ไม่ต้องขู่ รีบๆประท้วง หยุดงานไปเลย
|
ความคิดเห็นที่ 1 " Over a million patients are injured in hospitals each year, and approximately 280,000 die annually as a result of these [iatrogenic> injuries. Therefore, the iatrogenic injury rate dwarfs the annual automobile accident mortality of 45,000 and accounts for more deaths than all other accidents combined. " JAMA, July 5, 1995, 274:29-34. Harvard researchers studied hospital records from the state of New York over a one-year period. They estimated that more then 13,000 New Yorkers were killed and 2,500 permanently disabled due to medical care. More than 51% of the deaths were blamed on negligence.--New England J. of Medicine, Feb. 7, 1991. Even the Centers for Disease Control reports about Iatrogenic death. They say that 125,000 people are killed annually in the U.S. by infections acquired in the hospital. The cost of treating such infections is $4.5 billion a year.
You can find plenty of good books on the subject also. In the book, Confessions of a Medical Heretic, Robert S. Mnndelsohn, M.D. wrote:
" In 1976 in Bogota, Colombia, doctors went on strike during a 52-day period. The death rate went down 35% during that time. In Los Angeles in 1976, doctors went on strike to protest increasing costs of malpractice insurance. The death rate decreased by 18%. When the strike ended, the death rate returned to pre-strike proportions. In Israel in 1973, during a month-long strike, the death rate dropped 50%. The last time the death rate had been that low was when there was a doctor's strike 20 years before. "
A fantastic article was written in the Feb 1, 1999 New Yorker Called " When Doctors make Mistakes " . I strongly suggest it for anyone that wants a taste of what physicians really do to their patients in this country. | โดย: เขาว่า ถ้าจริงก็ดีสิ [8 ก.ค. 53 18:24] ( IP A:58.8.212.211 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 คห 3 จุดโหว่มากมาย อืม ถ้าเชื่อแบบนั้น ก็ไม่ต้องมาหาหมอดิจะได้ตายน้อยลง
คิดเล่นๆนะ เมื่อ 100 ปีก่อนคนเราอายุขัยคนเฉลี่ยเท่าไหร่ อัตรา ประชากรโลกเท่าไหร่(ขนาดไม่มียาคุมสมัยไหม่นะ) ปัจจุบัน อายุขัยเฉลี่ยเท่าไหร่ ประชากรโลกเท่าไหร่
ที่สำคัญ เวลาหมอเค้าประท้วงหยุดงาน เค้าจะยังคง standy ER ICU และ WARD ไว้ ไม่ได้หยุดร้อยเปอร์เซ็นต์ คล้ายๆตอน จุฬาปิด รพ หรือ วันหยุด เสาร์อาทิตย์ โปรดเข้าใจด้วย เวลาอ่านอะไรต้องกรองด้วย เสพข่าวจากเนตไม่ใช่ว่าอะไรก็จริงไปเสียหมด | โดย: กาลมสูตร [8 ก.ค. 53 21:58] ( IP A:61.7.136.134 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 นั่นนะซี เสพข่าวจากเน็ต เชื่อลมปากเหม็นๆของหมอบางคนโดยไม่ใช้ปัญญาตรึกตรองดู ชีวิตคนไข้รวมทั้งชีวิตของตัวเองในอาชีพหมอ
ถึงได้บรรลัย
คุณหมอที่เป็นผู้ต้องหาคดีผู้เสียหายที่อำเภอร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช นั่นก็ไม่เพราะเชื่อลมปากเห็นๆของหมออาจารย์บางคน ไปกลับลำให้การเท็จในศาล "ถึงได้ถูกศาลท่านลงโทษจำคุกไม่ใช่หรือ"
งานนั้น หมอทำชีวิตตัวเองชิบหายไป เพราะเชื่อหมอด้วยกัน ใช่ไหมล่ะ
งานนี้ท่านอาจารย์มีชัย มาตกมาตายตอนแก่ก็อีคราวนี้นี่เอง ตัวแกออกปากเองว่ายังไม่ทันเห็นตัว พ.ร.บ. แต่ดันไปวิจารณ์ซะราวกะเห็นกะทำมากับมือ เพียงเพราะแค่เชื่อข้อความที่ "คนที่แอบอ้างชื่อว่าเป็นหมอใต้" แล้วให้ความเห็น
เฮ้อ ท่านอาจารย์มีชัย ครับ งานนี้ขอบังอาจจาบจ้วงหน่อยนะครับว่า หมองูเผลอแว๊บเดียว ตายเพราะงูแท้ๆ งานนี้ท่าน เสียรังวัดแบบหมดสภาพหมดรูป ความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการกฎหมายและนิติบัญญัติเลยครับ เพราะความที่ท่านออกความเห็นแบบ " ไม่ทันเห็นตัวกฎหมาย " แล้วออกมาวิจารณ์อย่างดูถูก ค.ร.ม. ทั้งคณะ ดูถูกท่าน ร.ม.ต.จุรินทร์ ดูถูกคุณหมอมงคล ณ.สงขลา ในฐานะอดีต ร.ม.ต. สาธารณสุขที่ออกคำสั่งให้ยกร่างนี้ขึ้น ท่านอาจารย์มีชัย ครับ งานนี้ท่านเสียผู้ใหญ่แบบปลาตายน้ำตื้นๆเลนครับ
อ้อ "กาลมสูตร" นี่เขียนผิดครับ เขียนอย่างนี้ต้องอ่านว่า กา-ลม-สูด ครับ ช่องว่างจุดโหว่ของการทำงานของคนเราน่ะ มีอยู่เยอะเป็นปรกติครับ อยู่ที่ช่องว่างจุดโหว่นั้น ยอมรับกันได้ หรือ ยอมรับกันไม่ได้ ในวงการแพทย์เรานี่ ส่วนใหญ่เกือบ 100% ไม่มีการยอมรับกันครับ ตรงกันข้าม ออกมาโกหกตอแหลกันเป็นทีมเป็นก๊วนแบบประสานเสียงกัน อย่างตอนนี้เป็นต้น ที่น่าสนใจ (หรือสมเพช ก็ไม่แน่ใจ) ก็ตรงที่แม้แต่โกหกตอแหลกันเป็นทีม ก็ยังทำให้ชาวบ้านร้านตลาดเค๊าจับได้คาหนังคาเขาเนี่ยซิ เฮ้อ
เอ้า สุดท้ายที่ไม่ใช่ท้ายสุด หวังว่าท่านอาจารย์มีขัย คงจะรู้ตัวรับออกมาแก้ข่าวแก้ความเห็นนะครับ หาไม่เราผมว่า "ยุคแห่งการยอมรับความเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทางวงการกฎหมาย" ก็อาจถึงกาลปวสานได้นะครับ เอวัง | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [9 ก.ค. 53 9:21] ( IP A:115.87.198.129 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ประเทศนี้จะไม่มีใครแตะวงการแพทย์ได้เลยหรือ ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าแพทย์ทุกคนที่บริการประชาชนอยู่ขณะนี้เป็นแพทย์ที่มีคุณภาพ ปฏิบัติหน้าที่ได้มาตรฐานวิชาชีพทุกคน อย่างน้อยไอ้ที่เป็นข่าวเรื่องทุจริต เรื่องลืมโน่นลืมนี่ไว้ที่ตัวผู้ป่วยเนี่ยมันก็ฟ้องแล้วว่าไม่ใช่แพทย์จะได้มาตรฐานทุกคน เมื่อใดที่แพทย์ละเลยความปลอดภัยของผู้ป่วย และประมาทที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้ป่วย นั่นคือความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยหรือญาติถ้าเกิดเสียชีวิตขึ้น ในเมื่อสังคมเห็นว่าหน่วยงานที่ดูแลวิชาชีพด้วยกันนั้นไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะลดปัญหานี้ได้ ก็ต้องให้คนกลางที่มีอำนาจดูแล ให้คุณให้โทษต่อผู้ประกอบวิชาชีพนี้ | โดย: ของข้าใครอย่าแตะ [9 ก.ค. 53 10:02] ( IP A:202.29.9.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 โหวตให้กระทู้นี้ครับ โดยเฉพาะความเห็น 5 คนรู้ทันยังเฉียบขาดเหมือนเดิม | โดย: เจ้าบ้าน [9 ก.ค. 53 10:24] ( IP A:210.86.181.20 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าการไป รพ.แล้วทำให้คนไข้ตาย แล้วเวลาป่วย ไม่ต้องไป รพ.นะครับ จะได้ไม่ตาย | โดย: เฮ้อ [9 ก.ค. 53 19:57] ( IP A:114.128.132.161 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ลองดูซักตั้งรัฐบาชุดนี้ ถ้าวงการแพทย์ไทยจะเกลียดท่านก็ไม่กี่หมื่นเสียง แต่ประชาชนเป็นล้านๆ น่าจะเ็ห็นด้วย คงไม่มีใครคิดงี่เง่าเหมือนคนบางจำพวกหรอก
ลองดูเอ้า คิดว่าหาเสียงไปในตัว | โดย: จีเอ็น [9 ก.ค. 53 21:41] ( IP A:119.31.25.192 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 ก๊อปเค้ามาอีกทีนะ
พ.ร.บ.เยียวยาผู้ เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข เสนอเข้าสภาโดยคณะ รัฐมนตรี ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรจากพ.ร.บ.เยียวยาผู้เสียหาย จากการรับบริการสาธารณสุข 1.เมื่อ ไปรับการรักษาจากโรงพยาบาล คลินิก ร้านขายยา หรือจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพใดๆก็ตาม แล้วเชื่อว่าตนเองหรือครอบครัวได้รับความเสียหายแล้ว มีสิทธิยื่นเรื่องขอเงินจากกองทุนมาเพื่อ “เยียวยา” ความเสียหายได้ 2. คณะกรรมการผู้พิจารณาจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียหายนั้น จะใช้หลักการอะไรก็ได้ในการพิจารณาจ่ายเงิน เนื่องจากไม่มีผู้มีความรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขอยู่ใน คณะกรรมการ และการตัดสินใช้การนับคะแนนเสียงของคณะกรรมการ โดยตัดสินตามสียงข้างมาก และคณะกรรมการเลือกมาจากผู้ไม่มีความรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุข เป็นส่วนมาก 3.การจ่ายเงินไม่ต้องมีการพิสูจน์ว่า การบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขนั้น เป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยไม่มีการพิสูจน์ว่าถูกหรือผิด แต่ใช้อารมณ์/ความรู้สึกของคณะกรรมการสียงข้างมาก 4.หลังจากประชาชน ได้รับเงินเยียวยาแล้ว ยังมีสิทธิ์ไปฟ้องศาลอาญาได้อีก และศาลก็สามารถใช้ดุลพินิจโดยไม่มีขอบ เขตว่า จะลงโทษบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอีกหรือไม่ก็ได้ และถ้าศาลตัดสินว่า บุคลากรไม่ผิด ประชาชนก็ยังมีสิทธิกลับไปขอเงินเยียวยาได้อีก 5. เมื่อเป็นเช่นนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ก็คงต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิด “ความเสียหาย” แก่ผู้ป่วยทุกๆวิถีทางได้แก่ 5.1 ส่งผู้ป่วยไปรักษาที่อื่น เพื่อว่าตนเองจะไม่ต้องรับผิดชอบ ประชาชนก็จะเสียโอกาสในการได้รับการรักษาที่ทันเวลานาทีทอง ก็อาจต้องไปตายกลางทางระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาลอื่น โดยต้องหารถไปเอง เพราะถ้าโรงพยาบาลเอารถโรงพยาบาลไปส่ง ก็อาจต้องรับผิดชอบจ่ายค่าเยียวยา เพราะตายบนรถของโรงพยาบาล 5.2 บุคลากรสาธารณสุขก็คงต้องส่งตรวจละเอียด ครบทุกอย่าง เช่นผู้ป่วยปวดหัว แพทย์อาจต้องส่ง เอ๊กซเรย์กระโหลกศีรษะ ทำ CT scan, MRI ,EEG,Pet Scan. ซึ่งจะ ทำให้ไม่พลาดในการวินิจฉัยโรค แต่ประชาชนคนป่วยก็จะได้รับของแถมคือรังสีเอ๊กซเรย์ ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดเป็นมะเร็ง ส่วนรัฐบาลผู้จ่ายเงินค่ารักษาก็คงต้องควักเงินจำนวนมาก ในการตรวจพิเศษต่างๆเหล่านี้ และอาจเสียเวลานาน กว่าจะได้ตรวจครบทุกอย่าง ก่อนจะได้รับการรักษา ซึ่งอาจจะช้าเกินไป แต่สามารถอธิบายได้ว่าตรวจรักษาอย่างละเอียดรอบคอบ ตามคติที่ว่า “slow but sure” 5.3 ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยและ บุคลากรสาธารณสุขก็คงจะดีขึ้นอย่างสุดๆ แบบว่า ผู้ป่วยมั่นใจว่าหมอจะรักษาอย่างดีที่สุด เพราะถ้ารักษาไม่ดี ก็จะต้องจ่ายเงินเยียวยา เมื่อโรงพยาบาล จ่ายเงินแล้ว ก็ยังไปไล่เบี้ยเอากับหมอหรือบุคลากรที่ทำให้เกิดความเสียหาย และยังจะถูกศาลตัดสินจำคุกได้อีก ส่วนหมอก็คงจะรู้สึกรักและห่วงใย ผู้ป่วยยิ่ง กว่าชีวิตของตนเอง ต้องนั่งเฝ้าดูอาการผู้ป่วยตลอดทุกเวลานาที เพราะถ้าผู้ป่วยตาย หมอก็ต้องจ่ายเงินทำขวัญ และยังต้องไปชดใช้กรรมในการปล่อยให้ผู้ป่วยตาย โดยสมควรตายและไม่สมควรตาย ฉะนั้น หมอจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการดูแลชีวิตผู้ป่วยยิ่งกว่าชีวิ ตตนเอง 5.4 ประชาชนไทยก็จะมีแต่การเกิดอย่างเดียว ไม่สามารถจะตายได้ เพราะหมอต้องพยายามรักษาชีวิตประชาชนทุกคนอย่างดีที่สุด ยิ่งกว่าชีวิตตนเอง เพราะถ้ามีผู้ป่วยตายไป หมอก็คงถูกลงโทษให้ตายตกไปตามกัน 5.5 รัฐบาลที่เสนอออกพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ได้เป็นรัฐบาลตลอดกาล เพราะสามารถทำให้ประชาชนมั่นใจและไว้วางใจว่าจะ ปลอดภัยแน่นอนจากการไปโรงพยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่อยากทำงานในโรงพยาบาลของรัฐบาล ก็ไม่ต้องลาออกอีกต่อไป เพราะจะถูกไล่เบี้ยจนไม่มีเงินจ่ายค่าเยียวยา จึงต้องถูกจำคุกแทนการเสียเงินค่าปรับ หรือถูกประหารให้ตายตกไปตามกันจน หมดไปจากโรงพยาบาล ฉะนั้นรัฐบาลต้องรีบเข็นพ.ร.บ.นี้ให้ ออกมาเป็นกฎหมายโดยเร็วที่สุด เพื่อความมั่นคงของรัฐบาลเองและชีวิตนิรันดร์ของประชาชน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์นั้นเป็นพลเมืองส่วนน้อย ก็ “ชั่งหัวมัน” จะอยู่หรือตายก็ไม่ต้องให้ความสนใจ
ใช่..ไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก อยากทำอะไรก็ตามสบายนะ แค่หมอ พยาบาล ทันตะ เภสัช นักเทคนิคการแพทย์..บุคลากรทางการแพทย์ตามที่พรบ.เหมารวมน่ะ ไม่เยอะหรอก ถ้าเทียบกับประชากรอันทรงคุณค่าของประเทศไทย เต็มที่ๆ ให้พรบ.ผ่านออกมาเลย อย่าได้แคร์ใคร | โดย: เหนื่อย [1 ส.ค. 53 22:36] ( IP A:61.7.173.85 X: ) |  |
|