กองประกอบฯ เขาใช้เวลาสอบสวนสักเท่าไรครับ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องกว่าจะออกจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดไปยังกองประกอบฯก็ใช้เวลา 1 ปีแล้ว หรือกองประกอบฯจะใช้อีกปีนึงครับ | โดย: คนเสียแม่ [21 พ.ค. 53 12:44] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าคุณอยากได้คำตอบเร็วว่ามีมูลหรือไม่มีมูล ให้แจ้งความ เป็นคดีอาญา และฟ้องต่อศาลเป็นคดีอาญา หนังสือที่ว่าหมอรักษาดีแล้วและไม่มีมูลจะมาเร็วมาก เดี๋ยวนี้ฟ้องคดีแพ่ง แบบคดีผู้บริโภคเรื่องก็มาเร็ว เพราะเดี๋ยวนี้คดีผู้บริโภคเขาก็ไม่รอใครแล้ว หนังสือก็เลยต้องมาเร็วตามสถานะการณ์ | โดย: ประสบการณ์บอกแบบนี้ [21 พ.ค. 53 13:53] ( IP A:58.8.211.180 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ตอนนี้ฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคไปแล้วครับ และไม่ค่อยจะหวังอะไรจากการร้องเรียนสักเท่าใด เพราะจากที่ตามกระทู้ต่างๆในนี้แล้วก็พอจะทำใจกับระบบของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ประกอบกับท่าทีของคณะกรรมการบางท่านในการถามข้อมูลจากผู้เสียหายก็จะคอยตัดบทตอนสำคัญทางคดีอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผมวิเคราะห์ไปแล้วว่าไม่มีความจริงใจที่จะแสวงหาความจริงไม่รู้ว่าทำไม จึงหวังก็เพียงแต่การต่อสู้ในศาลยุติธรรมที่ผมค่อนข้างมั่นใจในหลักฐาน เพียงแต่จะคอยนับวัน นับเดือน นับปี มาดูกันว่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐจะปฏิบัติหน้าที่ได้มีมาตรฐานสักแค่ไหน หัวใจมีความเป็นธรรมสักแค่ไหนครับ | โดย: คนเสียแม่ [21 พ.ค. 53 15:30] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ให้กำลังใจเจ้าของกระทู้ เรื่องนี้ต้องวัดใจกันว่าใครอึดกว่ากัน เงิน สำคัญ ทนาย เจ๋งจริงไหม ส่วนเรื่อง ศาลช้าเป็นเรื่องปกติ หรือเรื่อง ร้องเรียนไปหน่วยงานก็รอลุ้นระทึกเอา มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนอย่างมาก ทนทุกเรื่อง สุขภาพก็ต้องพร้อม กระเป๋า ใจ และอะไรอีกหลายอย่าง ประเทศไทยมันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว มันเป็นเรื่องปกติที่เราคาดไม่ถึงว่าหน่วยงานมันทำงานกันยังไง อาจจะดูว่าช่วยเราได้ สรุป เป๋วเหล๋ว รู้จักป่าว เป๋วเหล๋ว
ให้กำลังใจอีกคนฐานะผู้เสียหายมาก่อน | โดย: จีเอ็น [21 พ.ค. 53 20:04] ( IP A:110.49.16.109 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ผมคิดว่าจะเป็นแบบนี้ทุกราย จากการได้รับรู้ประสบการณ์ของคนอื่นจะนาน และจากกรณีของตัวเองหลายปี กว่าจะตัดสินคดีไม่มีมูล ตอนนี้ตั้งเป้าหมายใหม่ 10ปีดูซิว่าไครจะทนกว่ากัน ระหว่างผู้เสียหาย vs แพทย์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ระหว่างตัวเองที่มีเพียงรูปถ่ายคอยให้กำลังใจ vs โขลงแพทย์ ดูข่าววันนี้รู้สึกน้อยใจหลายสิ่ง ผู้เสียหายจากการจราจล จะใด้รับการดูแลการชดเชยนักการเมืองเจ้ากระทรวงต่างๆต่าง เสนอหน้าออกทีวีกันให้พรึบ ผู้เสียหายทางการแพทย์ใด้อะไรจากความเสียหาย นายกรัฐมนตรี เจ้ากระทรวงเคยนำเรี่องนี้เข้ากระทรวง เข้า ครม. เข้ารัฐสภาหรือเปล่า หรือเราจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวธุลีดิน จึงเกิดความรู้สึกน้อยใจ ยังไงซะผงดินก็ยังอยู่ยังหายใจ ยัคงมีรูปคอยส่งยิ้มให้เสมอ............ | โดย: อนาคตมีทางเลือกเสมอ [21 พ.ค. 53 23:17] ( IP A:112.142.60.125 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 บทความ คนไข้ไทย..กับทางตัน ตีพิมพ์ในวารสารฉลาดซื้อฉบับเดือนเมษายน 2553
โดย..ปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา / ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์
ทุกครั้งที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวของคนไข้ ที่ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ ผู้คนส่วนใหญ่มักคิดว่าการเรียกร้องสิทธิผ่านสื่อจะได้รับความเป็นธรรมเร็วกว่าปกติ แต่ในความเป็นจริงการรู้จักใช้สิทธิหรือได้ใช้สิทธิ กับการจะได้รับความเป็นธรรมตามสิทธิหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่องราวฟ้ากับเหว
จากประสบการณ์ส่วนตัว ที่ใช้เวลายาวนานถึง 19 ปีเรียกร้องหาความเป็นธรรมให้ลูกที่พิการจากการทำคลอด ก็ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมตามสิทธิจนกระทั่งทุกวันนี้ อีกทั้งนานเกือบ 8 ปีที่ก่อตั้งเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ รับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหายนับจำนวนไม่ถ้วน เห็นว่าทุกครั้งที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมักแสดงตัวออกมารับปากต่อสังคมว่าจะให้ความเป็นธรรมโดยเร็ว แต่จากนั้นผู้เสียหายต่างก็นับวันรอโดยไม่รู้จุดหมาย ทุกกรณีล้วนเดินตามรอยผู้เสียหายรุ่นพี่ที่เคยรอกันนานสามถึงแปดปีมาแล้ว
คนไข้ที่ตกเป็นผู้เสียหาย ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไรหรือร้องเรียนเก่งแค่ไหน ล้วนตกอยู่ในสภาพที่ถึงทางตัน...และไร้ทางออก เมื่อเรื่องไปสิ้นสุดที่หน่วยงานชื่อแพทยสภา และกองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หน่วยงานที่ล้าหลังและเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้านมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
เมื่อมีคำถามว่าร้องเรียนแล้วต้องรอนานแค่ไหน หรือเมื่อไหร่จะได้รับความเป็นธรรม ข้าพเจ้ามักรู้สึกยากลำบากใจที่ต้องตอบว่าเราคือคนไข้ไทยหัวก้าวหน้าที่รู้จักคำว่า สิทธิผู้ป่วย แต่ระบบต่าง ๆ ยังล้าหลังอยู่ต้องทำใจรอเพียงอย่างเดียว เนื่องจากรู้ดีว่าแทบทุกกรณีล้วนถูกดึงเวลาให้หมดอายุความทางแพ่ง 1 ปี การที่หน่วยงานจะแจ้งมติให้ชาวบ้านทราบภายใน 1-3 เดือนนั้นเป็นเพียงความฝันที่ไม่เคยเป็นจริง
แพทยสภาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ยังคงประกอบไปด้วยแพทย์ทั้งสิ้นไม่มีคนนอกอยู่เลย มิหนำซ้ำกรรมการส่วนใหญ่เป็นเจ้าของหรือผู้มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับโรงพยาบาลเอกชน เคยมีเหตุการณ์ที่คู่กรณีของผู้เสียหายนั่งเป็นประธานสอบสวนเรื่องร้องเรียนโรงพยาบาลของตนเอง ดูเป็นเรื่องธรรมดาที่ปฏิบัติกันได้อย่างไม่อายฟ้าดิน ส่วนกองการประกอบโรคศิลปะนั้นก็ไม่ได้ต่างจากแพทยสภาแต่อย่างใด เคยมีเหตุการณ์ที่ผู้อำนวยการกองละเมิดสิทธิผู้ป่วยเรื่องเวชระเบียนเสียเอง มิหนำซ้ำยังมีเจ้าหน้าที่บางคนออกหน้าเจรจาต่อรองค่าเสียหายกับผู้เสียหายแทนโรงพยาบาล ทั้งที่หน่วยงานนี้มีหน้าที่ต้องตรวจสอบโรงพยาบาลเอกชน
ผู้เสียหายส่วนใหญ่สิ้นหวังกับการรอคอยและหันไปพึ่งศาล แต่นั่นเท่ากับพาตัวเองไปพบศึกอันใหญ่หลวง เนื่องจากต้องไปเผชิญหน้ากับนายกแพทยสภา ที่นำทีมผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยไปเบิกความช่วยแพทย์ ขณะที่พยานทางการแพทย์ของฝั่งผู้เสียหายนั้นหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
ขณะที่ผู้เสียหายพบทางตัน และความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยถูกตอกลิ่มให้ห่างออกจากกันมากขึ้น พลันแสงสว่างในปลายอุโมงค์ก็ปรากฏ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประกาศจะผลักดันร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ให้มีผลบังคับใช้ในเร็ววัน นั่นหมายถึงต่อไปจะมีกองทุนชดเชยความเสียหายให้คนไข้ไทยโดยไม่ต้องไปฟ้องศาล และคนไข้ไทยจะได้ปลดแอกออกจากหน่วยงานที่ไร้ประสิทธิภาพเสียที
แต่แล้ว...ความฝันของคนไข้ไทยแทบสลาย เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขยืนยันให้นำ สำนักงานกองทุนไปอยู่กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ผู้ซึ่งมีฐานะเป็นผู้ให้บริการและที่ผ่านมาหน่วยงานแห่งนี้เป็นคู่กรณีกับผู้เสียหายทางการแพทย์มาโดยตลอด
กลุ่มผู้เสียหายคือคนไข้ที่โชคร้ายประสบเคราะห์กรรม พวกเราถูกหน่วยงานซ้ำเติมความทุกข์มาอย่างต่อเนื่องยาวนานโดยไม่มีทางต่อสู้ พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข คือความหวังเดียวที่พวกเราจะได้รับความเป็นธรรม แต่การนำสำนักงานกองทุนไปอยู่กับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพนั้น ใครก็ได้โปรดอธิบายให้พวกเราสบายใจด้วยเถิดว่า เหตุผลใดถึงทำให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเป็นหน่วยงานที่เหมาะสมที่สุด อีกทั้งใครจะเป็นผู้รับประกันว่าหน่วยงานนี้จะไม่ใช้อำนาจรัฐในการซ้ำเติมความทุกข์ของผู้เสียหายเหมือนอย่างที่เคยทำ ฤา..พฤติกรรมที่ฉ้อฉลของหน่วยงานเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ของสังคมไทย...ฤา...ชะตากรรมของคนไข้ไทย..กับทางตันคือของคู่กัน | โดย: มอบให้เจ้าของกระทู้ [22 พ.ค. 53 11:04] ( IP A:58.9.217.16 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 อีกหน่อยก็ตั้งกระทรวงกันเอง
กระทรวงการคลาง เงินๆทองๆ รัฐมนตรี นพ.เทพ เวชวิสิฐ กระทรวงสาธารณสูก รัฐมนตรี นางปรีย์นันท์ ล้อเสริมวัฒนา กระทรวงกะลาโหม รัฐมนตรี ฑรรฑณา พรหมช่วย สั่งฆ่ามันให้หมด พวกพูดไม่รู้เรื่อง บ้าอำนาจ โกงบ้านเมือง
แล้วใครจะคุมกระทรวงไหนเลือกอยู่เอาเอง
ประชาธิปไตย | โดย: ประชาธิปไตย [22 พ.ค. 53 19:48] ( IP A:110.49.90.45 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 บ้านเมืองมันไม่เจริญก็เพราะมี สภา ห. ตั้งกระทรวงไปยังไงก็ไปไม่รอดหรอก ตราบใดที่ สภา มัน ห. และพวก สมาชิก ห.เต็มสภา วันหนึ่งก็คงได้เผากันแบบเสื้อแดง ถ้ายังมองว่าความถูกต้อง=ประชาธิปไตย =เสียงส่วนใหญ่=พวกกรู ปกติผมไม่ชอบเสื้อแดง และไม่ใช่เสื้อแดง ที่้บ้านลูกน้อง ลูกเมีย แม่ พี่น้อง แดงทั้งแผ่นดิน เพื่อนก็เสื้อแดง หมอเหวงก็เพื่อนกัน | โดย: ไม่นานเกินรอ [22 พ.ค. 53 21:40] ( IP A:58.8.240.196 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ฝากถึงรัฐมตรีกระทรวงการคลางว่า เวลาผู้เสียหายเขาเจ็บ ตาย พิการ ก็ให้จ่ายง่ายๆ โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด เหมือนรัดถะบานเขาจ่ายให้ดูเป็นตัวอย่างในตอนนี้ เด๋วเขาจะว่าท่าน 2 มาตรฐานอีก
เพราะเขาไม่เคยมาด่าว่า ใครขอให้มาประท้วงแล้วมาเจ็บมาตายอย่างนี้ เหมือน รพ หรือ หมอ เขาว่าให้เรามารักษาแล้วยังจะมาฟ้องอีก
ประมาณนั้น | โดย: จะเผาเองงานนี้ [23 พ.ค. 53 8:08] ( IP A:119.31.22.173 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 คนไข้ทุกคนที่ตายในโรงพยาบาล ถ้าอยากได้ตัง ให้ร้องได้ทันที กระทรวงฯ ต้องจ่าย โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด | โดย: แก้จน ไชโย [23 พ.ค. 53 11:54] ( IP A:124.157.200.83 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 อาจารย์หมอทุกคนที่โกงที่โกหก ที่รักษาเกินโรค ที่จงใจเอาชีวิตคนไข้มาล้อเล่นเพื่อได้เงินเข้าประเป๋า ทั้งที่ทำผิดเจ๋งๆเห็นๆกันจะจะ
ต่อไปถ้าอยากพ้นผิดก็ให้อิงแพทยสภา วิ่งเต้นคดีในศาลในโรงพยาบาลพญาไท๑ ให้ช่วยกันโกหก+โกงต่อ ลอยนวลไปหน้าตาเฉยโดย ไม่ต้องพิสูจน์ "ถูกผิด" แบบถูกพิพากษาตัดตอนเอื้อประโยชน์จำเลย อย่างคดีของท่านประธานเครือข่ายฯ ที่ฟ้องพญาไท๑ | โดย: แก้โกง แก้ตอแหล+ชี้ฉ้อขี้บิด ไชโยๆๆ [24 พ.ค. 53 8:16] ( IP A:58.8.110.33 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 ในวันไปให้ข้อมูลเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ผมก็ได้ติดเวชระเบียนที่มีอยู่ในมือไปด้วย 2 ชุด(โชคดีที่ได้ไว้คนละเวลา) ก็แสดงถึงพิรุธอยู่แล้วและขัดกันเองในเอกสารซึ่งเป็นเอกสารของโรงพยาบาลเองแท้ๆ นี่ไม่รวมเอกสารที่เก็บไว้เป็นไม้ตายอีก ไม่อยากให้ทั้งหมดเดี๋ยวจะจับโกหกกันไม่ได้ เอาไว้ไปเปิดกันที่ศาลให้จนกระดานคาศาลครับ...............ไอ้ที่มันขัดใจก็ไม่ได้ให้ชี้ว่ามีมูลหรือไม่มีมูล ขัดที่ว่าใช้เวลาดูกันนานจริงๆ ทั้งๆที่เป็นเอกสารทางการแพทย์ที่กรรมการดูกันไม่ยาก ไม่เหมือนชาวบ้านตาดำๆที่หาคนดูให้ลำบากเหลือเกิน | โดย: คนเสียแม่ [24 พ.ค. 53 16:54] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 มีคดีหนึ่งนะครับ ผมจะเล่าสู่กันฟัง ตอนแรกตำรวจไปสอบสวน เขาก็ให้ไปชุดหนึ่ง(ชุดจริง) อยู่ที่ตำรวจ ต่อมาคนไข้ขอและฟ้องเอง เขาก็ทำชุดใหม่ ทำใหม่ทั้งหน้า ฟ้องกันในศาล เอกสารเท็จก็อยู่ในศาล ต่อมาญาติเขาไปได้เอกสารที่อยู่กะตำรวจ (ดั้งเดิมเลย) ตอนนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะจบยังไง เพราะว่า คุกเขารออยู่ เอกสารเท็จในศาล ได้ข่าวว่าศาลไม่เคยรอลงอาญาเลย โดนทุกคน | โดย: ถ้ามีแบบนี้ จริง สงสัยจะเอวัง [24 พ.ค. 53 18:07] ( IP A:58.11.87.156 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 ในสหรัฐเขาจะสอนว่าห้ามทำเวชระเบียนเท็จ อย่าทำคดีแพ่งที่มีโทษเพียงจ่ายเงิน และยังไม่รู้ว่าใครผิดต้องจ่ายหรือเปล่า ให้เป็นคดีอาญา ที่ติดคุก (เอกสารเขาพิสูจน์ได้ว่าเท็จหรือไม่ มีหมึกมันบอก บอกเวลาได้ว่าเขียนไม่พร้อมกัน) และหากลูกขุนจับได้ว่าโกหก ทำเท็จขึ้นใหม่ เขาจะไม่พิจารณาคดีต่อ ให้หมอแพ้ทันที และให้จ่ายตามที่ฟ้อง ฟ้องเท่าไหร่ก็จ่ายเท่านั้น มีแถมได้ด้วย ไม่มีลด เพราะถือเป็นการทำโทษ | โดย: เมืองไทย คดี ผบ ก็แบบนี้ [24 พ.ค. 53 18:10] ( IP A:58.11.87.156 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 คดีนี้ของคุณคนเสียแม่
ผมฟันธงว่า 1. หมอที่ทำการผ่าตัดไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในงานนี้ เรียกว่า เอากรณีเป็นแบบฝึกหัด และ 2. มีเจตนาให้การรักษาในเรื่องที่ไม่มีความจำเป็น ทั้งเล็งเห็นได้ว่าเสี่ยงชีวิตคนไข้สูง ทั้งนี้ โดยประสงค์ต่อเงินค่ารักษาจำนวนมากจากขั้นตอนการรักษาที่ไม่จำเป็นและต้องบานปลายออกโดยสภาพของวิธีการรักษานั้น
สรุปสำหรับผมก็คือ เป็นการประมาทเลินเล่อทางวิชาชีพอย่างร้ายแรงอันเล็งผลได้ถึงผลประโยชน์เชิงการค้าที่พ่วงมากับการเสี่ยงชีวิตคนไข้โดยไม่จำเป็น เป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา
ซึ่งเป็นทำนองเดียวกันกับ กรณีเด็กนักศึกษาที่ตายจากหวัด 2009 ที่โรงพยาบาลเอกชนดังแห่งหนึ่ง ซึ่งหมอเจ้าของไข้รายแรกที่รับไว้แสดงพฤติการณ์เตะถ่วงการให้วัคซีน (ตามข้อปฏิบัติที่กำหนดกันไว้เป็นทางและมีการโหมประกาศให้รับรู้กันโดย ส.ธ. ขณะนั้น) เพื่อหวังผลของเงินค่ารักษาที่บานปลายออกไปจนคนไข้เสียชีวิตในที่สุด
ประเด็นที่เป็น "ส่วนเหมือน" ของทั้งสองกรณีนี้ก็คือ หมอเจ้าของไข้มีเจตนาละเมิดข้อปฏิบัติและ/หรือใช้ดุลยพินิจที่ไม่ต้องด้วยหลักการทางวิชาชีพแพทย์ โดยเอาชีวิตคนไข้มาเสี่ยงจนถึงตายในที่สุด เพื่อหวังเงินค่ารักษาที่บานปลาย ขณะที่ทั้งสองเรื่องทั้งแพทยสภาและกองประกอบโรคศิลปะมีพฤติการณ์ฉ้อฉล/ร่วมกันเอื้อประโยชน์ให้หมอและ/หรือโรงพยาบาลคู่กรณีที่เป็นต้นเรื่องพ้นผิด | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [25 พ.ค. 53 8:37] ( IP A:58.8.106.241 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ไม่เห็นข้อมูลแฮะ เห็นแต่คนไม่รู้จริงมาฟันธง เลยไม่รู้จะคิดเห็นยังไง ^^" | โดย: 234 [25 พ.ค. 53 13:56] ( IP A:124.157.248.108 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 ก็นั่นนะซี
ก็ไม่ได้เห็นข้อมูลเลย แล้วออกมาแสดงความเห็นอะหยัง เปลืองที่ทาง
ดีแต่ว่า ไม่เปลืองปัญญา!! | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [25 พ.ค. 53 14:55] ( IP A:58.8.106.241 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 ถึงคุณคนเสียแม่
ผมเพิ่งนึกประเด็นขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง
การที่คุณแม่ของคุณโดนผ่าข้อสะโพกนั้น โดยสามัญสำนึกก็ต้องพบว่ามีอาการของโรค และ/หรือ ความผิดปรกติ "ซึ่งมีอันตรายและกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว" จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จึงได้มีการตัดสินใจโดยหมอให้ทำการผ่าตัดใช่ไหมครับ??
และก่อนจะถึงตรงนั้น ก็ต้องมีการตรวจวินิจฉัย "ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐานปฏิบัติทางการแพทย์เฉพาะเรื่องนี้" ซึ่งต้องมีความถี่ถ้วนและครอบคลุมจนได้ข้อมูลที่ฟันธงได้ว่า ต้องเลือกทำการผ่าตัดเช่นที่ได้ทำไปจนเป็นต้นเหตุการจากไปของคุณแม่ในที่สุด
ผลการตรวจวินิจฉัยตรงนี้ หากครบถ้วนก็จะบอกได้ว่า สภาพของคุณแม่ "จำเป็นต้องทำการผ่าตัด" หรือไม่??? และหากต้องทำแล้ว สภาพร่างกายของคุณแม่ ณ. ตอนนั้นอยู่ใน สภาวะที่พร้อมจะรับการผ่าตัดเช่นว่านั้นหรือไม่? แล้ว มีความเสี่ยงอะไรบ้างและมากแค่ไหน? หากจำเป็นต้อง ทำการผ่าตัด
สรุปคือผมเล็งข้อมูลในเวชระเบียนว่า ต้องมีส่วนที่บอกว่าทำไมต้องผ่าตัด และส่วนที่บอกว่า พร้อมที่จะผ่าตัดได้หรือไม่???
ผมเดาว่า คุณได้เวชระเบียนมาไม่ครบทั้งสองส่วน หรือไม่ก็
เป็นเวชระเบียนที่ถูกแก้ทั้งสองส่วน ซึ่งผมว่าน่าจะดี เพราะเชื่อว่าหากเวชระเบียนถูกแก้ ก็จะกลายเป็น "ยิ่งแก้ยิ่งพันตัว" เข้าทำนองเดียวกับ คห ที่ 13 และ คห ที่ 14 ครับ | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [27 พ.ค. 53 10:41] ( IP A:58.8.91.125 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณครับสำหรับความเห็นทุกท่าน...........ผมเคยได้ลงรายละเอียดไปบ้างแล้วในกระทู้เก่าๆครับ แต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ เมื่อคดีเข้าสู้ระบบศาลแล้วได้เห็นคำให้การแก้คำฟ้องของจำเลยและข้อมูลในเวชระเบียน 2 ฉบับ ที่ได้ต่างเวลากันก็พบความไม่สอดคล้องกันหลายจุด และเชื่อได้ว่ามีการทำเอกสารเท็จขึ้นมา แต่มีรายละเอียดอย่างไรขอไปเปิดเผยซึ่งจะกระทบต่อรูปคดี ความจริงผมได้ให้สำเนาเอกสารที่ได้มา 2 ฉบับแก่คณะอนุกรรมการกองฯ ไปแล้วเมื่อ 18 ม.ค. ซึ่งประกอบไปด้วยคณะแพทย์จากสถาบันต่างๆ ถ้าหลักฐานเท่าที่ผมได้ให้ไปนั้นเอาไปเปิดดูเทียบเคียงกันอย่างละเอียดแล้ว ถ้าสรุปว่าไม่มีมูลก็คงต้องมีคำอธิบายให้กับผมกันยกใหญ่ละครับ | โดย: คนเสียแม่ [31 พ.ค. 53 9:43] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 ผมขอเปิดข้อมูลกว้างๆที่พอเปิดได้นะครับ เพื่อบางพี่ๆบางท่านอาจจะมีข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ - วันที่ 15 สิงหา คุณแม่อายุ58 ล้มก้นกระแทกพื้นลุกขึ้นไม่ไหว ผมนำตัวส่งโรงพยาบาลเอกชนที่เชื่อว่าดีที่สุดในจังหวัด(ติดกับกรุงเทพ) เข้าห้องอุบัติเหตุ เอ็กซเรย์ไม่พบอะไร หมอฉีดยาและนอนพักประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วให้กลับบ้าน อยู่บ้านได้ไม่นานอาการปวดไม่หายกลับปวดมากขึ้น ผมก็นำตัวส่งโรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง หมอก็ฉีดยาให้อีกและบอกว่าจะให้ยาแรงกว่าเดิมนอนสักครั่งชั่วโมงก็วิ่งได้แล้ว แต่นอนพักไปเกินชั่วโมงก็ไม่หายปวดแต่หมอให้กลับบ้าน ลูกๆขอให้แม่นอนโรงพยาบาลเพราะแม่ต้องปัจสาวะกลางดึกทุกวันประกอบกับห้องนอนชั้น 2 ห้องน้ำอยู่ชั้น 1 (เป็นตึกแถว) ไม่สะดวกที่จะลงมาเข้าห้องน้ำเพราะยังยืนไม่ได้ แต่คุณหมอไม่อนุญาต คิดว่าจะมานอนเพราะมีประกันจะได้ไม่ต้องจ่ายค่ารักษา (แต่จริงๆคุณแม่มีประกันอุบัติเหตุและสุขภาพ ไม่ต้องนอนก็ไม่ต้องจ่ายอยู่แล้ว) ผมจึงจำใจต้องอุ้มคุณแม่ขึ้นรถกลับบ้านอีกครั้งทั้งๆที่ ยังปวดรุนแรงอยู่ และโทรหาตัวแทนประกันชีวิตของแม่ ตัวแทนโทรศัพท์คุยกับหมออย่างไรไม่รู้หมอยอมให้กลับไปอีกครั้งเพื่อเข้านอนโรงพยาบาลได้................ผมไม่รู้ว่าคุณหมอใช้เกณฑ์พิจารณาอย่างไรว่าผู้ป่วยในกรณีใดจำเป็นต้องนอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล ..........แต่เหตุการณ์นี้ไม่ติดใจจริงๆ ผมมองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถึงแม้ในครั้งที่ 3 ที่ไปโรงพยาบาลและเอ็กซเรย์อีกครั้งในท่าพิเศษ(กางขา งอเข่า) จึงพบว่าข้อต่อสะโพกหัก ถึงแม้ว่าต้องให้แม่ผมทนปวดทั้งวันโดยหาสาเหตุไม่เจอ | โดย: คนเสียแม่ [31 พ.ค. 53 10:06] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 สายๆ วันที่ 16 สิงหา คุณหมอกระดูกเข้ามาตรวจและแจ้งให้ทราบว่ามีข้อต่อสะโพกหักต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม ซึ่งลูกๆและแม่ก็ตกใจ ตกใจที่จะต้องผ่าตัดเพราะคุณแม่ไม่เคยผ่าตัดเลยและไม่เคยเป็นอะไรหนักถึงขนาดนี้ แต่ก็ต้องทำใจยอมรับครับ คุณหมอแจ้งว่าจะทำการผ่าตัดในเวลา 2 ทุ่มในวันเดียวกัน ลูกๆคุยกันว่าทำไมผ่าเร็วจัง แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะไม่มีความรู้ทางการแพทย์ประกอบกับคุณแม่ก็กำลังใจดี พอได้เวลาคุณแม่ก็เข้าห้องผ่าตัด ลูกๆก็เดินไปส่งหน้าห้องครับ แต่ไม่มีใครเอะใจเลยว่าหลังจากนี้คุณแม่จะไม่มีโอกาสลืมตามาดูลูกๆอีกแล้ว | โดย: คนเสียแม่ [31 พ.ค. 53 10:19] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 22 เวลา 23.00 น. คุณแม่ออกจากห้องพักฟื้นโดยรถเข็นนอนในสภาพหลับ........เข้าไปห้องผู้ป่วยเดิมก่อนผ่าตัด ลูกและเจ้าหน้าที่ช่วยกันเอาตัวแม่ลงเตียง ต้องยกตัวจากรถไปยังเตียง คุณแม่ก็หลับ..........ไม่มีใครเอะใจ นอกจากคุณพ่อที่ไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าเอาผู้ป่วยมาห้องทำไมยังไม่ฟื้นเลย เจ้าหน้าที่บอกว่าเขาทำตามหมอสั่ง ซึ่งพวกเราก็ไม่รู้ทำไงต่อ ตอนแรกก็มีพยาบาลมาดู แต่หลังจากนั้นเหมือนถูกทิ้งมันเป็นคืนที่ลูกๆและพ่อไม่มีใครรู้ว่าเป็นคืนอันแสนทรมานของแม่ เพราะแม่ก็หลับตลอด ทั้งคืนมีเจ้าหน้าที่มาดูแม่อยู่ 2 ครั้งโดยไม่เห็นทำอะไร มาครู่เดียวแล้วก็ไป จนกระทั่งราว.......6 โมงเช้าคุณพ่อตื่นมาเห็นคุณแม่นอนน้ำลายฟูมปาก จึงรีบไปตามพยาบาล หลังจากนั้นก็โกลาหลยกใหญ่ จนในที่สุดก็ถูกนำตัวเข้าห้องไอซียู.............ภายหลังได้รับแจ้งจากแพทย์ว่าคุณแม่มีภาวะเส้นเลือดสมองตีบ สมองเสียหายไปครึ่งซีกทำให้แขนขาอ่อนแรงครึ่งซีกเป็นอัมพาตไม่ลืมตา เมื่อพวกเราได้เข้าไปเยี่ยมแม่ในห้องไอซียู แรกเห็นแม่ทุกคนร้องไห้พร้อมกันทีเดียว....แม่ไม่ลืมตาแต่ร้องว่าเจ็บเหลือเกิน...ทรมาน......และดิ้นด้วยแขนและขาอีกข้าง แต่ก็ถูกมัดไว้กับเตียง........ผมว่าเป็นใครที่ต้องมาเห็นแม่ในสภาพนี้ก็ทนกันไม่ได้เหมือนกัน.........หลังจากนั้นคุณแม่ก็ซึมลงเรื่อยๆไม่มีเสียร้องและหลับตาสนิท ไม่รับรู้อะไรอีกเลยที่ชาวบ้านเรียกกันว่าเจ้าหญิงนิทราครับ.........หลังผ่าคุณแม่นอนอยู่บนเตียงอย่างเดียวอีก 42 วันก็จากพ่อและลูกๆไปครับ | โดย: คนเสียแม่ [31 พ.ค. 53 10:38] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 ผมขอความเห็นพี่ๆที่แวะมาในกระทู้ดังนี้นะครับ 1. ในการเจาะตรวจเลือดก่อนผ่าตัดในกรณีคุณแม่ผม ซึ่งน่าจะไม่เป็นกรณีฉุกเฉินนั้น ควรต้องงดอาหารก่อนหรือไม่ ซึ่งในกรณีแม่ของผมจากจากเวชระเบียนบอกว่าเจาะเลือดตรวจโดยไม่ได้ทำ NPO ซึ่งผมรู้ภายหลังว่าไม่ได้งดอาหาร แล้วอย่างนี้จะรู้ได้อย่างไรว่าคุณแม่มีความเสี่ยงเรื่องไขมันและหลอดเลือดมากน้อยเพียงใด เพราะคุณแม่มีโรคประจำตัวเบาหวานซึ่งมีประวัติอยู่แล้วและคุณหมอก็ทราบดีเพราะได้บอกย้ำไปด้วย..............ในประเด็นนี้ขอถามความเห็นเท่านี้ครับ เพราะมันมีประเด็นที่สำคัญทางคดีเกี่ยวกับผลเลือดด้วย 2. ออกจากห้องผ่าตัดแล้วทำไมแม่ถึงหลับ ไม่มีอาการปวดเหมือนกับญาติคนหนึ่งหลังจากแม่ผมเสียแล้วก็เข้าผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมเหมือนกันใช้วิธีบล็อคหลังเหมือนกัน แต่ออกมาปวดมากจนร้องไห้ นอนไม่หลับ..........ผมเคยถามอาจารย์พยาบาลท่านหนึ่งบอกว่า การผ่าตัดกระดูกนั้นจะมีความเจ็บปวดมาก หลังผ่าแล้วจะหลับอย่างเดียวนี้เป็นไปได้ยาก 3. หลังผ่าตัดแล้วจะมีระบบประเมินทางประสาทหรือเฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อนอย่างไรครับ ปล่อยให้ผู้ป่วยนอนไปเรื่อยๆจนน้ำลายฟูมปาก คืนนั้นไม่มีใครมาดูเลยนอกจากเจ้าหน้าที่(ไม่รู้ว่าเป็นพยาบาลหรือเปล่าเพราะไม่ได้ใส่ชุดพยาบาล) 2 ครั้ง เท่านั้น .....ขอประเด็นเท่านี้ครับ...เพราะลึกๆไปแล้วกระทบคดีแน่ๆ | โดย: คนเสียแม่ [31 พ.ค. 53 11:33] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 ผมเห็นว่า คุณคนเสียแม่เปิดเผยข้อมูลมากเกินไปครับ อาจเป็นการชี้โพรงให้กระรอกได้ครับ ขอให้จำกัดจำเขี่ยมากกว่านี้
ความเห็นของผมก็คือ ในการผ่าตัดใหญ่ๆขนาดนี้ ตามสามัญสำนึกของคนธรรมดานะครับ ผมว่าหลังจากร่างกายอยู่ในสภาวะถูกกดดันที่ต้องเสียเลือดและเสียหายทางชีววิทยาและชีวเคมีเป็นเวลานานๆ ทั้งต้องถูกกดให้ไร้สติจากยาสลบในระหว่างทำการผ่าตัด เราสมควรเห็นคนไข้ตื่นขึ้นมาเพื่อให้วงจร/กลไกทางธรรมชาติได้ฟื้นตัวทำงานซ่อมแซมตัวเองกันเต็มที่มากกว่าอยู่ในสภาพที่หลับอยู่ ยกเว้นว่ามีฤทธิ์ยาสลบคงค้างอยู่ในกระแสเลือด
โดยสามัญสำนึกอีกเช่นกัน คนไข้ที่อยู่ในสภาพบาดเจ็บมากๆเมื่ออยู่ในโรงพยาบาล ผมว่าหลับบ้างตื่นบ้าง ให้คนไข้ได้แสดงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ที่แสดงการตอบสนองต่อการรักษา น่าจะดีกว่าการที่คนไข้อยู่ในสภาพไม่ได้สตินะครับ คนไข้ที่ไม่ตื่นขึ้นมาดูแสงเดือนแสงตะวันตามวงจรชีวิตปรกติ โอกาสหายขาดจากอาการเจ็บป่วยที่กำลังรักษาอยู่ก็น้อยลงไปเรื่อยๆตามจำนวนวันที่หลับไหลไม่ได้สติต่อเนื่องกันไปนั่นแหละ
ยิ่งคุณได้ไปรู้เห็นประสบการณ์ตัวอย่างจากญาติที่เคยผ่าตัดในสภาพเดียวกันแต่แสดงผลแตกต่างกันจากคุณแม่ ก็ยิ่งเป็นข้อเพ่งเล็งที่ชี้ชัดในข้อสงสัยที่เรามีกับขั้นตอนการรักษาที่เกิดขึ้นว่า มีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ไม่ต้องตรงตามหลักวิชาการรักษาของกรณีเช่นนี้ หรือไม่???
คุ้ยไปเรื่อยๆครับ ถ้าเรื่องมันไม่ถูกต้องล่ะก็ เชื่อผมเหอะ ยิ่งคุ้ยก็ยิ่งเจอ และขอเตือนบรรดาคุณหมอทั้งหลายด้วยว่า ถ้าทำผิดแล้วรู้ตัว ให้สารภาพแล้วเจรจาชดใช้ญาติคนไข้เขาไปซะ คนไทยและวัฒนธรรมไทยนั้น ให้อภัยง่ายยกโทษง่ายแล้วก็ลืมง่ายหากพูดตรงๆไม่ไปโกหกเขาให้เขาจับได้ ยิ่งเป็นอาชีพหมอแล้ว สังคมนี้ยังให้เกียรติให้โอกาสสูงมากๆ แต่พอจับโกหกได้แล้ว เรื่องก็จะใหญ่บานปลายออกไปไม่รู้จบละครับ อย่างกรณีนี้ เป็นต้น | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [2 มิ.ย. 53 12:32] ( IP A:58.8.121.208 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) ครับ.....ข้อมูลที่ผมเปิดไปเป็นข้อมูลพื้นๆ ส่วนข้อมูลลึกๆแล้วคงเอาไว้ไปว่ากันในศาล.........ผมเองเป็นคนที่เข้าใจและประนีประนอมสูง แต่โรงพยาบาลและคุณหมอก็ไม่คิดที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง พยายามแต่จะปกปิด ปิดเบือนในสิ่งที่เป็นความผิดของตนเอง ซึ่งผมเห็นว่าถ้าเป็นความประมาทมันก็ไม่แปลกที่คนเราอาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ แต่ถ้ากล้ายอมรับและแก้ไขมันซะ เรื่องคงจบไปนานแล้ว เพราะผมเปิดใจให้แล้วตอนเกิดเรื่องใหม่ๆ แต่ทางโรงพยาบาลและคุณหมอกลับไม่ใส่ใจ เอาแต่เข้าไปสร้างหลักฐานขึ้นมาเพื่อปกปิดความผิดตอนเองจนทำให้ผมจับได้ แบบนี้ผมจะให้อภัยได้อย่างไร...........ตอนนี้ตั้งใจว่าจะดำเนินคดีความจนถึงที่สุด แพ้ชนะก็ขอให้ได้ความเป็นธรรมครับ.....ผมยังคิดไม่ออกว่าเอกสารเท็จที่อยู่ในมือผมและในศาลเนี่ย ใครจะต้องรับผิดชอบบ้างก็เท่านั้นเองครับ............ | โดย: คนเสียแม่ [2 มิ.ย. 53 15:20] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 ทางโรงพยาบาลเขามีback คนที่หนุนให้โรงพยาบาลทำผิด พวกนี้ต้องรอให้เกิดกับพ่อแม่ลูกเมียญาติพี่น้องตัวเองเสียก่อน แต่..คงไม่สำนึกหรอก เพราะกมลสันดานคนเหล่านี้มันกินลึก จนเกินจะเปลี่ยนแปลง | โดย: สันดอนขุดได้..สันดานขุดไม่ได้ [4 มิ.ย. 53 14:52] ( IP A:58.9.204.119 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 ผมขอย้ำถึง "คุณคนเสียแม่" อีกที
ในเมื่อคู่กรณีของคุณไม่ได้มีสำนึก และ ไม่ยอมรับความผิดพลาด
แต่กลับมี "ความกล้าหาญ" ที่จะแก้เวชระเบียนในชั้นศาล
ขอให้ดำเนินคดีอาญาเถอะครับ หากทำไม่ได้เพราะหมออายุความที่ตัวคดี ผมแนะให้ "ฟ้องคดีอาญาฐาน ทำ และ/หรือ ใช้ หลักฐานเท็จ" ในศาลไว้อีกคดี
เชื่อผมเหอะ ไม่ต้องเกรงใจหรือให้เกียรติคนในอาชีพหมอที่ไม่รักษาเกียรติและความไว้วางใจที่เราอุตส่าห์ฝากชีวิตแม่เราทั้งคนไว้
ย้ำอีกครั้งว่า งานนี้ถ้าคุณไม่เล่นแรงๆชกตรงๆให้เข้าเป้า คนเหล่านี้เขาไม่กลัวคุณหรอก เพราะพวกนี้ต่างมีเครือข่ายฯของเขาเองที่เชื่อว่าสามารถควบคุมการตรวจสอบและตัดสินคดีความได้ เข้าทำนองถ้าคุณไม่น๊อคเขาลงไปกองให้นับสิบ แบบ TKO ผมว่าคุณไม่มีโอกาสชนะคะแนนหรอก ความเห็นผมนะ | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [4 มิ.ย. 53 15:08] ( IP A:58.8.114.70 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 ตอนนี้ผมคิดเหมือนกับท่าน คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) ครับ อายุความยังไม่หมดครับ ผมได้เคยปรึกษาทนายแล้วในเรื่องคดีอาญา ทนายก็บอกว่าไม่น่ามีปัญหา แล้วแต่ผมจะตัดสินใจ....................มาคิดย้อนเวลาไป ผมว่าผมอาจจะมองโลกในแง่ดีเกินไปที่คิดว่า คนที่มีความรู้สูงและคิดว่ามีจริยธรรมสูงนั้นคงจะแสดงความรับผิดชอบแบบลูกผู้ชาย แต่เมื่อมีข้อมูลจนทำให้เราเชื่อได้ว่ามันไม่เป็นแบบที่เราคิดก็ทำให้เสียความรู้สึกมากครับ.................คงจะดำเนินการทางอาญาภายในเร็วๆนี้หละครับ ขอตัดสินใจระหว่างฟ้องเองกับแจ้งความดำเนินคดีครับ | โดย: คนเสียแม่ [4 มิ.ย. 53 17:59] ( IP A:202.29.11.222 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 กองประกอบฯ เขาใช้เวลาสอบสวนสักเท่าไรครับ
ต้องไปถามคุณรวีวรรณ ร้องเรียน 3 ปี ตายไป 2 ปี รวมเกือบ 6 ปี แพทยสภายังไม่ชี้มูล กองประกอบฯ ก็แบ๊ะ ๆ ๆ ๆ ๆ สงสัยคงจะตามคุณรวีวรรณไปชี้มูลด้วยในไม่ช้า
| โดย: ต้องถามคุณรวีวรรณคนรู้จริง [6 มิ.ย. 53 10:19] ( IP A:58.9.198.165 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 30 สำหรับคุณคนเสียแม่อีกที
ผมอยากบอกอีกครั้งว่า ไม่ควรคิดเอาเหตุเสียความรู้สึกจนกลายเป็นแรงจูงใจให้ทำเรื่องยุ่งยากทั้งต้องเสียเวลาและเงินทองมากขนาดนี้ และเชื่อว่าญาติพี่น้องคุณเองคงไม่ค่อยจะเห็นด้วยที่จะทำขนาดนี้ ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับญาติพี่น้องของบรรดาสมาชิกในเครือข่ายฯนี้ทั้งหลาย
อยากแนะนำให้คิดว่า ทำเพื่อเป็นบุญกุศลแก่คนไข้ในอนาคตคนอื่นๆที่จะต้องมาเจอหมอแบบนี้หรือคนเดียวกันนี้เข้าให้อีก กรณีของคุณนี้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะทางคดีก็ตาม ไม่สำคัญเท่ากับ การที่แม่ของคุณแม้จากไปก็ได้ทำตัวเป็นประโยชน์เป็นตัวอย่างให้หมอดีๆและคนไข้คนอื่นๆอีกนับจำนวนมหาศาลได้ระวังป้องกันตัวจากความผิดพลาดแบบนี้ และเป็นมาตรการ "ปรามทางอ้อม" กับหมอที่จะคิดทำไม่ดีทำนองนี้อีกว่า คุณหมออาจเจอการตรวจสอบที่ถึงลูกถึงคนเท่านี้หรือมากยิ่งกว่าในอนาคตได้หากคิดเอาชีวิตคนไข้มาล้อเล่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนเป็นสรณะ
และขอให้อย่ามีอคติต่อหมอคู่กรณีจนถึงกับอาฆาตมาดร้าย เพราะอาจไปขวางบุญกุศลที่คุณแม่ของคุณควรได้จากงานนี้ และทำให้เราใจมัวหมองไปเสียเปล่าๆ อย่างท่านจันแห่งสันติอโสกว่าไว้ว่า หากเราขวางคนไม่ดีจากการทำเรื่องชั่วๆ ก็ด้วยเพราะเมตตาไม่ต้องการให้เขาไปก่อเรื่องเป็นบาปกรรมต่อเนื่องกันไปอีก ถือเป็นเมตตาธรรมอย่างหนึ่ง ส่วนผู้รับเขาจะมีสำนึกหรือไม่ก็ช่างเขา
พระพุทธเจ้าท่านก็ไม่สามารถโปรดสัตว์โลกให้สำเร็จเป็นอรหันต์ได้ทุกๆคนที่ท่านพบไม่ใช่หรือ? | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [14 มิ.ย. 53 12:44] ( IP A:58.8.100.171 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 31 วิธีคิดของคุณคนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) น่าสนใจครับ......หลักคิดอันนี้ทำให้เราอยู่สูงกว่าบางคนที่เชื่อว่ามีจิตสูงมากทีเดียว.....ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะทางสว่างให้..................... | โดย: คนเสียแม่ [15 มิ.ย. 53 16:58] ( IP A:202.29.11.222 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 32 อยากฟ้องหมอเรื่องเวชระเบียนเท็จเหมือนกัน ขอข้อมูลเพิ่มเติมหน่อยนะค่ะว่า ต้องฟ้องภายในเวลาเท่าไหร่ ฟ้องเองกับแจ้งความดำเนินคดีต่างกันอย่างไรค่ะ | โดย: คนอยากจัดการหมอไร้จริยธรรม [12 มิ.ย. 54 14:05] ( IP A:183.89.189.36 X: ) |  |
|