ประเด็นดังหลังข่าว..กับร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ
   ตอนที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=GSa-eECxna0&feature=related

ตอนที่ 2
https://www.youtube.com/watch?v=RRDWs1-rSPA&feature=related

ตอนที่ 3
https://www.youtube.com/watch?v=UBuOVNY76Lw&feature=related
โดย: ขอบคุณสื่อมวลชนช่องNBT [19 ก.ค. 53 11:32] ( IP A:58.9.190.73 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ดูประธานเครือข่ายฯ กันไปแล้ว
ทีนี้มาดูนายกแพทยสภากันบ้าง

ตอนที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=lZcixRGOF94&feature=player_embedded

ตอนที่ 2
https://www.youtube.com/watch?v=Gu4KWhdcP2E&feature=player_embedded

ตอนที่ 3
https://www.youtube.com/watch?v=zLVTKVIfDkQ&feature=player_embedded
โดย: ดูแล้วคิดอย่างไรเชิญโพสต์กันได้ [19 ก.ค. 53 12:03] ( IP A:58.9.190.73 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ข้อเรียกร้องของฝ่ายหมอให้ถอนร่างพรบ.ออกมาก่อน ผมเห็นว่าเป็นข้อเรียกร้องที่มีนัยแอบแฝง........เพราะถ้าถอนออกมาแล้วเกิดการเมืองเปลี่ยนแปลง เจ้ากระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยน แกนตั้งรัฐบาลเปลี่ยน.............แล้วจะแน่ใจได้อย่างไรว่าร่างพรบ.นี้จะถูกนำกลับเข้าสภาอีก.....อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอน อย่ายอมอ่อนครับ
โดย: แข็งเข้าไว้ [19 ก.ค. 53 13:58] ( IP A:202.29.9.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    เครือข่ายมีมวลชนเพียบ คงต้องจุดธูปอัญเชิญวิญญาณผู้เสียหายตัวจริงทั้งหลายมาช่วยกันแล้วครับงานนี้ ....ให้มันรู้ไปว่าความดีจะแพ้ความไม่ดี
โดย: จะได้ถึงเวลาเลิกเครือข่ายซะที เหนื่อยกันมานานแล้ว [19 ก.ค. 53 15:00] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ข่าวจาก มติชนออน์ไลน์ 15-ก.ค.-53

ผู้สื่อข่าวมติชนออนไลน์ได้สัมภาษณ์ นายแพทย์พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) เกี่ยวกับประเด็นที่กำลังเป็นข้อโต้เถียงในปัจจุบัน


ถาม : จริงๆแล้ว กฏหมายมีความน่ากลัวอย่างที่คนเขาตกใจกันหรือไม่?
ตอบ *
ต้องถามว่าจริงๆแล้วความน่ากลัวอยู่ตรงประเด็นไหน เนื่องจากจริงๆแล้วเจตนารมณ์ในการเขียนจดหมายฉบับนี้มีความชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากฏหมายไม่ได้ตั้งใจให้เกิดผลกระทบกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และก็มีการคาดหวังกันส่วนหนึ่งว่าการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความสูญเสียนั้น ส่วนหนึ่งจะส่งผลกระทบทางอ้อมให้การฟ้องร้องของแพทย์ลดลง ฉะนั้นถ้ามองจากเจตนารมณ์จริงๆก็ไม่น่ากลัว แต่ปัญหาก็คือ ความกลัวและความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นในหมู่ของผู้ประกอบวิชาชีพเกิดจากการตีความว่าผลกระทบของกฏหมายนั้นอาจจะไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์



ถาม : นั่นหมายความว่าแพทย์ก็มีความเสี่ยงที่จะการโดนลงโทษทางอาญา และอาจโดนเพิกถอนใบอนุญาต?

ตอบ**
จริงๆแล้วกฏหมายไม่ได้เขียนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องการฟ้องทางคดีอาญาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างที่เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข เพราะฉะนั้นการฟ้องคดีอาญา เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอยู่แล้ว ที่จะฟ้องร้องในกรณีที่เกิดความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษา และสามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง การฟ้องเป็นสิทธิที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีกฏหมายนี้ และสิทธินั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่มีกฏหมายฉบับนี้ แต่ประเด็นที่มีการวิตกกังวลกันก็คืออยากจะให้มีการเขียนในกฏหมายฉบับนี้ว่าไม่ให้มีการฟ้องคดีอาญา แต่กฏหมายฉบับนี้ไม่ได้ระบุไว้ ซึ่งก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสภาพปัจจุบัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้สภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบันแย่ลง

กฏหมายนี้มีหลักการที่สำคัญ ที่นอกเหนือจากการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการใช้บริการทางการแพทย์ โดยไม่มีการเน้น "การพิสูจน์ถูกผิด" โดยแยกออกจากการเยียวยาอย่างชัดเจน กฏหมายแพ่งผูกสองประเด็นนี้เข้าไว้ด้วยกัน เพราะทุกครั้ง การที่มีการเยียวยาได้ ต้องมีการพิสูจน์ได้ว่า มีผู้กระทำผิดจริง กฎหมายแพ่งจึงสามารถใช้บังคับผู้กระทำความผิดมาเยียวยาผู้เสียหายได้

โดย กฏหมายนี้ใช้หลักการที่ว่า "No False" เน้นในประเด็นไม่มีการพิสูจน์ถูกผิด เน้นการเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายเป็นประเด็นสำคัญ ความวิตกกังวลที่เกิดขึ้นจากประเด็นทางกฏหมายแพ่งก็น่าจะผ่อนจากหนักให้เป็นเบาได้
แต่บางคนกลับมองว่า การไม่พิสูจน์ถูกผิดกลับกลายเป็นผลเสีย เนื่องจากเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการกระทำผิดหรือไม่ แต่เรากลับมองว่าจริงๆแล้วกระบวนการในการทำให้ผู้ที่มีปัญหาในการรักษามาตรฐานในการประกอบอาชีพ มีกฏหมายประเภทอื่นๆที่รองรับอยู่แล้ว โดยที่กฏหมายนี้ไม่จำเป็นต้องไปเกี่ยวข้อง และปล่อยให้กลไกทางกฏหมายอื่นดำเนินสภาพไปตามปกติ
แต่ก็มีความกังวลว่ากฏหมายฉบับนี้จะเป็นประตูที่เปิดไปสู่กระบวนการใช้กลไกของแพทยสภาได้ง่ายขึ้น

การฟ้องร้องหรือร้องขอให้แพทยสภามีการสอบสวนความประพฤติของแพทย์ มีการดำเนินการอยู่แล้ว เรื่องนี้จึงไม่ได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด จากเดิมที่อาจจะเคยร้องเรียนหน่วยงานต้นสังกัด หรือร้องเรียนต่อศาล ซึ่งแพทยสภาสามารถหยิบมาเป็นกรณีในการสอบสวนการกระทำผิดของแพทย์สภาพการณ์ของเรื่องนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิม เพียงแต่ว่าต่อไป ผู้เสียหายอาจจะไม่ไปฟ้องร้องต่อหนังสือพิมพ์หรือศาล แต่มาร้องเรียนที่สำนักงานกองทุนที่ตั้งขึ้นมาใหม่โดยตรงเพื่อโน้มน้าวให้คนเข้ามาใช้กลไกนี้แทนการฟ้องร้องผ่านศาล

ถาม: โดยโครงสร้างที่ว่านี้ จะทำให้มีคณะกรรมการเกิดขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง หลายคนได้วิจารณ์ว่าคนที่อยู่ในคณะกรรมการกลุ่มดังกล่าว มีความครอบคลุมตัวแทนทุกฝ่ายเพียงพอหรือไม่ ?

ตอบ**
ภายใต้โครงสร้างของกฏหมายฉบับนี้ จะมีกรรมการในระบบนโยบายชุดหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่ในการกำหนดกรอบนโยบายในการบริหาร รายละเอียดบางเรื่องที่ไม่ได้เขียนชัดเจนไว้ในกฏหมายก็จะต้องให้กรรมการเป็นผู้กำหนด ซึ่งรวมถึงอัตราการชดเชยความเสียหายต่างๆ การดูแลในระบบปฏิบัติการนั้นเป็นหน้าที่ของสำนักงานซึ่งจะดำเนินการตามนโบายที่คณะกรรมการกำหนด ส่วนการดำเนินการพิจารณาในรายกรณี ก็จะเป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการ โดย

-พิจารณาว่าเข้าข่ายที่จะใช้กฏหมายนี้หรือไม่?

-ความเสียหายนั้นมีมูลค่าของการชดเชยตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดเป็นอย่างไร?


เมื่อดูจากคณะกรรมการชุดใหญ่ ก็จะประกอบด้วยคนที่เกี่ยวข้องที่สามารถให้มุมมองในเชิงนโยบายได้ ซึ่งประกอบด้วย สถานพยาบาล หน่วยราชการ ผู้เสียหาย ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งพิจารณาแล้วก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรในเชิงองค์ประกอบ แต่ข้อถกเถียงส่วนใหญ่ก็คือ การอยากให้มีผู้แทนของผู้ประกอบวิชาชีพและสถานพยาบาลมากขึ้น เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความรู้ในด้านนี้ดีที่สุด

เนื่องจากกฏหมายฉบับนี้ไม่เน้นพิสูจน์ถูกผิด จึงอาจไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญทางการแพทย์เฉพาะด้านมากเท่าที่ควร แค่สามารถระบุได้ว่าความผิดพลาดนั้นเกี่ยวข้องกับการรักษาพยาบาล และไม่เข้าข่ายการยกเว้นในการที่จะจ่ายเงินช่วยเหลือ เพราะฉะนั้นคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวก็จะยังคงมีบุคลากรทางการแพทย์อยู่ เพียงแต่ไม่ได้เป็นเสียงส่วนใหญ่เท่านั้นเอง โดยมีหน้าที่ในการพิจารณาจำนวนเงินเพื่อชดเชยความเสียหาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับทางการแพทย์น้อยมาก แต่มีความต้องการผู้เชี่ยวชาญทางด้านสังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องมากกว่า

ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าจะมีการใช้เสียงข้างมากหรือไม่ น่าจะเป็นการตีความที่เกินกว่าสิ่งที่กฏหมายต้องการอยากจะให้เป็น โดยผู้ที่คัดค้านมีความเห็นว่ากรรมการอาจจะใช้เสียงข้างมากในการพิจารณาหรือไม่ ซึ่งเป็นการตีความหลักการเขียนกฏหมายมาตรฐานทั่วไปในเรื่องของกรรมการไปเป็นรูปธรรม ว่านี่คือสิ่งที่จะใช้เสียงข้างมากเพื่อนำไปสู่การตัดสินใจ ซึ่งดูเป็นความวิตกที่เข้าใจได้ และน่าเห็นใจอย่างยิ่ง

ในกรณีที่มีความเสียหายเล็กๆน้อยๆ ซึ่งมิได้เกิดจากผลการรักษา หรือเกิดจากความเจ็บป่วยของผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาได้ นั้นคงไม่สามารถทำได้ในทุกกรณี แต่ในกรณีขนาดใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ นั้นยังคงมีความจำเป็นอยู่

-------------------------------------------

ต่อ คห ถัดไป

โดย: ความเห็นหมอพงษ์พิสุทธิ์ [19 ก.ค. 53 15:23] ( IP A:58.8.110.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ถาม : เข้าใจว่าร่างกฏหมายนี้ประกอบด้วยร่างของผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้เสียหายและร่างที่เป็นส่วนกลางของรัฐบาล ใช่หรือไม่ ?


ตอบ**
ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เท่าที่ทราบมีทั้งหมด 7 ร่าง ซึ่งได้แก่


-ร่างพระราชบัญญัติของกระทรวงสาธารณสุข


-ร่างพระราชบัญญัติของคุณสารี อ๋องสมหวัง กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 10,631 คน


ส่วนที่เหลืออีก 5 ร่างพ.ร.บ. นั้นเป็นร่างของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) โดยมีชื่อของส.ส. ที่ยื่นเสนอ ในนามของตนเองคนละร่าง



ถาม : สิ่งที่จะต้องจับตาดูก็คือการแปรญัตติในชั้นกรรมาธิการ ซึ่งอาจจะทำให้เจตนารมย์ที่กล่าวมาเบื้องต้นมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ?


ตอบ**
ถ้าเราสามารถใช้ข้อมูล หลักการและเหตุผลโดยตัดความรู้สึกอคติของทั้งสองฝ่ายบางส่วนออก ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก ซึ่งในบางครั้งในเวลาที่สังคมต้องการการปฏิรูปไปสู่ความสมานฉันท์ ความเป็นเอกภาพ ภราดรภาพ ทั้งสองฝ่ายต่างจำเป็นต้องทำความเข้าใจกันมากขึ้น เนื่องจากหลายครั้งเป็นลักษณะของการตั้งแง่กัน ว่า ทำไมอีกฝ่ายจึงไม่เข้าใจฝ่ายตนเอง



กลุ่มเครือข่ายแพทย์ ผู้ประกอบวิชาชีพ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.นี้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับผู้รักษาพยาบาลห่างออกไปยิ่งขึ้น และแพทย์ โรงพยาบาล ป้องกันความเสี่ยงของตนเอง โดยการบวกค่าความเสี่ยงทั้งหมดลงในค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นผลเสียทั้งสองด้าน และเป็นสิ่งที่ควรจะพูดถึงเพื่อให้สังคมเข้าใจว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่

อันดับแรก เราต้องไม่ให้วัฒนธรรมการฟ้องร้องกลายเป็นวัฒธรรมหลักของคนในระบบสุขภาพในประเทศไทย เนื่องจากเป็นที่ปรากฏแน่นอนแล้วว่าประเทศที่มีวัฒนธรรมเช่นนี้ย่อมมีค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย โดยทุกคนจะทำเวชปฏิบัติเชิงป้องกัน (Defensive Medicine) ทุกครั้งที่มีความกังวลต่อผลการรักษา ซึ่งภาระจะตกอยู่กับตัวผู้ป่วยเองทั้งสิ้น



ทั้งนี้เราจะสามารถป้องกันวัฒนธรรมการฟ้องร้องได้โดยเราต้องสร้างระบบที่ต่างฝ่ายต่างมีความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ผู้ป่วยที่มีประสบการณ์ที่ไม่ดีต่อผู้ประกอบวิชาชีพบางคน ก็ต้องเข้าใจว่าผู้ที่ประกอบวิชาชีพส่วนใหญ่ก็ยังประกอบวิชาชีพตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น โดยมีความรับผิดชอบอยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้ เพราะฉะนั้น ประสบการณ์ส่วนบุคคลบางครั้งก็ไม่ควรไปเหมารวม ให้เกียรติและพูดคุยกันอย่างเข้าใจว่าทุกวงการก็มีบุคคลที่มีปัญหาอยู่ ในส่วนของผู้ประกอบวิชาชีพก็ควรจะมีความเข้าใจว่า ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนที่ต้องการฟ้องร้องดำเนินคดีกับแพทย์ เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากมีความเคารพศรัทธาต่อแพทย์เช่นกัน และเราต้องทำความเข้าใจว่าในสังคมส่วนใหญ่แล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น อย่าด่วนสรุปว่าใครที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับตนเอง

เมื่อแต่ละฝ่ายมีความไว้วางใจกัน ความหวาดระแวง การตั้งป้อมตรวจสอบแต่ละฝ่ายก็จะลดลงด้วย ซึ่งจะนำไปสู่การพูดคุยเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา แทนที่จะผลักความผิดไปที่ใครบางคน ซึ่งหลายครั้งก็พบว่าในความเสียหายต่างๆก็ไม่มีผู้ที่ทำความผิดจริงๆ เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะได้ทำในสิ่งที่ดีที่สุดก็ตาม

ถาม : สถิติของการฟ้องร้องของผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข มีสถิติย้อนหลังมากน้อยเพียงใด ?

ตอบ**
คดีที่มาสู่แพทยสภานั้น ในช่วงก่อนปี 2540 เฉลี่ยแล้วประมาณ 50-60 รายต่อปี แต่หลังจากช่วงปี 2540 เศษที่ผ่านมา จนกระทั่งถึงปัจจุบัน เฉลี่ย 200 รายต่อปี ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4 เท่า ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้แพทย์เกิดความหวาดกลัว เนื่องจากเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นมากในระยะเวลาสั้นๆ


ถาม : หากร่างพ.ร.บ. นี้ จำนวนเรื่องที่ไปสู่แพทยสภาก็น่าจะลดลงหรือไม่ ?


การฟ้องแพทยสภา เป็นการฟ้องเพื่อให้มีการดำเนินการเอาผิดกับแพทย์ในเชิงของมาตรฐานในการประกอบวิชาชีพ ส่วนการฟ้องศาลเพื่อต้องการเรียกร้องเงินชดเชย หรือกรณีอาญาก็เพื่อลงโทษแพทย์ที่ทำผิดในเชิงละเมิดต่างกรณีไป กองทุนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ เน้นในเรื่องของการลดการฟ้องร้องทางแพ่ง ความเดือดร้อนที่ได้รับการชดเชย ก็จะลดอารมณ์คุกรุ่นที่อาจต้องการดำเนินการทางกฏหมายลงได้ ผู้ที่ได้รับความเสียหายก็จะมีการตอบสนองที่รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าระบบได้สร้างความรู้สึกที่ว่าระบบมีความเป็นธรรม และแก้ไขปัญหา การดำเนินการต่อเนื่องก็น่าจะลดลงด้วย



โดยสมมุติฐานนี้มีหลักฐานยืนยันของกรณีการดำเนินการตามมาตรา 41 โดยพบว่าผู้ฟ้องร้องจำนวนหนึ่งเปลี่ยนใจไม่ฟ้องร้อง เพราะได้เงินชดเชยตามมาตรา 41 ซึ่งเกิดจากความสนใจ และเอาใจใส่ของผู้ให้บริการในความพยายามที่จะให้ผู้ป่วยได้รับเงินชดเชย ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองได้รับความเป็นธรรมและการเหลียวแลจากเจ้าหน้าที่รัฐ



ในหลายเวทีของเครือข่ายผู้ป่วย ผู้ที่มักจะตกเป็นจำเลยอยู่เสมอก็คือแพทยสภา ที่ว่าทำงานล่าช้า และปกป้องพวกพ้อง

นี่คือปัญหาที่สะท้อนเรื่องความไม่ไว้วางใจของประชาชน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่จำเป็นต้องมีการทำการศึกษาต่อไป เรื่องความล่าช้า ในกรณีของศาล เราจะพบว่ามีความล่าช้าค่อนข้างมาก แต่ก็ไม่มีการตั้งคำถามต่อความเป็นกลางหรือไม่เป็นกลาง แต่เนื่องจากสถาบันศาลค่อนข้างมีความน่าเชื่อถือ และมีทุนทางสังคมที่ค่อนข้างสูงมาก จนคนทั่วไปไม่มีการตั้งคำถาม แต่เราจะทำอย่างไรให้แพทยสภา ที่มีเจตจำนงในการที่มีกลไกเช่นนี้ออกมาเพื่อรักษามาตรฐานในการประกอบวิชาชีพ สามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกศรัทธาด้วย เช่นเดียวกับกลไกความยุติธรรม ความศรัทธาเกิดจากการมองปัญหาที่ดำรงอยู่และจุดที่ทำให้คนรู้สึกเช่นนี้ เกิดจากอะไร ข้อเท็จจริงคือคนเริ่มศรัทธาน้อยลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าคนไม่ศรัทธา เราโทษคนไม่ศรัทธาไม่ได้ เราต้องมาพิจารณาว่าเกิดจากประเด็นใดกันแน่

-------------------------------

อ่านต่อที่นี่เลย

https://www.rssthai.com/reader.php?t=health&r=17004
โดย: ความเห็นหมอพงษ์พิสุทธิ์ [19 ก.ค. 53 15:39] ( IP A:58.8.110.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ประกาศยกเลิกพรก.ฉุกเฉินเมื่อไหร่
ได้เห็นม็อบหมอกับคนไข้แน่ ๆ
แล้วมาดูพลังมวลชน
โดย: รอเวลา [19 ก.ค. 53 15:56] ( IP A:58.9.190.73 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   คุณปรียนันท์ "นิ่ง"และ"หนักแน่น"ในทุกประเด็น
คุณหมอสมศักดิ์ แถว้ายทีขวาทีสีข้างถลอกหมด
โดย: เจ้าบ้าน [20 ก.ค. 53] ( IP A:124.122.26.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   รอเรียกรวมพล


ไปด้วยคนเด้อค่า

โดย: จีเอ็น [20 ก.ค. 53 9:00] ( IP A:1.46.210.17 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   เตรียมกระเป๋าใส่เสื้อผ้า แปรงสีฟัน ให้พร้อม
นอกนั้นเอาแต่ตัวที่เสียหายมาให้สังคมเห็นก็พอแล้ว
ให้เห็นกันไปว่า ชีวิตคนไข้ที่เสียหายแล้วจะไม่ได้รับการดูแล
โดย: ให้มันรู้กันไปข้างหนึ่ง [20 ก.ค. 53 10:35] ( IP A:58.9.189.43 X: )
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน