ยกฟ้องพยายามฆ่า"รวิวรรณ" ไร้ประจักษ์พยาน-ปืนของกลาง
   ยกฟ้องพยายามฆ่า"รวิวรรณ" ไร้ประจักษ์พยาน-ปืนของกลาง

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
17 มิถุนายน 2553 11:01 น.


ศาลยกฟ้อง"ประกอบ ศรีนาค" คดีพยายามฆ่า "รวิวรรณ เสตะรัตน์" เหยื่อศัลยกรรมไบโอคลินิก โดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ ชี้ไร้ประจักษ์พยาน และอาวุธปืนของกลางที่ก่อเหตุ แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์

วันนี้ ( 17 มิ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 614 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.1940/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้องนายประกอบ สีนาค เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฏหมายมาตรา 288,289,358 พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย.49 เวลากลางวัน จำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีร่วมกันมีอาวุธปืนขนาด 9 มม.และเครื่องกระสุน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้ยิงใส่นางอาภัสนันท์ ฐิติโชติปรีชา หรือรวิวรรณ เสตะรัตน์ เหยื่อศัลยกรรมความงาม "ไบโอคลีนิก"จำนวน 1 นัด โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแต่ไม่บรรลุผล กระสุนไปถูกขอบประตูรถยนต์ ทะเบียน วท 5431 กรุงเทพมหานคร ทำให้กระจกแตกเสียหาย เหตุเกิดบริเวณปากซอยลาดพร้าว 132 แขวงและเขตบางกระปิ กทม.ในชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพ แต่มากลับคำให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา

คดีนี้โจทก์มีพยานที่เป็นพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเบิกความว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่าเคยพยายามฆ่าผู้เสียหาย ในวันและเวลาเกิดเหตุ และยังมีวีดิทัศน์บันทึกภาพคำให้การของนายจตุรงค์ หรือ ตึ๋ง เบ็ญกุล ที่เบิกความว่าจำเลยเล่าให้ฟังว่าเคยพยายามฆ่าผู้เสียหายแต่ไม่สำเร็จ ขณะที่จำเลยให้ปฏิเสธโดยอ้างเหตุว่าที่รับสารภาพในชั้นจับกุมเพราะถูกข่มขู่ และเกรงเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกาย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานโจทก์เป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่มีประจักษ์พยาน หรืออาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุมาแสดง หรือนำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิด จึงเป็นเหตุให้เคลือบแคลงสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงหรือไม่จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยไว้ระหว่างอุทธรณ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนคดีที่ นายประกอบ สีนาค จำเลยในคดีนี้ ตกเป็นจำเลยร่วมกับนายจตุรงค์ หรือ ตึ๋ง เบ็ญกุล ในความผิดฐานร่วมกันฆ่านางรวิวรรณ โดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลชั้นต้น มีพิพากษายกฟ้องไปแล้วเมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคดีของนางรวิวรรณ ถูกแยกเป็น 2 คดีประกอบด้วย คดีที่ถูกลอบยิงขณะขับรถอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงบนถนนลาดพร้าว แต่ไม่เสียชีวิต เมื่อเดือน พ.ย.ปี 2549 และคดีถูกลอบยิงที่บ้านพักย่านแฮปปี้แลนด์จนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ก.ย.2550 โดยคดีทั้งสองมีความต่อเนื่องกัน และคำพิพากษาของศาลในวันนี้ เป็นคดีที่เกิดขึ้นในเดือนพ.ย.2549 ในข้อหาพยายามฆ่า

โดย: เครือข่ายฯ [17 มิ.ย. 53 12:11] ( IP A:58.9.188.143 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   นายประกอบ สีนาค

โดย: พ้นผิด [17 มิ.ย. 53 12:20] ( IP A:58.9.188.143 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ศาลยกฟ้องมือยิงเหยื่อไบโอคลินิก

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
17 มิถุนายน 2553 11:38 น.


ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องนายประกอบ สีนาค ในความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 จำเลย ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนางอภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา หรือนางระวีวรรณ เสตะรัตน์ ผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมสถาบันเสริมความงามไบโอคลินิก ย่านดอนเมือง จำนวน 1 นัด บริเวณซอยลาดพร้าว 103 แต่กระสุนปืนไปถูกบริเวณขอบประตูรถยนต์ ทำให้กระจกรถยนต์คันดังกล่าวแตกร้าวเสียหาย 1 บาน เนื่องจากศาลวิเคราะห์พยานหลักฐานและเห็นว่าพยานโจทก์ที่มีเพียงพนักงานสอบสวน ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ไม่มีประจักษ์พยาน ไม่พบอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ และไม่มีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โจทก์ยังมีความเคลือบแคลงสงสัย ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง แต่ให้ขังจำเลยระหว่างรออุทธรณ์
สำหรับคดีนี้ ศาลอาญาได้ยกฟ้องนายประกอบ กับนายจตุรงค์ หรือ ตึ๋ง เบ็ญกุล ในความผิดฐานร่วมกันฆ่านางระวีวรรณ ไปแล้ว 1 คดี เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา
โดย: ประเทศไทย [17 มิ.ย. 53 12:35] ( IP A:58.9.188.143 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   https://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000083382

https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000083367
โดย: ???? บอกความรู้สึกไม่ถูก???? [17 มิ.ย. 53 12:36] ( IP A:58.9.188.143 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   คำว่าพ้นผิดคงไม่ได้
เวลาศาลยกฟ้องคดีอาญา หมายความว่า หลักฐานที่นำมาเสนอศาลนั้นรับฟังเอาผิดจำเลยไม่ได้ จำเลยจะผิดหรือไม่ ยังไม่สรุป ถ้ามีหลักฐานใหม่ก็ฟ้องเอาผิดจำเลยได้อีก แม้จะถึงฏีกาแล้วก็แปลว่าตามฏีกานี้ หลักฐานเอาผิดจำเลยไม่ได้ แต่ถ้ามีหลักฐานใหม่ก็ฟ้องใหม่ได้
ก็เหมือนว่าเป็นหนี้กันจริงยืมเงินกันจริง 1 หมื่นบาท แต่ถ้าไม่ได้ทำหนังสือลงชื่อคนยืมไว้ ก็ฟ้องศาลไม่ได้ แต่ก็เป็นหนี้กันจริง
ดังนั้น ถ้าตัดสินศาลจะยกฟ้องเสมอเว้นแต่ว่าหลักฐานพิสูจน์ได้จนปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทำผิดจริง ศาลจึงจะลงโทษ
ศาลใช้หลักว่า ปล่อยคนชั่ว 100 คนดีกว่าเอาคนดีติดคุก 1 คน
โดย: แด่บูญชู สระอูยาวๆ [17 มิ.ย. 53 13:32] ( IP A:58.8.210.100 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ดูอีกคดีเป็นตัวอย่าง
https://www.vrasubooks.com/product.detail_477639_th_2754146
คดีนี้หยุดแค่ชั้นต้น ไปฏีกาไม่ได้ เสียวสุดๆ ก็เลยต้องหยุดแค่ชั้นต้น
โดย: ไอ้ปื๊ด เยสโนโอเค [17 มิ.ย. 53 13:35] ( IP A:58.8.210.100 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   จำได้ขนาดนี้

ยังพ้นผิดเหรอ?


ห้วยๆๆๆๆๆ

ไม่อยากวิจารณ์ เพราะรู้สึก งง งง อยู่เลย

เมืองไทยจงเจริญ
ศาลไทยก็ให้เจริญๆ
โดย: จีเอ็น [17 มิ.ย. 53 22:14] ( IP A:119.31.41.84 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   จับได้ แก้คำผิด
โดย: จีเอ็น [17 มิ.ย. 53 22:16] ( IP A:119.31.41.84 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   บางทีต้องเป็นศาลเอง จะลำบากใจ
เพราะหากตัดสินผิด ก็บาป
หลักเขาก็ว่าในคดีอาญา ต้องแน่ใจ 100 % เช่น จับอาวุธได้ มีกล้องวงจรปิด มีคนเห็น จำได้
ไม่งั้น ศาลจะว่า หลักฐานที่ฟังมายังรับฟังเอาผิดจำเลยไม่ได้ ก็เลยต้องยกฟ้อง
โดย: คนผิดมันไม่พ้นเวรกรรมหรอก ช้าหรือเร็ว [18 มิ.ย. 53 2:05] ( IP A:58.8.210.100 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน