ความคิดเห็นที่ 4 หัวข้อ 1809: มะเร็งหาย แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น (จำนวนคนอ่าน 657 ครั้ง) « เมื่อ: 03/20/10 เวลา 09:08:26 »
แพทย์มีจรรยาบรรณหรือไม่ในการรักษาผู้ป่วย สิ่งที่ผู้คนสงสัยกับความยุติธรรม การฟ้องร้อง ความสูญเสีย กับสิ่งที่ผมเผชิญด้วยตนเอง เพราะเหตุใด ถึงมีประชาขนร้องเรียนมากขึ้น อาจเป็นประโยชน์กับประชาชนและสังคม เนื่องจาก นาย สุวโรจน์ นิธิธนพานิชย์ (คุณพ่อของผม) ได้เข้ารับการผ่าตัดมะเร็งที่ลิ้น โดยแพทย์ได้ตัดลิ้นนำส่วนเนื้อร้ายออกและนำเนื้อและเส้นเลือดมาต่อส่วนที่ตั ดไป และได้รับเข้าโครงการทดลองยาจากต่างประเทศกับ บริษัท โปรโตคอร์ ควบคู่ไปกับการฉายแสง ซึ่งคุณพ่อผมก็ได้ตรวจรักษาตามโครงการจนสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และใกล้จะรักษาสำเร็จ แต่ก่อนจะให้คุณพ่อกลับบ้าน แพทย์ได้ตรวจพบว่าในช่องปากมีชิ้นเนื้อติดกระพุ้งแก้มจากการต่อลิ้น จึงแนะนำให้ผ่าตัดเพื่อสะดวกในการบังคับลิ้น ผู้ป่วยจึงเข้ารับรักษาการผ่าตัดศัลยกรรมลิ้นตามคำแนะนำของแพทย์ หลังผ่าตัดเสร็จ และกลับบ้านได้ประมาณ 2-3 วัน เลือดได้ทะลักออกมาทางปากและจมูก ส่วนชิ้นเนื้อก็ไหมหลุด ทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดหมดตัวจนหมดสติต่อหน้าพยาบาล จากนั้นได้มีการปั๊มหัวใจและให้เลือดจนผู้ป่วยรู้สึกตัว แต่ต้องนอนเป็นอัมพาต พร้อมตาบอด หลังจากนั้น รพ.ให้ผู้ป่วยกลับบ้านโดยให้เหตุผลว่า ผู้ป่วยอาการทรงตัวทั้งที่ญาติยังเห็นว่าอาการยังไม่ดีขึ้น หลังจากนั้นทางญาติได้ไปติดต่อแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด แต่ก็ไม่สามารถทราบได้ว่าเป็นท่านใดเนื่องจากทาง รพ.พยายามปกปิด ทางญาติจึงนำเรื่องเข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท เพื่อขอเรียกเอกสารสำหรับส่งให้แพทยสภาชี้แจง แต่เรื่องก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด หลังจากผ่านไปเกือบ 1 ปี ญาติจึงไปติดต่อแพทยสภาเองแต่ก็ได้รับคำตอบว่าได้รับเอกสารไม่ครบ ไม่สามารถดำเนินงานได้ หลังจากนั้นทางญาติจึงมาร้องเรียนที่ศาลจังหวัดนนทบุรี จึงทราบว่า อีก 1 วัน จะหมดอายุความทางแพ่ง ญาติจึงรีบเข้าชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่ร้องเรียนไปแล้วและไม่ได้รับการดำเน ินการได้ เจ้าหน้าที่ศาลนนท์จึงส่งหนังสือไปที่กระทรวงสาธารณสุขกับแพทยสภา ในการฟ้องร้อง และเมื่อศาลนัดไกล่เกลี่ย ทางฝ่าย รพ.ได้ มี นิติกรของรพ., รองผอ. และแพทย์ผู้ผ่าตัด เดินทางมาไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้เนื่องจากเป็นรพ.ของรัฐ และแพทย์ไม่สามารถรับผิดได้จนกว่าศาลจะตัดสิน ทางนิติกรของทาง รพ.ได้แนะนำให้ถอนฟ้องและให้ไปฟ้องกับกรมการแพทย์ เพราะจะทำให้ได้รับการสั่งจ่ายเร็วขึ้น แต่ด้วยที่ทางญาติไม่มีใครรู้เกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าว จึงยังไม่กล้าถอนฟ้องตามคำแนะนำ หลังจากนั้น ในนัดต่อไปที่ต้องมาให้การกับศาล ทาง รพ.ก็ได้ส่งนิติกรและอัยการของกระทรวงสาธารณสุขมาแค่ 2 ท่านโดยไม่มีแพทย์ผู้ผ่าตัดที่จะต้องเป็นผู้ชี้แจงต่อศาลมาแต่อย่างใด และหลังจากที่เรื่องถึงศาลทางแพทยสภาจึงได้เรียกสอบสวน นายแพทย์ที่เกี่ยวข้องทีละคน ซึ่งตรงจุดนี้ ผม อยากจะชี้ให้เห็นถึงการทำงานที่ไม่ชัดเจน เพราะเรื่องถูกร้องเรียนไปนานแล้ว แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งถ้าผมไม่มาร้องเรียนที่ศาล จ.นนท์ และทำเพียง รอกับรอ ถึงเวลานี้ เรื่องนี้ก็คงหมดอายุความไม่สามารถเรียกร้องสิ่งใดได้ ซึ่งถ้ามองจากมุมของผู้สูญเสียอย่างครอบครัวของผม ที่ต้องสูญเสียรายได้หลัก จากการที่หัวหน้าครอบครัว(คุณพ่อ) พิการจากการทำงานผิดพลาดของแพทย์ท่านใดท่านหนึ่ง หรือหลายท่าน คงจะทราบกันดีว่าสถานะตอนนี้ ครอบครัวของผมจะตกอยู่ในสถานการณ์ใด ถึงตรงนี้ผมมีข้อสงสัยที่อยากจะเรียนถามผู้ที่เกี่ยวข้องทุกๆหน่วยงาน รวมถึงท่านที่พอจะแนะนำได้ว่า 1.คำแนะนำที่นิติกร แนะนำให้ถอนฟ้องแล้วไปฟ้องใหม่กรมการแพทย์ แล้วจะทำให้กระบวนการฟ้องร้องเร็วขึ้นนั้น จริงหรือไม่ เพราะถ้าถอนฟ้อง ณ เวลานั้น คดีก็จะหมดอายุความทันที(คุณต้องการแนะนำ หรือ ต้องเอาตัวรอดจากการรับผิดชอบ) 2.แพทย์ท่านหนึ่งมาออกตัวและอธิบายวิธีการที่ผ่าตัด แต่พอให้การต่อศาลกลับเป็นชื่อของแพทย์ อีกท่านหนึ่ง (มันคืออะไร?) 3.เอกสารเวชระเบียนทั้งหมดในการผ่าตัด หายไปไหน? 4.กรณีนี้ ที่ครอบครัวผม ต้องมาเสียหัวหน้าครอบครัวไป หน่วยงานใดจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องค่าใช้จ่าย ในช่วงเวลาที่รอคำตัดสินของศาล? 5.ในการพิจารณาคดี โจทย์ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับกระบวนการต่างๆทั้งทางแพทย์และทาง................... . กรณีนี้ ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มาชี้แจง และพิจารณาว่าการรักษาที่เกิดขึ้นนั้นถูกต้องตามกระบวนการหรือไม่ จะสามารถให้ความเป็นธรรมแก่ โจทย์ ได้มากน้อยเพียงใด จากการที่ผมนำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ไม่ได้มีเจตนาที่จะกล่าวหา และให้ร้ายใครทั้งสิ้น เพียงแต่อยากนำมาเผยแผ่เพื่อประโยชน์สำหรับท่านที่อาจจะประสบเหตุการณ์ที่ใก ล้เคียงกันกับนี้ และนี่คือ ความโชคดี หรือ โชคร้ายกันแน่กับการเข้ารับการรักษาการผ่าตัดมะเร็ง ปัจจุบัน คุณพ่อของผม ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว ยังคงต้องทนทุกข์ทรมานกับการเป็นอัมพาตและตาบอดและที่สำคัญต้องทนทุกข์ทรมาน กับสภาพจิตใจที่ย่ำแย่เป็นอย่างมากที่ต้องเห็นครอบครัวลำบาก โดยที่ตนเองไม่สามารถทำอะไรได้ ส่งโดย: release_note สถานะ: Newbie จำนวนความเห็น: 1 124.120.71.* |