูมิอื่นของจิตวิญญาณมีจริง และที่สำคัญ สอนว่า พระเจ้ามีจริง และพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นคำสอนที่ขัดแย้งความเชื่อของชาวอียิปต์ในยุคนั้น ชาวอียิปต์ส่วนมากจึงมิได้ ใส่ใจเท่าไหร่ พระราตะชี้แนะว่า มนุษย์สามารถเร่งความเร็วให้กับวิวัฒนาการทางกายภาพ และจิตวิญญาณได้ เพื่อเป็นการฝึกฝนตนได้ ........พระราตะได้สร้างวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งบำบัดสุขภาพของประชาชน โดยเรียนรู้มาจากชาวแอตแลนติส ชื่อเฮปซาฟ ที่เป็นผู้นำทางจิตฝ่ายธรรมะของแอตแลนติสส่วนข้างน้อย วิหารที่สร้างขึ้น มีการรักษาผู้ป่วย นันทนาการต่างๆ แต่สิ่งที่พระราตะเน้นก็คือ "การทำสมาธิ" เพื่อสัมผัสโดยตรงกับพลังของพระเจ้า ที่ประทับอยู่ในร่างกายคน จุดประสงค์ของการตั้งสถานบำบัดสุขภาพ ของพระราตะก็เพื่อ ขจัดกิเลสทางร่างกายและวัตถุที่มีมากเกินไป ให้หมดไปจากใจ เพราะสิ่งนี้คือข้อบก โดย: [0 3> ( IP )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 1 พร่องทางกายภาพของมนุษย์ ในทัศนะของ "ราตะ" ........ดนตรีก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่สามารถช่วยปรับเปลี่ยนคลื่นความคิดของใจผู้ฝึก ให้สอดคล้องกับพลังจักรวาลที่ไหลผ่านกระดูกสันหลังได้ ครั้นพระราตะแก่ตัวลง ก็เริ่มมอบอำนาจของตัวเองให้แก่ศิษย์ที่ไว้ใจได้ และหาเวลาในการท่องไปในการแสวงหาความรู้ในอภิปรัชญาต่างๆ โดยในช่วงที่พระราตะไม่อยู่ ได้มีกลุ่มการเมืองซึ่งเป็นชาวแอตแลนตีส ที่กระหายในอำนาจ ได้วางแผนกำจัดพระราตะ โดยใส่ร้ายว่า พระราตะทำผู้หญิงท้อง พระเจ้าอารารัท หลงเชื่อในคำยุยง ได้เนรเทศพระราตะไปอยู่เมืองชายแดน แต่เมื่อความจริงกระจ่าง ชาวเมืองอียิปต์จึงเชิญพระราตะ กลับมาดังเดิม ........ช่วงนี้เอง ที่พวกผู้นำของอียิปต์ ตัดสินใจที่จะสร้างปิระมิด กับสฟริงส์ขึ้นมา เพื่อใช้เป็นสถานที่เก็บความรู้ บันทึก และหลักวิชาศาสตร์ต่างๆที่เร้นลับของแอตแลนติส กับพระเจ้าไรและพระราตะ ให้ปลอดภัย และอยู่นานเท่านาน ..เพราะเขารู้ว่า โลกใบนี้จะต้องเผชิญกับการ "เคลื่อนย้ายของแกนโลก" เหมือนอย่างในยุคของแอตแลนติส จึงตัดสินใจสร้างและเลือกที่ราบกีเซนี้ เป็นที่ตั้ง เพราะอยู่สูงปลอดภัยจากน้ำท่วม (ในทางตัวเลข ยังอยู่ใกล้ศูนย์กลางของโลก ทำให้ได้รับภัยแผ่นดินไหวได้ยาก) .สถานที่เก็บความรู้เร้นลับของชาวแอตแลนติสนี้ อยู่ในห้องลับ ที่เชื่อมระหว่างมหาปิระมิดกับสฟริงส์ โดยมีทางเข้าใต้ดินอยู่ที่ด้านขาหน้าข้างขวาของสฟริงส์ มหาปิรามิดถูกสร้างขึ้นในปี 10,490 ก่อนคริสต์กาล ใช้เวลาก่อสร้าง 100 ปีเต็ม โดยผู้รับผิดชอบเรื่องนี้คือ เฮลเมส ที่เป็นชาวแอตแลนติสวิธีการสร้าง ในการสร้างมหาปิรามิดนั้น ได้มีการประยุกต์กฎของธรรมชาติและจักรวาลมาใช้ ทำให้สามารถต้านแรงดึงดูด ยกหินก้อนโตให้ลอยขึ้นในอากาศได้ โดยการส่งเสียงมนตร์บางประโยค แล้วทำให้ก้อนหินลอยขึ้นมาจากพื้นได้ ก้อนหินที่นำมาสร้างปิรามิด ขนมาจากแดนไกล ที่ชื่อนูเบีย ยอดปิระมิดทำจากโลหะผสมระหว่างทองแดงกับทองคำ (แต่ต่อมาได้ถูกขโมยไป) .ที่สำคัญ มหาปิรมิดถูกสร้างขึ้นมาเพื่อ บันทึกประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ที่เป็นวัฏจักร ตั้งแต่จากยุคของราตะจนถึงปี ค.ศ. 1998 เพราะวัฏจักรของโลกในรอบนี้จะมาสั้นสุดที่ปี ค.ศ.1998 ตาม "การอ่าน" ของเอ็ดการ์ เคซี่ ซึ่งเขายังได้กล่าวต่อไปจากสิ่งที่เขาอ่านจาก "บันทึกจักรวาล"(เส้นแสงจักรวาล) ว่าประวัติศาสตร์แห่งอนาคต ที่ถูกบันทึกไว้ในปิรามิด ในรูปสัญญลักษณ์ตัวเลข วิชาดาราศาสตร์และวิชาภูมิศาสตร์ได้ชี้ให้เห็นว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อวัฏจักรของโลกในรอบนี้สิ้นสุดลง พร้อมกันนั้น วิชาเร้นลับที่กล่าวไว้ในคำทำนายทั้งหลาย ก็จะเผยโฉมออกมา ห้องต่างๆที่อยู่ในปิรามิดขุดพบหมดแล้ว เว้นเสียแต่ ห้องที่เป็นสถานที่เก็บความรู้ศาสตร์ต่างๆของแอตแลนติส เอ็ดการ์ เคซี่ เริ่ม "อ่าน" เรื่องราวเกี่ยวกับแอตแลนติสจาก "บันทึกจักรวาล" ในขณะที่เขาเข้าสู่ภวังค์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1923 และก็อ่านเรื่อยมา เป็นเวลา 23 ปีเต็ม .......อิทธิพลของชาวแอตแลนติส ที่กลับมาเกิดในยุคนี้ ส่งผลใหญ่หลวงต่ออารยธรรม ในยุคต้นๆของชาวแอตแลนติส "มนุษย์"กับ "เทพ" มีความแตกต่างกันไม่มาก เพราะมนุษย์ สมัยนั้น มีตาที่สาม สามารถพัฒนาต่อมไพนิลในสมองจนมีพลังจิตมีฤทธิ์เดชต่างๆ แต่เมื่อมนุษย์ยอมแพ้ต่อกิเลส ศีลธรรมเสื่อม โศกนาฏกรรมจึงเกิดขึ้นกับชาวแอตแลนติส 3 ครั้ง .......ครั้งแรก ราวๆ 50,700 ปีก่อนคริสต์กาล เพราะมนุษย์นำสารเคมีมาทำเป็นระเบิด ขับไล่สัตว์ร้ายจนก่อให้เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไประเบิด ทำให้แกนโลกเอียง เข้าสู่ยุคน้ำแข็ง .......ครั้งที่สอง ราวๆ 28,000 ปีก่อนคริสต์กาล เกิดน้ำท่วมใหญ่ ที่คำภีร์ไบเบิลบอกว่า เป็นยุคของโนอาห์ โดยมีสาเหตุมาจาก การใช้พลังคริสตัล เป็นพลังค้ำจุนอารยธรรมมากเกินไป จนเกิดภูเขาไประเบิดและแผ่นดินไหว .......ครั้งสุดท้าย ราวๆ 10,700 ปีก่อนคริสต์กาล แต่คราวนี้พวกผู้นำทางจิต ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในหมู่ชาวแอตแลนติส ได้มองเห็นเหตุกาล จึงได้อพยพ และนำความรู้และศาสตร์ต่างๆ มาเก็บไว้เพื่อมิให้สูญหาย วิชาเหล่านั้นในยุคของเรา รู้จักกันในชื่อของ "โยคะ" "ตันตระ" "เต๋า" และ "พราหมณ์" นั่นเอง ข้อมูลที่น่าสนใจนี้นำมาจาก คุณพ่อมดโลจิ เวปพลังจิต ซึ่งแกะนำมาจากต้นฉบับหนังสือมังกรจักรวาล เล่ม๒ เรียบเรียงโดย ดร.สุวินัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เขียนมังกรจักรวาล(ดร.สุวินัย) พูดถึงข่าวสารเกี่ยวกับความลับของปิรามิด ของชาวแอตแลนติสที่ชื่อ โธท (THOTH) ที่ถูกบันทึกไว้ใน "คัมภีร์มรกต" (The Emerald Tablets) (1939) ที่ท่านรู้มาว่า คัมภีร์มรกต เป็นภาษาแอตแลนติส และถูกนำมาแปลโดยคุรุแห่งศัมภาลาคนหนึ่ง ชื่อ ดร.มูเรียล (Muriel Doreal) ( ค.ศ. 1901 - 1963 ) ในสังกัดของ Brotherhood of the White Temple ของศัมภาลา (Shambhala) ในธิเ โดย: [0 3> ( IP )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 2 บต "คัมภีร์มรกต" นี้ ดร.โดเรียลอ้างว่า เป็นหนึ่งในความรู้ของปิรามิด ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ยกเว้นคัมภีร์ในศัมภาลานคร ใต้พิภพในธิเบต ที่ยังไม่เปิดเผยออกมาเท่านั้น
ความเป็นมาของคัมภีร์มรกต จาก ดร.มูเรียล โดเรียล "
ที่มาของคัมภีร์มรกตที่ผมแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษนี้ ช่างน่าพิศวงเหลือเกิน เพราะมันมีอายุเก่าแก่มาก ถึงสามหมื่นหกพันปี ก่อนคริสต์กาลทีเดียว ผมรับรองว่า พวกนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่มีทางยอมเชื่อในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ผู้เขียนคัมภีร์มรกตนี้ เป็นชาวแอตแลนติส ชื่อ โธท หรือเรียกอีก อย่างหนึ่งว่า เฮลมอส ภายหลังจากที่ทวีปแอตแลนติสล่มสลายจมลงใต้สมุทรแล้ว โธทได้ไปสร้างอาณานิคมแห่งหนึ่งของแอตแลนติสที่อียิปต์โบราณ โธทนี่แหละ ที่สร้างมหาปิรามิดแห่งกีซา แต่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของพระเจ้าคีออปส์ โธทได้บรรจุองค์ความรู้และภูมิปัญญาโบราณของตนซ่อนเอาไว้ใต้มหาปิรามิด พร้อมกับบันทึกของแอตแลนติสและเครื่องมือต่างๆ
" "โธทปกครองอียิปต์โบราณ เป็นเวลา 16,000 ปี ในช่วงห้าหมื่นปีถึงสามหมื่นสี่พันปีก่อนคริสตกาล เขาได้ฉายาจากผู้คนว่า เป็นเทพผู้อมตะ คัมภีร์มรกตถูกเก็บเอาไว้ในมหาปิรามิด และได้รับการดูแลโดยเหล่าศิษย์ของโธทหลังจากที่โธทจากอียิปต์ไปแล้ว ซึ่งคัมภีร์นี้มีอยู่ทั้งหมด 12 แผ่น ต่อมาในราว หนึ่งพันสามร้อยปีก่อนคริสต์กาล เกิดความวุ่นวายในอียิปต์ กลุ่มพระผู้ดูแลมหาปิรามิด ได้นำคัมภีร์มรกตไปที่อเมริกาใต้ ที่เป็นที่ตั้งของอาณานิคมของแอตแลนติสเหมือนกัน นั่นคือชาวเผ่ามายา" "ในศตวรรษที่ 10 ชาวเผ่ามายาได้อพยพไปที่อื่น คัมภีร์มรกตได้ถูกซ่อนไว้ใต้แท่นบูชาของวิหารที่บูชาพระอาทิตย์" "มหาปิรามิดแห่งกีซามิใช่ห้องเก็บศพของพระราชา แต่เป็นอารามถ่ายทอดวิชาเร้นลับต่างหาก ตัวผมได้บุกป่าฝ่าอันตรายคนเดียวเข้าไปพบคัมภีร์มรกตนี้ ที่ประเทศเม็กซิโก เมื่อปี 1925 แต่ผมไม่ได้รับอนุญาตให้นำฉบับจริงออกมา จึงได้แต่คัดลองคัมภีร์นี้กลับมาแทน" แน่นอนว่า มีแต่ ดร.โดเรียลคนเดียวเท่านั้นที่อ่านรู้เรื่อง ส่วนความน่าเชื่อถือ ผมคิดว่า ยังสู้ของ เอ็ดการ์ เคซี่ที่มีผลงาน "การอ่าน" ในอดีตพิสูจน์ยืนยันไม่ได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ทั้งสองท่าน พูดเหมือนกันว่า มหาปิรามิดถูกสร้างโดยชาวแอตแลนติสที่ชื่อ เฮลเมส" ดร.โดเรียลผู้แปลและขยายความ "คัมภีร์มรกต" ได้พูดถึงลักษณะคัมภีร์ว่า เป็นแผ่นโลหะสีมรกต 12 แผ่น ที่ไม่มีวันเป็นสนิมหรือผุกร่อน ร้อยด้วยห่วงสีทอง อักษรที่จารึกเป็นภาษาแอตแลนติสโบราณ คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 1 กล่าวถึง ความเป็นมาของชาวแอตแลนติสชื่อโธท โดยโธทเล่าเรื่องตัวเองว่า เขาต้องการบันทึกองค์ความรู้อันยิ่งใหญ่ของ แอตแลนติสไว้ให้คนรุ่นหลัง
โธทบอกว่า ทุกๆพันปี และทุกๆห้าสิบปี เขาจะทำการ "อวตาร" และชุบร่างกายให้หนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง โดยเข้าไปในอารามศักดิ์สิทธิ์และนอนใต้ "ดอกไม้แห่งชีวิต" หรือ อาบ "ไฟแห่งชีวิต" ตอนที่โธทเขียนคัมภีร์เล่มนี้ เขามีอายุ ห้าหมื่นปีแล้ว โธทบอกว่า เขาสามารถตั้งจิตให้ดวงวิญญาณของเขา ไปเกิดในร่างอื่นหรือชีวิตอื่นได้ โดยร่างเดิมของเขายังนอนหลับอยู่ เขาจึงสามารถเดินทางไปทั่วจักรวาลได้โดยเพ่งจิตไปที่หัวใจของตน เพราะที่นั่นมีความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ดำรงอยู่ โธทและผู้ติดตามนั่ง "จานบิน" ไปยังอียิปต์และใช้ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่ควบคุมโดยอำนาจจิต สามารถปล่อยแสงปล่อยพลังได้ต่างๆนานา สะกดให้ผู้คนที่นั่น ยอมรับในตัวเขาคือเทพเจ้าและเป็นบุตรของพระอาทิตย์
คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 2
โธทบอกว่า ที่ตั้งของอารามศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใช้ชุบร่างกายทุกห้าสิบปี นั้น อยู่ใต้ทวีปแอตแลนติส ณ ที่อารามนั้น เป็นศูนย์รวมของ "พลังชีวิต" ที่ค้ำจุนสรรพชีวิตบนพื้นโลก ที่เรียกว่า "ดอกไม้แห่งชีวิต" ซึ่งทำหน้าที่เดียวกับ "โซล่าเพลกซัส" (จักรสะดือ) ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งเป็นตำแหน่งเก็บพลังชีวิตของมนุษย์ โดยมีทางเข้าของพลังอยู่ที่กลางกระหม่อม (จักรมงกุฎ)
เมื่อโธทได้ฝึกฝน "พลังชีวิต" (ปราณ) จนตัวเขาบรรลุธรรมขั้นสูงสุดได้แล้ว เขาสามารถเลือกวิธีแห่งการทำงานของเขาได้อย่างเสรี จะไปอยู่ดวงดาวอื่นหรือภพอื่น หรือจักรวาลอื่นก็ย่อมได้ดังใจปรารถนา แต่ตัวเขากลับตัดสินใจอยู่ในโลกนี้ต่อ และทำงานให้โลกนี้ต่อ เพื่อเป็นผู้นำแห่งการชี้นำจิตวิญญาณของหมู่มนุษย์ ให้หลุดพ้นจากความมืดมิด และฟื้นฟู "ความเป็นเทพ" หรือ "ความเป็นพระเจ้า" กลับคืนให้แก่มวลมนุษย์
คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 3
โธทกล่าวถึงกุญแจที่จะไขไปสู่ "ปัญญา" ที่จะนำมาซึ่ง "พลัง" และพลังจะทำให้เกิดปัญญาว่าอยู่ที่ความถ่อมตัว เพราะ ผู้ที่ยะโสหลงตัวเองคือคนโง่ที่ปฏิเสธที่จะเรียนรู้
คนเราพึงปฏิ โดย: [0 3> ( IP )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 3 บัติตามคำสั่งของ "คุรุ" หรือสิ่งที่อยู่ในตัวเรา หรือ "อาตมัน" ทรัพย์สมบัติเป็นเพียงวิธีการ ไม่ใช่เป้าหมาย เมื่อความต้องการทางวัตถุได้รับการตอบสนองแล้ว ควรหันมาสนใจยกระดับจิตวิญญาณ "อาตมัน" หรือ "ใจที่แท้" ตั้งอยู่ในบริเวณกึ่งกลางของหัวใจ ที่เชื่อมโยงกับต่อมไพนีลในสมองได้ "ใจที่แท้" นี้ไม่แค่สนใจแสวงหาเรื่องความมั่งคั่งเลย มันสนใจแต่เรื่อง "ความเป็นพระเจ้า" หรือ "ความบริสุทธิ์ของจิตเท่านั้น"
"ความรัก" เป็นจุดเริ่มต้นของ "ทาง" และเป็นจุดสิ้นสุดของ "ทาง" โธทเน้นความเป็นเอกภาพของทุกๆสิ่งในจักรวาล ที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วย "ความรักอันยิ่งใหญ่" ความสงบเงียบ คือกุญแจสำคัญไปสู่ความรุดหน้า จงใช้ความสงบเงียบรักษาพลังภายในตัวเราไว้ อย่าหลงตัวเอง ว่าเรายิ่งใหญ่กว่าใครอื่น เพราะทุกคนต่างก็เป็นเพชร ต่างกันที่บางคนเป็นเพชรที่ยังไม่เจียระไนเท่านั้น ร่างกายเป็นธาตุดินที่หยาบ จิตเป็นธาตุไฟที่ละเอียด ก่อนที่จิตวิญญาณจะเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับ "พระอาทิตย์ดวงแม่" (พระอาทิตย์ในโลกทิพย์) จิตวิญญาณจะต้องละจากร่างกายที่เป็นวัตถุหยาบเสียก่อน
พลังสร้างสรรค์เกิดจากการเปิดตาที่สามหรือต่อมไพนีล คนธรรมดาตาที่สามจะเปิดอยู่เล็กน้อย ต้องฝึกฝนให้ตาที่สามเปิดกว้างเต็มที่ เพื่อรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปรมาตมันได้ มีแต่ความเพียรกับประสบการณ์เท่านั้น ที่จะทำให้จิตใจหลุดพ้นจากความมืดมิดได้ วัตถุเป็นเพียงรูปการที่แสดงออกมาของจิตเท่านั้น ขั้นสุดท้ายวัตถุกับจิตจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
สรรพสิ่งล้วนอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มนุษย์เพียงใส่ "จิต" เข้าไปในกฎของธรรมชาติเท่านั้น "ปัญญา" จะมาหาแก่ผู้แสวงหามัน สิ่งสำคัญคือ "โลกทางวัตถุคือมายาที่เกิดจากใจของผู้ที่มีอวิชชา แต่โลกวัตถุนี้ก็เป็นการสำแดงตนของพระเจ้าผู้สร้างโลกด้วยเช่นกัน (กฎของจักรวาล) ไม่ว่าจะเป็นยุคใดก็ตาม "ผู้ที่ตื่นแล้ว" จะได้รับแสงสว่าง ปัญญา และความเร้นลับเสมอ จากเนื้อความข้างต้นหากท่านได้อ่าน หัวข้อ ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ กับศาสนาตะวันออก คงพอเห็นถึงความ "เหมือน" ของสิ่งที่ศาสนาตะวันออก ได้ "สำแดง" ออกมา คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 4 โธทได้กล่าวถึงประสบการณ์ทางจิตในการท่องจักรวาล จนเขาได้พบกับ "จิตสำนึกแห่งจักรวาล" และได้เรียนรู้ว่ามนุษย์เป็นส่วนหนึงของจิตสำนึกแห่งจักรวาลนี้ ดุจความสัมพันธ์ระหว่างสมองกับเซลล์สมอง โธทได้แนะวิธีถอดกายทิพย์ออกจากกายหยาบว่า วิธีที่ดีที่สุดคือการขยาย "โซล่าเพลกซีส" (จักรสะดือ) หรือ "ดอกไม้แห่งชีวิต" ในกายคนให้ใหญ่ขึ้น จนพลังชีวิตไหลเข้ามากระตุ้นกายหยาบให้ทำงานอย่างมีชีวิตชีวา เพื่อเป็นการเตรียมให้จิตออกจากร่างได้ราบรื่น ต่อไป ทำการอดอาหารในช่วงสั้นๆ ราวๆหนึ่งวัน เพื่อตัดความรู้สึกภายนอกและไม่พูดจาใดๆ อยู่ในความสงบ เมื่อความสงบบรรลุถึงภาวะสมบูรณ์ โดยผ่านการโน้มนำแห่งจิตแล้ว ให้เพ่งจิตไปที่ต่อมไพนีล ที่เป็นที่ตั้งของจิตวิญาณ ก่อนที่จะนึกถึงสถานที่ที่กายทิพย์ต้องการจะไป โดยจะต้องทำการสั่นขึ้นที่ต่อมไพนีล จากนั้นให้จิตหมุนภายในสมอง แล้วให้จิตเคลื่อนที่ออกนอกศีรษะไปตามเส้นโค้งที่เกิดจากการหมุนข้างในนั้น (เป็นหลักการที่เหมือนกันอย่างน่าทึ่ง ของ "สมาธิหมุน" (สมาธิหมุน หรือมังกรจักรวาลภาค 1 เขียนโดย ดร.สุวินัย) กับสิ่งที่โธทกล่าว)
การสั่น (Vibration) เป็นความเร้นลับอันยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งล้วนเป็นความสั่นของคลื่นทั้งสิ้น การสั่นของคลื่น เป็นกุญแจของการสร้างจิตที่หลุดพ้น หากอยากเข้าถึงปัญญา ก็ต้องหมั่น "ภาวนา" เพราะการภาวนาเป็นการปรับการสั่นของคลื่น ให้สอดคล้องกับพระผู้เป็นเจ้า
(การสั่น = การปรับคลื่น จูนคลื่น เพื่อเข้าสู่ความถี่ความถี่หนึ่ง ที่ยังเข้าไม่ถึง และไม่สามารถมองเห็น) คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 5 โธท กล่าวถึง เหล่าที่พำนักอยู่ที่เกาะอุนาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดเกาะของดินแดนแอตแลนติส และเล่าถึงการพาชาวแอตแลนติสกลุ่มหนึ่ง รวมทั้งเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ขึ้นจานบินมาที่อียิปต์ ก่อนที่ทวีปแอตแลนตีสจะล่มสลาย หลังจากที่ทำให้ชาวอียิปต์นับถือบูชาได้แล้ว โธทก็ได้สร้าง ปิรามิด กับ สฟิงส์ ขึ้นมา คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 6 โธทถ่ายทอดเคล็ดลับการเอาชนะพลังมืดเอาไว้ หากเป็นพลังมืดจากภายนอก ให้เข้าไปอยู่ในห้องมืด และปิดวงกลมล้อมรอบตัวเองไว้ เพราะวงกลมสามารถ มีพลังป้องกันภูตร้ายได้ จากนั้นก็ท่องชื่อ คุรุทั้งเจ็ด ดังนี้ Untanas , Quertas , Chietal , Goyana , Huertal , Semveta , Ardal
แต่ถ้าเป็นพลังมืดภายในจิตใจ ให้สร้างความสั่นขึ้นภายในต่อมไพนีล ก่อนที่จะขับออกไปจากร่างกายพร้อมกับลมหายใจออก คัมภีร์มรกต แผ่นที โดย: [0 3> ( IP )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 4 ่ 7 โธทบอกว่า ชีวิตคนเต็มไปด้วยอุปสรรค มีหลุมพลางต่างๆ ที่คอยฉุดให้มนุษย์ลงสู่หนทางที่ตกต่ำ ดังนั้น ผู้แสวงหาทุกคน ควรตั้งเป้าหมายชีวิตไว้กับการเป็นหนึ่งเดียวกับจิตสำนึกแห่งจักรวาล จงเพ่งกระแสจิตและความคิด ไปข้างในตัวเอง เพื่อค้นพบ "จิตวิญญาณที่เป็นแสง" อยู่ข้างใน และเมื่อนั้น ตัวเราก็จะเป็น "คุรุ" ของตัวเรา คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 8 โธทบอกว่า ในสัญลักษณ์ต่างๆ จะมีกุญแจไปสู่ปัญญา ได้โดยที่ปัญญาก็คือความรู้เกี่ยวกับ "การประยุกต์ใช้กฎแห่งจักรวาล" นั่นเอง บางครั้งปัญญาก็แฝงอยู่ในความมืด ต้องใช้ความพยายามเสาะหาเอง ความเป็นแสง ซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันใด ปัญญาที่แท้จริง ก็มักจะซ่อนตัวอยู่ในความมืดฉันนั้น คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 9 โธทบอกให้แสวงหาความเป็นวงกลม เพราะวงกลม (จักร) เป็น สัญญลักษณ์ที่แสดงถึง ความสมบูรณ์ของการเป็นช่องทางให้พลังจักรวาล ไหลผ่านศูนย์ต่างๆในร่างกาย การใช้ภาษาก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะภาษาคือคลื่นหรือความสั่น ที่ปลดปล่อยพลังออกมา มนุษย์ นั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่วัตถุ แต่คือแสงหรือพลังงานที่เปล่งมาจากต้นตอ ที่เป็นนิรันดร์ต่างหาก แต่คนเราเห็นเป็นวัตถุไปเอง เพราะ สิ่งที่เรียกว่าวัตถุนั้น จริงๆแล้วก็คือแสงเช่นกัน แต่คนเห็นเป็นวัตถุไป (หากได้อ่าน ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ กับศาสนาตะวันออก คงพอเข้าใจถึงความสัมพันธ์ ดังกล่าว) คนเรามีปัญญาอยู่แล้ว ก็ควรที่จะแสวงหาปัญญาเพิ่มอยู่เสมอ มนุษย์สามารถทำตัวเองให้เป็นได้ทั้งเทพและมาร และโธทได้ให้มนตร์ในการปลุกพลังภายในตัวเอง คือ "Zin Uru" คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 10 โธทบอกว่า จิตวิญญาณที่สามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับจักรวาลได้แล้ว จะเป็นเหมือน "พระอาทิตย์ในหมู่แสง" สิ่งที่ชี้นำชะตาชีวิตของคนเรานั้น ก็คืออาตมันของผู้นั้น ซึ่งเป็นเสียงแห่งความสงบเงียบของจักรวาล ร่างกายคนเราเกิดมาจากขั้วสองขั้ว หากขั้วใดขั้วหนึ่งเสียสมดุล จะทำให้เกิดโรคภัย แต่ถ้าร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลโดยสมบูรณ์ ระหว่างสองขั้วนี้ คนผู้นั้นจะปลอดโรคและไม่ตาย สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ร่ายกายเสียสมดุล เกิดจากการเสียสมดุลของใจแทบทั้งสิ้น ทำให้ต่อมไร้ท่อบกพร่อง ถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศเหนือ(ขั้วบวก) ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงศีรษะ ถ้านอนเอาศีรษะหันไปทางทิศใต้(ขั้วลบ) ให้วางจิตอยู่ระหว่างช่วงหน้าอกถึงปลายเท้า หากฝึกเช่นนี้ได้ จะช่วยให้เกิดสมดุลภายในร่างกาย เมื่อถึงเวลาใกล้ตาย แล้วต้องรักษาความทรงจำในชาตินี้ ให้ไประลึกได้ในชาติหน้า โธทบอกให้ทำดังนี้ จงผ่อนคลายร่างกายอย่าให้เกิดความตึงเครียดใดๆ เป็นอันดับแรก ต่อจากนั้น เอาจิตสำนึกของตน ไปตั้งไว้ที่หัวใจ ก่อนที่จะโน้มนำอย่างรวดเร็ว ไปที่ต่อมไพนีล(บริเวณกึ่งกลางของสมอง) ตั้งใจไว้ที่ต่อมไพนีลชั่วครู่ แล้วค่อยเคลื่อนจิตไปที่ต่อมพิตทูอิทารี บริเวณกึ่งกลางหัวคิ้ว ซึ่งเป็นที่ควบคุมความทรงจำของชีวิต กำหนดจิตไว้ที่จุดนี้ จนกระทั่งความตายมาพาตัวเราไป คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 11 โธทบอกว่า วิถีของจิตวิญญาณ มีอยู่ 3 ด้วยกันคือ พัฒนาจากมนุษย์ที่เป็นสัตว์โลก ไปเป็นจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ก่อน แล้วค่อยพัฒนาเป็น "แสงสว่าง" หรือเทพเจ้า และอุปสรรค ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ ขาดความเพียรพยายามในการแสวงหาธรรม ไม่เอาใจใส่ในพระผู้เป็นเจ้า และหมกมุ่นอยู่กับความชั่วช้า พลังในการสร้างสรรค์สรรพสิ่ง ก็มีอยู่ 3 อย่างคือ การมีความรักอันศักดิ์สิทธิ์ การมีปัญญาในการใช้วิธีการทั้งปวง และการมีความมุ่งมั่น ที่จะผนึกความรักอันศักดิ์สิทธิ์ กับปัญญาอันศักดิ์สิทธ์เข้าด้วยกันการพิชิตพลังแห่งความมืด ไม่ใช่การต่อสู้กับความมืด แต่คือการเปล่งแสงแห่งอาตมัน หรือความเป็นพระเจ้าในตัวเราให้เจิดจ้าออกมาต่างหาก คำสอนเหล่านี้ อย่านำไปสอนต่อผู้มีใจไม่สะอาด และผู้มีใจอ่อนแอเลย มันจะเป็นความสูญเปล่าโดยแท้ คัมภีร์มรกต แผ่นที่ 12 โธทบอกว่า บทนี้เป็นสุดยอดแห่งความลับทั้งปวง เพราะเขาจะถ่ายทอดพลัง เพื่อการเป็น "เทพมนุษย์" ให้แก่ผู้เป็นศิษย์เขา การเป็น "เทพมนุษย์" คือการสำแดงออกซึ่งความเป็นแสงสว่าง ของพระเจ้าที่อยู่ในตัวมนุษย์นั่นเอง อันที่จริง "ความมืด" กับ "ความสว่าง" เป็นสิ่งต่างกันแค่ภายนอกเท่านั้น แท้ที่จริงแล้ว มันเป็นสองด้านของสิ่งที่เป็นธาตุแท้เดียวกัน ที่มาจากต้นตอเดียวกัน ความมืดคือความไร้ระเบียบ ความสว่างเป็นความมีระเบียบ หากเกิดการเปลี่ยนแปลง ความมืดย่อมกลายเป็นความสว่างได้ และนั้นคือเป้าหมายของชีวิตคนเรา การที่จะรู้ความเร้นลับเกี่ยบกับธาตุแท้ของมนุษย์ ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ร่างกายคนเราประกอบด้วยกายหยาบ กายทิพย์ และกายละเอียดที่สุด(mental body) ในร่างกายมีช่องทางต่างๆ ให้ปราณไหลผ่าน เพื่อค้ำจุนชีวิตเอาไว้ การไหลเวียนของปราณ อยู่ภา โดย: [0 3> ( IP )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 5 ยใต้การควบคุมของจิต มนุษย์ขณะที่อยู่บนโลกนี้ เขาจะถูกผูกมัดจองจำให้เป็น "ทาส" ของเวลาและสถานที่ การจะปลดปล่อยตัวเองให้ "หลุดพ้น" จากการถูกจองจำนี้ เคล็ดลับอยู่ภายในตัวเขาผู้นั้น คนเราจะค้นพบเสรีภาพที่แท้จริงจากภายในตัวเราเองเท่านั้น ในตอนที่ผู้ฝึกต้องการหลุดลอยออกจากกายหยาบ ไปยังที่ไกลๆสุดขอบฟ้า ขอให้เขาบริกรรมมนตร์ "Dor-E-Ul-La" เอาไว้ในใจ ก่อนอื่นต้องทำใจให้สงบนิ่ง ผ่อนคลายร่างกายตั้งจิตมุ่งมั่น ที่จะปลดปล่อยตนเองออกจากกายหยาบ หากต้องการพาดวงจิตขิงตนไปที่ใด ก็ขอให้นึกถึงเสรีภาพแห่งดวงจิต พร้อมบริกรรมมนต์ต่อไปนี้ "la Um-I-L-Gan" (ลาอุมอีลูกาน) หากต้องการจะถอดจิต ไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ของแอตแลนติส ก็ให้บริกรรมมนตร์ต่อไปนี้ โดยไม่ออกเสียง 1. Me-Kut-El-Shab-El 2. Hale-zur-Ben-El-Zabrut 3. Zin-Efrim-Quar-El และหากต้องการถอดจิตไป "ศัมภาลา" ก็ขอให้บริกรรมมนต์ต่อไปนี้ เพื่อเปิดทวารเข้าสู่ศัมภาลา "Edom-El-Ahim-Sabbe-Rt-zur-Adom" หลังชาวแอตแลนติสผู้ไม่สนใจแม้ทรัพย์สินเพชรนิลจินดา แต่เป็นนักค้นหาทางจิตวิญญาณ ได้กลายไปเป็นผู้หลงวัตถุเละเอาแต่ต้องการความยิ่งใหญ่ ติดอยู่แต่ในวัตถุความสนุกสนานและกิเลสตัณหา เทพเจ้าจึงลงโทษโดยถูกมหันตภัยจากน้ำท่วมจมอยู่ใต้บาดาล
โดย: โจ [27 ต.ค. 51 20:36> ( IP A:61.91.160.162 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 6 https://www.dhammachak.net/board/viewtopic.php?t=108&sid=3dda54e5d4171e2253af5fc1b7af45bb
โดย: โจ [27 ต.ค. 51 20:37> ( IP A:61.91.160.162 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 7 แหะๆ แบ่งๆ กันอ่าน...ชอบมั่ก ๆปหาซื้อหนังสือไม่ได้ เดี๋ยวหาในเวบก่อนว่าจะซื้อที่ไหน
โดย: โจ [27 ต.ค. 51 20:40> ( IP A:61.91.160.162 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 8 https://www.crystalinks.com/atlantistheories.html
โดย: โจ [27 ต.ค. 51 20:48> ( IP A:61.91.160.162 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 9 https://www.crystalinks.com/ancientaircraft.html
โดย: โจ [27 ต.ค. 51 20:56> ( IP A:61.91.160.162 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 10 ไปนอนดีก่า...ง่วงแย๊ว..ไว้อ่านเพลินๆ เพราะเห็นว่ามีเกี่ยวกับธรรมะด้วย เลยเอามาให้อ่านแหะๆ คุณสาลบได้นะคะ ถ้าเบื่อแล้ว โดย: โจ [27 ต.ค. 51 21:01> ( IP A:61.91.160.162 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 11 หน้าสนใจ โจ โดนสาปให้จมอยู่ใต้น้ำ ดีๆๆ ชอบๆๆ หาอ่านได้แล้วมาเล่าให้เพื่อนฟังบ้างน่ะ อิอิ โดย: ฟร้อน [27 ต.ค. 51 21:19> ( IP A:118.100.199.68 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 12 แล้วยังงี้การที่จะได้แผ่นคัมภีร์มรกต ทั้ง 12 แผ่นมาอยู่รวมกันนี้ก็ยากล่ะซิ เพราะแต่ละแผ่นอยู่คนล่ะที่เลยแต่อยู่ในแอตแลนติส ทั้งหมด ก็ยังดีที่มันอยู่ในกลุ่มเดียวกันไม่งั้นหากันเหงือกแห้ง
แล้วโจจะไปที่ไหนดีล่ะ หากต้องการถอดจิตไป "ศัมภาลา" เดี๋ยวเจอกันวันหลัง แต่ถ้าจะต้องการหลุดลอยออกจากกายหยาบ ไปยังที่ไกลๆสุดขอบฟ้า งั้นคืนนี้เราไปรอก่อนเลยแล้วกันน่ะ ไปนอนหลับฝันดีไง อิอิอิ โดย: ฟร้อน [27 ต.ค. 51 21:50> ( IP A:118.100.199.68 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 13 คุณโจจ๋า น่าอ่านนะ ให้เราอ่านเรื่องตายแล้วไปไหนจบก่อนนะ จะมาอ่านเรื่องนี้ต่อจ๊ะ แท้งยูจ๊ะ โดย: ชมพู่ [28 ต.ค. 51 3:55> ( IP A:213.114.231.194 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องมันมี่ปิระมิดอียิปต์ เจ้าตุ้ยชอบอ่านมากๆเลยเจ๊า ขนาดสั่งหนังสือมาอ่านเลย เเละก็มีหลานๆๆเรื่องที่อ่านเเล้วว่างไม่ลง ต้องอ่านให้จบก่อนเเค่อ่านที่เขาทํามันมี่ น่ากลัวจังเลยเเต่เจ้าตุ้ยว่าคนสมัยก่อนเขาฉลาดมากๆนะเจ๊า ไว้เจ้าตุ้ยจะเอาหนังสือ มาให้ดูนะเจ๊า เเละขอบพระคุณหลายๆๆๆเจ๊าคุณโจคนสวย
สวัสดีเพื่อนๆๆทุกๆๆคนด้วยนะเจ๊า โดย: เจ้าตุ้ย [28 ต.ค. 51 10:18> ( IP A:72.178.81.79 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 15 ...สวัสดีทุกท่านครับ แวะข้ามาทักทายครับ "พระเจ้าไรปกครองอียิปต์เป็นเวลา 199 ปี" ข้อนี้อมพระมาพูดผมก็ไม่เชื่อครับ เพราะรวมความแล้วพระเจ้าไรต้องมีอายุเกิน 200 ปี โดย: จินจง [28 ต.ค. 51 13:12> ( IP A:125.24.98.174 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 16 คุณโจ...เมื่อไม่นานมานี่เคยดูสารคดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันน่ะค่ะ เค้าเอาเค้าโครงร่างตอนอยู่ใต้ทะเล เอาวีดีโอตอนกำลังตัดหัวของAbu Simbel แล้วการเคลื่อนย้ายมาให้ดู โอโหน่ะ อลังการมาก
โดย: นก [28 ต.ค. 51 23:07> ( IP A:82.101.219.44 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 17 ยกจากที่ตัดเอาไว้เพื่อจะมาติดบนรูปที่เห็นข้างบน
โดย: นก [28 ต.ค. 51 23:08> ( IP A:82.101.219.44 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 18 วิธีสวนและวิธีให้มันยึดเกาะกัน
โดย: นก [28 ต.ค. 51 23:09> ( IP A:82.101.219.44 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 19 dขอกอดคุณนกแรงๆ สักที กำลังหารูปพวกนี้อยู่พอดี มีเยอะก่านี้อ๊ะเปล่า เอามาให้ดูอีกได้ไหมคะ โจมีแต่ในหนังสือต่วยตูนอ่ะ..พลีสสสสสสสสสส...คุณจิณจง งี้ถ้าอมโบสถ์มาพูดจาเชื่ออ๊ะเปล่าเนี่ย... โดย: โจ [29 ต.ค. 51 10:52> ( IP A:58.10.6.117 X: )
-------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 20 คุณโจจ๋า อ่านเรื่องตายแล้วไปไหนแล้วชักหวาดๆตอนกลางคืน เหมือนกับอ่านเรื่องของท. เลียงพิบูลย์ เลยแหละ กระทู้นี้ต้องค่อยๆอ่านเพื่อทำความเข้าใจ เวลานี้ที่ดัลลัสกำลังมี Tutankhamun and the Golden Age of the Pharaohs มาโชว์อยู่พอดี และเมื่อไม่นานมานี้ก็ไปดูหนัง Imax เรื่อง Mummy ด้วยค่ะ สนใจเรื่องนี้อยู่่เหมือนกัน โดย: TX87 [30 ต.ค. 51 4:31> ( IP A:67.135.243.253 X: )
--------------------------------------------------------------------------------
ดำ ขาว น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง ส้ม น้ำตาล ม่วง ฟ้า เขียวมะนาว รายละเอียด : ชื่อ / e-mail : แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ รูปประกอบ : .jpg .bmp .gif < 100K จัดตำแหน่งรูป : ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K | โดย: เจ้าบ้าน [22 ส.ค. 52 20:40] ( IP A:81.227.34.24 X: ) |  |
 |
|
|