ความคิดเห็นที่ 1 โรงพยาบาลเอกชนจ๋อย? ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ สั่ง รพ.สมิติเวช จ่าย 10 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5 ให้เสี่ยเจ้าของโรงงานแห-อวน หลังทำคลอดชุ่ยทำให้เมีย-ลูกตาย แถมไม่ดูแลปล่อยน้ำคร่ำไหลย้อนเข้ากระแสเลือดกับปอดจนหัวใจวายตาย เจ้าตัวและแม่เมียระบุไม่ต้องการเงิน แต่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่าง วันนี้ (22 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่นายบุรินทร์ เสรีโยธิน เจ้าของโรงงานผลิตแห-อวน ด.ช.บดินทร์ ด.ญ.บุษรินทร์ ด.ช.ศุภโชค เสรีโยธิน บุตรของนายบุรินทร์ และนายเขษม นางนารี กีรติธรรมคุณ บิดามารดาของนางจุรีรัตน์ ผู้ตาย และบริษัท ขอนแก่นแห-อวน จำกัด ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-7 ฟ้องบริษัท สมิตติเวช จำกัด (มหาชน) นพ.เกรียงไกร อัครวงศ์ ผู้อำนวยการรพ.สมิติเวช สาขาสุขุมวิท พญ.สุภัค จันทร์จำปี วิสัญญีแพทย์ และ นพ.ชลัท ตู้จินดา แพทย์เจ้าของไข้ ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 เรื่อง ละเมิดเรียกค่าเสียหายจำนวนทุนทรัพย์ 700 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.25 โจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า โจทก์ที่ 1 สมรสกับนางจุรีรัตน์ เสรีโยธิน อายุ 36 ปี ตามกฎหมาย โดยผู้ตายเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีของบริษัทโจทก์ที่ 7 ซึ่งมีบุตรด้วยกัน 3 คน คือโจทก์ที่ 2-4 ต่อมานางจุรีรัตน์ ได้ตั้งครรภ์ และโจทก์พาผู้ตายไปฝากครรภ์กับโรงพยาบาลจำเลย กระทั่งวันที่ 6 ก.ย.2538 โจทก์พานางจุรีรัตน์ ไปคลอดที่โรงพยาบาลของจำเลย คณะแพทย์ได้ฉีดยาและให้นอนพักเพื่อดูอาการ วันรุ่งขึ้นผู้ตายมีอาการปวดท้องและน้ำคร่ำเดิน แพทย์ได้ฉีดยาอีก จนเช้าวันที่ 8 ก.ย.2538 ผู้ตายส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด โจทก์ที่ 1 ได้จึงเข้าไปดู แต่ไม่พบแพทย์และพยาบาล จึงไปตามแพทย์ โดยมีจำเลยที่ 4 มาดูอาการ ซึ่ง นพ.ชลัท จำเลยที่ 4 มีอาการตกใจ ต่อมานางจุรีรัตน์ได้ถึงแก่ความตาย พร้อมบุตรในครรภ์ เนื่องจากน้ำคร่ำได้ไหลย้อนเข้ากระแสโลหิต และปอด ทำให้เกิดภาวะหายใจติดขัด เลือดไม่สูบฉีด จนทำให้เกิดอาการหัวใจวายการเสียชีวิตของผู้ตาย ทำให้โจทก์ขาดไร้ค่าอุปการะ ค่าจัดการงานศพ ค่าเลี้ยงดู ขาดค่าการงานในการประกอบอาชีพแห-อวนของบริษัท จึงขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจำนวนตามฟ้องด้วย คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าพยานโจทก์ไม่ได้ยืนยันชัดเจนว่าวิธีเจาะถุงน้ำคร่ำของแพทย์ทำให้ผู้ตายเสียชีวิตโดยตรง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือ กันโดยละเอียดรอบคอบแล้วเห็นว่ากรณีนี้ แพทย์มิได้ใช้ขั้นตอน และกรรมวิธีในการรักษาดูแลผู้ตายตามหลักเกณฑ์ ปล่อยให้น้ำคร่ำไหลย้อนเข้าเส้นเลือดและปอด ทำให้คนไข้อยู่ในอาการวิกฤตขาดออกซิเจน เป็นเหตุให้นางจุรีรัตน์ และบุตรในครรภ์ถึงแก่ความตาย อันเป็นการจงใจละเมิดต่อกฎหมาย ทำให้เสียหายแก่กาย จำเลยจำต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนฐานละเมิด ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น พิพากษากลับให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกมานั้นสูงเกินควร ศาลวินิจฉัยให้พวกจำเลยชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 10,330,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 แก่โจทก์ตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย.2538 จนกว่าจะชำระเสร็จ ภายหลังนายบุรินทร์ เปิดเผยว่า คดีนี้ตนไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการฟ้องให้เป็นเยี่ยงอย่างว่าแพทย์จะต้องเอาใจใส่ดูแลผู้ป่วยอย่างมีวิชาชีพ อยากให้แพทย์เห็นความสำคัญในการดูแลคนไข้อย่างใกล้ชิดมากกว่านี้ ด้านนางนารี กีรติธรรมคุณ มารดา กล่าวเสริมว่า ตนไม่ต้องการเงินเช่นกัน แต่อยากได้ชีวิตของลูกสาวตนคืนมา
ที่มา manager.co.th | โดย: ผมก็จ่ายไม่ไหวดอก คุณจ่ายไหวหรือ [10 ก.ค. 53 23:54] ( IP A:58.11.87.98 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 การเมือง : คุณภาพชีวิต วันที่ 25 ธันวาคม 2552 10:56ศาลสั่งรพ.บำรุงราษฎร์จ่าย12ล้าน เชฟชื่อดัง โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ภาพประกอบข่าว. ภาพประกอบข่าว .TOOLS ขนาดตัวอักษร พิมพ์ข่าวนี้ ส่งต่อให้เพื่อน แบ่งปันข่าว ข่าวที่เกี่ยวข้อง ชนะคดีหมอทำคลอดพลาด คอลัมน์อื่นๆ บทวิเคราะห์ ประกาศเกณฑ์"มาบตาพุด" อีไอเอ-เอชไอเอ-ประชาพิจารณ์ เพราะ "ธรรมาภิบาล" มีแต่เปลือก คุณภาพชีวิต สรุปขึ้นค่าจ้าง71จังหวัด1-8บาทอยุธยาสูงสุด 5จังหวัดงด หนุ่มเมาซิ่งเก๋งชนวินาศสันตะโรตาย1 สาหัส 3 การศึกษา บุกเดี่ยวไล่ผวจ.ขอนแก่น อืดตามสมบัติชาติถูกโจรกรรม คนไทยรอชมสุริยคราส15ม.ค.-จันทรคราสย่างเข้าปีใหม่ (Update) ศาลสั่งโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จ่าย 12 ล้านบาท ให้กับเชฟชื่อดัง "วอเตอร์ ลี" หลังทำคลอดลูกชายพิการ
โฆษณาโดย Google รวมศาสตร์ ทำนาย ใบเซียมซี โหราจารย์ดัง บอกอนาคตใกล้ไกล แฟน คู่ครอง เงินทอง การงาน https://www.chocoboard.com/wp/ss/ ซิตี้แบงก์ เรดดี้เครดิต พิเศษ0% 2รอบบัญชี+รับเครดิตเงินคืน สูงสุด1,500บ.*เมื่อสมัครผ่านออนไลน์ https://www.citibank.co.thในวันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 29 ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ.8964/2550 ที่ นางประภาพร แซ่จึง อายุ 36 ปี และ ด.ช.ซาย เค่อ ลี หรือน้องซาย อายุ 3 ปี ภรรยาและบุตรชาย นายวอเตอร์ ลี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ดำเนินรายการอาหารชื่อ "@ 5 เดลี่" และเชฟชื่อดัง ออกอากาศสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เป็นโจทก์ที่ 1- 2 ยื่นฟ้อง บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฏร์ จำกัด (มหาชน) , น.พ. เดชะพงษ์ ภู่เจริญ แพทย์สูตินารีเวช และ พ.ญ.อรชาติ อุดมพาณิชย์ แพทย์รังสีวิทยา เป็นจำเลยที่ 1-3 เรื่องละเมิดเนื่องจากกระทำการประมาท เรียกค่าเสียหายจำนวน 390,966,293 บาท กรณีเมื่อวันที่ 30 ก.ย.49 นางประภาพร ภรรยาของ นายวอลเตอร์ ลี ไปคลอดบุตรชายที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แต่ปรากฏว่า บุตรออกมาโดยมีความพิการแขนขวา และขาทั้งสองข้างขาด ทั้งที่การฝากครรภ์ แพทย์ระบุผลอัลตร้าซาวด์ว่า บุตรในครรภ์ของนางประภาพร สมบูรณ์และแข็งแรงดี
ศาลพิจารณาแล้ว คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า น.พ.เดชะพงษ์ และ พ.ญ.อรชาติ จำเลยที่ 2 - 3 การกระทำการละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ เห็นว่า โดยมูลเหตุที่โจทก์นำคดีมาฟ้องจำเลยทั้งสองนั้นมาจากเหตุการอัลตร้าซาวด์ ที่จำเลยที่ 2 - 3 ไม่ได้ตรวจดูถึงความพิการของบุตรนางประภาพร โจทก์ที่ 2
ขณะอยู่ในครรภ์ ทั้งที่จำเลยที่ 2 - 3 ต้องบอกกล่าวให้โจทก์ทราบ โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ค.49 ขณะนางประภาพร โจทก์ที่ 1 ตั้งครรภ์ได้ 4 - 5 เดือน จำเลยที่ 2 ส่งตัวโจทก์ไปให้จำเลยที่ 3 ตรวจอัลตราซาวด์ ซึ่งใช้เวลาตรวจนาน 5 - 10 นาที จำเลยที่ 3 ได้ระบุว่าบุตรในครรภ์สมบูรณ์ดีทุกประการ ก่อนส่งตัวโจทก์กลับไปพบกับจำเลยที่ 2 เพื่อตรวจดูภาพอัลตราซาวด์และแจ้งโจทก์ที่ 1 ว่า เป็นบุตรชาย และเด็กสมบูรณ์ดี หลังจากนั้นไม่มีการตรวจซ้ำอีก แต่มีเพียงการไปพบแพทย์เพื่อตรวจการเต้นของหัวใจอีกเท่านั้น กระทั่งคลอดบุตรออกหมาแล้วมีความพิการ แขนขวา และขาทั้งสองข้างขาด ไม่มีเบ้าสะโพก
ขณะที่จำเลยที่ 2 เบิกความว่า หลังการอัลตราซาวด์ ได้แนะนำให้โจทก์ที่ 1 กลับมาทำอัลตราซาวด์ เพื่อดูความเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อีกครั้ง แต่โจทก์ไม่ทำ ซึ่งจำเลยที่ 2 รู้สึกเห็นใจต่อโจทก์ ส่วนจำเลยที่ 3 เบิกความว่า ได้รับมอบหมายให้ตรวจอัลตราซาวด์ในระดับที่ 1 ซึ่งพบว่ามีการเจริญเติบโตตามปกติ แต่รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง
ศาล พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า บันทึกเวชระเบียนของโจทก์ที่ 1 ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.49 กระทั่งคลอดบุตร ไม่ปรากฏว่ามีการระบุให้โจทก์กลับมาอัลตราซาวด์ซ้ำ รวมถึงไม่ระบุถึงความพิการของทารกในครรภ์ จึงฟังได้ว่าจำเลยที่ 2 ไม่เคยอธิบาย ผลดี ผลเสีย ของบุตรในครรภ์ให้โจทก์ที่ 1 ทราบ ดังนั้นโจทก์ที่ 1 จึงไม่ทราบถึงความพิการของทารกในครรภ์ ทั้งที่จำเลยที่ 2 - 3 ควรตรวจถึงความพิการของทารกในครรภ์ เพื่อแจ้งให้โจทก์มีสิทธิที่จะตัดสินใจว่าจะรักษาอย่างไร หรือจะรักษาหรือไม่ ซึ่งแพทย์มีหน้าที่บอกอธิบายวิธีการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยรับทราบและยินยอม
การกะทำของจำเลยที่ 2 - 3 จึงเป็นความผิดฐานประมาทเลินเล่อ ละเว้นหน้าที่ที่ต้องระวัง อันเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง ขณะที่หากตรวจพบความพิการ การยุติครรภ์ในกรณีที่ไม่ขัดศีลธรรมสามารถทำได้ตามมติของแพทยสภา แต่ต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วย ประกอบคำแนะนำของแพทย์
สำหรับจำเลยที่ 1 ในฐานะเป็นคู่สัญญากับโจทก์โดยตรง ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 - 3 ด้วย
ส่วนจำเลยทั้งสาม ต้องรับผิดเพียงใด ศาลกำหนดค่าเสียหายที่จำเลยทั้งสาม ต้องร่วมกันชดใช้ให้แก่โจทก์ทั้งสอง แบ่งเป็นค่าเสียหายทางจิตใจของโจทก์ที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาท , ค่าเสียหายจากการขาดรายได้ของโจทก์ที่ 1 จำนวน 1 ล้านบาท , ค่าจ้างคนเลี้ยงดูบุตรชาย โจทก์ที่ 2 จำนวน 3 ล้านบาท , ค่าอุปกรณ์ที่ช่วยให้โจทก์ที่ 2 สามารถพยุงตัวยืนได้ ที่ต้องเปลี่ยนไปตามวัย จำนวน 5 ล้านบาท , ค่ารักษาผ่าตัดในอนาคตจำนวน 1 ล้านบาท , ค่ารักษาทางจิตใจต่อโจทก์ที่ 2 จำนวน 1 ล้านบาท
โดยการกำหนดค่าสินไหมทดแทนที่ศาลกำหนด ไม่เต็มจำนวนตามที่โจทก์ฟ้องนั้น เนื่องจากการกระทำละเมิดของจำเลยทั้งสาม ไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ได้ส่อไปในทางเป็นอาชญากรรม จึงให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินรวมจำนวน 12 ล้านบาท แก่โจทก์ทั้งสอง พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับตั้งแต่วันฟ้อง
ภายหลังนายวอลเตอร์ ลี เชฟชื่อดัง กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่สิทธิของคนไข้ ได้รับการเยียวยารักษา สำหรับครอบครัวตน หลังเกิดเหตุการณ์นี้ได้พาน้องชาย บุตรชายตน ไปรักษาตัวที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งแพทย์ต่างประเทศ พูดตรงกันว่าต้องรอให้เด็กโตก่อนจึงจะรักษาได้ ทั้งที่ความจริงแล้ว หากรู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ในทันที โดยกรณีของบุตรชายตน แพทย์ประเทศเยอรมัน สามารถทำขาเทียมให้ได้ทั้งที่ยังไม่มีเบ้าสะโพก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายนับล้านบาท ขณะที่ตนได้ขอความร่วมมือจากแพทย์ประเทศเยอรมัน เดินทางมาให้ความรู้กับแพทย์ไทย ซึ่งตนเห็นว่าวัสดุอุปกรณ์ที่ให้การรักษาผู้ป่วยที่พิการตั้งแต่แรกคลอดนั้น ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะสร้างขาเทียมสำหรับเด็กแรกคลอดที่ช่วยในการพยุงตัวได้ โดยมีราคาถูกกว่า ซึ่งทางแพทย์ทางเยอรมันก็ยินดีที่จะสอนให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยมูลนิธิซาย มูฟเม้นท์ เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างแพทย์ไทย - ประเทศเยอรมัน ซึ่งเชื่อว่าจะเกิดประโยชน์ต่อเด็กพิการตั้งแต่กำเนิดอีกจำนวนมากในประเทศ รวมไปถึงในแถบภูมิภาคนี้
"เรื่องอุทธรณ์ ต้องไปปรึกษากับทนายความและครอบครัวอีกครั้งว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ขณะที่ผู้พิการเป็นคนที่มีสมอง มีหัวใจ เพราะฉะนั้นการรักษาทางจิตใจเป็นเรื่องที่สำคัญ สังคมต้องเปิดโอกาสให้ผู้พิการสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนในสังคมได้ตามปกติ "นายวอเตอร์ ลี กล่าวและว่า ตัวอย่างประเทศออสเตรเลีย มีการจัดให้เด็กพิการเรียนร่วมกับเด็กปกติในทุกๆห้องเรียน ทำให้เด็กพิการไม่คิดว่าตัวเองผิดปกติแต่อย่างใด เพราะสามารถใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้ โดยที่คนรอบข้างไม่ต้องกังวลว่าจะอยู่กับคนพิการอย่างไร https://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20091225/92674/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%9E.%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%8E%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A212%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87.html | โดย: นี่ก็จ่ายไม่ไหวเช่นกัน ถ้าโดนปีละ 30 รายก็อ่วม [10 ก.ค. 53 23:56] ( IP A:58.11.87.98 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณครับคุณหมอที่เอาข้อคิดดีๆมาแบ่งปัน | โดย: เจ้าบ้าน [13 ก.ค. 53 9:17] ( IP A:210.86.181.20 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ีต้องการเงิน แต่ฟ้องเรียก 10 ล้าน | โดย: ขำฉิบหาย [15 ก.ค. 53 22:29] ( IP A:124.157.146.14 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ต้องขำ ถ้าพ่อแม่คุณลูกเมียคุณตาย ก็ขอให้แค่ทำใจให้ได้ก็แล้วกัน
ทุกวันนี้บ้าน รถยนต์ เงินทองที่หาซื้อข้าวน้ำให้ลูกเมียคุณกิน คุณขอทานมาหรือ คุณก็รับเงินจากคนไข้ทั้งนั้น กว่าคุณจะ เก่งมาได้คุณทำคนตายมาเท่าไหร่ ระวังวิญญานคนไข้จะตาม มาหลอกหลอนคุณ ไม่ให้มีความสุขความเจริญใด ๆ | โดย: เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า [20 ก.ค. 53 1:34] ( IP A:58.9.189.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ต้องขำ ถ้าพ่อแม่คุณลูกเมียคุณตาย ก็ขอให้แค่ทำใจให้ได้ก็แล้วกัน
ทุกวันนี้บ้าน รถยนต์ เงินทองที่หาซื้อข้าวน้ำให้ลูกเมียคุณกิน คุณขอทานมาหรือ คุณก็รับเงินจากคนไข้ทั้งนั้น กว่าคุณจะ เก่งมาได้คุณทำคนตายมาเท่าไหร่ ระวังวิญญานคนไข้จะตาม มาหลอกหลอนคุณ ไม่ให้มีความสุขความเจริญใด ๆ | โดย: เวรกรรมไม่ต้องรอชาติหน้า [20 ก.ค. 53 1:34] ( IP A:58.9.189.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 แพทย์ทุกคนอยากให้คนไข้หายค่ะ ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ | โดย: NIT [13 ก.ย. 53 21:08] ( IP A:125.26.54.56 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 ภาวะน้ำคร่ำไหลเข้าไปในปอดไม่สามารถพยากรณ์โรคได้ว่าจะเกิดขึ้นกับใคร และถ้าเกิดแล้วโอกาสเสียชีวิตมากว่า 80 เปอร์เซ็น แต่โอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าคุณไม่อยากเสี่ยงกับภาวะนี้ก็อย่าตั้งครรภ์ รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ไม่ได้เกิดเป็นหมอสูติ ในฐานะความเป็นแพทย์รู้สึกสะเทือนใจกับความคิดของคนไข้ต่อเราที่แตกต่างไปจากเดิมมาก ทุกวันที่เราทำหน้าที่เรายื้อชีวิตคนไข้จากความตายได้เขายกมือไหว้เรา เอาของเอาผลไม้มาให้ เเต่ถ้าเรามีคนไข้เสียชีวิตในมือโดยที่เราพยากรณ์ไม่ได้ก็มีสิทธิ์โดนฟ้องไม่ต่างกับอาจารย์เเละเพื่อนเเพทย์ที่โดนไปเเล้วเช่นกัน มีสิทธิ์โดนฟ้องจนหมดตัว ในภาวะคับขันของผู้ป่วยเราปฏิเสธcaseไม่ได้ ความดีที่เรารักษาคนไข้เป็นหมื่นเป็นแสนcaseให้หายก็ช่วยเราไม่ได้ ถ้าเราพลาดแม้เพียงcaseเดียว หมอก็คนนะไม่ไช่เทวดา ไม่สามารถที่จะช่วยคนที่ถึงฆาตได้ทุกคน ทุกวันนี้ทำงานก็อธิษฐานถ้าคราวตายของคนไข้ก็ให้ตายก่อนมาถึงมือหมอ ถ้าจะมาตายในมือหมอ ขอให้เรารู้ก่อนจะได้คุยกับญาตได้ เพราะสำหรับสมัยนี้เมื่อคนไข้ปลอดภัยหมอก็ปลอดภัยเช่นกัน | โดย: หมอนะไม่ใช่เทวดา [13 ก.ย. 53 22:09] ( IP A:125.26.54.124 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ขออนุญาติแนะนำเว็บไซต์ด้วยครับ
เว็บ https://www.insure108.com รวมความรู้ประกันภัยรถยนต์,ตัวอย่างถามปัญหาต่างๆ การแก้ปัญหาเมื่อประสบเหตุจริง, หมดปัญหาทำประกันภัยรถยนต์ การดูแลรถ และเนื้อหาอื่นๆ ผมจะเพิ่มเนื้อหาเรื่อยๆ ครับ | โดย: insure108mail@gmail.com [11 ธ.ค. 53 11:59] ( IP A:223.204.198.17 X: ) |  |
|