แพทยสภา...ทำคู่มือแจกชาวบ้าน
|
|
| | คู่มือประชาชน
ผลกระทบของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองฯ เรื่องที่ประชาชนควรทราบ อีก 2 ข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีใครพูดถึง ประชาชน 65 ล้านคน ได้ หรือ เสีย จาก พ.ร.บ.นี้ ประชาชน ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล แพงขึ้น หลังจาก พ.ร.บ.นี้ประกาศ จริงหรือไม่ มีผลกระทบอื่นๆต่อประชาชนเช่นรพ.รัฐบาล เตียงจะล้น จริงหรือไม่ งบประมาณประเทศหรือเงินกองทุนจะขาดแคลน ถูกผัน จากการช่วยผู้ป่วยจริง ไปสู่ คนไม่ป่วย คือญาติผู้ป่วย จริงหรือไม่ สองฝ่ายต่างรัก ประชาชนแต่ทำไม จึงวิวาทะ กัน
นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา 13 กรกฎาคม 2553
ขอบคุณพระเจ้าของผมที่เปิดโอกาสให้กระผมได้จรดปากกาเขียนเรื่องสำคัญๆ ทางการแพทย์ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย 65 ล้านคนไปอีกหลายๆปี หรืออาจจะอีก 1-2 ชั่วคน เมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ถูกบังคับใช้
เรื่องผลกระทบของ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการาธารณสุขซึ่งกำลังจะเข้าสภาในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นร่างของรัฐบาล แต่มีการถกเถียงวิพากวิจารณ์กันอย่างรุนแรงจากฝ่ายที่สนับสนุนสุดตัว และคัดค้านสุดตัว จากฝ่ายที่เรียกว่าองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคและอีกฝ่ายหนึ่งคือ ผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุขอันได้แก่ แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์เป็นต้น ข้าพเจ้าจำความได้ว่าหลังจากเรื่องราวที่แพทย์หญิงจบใหม่ใช้ทุนปี 2 ต้องถูกนอนคุมตัวเป็นเวลา 2 คืนที่ภาคใต้ โดยถูกฟ้องคดีอาญาฐานกระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ผู้ป่วยที่ได้รับการระงับความรู้สึกในการฉีดยาชาเข้าสันหลังในการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ถึงแก่ความตายเมื่อ 7 ปีก่อนนั้น แพทย์ไทยทั้งประเทศจำนวน 3 หมื่นคนไม่เคยรวมตัวกันได้..หนาแน่น.. และเสียงแข็งเช่นนี้เลย
หมอต้องไม่ถูกฟ้องในคดีอาญาที่เกิดจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยสุจริต
ผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อ 7 ปีก่อนทำให้โรงพยาบาลชุมชนจำนวนเกือบ 700 แห่ง ปิดห้องผ่าตัดถาวร ไม่มีใครทำผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบอีกเลย ต้องส่งไปทำผ่าตัดที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั้งหมด ในวันหนึ่งๆมีคนไทยทั่วประเทศต้องได้รับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบวันละ 200 รายต่อวัน เกือบครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 100 คนต่อวันเคยทำผ่าตัดแบบเดียวกันนี้ได้ใกล้บ้านคือในระดับอำเภอ ผลกระทบต่อประชาชนคือทุกๆวันจะต้องมีการส่งต่อผู้ป่วย 100 คนรวมทั้งญาติวิ่งรถหลายสิบกิโลเมตรเข้าเมือง เพื่อทำการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ยังไม่นับการผ่าตัดอื่นๆ เช่น ผ่าท้องทำคลอดซึ่งมีจำนวนคนไข้ใกล้เคียงกัน ทั้งที่เวลา 30 40 ปีที่ผ่านมานั้น โรงพยาบาลชุมชน ถูกออกแบบเพื่อเตียมการให้ผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบได้ มีความพร้อมทั้งสถานที่..คน..เครื่องมือ น่าสงสารประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวของพ.ร.บ.คุ้มครองฯ ฉบับนี้ ผลสุดท้าย....ผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ หรือต่อคนไทยจะเป็นอย่างไร ...ใครได้.......ใครเสีย....สุดที่ปัญญาของกระผมจะคาดเดา...อาจจะกล่าวได้ว่า..มีแต่พระเจ้าเท่านั้น...ที่ทรงรู้....
หากดูหลักฐานแจ้งปรากฎ...... แจ้งประจักษ์....ของการรวมตัวแพทย์ 3 หมื่นคน ... แบบหนาแน่น....และเสียงแข็ง.......ข้าพเจ้ากังวลว่าคงจะลงเอยแบบเดียวกับเมื่อ 7 ปีก่อน ผลลัพท์ ....ประเทศไทย..เสีย และประชาชนที่ คิดไม่ทันเขา ก็คงจะเสียด้วย
กระผมในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง และเป็นคนที่มีความรัก...พี่น้อง...ไม่แตกต่างน้อยไปกว่าองค์กรคุ้มครองฯ ใดๆ..ขอเปิดเผยอีก 2 ข้อเท็จจริงที่ยังไม่เคยมีใครพูด
เป็นข้อเท็จจริงฉบับประชาชน..เพื่อประชาชน นอกเหนือไปจากการที่ประเทศต้องเสียเงิน.....พันล้านหรือนับหมื่นล้าน หรือจะทำให้ความสัมพันธ์ของ แพทย์ ประชาชนต้องเสียไป หรือแพทย์อาจถูกฟ้องร้องมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มี คนไทย ใดๆสนใจ เพราะ ไม่ใช่เรื่องของผม... ผมไม่ได้เป็นหมอ ลองมาดู เรื่องของ..ผม(ดิฉัน) ดังนี้
ประการที่หนึ่ง ในปีหนึ่งๆ คนไทยมีอัตราการเกิด 8 แสนราย อัตราการตาย 4 แสนราย คือคนไทยเพิ่มประมาณ4แสนคนต่อปี เป็นอัตราเช่นนี้มา 10 กว่าปี ในคนไทยที่เสียชีวิตปีละ 4 แสนราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เสียชีวิตในโรงพยาบาล 2 แสนราย และเสียชีวิต ที่บ้าน 2 แสนราย ส่วนน้อยประมาณหนึ่งหมื่นรายเสียชีวิตบนถนน ในกลุ่มที่เสียชีวิตที่บ้าน 2 แสนรานนั้น ส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนไข้ที่เป็น วาระสุดท้าย เช่น มะเร็งระยะสุดท้าย โรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น อัมพาต สมองเสื่อม มีเพียงส่วนน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ตายซึ่งอาจเป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน ไหลตาย โลหิตในสมองแตกและอื่นๆที่ยังไม่ทราบได้ เพราะไม่มีการผ่าศพพิสูจน์
ในกลุ่มใหญ่เกือบ 2 แสนคนนี้เอง วาระสุดท้าย เป็นการยินยอมพร้อมใจโดยรวมทั้งญาติ และผู้ป่วยเองโดย ผ่านมือหมอมาแล้วว่า OK ตกลงกันว่าให้จบชีวิตอย่างสงบ ท่ามกลางญาติมิตร เป็นการตายอย่าง ศิวิไลซ์ ที่นานาอารยประเทศยอมรับเป็นหลักสากล โดยประเทศไทยถือปฎิบัติกันมานมนานแล้ว
ผลของ พ.ร.บ. ฉบับนี้...... มีเหตุจูงใจอันพึงมีพึงได้ จากเงินช่วยเหลือเบื้องต้นขั้นต่ำ 20,000 บาท จนถึง 800,000 บาท โดยไม่มีการพิสูจน์ควมถูกผิด (ขนาดเจ็บหายธรรมดาเฉยๆ ยังได้ 20,000 บาท หาก ตาย ก็น่าจะต้องได้ 20,000 บาท เหมือนกัน)
ผลบวก ของ พ.ร.บ.นี้ คือจะมีการ ย้ายสถานที่ตาย จากที่บ้านมาเป็นโรงพยาบาล โดยมี โอกาส ที่จะได้ 20,000 บาทข้นต่ำเป็นมูลเหตุจูงใจ ต่อประชากรกลุ่มใหญ่ 200,000 ครัวเรือน คิดเป็นเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท กระจายไปสู 400,000 ครัวเรือน ชาวไทยเป็นเสมือน ช่วยเหลือฌาปณกิจ อันนี้ คน 400,000 ครัวเรือน ได้ อีกมุมหนึ่งคือ ผลพวงจากการ ย้ายที่ตาย มีดังนี้ คือ เตียงโรงพยาบาล จะล้น เตียงผู้ป่วยทั้งหมดในโรงพยาบาลในประเทศมีประมาณ 130,000 เตียง เป็นภาครัฐ 100,000 เตียง เอกชน 30,000 เตียง ภาครัฐมี 95% เต็ม เอกชนมี 80% เต็ม หมายความว่าในวันหนึ่งๆ มีคนป่วยนอนหยอดน้ำเกลือ อยู่ประมาณ 120,000 คนจากประชาชน 65 ล้านคน ในจำนวยนี้ 15% เป็นผู้ป่วยอาการหนัก โรคเรื้อรัง ที่ยังไม่รู้ว่า มือหมอ มีดหมอ จะช่วยได้ หรือต้องบอกกล่าวกับญาติว่า ไปใช้วาระสุดท้ายที่บ้าน จำนวน 20,000 คนต่อวันนี้เอง ใกล้เคียงกับจำนวนกลุ่มที่เคยเป็น วาระสุดท้ายที่บ้าน จะไหลกลับเข้ามาขอใช้วาระสุดท้าย...ในโรงพยาบาล จากอัตราครองเตียงที่แน่นพอดีๆ กลายเป็น ล้น ซึ่งน่าจะล้นในปริมาณประมาณ 10,000 คนต่อวัน ที่สมควรจะ ได้นอน ในโรงพยาบาล แต่ไม่มีเตียงให้ ต้องไป นอนบ้าน หรือคิดเป็น 10% ของผู้ป่วยในทั้งหมด จากการ นอนโรงพยาบาล 11 ล้านครั้งต่อปีเมื่อปี 2550
จึงคาดว่าจะจะมีคน ป่วยปานกลาง ที่เคยได้นอนในโรงพยาบาล นอนไม่ได้ และ ไม่ได้นอน ต้องไปนอนที่บ้าน จำนวน 1 ล้านครั้ง-คน ต่อปี
โดยสรุปคือ คน ป่วยปานกลาง ประมาณ 1 ล้านครั้ง-คน ต่อปี เคยได้นอนโรงพยาบาลและควรนอน กลับต้องมานอนเสี่ยง นอนลุ้นที่บ้าน ต้องให้ ป่วยหนักมากๆ เป็นวาระสุดท้ายก่อนจึงจะกลับไปนอนได้ กลุ่มนี้ เสียประโยชน์ ครับ คน ป่วยหนัก วาระสุดท้าย กลุ่มนี้ประมาณ 200,000 คนต่อปี ไม่ได้ไม่เสียครับ คือต้องจบชีวิตในเวลาอันสั้นอยู่ดี เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จาก บ้าน-ชุมชน มาเป็น โรงพยาบาล แต่ ญาติ-พี่น้อง ทายาท ได้ประโยชน์โดยการมีโอกาสได้เงินช่วยเหลือ 20,000 บาท
สรุป -ป่วยปานกลาง เสีย ต้องรอให้ป่วยหนักจึงได้ เท่ากับ 1 ล้านคน-ครั้ง -ป่วยหนัก ชนิดวาระสุดท้าย ไม่ได้ ไม่เสีย เท่ากับ 2 แสนคน -คนดี ที่มีญาติป่วยหนักแบบวาระสุดท้าย มีโอกาสได้ เท่ากับ 2 แสนครัวเรือน
ประการที่สอง เงินที่ใช้ในระบบบริการทางการแพทย์ทั้งหมด ทั้งเงินหลวง เงินรากหญ้า ประมาณปีละ 400,000 ล้านบาท ในการนี้เป็นของ สปสช 140,000 ล้านบาท สวัสดิการข้าราชการ 70,000 ล้านบาท ประกันสังคมอีกก้อนหนึ่ง รวม 220,000 ล้านบาท โดยประมาณเกือบ 70% มาจากภาครัฐ
จากการคำนวนทางเศรษฐศาสตร์ เงินช่วยเหลือและชดเชยควรจะตกอยู่ประมาณ 2% ของวงเงินรวมทั้งประเทศ หรือ 5,000 ล้านบาทจาก 3 กระทรวงหลัก 220,000 ล้านที่รัฐบาลเป็น Sponsor มาดูความหมายของเงิน 5,000 ล้านบาทที่อุดหนุนโดยรัฐ มีดังนี้ เงินจำนวนรายหัว หากเข้า สปสช เป็นหลักคือ 2,000 บาท หากมีการชดเชย ช่วยเหลือ จะอยู่ที่ 20,000 +X ...ขอประมาณขั้นต่ำคิดที่ 30,000 ก็แล้วกัน
กล่าวคือ เงินช่วยเหลือ (เงินทำขวัญ) คนป่วยที่ได้รับการรักษาแล้ว (ชนิดรักษาถูกต้องด้วย) แพงเป็น 15 เท่าของเงินที่กำลังเตรียมไว้รักษาคนป่วยจริงๆ
(สมมุติ...บริการสาธารณะอื่นๆ เช่น รถเมล์ จ่าย 10 บาท หากเกิดความเสียหาย เช่น รถมาช้า(เพราะรถติด) ทำให้ไปทำงานไม่ทัน จะให้ขึ้นฟรี 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 150 บาทชดเชย...แบบสมมุติ) ในเงิน 220,000 ล้านก้อนเดิมต้อง กัน 5,000 ล้านไว้ หรือ เป็นเงินที่ใช้เตรียมการรักษาคน 2.5 ล้านคน หรือประมาณประชากรทั้งจังหวัดนนทบุรีรวมกับปทุมธานี ใน 1 ปี ไม่มีเงินรักษา เพื่อเตรียมช่วยเหลือ ทำขวัญ คน 1.5 แสนคน เงินทำขวัญ คนป่วยที่ได้รับการรักษา 1 คน สามารถใช้เตรียมไว้รักษาคนป่วย ที่ยังไม่ได้รับการรักษาได้ 15 คน
คิดอีกมุมหนึ่งคือ เปลี่ยนจากเงินทำขวัญ 1.5 แสนคน มาเป็น เงินเตรียมรักษาคนป่วย 2.5 ล้านคนในข้อนี้คน 1.5 แสนคน ได้ ครับ ได้ค่าทำขวัญ คน 2.5 ล้านคน เสีย ครับ เสียโอกาสได้รับการรักษาตามสภาพที่ควรเป็น
คู่มือฉบับประชาชนนี้ จัดเตรียมขึ้นในมุมมอง ประชาชน ผู้ใช้บริการตามการนำเสนอแบบเศรษฐศาสตร์ภาคประชาชน ซึ่งกระผมพยายามทำให้ ง่ายๆ ที่สุด ร่าง พ.ร.บ.นี้นั้น ดีจริงๆ แต่ก็ เสียจริงๆ ครับ จึงมีการวิวาทะความกันของแกนนำ 2 กลุ่มขึ้น แต่หากลองดู...จากฉบับประชาชน มุมมองประชาชน ว่า คน 65 ล้านคนคิดอย่างไร
น่าทำประชาพิจารณ์ครับ..น่าทำจริงๆ
ท้ายสุดนี้ กระผมขอฝาก พระคำ หรือ พระวจนะของพระเจ้า เพื่อเป็นแรงหนุนใจให้กับ.....ทุกๆฝ่าย....ทุกๆท่าน.....ที่ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง แต่ต่าง ความคิด ต่าง แนวทาง ด้วยครับ
ในความเชื่อ...ความรัก...และความหวังใจนั้น.... ....ในสามสิ่งนี้
ความรัก... สำคัญที่สุด
ขอให้ทุกๆท่านมีความรักอันบริสุทธิ์ในแบบพระเจ้า....ไม่ใช่ความรักแบบมนุษย์ครับ
ด้วยความเคารพ นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา | โดย: เมตตาปรานีไม่มีแล้วจากแพทยสภา [19 ก.ค. 53 23:27] ( IP A:58.9.190.73 X: ) |  |  | | |
ความคิดเห็นที่ 1 แพทยสภา...ทำคู่มือแจกชาวบ้าน << ตรวจสอบแล้วไม่มีคู่มือทางการใดๆจากแพทยสภา..วางใจได้ หัวข้อคู่มือประชาชนด้านบน..เป็นชื่อเอกสารเฉพาะความเห็นส่วนตัวของคุณหมอธนาธิป ที่เป็นผู้ช่วยเลขาธิการ
มิได้เป็นคู่มือตามมติแพทยสภา..ที่ต้องออกจากนายกหรือเลขาธิการแต่อย่างใด
ลักษณะการเขียนเป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของแพทย์ท่านหนึ่ง เหมือนทุกๆคนในนี้ออกความเห็น..กันไปมา และที่หลายๆคนไปออกสื่อ วิทยุหรือ ทีวี..ตามวิถีประชาธิปไตย มีแง่มุมต่างกันได้ เป็นเรื่องปกติ
ลองตั้งใจอ่านดีๆ ..ใช้เวลาลองตรองดู ลองช่วยกันนึก จากข้อเท็จจริง ว่าจะออกอย่างไรให้ปัญหาน้อย ประโยชน์มากที่สุด
ทั้งนี้ไม่เกี่ยวกับความปราณี หรือไม่ตามที่ท่านตั้งกระทู้เอ่ยเสียดสีไว้
พรบ.นี้เป็นดาบ 2 คม ต้องวางให้ถูกจังหวะถึงเกิดประโยชน์ กับทุกฝ่าย และถ้าสมดุลดี..จะเป็นคุณอนันต์ต่อลูกหลานเราต่อไป..
ซึ่งหากคิดว่าไม่มีปัญหาจริง ลองทำประชาพิจารณ์ก็น่าสนใจ ว่า ทั้ง 2 ข้างคิดถูกหรือเปล่า..หรือต่างก็เดาๆเอา | โดย: อ่านก่อนให้ดี แล้วค่อยว่า [20 ก.ค. 53] ( IP A:58.8.112.175 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ที่ผ่านมาตอนยกร่างกฎหมาย รัฐมนตรีสั่งให้ยกร่างมีทุกภาคส่วนรวมทั้งแพทยสภาร่วมด้วย แต่แพทยสภาก็แยกวงไปยกร่างเองอีกวงหนึ่ง ต่อมารัฐมนตรีนำสองร่างมารวมกัน
มีการรับฟังความคิดเห็นกันนานนับปี หมดงบประมานไปไม่รู้เท่าไหร่ พอเข้ากฤษฎีกา ตัวแทนแพทยสภาก็ไปทุกครั้งและไปกันหลายคนด้วย ประเด็นหลักที่แพทยสภาพยายามคือทำให้ได้ตามที่หาเสียงไว้คือ "แพทย์ต้องไม่ถูกฟ้องเป็นคดีอาญา" หากทำไม่ได้จะเสียคำพูด แต่กฤษฎีกาที่เป็นอดีตศาลฎีกา ศาลฎีกา อัยการสูงสุด สำนักงานศาลยุติธรรม เนติบัณฑิตที่เป็นอดีตเลขาธิการ รวมทั้งนักกฎหมาย ท่านก็บอกว่าเรื่องที่แพทยสภาต้องการทำไม่ได้ ขัดต่อประมวลกฎหมายอาญาหลักของบ้านเมือง ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่มีใครเขาทำในโลก แพทยสภาก็ไม่พอใจ วิ่งเต้นเรื่องนี้จะแก้เรื่องนี้ให้ได้ ทั้งที่คดีอาญาที่เป็นเหตุให้หมอต้องโทษนั้น ตัวเองก็เป็นคนก่อเรื่องทำให้หมอต้องคดี
พอกฎหมายจะเข้าสภา เนื่องจากไม่ได้ดังใจ จึง 1. ต้องการล้มพรบ. 2. กรรมการแพทยสภาส่วนใหญ่เป็นเจ้าของรพ.เอกชนที่ไม่อยากจ่ายเงินสมทบกองทุน (ไม่อยากรับผิดชอบคนไข้ที่ตนเองทำเสียหาย) 3. ไม่ต้องการให้คนไข้ได้รับการชดเชย เพราะมีความเกลียดชังเครือข่ายฯ เป็นการส่วนตัว มีคดีความฟ้องร้องต่อกัน และนายกแพทยสภายังเคยพูดในที่ประชุมในกระทรวงฯ ว่าการตายของคุณรวีวรรณนั้นถ้าไม่เรียกว่าสมน้ำหน้าก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร และยังเขียนบทความดูถูกดูแคลนคนไข้เสมอว่าหวังรวยทางลัด อยากได้เงินหมอ
คนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านพรบ. เป็นคนที่ไม่มีความชอบธรรมใด ๆ สร้างปัญหาให้สังคม ทำไมต้องทำตามแรงกดดันของคนไม่ดีด้วย | โดย: ไม่เข้าใจ [20 ก.ค. 53] ( IP A:58.9.189.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 เป็นความคิดเห็นที่ ห จริงๆ | โดย: ไม่น่าเชื่อเลย [20 ก.ค. 53 1:13] ( IP A:58.8.240.71 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 พวกคุณก็แตะมือกันทำงาน แบ่งหน้าที่กันทำงาน พวกคุณสมองหมอปัญญา....(เติมเอาเอง) คิดเก่งเรื่องยุทธศาสตร์การเอาชนะคนไข้
พวกคุณโกงบ้านโกงเมือง โกงยา โกงรถพยาบาลได้ โกงงบก่อสร้าง โกงเครื่องมือแพทย์ได้ แค่โกงคนไข้ทำไมพวกคุณจะทำไม่ได้ | โดย: สมองหมอ..ปัญญา..... [20 ก.ค. 53 1:37] ( IP A:58.9.189.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 คุณคิดแต่ว่าหมอหญิงติดคุก หมอทำงานไม่ควรติดคุก
คุณเคยคิดแม้แต่เสี้ยววินาที่ไหม ว่าแม่เขาตาย และก็ตายแบบไม่สมควรตาย (แม้ว่าศาลจะว่าคดีนี้หมอไม่ประมาท) | โดย: ฟฟ [20 ก.ค. 53 2:17] ( IP A:58.8.240.71 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 We are committed to spread the word from person to person, town to town, country to country. There is a right to safe healthcare and we will not let the current culture of error and denial, continue. We call for honesty, openness and transparency. We will make the reduction of healthcare errors a basic human right that preserves life around the world. อ่านต่อ https://www.psqh.com/mayjun06/consumers.html | โดย: ฟฟ [20 ก.ค. 53 2:18] ( IP A:58.8.240.71 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 ขอแย้งขอค้านหน่อยเถอะ ผมว่าสังคมเขาคงดูออกว่าใครกำลังโกหก คู่มือประชาชน
ผลกระทบของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองฯ เรื่องที่ประชาชนควรทราบ อีก 2 ข้อเท็จจริงที่ยังไม่มีใครพูดถึง ประชาชน 65 ล้านคน ได้ หรือ เสีย จาก พ.ร.บ.นี้ ประชาชน ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล แพงขึ้น หลังจาก พ.ร.บ.นี้ประกาศ จริงหรือไม่ (((((อ่านนี่เลย https://www.pantown.com/board.php?id=12163&area=&name=board12&topic=1271&action=view)))))) มีผลกระทบอื่นๆต่อประชาชนเช่นรพ.รัฐบาล เตียงจะล้น จริงหรือไม่ (((( เตียง รพ รัฐที่ไหนในโลก รวมทั้งไทยที่ไม่ล้น มันล้นแม่งทั้งปีมาตั้งแต่ผมจบแพทย์มา 3-40 ปี ไม่เคยดีขึ้นเลย ที่อังกฤษยังล้นรอคิวผ่าตัด อย่ามาขู่ มาอ้างเลย ห จริงๆ)))) งบประมาณประเทศหรือเงินกองทุนจะขาดแคลน ถูกผัน จากการช่วยผู้ป่วยจริง ไปสู่ คนไม่ป่วย คือญาติผู้ป่วย จริงหรือไม่ ((((( เขาไม่ได้ป่วย แต่กำลังฉิบหายล้มละลาย หรือไม่ก็พิการ ตายไปแล้วก็มี พูดได้ยังไงไปสู่คนไม่ป่วย ห จริงๆ))))) สองฝ่ายต่างรัก ประชาชนแต่ทำไม จึงวิวาทะ กัน (((((( ถ้าอีกฝ่ายปกป้องผลประโยชน์ เอาแต่ได้ก็วิวาทะได้ทำไมไม่ได้ ทั้งๆที่อีกฝ่ายเพียงเรียกร้องสิทธิที่เขาพึงได้ โดยขอจ่ายตังค์เอง บ้าฉิบ))))))
นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา 13 กรกฎาคม 2553
ขอบคุณพระเจ้าของผมที่เปิดโอกาสให้กระผมได้จรดปากกาเขียนเรื่องสำคัญๆ ทางการแพทย์ที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทย 65 ล้านคนไปอีกหลายๆปี หรืออาจจะอีก 1-2 ชั่วคน เมื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ถูกบังคับใช้ ((((พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างคนผิด วันหนึ่งก็จะรู้ ว่าพระเจ้าท่านจะทำยังไงกับคนที่ผิด ต้องมีฝ่ายผิดละครับ)))))
เรื่องผลกระทบของ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการาธารณสุขซึ่งกำลังจะเข้าสภาในอีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเป็นร่างของรัฐบาล แต่มีการถกเถียงวิพากวิจารณ์กันอย่างรุนแรงจากฝ่ายที่สนับสนุนสุดตัว และคัดค้านสุดตัว จากฝ่ายที่เรียกว่าองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคและอีกฝ่ายหนึ่งคือ ผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุขอันได้แก่ แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์เป็นต้น
ข้าพเจ้าจำความได้ว่าหลังจากเรื่องราวที่แพทย์หญิงจบใหม่ใช้ทุนปี 2 ต้องถูกนอนคุมตัวเป็นเวลา 2 คืนที่ภาคใต้ โดยถูกฟ้องคดีอาญาฐานกระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง เป็นเหตุให้ผู้ป่วยที่ได้รับการระงับความรู้สึกในการฉีดยาชาเข้าสันหลังในการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ถึงแก่ความตายเมื่อ 7 ปีก่อนนั้น แพทย์ไทยทั้งประเทศจำนวน 3 หมื่นคนไม่เคยรวมตัวกันได้..หนาแน่น.. และเสียงแข็งเช่นนี้เลย
หมอต้องไม่ถูกฟ้องในคดีอาญาที่เกิดจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยสุจริต
((((( ไม่รวมตัวก็บ้าแล้ว แต่รวมตัวก็ทำผิดไม่ได้ เอามติผิดๆมาใช้ เช่นห้ามฟ้องหมอคดีอาญาไม่ได้ ไม่มีทาง))))
ผลกระทบจากเหตุการณ์เมื่อ 7 ปีก่อนทำให้โรงพยาบาลชุมชนจำนวนเกือบ 700 แห่ง ปิดห้องผ่าตัดถาวร ไม่มีใครทำผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบอีกเลย ต้องส่งไปทำผ่าตัดที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดทั้งหมด ในวันหนึ่งๆมีคนไทยทั่วประเทศต้องได้รับการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบวันละ 200 รายต่อวัน เกือบครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 100 คนต่อวันเคยทำผ่าตัดแบบเดียวกันนี้ได้ใกล้บ้านคือในระดับอำเภอ ผลกระทบต่อประชาชนคือทุกๆวันจะต้องมีการส่งต่อผู้ป่วย 100 คนรวมทั้งญาติวิ่งรถหลายสิบกิโลเมตรเข้าเมือง เพื่อทำการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบ ยังไม่นับการผ่าตัดอื่นๆ เช่น ผ่าท้องทำคลอดซึ่งมีจำนวนคนไข้ใกล้เคียงกัน ทั้งที่เวลา 30 40 ปีที่ผ่านมานั้น โรงพยาบาลชุมชน ถูกออกแบบเพื่อเตียมการให้ผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบได้ มีความพร้อมทั้งสถานที่..คน..เครื่องมือ น่าสงสารประเทศไทยและคนไทยเป็นอย่างยิ่ง ((((ไม่ผ่าตัดก็ดีครับ ไปผ่าที่เดียวกัน ที่พร้อมๆ ไม่ได้เสียหายอะไร ดีกว่าเสี่ยงตายที่อำเภอ ตอนนี้ถนนหนทางก็สะดวก ดีกว่าตายพิการปีละหลายๆราย ก่อนตายอยู่ไอซียู หมดเป็นล้าน ที่เจอๆเยื่อหุ้มสมองอักเสบชักหมดสติมันยังไม่ยอมให้ย้ายเลย เอาของจริงมาพูดกันดีกว่า อย่ายกเมฆ เป็นไข้เลือดออก หมอให้น้ำเกลือจนน้ำท่วมปอดกำลังจะตาย ยังไม่ยอมมาดู มาย้าย นี่ของจริง ส่วนไส้ติ่งส่งมาจากบางพลี ไปศิริราช ไม่ยอมผ่า ตายตอนเช้าถูกฟ้องก็เป็นมาแล้ว พูดเองเล่านิยายยังไงก็ได้ แต่ของจริงนี่มันไม่เหมือนเลยนะ )))))
เรื่องราวของพ.ร.บ.คุ้มครองฯ ฉบับนี้ ผลสุดท้าย....ผลกระทบต่อระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ หรือต่อคนไทยจะเป็นอย่างไร ...ใครได้.......ใครเสีย....สุดที่ปัญญาของกระผมจะคาดเดา...อาจจะกล่าวได้ว่า..มีแต่พระเจ้าเท่านั้น...ที่ทรงรู้.... ((((ชาวบ้านที่ฉลาดเขาก็รู้ ชาวบ้านที่โง่ ถ้าอธิบายเขาก็รู้ ถ้าโกหกเขาก็ไม่รู้ ไม่ต้องถึงพระเจ้าหรอก)))))
หากดูหลักฐานแจ้งปรากฎ...... แจ้งประจักษ์....ของการรวมตัวแพทย์ 3 หมื่นคน ... แบบหนาแน่น....และเสียงแข็ง.......ข้าพเจ้ากังวลว่าคงจะลงเอยแบบเดียวกับเมื่อ 7 ปีก่อน ผลลัพท์ ....ประเทศไทย..เสีย และประชาชนที่ คิดไม่ทันเขา ก็คงจะเสียด้วย ((((คุณก็ประท้วงหยุดงานไปเลย ไม่เป็นไร แน่จริงหยุดไปเลย)))))
กระผมในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่ง และเป็นคนที่มีความรัก...พี่น้อง...ไม่แตกต่างน้อยไปกว่าองค์กรคุ้มครองฯ ใดๆ..ขอเปิดเผยอีก 2 ข้อเท็จจริงที่ยังไม่เคยมีใครพูด
เป็นข้อเท็จจริงฉบับประชาชน..เพื่อประชาชน นอกเหนือไปจากการที่ประเทศต้องเสียเงิน.....พันล้านหรือนับหมื่นล้าน หรือจะทำให้ความสัมพันธ์ของ แพทย์ ประชาชนต้องเสียไป หรือแพทย์อาจถูกฟ้องร้องมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่มี คนไทย ใดๆสนใจ เพราะ ไม่ใช่เรื่องของผม... ผมไม่ได้เป็นหมอ ((((ผมว่าฟ้องมากขึ้นไม่น่าจะแปลก เพราะผิดพลาดเยอะแต่ฟ้องน้อยนี่ซิแปลก ผมไม่อยากทุกฟ้องก็เพราะผมเป็นหมอ แม้ว่าผมจะทำผิด ก็เข้าใจ แต่ทำตามไม่ได้หรอก สังคมเขาไม่เอาด้วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจเพราะเขาไม่ใช่หมอ อย่าคิด ห ห แทนเขา)))))
ลองมาดู เรื่องของ..ผม(ดิฉัน) ดังนี้
ประการที่หนึ่ง ในปีหนึ่งๆ คนไทยมีอัตราการเกิด 8 แสนราย อัตราการตาย 4 แสนราย คือคนไทยเพิ่มประมาณ4แสนคนต่อปี เป็นอัตราเช่นนี้มา 10 กว่าปี ในคนไทยที่เสียชีวิตปีละ 4 แสนราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ เสียชีวิตในโรงพยาบาล 2 แสนราย และเสียชีวิต ที่บ้าน 2 แสนราย ส่วนน้อยประมาณหนึ่งหมื่นรายเสียชีวิตบนถนน ในกลุ่มที่เสียชีวิตที่บ้าน 2 แสนรานนั้น ส่วนใหญ่ คือกลุ่มคนไข้ที่เป็น วาระสุดท้าย เช่น มะเร็งระยะสุดท้าย โรคเรื้อรังอื่นๆ เช่น อัมพาต สมองเสื่อม มีเพียงส่วนน้อยที่อยู่ดีๆ ก็ตายซึ่งอาจเป็นโรคหัวใจเฉียบพลัน ไหลตาย โลหิตในสมองแตกและอื่นๆที่ยังไม่ทราบได้ เพราะไม่มีการผ่าศพพิสูจน์
ในกลุ่มใหญ่เกือบ 2 แสนคนนี้เอง วาระสุดท้าย เป็นการยินยอมพร้อมใจโดยรวมทั้งญาติ และผู้ป่วยเองโดย ผ่านมือหมอมาแล้วว่า OK ตกลงกันว่าให้จบชีวิตอย่างสงบ ท่ามกลางญาติมิตร เป็นการตายอย่าง ศิวิไลซ์ ที่นานา อารยประเทศยอมรับเป็นหลักสากล โดยประเทศไทยถือปฎิบัติกันมานมนานแล้ว
ผลของ พ.ร.บ. ฉบับนี้...... มีเหตุจูงใจอันพึงมีพึงได้ จากเงินช่วยเหลือเบื้องต้นขั้นต่ำ 20,000 บาท จนถึง 800,000 บาท โดยไม่มีการพิสูจน์ควมถูกผิด (ขนาดเจ็บหายธรรมดาเฉยๆ ยังได้ 20,000 บาท หาก ตาย ก็น่าจะต้องได้ 20,000 บาท เหมือนกัน) ((((มันคิด ห ห แทนคนไข้เลย ใครเขาจะเลวปานนั้น แล้วอีกฝ่ายจะยอมหรือ ขนาดผิดเห็นๆยังปฏิเสธไม่ยอมจ่ายเลย คิดใหม่เถอะ ที่คิดมา มัน ห รับไม่ได้จริงๆ)))))
ผลบวก ของ พ.ร.บ.นี้ คือจะมีการ ย้ายสถานที่ตาย จากที่บ้านมาเป็นโรงพยาบาล โดยมี โอกาส ที่จะได้ 20,000 บาทข้นต่ำเป็นมูลเหตุจูงใจ ต่อประชากรกลุ่มใหญ่ 200,000 ครัวเรือน คิดเป็นเงินประมาณ 8,000 ล้านบาท กระจายไปสู 400,000 ครัวเรือน ชาวไทยเป็นเสมือน ช่วยเหลือฌาปณกิจ อันนี้ คน 400,000 ครัวเรือน ได้ ((((คิดได้ไร้เหตุผลมาก พรบ ยังไม่ทันเกิด มันคิดได้ล่วงหน้า ใครอยากไป รพ รอกันเป็นวันๆ มีแต่ขอไปตายบ้านทั้งนั้นที่เจอๆมา ขนาดจะตายห่ายังไม่ยอมรับเข้าโรงพยาบาลเลย ที่เจอๆมาเป็นอะไรมากๆพอสูบเงินจาก รพ เอกชนหมด มันย้ายเข้า รพ หลวงทันที))))
อีกมุมหนึ่งคือ ผลพวงจากการ ย้ายที่ตาย มีดังนี้ คือ เตียงโรงพยาบาล จะล้น เตียงผู้ป่วยทั้งหมดในโรงพยาบาลในประเทศมีประมาณ 130,000 เตียง เป็นภาครัฐ 100,000 เตียง เอกชน 30,000 เตียง ภาครัฐมี 95% เต็ม เอกชนมี 80% เต็ม หมายความว่าในวันหนึ่งๆ มีคนป่วยนอนหยอดน้ำเกลือ อยู่ประมาณ 120,000 คนจากประชาชน 65 ล้านคน ในจำนวยนี้ 15% เป็นผู้ป่วยอาการหนัก โรคเรื้อรัง ที่ยังไม่รู้ว่า มือหมอ มีดหมอ จะช่วยได้ หรือต้องบอกกล่าวกับญาติว่า ไปใช้วาระสุดท้ายที่บ้าน จำนวน 20,000 คนต่อวันนี้เอง ใกล้เคียงกับจำนวนกลุ่มที่เคยเป็น วาระสุดท้ายที่บ้าน จะไหลกลับเข้ามาขอใช้วาระสุดท้าย...ในโรงพยาบาล จากอัตราครองเตียงที่แน่นพอดีๆ กลายเป็น ล้น ซึ่งน่าจะล้นในปริมาณประมาณ 10,000 คนต่อวัน ที่สมควรจะ ได้นอน ในโรงพยาบาล แต่ไม่มีเตียงให้ ต้องไป นอนบ้าน หรือคิดเป็น 10% ของผู้ป่วยในทั้งหมด จากการ นอนโรงพยาบาล 11 ล้านครั้งต่อปีเมื่อปี 2550 ((((ได้เข้าโรงพยาบาลก็ดีสิ ขนาดชักๆมันยังไม่ได้อยู่ รพ เลย จนตายห่าที่ปากน้ำจำไม่ได้หรือ คนไข้วาระสุดท้ายได้ย้ายที่ตาย คิดได้ยังไง ยังกะชาวบ้านเขาอยากจะไปอยู่ รพ มีแต่เขาขอไปตายบ้าน มันไม่เป็นการคิดเลวๆแทนคนไข้ไปหน่อยหรือ ใครเขาจะเลวปานนั้น ใส่ร้ายเขา ขู่เขา ห จริงๆ))))
จึงคาดว่าจะจะมีคน ป่วยปานกลาง ที่เคยได้นอนในโรงพยาบาล นอนไม่ได้ และ ไม่ได้นอน ต้องไปนอนที่บ้าน จำนวน 1 ล้านครั้ง-คน ต่อปี ((((คิดเลวๆเอง เออเอง ออเอง ชาวบ้านไม่น่าจะเลวปานนั้น))))
โดยสรุปคือ คน ป่วยปานกลาง ประมาณ 1 ล้านครั้ง-คน ต่อปี เคยได้นอนโรงพยาบาลและควรนอน กลับต้องมานอนเสี่ยง นอนลุ้นที่บ้าน ต้องให้ ป่วยหนักมากๆ เป็นวาระสุดท้ายก่อนจึงจะกลับไปนอนได้ กลุ่มนี้ เสียประโยชน์ ครับ (((หมอเขายอมทำแบบนั้นก็คงปัญญาอ่อนแล้ว ทุกวันนี้ป่วยก็ต้องมีเส้น จึงจะได้เตียงเร็ว อย่าโกหกกันเลย บาปกรรมติดตัว))))
คน ป่วยหนัก วาระสุดท้าย กลุ่มนี้ประมาณ 200,000 คนต่อปี ไม่ได้ไม่เสียครับ คือต้องจบชีวิตในเวลาอันสั้นอยู่ดี เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จาก บ้าน-ชุมชน มาเป็น โรงพยาบาล แต่ ญาติ-พี่น้อง ทายาท ได้ประโยชน์โดยการมีโอกาสได้เงินช่วยเหลือ 20,000 บาท ((((ที่เจอมา พิการตายห่ แบบชัดๆ ยอมจ่ายแค่ 8 หมื่น พร้อมกับแถมว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ดันจ่ายเงิน เขาไปฟ้องศาล ไกล่เกลี่ยได้มา 6 ล้าน อย่าโกหกกันเลย เอาของจริงดีกว่า )))))
สรุป -ป่วยปานกลาง เสีย ต้องรอให้ป่วยหนักจึงได้ เท่ากับ 1 ล้านคน-ครั้ง -ป่วยหนัก ชนิดวาระสุดท้าย ไม่ได้ ไม่เสีย เท่ากับ 2 แสนคน -คนดี ที่มีญาติป่วยหนักแบบวาระสุดท้าย มีโอกาสได้ เท่ากับ 2 แสนครัวเรือน (((( สรุปได้ ห มาก ))))
ประการที่สอง เงินที่ใช้ในระบบบริการทางการแพทย์ทั้งหมด ทั้งเงินหลวง เงินรากหญ้า ประมาณปีละ 400,000 ล้านบาท ในการนี้เป็นของ สปสช 140,000 ล้านบาท สวัสดิการข้าราชการ 70,000 ล้านบาท ประกันสังคมอีกก้อนหนึ่ง รวม 220,000 ล้านบาท โดยประมาณเกือบ 70% มาจากภาครัฐ
จากการคำนวนทางเศรษฐศาสตร์ เงินช่วยเหลือและชดเชยควรจะตกอยู่ประมาณ 2% ของวงเงินรวมทั้งประเทศ หรือ 5,000 ล้านบาทจาก 3 กระทรวงหลัก 220,000 ล้านที่รัฐบาลเป็น Sponsor มาดูความหมายของเงิน 5,000 ล้านบาทที่อุดหนุนโดยรัฐ มีดังนี้ เงินจำนวนรายหัว หากเข้า สปสช เป็นหลักคือ 2,000 บาท หากมีการชดเชย ช่วยเหลือ จะอยู่ที่ 20,000 +X ...ขอประมาณขั้นต่ำคิดที่ 30,000 ก็แล้วกัน
กล่าวคือ เงินช่วยเหลือ (เงินทำขวัญ) คนป่วยที่ได้รับการรักษาแล้ว (ชนิดรักษาถูกต้องด้วย) แพงเป็น 15 เท่าของเงินที่กำลังเตรียมไว้รักษาคนป่วยจริงๆ (((เขาจึงบอกว่าความผิดพลาดทางการแพทย์ ราคาแพง ควรป้องกันไว้ก่อน แต่ 5000 ล้านเทียบกับ 4 แสนล้านก็แค่ 2 % ไม่ได้แพงหรอก รักษาหวัดจ่าย 100 บาท กับ 102 ไม่ต่างกัน จ่ายได้ แต่เงินที่ช่วยผู้เสียหายนอนหยอดน้ำข้าวต้ม นั้น ต่างกันมาก กับการที่ไม่ยอมช่วยเขาเลย หาว่าไม่มีมูลขี้)))) (สมมุติ...บริการสาธารณะอื่นๆ เช่น รถเมล์ จ่าย 10 บาท หากเกิดความเสียหาย เช่น รถมาช้า(เพราะรถติด) ทำให้ไปทำงานไม่ทัน จะให้ขึ้นฟรี 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 150 บาทชดเชย...แบบสมมุติ) ในเงิน 220,000 ล้านก้อนเดิมต้อง กัน 5,000 ล้านไว้ หรือ เป็นเงินที่ใช้เตรียมการรักษาคน 2.5 ล้านคน หรือประมาณประชากรทั้งจังหวัดนนทบุรีรวมกับปทุมธานี ใน 1 ปี ไม่มีเงินรักษา เพื่อเตรียมช่วยเหลือ ทำขวัญ คน 1.5 แสนคน (((มันก็แค่ 2 % ไม่ต้องดูตัวเลขอื่น ให้เวียนหัว หรือว่าทำเรื่องให้เวียนหัวหลอกชาวบ้าน จำไว้ว่ายังไงก็จ่ายเพิ่มอีก 2-3% อย่าไปหลงกลให้เขาอ้างว่าค่ารักษาจะแพง บอกมาเลย ว่าจ่ายเพิ่มอีก 2 % คนไข้จ่าย แล้วหมอจะคิดอีกเท่าไหร่ จะได้ไปฟ้อง สคบ ว่าค้ากำไรเกินควร))))
เงินทำขวัญ คนป่วยที่ได้รับการรักษา 1 คน สามารถใช้เตรียมไว้รักษาคนป่วย ที่ยังไม่ได้รับการรักษาได้ 15 คน (((คุณคิดผิดแล้ว ที่ถูกคือเงิน 2-3 % ที่คนไข้ยอมจ่าย จะเป็นเงินชดเชยแก่ผู้พิการ ตาย เจ็บ ที่ควรได้ตามสิทธิ คุณพูดแบบนี้ ใส่ร้ายคนไข้มาก ห จริงๆ))))
คิดอีกมุมหนึ่งคือ เปลี่ยนจากเงินทำขวัญ 1.5 แสนคน มาเป็น เงินเตรียมรักษาคนป่วย 2.5 ล้านคนในข้อนี้คน 1.5 แสนคน ได้ ครับ ได้ค่าทำขวัญ คน 2.5 ล้านคน เสีย ครับ เสียโอกาสได้รับการรักษาตามสภาพที่ควรเป็น (((หลักก็คือ คนร้อยคน จ่ายอีก 2-3 % ช่วยคนที่ลำบากเพราะหมอทำพลาด เรียกว่า 97-98 คน ช่วยคนซวย 3-2 คน))))
คู่มือฉบับประชาชนนี้ จัดเตรียมขึ้นในมุมมอง ประชาชน ผู้ใช้บริการตามการนำเสนอแบบเศรษฐศาสตร์ภาคประชาชน ซึ่งกระผมพยายามทำให้ ง่ายๆ ที่สุด ((((หมอไปเรียนเศรษฐศาสตร์กับคนนี้ดีไหมเขาได้รางวัลโนเบลเชียวนา https://www.pantown.com/board.php?id=12163&area=&name=board12&topic=1271&action=view))))
ร่าง พ.ร.บ.นี้นั้น ดีจริงๆ แต่ก็ เสียจริงๆ ครับ จึงมีการวิวาทะความกันของแกนนำ 2 กลุ่มขึ้น แต่หากลองดู...จากฉบับประชาชน มุมมองประชาชน ว่า คน 65 ล้านคนคิดอย่างไร
น่าทำประชาพิจารณ์ครับ..น่าทำจริงๆ
ท้ายสุดนี้ กระผมขอฝาก พระคำ หรือ พระวจนะของพระเจ้า เพื่อเป็นแรงหนุนใจให้กับ.....ทุกๆฝ่าย....ทุกๆท่าน.....ที่ยืนหยัดต่อสู้ เพื่อความถูกต้อง แต่ต่าง ความคิด ต่าง แนวทาง ด้วยครับ
ในความเชื่อ...ความรัก...และความหวังใจนั้น.... ....ในสามสิ่งนี้
ความรัก... สำคัญที่สุด
ขอให้ทุกๆท่านมีความรักอันบริสุทธิ์ในแบบพระเจ้า....ไม่ใช่ความรักแบบมนุษย์ครับ (((ผมว่าไม่ต้องทำประชาพิจารณ์หรอกครับ กฤษฏีกาเขาก็พอเชื่อได้ แม้ว่าจะเชื่อไม่ได้หมด แต่ก็ดีกว่าเชื่อแพทยสภาในเรื่องนี้ เขาฝากท้องกันมาใกล้จะคลอด อย่าพยายามทำแท้งกฎหมาย บาปกรรม))))
ด้วยความเคารพ นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา โดย: เมตตาปรานีไม่มีแล้วจากแพทยสภา [19 ก.ค. 53 23:27> ( IP A:58.9.190.73 X: ) | โดย: ฟฟ [20 ก.ค. 53 3:19] ( IP A:58.8.240.71 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 สงสารแพทย์หญิงท่านนั้นจัง ทำเพื่อคนไข้เเต่กลับโดนฟ้องร้อง | โดย: so sad [20 ก.ค. 53 8:26] ( IP A:222.123.18.106 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 ถุยชีวิต
แพรดสภาคิดได้เท่านี้เอง | โดย: ถุยชีวิต [20 ก.ค. 53 8:50] ( IP A:1.46.210.17 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 พวกคุณก็แตะมือกันทำงาน แบ่งหน้าที่กันทำงาน พวกคุณสมองหมอปัญญา....(เติมเอาเอง) คิดเก่งเรื่องยุทธศาสตร์การเอาชนะคนไข้
พวกคุณโกงบ้านโกงเมือง โกงยา โกงรถพยาบาลได้ โกงงบก่อสร้าง โกงเครื่องมือแพทย์ได้ แค่โกงคนไข้ทำไมพวกคุณจะทำไม่ได้
ชอบจัง ประโยคเหล่านี้ อ่านแล้ว น่านับถือจัง เฮ้อ เก่งนะ ทำได้ขนาดนี้ | โดย: นับถือความเก่งของวิชาชีพส่วนหนึ่ง [20 ก.ค. 53 9:30] ( IP A:115.67.44.203 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 ความเห็นที่ 16
ใช่แพทย์หญิงคนนั้นน่าสงสาร ที่ตกเป็นเหยื่อของแพทยสภาที่ยุให้สู้คดีในทางที่ผิด ศาลเตือนแล้วเตือนอีก ก่อนที่จะมาสู่วันที่ศาลตัดสิน ผอ.รพ.เขาจะแถลงข่าวขอโทษคนไข้อยู่แล้ว แต่แพทยสภามีมติต่อคดีนี้ว่าไม่มีมูล จึงไม่ยอมเสียหน้า บอกหมอผู้หญิงว่าให้สู้มีทางชนะ จากนั้นก็เกณฑ์ทีมจากราชวิทยาลัยไปเบิกความมากมายสู้กับคนไข้ แต่ขอโทษเบิกความขัดกับตำราที่ตนเองเขียนซะงั้น คนเราถ้ามีเจตนาที่บริสุทธิ์ศาลท่านจะมองเห็น ใครมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ พฤติการณ์แห่งคดีไม่มีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองไม่พอยังพูดอะไรที่คนเสี้ยมสอนให้พูด ก็ได้รับผลอย่างที่เห็น
การไปโป้ปดมดเท็จว่าโดนเข้าห้องขังนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พญ.คนนั้นไม่ได้เข้าห้องขังแม้แต่นาทีเดียว กุญแจมือก็ไม่ถูกใส่ด้วยซ้ำ อย่ายกเรื่องนี้มาพูดอีกเลย
เรื่องนี้รัฐมนตรีมงคลท่านโมโหแพทยสภามาก ถึงกับงดแถลงข่าวร่วม แล้วท่านก็ลงใต้ไปเยียวยาลูกสาวคนตาย และจัดทำบุญให้คนตายด้วย ท่านพาหมอ+พยาบาลรพ.ร่อนพิบูลย์ไปร่วมงาน มีการปลูกต้นไม้ร่วมกัน ปัจจุบันลูกสาวคนตายกับแพทยหญิงคนนั้นก็พูดคุยกันดี ใครกันคือตัวการทำให้หมอต้องคดีอาญา | โดย: อย่ามาฉายหนังซ้ำ [20 ก.ค. 53 10:29] ( IP A:58.9.189.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 ต้องให้ สตง. ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของแพทยสภาว่า แต่ละปีได้งบปีละกี่สิบล้าน เงินที่ได้นำไปใช้ประโยชน์อะไรบ้าง 1. จัดสัมมนาฝ่ายเดียวไม่เชิญชาวบ้านแม้แต่ครั้งเดียว 2. พิมพ์เอกสารที่เป็นเท็จสร้างความแตกแยก 3. เบี้ยประชุมที่จ่ายคุ้มค่ากับผลประโยชน์ที่ประเทศชาติได้รับหรือไม่ 4. ทุกคดีที่ตัดสินนั้นเป็นธรรมต่อสังคมหรือไม่ 5. เงินที่ได้ไปนั้นเอาไปใช้จ้างนิติกรเพิ่มมากขึ้น แล้วสร้างประโยชน์อันใดให้ประเทศชาติหรือไม่ | โดย: ยังมีอีกเยอะ [20 ก.ค. 53 11:08] ( IP A:58.9.189.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 คุณหมอ ฟฟ. .... สงสัยว่าคำย่อ ห ห ของคุณหมอนี่มันอะไรครับ อิอิ | โดย: เจ้าบ้าน [20 ก.ค. 53 17:26] ( IP A:210.86.181.20 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 26 แล้วพระเจ้าตรัสว่า "ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินโดยทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน 27 พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง" ปฐมกาล 1: 26-27 | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [20 ก.ค. 53 21:22] ( IP A:110.164.98.164 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 8 แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้นพระคริสต์ได้สิ้นพระชนม์เพื่อเรา โรม 5: 8 | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [20 ก.ค. 53 21:36] ( IP A:110.164.98.164 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 24 เหตุว่าเราทั้งหลายรอดแม้เป็นเพียงความหวังใจ แต่ความหวังใจในสิ่งที่เราเห็นได้ หาเป็นความหวังใจไม่ ด้วยว่าใครเล่าจะยังหวังใจในสิ่งที่เขาเห็น 25 แต่ถ้าเราทั้งหลายคอยหวังใจในสิ่งที่เรายังไม่ได้เห็น เราจึงมีความเพียรคอยสิ่งนั้น 26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเราเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าเราควรอธิษฐานขอสิ่งใดอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทนเรา ในเมื่อเราคร่ำครวญอธิษฐานไม่เป็นคำ 27 และพระองค์ผู้ทรงชันสูตรใจมนุษย์ ก็ทรงทราบความหมายของพระวิญญาณ เพราะว่าพระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามที่ชอบพระทัยพระเจ้า โรม 8:24-27 | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [20 ก.ค. 53 21:50] ( IP A:110.164.98.164 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 ข้าแต่องค์พระบิดาเจ้า องค์พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด พระผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ขอพระนามของพระองค์เป็นที่สักการะ ขอขอบพระคุณพระองค์ที่ได้ประทานโอกาสให้ข้าพระองค์ ผู้ซึ่งยังเป็นคนบาปอยู่นั้นได้มีโอกาสเขามาปฎิสัมพันธ์กับพี่น้องทั้งหลายในเวปบอร์ดแห่งนี้ ขอพระองค์ทรงอภัยความผิดบาปที่ข้าพระองค์ได้ทำเหมือนที่ข้าพระองค์ได้อภัยความผิดบาปทั้งหลายให้แก่ผู้อื่นแล้ว ขอพระสิริแห่งพระองค์จงสถิตย์อยู่กับพี่น้องทั้งหลาย ผู้ซึ่งพระองค์ได้สร้างดวงจิตวิญญาณ ของพี่น้องทั้งหลายตามพระฉายด้วยความรัก อันบริสุทธิ์แห่งพระองค์ พระคุณความรักแห่งองค์พระบิดา พระผู้สร้างและออกแบบดวงจิตวิญญาณทุกดวง ให้อยู่ในความบริบูรณ์ ขออย่าให้มีลูกแกะ ใดๆแม้เพียงหนึ่งเดียวต้องหลงหายไปจากทางที่พระองค์ทรงสร้างไว้เลย ขออย่าให้ความบาปของข้าพระองค์ก่อให้เกิดความเสียหาย ก่อให้เกิดการแปดเปื้อนและเป็นมลทินแก่ดวงจิตวิญญาณดวงอื่นๆ ผู้ซึ่งเป็นบุตรที่พระองค์ทรงรัก และทรงสรรสร้างมาอย่างดีเฉกเช่นเดียวกัน ขออย่าให้ความบาปของคนหนึ่งคนใดในพี่น้องของเรา ผู้ซึ่งเป็นบุตรที่พระองค์ทรงรัก และให้เสรีภาพในความเชื่อ อย่าให้ความบาปนั้นเกิดการแปดเปื้อนซึ่งกันและกันเลย ขอพระหัตถ์อันทรงมหิทฤทธิ์ของพระองค์ ทรงชำระเขาทั้งหลายให้บริสุทธิ์จงเล้าโลมสัมผัสแตะต้องจิตใจ ดวงจิตวิญญาณทุกๆดวง ซึ่งมีปฎิสัมพันธ์กันอยู่นะเวลานี้ ให้เกิดความบริสุทธิ์และเกิดความบริบูรณ์ ดังเดิมเหมือนที่พระองค์ได้ทรงสร้างและออกแบบไว้ตั้งแต่ก่อนการสร้างโลกแล้ว ขอความไพบูลย์และพระสิริแห่งพระองค์จงสถิตย์อยู่กับพวกเราทั้งหลาย ขอลูกแกะที่เดินหลงหายไปนั้นกลับเข้ามาสู่อ้อมพระหัตถ์อันเป็นนิรันดร์กาลในพระองค์ ขอฝากความปลอดภัยและความบริบูรณ์จงมีแด่ดวงจิตวิญญาณพี่น้องที่มีปฎิสัมพันธ์กับข้าพระองค์ในเวลานี้ และมีปฎิสัมพันธ์กับพระองค์อยู่ด้วยขณะนี้ ฝากพวกเราทั้งหลายไว้ ในนามพระมหาเยซูคริสต์เจ้า อาเมน | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [20 ก.ค. 53 22:23] ( IP A:110.164.98.164 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 ผมคิดเสมอ ว่า ตอน คลอดมาก็ไม่มีหมอติดตัวมา และคนเราไม่มีใครอยู่เกิน150 ปี หรือเป็นอมตะ ดังนั้น ทำอะไรถ้าต้องเลวมากๆ ก็ลดลงหน่อย ถ้าไม่จำเป็นก็ต้องพยายามแฟร์ไว้ก่อน ห. นี่ได้ตั้งแต่ ไอ้หอย ไอ้หอก ไอ้ห่า ไอ้หำ ไอ้ห้อย รวมถึงวรนุช ที่อยู่ในสภา ใครชอบแบบไหนก็เติมเอาเอง ไม่ระบุ | โดย: ฟฟ [21 ก.ค. 53 2:00] ( IP A:58.11.71.6 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 22 บอกตรง ๆ นะท่านนาวาอากาศโทนายแพทย์ธนาธิป ข้อความใด ๆ ของท่านอาจมีประโยชน์ในเว็บของTCC หรือท่านนำไปเขียนป้ายตัวหนังสือโตที่สุดเท่าที่จะโตได้ แล้วนำไปปิดไว้ที่หน้าที่ทำการ"แพทยสภา" จะเหมาะสมที่สุด
คนในนี้เขามีความทุกข์ แต่ไม่ทุกข์เปล่าเขายังคิดหาวิธีหาทางออก ให้วงการแพทย์ด้วย ท่านต้องไปสอนคนที่มีหน้าที่ต้องหาทางออก ให้ชาวบ้านแต่ไม่ได้ทำ กลับซ้ำเติมความทุกข์ชาวบ้าน
มันเหมือนโจรซ่องสุมกำลังดักปล้นชาวบ้าน แล้วชาวบ้านต่อสู้ คุณโผล่มาจากไหนไม่รู้ มาสั่งสอนให้ชาวบ้านใจเย็น ๆ อย่าใช้ กำลังทำร้ายโจรทั้งซ่อง ยังไงยังงั้นเลย
หรือว่าโจรมันปล้นข้าวปลาอาหารไปให้คุณกิน | โดย: อามิตตพุทธ [21 ก.ค. 53 18:48] ( IP A:58.9.186.23 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 3:23 เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า 3:24 แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เราเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นบาปแล้ว 3:25 พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญา โดยความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์ เพื่อสำแดงให้เห็นความชอบธรรมของพระองค์ในการที่พระเจ้าได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น โรม 3: 23-25
ตอนนี้ผมอายุ 40 กว่าแล้ว ก่อนหน้านี้ คือก่อนหน้าที่จะได้รู้จักพระคุณความรักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เวลาเห็นอะไรผิดหูผิดตา ไม่ได้ตามที่เราคาดคะเนไว้ ก็ขัดอกขัดใจ โกรธเคือง ทำร้ายตนเองด้วยความโกรธ หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่างๆก็ไม่สมดุล พอมาพบพระองค์ พระองค์ทรงตรัส ว่า "เราสร้างมนุษย์ทุกคนมาตามฉายาอย่างเรา" ปฐมกาล 1: 27 คือพระองค์ จงใจสร้างดวงจิตวิญญาณทุกดวง ให้มีความบริบูรณ์ตามแบบอย่างพระองค์ "แต่เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป จึงเสื่อมจากพระสิริแห่งพระองค์" โรม 3: 23 พวกเราทั้งหลายจึงตกจากเส้นมาตราฐานของพระองค์
เดิมทีผมให้คำนิยามชีวิตของผมว่า ชีวิตคือ ปฎิกริยาทางชีวเคมี คือมีสารเคมี วิ่งไปวิ่งมา ตามวิชาการแพทย์ที่ผมได้ร่ำเรียนมาหลายๆปี เมื่อเกิดมา ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเกิดมา เดี๋ยวก็หิว เดี๋ยวก็อยาก เดี๋ยวก็โมโห ถ้าไม่โมโหตนเอง ก็พาลทะโลกับคนอื่น เป็นไปตามแรงกระตุ้น ของฮอร์โมนและสารเคมีต่างๆที่ขับดัน ร่างกาย จิตใจ
ตอนนี้ คำนิยามชีวิตได้เปลี่ยนไป หลังจากได้มารู้จักกับพระเจ้า ในฐานะพระบิดา ผู้บรรจงสร้าง ชีวิตทุกชีวิตมาอย่างดี สร้างดวงจิตวิญญาณที่พระองค์มีพระประสงค์ให้มีความบริบูรณ์ เฉกเช่นเดียวกันกับพระองค์ เป็นชีวิตที่มีพระประสงค์กำหนดชัดเจน เป็นชีวิตใหม่ ที่มีพระคุณซ้อนพระคุณแห่งองค์ผู้สร้างสถิตย์อยู่กับพวกเรา องค์พระผู้เป็นเจ้า ในฐานะผู้สร้าง และผู้พิพากษาชีวิตหลังความตายนั้น กลับต้องมารับโทษไถ่ความบาปของพวกเรา ในฐานะบุตรที่พระองค์รัก พ่อไม่สามารถให้ลูกรับโทษได้ ขอรับโทษแทนเอง มารับโทษตายบนไม้กางเขน รับบาปทั้งหมดของพวกเรา ที่ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษไป พวกเราทั้งหลายจึงเป็นไทแล้ว จากความบาปทั้งปวง จากความกังวล ความขุ่นใจ ความโกรธ ความริษยา
โดยกระผมเคยกล่าวกับพระองค์ว่า "ข้าแต่องค์พระบิดาเจ้า ในชีวิตของข้าพระองค์ เคยทำบาปต่างๆมากมาย เพื่อให้ถึงเป้าหมายต่างๆในชีวิต บัดนี้ข้าพระองค์พบว่า ข้าพระองค์รู้สึกเสียใจต่อบาป ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า องค์พระเยซูคริสต์ เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงไถ่บาปให้ข้าพระองค์จนถึงความมรณาบนไม้กางเขน ข้าพระองค์ขอหันหลังกลับ กลับใจใหม่ ขอรับองค์พระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต และขอเดินติดตามพระองค์ ไปจนชั่วชีวิต ฝากชีวิตข้าพระองค์ไว้ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน"
ในชั่วโมงแรกที่ผมกล่าวประโยคนี้กับพระองค์ ผมพบว่าชีวิตของผมค่อยๆเปลี่ยนไป พระองค์เข้ามาทำงานในจิตใจ พระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดโดยแท้จริง พระองค์เป็นจุดต้นและจุดปลายโดยสัมบูรณ์ ขอความหวังใจในพระคุณความรักแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า จงสถิตย์อยู่กับสังคมออนไลน์แห่งนี้ ให้ถึงซึ่งความบริบูรณ์ เหมือนจิตวิญญาณป้ายแดง ใหม่ๆจากอ้อมพระหัตถ์แห่งพระองค์ ในนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [21 ก.ค. 53 23:14] ( IP A:183.89.4.150 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 เอ้า เปิดพื้นที่ให้ก็แล้วแต่คุณจะว่า เราก็ไม่หวงห้าม | โดย: อามิตตพุทธ [23 ก.ค. 53] ( IP A:58.9.223.126 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 อาเมนด้วยครับ กับคุณหมอ ธนาธิป ศุภประดิษฐ์
ผมศรัทธาในพระวจนะของพระเจ้าที่คุณหมอยกมาครับ
ทำให้ผมนึกถึงพระวจนะข้อสำคัญอีกข้อหนึ่งครับ
ข้อที่ว่า ให้พวกเรามนุษย์ยอมรับ "ความจริง" ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต และรู้จักยอมรับความจริงอย่างที่เป็นอยู่
ไม่ทราบว่า คุณหมอ เชื่อพระวจนะข้อนี้ด้วยหรือเปล่าครับ ?????!!!!! | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [23 ก.ค. 53 10:42] ( IP A:58.8.90.111 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 1:4 ในพระเยซูคริสต์นั้น พระองค์ได้ทรงเลือกเราไว้ ตั้งแต่ก่อนที่จะทรงเริ่มสร้างโลก เพื่อเราจะบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิต่อพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความรัก 1:5 พระองค์ทรงกำหนดเราไว้ก่อนตามที่ชอบพระทัยพระองค์ให้เป็นบุตรโดยพระเยซูคริสต์ 1:6 เพื่อจะให้เป็นที่สรรเสริญสง่าราศีแห่งพระคุณของพระองค์ ซึ่งโดยพระคุณนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้เราเป็นที่ชอบพระทัย ในผู้ทรงเป็นที่รักของพระองค์ 1:7 ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเรา โดยพระคุณอันอุดมของพระองค์ 1:8 ซึ่งได้ทรงประทานแก่เราอย่างเหลือล้น ให้มีปัญญาสุขุมและมีความรู้รอบคอบ 1:9 พระองค์ได้ทรงโปรดให้เรารู้ความลึกลับในพระทัยของพระองค์ ตามพระเจตนารมณ์ของพระองค์ซึ่งพระองค์ทรงดำริไว้ในพระองค์เอง 1:10 ประสงค์ว่าเมื่อเวลากำหนดครบบริบูรณ์แล้ว พระองค์จะทรงรวบรวมทุกสิ่งทั้งที่อยู่ในสวรรค์และในแผ่นดินโลกไว้ในพระคริสต์ 1:11 และในพระองค์นั้นเราได้รับมรดกที่ทรงดำริไว้ตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้ทรงกระทำทุกสิ่งตามที่ได้ทรงตริตรองไว้สมกับพระทัยของพระองค์ 1:12 เพื่อเราทั้งหลายผู้ได้วางใจในพระคริสต์ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่สรรเสริญแก่สง่าราศีของพระองค์ 1:13 และในพระองค์นั้นท่านทั้งหลายก็ได้วางใจเช่นเดียวกัน เมื่อท่านได้ฟังพระวจนะแห่งความจริงคือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่าน และได้เชื่อในพระองค์แล้วด้วย ท่านก็ได้รับการผนึกตราไว้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แห่งพระสัญญา 1:14 ผู้ทรงเป็นมัดจำแห่งมรดกของเรา จนกว่าเราจะได้รับการที่พระองค์ทรงไถ่ไว้แล้วนั้น มาเป็นกรรมสิทธิ์เป็นที่ถวายสรรเสริญแด่สง่าราศีของพระองค์ เอเฟซัส 1: 4-14
เรื่อง "ความจริง" นี้เป็นเรื่องสำคัญมากจริงๆครับ ตอนเด็กๆ เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิตศาสตร์ คูรบาอาจารย์ก็สอนว่า Science is Fact คือ วิทยาศาสตร์ เป็นความจริง ยิ่งใหญ่ สูงสุด เนื่องด้วยสามารถ พิสูจน์ ซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้งแล้วได้ผลลัพธ์แบบเดิม ผมจึงเป็นผู้บูชา "ความจริง" ชนิดวิทยาศาสตร์ไปอย่างหมดตัว อะไรพิสูจน์ไม่ได้ ไม่มีผลงานวิจัย ไม่มีทางเชื่อ
พอมาเรียน "หมอ" ครูบาอาจารย์ ก็สอนให้เห็น ปฎิกริยาเคมี วิ่งไปวิ่งมาในร่างกาย อารมณ์ ความรู้สึก รัก โกรธ เศร้า ก็สามารถ อธิบายโดยชนิดของปฎิกริยาเคมีในสมองได้ จึงให้คำนิยาม และความหมาย "ความจริง" ของชีวิต ว่าเป็น "ปฎิกริยาชีวะเคมี"
ไม่มีสิ่งใดๆเหนือกว่านี้ อารมณ์ ความรู้สึก ก็วิเคาระห์ออกมาเป็น ชนิดสารเคมีได้ ซึ่งน่าโง่มากนะครับ ชีวิตผมที่เคยคิดว่า ตนเองเก่งและฉลาด ชีวิตก็เดินงงๆอยู่หลายสิบปี คำถามว่า ทำไมต้องเกิดมา ยังตอบไม่ได้เลยครับ
รู้แต่ว่า เกิดมาอย่างไร คือ ไข่บวกกับอสุจิ แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องเกิดมา รู้สึกตะหงิดตะหงิดว่า มีอะไรบางอย่างที่เหนือกว่านั้น ที่หูไม่ได้ยิน ตามองไม่เห็น คล้ายๆคลื่นโทรศัพท์มือถือ มองไม่เห็น ไม่ได้ยินแต่หากมี เครื่องมือหรืออวัยวะที่เหมาะสม ก็สามารถติดต่อกันได้
เหมือนกับในตอนนี้ ที่เราทั้งสองคนนั่งคุยกันอยู่นี้ เราก็ไม่ได้อยู่กันแค่สองต่อสอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าก็นั่งฟังเราสนทนาอยู่ด้วย พระองค์ไม่ได้ฟังเราหรืออ่านตัวอักษรที่เราเขียน แต่พระองค์ อ่านลงไปในดวงจิตวิญญาณของเราทั้งสอง ว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ ในพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า "แม้ที่ซึ่งสูงและซึ่งลึก ก็ไม่สามารถหลีกหนีไปจากพระองค์ได้" หมายความว่า แม้พวกเราจะนั่งเรือบินหนึ หรือนั่งอพอลโลไปลงดวงจันทร์พระองค์ก็ตามไปด้วย ดำดิ่งไปสู่ซากเรือไททานิค พระองค์ก็ยังตามไปดู เราสามารถพูดคุยกับพระองค์ซึ่งเป็นพระเจ้าส่วนตัวของเราได้ตลอดเวลา ตอนนี้พระองค์ก็นั่งอยู่ข้างๆผม พระองค์ทราบว่า ดวงวิญญาณของผมคิดอะไร แต่ผมไม่มีทางทราบว่า พระองค์คิดอะไร หากพระองค์ไม่อนุญาติให้ทราบ
"ความจริงหนึ่งเดียว" ในเอกภพและเหนือเอกภพนี้ คือข่าวประเสริฐเรื่องความรอด โดยองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นบิดา ได้ส่งพระวาทะหรือพระบุตร ผู้สร้างดวงจิตวิญญาณทุกดวงบนแผ่นดินนี้ ต้องมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เผื่อไถ่บาปเรา คือลูกๆทั้งหลายทำผิดทำบาปไว้มาก ตามมาตราฐานของพ่อ ต้องลงโทษลูกๆ และเป็นโทษหนักด้วย เนื่องจากพ่อเป็นผู้มีมาตราฐานสูง เป็นกฎเหล็กของพ่อ ซึ่งทรงไว้ด้วยความยุติธรรมและชอบธรรมสูงสุด ไม่ใช่ความชอบธรรมแบบมนุษย์ด้วยกันซึ่งหาไม่ได้ แต่ด้วยความที่พ่อรักลูกมากๆๆๆๆๆๆๆ จะตีลูกหนักๆหรือตัดสินประหารลูกๆให้สาสมกับความบาปนั้น พ่อทำไมได้(มาตราฐานสูง ความรักก็สูงด้วย) พ่อจึงขอ รับโทษแทนลูกๆทั้งหมด โดยต้องตายลงบนไม้กางเขนหลายล้านชีวิตจึงได้รับความรอด
เป็นความจริงเหนือกว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิชาหมอๆทั้งหลายทั้งหมดทั้งปวงที่ศึกษามาหลายสิบปี ความรอดเกิดจาก การประทานของพระเจ้าแก่เราทั้งสอง เรื่องความรอดเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลที่พระองค์ประทานให้ ด้วยความที่ผมเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่ง ซึ่งพระเจ้าประทานให้มีโอกาสได้มาปฎิสัมพันธ์กับดวงวิญญาณของท่าน ในชุมชนออนไลน์แห่งนี้ พบเห็นได้ยิน เสียงร้องระงมของดวงวิญญาณอีกนับสิบนับร้อย พระองค์คงทุกข์หนักกว่าใคร เวลาพ่อเห็นลูก ร้องไห้คร่ำครวญฟังไม่เป็นศัพท์มานับแรมปี
ความชอบธรรมนั้นมีได้จากองค์พระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น เราไม่สามารถหาความชอบธรรมใดๆจากมนุษย์คนใดๆได้เลย แม้แต่ความชอบธรรมจากตัวเราเอง ก็ไม่มีให้ตัวเราเอง
ข้าแต่องค์พระบิดาเจ้า พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงนั่งอยู่ข้างๆเราทั้งสองคนขณะนี้ ข้าพระองค์ผู้โง่เขลาต่ำต้อย ขอร้องทูลขอต่อพระองค์ ได้ทรงโปรดประทานความรอดให้แก่ข้าพระองค์และดวงวิญญาณที่ร้องระงมอยู่นะเวลานี้ด้วย ขอให้ความชื่นชมยินดีจงกลับคือสู่ดวงวิญญาณของเขา ขอให้ดวงวิญญาณทั้งหลายจงกลับคือสู่อ้อมพระหัตถ็อันอบอุ่นแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วย ขออธิษฐานไว้ในนามพระมหาเยซูคริสต์เจ้า อาเมน ปล.หากจะดูว่าความโง่เขลาในวัยเด็กของผมเป็นอย่างไร ดูได้จากบทความข้างล่างนี้ เขียนไว้ตอนรู้จักพระเจ้าใหม่ๆได้ 2 สัปดาห์ ดูแล้วก็รู้สึกอนาจในตนเองจริงๆ "มนุษย์เอ๋ย"... | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [23 ก.ค. 53 23:42] ( IP A:183.89.124.238 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 นักวิทยาศาสตร์ตัวน้อย กับ Champ of the Champ ในวัยเด็กของข้าพเจ้าหลายสิบปีก่อน ครั้งยังเป็นหนุ่มกางเกงขาสั้นลูกพระเกี้ยว เตรียมอุดมศึกษา นับเป็นช่วงเวลาแห่งความทรงจำอันดีที่สุดช่วงหนึ่งแห่งชีวิต วัย Teenage ที่มีพละกำลังอย่างเหลือเฟือ ทั้งร่างกายและสมอง.... เซลล์สมอง....ซึ่งกำลังสร้างเครือข่ายประสานงานเติบโตอยู่ทุกๆนาที...... ด้านร่างกายนั้น เติบโตแข็งแรงจนเห็นได้ว่า เล่นบาสเกตบอลตอนเที่ยงวัน...เข้าห้องเรียนช่วงบ่ายด้วยหลังที่เปียกแฉะ และเล่นต่อในตอนเย็นจนพระอาทิตย์ตกดิน จึงค่อยนั่งรถเมล์กลับบ้าน ส่วนทางด้านสมองและสติปัญญา...ก็พัฒนาจนถึงขั้นที่ว่า... หัวดี...อ่านอะไรก็ออก เหมือนโฆษนาเครื่องเล่น DVD ยี่ห้อหนึ่ง โจทย์ Maths และ Physics ต่างๆนั้นพวกเราในห้องไม่ได้ใช้ text book ของไทย ต้องซื้อ ของนอก ให้สมกับความฉลาดเด็ก ห้องคิงส์ คือ Physics ต้องจากจีน และ Maths ต้องจาก Russia ก๊วนแก๊งของข้าพเจ้าในห้องคิงส์มีอยู่หลายคน แต่คนที่พวกเราทุกคนล้วน ซูฮก ต้องยกให้ พี่เหีย ปัจจุบันก็เป็น หมอใหญ่ ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศไปแล้ว มันสมองของ พี่เหีย ไร้เทียมทานในสายตาของพวกเรา ไม่มีโจทย์ Maths Physics ใดๆที่มัน คิดไม่ออก..... เวลาสอบ Pre-entrance ไม่ว่าสนามใดๆ พี่เหียของเรา กวาดเรียบ ก๊วนแก๊งของเราจึงเป็นพวก มนุษย์,,,,ล่ารางวัล หากจะเปรียบเทียบในยุคนี้ก็คือพวก โอลิมปิกคณิตศาสตร์ โอลิมปิกฟิสิกส์ เคมี ที่น้องๆรุ่นหลังๆไปล่ารางวัลจากต่างประเทศมา ในสมัยโน้นยังไม่มีการแข่งขัน ข้ามชาติ แบบนี้ ข้าพเจ้ายังนึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่เกิดเร็วไปเกือบสามสิบปี สรุปได้ว่า ก๊วนของเรา ซูฮก ให้พี่เหีย....ยอมสิโรราบอย่างแน่นอน...... มีอยู่วันหนึ่ง....ข้าพเจ้าเกิดความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า.... ในหัวของมัน...มีอะไรอยู่ข้างใน ....ทำไมคิดอะไรก็ ออก ไม่มีโจทย์เลขใดๆที่คิดไม่ได้...จึงโพล่งถามไปว่า.... ไอ้เหีย....ถามจริงๆเถอะ...มีโจทย์อะไรที่เอ็งคิดไม่ออกบ้างไหม?.... คำตอบเป็นที่น่าผิดหวังแก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างยิ่ง.....คือมันตอบว่า... มี ข้าพเจ้าก็ทิ้งคำตอบของมันไว้อย่างนั้นจนเวลาผ่านมาหลายสิบปี.... ทิ้งทั้งเรื่องคำถามค้างคาใจว่า... ในหัวของมันมีอะไร ไปเสีย.....
เมื่อมีการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกซึ่งเพิ่งเริ่มจัดมาไม่กี่ปีนี้เอง....ข้าพเจ้าจึงได้นึกถึง พี่เหียของเราขึ้นมาเป็นอีกคำรพหนึ่ง.....ได้บางอ้อขึ้นว่า ไอ้ข้อที่เรา....ซึ่งเป็นกระบี่มือสามของประเทศเรื่องคณิตศาสตร์...คิดไม่ออก....ก็ให้ไปถาม พี่เหีย ซึ่งเป็นกระบี่มือหนึ่ง... ส่วนข้อที่พี่เหีย...คิดไม่ออก...ก็ให้ไปถาม world champion หากยังมีข้อที่ world champion ในปีนั้นๆยังคิดไม่ออก....ก็ให้ทดลองจัด champ of the champ .....10 ปีย้อนหลัง....ก็น่าจะมีคนคิดออก หากยังมีข้อที่ champ of the champ 10 yr ยังคิดไม่ออก,,,,,จะไปถามใคร... ก็ให้ไปถาม champ of the universe เมื่อไปสุดที่ champ of the universe....ที่ทุกคนเหล่านักคณิตศาสตร์ล้วน... ซูฮก แล้ว ยังจะมีโจทย์ทางคณิตศาสตร์ที่ .....คิดไม่ออกอีกไหม........? เหตุการณ์เมื่อเกือบสามสิบปีก่อนที่ พี่เหีย ตอบข้าพเจ้ายังคงดังก้องอยู่ในหู ... มี...ซึ่งทำให้ร่างกายข้าพเจ้าเย็นวาบขึ้นมาในทันที...........
สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยกับโจทย์ทางคณิตศาสตร์.....ข้าพเจ้าใคร่ขอขยายความดังนี้ คณิตศาสตร์เกิดจาก กติกาง่ายๆพื้นฐาน ที่มนุษย์เราดึงออกมาจาก ธรรมชาติ โดยปรกติแล้ว โจทย์.... ที่เราเขียนขึ้น แล้วให้คนอื่นๆทำ ....เราจะรู้คำตอบ เช่น พ่อสอนการคิดเลขให้ลูกน้อย หรือ รุ่นพี่..คิดโจทย์ ติวให้รุ่นน้อง..ติว Entrance หากจะเปรียบเทียบอีกนัยหนึ่งก็คือ คณิตศาสตร์เหมือน Rubik ลูกเต๋าหกด้านมีหกสี แต่ละด้านมีเก้าเซลล์ ผู้สร้าง เริ่มต้นจากหน้าละสีแล้วก็ กวน.....จนสีกระจาย โจทย์คือ....ทำอย่างไรให้สีกลับสู่หน้าเดิมเป็นสีเดียวกัน เชื่อไหมว่า ....บางคน....เล่นได้สำเร็จ ....บางคน....ไม่สามารถทำได้เลย....ไม่ว่าจะใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม....แม้กระทั่ง ชั่วชีวิต.... แต่โจทย์ทางคณิตศาสตร์สมัยใหม่ ซึ่งทำให้เราสามารถไปดวงจันทร์....ทำระเบิดนิวเคลียร์....มี Computer internet เครือข่ายอนันต์ไว้ใช้งานนั้น.....คณิตศาสตร์สมัยใหม่นี้มีความ ซับซ้อน กว่าการเล่น Rubik มากมาย....หลายล้านเท่า... คนที่เล่น Rubik ได้เร็วที่สุดคือคนที่ สร้าง Rubik ขึ้นมานั่นเอง.... เสียงกระซิบจาก champ of the champ ยังก้องอยู่ในหูข้าพเจ้า มี โจทย์คณิตศาสตร์ที่คิดไม่ออก...แม้จะให้เวลานานเท่าใดก็ตาม.... แต่คณิตศาสตร์คือ Rubik มันมี จุดกำเนิด .......ที่สีทั้งหกสีหกด้านเคยอยู่กันอย่างเป็นระเบียบ... ด้วยสติปัญญานักคณิตศาสตร์น้อยๆอย่างข้าพเจ้า.....มีศรัทธาและเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่า....เราสามารถแก้ความยุ่งเหยิงทางคณิตศาสตร์ กลับเข้าสู่ ความสมดุลและสมบูรณ์แบบ.....อย่างจุดเริ่มของ Rubik ได้ แต่ไม่ใช่ด้วยสติปัญญาอัน...กระจ้อยร่อย...อย่างข้าพเจ้า...พี่เหีย....หรือแม้แต่ champ of the champ แต่คงต้องอาศัยสติปัญญาแห่ง ผู้สร้าง.....ที่ข้าพเจ้า....อยากรู้จักและสนทนาด้วย... .....เมื่อไหร่หนอ.... ผู้สร้าง จะมาไขปริศนา...ความยุ่งเหยิงทางสมการ...ที่สติปัญญาน้อยๆของเรา...ไม่สามารถนำพามันไปสู่ความ สมดุล แบบ สมการ ที่ควรเป็นไป....ข้าพเจ้าเฝ้ารอ....
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------- | โดย: นาวาอากาศโท นายแพทย์ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ [23 ก.ค. 53 23:53] ( IP A:183.89.124.238 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 ยังคงชื่นชมศรัทธาแรงกล้าที่คุณหมอ ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ มีต่อพระวจนะของพระเจ้านะครับ
ผมว่า ในเมื่อเราจะคุยกันต่อไปได้อย่างราบรื่น ก็ควรจับที่หลักการมากกว่าลงลึกในรายละเอียด วิธีคิดและความเชื่อที่แตกต่าง
ก็ในเมื่อเราต่างเชื่อและศรัทธา "ในความจริง"
อยากถามคุณหมอในฐานะหนึ่งในกรรมการแพทยสภาว่า
เป็น ความจริง ไหมครับที่แพทยสภาทั้งคณะ
๑. เคยทุจริตต่อหน้าที่ในกรณีร้องเรียนของท่านประธานเครือข่ายฯนี้ที่ร้องเรียนโรงพยาบาลพญาไท ๑ และนายหมอผู้อำนวยการฝ่ายแพทย์ของโรงพยาบาลนั้นว่าทุจริตและผิดจรรยาบรรณทางวิชาชีพร้ายแรง
๒. มีกรรมการแพทยสภาอยู่หลายคนที่มีสภาพเป็นเจ้าของหรือมีผลประโยชน์อยู่ในโรงพยาบาล/กิจการด้านสุขภาพของเอกชน
อยากทราบความเห็นของท่านในเรื่องนี้ที่ "ชัดเจน ตรงไปตรงมา" ด้วยครับ !!!!!! | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 ก.ค. 53 7:46] ( IP A:115.87.213.36 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 เอ้า คุณหมอ ธนาธิป ศุภประดิษฐ์ ครับ
ไม่สนใจจะวิสัจชนากันต่อหรือครับ?? เงียบเชียบเชียว
ผมฝากเตือนคุณหมออีกนิดครับ หลายวันมานี้หมอกรรมการแพทยสภาตั้งแต่ หมอสมศักดิ์ โล่ห์เลขา หมออำนาจ กุสลานันท์ หมอเชิดชู หมอประสบศรี หมออรพันธ์ ต่างดาหน้าออกทีวีโดนบรรดาหมอ+คนดู+สื่อทีวีหนังสือพิมพ์+ภาคประชาชนรุมก่นด่าว่าขี้โกหกกันทั่วหน้ากันแล้ว
ไม่ทราบว่า ตัวคุณหมอเองกับกรรมการแพทยสภาคนอื่นๆ
คิดจะทำ หรือ เดินตามแบบอย่างนี้ไหมครับ???
ยังไงคุณหมอช่วยนำพระวจนะเรื่อง ศรัทธาในความจริง ไปบอกกล่าว/สอนสั่งบรรดากรรมการร่วมแพทยสภาของท่านด้วยนะครับ
เผื่อนะครับว่า พวกกรรมการกลุ่มที่เหลือจะซึมทราบหรือเข้าใจพระวจนะในข้อนี้ของพระเจ้าได้บ้าง
สำหรับที่บอร์ดนี้ ผมก็ขอบคุณแทนผู้คนแถวนี้ที่เป็นคนไข้ทุกคนที่คุณหมออุตส่าห์เสยเวลามาสั่งสอน แต่พวกเราแถวนี้ก็ยึดความจริงเป็นสรณะอยู่เป็นปกติแล้วครับ
ที่น่าห่วงก็ที่แพทยสภาของเพื่อนพ้องคุณหมอเองนั่นแหละ ที่อยู่กันมาที่นั่นเป็นสิบปี ก็ไม่เคยรับรู้หรือรู้จักว่า การพูดความจริง น่านะ มันเป็นยังไง??? ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณหมอนะครับ !!!! | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [2 ส.ค. 53 9:54] ( IP A:58.8.86.130 X: ) |  |
|