งานเข้าอีกแล้ว คราวนี้ตาบิดาศาลบอด
   **นที่ 05 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 เวลา 18:30:23 น. มติชนออนไลน์


รพ.เอกชนชื่อดังเมืองโคราชผ่าตัดต้อกระจกพ่อผู้พิพากษา ตาบอดสนิท



จากกรณีที่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. นายกฤษดา ศรีกัลยา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนางเกษมศรี ศรีกัลยา ได้นำนายพินิจพงษ์ ศรีกัลยา อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30/2 ถ.สุรนารายณ์15 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบิดา เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนและขอความเป็นธรรม ต่อสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ หลังจากนายพินิจพงษ์ ได้เข้าทำการผ่าตัดดวงตาข้างซ้าย เพื่อรักษาอาการโรคต้อกระจก ที่โรงพยาบาลเซ็นต์เมรี่ นครราชสีมา แล้วเกิดอาการบอดสนิท แต่ทางโรงพยาบาลกลับปัดความรับผิดชอบ ไม่ยอมทำการรักษาต่อโดยให้ไปหาทางรักษาเอาเองที่ รพ.แห่งอื่นแทน อีกทั้งยังไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งที่จ่ายค่ารักษามีราคาสูงแต่กลับถูกปฏิเสธการรับผิดชอบในทุกด้าน โดยมีนายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นผู้รับเรื่องร้องเรียนครั้งนี้



นายพินิจพงษ์ ศรีกัลยา ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนเองเริ่มมีอาการดวงตาฟ่าฟาง ซึ่งเชื่อว่า อาจจะเกิดจากการขับรถตอนกลางคืน จึงเข้าไปปรึกษาแพทย์ที่ รพ.เซ็นต์เมรี่ โดยแพทย์ระบุว่า เป็นตาต้อกระจก ถ้าจะรักษาให้หายขาดได้จะต้องทำการผ่าตัดดวงตาทั้ง 2 ข้าง ซึ่งทางโรงพยาบาลจะคิดค่าผ่าตัดดวงตาข้างละ 17,000 บาท ตนจึงขอผ่าตัดทีละข้างก่อน และเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2552 ที่ผ่านมาได้ทำการผ่าตัดดวงตาข้างซ้าย ทั้งนี้หลังจากการผ่าตัดมีอาการปวดที่ดวงตา ทั้งที่กินยาที่แพทย์ให้มาสม่ำเสมอและปฎิบัติตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด จากนั้นอีก 3 วันเข้าไปปรึกษาแพทย์บอกเป็นอาการปกติ ขณะที่อาการปวดของตายังไม่หาย เวลาล่วงเลยผ่านไป 7 วัน จึงเข้าไปปรึกษาแพทย์อีกครั้ง แพทย์ก็ยังยืนยันว่า เป็นอาการปกติดี จากนั้นเวลาผ่านมาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังผ่าตัดเกิดอาการปวดที่ดวงตาอย่างรุนแรง ตนจึงเข้าไปพบแพทย์อีก แต่ครั้งนี้แพทย์บอกว่าไม่สามารถรักษาอาการนี้ได้แล้ว พร้อมกับแนะนำให้ไปหาทางรักษาเองที่โรงพยาบาลแห่งอื่น ตนจึงให้บุตรชายพาไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี แพทย์วินิจฉัยว่าจอประสาทตาที่ทำการผ่าตัดนั้น เสื่อมแล้ว ตนมีความรู้สึกเสียใจมาก โชคยังดีที่ไม่ผ่าตัดทั้ง 2 ข้างตามคำบอกของแพทย์




ด้านนายกฤษดา ผู้พิพากษาศาลจังหวัดบุรีรัมย์ บุตรชายของนายพินิจพงษ์ฯ กล่าวว่า สาเหตุที่พาบิดาไปทำการรักษาที่ รพ.เอกชน เนื่องจากเชื่อว่า การให้บริการในหลายๆ ด้านสะดวกรวดเร็ว และน่าจะดีกว่า รพ.ของรัฐ จึงยอมควักเงินส่วนตัวทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษารวมกว่า 2 แสนบาท ทั้งที่ถ้าจะรักษาใน รพ.ของรัฐ ก็รักษาฟรีและสามารถเบิกได้ตามระเบียบ และหลังจากทราบผลการรักษาของบิดาแล้ว ตนได้พยายามติดต่อโรงพยาบาลเซ็นต์เมรี่ เพื่อให้ทำการรักษาต่อให้จนหายเป็นปกติ แต่ทาง รพ.กลับไม่สนใจบอกว่าให้ไปหาทางรักษาเอาเองที่ รพ.อื่นแทน และตนได้ทักท้วงให้ทาง รพ.แสดงความรับผิดชอบกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เนื่องจากตนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาสูง จึงอยากเรียกร้องให้ทาง รพ.ออกมาแสดงรับผิดชอบ เพราะทั้งหมดเกิดจากความผิดพลาดของทาง รพ.เอง ทั้งนี้หากบิดาของตนรับการผ่าตัดดวงตาทั้งสองข้าง ตามคำแนะนำของแพทย์ เชื่อว่ายิ่งจะทำให้การดำเนินชีวิตของบิดาตนเองมีความลำบากมากกว่านี้อย่างแน่นอน



ด้านนายพลกฤต เนาว์ประโคน ประธานสภาทนายความจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า จากการตรวจพยานหลักฐานที่เห็นเบื้องต้น นั้นทางโรงพยาบาลน่าจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ หรือให้คำปรึกษาเพื่อหาทางออก ไม่ควรจะปฏิเสธอย่างเดียว อย่างไรก็ตามทางสภาทนายความ จะเร่งดำเนินการตามที่ผู้เสียหายร้องขอมา โดยการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น





ขณะที่ผู้สื่อข่าวประจำจ.นครราชสีมา ได้ติดต่อเพื่อขอคำชี้แจงจากผู้บริหารโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ จ.นครราชสีมา ซึ่งตั้งอยู่ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา โดยเจ้าหน้าที่ของ รพ.เซนต์แมรี่ ได้แจ้งให้ทราบว่า ทางผู้บริหารรพ.กำลังติดประชุมและไม่สะดวกที่จะชี้แจงเรื่องดังกล่าวและทาง รพ.กำลังตรวจสอบรายละเอียดจากคนไข้ว่า การตาบอดเกิดจากการผ่าตัดหรือในขั้นตอนไหน เมื่อได้รายละเอียดแล้วจะแจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบอีกครั้ง


แต่จนถึงเวลา 18.00 น. วันนี้ (5 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจาก รพ.เซนต์แมรี่แต่อย่างใด ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ไปสังเกตการณ์ที่โรงพยาบาลเซนต์เมรี่นครราชสีมา พบว่า สถานการณ์ทั่วไปภายใน รพ.ยังคงเป็นปกติ โดยบริเวณห้องจักษุก็ยังคงมีประชาชนที่ป่วยด้วยโรคทางสายตามาเข้ารับบริการเป็นปกติ ขณะที่แหล่งข่าวภายในเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ทางคณะผู้บริหาร รพ.ได้ประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วในช่วงบ่ายวันนี้ (5 ก.พ.) แต่ทั้งนี้จะออกมาแถลงข่าวกับสื่อมวลชนหรือไม่นั้น คงต้องขอระยะเวลาในการรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงอีกครั้ง





ด้าน นายแพทย์วิชัย ขัตติยวิทยากุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดเผยภายหลังจากรับทราบข่าวว่า ได้มีการสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้วในวันนี้5 ก.พ. ทั้งในเรื่องของข้อมูลผู้ป่วย ข้อมูลการผ่าตัด และสาเหตุของภาวะแทรกซ้อนที่ทำให้ตาบอด อย่างไรก็ตามยังจะได้ประสานไปยังผู้เชี่ยวชาญด้านจักษุวิทยาเพื่อให้ตรวจสอบเรื่องนี้เช่นกัน และภายใน 1-2 วันนี้ น่าจะรู้ผลการสอบสวนทั้งหมด
โดย: ยุ่งละซิ [5 ก.พ. 53 20:21] ( IP A:58.8.10.106 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   เริ่มแรกคงไม่ทราบว่าลูกของคุณลุงเป็นผู้พิพากษา
เลยแผลงฤทธิ์เอากับคนไข้ ซึ่งท่านผู้พิพากษาท่านนี้
ก็คงไม่ได้ไปป่าวประกาศบอกโรงพยาบาลว่าท่านเป็นใคร

ตอนนี้ ทางโรงพยาบาลก็รู้แล้ว ก็คงสะท้านสะเทือนหัวอก
ตรู....ไม่น่าเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

นี่ถ้าเป็นพวกเราชาวบ้านธรรมดา เขาไม่สนใจหรอก
เจ็บก็เจ็บไป ตายก็ตายไป ไม่ชดใช้ อยากได้ไปฟ้องเอา

งานนี้ไปท้าเขาหรือเปล่าล่ะ.................
เหอ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
โดย: จ๊ากกกกกกกกกกกกกกก [6 ก.พ. 53 12:54] ( IP A:115.87.130.228 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   พ่อผู้พิพากษาหรือผู้พิพากษาก็ประชาชนเหมือนกัน ผมรักษาเหมือนกัน รักษาได้ก็ได้เหมือนกัน ไม่ได้ก้ไม่ได้เหมือนกัน ไม่มีสิทธิพิเศษ
โดย: คนเราเท่าเทียมกัน [7 ก.พ. 53 12:06] ( IP A:112.142.110.189 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   คาดเดาว่า เรื่องนี้จบเร็ว
แบบเงียบ ๆ
ต่างกับเรื่องชาวบ้าน
ฟ้ากับเหว
โดย: ฐานันดร [7 ก.พ. 53 15:48] ( IP A:58.9.206.3 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ผู้พิพากษาแล้วงัยเหรอ
คิดว่าใหญ่ยังงัยเหรอ
แล้วประสาทป่าว ไปฟ้องสภาทนายอ่ะออกสื่ออ้ะ
ออกสื่อเพื่อให้เป้นข่าวใช่ป่ะ

เลวทั้งสื่อ ทั้งสภาทนาย ทั้งผู้พิพพากษาคนนั้น
ส่วน รพ.คงต้องออกมาชี้แจงด่วน
โดย: หนุ่มนนท์ [7 ก.พ. 53 22:03] ( IP A:125.25.223.228 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   การปัดความรับผิดชอบ ใครไม่โดนเข้ากับตัว..ก็ไม่มีวันรู้สึก
โดย: เจ้าบ้าน [7 ก.พ. 53 23:18] ( IP A:124.121.144.90 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ถึงความเห็น 5

ช่วยอ่านประโยคนี้หน่อย

"แต่ทางโรงพยาบาลกลับปัดความรับผิดชอบ ไม่ยอมทำการรักษาต่อโดยให้ไปหาทางรักษาเอาเองที่ รพ.แห่งอื่นแทน อีกทั้งยังไม่รับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย ทั้งที่จ่ายค่ารักษามีราคาสูงแต่กลับถูกปฏิเสธการรับผิดชอบในทุกด้าน"

ถ้าคนที่คุณด่าเขาว่าเลว
เราว่าคนที่ทำดังประโยคข้างต้นชั่วที่สุด
โดย: ว่ามั้ย [8 ก.พ. 53] ( IP A:58.9.197.104 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   เรื่องนี้ผมก็ว่าน่าจะจบเร็ว เพราะเป็นถึงผู้พิพากษา น่าจะแจ้งความแล้วสั่งอัยการฟ้อง แต่ดันไปแจ้งสภาทนายความ ตรงจุดนี้ก็น่าจะรู้ว่าต้องการอะไร
โดย: ขอให้จบเร็วๆและด้วยดีครับ [8 ก.พ. 53 7:44] ( IP A:125.26.106.246 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
    คู่กรณีไม่มีการโต้ตอบแถลงข่าว ...เตรียมอะไรอยู่ คงจะ รอแถลงที่ศาล ..... จิงปะ
โดย: คนรู้จาย... [8 ก.พ. 53 14:17] ( IP A:58.147.80.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   อีกด้านที่น่าสังเกตุ ... เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่คุยกันก่อน ... คงมีเหตุผลลึก ๆ ที่ออกมาแถลงฝ่ายเดียว.......
โดย: คนรู้จาย... [8 ก.พ. 53 14:19] ( IP A:58.147.80.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ไม่ค่อยเห็น รพ.ออกมารับผิดชอบในทันทีเท่าไหร่
มีน้อยมากเช่นเคสผ่าตัดต้อกระจกแล้วตาบอดที่ขอนแก่น
อันนี้คนไข้และเครือข่ายฯ ขอชมว่าผอ.รับผิดชอบดีมาก

แต่ส่วนใหญ่แล้ว
1. ดูท่าทีคนไข้ก่อนว่าจะเอาเรื่องไหม จะไม่มีวันเอ่ยก่อนทั้งที่รู้ว่า
เป็นความผิดพลาดของตน

2. เมื่อมีการเจรจาก้จะมีการประเมินว่าผู้เสียหายรู้มากแค่ไหน และไม่ยอมให้เวชระเบียนด้วย จะตรวจสอบอย่างละเอียดอันไหนแก้ได้ก็แกไข อันไหนสำคัญก็ดึงออกไม่ให้ ถ่วงเวลา สอบถามพรรคพวกที่อยู่แพทยสภา ปรึกษากันถึงแนวโน้มว่าสู้ได้ หรือไม่ได้

3. ถ้าได้เปรียบก็จะบอกคนไข้ว่าเรารักษาได้มาตรฐานดีแล้ว ก็แหงล่ะหลักฐานทุกอย่างอยู่ในมือรพ.แทบทั้งสิ้น เขียนใหม่ยังได้เลย

4.คนไข้จะพึ่งสื่อหรือ ชิว ๆ ทนหน้าด้านให้เรื่องเงียบก็จบกัน ไม่จ่าย
เสียอย่างจะทำไม สายป่านยาวกว่า ที่ปรึกษาด้านกฎหมายก็เส้นหญ่ายยยยยยยย
โดย: เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย [8 ก.พ. 53 23:09] ( IP A:58.9.187.139 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ความเห็นที่ 5 เนี่ย

ท่านได้แสดงความเห็นที่ "สบประมาทอย่างรุนแรง" ต่อผู้เสียหายทางการแพทย์คนหนึ่ง ที่เป็นถึง ผู้พิพากษา ซึ่งเป็น ฐานันดรหนึ่งในสังคมนี้ที่ไม่ได้มีความสำคัญต่อสังคมไทยนี้ด้อยไปกว่าอาชีพหมอเลย

ฉายา "หนุ่มนนท์" ที่ท่านใช้ ก็คงจะสื่อได้ว่า ท่านเป็นคนแถวๆกระทรวง ส.ธ. ซึ่งน่าจะเป็นหมอหรืออาชีพใกล้เคียง

ขอย้ำว่า "ท่านได้ทำความผิดอย่างมหันต์" ที่แสดงคำผรุสวาทออกมาเช่นนี้ ******************
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [9 ก.พ. 53 8:41] ( IP A:58.8.106.94 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    คู่ต่อสู้ที่สูสี ต่างกับชาวบ้าน

แต่ไม่มีใครอยากโชคดี เป็นนักมวย ขึ้นสังเวียนแบบนี้
โดย: เฮ้อ พระเจ้า [10 ก.พ. 53 1:14] ( IP A:115.67.86.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   เวลาขึ้นสังเวียนแบบนี้
ชาวบ้านพกเอาความจริงเต็มร้อยขึ้นวางบนโต๊ะ
แต่บรรดาวิชาชีพ(ส่วนใหญ่) มักพกความฉ้อฉล
เพื่อให้ได้เปรียบชาวบ้านอยู่ร่ำไป

ถ้านอกสังเวียน ถอดนวม ชกตัวต่อตัว
พวกนี้หางจุกตูด ดีแต่เอาปืนไปยิงชาวบ้านร่ำไป
โดย: หางจุกตูด [10 ก.พ. 53 10:40] ( IP A:58.9.200.56 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   เขาเรียกเก่ง แต่ขี้โกงน่ะ
ส่วนใหญ่มักเป็นแบบนี้ในบ้านเมืองเรา
ประเทศชาติถึงได้เข้าสู่กลียุคแบบทุกวันนี้ไง
โดย: พวกขี้โกง (ไม่ได้เหมารวม) [11 ก.พ. 53 13:55] ( IP A:58.9.189.112 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
    555++ มาขำปิดท้ายให้

จั่งซี่ จังซั่น 555++

โดย: จีเอ็น [12 ก.พ. 53 11:09] ( IP A:113.53.216.251 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   คนละเรื่อง คนละคน คนละสถานที่ คนละเวลา คนละโลกกัน...

เคยเจอมาแบบที่ว่า.. เห็นสาว ขายยา เอ๊ย ขายาว รอพบ ดั๊นมากันตั้ง 3 เซ็กซี่ทั้งนั้น

หูตั้ง ตาโต รีบตามไปเชียว แถมเขียนความเห็นข้าฯ ผิด ๆ อีก ช่างกล้านะ (เสียหาย.สะท้าน)

ก็ยังรู้มาอีกว่าเห็นมีคนเขียนชื่อ ด่าทางเวปไซด์ด้วย ว่ามันไล่คนค่าย..สุดยอดเลย
โดย: กิเลนส [16 ก.พ. 53 1:16] ( IP A:115.67.4.77 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน