ทหารปราบมอบเสื้อแดง...13 เมย.2552
   ทหารลุย! ฮือเผาทั่วกรุงเจ็บ94

แม้วแฉซีเอ็นเอ็น มีตาย-อุ้มศพหนี "มาร์ค"โต้ทันควัน ทบ.แจงรัวเอ็ม16 ใช้ "กระสุนซ้อม" ม็อบชนม็อบดับ2




สลายแดง - เหตุการณ์ทหารถือปืนเอ็ม-16 เข้าสลายม็อบเสื้อแดงทั่วกรุงเพื่อชิงพื้นที่ผิวการจราจรคืน ทำให้ผู้ชุมนุมตอบโต้ด้วยการจุดไฟเผารถเมล์ ส่วนภาพซ้าย เป็นนาทีม็อบใช้ก้อนอิฐทับคันเร่งรถเมล์พุ่งใส่กลุ่มทหาร แต่ไปอัดเสาไฟฟ้าจนพังโค่น


ทหารนับร้อยลุยรัวเอ็ม-16 สลายม็อบเสื้อแดงที่ปิดถนนบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงช่วงเช้ามืด ก่อนจะมีเหตุปะทะต่อเนื่องทั้งวัน ม็อบคั่งแค้นถูกปราบใช้รถเมล์พุ่งชนแนวทหาร แต่โชคดีชนต้นไม้-เสาไฟก่อน นอกจากนี้ยังใช้รถแก๊สเปิดวาล์วไว้เตรียมเผา แต่สุดท้ายสามารถเคลียร์ออกมาได้ เผยยอดผู้ได้รับบาดเจ็บ 94 คน โคม่า 1 "ทักษิณ"ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นระบุยิ่งปราบยิ่งรุนแรง แฉมีตายด้วย แต่รัฐบาลอุ้มศพขึ้นรถหนี ส่วน"มาร์ค"ก็ใช้เวทีเดียวกันตอบโต้ ยันไม่มีตาย รัฐบาลนี้มาตามวิถีประชาธิปไตย

ระทึกทหารสลายม็อบที่ดินแดง

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 13 เม.ย. ทหารได้เข้าสลายการชุมนุมม็อบคนเสื้อแดงที่บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง โดยทหารหลายร้อยนายพร้อมโล่หน้ากากกันแก๊ส เข้าสลายโดยการยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ โดยกลุ่มคนเสื้อแดงได้จุดไฟเผาล้อยางรถยนต์เพื่อเป็นแนวต้านทหาร และมีอาวุธไม้ เหล็กไว้ป้องกันตัว แต่ไม่สามารถต่อต้านได้ ทหารใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าข่มขู่กดดัน แต่มีบางนายได้ยิงปืนในแนวราบ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงต้องพากันกระเจิงกลับไปรวมตัวกันที่หน้าทำเนียบ ซึ่งทหารสามารถเข้าไปควบคุมพื้นที่ดังกล่าวไว้ได้ทั้งหมด จากการเข้าสลายการชุมนุมทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนหลายราย ทั้งฝ่ายทหารและคนเสื้อแดง บางรายได้รับบาดเจ็บจากอาวุธปืน แต่ยังระบุไม่ได้ว่ามาจากฝ่ายใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเจ้าหน้าที่ทหารยิงปืนและแก๊สน้ำตาเพื่อหวังสลายกลุ่มเสื้อแดงที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ด้านหน้าสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทหารได้เสริมกำลังเข้าไปในพื้นที่ ขณะเดียวกันมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะ กลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือพากันวิ่งหลบหนี ถอยร่นไปถึงแยกดินแดง บางส่วนวิ่งมุ่งหน้าไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าหน้าที่ทหารสามารถยึดพื้นที่กลับคืนมาได้ แต่ยังมีการตอบโต้จากกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้บาดเจ็บจากการปะทะกันคาดว่ามีจำนวนมาก ถูกลำเลียงออกจากพื้นที่ด้วยรถพยาบาลกว่า 10 คัน ล่าสุดเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

นปช.ตอบโต้ใช้รถแก๊สขวาง

ต่อมาเมื่อเวลา 06.30 น. กลุ่มเสื้อแดงจำนวนมากปักหลักอยู่บริเวณเชิงสะพานลอยขึ้นพระราม 9 โดยนำรถบรรทุกแก๊สขนาดใหญ่มาจอดบริเวณริมถนนข้างแฟลตดินแดง พร้อมเปิดวาล์วแก๊สทิ้งไว้ มีแก๊สพวยพุ่งออกมาจำนวนมาก กลุ่มเสื้อแดงตะโกนให้เจ้าหน้าที่ทหารอย่าเข้ามาใกล้ หากเข้ามาจะจุดไฟ เพื่อระเบิดรถแก๊สซึ่งอยู่ห่างจากตัวแฟลตประมาณ 5 เมตร หากจุดไฟจะทำให้แฟลตที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งมีประมาณ 3 ตึกอาจได้รับความเสียหาย ระหว่างนี้ทางกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารได้ปักหลักอยู่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดงหลายกองร้อย พร้อมอาวุธโล่ กระบองและปืนเอ็ม-16 ตั้งจุดสกัดอยู่ห่างจากกลุ่มผู้ชุมนุมประมาณ 700 เมตร ไม่กล้าที่จะเข้าไปดำเนินการใดๆ ได้แต่รอสังเกตการณ์เท่านั้น พร้อมกับเตรียมรถดับเพลิงทั้งกทม. และทหารกองทัพประมาณ 5-6 คัน พร้อมระงับเหตุการณ์ทันที

สถานการณ์ช่วงเวลา 10.00 น. ยังตรึงเครียด กลุ่มเสื้อแดงยังไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ทหารที่สั่งการให้ล่าถอยออกไป พร้อมกับให้ปิดวาล์วแก๊ส ซึ่งยังมีแก๊สพุ่งออกมาเป็นระยะๆ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในแฟลตจำนวนหลายร้อยคนได้ออกมาด่าทอเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้อาวุธปืนเอ็ม-16 ยิงใส่ประชาชนเสื้อแดงที่ไม่มีอาวุธ พร้อมกับขว้างปาสิ่งของประเภทขวดน้ำและขวดแก้วใส่ทหารที่ถืออาวุธครบมือเป็นระยะๆ

สั่งระดมทหารตรึงทั่วกรุง

นอกจากนี้ บริเวณตามจุดต่างๆ ทางกลุ่มเสื้อแดงได้เผายางรถยนต์อยู่เป็นจุดๆ และเป็นระยะๆ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นมา ได้แก่ บริเวณหน้ากระทรวงแรงงาน บริเวณเชิงสะพานข้ามแยกเพื่อมุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยกลุ่มเสื้อแดงเดินทางมาสมทบกันเป็นจำนวนมากหลายร้อยคน ทำให้ทหารที่รอดูสังเกตยังไม่กล้าดำเนินการอะไร ได้แต่ยืนมอง โดยบริเวณดังกล่าวทหารได้ปิดถนนทุกด้านหลังจากที่กลุ่มเสื้อแดงได้จุดไฟเผายางรถยนต์และเปิดวาล์วแก๊ส โดยประกาศห้ามยานพาหนะทุกชนิดผ่านมายังบริเวณดังกล่าวเพราะถือเป็นจุดอันตราย ตั้งแต่บริเวณเส้นทางวิภาวดีฯ ถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ และเส้นทางถนนวิภาวดีฯ ที่จะมุ่งไปยังถนนพระราม 9 และบริเวณอุโมงค์ใต้ดินแดงถูกปิดตายจนถึง 11.00 น.

ผู้สื่อข่าวยังได้รายงานต่อว่า บริเวณถนนทุกจุดทั่วกรุงเทพฯ ได้มีการตรึงกำลังทหารมาประจำการตามจุดต่างๆ แทนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อควบคุมสถานการณ์

ปชป.ผวา-สั่งอพยพเจ้าหน้าที่

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำ สำนักนายกฯ กล่าวถึงแผนการรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงว่า ได้สั่งอพยพเจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ออกจากพื้นที่หมดแล้ว เนื่อง จากมีข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมจะเดินทางไปกดดันที่พรรค ตนเป็นห่วงสถานการณ์บริเวณสามเหลี่ยนดินแดง เนื่องจากผู้ชุมนุมยึดรถแก๊ส 2 คัน แล้วนำมาจอดไว้ข้างแฟลตการเคหะแห่งชาติ เกรงจะเกิดผลกระทบกับประชาชนในบริเวณนั้น การกระทำดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างร้ายแรง ขณะนี้ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมแยกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย มีการแบ่งกำลังเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต้องควบคุมสถานการณ์ เชื่อกำลังทหารเพียงพอต่อการดำเนินการ พร้อมเพิ่มเติมได้อยู่ตลอดเวลา

นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงการตัดสัญญาณการถ่ายทอดดีสเตชั่น ว่า รัฐบาลกำลังดำเนินการ แต่ติดอยู่บางประเด็นโดยเฉพาะเมื่อประสานไปที่สถานีไทยคมที่อยู่นอกพื้นที่ประกาศพ.ร.ก. แจ้งมาไม่สามารถตัดสัญญาณได้ เนื่องจากมีกลุ่มเสื้อแดงไปเฝ้าอยู่ที่สถานี ซึ่งขณะนี้มีความพยายามเจรจาเอาเจ้าหน้าที่ไปดำเนินการที่นั่น เชื่อว่าจะดำเนินการตัดสัญญาณต่อไปได้ ส่วนวิทยุชุมชนนั้นพยายามนำไปสู่ความรุนแรง ปลุกปั่นตลอดเวลา รัฐบาลจะเร่งดำเนินการตรวจสอบและป้องกันอย่างเร่งด่วน

สธ.แถลงบาดเจ็บ 66 ราย

ด้านน.พ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ผลักดันผู้ชุมนุมเพื่อเปิดเส้นทางจราจรบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเช้ามืดวันเดียวกันนี้ว่า ได้รับรายงานล่าสุดเมื่อเวลา 09.00 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 66 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต สาเหตุส่วนมากมาจากได้ถูกแก๊สน้ำตา และมีบางรายบาดเจ็บจากได้บาดแผลคาดว่าจากสะเก็ดวัตถุบางอย่าง และของมีคมนำส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 แห่ง ยังนอนรักษาตัว 11 ราย ดังนี้

1.โรงพยาบาลราชวิถี 8 ราย เป็นชาย 7 ราย หญิง 1 ราย จำนวนนี้นอนรักษาตัว 4 ราย อาการสาหัส 1 ราย กำลังอยู่ระหว่างผ่าตัด 2.โรงพยาบาลรามาธิบดี 24 ราย เป็นชาย 22 ราย หญิง 2 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสรับไว้รักษาในโรงพยาบาล 2 ราย มีบาดแผลที่ข้อเข่า 1 ราย บาดแผลที่คอ แขนและขา สาเหตุถูกสะเก็ดระเบิด 1 ราย ที่เหลืออีก 22 ราย มีบาดแผลเล็กน้อยตามแขนขา 8 ราย ระคายเคืองตาและผิวหนังจากแก๊สน้ำตา 14 ราย 3.โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มีผู้ป่วย 2 ราย นอนรักษาตัวอยู่ 1 ราย 4.โรงพยาบาลทหารผ่านศึก 32 ราย แพทย์กำลังผ่าตัดผู้ที่ถูกยิงซึ่งมีจำนวน 4 ราย นอกจากนั้นกลับบ้านได้

น.พ.ปราชญ์ กล่าวด้วยว่า ขอความร่วมมือผู้ชุมนุมหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่ตั้งโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยอย่านำสิ่งกีดขวางทางเข้า-ออก โรงพยาบาลทั้ง 12 แห่ง ในกทม. ที่อยู่ใกล้พื้นที่ชุมนุม เช่น สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลทหารผ่าน ศึก โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี ขณะนี้สั่งการให้โรงพยาบาลทั่วกรุงเทพฯ และ 75 จังหวัด เตรียมรับมือจากการชุมนุมและอุบัติเหตุสงกรานต์ มั่นใจว่าเตียงและรถพยาบาลมีจำนวนเพียงพอรวมทั้งเลือดสำรองด้วย

ยิงเอ็ม-79 ถล่มศาลรธน.

เมื่อเวลา 01.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ต.วีรวัฒน์ สว่างรุ่งโรจน์ชัย ร้อยเวร สน.พระราชวัง รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม-79 เข้าใส่อาคารศาลรัฐธรรมนูญ ถ.จักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.ตปพ.บช.น. และพฐ. เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ตรวจสอบพบว่าที่บริเวณหน้าต่างไม้ชั้น 2 ของตัวอาคารศาลรัฐธรรมนูญ ถูกยิงเสียหาย บานหน้าต่างเป็นรูกว้าง มีรอยเขม่าติดอยู่รอบๆ หน้าต่าง บนพื้นใต้หน้าต่างเจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนระเบิดตกอยู่ ที่ริมรั้วด้านในตัวอาคารห่างจากจุดระเบิดไปประมาณ 30 เมตร เจ้าหน้าที่พบระเบิดเอ็ม 79 ตกอยู่ 2 ลูก เป็นระเบิดด้านไม่ทำงานหลังจากที่ถูกยิงออกไปแล้ว ตกอยู่ใกล้ๆ กัน เจ้าหน้าที่นำเอาล้อยางรถยนต์ไปครอบไว้

ด.ต.นิกร ขุนหอม ผบ.หมู่สน.จักรวรรดิ ให้การว่าตนกับเจ้าหน้าที่จราจรของสน. จักรวรรดิ ได้มารักษาการที่ศาลรัฐธรรมนูญ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นและเห็นเจ้าหน้าที่ภายในได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่เห็นผู้ใดที่ด้านหน้า แต่ก่อนหน้านั้นเห็นรถยนต์ไม่ทราบทะเบียนวิ่งผ่านไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากเหตุยิงระเบิดเข้าไปในศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ส.อ.วันชัย วัฒนพงษ์ศิริ สห.จากร.11รอ. ซึ่งเป็นรปภ.ดูแลในอาคารศาลรัฐธรรมนูญได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา ถูกส่ง ตัวไปรักษาที่ร.พ.กลาง

อ้างตั้งกอฉ.เพราะม็อบปิดถนน

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงคำสั่งสำนักนายกฯ เรื่อง การจัดตั้งกอฉ.ว่า คำสั่งดังกล่าวต้องการหยุดยั้งการปิดเส้นทางการจราจรของกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเริ่มการปฏิบัติตั้งแต่เมื่อเวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้เปิดเส้นทางการจราจรบริเวณสามเหลี่ยนดินแดง ตามคำสั่งของ กอฉ. แต่กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน ใช้แก๊สน้ำตาและขับรถชนเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ทหารจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อหยุดยั้งจนสถานการณ์ได้ยุติ เจ้าหน้าที่ทหารสามารถเปิดเส้นทางบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงได้ในที่สุด ทั้งนี้เป็นความพยายามทำตามกรอบกฎหมายเพื่อควบคุมสถานการณ์ การ บังคับใช้กฎหมายทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ถึงแม้จะมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งแต่ก็ได้รับการเยียวยาเรียบร้อยแล้ว

นายปณิธาน ยังกล่าวว่า ส่วนแนวทางแก้ปัญหารัฐบาลต่อผู้ชุมนุม รัฐบาลจะทำทุกวิธีทางที่นำเอาประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติ ใช้หลักเหตุผลความเหมาะสมตรวจสอบได้ ให้สถานการณ์ที่ร้ายแรงยุติโดยเร็ว มีการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ชุมนุม รัฐบาลขอความร่วมมือ ให้ไว้ใจและเข้าใจรัฐบาล พร้อมแจ้งเบาะแสสิ่งไม่ชอบมาพากล สถานการณ์ขณะนี้ในหลายจุดเริ่มควบคุมได้

ด้านพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงถึงขั้นตอนของปฏิบัติการในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุมว่า การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุมให้เปิดเส้นทางจราจรบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เวลาประมาณ 04.15 น. แต่ข้อเรียกร้องของเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการปฏิบัติตาม พร้อมกันนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ใช้แก๊สน้ำตา ระเบิดเพลิงและอาวุธปืนยิงลงมาจากทางด่วน นอก จากนั้นยังใช้รถแท็กซี่ขับพุ่งเข้าชนกลุ่มเจ้าหน้าที่ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง

โชว์ปลอกกระสุนปืนจริง

ภายหลังเกิดเหตุระเบิดที่ศาลรัฐธรรมนูญ และทหารเข้าสลายกลุ่มเสื้อแดงที่บริเวณสาม เหลี่ยมดินแดง การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงที่รอบทำเนียบรัฐบาลเริ่มมีการเคลื่อนไหวอีกครั้ง เมื่อเวลา 04.30 น. บนเวทีประกาศปลุกผู้ชุมนุมที่มีอยู่ประมาณ 5,000 คน ให้เตรียมความพร้อม เนื่องจากมีการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมที่ดินแดง มีการระบุว่า ทหารใช้กระสุนจริงยิงเข้าใส่ผู้ชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต

จากนั้นบรรดาแกนนำ ประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผลัดกันขึ้นเวทีปลุกเร้าให้ทุกคนเตรียมความพร้อม รวมถึงขอให้ผู้ที่อยู่ทางบ้านมาเข้าร่วมชุมนุมให้มากที่สุด เพื่อป้องกันทหารใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม และเรียกระดมกำลังการ์ดอาสาเข้าเสริมกำลังทุกจุด เช่น สะพานมัฆวานรังสรรค์ สะพานอรทัย ลานพระบรมรูปทรงม้า วัดเบญจมบพิตร เป็นต้น พร้อมระบุว่าหากมีการเคลื่อนกำลังทหารเข้ามาสลายการชุมนุม จุดใดที่ต้านไม่ไหวให้ถอยกลับเข้ารวมกำลังกันที่ทำเนียบ นอกจากนี้ นายณัฐวุฒิยังนำปลอกกระสุนปืนจำนวนหนึ่งมาแสดงให้ผู้ชุมนุมดูระบุว่าเป็นปลอกกระสุนปืนที่ทหารใช้ยิงผู้ชุมนุมที่สามเหลี่ยมดินแดง

ม็อบสุดทนตะโกนด่าทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประกาศบนเวที เรื่องการสลายผู้ชุมนุมที่ดินแดง ทำผู้ชุมนุมที่ทราบข่าวโกรธแค้น ตะโกนด่าทอการกระทำของทหารในครั้งนี้ การ์ดอาสาพากันถือไม้และท่อเหล็กเดินไปเดินมา ผู้ชุมนุมบางส่วนเดินไปตะโกนด่าทหารที่รักษาการณ์อยู่ภายในทำเนียบและกองทัพบก นอกจากนั้นยังมีตำรวจชั้นประทวนนายหนึ่งแต่งกายเต็มยศ ขี่รถจักรยานยนต์ตะโกนให้ของลับทหารที่หน้ากองทัพบก ส่วนพื้นที่โดยรอบที่ห่างออกไปมีตำรวจจับกลุ่มพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุตรงกันว่าไม่น่าใช้กำลังเข้าทำร้ายประชาชนเพราะเกรงว่าบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ

บนเวทีได้นำผู้ชุมนุมบางส่วนที่อยู่ใน เหตุการณ์สลายการชุมนุมที่บริเวณสาม เหลี่ยมดินแดง ขึ้นมาเล่าเหตุการณ์ ทั้งหมดยังอยู่ในอารมณ์ที่โกรธแค้นต่างใช้ถ้อยคำที่หยาบคายรุนแรงด่าทอการกระทำของทหารในครั้งนี้ ส่วนด้านหลังเวทีมีการระดมกำลังผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกนางเลิ้ง เพื่อเตรียมเคลื่อนกำลังไปปิดล้อมที่คิงเพาเวอร์ ซ.รางน้ำ

จับมือป่วนวางเพลิงหอศิลป

เวลา 07.30 น. กำลังทหารที่ประจำการอยู่ภายในทำเนียบ รับคำสั่งให้เตรียมความพร้อม ทหารบางส่วนติดปลอกแขนทหารพยาบาล ขณะเดียวกันที่ด้านหลังเวทีใหญ่สะพานมัฆวานฯ การ์ดเสื้อแดงควบคุมตัวชายไทยไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อน้ำเงิน ในสภาพถูกทำร้ายร่างกายเบ้าตาขวาปูด เปลือกตาปิดสนิท ระบุว่า พบชายคนดังกล่าวพยายามก่อเหตุวางเพลิงหอศิลปสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อเข้าไปสอบ ถามกลับล้วงมีดในกระเป๋าสะพายจะทำร้ายร่างกาย จึงต้องช่วยกันควบคุมตัวนำส่งแกน นำสอบสวน เบื้องต้นชายคนดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้ก่อเหตุวางเพลิง แต่เป็นคนเก็บของเก่า จึงควบคุมตัวส่งตำรวจเพื่อสอบสวนหาสาเหตุที่เท็จจริง

เวลา 08.00 น. บนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบ มีการนำหนังสือพิมพ์มาอ่านข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมให้ผู้ชุมนุมฟัง โจมตีการนำเสนอข่าวกรณีกลุ่มเสื้อแดงบุกรุกกระทรวงมหาดไทย โดยระบุว่า ที่กลุ่มเสื้อแดงเข้าไปเพื่อทวงถามว่านายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำที่ถูกจับ และนายจตุพร อยู่ที่ไหน แต่บังเอิญเห็นนายกฯ จึงเข้าไปสอบถามเท่านั้น ขอให้ผู้สื่อข่าวเสนอข่าวให้เป็นกลาง การปราศรัยดังกล่าวทำให้ผู้ชุมนุมพากันตะโกนไล่ผู้สื่อข่าวทั้งหมดที่อยู่ด้านหลังเวที จนผู้สื่อข่าวแตกกระเจิงไปคนละทาง ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า พระราชวังดุสิต ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมไล่ทำ ร้ายและพยายามแย่งกล้องถ่ายภาพจนต้องหนีเข้าไปอยู่ภายในอาคารรัฐสภา ส่วนผู้สื่อข่าว ที่อยู่ภายในทำเนียบไม่สามารถออกนอกพื้นที่ได้

โวยสื่อเสนอข่าวไม่เป็นกลาง

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่เวทีบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงประกาศบนเวทีเพื่อระดมคนไปยังแยกดินแดงและบริเวณด่านสกัดตรวจของคนเสื้อแดงจุดต่างๆ โดยรอบทำเนียบ อาทิ แยกกระทรวงการต่างประเทศ แยกมิสกวัน นอกจากนี้บริเวณแยกต่างๆ โดยรอบทำเนียบกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงนำน้ำมันมากรอกใส่ขวดเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อทำเป็นระเบิดขวดจำนวนมาก พร้อมทั้งงัดตัวหนอนทางเท้ามาทุบให้แตกเพื่อให้มีขนาดเหมาะมือสำหรับเตรียมตอบโต้หากมีการสลายการชุมนุมที่ทำเนียบ

ขณะเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงประกาศไม่รับรองความปลอดภัยผู้สื่อข่าว ทำให้ผู้สื่อข่าวทั้งหมดที่ปักหลักอยู่ภายในทำเนียบประชุมกันและตัดสินใจออกนอกพื้นที่ กระจายกันไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยกว่า บางส่วนไปอยู่ที่รัฐสภา สนามเสือป่า และบช.น. ในส่วนของผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ทุกช่องต้องทิ้งรถถ่ายทอดสดไว้ในทำเนียบ เนื่องจากไม่สามารถนำออกไปได้ เพราะติดสิ่งกีดขวางที่กลุ่มเสื้อแดงทำไว้ เบื้องต้นจะติดต่อแกนนำเสื้อแดงเพื่อขอนำรถถ่าย ทอดสดออกนอกพื้นที่ แต่เกรงว่าทั้งแกนนำและผู้ชุมนุมเห็นผู้สื่อข่าวทิ้งทำเนียบจะมองว่าเป็นการได้รับสัญญาณอะไรบางอย่างจากทหาร โดยไม่สนใจว่าเป็นการระวังสวัสดิภาพของผู้สื่อข่าว และอาจเป็นเหตุให้ผู้สื่อข่าวถูกทำร้ายได้ จึงตัดสินใจทยอยกันเดินเท้าออกนอกทำเนียบเป็นกลุ่มย่อยเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด

ระบุมีคนตายศพอยู่ที่ราชวิถี

เวลา 10.10 น. ผู้ปราศรัยกลุ่มเสื้อแดงอ้างบนเวทีว่า ช่วงเหตุปะทะของคนเสื้อแดงที่แยกดินแดงทำให้มีผู้ชุมนุมเสียชีวิต โดยนำศพไปเก็บไว้ที่โรงพยาบาลราชวิถี จึงอยากขอระดมกำลังผู้ชุมนุมให้ไปรวมตัวกันที่ร.พ.ราชวิถี เพื่อ นำศพผู้เสียชีวิตกลับมาทำเนียบ นอกจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ไปยึดรถเมล์เพิ่มเติมมาอีก 3 คัน เพื่อนำมาใช้จอดกีดขวาง ป้องกันเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาจับตัวแกนนำและสลายการชุมนุม

สำหรับการปราศรัยบนเวทีของกลุ่มเสื้อแดงช่วงเช้า เน้นโจมตีสื่อว่าเสนอข่าวไม่เป็นธรรมและโจมตีรัฐบาลที่ใช้กำลังสลายการชุม นุม โดยให้กลุ่มเสื้อแดงในต่างจังหวัดเตรียมพร้อม หากมีการเข้ามาสลายการชุมนุมที่ทำ เนียบก็ให้ไปรวมตัวที่ศาลากลางแต่ละจังหวัดทันที

เวลา 10.30 น. นายณัฐวุฒิ กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า สถานการณ์ตอนนี้เราเหมือนกับชาวบ้านบางระจัน ที่ไม่มีใครสนับสนุนการชุมนุม มีแต่ประชาชนสนับสนุนกันเอง ต่อจากนี้ขอให้พี่น้องตั้งมั่นรักษาพื้นที่ทำเนียบเอาไว้ แม้จะมีการสลายการชุมนุมที่ทำเนียบสำเร็จก็ไม่ถือว่าเราแพ้ เพราะคนเสื้อแดงรอบนอกก็จะมาตีเอาคืนอีก

ด้านนายจตุพร กล่าวบนเวทีว่า ตนได้รับรายงานมาว่าจากผลการประชุมระหว่างนายกฯ และฝ่ายความมั่นคง ได้ข้อสรุปจำนวน 6 ข้อ ดังนี้ 1.เขาจนปัญญาที่จะสกัดกั้นสัญญาณดีทีวี 2.กลุ่มแท็กซี่และรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เป็นอุปสรรคต่อการสลายการชุมนุม 3.ทหารไม่สามารถควบคุมคนเสื้อแดงต่างจังหวัดได้ 4.ให้นายกฯและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเกี่ยวกับการสลายการชุมนุมไปพักที่ พัน1 รอ. 5.ตัดกำลังเสบียงอาหารคนเสื้อแดง และ 6.เรียกบก.สื่อทีวีและหนังสือพิมพ์ไปปรึกษาเพื่อปรับเปลี่ยนแนวทาง สิ่งที่แกนนำมีความเป็นห่วงมากที่สุด คือการตัดเสบียงอาหาร แต่เราจะไม่ยอมให้ทหารตัดเสบียงอาหารเราฝ่ายเดียว เราจะไปตัดเสบียงทหารก่อน และขอให้พี่น้องไปเสริมกำลังตามด่านในแต่ละที่เพื่อเตรียมความพร้อม

เรียกร้องช่วยสกัดกั้นทหาร

นายจตุพร ให้สัมภาษณ์กรณีการ์ดคนเสื้อแดงจำกัดพื้นที่สื่อไม่ให้เข้ามาทำข่าวหลังเวทีปราศรัยและไม่รับรองความปลอดภัย ว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอะไร เราเข้าใจเพราะการ์ดอาจอยู่ในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ จึงอาจคิดและทำไปเช่นนั้น ตนได้กำชับไปยังการ์ด หากมีสื่อมวล ชนเข้ามาก็ให้เข้ามากัน และตนจะรับรองความปลอดภัยให้ สื่อถือเป็นเกราะกำบังสำคัญของเราที่จะให้คนเสื้อแดงปลอดภัย อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลสลายการชุมนุมที่ทำเนียบเมื่อใด กลุ่มเสื้อแดงจะลุกฮือกันหมด จะมีนักรบนิรนามเกิดขึ้นเต็มไปหมด เพราะประวัติศาสตร์เคยสอนไว้ เช่น สมัยพล.อ.สุจินดา คราประยูร สลายการชุมนุมที่ถนนราชดำเนิน เพราะย่ามใจว่าสามารถสลายการชุมนุมได้ แต่ก็มีนักรบนิรนามออกมามากมายและรัฐบาลสมัยนั้นก็แพ้ในที่สุด
กลางขวา-ลูกซ้อม- ทหารหันปากปืนเอ็ม-16 ยิงแนวราบเข้าใส่กลุ่มม็อบเสื้อแดง ระหว่างการสลายการชุมนุมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและอีกหลายจุด ซึ่งต่อมากองทัพยืนยันว่ากระสุนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนซ้อมที่มีแต่เสียงเท่านั้น

ล่างซ้าย-พร้อมยิง - เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งป้องกันเหตุการณ์อยู่บนสะพานข้ามแยกอุรุพงษ์ อยู่ในท่าพร้อมยิง โดยทั้งวันมีเสียงปืนดังตลอดเวลาในการเข้าสลายม็อบเสื้อแดง ขณะที่กองทัพยืนยันกระสุนที่ใช้ยิงเป็นกระสุนซ้อมที่มีแต่เสียงเท่านั้น

ล่างขวา-แดงเจ็บ- ภาพคนเสื้อแดงได้รับบาดเจ็บซึ่งเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต แล้วพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นำมาอ้างถึงในการให้สัมภาษณ์ สื่อซีเอ็นเอ็น ว่าการสลายม็อบของรัฐบาลทำ ให้คนเสื้อแดงถูกยิง




เวลา 11.00 น. น.พ.เหวง โตจิราการ ได้กล่าวปราศรัยบนเวทีเสื้อแดงว่า ขณะนี้ได้มีการขนกำลังทหารออกมาดูแลความปลอดภัยตามแยกต่างๆ โดยได้ใช้รถยีเอ็มซีบรรทุกมา หากผู้ชุมนุมคนใดผ่านไปเจอรถดังกล่าวขอให้ขับพุ่งชนไปเลย เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารเข้ามาสลายการชุมนุม อย่างมากการกระทำผิดดังกล่าวก็แค่เข้าข่ายข้อหาขับรถโดยประมาทเท่านั้น นอก จากนี้ให้ผู้ชุมนุมเสื้อแดงไปสมทบกับผู้ชุมนุมที่ปักหลักที่แยกดินแดงและแยกศรีอยุธยา เนื่อง จากเป็นจุดที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดอยู่

น.พ.เหวง กล่าวด้วยว่า ขอให้ทหารที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในและภายนอกทำเนียบให้ถอนกำลังกลับเข้ากรมกองภายใน 3 ชั่วโมง มิฉะนั้นกลุ่มเสื้อแดงจะไม่รับผิดชอบการกระทำที่เกิดขึ้นภายหลังจากนี้

ปล่อยรถเมล์พุ่งชนทหาร

เวลา 13.00 น. ภายหลังทหารเข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มเสื้อแดงได้ร่นถอยมาทางถนนราชปรารภ หลังจากตั้งหลักได้แล้วรวมกลุ่มเข้ายึดรถโดยสารปรับอากาศสาย 73 ซึ่งวิ่งระหว่างสะพานพุทธ-ห้วย ขวาง และเป็นรถเปล่า กลุ่มเสื้อแดงได้ใช้หินกดทับที่คันเร่งแล้วปล่อยให้รถวิ่งเข้าใส่กลุ่มทหารที่ตั้งแถวรอรับบริเวณหน้าปากซอยรางน้ำ ทำให้กลุ่มทหารแตกฮือ รถปอ.คันดังกล่าวได้วิ่งมุ่งหน้าเข้าชนเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่จนล้ม และวิ่งเลยต่อไปกระทั่งจอดสงบนิ่งบริเวณลานจอดรถของโรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์ค

ต่อมาทราบชื่อพขร. รถโดยสารปอ.สาย 73 คือ นายประยงค์ เนียนแก้ว อายุ 37 ปี ซึ่งเดินทางมาดูรถของตนเอง และเปิดเผยว่า ได้ขับรถส่งผู้โดยสารมาตามปกติ หัวหน้าแจ้งว่าให้ส่งผู้โดยสารสิ้นสุดที่ป้ายเซ็นทรัลเวิลด์ จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรี เมื่อตนขับเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรบุรีก็เจอกลุ่มเสื้อแดงประมาณ 40 คน เรียกให้จอดและบุกขึ้นมาบนรถจากนั้นบังคับยึดรถปอ.คันดังกล่าวไป

ภายหลังกลุ่มเสื้อแดงปล่อยรถปอ.สาย 73 วิ่งเข้าชนกลุ่มทหารแล้ว ยังได้นำรถร่วมขสมก.สาย 99 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยราม คำแหง-เทคโนโลยีบางกะปิ แล้วนำก้อนหินมากดทับคันเร่งก่อนปล่อยให้พุ่งชนกลุ่มทหาร แต่รถคันดังกล่าวกลับพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่และหยุดนิ่งกับที่ นอกจากนี้กลุ่มเสื้อแดงยังเผารถเมล์ ขณะที่ทหารได้นำรถปอ.สาย 73 และรถร่วมขสมก.สาย 99 ที่กลุ่มเสื้อแดงใช้ก้อนหินทับคันเร่งพุ่งเข้ามาก่อนหน้านี้ ขับไปกีดขวางบริเวณด้านหน้าซอยรางน้ำ ถนนราช ปรารภ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเกิดเหตุปะทะมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวแตกตื่นออกมาดูจำนวนมาก ส่วนนักท่องเที่ยวที่พักอาศัย อพาร์ตเมนต์หรือโรงแรมบริเวณดังกล่าวต่างพากันเก็บกระเป๋าออกจากสถานที่พักจำนวนมาก

เด็ก"เน"แฉรถแก๊สของญาติแม้ว

นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงที่มาของรถแก๊สหลายคันซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงนำไปปิดถนนว่า จากการตรวจสอบ รถแก๊สเหล่านั้นเป็นของบริษัท สยามแก๊ส ปิโตรเคมีคัล จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการบริหารชื่อ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.ทบ. ลูกพี่ลูกน้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงให้เห็นว่าคนเหล่านั้นตั้งใจใช้รถแก๊สออกมาก่อ วินาศกรรม ขณะนี้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปจับตาการบริษัทดังกล่าว

วันเดียวกัน ศูนย์รายงานสถานการณ์ฉุก เฉินสำนักนายกรัฐมนตรี (วอร์รูมรัฐบาล) ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชน โดยเฉพาะโทรทัศน์ในการนำเสนอภาพข่าวการชุมนุม โดยให้ทำสัญลักษณ์ที่เด่นชัดว่าภาพข่าวใดเป็นภาพจากแฟ้ม ภาพข่าวใดเป็นการรายงานสด เนื่องจากประชาชนและสื่อต่างประเทศจะสับ สนในการติดตามสถานการณ์ว่าเหตุการณ์ยังรุนแรงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้วอร์รูมยังระบุว่า ได้รับการยืนยันจากโฆษกกองทัพบกว่าจากการตรวจสอบกับศูนย์นเรนทร ยังไม่ได้รับราย งานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเสียชีวิต จากการควบคุมฝูงชนเมื่อเช้าที่ผ่านมาแต่อย่างใด

บช.น.หนักใจมือที่ 3 จ้องป่วน

ที่บช.น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่กทม. ได้ร่วมประชุมร่วมติดตามสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดง นปช. เพื่อปรับแผนจัดวางกำลังปจ.รับมือสถานการณ์ก่อความไม่สงบทั่วพื้นที่กทม. ซึ่งตลอดคืนที่ผ่านมา ศปก.น.ใช้กำลังในการรักษาความสงบรวมทั้งสิ้น 33 กองร้อย + ปจ.หญิง 90 นาย ใช้กำลัง ปจ.ทั้งสิ้น 5,040 นาย

จากสถานการณ์การข่าวขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนจัดกิจกรรม ปิดการจราจรในพื้นที่หรือแยกต่างๆ ซึ่งอาจมีบุคคลที่สามฉวยโอกาสก่อความวุ่นวายได้ เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย ให้บก.น.1-9 สั่งชุดเคลื่อนที่เร็วของแต่ละสน. พร้อมรถยกให้ออกปฏิบัติที่จุดตรวจค้น ตรวจร่วมตำรวจ-ทหาร หากมีการชุมนุมหรือกลุ่มบุคคลใดนำรถยนต์ หรือสิ่งกีดขวางปิดการจราจรหรือทางร่วมทางแยกใดให้ดำเนินการยกเคลื่อนย้ายรถยนต์หรือสิ่งกีดขวางออกจากเส้นทางทันที หากมีการขัดขวางหรือกระทำผิดกฎหมายให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ ให้หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วรายงานมายัง ศปก.น.ทราบทันที

ผบช.น.ได้มีคำสั่งกำชับกำลังพลทุกนาย ห้ามพกพาอาวุธปืน หรือสิ่งที่สามารถจะใช้เป็นอาวุธเข้าไปในพื้นที่ปฏิบัติการโดยเด็ดขาด ให้ใช้อุปกรณ์ในการควบคุมฝูงชน ได้แก่ หมวกและโล่เท่านั้น กระบองให้เก็บไว้ในรถขนส่งกำลัง ให้เมื่อได้รับคำสั่ง ขั้นตอนการควบคุมฝูงชนให้การเจรจาและประชาสัมพันธ์ หากไม่สามารถเจรจาจึงให้ดำเนินการไปตามขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก

ผบช.น. ยังได้สั่งการกำชับให้ ผบก.น.2 ระมัดระวังเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยพรรคประชาธิปัตย์ติดตามสถานการณ์การก่อความวุ่นวายต่างๆ โดยเฉพาะการก่อวินาศกรรม เผาทำลายสถานที่ หากบก.น.2 กำลังปจ. ไม่เพียงพอให้ร้องขอสนับสนุนกำลังฝ่ายทหารในฐานะผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานประสานโดยตรงกับแม่ทัพภาคที่ 1

ชายลึกลับบุกปชป.จี้มาร์คออก

เมื่อเวลา 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่ากลุ่มคนเสื้อแดงพร้อมรถแก๊สจะมุ่งหน้ามายังพรรคประชาธิปัตย์ จึงนำรถขังผู้ต้องมา 4 คัน มาปิดทางเข้าออกพรรคบริเวณถนนเศรษฐ ศิริ พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่พรรคให้ออกมาจากที่ทำการพรรคเพื่อความปลอดภัย

เวลา 09.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ผู้สื่อข่าวออกจากพื้นที่ ผู้สื่อข่าวจึงไปปักหลักรอทำข่าวอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลวิชัยยุทธ ใกล้กับที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่สมาชิกพรรคมีเพียงนายเทพไท เสนพงษ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เท่านั้น ที่เดินทางเข้าพรรคมาในเวลา 10.30 น.

เวลา 12.00 น. มีชายลึกลับ 2 คน ขับรถยนต์ยี่ห้อ ซูซูกิ วิทาร่า ใช้ดินสอพองปกปิดเลขทะเบียน ถือโอกาสช่วงที่รถกระบะเข้ามาส่งข้าวให้ตำรวจและผู้สื่อข่าวในพรรค จึงขับรถแทรกเข้ามาและขับรถวนอยู่หน้าที่ทำการพรรค ชาย 2 คน ได้ติดป้ายข้างรถมีข้อความว่า "ท่านนายกฯ โปรดยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินและยุบสภา อย่าให้เกิดเหตุนองเลือดเลย" อีกป้ายเขียนว่า "ท่านายกฯ จะไม่มีความสุขใจไปตลอดกาล หากนั่งเก้าอี้นายกฯ บนกองเลือดของประชาชน" หลังจากวนอยู่บริเวณหน้าพรรคสักครู่ก็ขับออกไปโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเพิ่มบริเวณทางเข้าออกของถนนที่จะเข้ามายังที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ทั้งสองด้านเพื่อไม่ให้รถผ่านเข้ามาได้แล้ว

รถไฟใช้บางซื่อ-มักกะสัน

นายสมหมาย ทับเวช ผู้อำนวยการฝ่ายการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ ร.ฟ.ท. เปิดเผยว่า ขณะนี้การรถไฟฯ ได้ย้ายสถานีต้นทางจากหัวลำโพง มาที่สถานีบางซื่อและสถานีมักกะสันทั้งหมดแล้ว โดยในส่วนของเส้นทางสายตะวันออก ผู้ใช้บริการสามารถไปขึ้นตั๋วโดยสารรถไฟได้ที่สถานีมักกะสัน ส่วนในเส้นทางสายเหนือ ใต้ และอีสาน ให้ไปขึ้นรถไฟได้ที่สถานีบางซื่อ และแม้ว่าในช่วงคืนที่ผ่านมา จะมีผู้โดยสารตกค้างอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าภายในวันนี้จำนวนผู้โดยสารที่ตกค้างหมด

ด้านนายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กล่าวว่า ขสมก.ยังคงทำหน้าที่ให้บริการประชา ชนไปตามปกติ ในเส้นทางที่สามารถจะให้บริการได้ ส่วนเส้นทางที่มีปัญหาก็ยังคงให้บริการเช่นเดิม เพียงแต่จะมีการหลีกเลี่ยงเส้นทางหรือตัดเส้นทางให้สั้นลง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดแก่พนักงาน และประชาชนที่ใช้บริการ โดยมีผู้อำนวยการเขตการเดินรถในแต่ละพื้นที่ จะเป็นคนตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเส้นทาง

นายพิเณศวร์ ยังยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้คนกรุงเทพฯ ชั้นใน ได้รับความเดือดร้อน ไม่สามารถใช้บริการรถ ขสมก.ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ราชเทวี ปทุมวัน ถนนข้าวสาร และถนนพระอาทิตย์เป็นต้น อีกทั้งประชาชนจากพื้นที่ฝั่งธนบุรี ก็ไม่สามารถข้ามกลับเข้ามาเขตพื้นที่พระนครได้

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้รถขสมก. ถูกผู้ชุมนุมเสื้อแดงยึดไปใช้เป็นเครื่องกีดขวางทั้งสิ้น 37 คันแบ่งเป็นรถ ขสมก. 25 คัน และรถร่วมบริการอีก 12 คัน และทันทีที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขสมก.พร้อมชักลากรถกลับคืนเพื่อซ่อมบำรุงและเตรียมให้บริการประชาชน

ห้างกลางกรุงปิดให้บริการ

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. และกลุ่มคนเสื้อแดง มีการชุมนุมในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ และรัฐบาลประกาศพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทางห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ได้ประกาศปิดบริการในวันที่ 13 เม.ย. เพิ่มอีกหนึ่งวัน หลังจากที่วันที่ 12 เม.ย. ได้ปิดบริการตั้งแต่เวลา 15.30 น. โดยทางผู้บริหารห้างจะประเมินเหตุการณ์วันต่อวัน และมีการตั้งหน่วยปฏิบัติการคอยติดตามสถาน การณ์การชุมนุมตลอดเวลา เพื่อพิจารณาสถาน การณ์อย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกันมีรายงานแจ้งว่า ทางศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ได้ยกเลิกการจัดงานสงกรานต์ ที่ลานเซ็นทรัลเวิลด์ สแควร์ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 เม.ย.52 เพื่อความปลอดภัยของประชาชน

ด้านผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล แจ้งว่า วันที่ 13 เม.ย. ห้างเซ็นทรัลรวม 5 สาขา คือ ลาดพร้าว ชิดลม เซน ปิ่นเกล้า และสีลมคอมเพล็กซ์ ปิดให้บริการ 1 วัน

บุกราชวิถีขอดูศพเสื้อแดง

หลังเจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง กลุ่มเสื้อแดงได้กระจายเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยสร้างสถานการณ์ตามจุดต่างๆ เมื่อเวลา 08.30 น. กลุ่มเสื้อแดงเผายางรถยนต์ที่บริเวณสี่แยกศรีอยุธยา และนำรถยนต์ 2 คันปิดกั้นการจราจร เป็นเหตุให้ ถ.ศรีอยุธยา ตั้งแต่ลานพระบรมรูปทรงม้าจนถึงแยกมักกะสันใช้การไม่ได้

เวลา 11.00 น. กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปในโรงพยาบาลราชวิถี เพราะเชื่อว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมบริเวณแยกสาม เหลี่ยมดินแดง โดยพ.ญ.วารุณี จินารัตน์ ผอ. ร.พ.ราชวิถี ยืนยันกับกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ไม่มีผู้เสียชีวิต มีเพียงผู้ได้รับบาดเจ็บบริเวณรักแร้ ซึ่งมีบาดแผลเสียเลือดมาก ได้รักษาจนพ้นขีดอัน ตรายแล้ว แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังเชื่อและยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจะขอเข้าไปดูในโรงพยาบาล ผอ.ร.พ. ราชวิถีจึงปล่อยให้เข้าไปดู โดยกลุ่มเสื้อแดงได้เข้าไปดูในห้องดับจิต ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวจริงๆ

เผารถ-ขวางขบวนทหาร

เวลา 14.00 น. บริเวณแยกสะพานผ่านฟ้า กลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง 50 คนที่ปักหลักอยู่ในจุดดังกล่าวเห็นรถขนทหาร 20 คัน มีรถหุ้มเกราะนำวิ่งมาทางถนนราชดำเนิน ฝั่งขาออก จึงคิดว่าทหารจะนำกำลังเข้าไปสลายการชุมนุมที่ทำเนียบ จึงนำรถเมล์ที่ยึดมาได้ 2 คัน คันแรกนำมาจอดขวางไว้บริเวณเชิงสะพานผ่านฟ้าและจุดไฟเผา เพื่อป้องไม่ให้รถทหารผ่านเข้า แต่ขบวนรถทหารไปเลี้ยวซ้ายถ.พระสุเมรุ ส่วนอีกคันนำไปจอดกั้นถนนหลานหลวง ใกล้พิพิธ ภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า และจุดไฟเผา และนำยางรถยนต์มาวางขวางถนนเป็นจุดๆ และ จุดไฟเผา เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารเข้าสลายการชุมนุม ซึ่งมีประชาชนและชาวต่างชาติที่มาเล่นน้ำสงกรานต์ริมถนนยืนดู และเข้าไปถ่ายรูปด้วยความสนใจ ร้านค้าโดยรอบปิดเงียบแม้กระทั่งร้านเซเว่นฯ ที่อยู่บริเวณป้อมพระกาฬ ขณะที่ถ.ราชดำเนิน ตั้งแต่สี่แยกคอกวัวจนถึงกองสลาก ยังเปิดขายอุปกรณ์เล่นน้ำสงกรานต์ มีประชาชนจำนวนมากตามตรอกซอกซอยยังเล่นน้ำสงกรานต์อยู่

ทหารบุกเคลียร์ม็อบแตกฮือ

เวลา 14.00 น. บริเวณแยกศรีอยุธยา ซึ่งกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกว่าด่านศรีอยุธยา เนื่องจากมีกำลังของกลุ่มคนเสื้อแดงเฝ้าด่านอยู่จำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารผ่านไปยังถนนด้านหน้าทำเนียบ และกลุ่มเสื้อแดงได้เผายางรถยนต์และใช้รถยนต์ปิดกั้นการจราจรไว้ตั้งแต่ช่วงเช้านั้น ทหารพร้อมอาวุธครบมือเริ่มเข้าสลายการชุมนุมโดยยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ตลอดเวลา ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อเห็นกำลังเจ้าหน้าที่ทหารเริ่มเข้าสลายการชุมนุม จึงจุดไฟเผารถยนต์และรถเมล์ รวม 2 คัน ซึ่งนำมาจอดขวางถนนไว้ แต่เจ้าหน้าที่ทหารยังคงเดินหน้ายิงปืนขึ้นฟ้า ตีเกราะและเคาะโล่ตลอดเวลา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นมาเรื่อยๆ จนถึงแยกอุรุพงษ์ จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมได้จุดไฟเผารถเมล์อีก 2 คัน พร้อมใช้แก๊สน้ำตา ก้อนหินและขวดขว้างปาใส่เจ้าหน้า ที่ทหารอย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา แต่ทหารยังคงรุกคืบไปเรื่อยๆ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นออกไปจากแยกอุรุพงษ์และกระจัดกระจาย ทำ ให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ได้ การเข้าสลายการชุมนุมบริเวณแยกศรีอยุธยาและแยกอุรุพงษ์ใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง

เวลา 15.00 น. หลังทหารใช้กำลังผลักดันผู้ชุมนุมที่ปักหลักบริเวณแยกศรีอยุธยา ทำให้กลุ่มเสื้อแดงบางส่วนล่าถอยมาเตรียมความพร้อมบริเวณแยกนางเลิ้ง โดยนำรถเมล์มาจอดขวางบริเวณถนนพิษณุโลก หน้าสนามม้านางเลิ้ง และนำรถดับเพลิงที่ยึดได้มาจอดขวางไว้ใกล้กัน เพื่อเตรียมใช้สำหรับฉีดน้ำไล่ หากทหารใช้กำลังเดินเท้าเข้ามา อีกทั้งยังเตรียมน้ำมันสำหรับเผารถยนต์และงัดตัวหนอนที่บาทวิถีขึ้นมาเตรียมไว้จำนวนมากสำหรับขว้างปาใส่ทหาร และปัสสาวะใส่ขวดเพื่อใช้ขว้างปาใส่ด้วย นอกจากนี้ ยังนำรถบัสโดยสาร 2 คัน มาจอดขวางบริเวณแยกยมราชอีกชั้นหนึ่ง รวมทั้งนำรถแท็กซี่มาจอดบนสะพานลอยรถข้ามแยกยมราชและถนนด้านล่าง

วุ่นหนัก-ม็อบปะทะม็อบ

เวลา 14.30 น. บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง มีรถแท็กซี่สีชมพู ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ทย 7557 กทม. ขับด้วยความเร็วสูงเลี้ยวออกจากซอยรางน้ำวิ่งเข้าถนนราชปรารภ เมื่อเจอกับกลุ่มทหาร ซึ่งโบกให้จอดเพื่อสอบถาม รถแท็กซี่กลับพุ่งไปข้างหน้าทำให้ทหารต้องยิงปืนขู่ จนรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้เลี้ยวหันหัวกลับไปทางด้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่มีรายงานว่าคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บหรือไม่

เวลา 15.00 น. บริเวณแยกเทวกรรม ถนนนครสวรรค์ ซึ่งกลุ่มเสื้อแดงนำรถโดยสารประจำทางปรับอากาศสาย 511 วิ่งระหว่างปากน้ำ-สายใต้ใหม่ มาจอดขวางถนนนครสวรรค์ พร้อมกับปล่อยลมยางล้อหน้าซ้ายก่อนจะนำน้ำมันเบน ซินมาราดบริเวณใกล้รถเมล์คันดังกล่าวเพื่อเตรียมจุดไฟ แต่ชาวบ้านชุมชนนางเลิ้งที่เห็นเหตุการณ์ได้รวมตัวกันจำนวน 200 คน ออกมาขับไล่กลุ่มคนเสื้อแดงที่พยายามเข้ามาใกล้รถเมล์คันดังกล่าว และช่วยกันเข็นรถเมล์ออกจากบริเวณชุมชนนางเลิ้งไปไว้ที่หน้าสน.นางเลิ้ง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ขณะเดียวกัน กลุ่มเสื้อแดงที่ปักหลักบริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศประมาณ 20 คน เห็นเหตุการณ์และเข้ามาที่รถเมล์คันดังกล่าว จึงเกิดการท้าทายกันระหว่างชาวบ้านและกลุ่มเสื้อแดง กลุ่มเสื้อแดงได้กวักมือให้ชาวบ้านเข้ามาลักษณะเตรียมจะทำร้าย ส่วนชาวบ้านชุมชนนางเลิ้งช่วยกันนำอาวุธไม่ว่าจะเป็นท่อนไม้ ท่อนเหล็ก ออกมาเตรียมพร้อมเพื่อป้องกันตัว

ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงราว 5 คนเดินผ่านแยกจักรพรรดิพงษ์ใกล้ชุมชนนางเลิ้ง จุดไฟใส่ขวดน้ำมันที่เตรียมไว้ขว้างใส่กลุ่มชาวบ้าน เสื้อแดงคนอื่นๆ ได้ยิงหนังสติ๊กเข้าใส่ ชาวบ้านจึงโยนประทัดยักษ์ใส่จนเกิดเสียงดังสนั่น บางคนโยนขวดแก้วใส่กลุ่มคนเสื้อแดงจนหวิดมีการปะทะกันขึ้น ต่อมาพ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก. สน.นางเลิ้ง นำเจ้าหน้าที่ตำรวจ 20 นายเข้าระงับเหตุการณ์ จนทำให้กลุ่มเสื้อแดงล่าถอยไปตั้งหลักที่สะพานผ่านฟ้า ขณะที่กลุ่มชาวบ้านกลับไปรวมตัวกันที่ตลาดนางเลิ้งและตั้งด่านสกัดไม่ให้คนเสื้อแดงผ่านเข้าออก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งจุดตรวจบริเวณแยกจักรพรรดิพงษ์เพื่อป้องกันไม่เกิดการปะทะของ 2 ฝ่ายด้วย

มท.แจ้งความหลังม็อบแดงบุก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า หลังจากเหตุการณ์การบุกเข้าทุบรถนายกฯ ของกลุ่มเสื้อแดง เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ที่ผ่านมานั้น กระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้กำลังกองอาสารักษาดินแดน(อส.) 50 นาย คอยดูแลรักษาความปลอดภัยภายในกระทรวง นำรั้วลวดหนามมาปิดตามช่องรั้วและประตูที่ถูกทำลาย เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเล็ดลอดเข้ามา โดยเปิดประตูหน้าเพียงประตูเดียว

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รปภ.นายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาขนย้ายรถยนต์ของศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) ออกจากกระทรวงมหาดไทยตั้งแต่เวลา 11.00 น. ส่วนรถยนต์ประจำตำแหน่งของนายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ขับพุ่งเข้าชนรั้วกระทรวงมหาดไทยฝั่งถนนเฟื่องนครนั้น เจ้าหน้าที่ได้มาเคลื่อนย้ายออกไปตั้งแต่เวลา 23.00 น. วันที่ 12 เม.ย. เหลือแต่รถเบนซ์แวนที่นำขบวนของนายกรัฐมนตรี ที่ถูกทำลายพังยับทั้งคันจอดอยู่เพียงคันเดียว ส่วนรถราชการของกระทรวงมหาด ไทยที่ถูกปล่อยลมยางนั้นยังคงจอดอยู่ที่เดิม

รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงมหาดไทยได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สน. สำราญราษฎร์ ว่า ภายหลังเหตุกลุ่มเสื้อแดงบุก ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการดังนี้ 1.รถยนต์ราชการที่ถูกปล่อยลมยาง 9 คัน 2.เครื่องปรับอากาศที่ถูกตัดท่อออก จำนวน 7 เครื่อง ประตูกระทรวงด้านติดกับวัดราชบพิธ จำนวน 1 จุด ไม่รวมกับประตูฝั่งถนนอัษฎางค์ และรั้วด้านถนนเฟื่องนครที่พังเพราะรถนายกฯ และเลขาธิการนายกฯ พุ่งชน นอกจากนี้ ยังมีความเสียหายที่ฝ้าผนังด้านอาคารจอดรถของตึกกรมการพัฒนาชุมชนหลังเก่า แต่ยังไม่มีการประเมินความเสียหายยังอยู่ในขั้นตอนการลงบันทึกประจำวันตามระเบียบว่าด้วยการพัสดุเมื่อมีทรัพย์สินของทางราชการเสียหายเท่านั้น
"ม็อบแดง-ทหาร"ปะทะกลางกรุง




ตั้งกอฉ.-ให้ผบ.สส.คุมเอง

เมื่อเวลา 07.15 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ และโฆษกประจำสถานีได้อ่านประกาศคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 98/2552 เรื่องการจัดตั้งกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ว่า ตามที่ได้มีประ กาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลบางจังหวัดนั้น เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามมาตรา 7 วรรคสาม วรรคห้า วรรคหก มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 11 และมาตรา 15 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยความเห็นชอบของครม. นายกฯ จึงมีคำสั่งจัดตั้งกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) โดยมีผบ.สส.เป็นผู้อำนวยการ (อ่านรายละเอียดในล้อมกรอบ)

จากนั้นมีการอ่านประกาศตามมาตรา 11 (6) แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงห้ามกระทำการอย่างใดๆ ที่เป็นการปิดการจราจร ปิดเส้นทางคมนา คม หรือกระทำการอื่นใดๆ ทำให้ไม่อาจใช้เส้นทางคมนาคมได้ตามปกติในทุกเขตพื้นที่ที่ประ กาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป (อ่านรายละเอียดในล้อมกรอบ)

โฆษกรบ.-ทหารแจงปราบม็อบ

เวลา 07.30 น. นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพ.อ. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบกได้ แถลงการ นายปณิธาน กล่าวว่า จากการประ กาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในพื้นที่ต่างๆ จากนั้นนายกฯ ได้ออกคำสั่งสำนักนายกรัฐมน ตรี ที่ 98/2552 เรื่อง การจัดตั้งกอฉ. และมีประกาศห้ามการกระทำใดๆ ในการปิดการจราจรและเส้นทางคมนาคม เมื่อมีคำสั่งดังกล่าวเจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการเปิดเส้นทางการจราจรเมื่อเวลา 04.00 น. โดยเริ่มเจรจาเพื่อให้ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทางการจราจรตามคำสั่ง กอฉ. จากนั้นผู้ชุมนุมเริ่มใช้ระเบิด ใช้แก๊สน้ำตา ขับรถโดยสารเข้าใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้กำลังกดดันผู้ชุมนุม เวลาประมาณ 04.30 น. เจ้าหน้าที่จึงเริ่มใช้กำลังผลักดันผู้ชุมนุมให้สลายตัว

นายปณิธาน กล่าวว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง แต่ยืนยันว่าเป็นไปตามขั้นตอนที่ กอฉ.วางไว้ โดยเริ่มต้นจากการเจรจา คือจากเบาไปถึงขั้นตอนที่ต้องใช้ยุทโธปกรณ์ควบคุมฝูงชน การปฏิบัติ การสิ้นสุดลงเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. และสามารถเปิดเส้นทางการคมนาคมบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงได้ รัฐบาลขอเน้นว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อนำเอาประเทศกลับคืนสู่สภาวะปกติ ทำงานด้วยความรอบคอบระมัดระวัง ขอให้ไว้ใจและขอความร่วมมือกับประชาชนแจ้งเบาะแสสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล

พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้เจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เวลา 04.15 น. เป็นต้นไป โดยขอให้เปิดการจราจรในเขตพื้นที่ทางด่วนดินแดงโดยชี้แจงผ่านเครื่องขยายเสียง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมปฏิบัติตาม ตรงกันข้ามกับมีการใช้แก๊สน้ำตา ระเบิดเพลิง และอาวุธปืน ยิงมาจากทางด่วนเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม นอกจากนั้นมีการใช้รถแท็กซี่และรถขนส่งมวลชนพุ่งเข้าชนกลุ่มเจ้าหน้าที่ทำให้ทหาร ตำรวจได้รับบาดเจ็บหลายนาย เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาในการสลายการชุมนุม จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อต้องการใช้เสียงขู่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ได้มีการใช้อาวุธโดยตรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุม

"มาร์ค"อ้างจนท.ละมุนละม่อม

ต่อมาเวลา 11.40 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ พร้อมด้วยคณะกรรมการ กอฉ. แถลงข่าวผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า งานทั้งหมดที่ทำอยู่ ไม่ใช่การสร้างความหวาดกลัว กดดัน หรือมุ่งหมายทำร้ายพี่น้องประชาชนไม่ว่ากลุ่มใด เป็นการเดินหน้าเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยและหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายเท่านั้น การดำเนินการต่างๆ ที่ผ่านมายังยึดหลักนี้และทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เสียหายน้อยที่สุด ช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เข้าไปเปิดเส้นทางจราจรบริเวณดินแดง หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมปิดกั้นเมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างละมุนละม่อมที่สุด ไม่ใช้อาวุธใดๆ ยกเว้นป้องกันตัว การปฏิบัติการมีผู้บาดเจ็บทั้งผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ ทหารบาดเจ็บ 23 คน ผู้ชุมนุม 47 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาล ทหารที่บาดเจ็บนั้นถูกกระสุนปืน 4 นาย แต่ขณะนี้ปลอดภัยและไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่พยายามทุกวิถีทางให้การทำงานเรียบร้อยและเสียหายน้อยที่สุด อย่าหลงเชื่อข้อมูลที่พยายามบิดเบือนข่าวสารจากบางแหล่งว่าเป็นการปราบปรามใช้ความรุนแรงกับประชาชน ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต ข้อเท็จจริงจากโรงพยาบาล แพทย์และจากทุกฝ่ายยืนยันว่าไม่เป็นเช่นนั้น หลังจากดำเนินการส่วนนี้ไปแล้ว ผู้ชุมนุมยังปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องในเรื่องการปิดถนน นำรถแก๊สไปจอดอยู่ 3 จุด ขู่ในลักษณะทำให้เกิดปัญหาความเสียหายหรืออาจเรียกได้ว่าเป็นวินาศกรรม รัฐบาลและเจ้าหน้าที่กำลังเดินหน้าคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด ขอย้ำอีกครั้งว่าเราคนไทยทุกคนไม่ควรคิดสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของใครทั้งสิ้น เจตนาของผู้ชุมนุมไม่ควรเป็นเช่นนี้ ผู้ชุมนุมในทำเนียบหรือบริเวณรอบๆ ทำเนียบขณะนี้ ตนทราบดีว่ามีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีเจตนาและมีพฤติกรรมในลักษณะนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นนายปณิธานแถลงข่าวเป็นภาษาอังกฤษผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ชี้แจงต่อสื่อต่างชาติถึงการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของประชาชน แต่เพื่อควบ คุมสถานการณ์การชุมนุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

ผบ.ตร.มอบธานีดูแลคดี

เมื่อเวลา 16.20 น. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ว่า ขณะนี้มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล นายกฯห่วงใยในกรณีที่เกิดเหตุขึ้นและมีผู้ถูกดำเนินคดีหลายคน ด้วยความห่วงใย ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนผู้ถูกดำเนินคดีไม่ว่าฝ่ายใด ในฐานะผู้รับผิดชอบในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงเห็นความสำคัญตรงนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม และประชาชนทุกส่วนต้องพอใจในการดำเนินคดีว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้ความเป็นธรรมกับทุกส่วนอย่างดีที่สุด เพื่อให้สืบสวนสอบสวนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงได้มอบหมายให้พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบเป็นหัวหน้าดำเนินการ และการมอบหมายในส่วนนี้ได้มอบหมายอำนาจทั้งสิ้นให้กับพล.ต.อ.ธานี เพื่อดำเนินการให้ความเป็นะรรมแก่ประชาชน

ด้าน พล.ต.อ.ธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผบ.ตร. มอบหมายให้รับผิดชอบสอบสวนดำเนินคดีในคดีทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น ในการสอบสวนดำเนินคดีจะตั้งอยู่ในหลักของความเป็นธรรม การรวบรวมพยานหลักฐานจะดำเนินการตามข้อเท็จจริงและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย

ทหาร 80 นายคุ้มพรรคปชป.

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้สื่อข่าวประจำพรรครับแจ้งมีกลุ่มเสื้อแดง 1 คันรถ จะบุกมาจึงกรูกันออกจากห้องผู้สื่อข่าว พบว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดง 1 คันรถขับรถเมล์ประจำทางสาย 33 ผ่านมายังถนนพระราม 6 และจอดพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาการณ์อยู่ที่ทางเข้าพรรค แต่พอเห็นกลุ่มผู้สื่อข่าวก็ได้ขับรถออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า กลุ่มคนเสื้อแดงขับรถมาและทำทีจอดรถเพื่อถามทาง

เวลา 18.00 น. ทหารจากกองพันทหารราบเฉพาะกิจ กาญจนบุรี จำนวน 2 หมวด 80 นาย เดินทางมาประจำการบริเวณรอบพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งบริเวณรางรถไฟถนนสามเสน และบริเวณถนนพระราม 6 หลังเกิดความวุ่นวายขึ้นหลายจุดโดยรอบ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงสวมหมวกไหมพรมสีดำ ขับรถจักรยานยนต์และขับรถเมล์มาจอดบริเวณถนนพระราม 6

เวลา 16.45 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแผงเหล็กสกัดไม่ให้รถผ่านเข้าออกถนนอู่ทองใน บริเวณด้านหน้าสวนสัตว์ดุสิต โดยนำแผงเหล็กมาตั้งตั้งแต่เวลา 12.00 น. กระทั่งเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถเมล์ 3 คัน สาย 72 จำนวน 1 คัน และรถร่วมประจำทางขสมก.อีก 2 คัน มาจอดขวางทางเข้าถนนอู่ทองใน ด้านหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม และมีการเผารถสาย 72 ในเวลา 16.45 น. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เวลาเดียวกัน ที่แยกลานพระบรมรูปทรงม้าตัดถนนราชดำเนินนอก บริเวณป้ายกอง ทัพภาคที่ 1 กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำยางรถยนต์มาวางไว้ที่ถนนก่อนราดน้ำมันและจุดไฟเผา

ทุ่มกระถางขวางรถฮัมวี่ทหาร

เมื่อเวลา 17.00 น. ทหาร 3 กองร้อย พร้อมอาวุธปืนประจำกายเอ็ม 16 ครบมือ ตั้งแถวบนถนนราชดำเนินกลางขาเข้า มีรถฮัมวี่ 2 คัน และรถยูนิม็อกลำเลียงคนอีก 2 คัน เคลื่อนขบวนมุ่งหน้าเข้าสู่ผู้ชุมนุมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมเห็นกำลังทหารได้พากันตรงเข้าเผารถเมล์ที่จอดอยู่บริเวณแยกป้อมมหากาฬ โดยมีชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวตะโกนร้องให้รีบเผา ขณะเดียวกันมีหญิงสาวแต่งชุดนักศึกษาไม่ทราบสถาบัน 1 คน พยายามเข้าดึงแถวทหารไว้ และชาวบ้านข้างเคียงพยายามยกกระถางต้นไม้ขว้างใส่แถวทหาร แต่ทหารยังมุ่งหน้าสู่สะพานผ่านฟ้า เมื่อถึงแยกป้อมมหากาฬก็กระจายกำลังกันปิดถนนราช ดำเนินกลางทุกช่องจราจร และกดดันไม่ให้ชาวบ้านทุ่มกระถางต้นไม้ใส่ จากนั้นเดินแถวข้ามสะพานมุ่งสู่แยกผ่านฟ้า ส่วนกลุ่มเสื้อแดง 50 คน เมื่อเห็นกำลังทหารจำนวนมากกว่า หลังจากเผารถเมล์เสร็จแล้วก็พากันวิ่งกลับเข้าไปยังแยกจปร. และเผารถเมล์แยกดังกล่าวอีก 3 คัน เพื่อขวางทางไม่ให้ทหารเคลื่อนกำลังไปต่อ โดยทหารใช้เวลาเพียง 5 นาที ในการยึดสะพานผ่านฟ้าตั้งแต่แยกป้อมมหากาฬถึงแยกผ่านฟ้า

ขณะเดียวกันชาวบ้านยังเดินตามมาด่ากลุ่มทหารอย่างต่อเนื่อง ทหารจึงแบ่งกำลังมา 3 หมวด ผลักดันให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่สะพานผ่านฟ้า พร้อมใช้เครื่องโทรโข่งประกาศว่า "ทหารเป็นลูกหลานประชาชนไม่ทำร้ายประชา ชน เพียงแต่ต้องการผิวทางจราจรคืนเท่านั้น" และใช้เวลาเจรจา 5 นาที กลุ่มชาวบ้านจึงได้ล่าถอยออกไป จากนั้นรถดับเพลิงกทม.ได้เข้าดับเพลิงที่ไหม้รถเมล์ ที่แยกป้อมมหากาฬ ก่อนที่พนักงานขับรถของขสมก. จะมาขับรถกลับไป

เสริมทหารอีก 2 กองพันประชิด

เวลา 17.25 น. ทหารเสริมกำลังจำนวน 2 กองพันเข้ามาบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า โดยใช้รถยีเอ็มซี 10 คัน และรถบัส 4 คัน ทหารตั้งแถวหน้ากระดาน อาวุธครบมือ เดินเข้ามาประชิดบริเวณลานพระรูปทรงม้า เจ้าหน้า ที่ตำรวจที่ดูแลพื้นที่บริเวณดังกล่าวได้ประสานกลุ่มผู้ชุมนุมที่กระจัดกระจายอยู่บริเวณดังกล่าวให้เคลื่อนย้ายออกเพราะเกรงจะเกิดการปะทะรุนแรง กลุ่มผู้ชุมนุมยอมเคลื่อนย้ายแต่โดยดี ขณะเดียวกลุ่มผู้ชุมนุมด้านแยกมิสกวันได้ตั้งแถวประจันหน้าบริเวณถนนราชดำเนินนอกตัดลานพระบรมรูปทรงม้าเช่นเดียวกัน

ที่ถนนศรีอยุธยา บริเวณป้ายรถเมล์สนามเสือป่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถเมล์ร้อน สาย 23 และรถร่วมบริการสาย 64 รวม 2 คันมาจอดขวางไว้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำน้ำมันมาราดรถเมล์สาย 23 เตรียมจุดไฟเผา แต่ทหารรักษาความปลอดภัยที่ประตูสนามเสือป่าเห็นเหตุ การณ์จึงแจ้งและนำกำลังทหารพร้อมอาวุธออกมาตั้งแถว ป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านหน้าวัดเบญจมบพิตร ตัดถนนพระราม 5 กรูเข้ามา จากนั้นนำรถดับเพลิงของทหารเข้ามาฉีดน้ำเพื่อไล่น้ำมันออกจากรถเมล์สาย 23 และนำกำลังทหารเข้าตั้งแถวหันหน้าไปที่แยกสวนมิสกวัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนอีก 1 แถวหันหน้าเข้าลานพระบรมรูปทรงม้า

ในส่วนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อเกิดเหตุชุลมุนได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปราบจราจลสวมเกราะป้องกันจำนวน 2 กองร้อย เข้ามาประจำแถวบริเวณถนนพิษณุโลก ปากทางเข้าบช.น. โดยนำแผงเหล็กมากั้นและตรึงกำลังไว้

แม้วแฉซีเอ็นเอ็นมีคนถูกยิงตาย

เมื่อเวลา 18.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สดสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นทางวิดีโอลิงก์ โดยกล่าวถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพราะประชาธิปไตยของไทยมีปัญหา มีการใช้กฎหมายสองมาตรฐานมา 3 ปีแล้ว จนประชา ชนไม่พอใจ ตนแค่กระตุ้นให้คนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ซีเอ็นเอ็นถามว่าจะกลับเมืองไทยเมื่อใด พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า พร้อมจะไปตามเวลาที่เหมาะสม เหตุที่เกิดขึ้นเพียงเพราะคนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย แต่กลับถูกตอบโต้ด้วยวิธีที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ดูได้จากเหตุการณ์ที่พัทยา จนมาถึงเช้าวันนี้ ทหารใช้กระสุนจริง ถึงจะยิงขึ้นฟ้า แต่ก็ยิงคนตายด้วย

ซีเอ็นเอ็นถามต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พูดถึงประชาธิปไตย แต่ตัวท่านเองถูกข้อหาคอร์รัป ชั่น ประชาชนจะยอมรับหรือ อดีตนายกรัฐมน ตรีกล่าวว่า ไม่จริง ตนถูกรัฐประหาร ถูกใช้อำนาจแทรกแซง ด้วยระบบสองมาตรฐาน

ซีเอ็นเอ็นถามว่า วางแผนจะทำอย่างไรต่อไป พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันใช้แนวทางสันติ อย่าใช้กำลัง สงครามไม่เคยสงบได้เพราะการใช้อาวุธ เพราะยิ่งใช้ความรุนแรง เหตุจะยิ่งรุนแรง การที่ทหารยิงประชา ชนเป็นเรื่องที่ปกปิดไม่ได้ เหมือนช้างตายทั้งตัวจะเอาใบบัวปิดได้อย่างไร อย่างในเหตุการณ์ มีคนถูกยิงที่หน้าอก จากนั้นฝ่ายรัฐบาลก็รีบนำศพขึ้นรถหลบออกไป

กอฉ.ขอสงวนสิทธิ์ใช้อาวุธ

เวลา 14.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ในฐานะผอ.กอฉ. พร้อมด้วยคณะกรรมการ กอฉ. ประกอบด้วย พล.อ.จิรเดช คชรัตน์ รองผบ.ทบ. พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผบ.ทร. พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผบ.ทอ. พล.อ.รัชกฤต กาญจวัฒน์ เสนาธิการทหาร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ. พล.ร.อ.ระพล คำคล้าย เสธ.ทร. พล.อ.อ.มานิตย์ สพันธุพงษ์ เสธ.ทอ. พร้อมผู้ว่าฯกทม. ผบ.สำนักข่าวกรอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมประชุมหารือถึงแนวทางแก้ไขสถานการณ์

เวลา 15.30 น. พล.อ.ทรงกิตติแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า กอฉ.จะดำเนินการทุกวิถีทางให้เกิดความสงบโดยเร็วบนพื้นฐานความเคารพสิทธิของประชาชน พยายามทำให้การจราจร การดำเนินชีวิต การคมนาคมที่สำคัญอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ ไม่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชนแต่ขอสงวนสิทธิ์ใช้อาวุธป้องกันตัวเอง สำหรับการเดินทางกลับจากภูมิลำเนาของประชาชนหลังเทศกาลสงกรานต์นั้น อยากให้ทยอยกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ เราจะไม่จำกัดสิทธิ์ของท่านแต่จำเป็นต้องตรวจตราตรวจสอบว่า มีการเคลื่อนย้ายอาวุธหรือสิ่งที่เป็นอันตรายต่อประชาชนโดยรวมหรือไม่ คงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและดูแลการเดินทาง มาตรการควบคุมที่ถูกกำหนดขึ้นจะใช้ในห้วงเวลาอันสั้นที่สุด เมื่อหมดความจำเป็นจะหยุด

เผยใช้ทหาร 50 กองพันสลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์พร้อมด้วยนายสุเทพ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม และผบ.เหล่าทัพ ประกอบด้วย พล.อ. อนุพงษ์ พล.ร.อ.กำธร พล.อ.อ.อิทธพร และ พล.ต.อ.พัชรวาท ยังคงหารือถึงการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงภาย ในร.1 รอ.

รายงานข่าวจากกองทัพเผยว่า กำลังทหารที่ใช้สลายการชุมนุมครั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์สั่งการให้พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นผู้สนธิกำลังเข้าปราบปราบและสลายเพื่อเคลียร์เส้นทางให้เกิดความสงบในพื้นที่ตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้ใช้กำลังจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน(พล.ปตอ.) กองพลทหาร ม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เบื้องต้นใช้กำลังดูแลความสงบเรียบร้อย 50 กองพัน

โฆษกทบ.โต้วุ่นใช้เอ็ม-16 ยิงม็อบ

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงข่าวการสลายม็อบที่บริเวณสาม เหลี่ยมดินแดงมีผู้เสียชีวิตหลายคนว่า เป็นการสร้างข่าวของกลุ่มคนเสื้อแดง ตรวจสอบไปยังศูนย์นเรนทรไม่พบกลุ่มคนเสื้อแดงเสียชีวิตขณะกำลังทหารปฏิบัติภารกิจบริเวณสามเหลี่ยมดินแดงและย่านอนุสาวรีย์ กองทัพยังตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลราชวิถีก็ไม่พบผู้ชุมนุมเสียชีวิต ส่วนข่าวทหารเก็บศพผู้เสียชีวิตไปนั้น ยืนยันว่าไม่มี ถ้าทหารปฏิบัติอย่างนั้น ต้องมีภาพจากสื่อ ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นปฏิบัติการทางจิตวิทยาทำลายความน่าเชื่อของกองทัพ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างระมัดระวังอยู่แล้ว ภาพข่าวที่เผยแพร่ทางสถานีโทรทัศน์ในลักษณะกำลังทหารใช้อาวุธปืนเล็งตรงไปยังกลุ่มผู้ชุมนุม ความจริงคือทหารกำลังดึงคันรั้งปืน มีผู้สื่อข่าวเห็นการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตลอดเวลา กระสุนที่ใช้เป็นกระสุนซ้อมรบหรือกระสุน แบลงก์ หัวกระสุนเป็นหัวกระดาษ มีเพียงเสียงดัง ไม่เป็นอันตรายต่อประชาชน หากทหารยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุมคงเจ็บมากกว่านี้

เมื่อถามว่ากลุ่มคนเสื้อแดงยกระดับความรุนแรงมากขึ้น กองทัพจะรับมือไหวหรือไม่ พ.อ. สรรเสริญกล่าวว่า รับไหวและไม่ได้ประมาท ทหาร และตำรวจที่จัดลงไปกว่า 50 กว่าจุดเพ่งเล็งในการดูแลความสงบเรียบร้อยเป็นพิเศษทั้งนี้พล.อ.อนุพงษ์สั่งย้ำกำลังพลเสมอว่า ทุกวิถีทางที่ปฏิบัติทั้งทหารตำรวจ ต้องให้เกิดผลกระทบต่อกลุ่มผู้ชุมนุมน้อยที่สุด สูญเสียน้อยที่สุด แม้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะยากลำบากแต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน

บิ๊กตุ้ยฉุนอยากตบปากเด็ก"เน"

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ระหว่างปฏิบัติภารกิจส่วนตัวที่สหรัฐ กรณีนายศุภชัยกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังนำรถแก๊สจากบริษัทสยามแก๊สมาขวางเส้นทางจราจรว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตนเป็นเพียงประธานบอร์ดของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่เจ้าของบริษัท จะไปสั่งพวกคนขับรถให้เอารถสยามแก๊สไปสนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดงได้อย่างไร คนที่ออกมาพูดต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่พูดพล่อยๆ ลอยๆ การพูดต้องมีหลักฐานเพียงพอ ไม่ใช่พูดส่งเดชแบบนี้ บ้านเมืองจะยิ่งเกิดปัญหาหนัก คนพวกนี้โจมตีมั่ว นึกถึงใครก็เอามาอ้าง ตนอยู่เมืองนอกแท้ๆ ยังมากล่าวหา บ้าหรือเปล่า ใช้อะไรคิด จะสั่งใครได้ เพียงแต่รถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทสยามแก๊ส มีชื่อตนเป็นประธานบอร์ด จึงถูกกล่าวหา

"มันกล่าวหาแบบเฮงซวย กลับไปจะไปตบปากมัน ปากหมา ผมไม่เกี่ยว มันก็รู้แต่ยังมาใส่ร้าย สู้ไม่ได้ก็มาหาเรื่อง ระวังปากให้ดี มาทะลึ่งกับชัยสิทธิ์ เดี๋ยวเจอดี ไอ้ใจสมุทรหรือใจหมากันแน่" พล.อ.ชัยสิทธิ์กล่าว

"มาร์ค"โต้"แม้ว"ทางซีเอ็นเอ็น

ต่อมาเวลา 19.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชา ชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางสถานีซีเอ็นเอ็น ตอบโต้พ.ต.ท.ทักษิณที่ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ 1 ชั่วโมง ว่า รัฐบาลชุดนี้มาจากระบอบประชาธิปไตย ใช้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันนี้ กระบวนการในการเลือกนายกรัฐ มนตรีในรัฐสภาก็เป็นหนทางเดียวกับรัฐบาล 2 ชุดที่แล้วซึ่งสนับสนุนพ.ต.ท.ทักษิณบริหารประเทศ ไม่มี ใครปฏิเสธถึงความจำเป็นที่ต้องปฏิรูปทางการเมือง แต่จะให้ถูกข่มขู่ด้วยการใช้ความรุนแรง หรือการไม่เคารพกฎหมายไม่ได้

ซีเอ็นเอ็นถามว่า แน่ใจว่าจะทำให้คนไทยหันมาเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เนื่องจาก พ.ต.ท. ทักษิณได้รับการสนับสนุนอย่างมากในไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนในต่างจังหวัด แน่ใจหรือไม่ว่า มีความสามารถจะดำเนินการนั้นได้ นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในไทยเมื่อเดือนม.ค.2552 ที่ผ่านมา เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากตนเข้ารับตำแหน่ง และได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งซ่อม โดยได้รับเลือกเข้ามา 21 ที่นั่งจาก 27 ที่นั่ง ทั้งหมดเป็นชัยชนะที่ประชาธิปัตย์ไม่เคยชนะ และในการเลือกตั้งก่อนหน้านั้น การนับคะแนนนิยมในการเลือกพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้เพียงแค่แสนกว่าคะแนน และเรามาไกลที่จะยืนยันได้ว่า เราเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย เป็นรัฐบาลที่เคารพสิทธิมนุษยชน ไม่มีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม มีความรับผิดชอบ ไม่แทรกแซงสื่อมวลชน

"อ๋อย"ขึ้นเวทีชี้รบ.ทำหายนะ

เวลา 14.00 น. ที่เวทีปราศรัยทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเสื้อแดงประกาศขอรับบริจาคน้ำดื่มจากกลุ่มผู้ชุมนุม เตรียมรับมือหากเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมโดยใช้แก๊สน้ำตา พร้อมระดมผู้ชุมนุมให้ไปปักหลักบริเวณแยกจปร. และแยกวัดเบญจมบพิตร เนื่องจากทั้ง 2 จุดเป็นด่านหน้า หากเจ้าหน้าที่เข้ามาสลายการชุมนุม กลุ่มเสื้อแดงเตรียมนำรถเมล์มาจอดขวางเพิ่มเติมทั้ง 2 จุดเพื่อเป็นแนวป้องกัน

ต่อมา 14.50 น. นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ขึ้นเวทีปราศรัยว่า ที่ผ่านมาข้อเสนอของตนที่แถลงผ่านสื่อตามโรงแรมต่างๆ ไม่ได้รับการตอบรับจากรัฐบาล จึงใช้เวทีนี้สื่อไปยังหน่วยข่าวกรองและตำรวจสันติบาล บอกผ่านไปยังนายอภิสิทธิ์และผู้รับผิดชอบว่า การใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชน มีแต่สร้างความหายนะให้ประเทศ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที ให้นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา เปิดประชุมสภา ใช้เวทีสภาลงมติยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมถึงให้ทหารที่ออกมากลับเข้ากรมกองโดยเร็วที่สุด จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหา

นายจาตุรนต์กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์พูดเสมอว่าทหารต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ทำร้ายใคร มาตอนนี้พล.อ.อนุพงษ์กลับความจำเสื่อม ใช้กำลังทหารทำร้ายคนเสื้อแดง ผิดกลับกลุ่มพันธมิตรฯที่ยึดสนามบิน ทหารไม่เคยออกมาแสดงท่าทีอะไรเลย ทั้งที่ประเทศชาติเสียหายเป็นแสนล้าน การไม่รักษากฎหมายให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันที่ว่านี้ ชี้ให้เห็นว่าการรักษากฎหมายในประเทศเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว เป็นการเลือกปฏิบัติไม่มีความเป็นธรรม ส่งผลสำคัญต่อสถานการณ์บ้านเมืองใน 1-2 วันที่ผ่านมา

จับทหารแฝงตัวเข้าในม็อบ

เวลา 16.15 น. การ์ดเสื้อแดงจับกุมชายนิรนามร่างท้วมใส่เสื้อสีแดง กางเกงขาสั้น หลังถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรุมประชาทัณฑ์จนปากแตกจากบริเวณสนามม้านางเลิ้งมาสอบสวนด้านหลังเวทีทำเนียบรัฐบาล โดยชายนิรนามดังกล่าวยอมรับว่าเป็นทหารนอกเครื่องแบบจากพล.1 รอ. มาแฝงตัวสังเกตการณ์และหาข่าว แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อ การ์ดเสื้อแดงจึงล็อกกุญแจมือแล้วกักตัวไว้บริเวณป้อมยามด้านข้างเวที ทั้งนี้ระหว่างสอบสวนชายนิรนาม การ์ดเสื้อแดงได้ต่อสายเจรจากับนายทหารต้นสังกัดของชายดังกล่าว แต่การเจรจาไม่เป็นผล เพราะกลุ่มเสื้อแดงต้องการกักตัวนายทหารคนนี้ไว้เป็นตัวประกัน หากมีการสลายการชุมนุมที่ทำเนียบ

ต่อมา การ์ดเสื้อแดงนำตัวนายชด บุญขันธ์ ชาวกาฬสินธุ์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดที่ต้นขาซ้าย กระสุนฝังในมาปฐมพยาบาลด้านหลังเวที ชายดังกล่าวถูกยิงจากบริเวณถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ซอย 5 นอกจากนี้ในเวลาไล่เลี่ยกัน การ์ดเสื้อแดงแจกจ่ายหนังสติ๊กแก่ผู้ร่วมชุมนุมทุกคนที่ผ่านไปมาบริเวณด้านหลังเวทีด้วย เวลา 17.00 น. นายณัฐวุฒิขึ้นกล่าวบนเวที ขออาสาสมัครแนวหน้าที่เป็นผู้หญิง 30 คนออกไปเจรจากับทหารบริเวณแยกมิสกวัน จากนั้นอาสาสมัครผู้หญิงรวมตัวกันได้มากเกือบ 200 คนที่ด้านหลังเวที ตั้งแถวเรียง 10 ทุกคนถือดอกกุหลาบสีแดง ด้านหน้าแถวถือพระบรมฉายา ลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ละคนถือผ้าปิดจมูกและขวดน้ำเพื่อป้องกันแก๊สน้ำตา

ปาระเบิดเพลิงใส่บก.ทบ.

เวลา 16.55 น. ที่หน้าบก.ทบ. กลุ่มพระสงฆ์ 30 รูป อ้างจะยื่นหนังสือต่อพล.อ.อนุพงษ์กรณีที่นำกำลังทหารเข้าปราบปราบประชาชนเพื่อให้ยุติการใช้ความรุนแรง ขณะที่นายทหารเวรกำลังจะเข้าไปรับหนังสือ กลุ่มคนเสื้อแดง 100 คน ได้บุกประชิดกำแพงและปาระเบิดเพลิง ระเบิดขวดหลายสิบลูกเข้ามาภายในบก.ทบ. ผู้สื่อข่าว ช่างภาพ พยายามบันทึกภาพทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่พอใจ ตะโกนสั่งห้าม บันทึกภาพและขว้างปาก้อนหินเข้ามาอีก โดนรถยีเอ็มซีที่ทหารได้นำมาปิดขวางประตูด้านใน บางลูกก็หล่นมายังสนามฟุตบอล กลุ่มผู้สื่อข่าวและสห.ทบ. เจ้าหน้าที่ทหารที่ยื่นดูเหตุการณ์ต่างวิ่งหนีกระเจิง

กลุ่มคนเสื้อแดงยังตะโกนด่าทอต่างๆ นานา รวมทั้งปาระเบิดเพลิงและใช้สิ่งของปาเข้ามาเป็นระยะ โดยเฉพาะระเบิดเพลิงที่ถือเป็นอาวุธที่ได้ผล เพราะโยนมาก็เกิดไฟลุกที่ต้นไม้และสิ่งกีดขวาง พร้อมกันนี้ได้ยึดรถเมล์ประจำทาง 6 คัน มาเผาตั้งแต่แยกจปร.จนถึงหน้าบก.ทบ. และสนามมวยราชดำเนิน และเผายางรถยนต์

พล.ต.อุทิศ สุนทร ผบ.มทบ.11 ในฐานะผบ.เหตุการณ์ในพื้นที่บก.ทบ. ต้องลงมากำกับและสั่งการเพื่อรักษาความสงบด้วยตัวเอง จากนั้นสั่งให้เตรียมรถดับเพลิง 2 คัน รถน้ำ รถขยายเสียง เพื่อฉีดน้ำดับไฟที่ไหม้รถเมล์ และสั่งกำลังทหาร 1 กองร้อยปราบจลาจลจากปตอ. พัน.5 มาตั้งแถวรับเพื่อป้องกันเหตุ โดยมี พล.ท.มาลัย คิ้วเที่ยง รองเสธ.ทบ.(1) พล.ท.บุญสร้าง มานะธรรม ผช.เสธ.ทบ.ฝกบ. พล.ต. อักษรา เกิดผล จก.ยุทธการทหารบก พล.ต. วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เลขานุการกองทัพบก ลงมาดูเหตุการณ์ ขณะที่เสื้อแดงยิงปืนเข้ามายังกลุ่มทหารภายในบก.ทบ. รวมทั้งเผายางรถอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่สื่อสารทหารต้องประกาศผ่านรถขยายเสียงให้ยุติการกระทำเพราะต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน ทหารจะไม่ทำร้ายประชา ชน และเจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพของผู้ก่อเหตุได้หมดแล้ว ขอให้หยุดการกระทำ แต่ไม่เป็นผล

ระทึกปืนไล่ยิงกัน-หวิดเผาปั๊ม

เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ชาวบ้านละแวกวัดโสมฯ หลังสนามมวยราชดำเนินได้รวมตัวกันและนำอาวุธปืนมาต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดง จนเกิดการปะทะกันด้วยอาวุธปืนอย่างต่อเนื่องหลายสิบนัด จนฝ่ายทหารได้เรียกกำลังกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ หรือหน่วยอาร์ดีเอฟ ร.31 รอ. พร้อมอาวุธครบมือมาช่วยชาวบ้าน จึงเกิดการยิงต่อสู้ปะทะกันหลายสิบนาที จนกลุ่มคนเสื้อแดงถอยร่นแต่ก็เผาองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป.) และจะเผาปั๊มน้ำมันเอสโซ่ บริเวณแยกจปร. แต่ถูกกำลังทหารเข้าขัดขวางก่อน

กลุ่มคนเสื้อแดงได้ไปยังอาคารสำนักปลัดบัญชีทหารบก บริเวณสะพานมัฆวานฯ เพื่อเผา แต่เจ้าหน้าที่สห.ทบ.ขัดขวาง อย่างไรก็ตามเสื้อแดงได้จับสห.ทบ.ไปคนหนึ่งก่อนปล่อยตัว และเดินทางไปทุบรถบัสที่สำนักงานยูเอ็น

สั่งระดมการ์ดอาสาต้านสลาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการ์ดเสื้อแดงจับ กุมตัวนายทหารที่แฝงตัวเข้ามาในม็อบมาสอบสวนและกักตัวไว้นานกว่า 5 ช.ม. ปรากฏว่าเวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ดุสิต 4 นาย มาเจรจากับการ์ดเสื้อแดง ก่อนนำตัวนายทหารดังกล่าวออกไปจากพื้นที่

เวลา 18.00 น. น.พ.เหวง ได้ขึ้นเวทีปราศรัยขออาสาสมัครชาย 1,000 คน ไปประจำตามจุดสกัดกั้นรอบทำเนียบ พร้อมนำรถประจำทางมากั้นไว้ และขอให้นำตะปูเรือใบไปโปรยไว้ตามทางเพื่อสกัดกั้นทหารที่อาจบุกเข้ามาสลายการชุมนุมในทำเนียบ หากรักษาที่มั่นบริเวณทำเนียบไว้อย่างน้อย 48 ช.ม. ถือว่าเราชนะ

เผยยอดเจ็บ 94-โคม่า 1

ต่อมานายวีระ มุสิกพงศ์ กล่าวบนเวทีว่ากรณีนายสุชน ชาลีเครือ และพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ยื่นถวายฎีกานั้น สอดคล้องกับแนวทางของคนเสื้อแดงซึ่งถวายฎีกาต่อสำนักราชเลขาธิการแล้วเช่นกัน นำโดยน.พ.เหวง และนางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา แต่ไม่ประกาศให้ทราบเนื่องจากเกรงว่าจะไม่สมควร สำหรับเนื้อหาในฎีกาเกี่ยวกับการที่รัฐบาลนำโดยนายอภิสิทธิ์และผบ.เหล่า ทัพใช้อาวุธกับคนเสื้อแดง

เวลา 19.00 น. นายจตุพรปราศรัยตอบโต้กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ชั้น 2 ตึกอาชีวศึกษาภายในกระทรวงศึกษาธิการว่า ยืนยันว่าเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าวไม่ได้มาจากคนเสื้อแดง แต่มาจากผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์วางเพลิงเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง

เวลา 18.00 น. น.พ.ชาตรี เจริญชีวกุล ผู้อำนวยการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ(สพฉ.) กล่าวว่า สถานการณ์ผู้บาดเจ็บล่าสุดในช่วงเย็นภายหลังมีเหตุการณ์ปะทะตลอดทั้งช่วงบ่ายที่ผ่านมา พบว่ามีผู้บาดเจ็บเพิ่มอีก 20 ราย รวมทั้งหมดเป็น 94 ราย การปะทะในช่วงบ่ายไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บรุนแรง และผู้ได้รับบาดเจ็บที่อาการหนักยังคงมี 1 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ มีการประสานงานกันของหน่วยให้ความช่วยเหลือ สามารถกระจายผู้ได้รับบาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลต่างๆได้

"เทือก"ออกทีวีชื่นชมทหาร

เวลา 19.40 น. นายสุเทพ ได้แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ สรุปสถาน การณ์การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงว่า เช้าวันเดียวกันนี้เปลี่ยนการชุมนุมเป็นหลายจุดในกทม.ให้การจราจรเดินไปไม่ได้ แม้ผู้ชุมนุมใช้วิธีรุนแรงยั่วยุ แต่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าภายใต้การบริหารอำนวยการของกอฉ. ที่มีผบ.สส.เป็นผู้อำนวยการ เกิดผลสำเร็จตามลำดับ สามารถยึดพื้นที่คืน อาทิ บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และแยกศรีอยุธยา ทำให้การจราจรในกทม.เคลื่อนตัวสัญจรตามปกติ การทำงานของเจ้าหน้าแสดงถึงความรับผิดชอบอย่างสูง แม้ต้องใช้กำลังดำเนินการ แต่ไม่ปรากฏผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังเป็นห่วงกังวลอาจก่อวินาศกรรมในหลายพื้นที่ เช่น วางเพลิง วางระเบิด ประชาชนสามารถช่วยเหลือรัฐบาลได้ด้วยการดูแลกวดขันสำนักงานและบ้านเรือนของตัวเอง สอดส่องเป็นหูเป็นตาให้ จะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่รัดกุมมากขึ้น ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่อย่าได้ประมาท ตนพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ ทั้งหมดยังมีขวัญกำลังใจทำงาน

เสื้อแดงถูกชาวบ้านทำร้าย

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 15.00 น. ปากซอยเพชรบุรี 5 หรือซอยกิ่งเพชร กลุ่มเสื้อแดงขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาที่ปากซอย จากนั้นมีเสื้อแดงคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับไปสังเกต การณ์ ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยภายในซอยกิ่งเพชรรวมตัวกันและแสดงความไม่พอใจว่าสร้างความวุ่นวายให้บ้านเมือง และรุมทำร้ายจนเสื้อแดงคนดังกล่าวล่าถอยไปเรียกกลุ่มเสื้อแดงที่ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับมา โดยนำอาวุธประกอบด้วย ไม้ ขวด และท่อนเหล็กมาด้วย จนกลุ่มชาวบ้านต้องล่าถอยเข้าไปหลบภายในซอยและรวมกลุ่มกันอีกครั้ง ก่อนเคลื่อนมาปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปากซอย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นไปเรื่อยๆ จากบริเวณแยกอุรุพงษ์ ไปแยกยมราช และหน้าโรงพยาบาลมิชชั่น

เวลา 17.00 น. บริเวณสี่แยกอุรุพงษ์ กลุ่มผู้ชุมนุมที่แตกร่นเพราะถูกกำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมก่อนหน้านี้ เริ่มกลับมาชุมนุมกันอีกครั้ง และส่งเสียงโห่และด่าทอทหาร ที่สุดทหารต้องตัดสินใจเข้าสลายการชุมนุมอีกครั้งโดยยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ ตีเกราะเคาะโล่ และเดินเท้าไปข้างหน้าตลอดเวลา ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมถอยร่นจากถนนเพชรบุรี บางส่วนถอยร่นขึ้นสะพานข้ามแยกยมราช บางส่วนถอยร่นข้ามทางรถไฟบริเวณแยกยมราชไปอยู่ด้านหน้าโรงพยาบาลมิชชั่น ระหว่างการถอยร่นกลุ่มผู้ชุมนุมได้จุดไฟเผารถโดยสารปรับอากาศ 2 คัน ที่จอดอยู่ด้านล่างสะพานข้ามแยกยมราช และบนสะพานข้ามแยกยมราช ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารใช้วิทยุประกาศขอกำลังใจจากประชาชนที่ออกมาดูการสลายการชุมนุม ประชาชนมีทั้งกลุ่มที่ให้กำลังใจผู้ชุมนุมและกลุ่มที่ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร ผลจากการกดดันของเจ้าหน้าที่ทหารทำให้ผู้ชุมนุมถอยร่นไปถึงด้านหน้าสนามม้านางเลิ้ง และปักหลักบริเวณด้านหน้าสนามม้านางเลิ้ง

ม็อบผู้หญิงอ้อนวอนทหาร

เวลา 17.35 น. ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งตั้งแถวบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า จำนวน 1 กองพัน ติดริบบิ้นสีขาวรอบต้นแขนซ้าย เดินเท้ามุ่งหน้าไปด้านแยกมิสกวัน ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเป็นผู้หญิง คนแก่ จำนวน 60 คน ถือดอกกุหลาบคนละ 1 ดอก เดินหน้าตรงเข้าประจันหน้าทหารที่เดินแถวเข้ามา ต่างหยุดและร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นได้ก้มลงกราบที่พื้นและลุกขึ้นส่งดอกกุหลาบให้ทหาร แต่ทหารไม่รับเนื่องจากอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ กลุ่มผู้ชุมนุมหญิงจึงนำดอกไม้ไปเสียบไว้ที่กระเป๋าเสื้อของทหาร บางคนได้เข้าสวมกอดทหาร บ้างนั่งลงพนมมือไหว้ บ้างกราบเท้า ทั้งหมดร้องไห้และอ้อนวอนให้เห็นใจ โดยขอไม่ให้ทหารเข้าทำร้ายประชาชน ผู้บังคับบัญชากองพันจึงเดินเข้ามาหากลุ่มผู้ชุมนุมหญิงและรับปากว่าจะไม่บุกเข้าไปทำร้าย ทหารต้องการรักษาพื้นที่จึงจำเป็นต้องตรึงกำลังไว้ จึงขอให้ผู้ชุมนุมเชื่อใจและกลับเข้าสู่ที่ตั้งเดิม กลุ่มผู้ชุมนุมหญิงทั้งหมดจึงเดินทางกลับบริเวณแยก มิสกวัน

เวลา 18.00 น. บริเวณตลาดนางเลิ้ง เสื้อแดงได้ปักหลักบริเวณเชิงสะพานเทวกรรม เพื่อป้องกันแนวตำรวจเข้ามาจับแกนนำและสลายการชุมนุม ผู้ชุมนุมได้ขับรถดับเพลิงที่จอดอยู่ที่แยกนางเลิ้งเพื่อนำไปที่ถนนนครสวรรค์ แต่ชาวบ้านบริเวณตลาดนางเลิ้งเกือบ 500 คน ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนางเลิ้งไม่พอใจและเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะมาเผาและทำลายทรัพย์สินเสียหายเช่นเดียวกับพื้นที่อื่น จึงรวมตัวกันบริเวณถนนนครสวรรค์ เตรียมไม้และท่อนเหล็กเป็นอาวุธ และไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมนำรถดับเพลิงเคลื่อนผ่าน ทั้งสองฝ่ายจึงโต้เถียงกัน 15 นาที ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะยอมล่าถอยกลับไปบริเวณแยกนางเลิ้งในที่สุด

ด่าทหารเลือกข้างพันธมิตร

เวลา 18.30 น. กำลังทหารบริเวณสะพานผ่านฟ้า ผ่อนกำลังไปรักษาการอยู่สองฟากราวสะพาน เพื่อเปิดการจราจรบริเวณดังกล่าว เมื่อทหารถอนกำลังออกไปมีชาวบ้าน 4-5 คน นำแผงเหล็กมากั้นปิดการจราจรใหม่อีก ทหารจึงจัดกำลัง 1 หมวด มายกแผงเหล็กออกจากพื้นผิวจราจร ขณะที่นายวรัญชัย โชคชนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเดินถือโทรโข่งประกาศชวนประชาชนบริเวณสะพานผ่านฟ้า ให้เข้ามาร่วมชุมนุมที่ทำเนียบเพราะสถานการณ์กำลังคับขัน แต่ปรากฏมีชาวบ้านประมาณไม่ถึง 10 คนที่เดินตามนายวรัญชัย ส่วนที่เหลืออีกกว่า 200 คนตัดสินใจปักหลักอยู่ที่สะพานผ่านฟ้า มีการด่าทอทหารประปราย อ้างว่าสมัยพันธมิตรออกมาปิดสนามบินทหารไม่ออกมา ครั้งนี้ทหารกลับเอาปืนมาต่อสู้ประชาชน

ภายหลังจากที่ทหารเข้าเคลียร์พื้นที่สะพานผ่านฟ้าได้แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมที่ล่าถอยไปตามถนนราชดำเนิน และไปก่อเหตุที่แยก จปร. ก่อนถอยมารวมตัวกับผู้ชุมนุมกลุ่มใหญ่บริเวณสะพานมัฆวานฯ

เวลา 19.00 น. บริเวณถนนนครสวรรค์ตัด ถนนพะเนียง ใกล้ตลาดนางเลิ้ง ขณะที่ชาวบ้านกำลังจับกลุ่มป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านบริเวณดังกล่าว มีชายอายุประมาณ 40-50 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามา ชาวบ้าน 50 คน จึงลุกฮือเข้าไปล้อมรถจักรยานยนต์ก่อนรุมสกรัม ชาวบ้านอ้างว่าชายคนดังกล่าวพยายามขนน้ำมันเข้ามาเตรียมก่อเหตุ แต่ที่สุดปล่อยตัวไปในสภาพสะบักสะบอมพร้อมรถจักรยานยนต์

ยิงถล่มกันนัว-เผยตาย 2

เวลา 20.00 น. บริเวณถนนนครปฐม ตลาดนางเลิ้ง กลุ่มเสื้อแดง 300 คน รวมตัวกันบริเวณเชิงสะพานเทวกรรม ประจันหน้ากับกลุ่มชาวบ้านนางเลิ้ง 400 คน ประกอบด้วยหญิง ชาย คนแก่และวัยรุ่น ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้าในตลาดนางเลิ้ง ที่ปักหลักอยู่กลางถนนนครปฐม ทั้งสองฝ่ายได้ตะโกนด่าทอยั่วยุกันไปมา กลุ่มเสื้อแดงโยนวัตถุคล้ายวัตถุระเบิดเสียงดังมายังกลุ่มชาวบ้าน 2 ลูก และวิ่งฮือเข้าใส่กลุ่มชาวบ้านก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะยิงปืนเข้าใส่กัน และต่างใช้ไม้และมีดไล่ฟันกัน ชาวบ้านที่สังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ วิ่งหลบกันจ้าละหวั่น จนล่าสุดชาวบ้านต้องล่าถอยมาอยู่ตรงแยกถนนนครปฐมตัดถนนพะเนียง

ระหว่างการปะทะมีเสียงปืนและเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นตลอดเวลา ภายหลังการปะทะกันราว 15 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาควบคุมสถานการณ์ เบื้องต้นทราบว่ากลุ่มชาวบ้านได้รับบาดเจ็บถูกยิง 3 คน คนแรกถูกยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด คนที่สองถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง 1 นัด คนที่สามถูกยิงเข้าที่หน้าอก 1 นัด นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บของทั้งสองฝ่ายจำนวนมาก ถูกส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลใกล้เคียง

อย่างไรก็ตาม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เอ็นบีทีเมื่อเวลา 21.30 น.ว่ามีคนที่ถูกยิงในเหตุการณ์นี้ เสียชีวิต 1 ราย ชื่อนายป้อม อายุ 51 ปี นายสาทิตย์ยังอ้างด้วยว่าถูกกลุ่มเสื้อแดงยิงใส่

น.พ.เพ็ชรพงษ์ กำจรกิจการ ผอ.ศูนย์เอรา วัณ สำนักการแพทย์ กทม. กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันบริเวณนางเลิ้ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย คือ นายป้อม ผลพันบัว อายุ 50 ปี เสียชีวิตที่ร.พ.กลาง ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนอีกรายเสียชีวิตที่ร.พ.หัวเฉียว เบื้องต้นยังไม่ทราบชื่อ นอกจากนี้ มีผู้บาดเจ็บ จำนวน 9 ราย แยกเป็นผู้บาดเจ็บที่นำส่งร.พ. หัวเฉียว 6 ราย ร.พ.กลาง 3 ราย

มาร์คดวลแม้วอีกออกบีบีซี

ค่ำวันเดียวกัน ทั้งนายอภิสทิธิ์ และพ.ต.ท. ทักษิณ ต่างก็ให้สัมภาษณ์ออกอากาศสถานีบีบีซีของอังกฤษกันคนละครั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มั่นใจว่ารัฐบาลจะควบคุมสถานการณ์ได้ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ต้องรักษาบ้านเมืองให้สงบ อยากให้ประชาชนต้องการชุมนุมต้องทำอย่างสงบ จะก่อจลาจลไม่ได้ จะให้ความรุนแรงต่อประชาชนอื่นๆ ไม่ได้

ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่ตนปลุกระดมให้ประชาชนออกมาเรียกร้องประชาธิปไตย คือการเรียกร้องโดยสันติ และผู้ชมนุมครั้งนี้ผู้ชุมนุมออกมามือเปล่า แม้ว่าบางคนจะมีหนังสติ๊กและหิน แต่ฝ่ายทหารโกหกเกี่ยวกับเรื่องการยิงผู้ชุม นุม ที่บอกว่ายิงขึ้นฟ้ากลับเป็นการยิงใส่ฝูงชน
โดย: ชวลิต จิตต์ชื่น [14 เม.ย. 52 9:10] ( IP A:113.53.165.225 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live


คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน