พรบ. ตั้งมาเพื่ออะไร
   ถ้าตั้งมาเพื่อ เยียวยาผู้เสียหายจากภาวะแทรกซ้อนจาการรักษา ... เห็นด้วยครับถ้าจุดประสงค์นี้ เพราะถึงหมออย่างเราก็มีสิทธิที่จะป่วยและมีสิทธิที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาด้วย แต่ทำไมถึงต้องเก็บเงินจากผู้ที่ให้การดูแลรักษาด้วยล่ะครับมันแฟร์แล้วเหรอ

ถ้าตั้งมาเพื่อ ลดปัญหาการฟ้องร้อง ... สงสัยว่ามันจะลดได้จริงหรือ ส่วนตัวผมเองไม่ได้ต้องการให้คนไข้ไม่ฟ้อง เพราะเราก็มั่นใจว่าทำทุกอย่างได้ตามมาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ได้กลัวการฟ้องเลย

ถ้าจะเป็นการใช้เงินให้ฉลาดกว่า แทนที่จะมีกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อชดใช้ เปลี่ยนเป็นเอามาพัฒนาให้เครื่องมือและบุคลากรของรัฐให้พร้อมกว่านี้จะดีมั๊ย คนไข้คงอยากกลับบ้านไปพร้อมสุขภาพแข็งแรง มากกว่าสุขภาพที่ไม่ดีพร้อมกับเงินก้อนหนึ่งมั๊งนะ

ทำงานต่อเนื่อง 32 ชั่วโมง เวลาในการตรวจแต่ละคนมีน้อยทั้งที่ต้องใช้ความรอบคอบสูงมาก ทำงานทุกวัน เสาร์อาทิย์ไม่ใช่วันหยุด เครื่องมือแต่ละอย่างไม่เคยพร้อม แต่ต้องการมาตรฐานแบบต่างประเทศ : แก้ตรงนี้ดีกว่ามั๊ยครับ เชื่อเถอะครับว่าปัญหาการฟ้องร้องจะลดลงไปเยอะเลย และ คนไข้ก็ไม่ต้องการเงินเยียวยา เพราะจะได้สุขภาพที่ดีกลับบ้านไปกันทุกคน
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [26 ก.ค. 53 23:56] ( IP A:118.172.72.243 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ไม่ได้เก็บเงินจากหมอครับ
โดย: อืม [27 ก.ค. 53] ( IP A:124.157.211.80 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   มาตรา 22 กองทุนประกอบด้วย

ข้อ (2) เงินที่สถานพยาบาลจ่ายสมทบ
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53] ( IP A:118.172.72.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เค้าให้ + จากค่ารักษาครับ
โดย: อืม [27 ก.ค. 53] ( IP A:124.157.211.80 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   แต่ทำไมถึงต้องเก็บเงินจากผู้ที่ให้การดูแลรักษาด้วยล่ะครับมันแฟร์แล้วเหรอ
เงินเขาเก็บจากสถานพยาบาล (หมอไม่ต้องโดนเก็บ) รพ.รัฐ-รัฐบาลเขาจะจ่ายสมทบให้ เพราะปกติเวลาคนไข้มีเรื่องกับรพ.รัฐเขาจะไปฟ้องหน่วยงานต้นสังกัดถ้าชนะคดีกระทรวงการคลังต้องจ่ายให้ ดังนั้นรพ.รัฐ รัฐบาลจะต้องมีงบประมานเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

ส่วนรพ.เอกชน เจ้าของรพ.ก็ต้องจ่ายสมทบ ปกติจ่ายเบี้ยบริษัทประกันแพงกว่าจ่ายเข้ากองทุนอีกมั้ง ส่วนหมอรพ.เอกชนก็ต้องตกลงกับทางเจ้าของรพ.กันเองว่าใครจะจ่าย หากหมอจ่ายก็เก็บเพิ่มจากค่ารักษาสัก 3% เหมือนจ่ายvat คนไข้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา พวกคุณเก็บค่ารักษากันแพงอยู่แล้ว

ถ้าตั้งมาเพื่อ ลดปัญหาการฟ้องร้อง ... สงสัยว่ามันจะลดได้จริงหรือ ส่วนตัวผมเองไม่ได้ต้องการให้คนไข้ไม่ฟ้อง เพราะเราก็มั่นใจว่าทำทุกอย่างได้ตามมาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ได้กลัวการฟ้องเลย
เครือข่ายฯ เราเชื่อว่าลดได้แน่นอน เพราะเราอยู่กับผู้เสียหายทุกวัน เราคิดตรงกันว่าไม่อยากไปศาล ไปแล้วมันทรมานจิตใจ เราเสียหายไม่พอยังต้องมาเหน็ดเหนื่อยวิ่งไปวิ่งมา หาพยาน หาทนาย ทนายไม่ดีโดนไถตังค์อีก ไปเจอนายกแพทยสภานำทีมจากราชวิทยาลัยไปเบิกความสู้กับเราในศาลอีก ทุกคนเลยไม่มีใครอยากฟ้องหมอ ไม่มีใครอยากขึ้นศาล มันสนุกที่ไหน เสียเวลาทำมาหากิน เสียความรู้สึกด้วย

ถ้าจะเป็นการใช้เงินให้ฉลาดกว่า แทนที่จะมีกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อชดใช้ เปลี่ยนเป็นเอามาพัฒนาให้เครื่องมือและบุคลากรของรัฐให้พร้อมกว่านี้จะดีมั๊ย คนไข้คงอยากกลับบ้านไปพร้อมสุขภาพแข็งแรง มากกว่าสุขภาพที่ไม่ดีพร้อมกับเงินก้อนหนึ่งมั๊งนะ
อันนี้เขาก็คิดไว้ในพรบ.ฉบับนี้แล้ว ว่าจะมีการรวบรวมเคสต่าง ๆ มาพัฒนาระบบป้องกันความเสียหาย เพื่อลดจำนวนความเสียหาย ลดการใช้เงินกองทุน ก็จะมีเงินกองทุนเหลือมาพัฒนาบุคคลากรตามที่คุณพูด คือพรบ.นี้เขาแก้ปัญหาทั้งต้นเหตุ และปลายเหตุ คนร่างก็หมอ คนพิจารณาก็อาจารย์หมอ และคนมีลูกเป็นหมอ เครือข่ายฯ เป็นเพียงคนเสนอปัญหาเท่านั้น

ทำงานต่อเนื่อง 32 ชั่วโมง เวลาในการตรวจแต่ละคนมีน้อยทั้งที่ต้องใช้ความรอบคอบสูงมาก ทำงานทุกวัน เสาร์อาทิย์ไม่ใช่วันหยุด เครื่องมือแต่ละอย่างไม่เคยพร้อม แต่ต้องการมาตรฐานแบบต่างประเทศ : แก้ตรงนี้ดีกว่ามั๊ยครับ เชื่อเถอะครับว่าปัญหาการฟ้องร้องจะลดลงไปเยอะเลย และ คนไข้ก็ไม่ต้องการเงินเยียวยา เพราะจะได้สุขภาพที่ดีกลับบ้านไปกันทุกคน
ดีเราเห็นด้วย แต่เรื่องพรบ.ก็ต้องเกิด เพราะเจ็บตายพิการมีทุกวัน ไม่มีใครช่วยเหลือเขาเลย ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แถมซ้ำเติมเขา อ้อ..แก้เรื่องรพ.เอกชนดูดหมอรพ.รัฐไปโดยไม่ได้ลงทุนผลิตแม้แต่บาทเดียวด้วยนะ ทิ้งปัญหาให้พวกคุณต้องทำงานหนักไง ต้องแก้ด้วย
โดย: คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ [27 ก.ค. 53] ( IP A:58.9.190.245 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   แต่ทำไมถึงต้องเก็บเงินจากผู้ที่ให้การดูแลรักษาด้วยล่ะครับมันแฟร์แล้วเหรอ
เงินเขาเก็บจากสถานพยาบาล (หมอไม่ต้องโดนเก็บ) รพ.รัฐ-รัฐบาลเขาจะจ่ายสมทบให้ เพราะปกติเวลาคนไข้มีเรื่องกับรพ.รัฐเขาจะไปฟ้องหน่วยงานต้นสังกัดถ้าชนะคดีกระทรวงการคลังต้องจ่ายให้ ดังนั้นรพ.รัฐ รัฐบาลจะต้องมีงบประมานเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

ส่วนรพ.เอกชน เจ้าของรพ.ก็ต้องจ่ายสมทบ ปกติจ่ายเบี้ยบริษัทประกันแพงกว่าจ่ายเข้ากองทุนอีกมั้ง ส่วนหมอรพ.เอกชนก็ต้องตกลงกับทางเจ้าของรพ.กันเองว่าใครจะจ่าย หากหมอจ่ายก็เก็บเพิ่มจากค่ารักษาสัก 3% เหมือนจ่ายvat คนไข้ก็ไม่น่าจะมีปัญหา พวกคุณเก็บค่ารักษากันแพงอยู่แล้ว

ถ้าตั้งมาเพื่อ ลดปัญหาการฟ้องร้อง ... สงสัยว่ามันจะลดได้จริงหรือ ส่วนตัวผมเองไม่ได้ต้องการให้คนไข้ไม่ฟ้อง เพราะเราก็มั่นใจว่าทำทุกอย่างได้ตามมาตรฐานอยู่แล้ว ไม่ได้กลัวการฟ้องเลย
เครือข่ายฯ เราเชื่อว่าลดได้แน่นอน เพราะเราอยู่กับผู้เสียหายทุกวัน เราคิดตรงกันว่าไม่อยากไปศาล ไปแล้วมันทรมานจิตใจ เราเสียหายไม่พอยังต้องมาเหน็ดเหนื่อยวิ่งไปวิ่งมา หาพยาน หาทนาย ทนายไม่ดีโดนไถตังค์อีก ไปเจอนายกแพทยสภานำทีมจากราชวิทยาลัยไปเบิกความสู้กับเราในศาลอีก ทุกคนเลยไม่มีใครอยากฟ้องหมอ ไม่มีใครอยากขึ้นศาล มันสนุกที่ไหน เสียเวลาทำมาหากิน เสียความรู้สึกด้วย

ถ้าจะเป็นการใช้เงินให้ฉลาดกว่า แทนที่จะมีกองทุนนี้ขึ้นมาเพื่อชดใช้ เปลี่ยนเป็นเอามาพัฒนาให้เครื่องมือและบุคลากรของรัฐให้พร้อมกว่านี้จะดีมั๊ย คนไข้คงอยากกลับบ้านไปพร้อมสุขภาพแข็งแรง มากกว่าสุขภาพที่ไม่ดีพร้อมกับเงินก้อนหนึ่งมั๊งนะ
อันนี้เขาก็คิดไว้ในพรบ.ฉบับนี้แล้ว ว่าจะมีการรวบรวมเคสต่าง ๆ มาพัฒนาระบบป้องกันความเสียหาย เพื่อลดจำนวนความเสียหาย ลดการใช้เงินกองทุน ก็จะมีเงินกองทุนเหลือมาพัฒนาบุคคลากรตามที่คุณพูด คือพรบ.นี้เขาแก้ปัญหาทั้งต้นเหตุ และปลายเหตุ คนร่างก็หมอ คนพิจารณาก็อาจารย์หมอ และคนมีลูกเป็นหมอ เครือข่ายฯ เป็นเพียงคนเสนอปัญหาเท่านั้น

ทำงานต่อเนื่อง 32 ชั่วโมง เวลาในการตรวจแต่ละคนมีน้อยทั้งที่ต้องใช้ความรอบคอบสูงมาก ทำงานทุกวัน เสาร์อาทิย์ไม่ใช่วันหยุด เครื่องมือแต่ละอย่างไม่เคยพร้อม แต่ต้องการมาตรฐานแบบต่างประเทศ : แก้ตรงนี้ดีกว่ามั๊ยครับ เชื่อเถอะครับว่าปัญหาการฟ้องร้องจะลดลงไปเยอะเลย และ คนไข้ก็ไม่ต้องการเงินเยียวยา เพราะจะได้สุขภาพที่ดีกลับบ้านไปกันทุกคน
ดีเราเห็นด้วย แต่เรื่องพรบ.ก็ต้องเกิด เพราะเจ็บตายพิการมีทุกวัน ไม่มีใครช่วยเหลือเขาเลย ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ แถมซ้ำเติมเขา อ้อ..แก้เรื่องรพ.เอกชนดูดหมอรพ.รัฐไปโดยไม่ได้ลงทุนผลิตแม้แต่บาทเดียวด้วยนะ ทิ้งปัญหาให้พวกคุณต้องทำงานหนักไง ต้องแก้ด้วย
โดย: คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ [27 ก.ค. 53] ( IP A:58.9.190.245 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าแฟร์สำหรับสถานพยาบาลนะครับ แต่ภาระก็ต้องตกไปกับคนไข้ ซึ่งจะได้ความคุ้มครองมาทดแทน ก็พอจะคุ้มอยู่

และถ้านำเงินกองทุนนี้มาใช้พัฒนาโรงพยาบาลรัฐล่ะครับ น่าจะมีประโยชน์มากกว่ามั๊ย
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53] ( IP A:118.172.72.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   พิมพ์อยู๋นาน ไม่เห็นคำตอบของคุณ คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ ขอบคุณครับที่ร่วมสนทนาด้วย
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53] ( IP A:118.172.72.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   เราชาวบ้านไม่คิดว่าเป็นภาระหรอก เงินสัก 3% ดีกว่าเวลามีเรื่องแล้วต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ลูกเต้าไม่ได้เรียนหนังสือ พ่อแม่ขาดคนเลี้ยงดู นมไม่มีให้ลูก เช็ดอึเช็ดฉี่กันทั้งวันการงานไม่ได้ทำ เงินรายได้ไม่มี

เราคงไม่ผลักภาระไปให้หมอหรอก ขอดูแลเราดี ๆ เวลาจะมีพรบ.ก็ช่วยเราผลัก อย่าต่อต้านเรา เราไม่อยากด่าหมอ เราไม่อยากฟ้องหมอหรอก ขอให้หมอจำเอาไว้เป็นบทเรียนอย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำกับคนอื่นเราก็พอใจแล้ว

เราเคยคิดว่าถ้าชนะคดี เราจะบริจาคเงินซื้อเครื่องมือให้รพ.รัฐ
โดย: คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ [27 ก.ค. 53] ( IP A:58.9.190.245 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ซึ่งจะได้ความคุ้มครองมาทดแทน ก็พอจะคุ้มอยู่
ไม่มีอะไรคุ้มสำหรับความสูญเสียชีวิตกับอวัยวะ เท่าไหร่ก็ไม่คุ้ม เคยถามคุณดอกรักที่ตาบอด ว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อเคยเห็นแล้วมองไม่เห็น แกบอกว่าให้ลองหลับตาดูสัก 10 นาทีแล้วเดิน เพียง 5 นาทีเราก็แทบเป็นบ้าตาย เงินที่คุณดอกรักได้มา 8 แสนกว่าบาท+ดบ.อีก 7.5% นั้น ทุกวันนี้เป็นค่ารถวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเดือนละ 3-5 ครั้ง ไม่คุ้มหรอกหมอ ชีวิตเราที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บางครอบครัวสามีรับเมียพิการไม่ได้ก็ทิ้งไป ทิ้งให้เธออยู่ในโลกของความพิการ คิดฆ่าตัวตาย หมอคิดดูเถอะเครือข่ายฯ อยู่กับผู้เสียหายทุกวันเห็นความทุกข์ของผู้คนทุกวัน อย่าต่อต้านพรบ.อีกเลย เห็นใจคนไข้เถอะ
โดย: คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ [27 ก.ค. 53] ( IP A:58.9.190.245 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   อคติกับผมเกินไปรึเปล่าครับ จึงตีความหมายผิดไป

ผมพูดถึงสำหรับคนที่ยังไม่มีภาวะแทรกซ้อนแล้วต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพื่อมีกองทุนช่วยเหลือเผื่อเกิดภาวะแทรกซ้อน ก็ถือว่าคุ้มกับการที่ต้องจ่ายเพิ่ม

เงินน่ะแทนชีวิตไม่ได้หรอก ไม่ใช่แค่คุณหรอกที่รู้ คนที่ต้องอยู่กับชีวิตคนไข้อย่างผมทุกวันก็รู้ดีครับ
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53] ( IP A:118.172.72.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ขอโทษที่เข้าใจหมอผิด
ว่าแต่หมอนอนดึกน่าจะอยู่เวร
คนไข้ก็จะไปนอนละนะ ดึกแล้ว
โดย: คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ [27 ก.ค. 53 1:00] ( IP A:58.9.190.245 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ฝันดีครับ
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53 1:24] ( IP A:118.172.72.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ขอทิ้งคำถามไว้นิดนึงนะครับ

ขอบเขตในการเยียวยาคือ ภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา หรือ ความผิดพลาดจากการรักษาครับ
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53 2:42] ( IP A:118.172.72.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   https://bigbang.bloggoo.com/songs/28495

ความรู้สึกจากใจหมอครับ
ฟังเพลงนี้เเล้วรุสึกเข้ากะอารมของพรบ ตอนนี้มาก
โดย: งุงิคริคริ mkII [27 ก.ค. 53 8:40] ( IP A:222.123.132.208 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   สรุปง่าย ๆ เ่ท่าที่สมองคิดได้ตอนนี้


ป้องกันการฟ้องร้องหมอได้เยอะ
ให้ พรบ จ่ายเิงินเยียวยาแทนหมอไง




เข้าใจได้อย่างนี้โดยรวม
ไม่ดีอีกหรือ งง ?
โดย: จีเอ็น [27 ก.ค. 53 10:00] ( IP A:111.84.222.218 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ถือว่าแฟร์สำหรับสถานพยาบาลนะครับ แต่ภาระก็ต้องตกไปกับคนไข้ ซึ่งจะได้ความคุ้มครองมาทดแทน ก็พอจะคุ้มอยู่

และถ้านำเงินกองทุนนี้มาใช้พัฒนาโรงพยาบาลรัฐล่ะครับ น่าจะมีประโยชน์มากกว่ามั๊ย
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53> ( IP A:118.172.72.243 X: )

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 7
พิมพ์อยู๋นาน ไม่เห็นคำตอบของคุณ คนไข้คนหนึ่งที่หวังดีกับหมอ ขอบคุณครับที่ร่วมสนทนาด้วย
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53> ( IP A:118.172.72.243 X: )
ถ้าหมอทุกคนได้มีโอกาสอ่านร่างพรบ.ฉบับบนี้อย่างละเอียดก็จะมีความเห็นตรงกันกับคุณ ไม่ตกเป็นเหยื่อปลุกระดมของแพทยสภาบางตน(ร่างทรงของโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่อยากจ่ายเงินสมทบ กลัวบัญชีรายรับที่แท้จริงเปิดเผยถึงสรรพากร)
โดย: เจ้าบ้าน [27 ก.ค. 53 14:38] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ความคิดเห็นที่ 13
ขอทิ้งคำถามไว้นิดนึงนะครับ

ขอบเขตในการเยียวยาคือ ภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา หรือ ความผิดพลาดจากการรักษาครับ
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53 2:42> ( IP A:118.172.72.243 X: )
......................................................................................
ครอบคลุมความเสียหาย จากสาเหตุที่สามารถป้องกันได้ ครับ
โดย: เจ้าบ้าน [27 ก.ค. 53 14:41] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   แต่ที่ออกมาเรียกร้องส่วนใหญ่ก็เป็น รพ รัฐ มิใช่ เอกชน
โดย: ฟั่นเฟือน [27 ก.ค. 53 14:53] ( IP A:182.52.123.148 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   เพลงของความเห็น 14 เขาถามเครือข่ายฯ เอ้าช่วยกันตอบหน่อยว่าเราจะดีหรือจะร้าย

เนื้อเพลง จะรักหรือจะร้าย – เคลียร์ ost. กุหลาบเหนือเมฆ
ทำนอง : Klear / ดนัย ธงสินธุศักดิ์/เรียบเรียง : Klear / Dano

กี่เรื่องราวที่ใครพูดกัน มันไม่เหมือนที่ฉันได้ยิน
เธอเป็นใคร เป็นแบบไหนไม่รู้เลย
ราวกับเธอช่างดีมากมาย แต่ก็กลายว่าไม่ใช่เลย
แปลกใช่มั๊ย คนที่เราเคยไว้ใจ
สิ่งที่ใครเห็น กับสิ่งที่เธอเป็น

* ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับฉัน ไม่รู้เธอมาแบบไหน
เธอจะดีหรือเธอจะร้าย ก็ฉันยังไม่เข้าใจ

ว่าใจที่จริงของเธอต้องการสิ่งไหน บอกฉันสักทีได้มั๊ย
เธอจะรักหรือเธอจะร้าย อยากรู้ถึงความจริงข้างใน
ไม่อยากเสียใจเสียน้ำตา

ก่อนที่จะเช่ือเธอหมดใจ ขอได้มั๊ยให้ฉันได้ฟัง
ความเป็นจริงที่ออกมาจากหัวใจ
สิ่งที่ใครเห็น กับสิ่งที่เธอเป็น

** ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับฉัน ไม่รู้เธอมาแบบไหน
เธอจะดีหรือเธอจะร้าย ก็ฉันยังไม่เข้าใจ

ว่าใจที่จริงของเธอต้องการสิ่งไหน บอกฉันสักทีได้มั๊ย
เธอจะรักหรือเธอจะร้าย อยากรู้ถึงความจริงข้างใน
ไม่อยากเสียใจเสียน้ำตา (**)
โดย: เครือข่ายฯเราหวังดีกับหมอจริง ๆ นะ [27 ก.ค. 53 16:13] ( IP A:58.9.224.165 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   เพลงของความเห็น 14 เขาถามเครือข่ายฯ เอ้าช่วยกันตอบหน่อยว่าเราจะดีหรือจะร้าย

เนื้อเพลง จะรักหรือจะร้าย – เคลียร์ ost. กุหลาบเหนือเมฆ
ทำนอง : Klear / ดนัย ธงสินธุศักดิ์/เรียบเรียง : Klear / Dano

กี่เรื่องราวที่ใครพูดกัน มันไม่เหมือนที่ฉันได้ยิน
เธอเป็นใคร เป็นแบบไหนไม่รู้เลย
ราวกับเธอช่างดีมากมาย แต่ก็กลายว่าไม่ใช่เลย
แปลกใช่มั๊ย คนที่เราเคยไว้ใจ
สิ่งที่ใครเห็น กับสิ่งที่เธอเป็น

* ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับฉัน ไม่รู้เธอมาแบบไหน
เธอจะดีหรือเธอจะร้าย ก็ฉันยังไม่เข้าใจ

ว่าใจที่จริงของเธอต้องการสิ่งไหน บอกฉันสักทีได้มั๊ย
เธอจะรักหรือเธอจะร้าย อยากรู้ถึงความจริงข้างใน
ไม่อยากเสียใจเสียน้ำตา

ก่อนที่จะเช่ือเธอหมดใจ ขอได้มั๊ยให้ฉันได้ฟัง
ความเป็นจริงที่ออกมาจากหัวใจ
สิ่งที่ใครเห็น กับสิ่งที่เธอเป็น

** ตกลงว่าเธอจะเอายังไงกับฉัน ไม่รู้เธอมาแบบไหน
เธอจะดีหรือเธอจะร้าย ก็ฉันยังไม่เข้าใจ

ว่าใจที่จริงของเธอต้องการสิ่งไหน บอกฉันสักทีได้มั๊ย
เธอจะรักหรือเธอจะร้าย อยากรู้ถึงความจริงข้างใน
ไม่อยากเสียใจเสียน้ำตา (**)
โดย: เครือข่ายฯเราหวังดีกับหมอจริง ๆ นะ [27 ก.ค. 53 16:13] ( IP A:58.9.224.165 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   ความคิดเห็นที่ 13
ขอทิ้งคำถามไว้นิดนึงนะครับ

ขอบเขตในการเยียวยาคือ ภาวะแทรกซ้อนจากการรักษา หรือ ความผิดพลาดจากการรักษาครับ

======================================
โดย: หมอคนนึง ที่หวังดีกับคนไข้ [27 ก.ค. 53 2:42> ( IP A:118.172.72.243 X: )
......................................................................................
ครอบคลุมความเสียหาย จากสาเหตุที่สามารถป้องกันได้ ครับ
โดย: เจ้าบ้าน [27 ก.ค. 53 14:41> ( IP A:210.86.181.20 X: )
=======================================

แล้วสาเหตุที่ป้องกันได้นี่คืออะไรบ้างล่ะครับ อย่างเช่น ปัญหาการแพ้ยาของคุณดอกรักก็ไม่ใช่ปัญหาที่ป้องกันได้ แสดงว่าหากเกิดกรณีแบบคุณดอกรักอีกครั้ง คนคนนั้นก็ไม่มีสิทธิที่จะได้เงินช่วยเหลือสิครับ
โดย: Dr.K [27 ก.ค. 53 19:57] ( IP A:117.47.43.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   ดอกรักป้องกันได้แน่นอนถ้าหมอฟังดอกรักบอกก่อนฉีดยาว่าเขาเคยแพ้ซัลฟามาก่อน หลังจากนั้นก็ดดนอีกแม้กระทั่งเป็นคดีความแล้วก็ยังมีคนเอาซัลฟาให้ดอกรักอีก ประจานระบบที่เองอวยของโรงเรียนไม่เป็นคดีแค่นั้นเพราะดอกรักแกหมดแรงสู้แล้ว
โดย: มีสิทธิ์ครับ [27 ก.ค. 53 22:03] ( IP A:124.121.137.35 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   ยาเพนนิซิลิน ไม่ใช่ยาซัลฟาครับ

และในครั้งแรกที่เกิดคดีความคุณดอกรักไม่เคยมีประวัติแพ้ยามาก่อนเลย ซึ่งไม่มีอะไรที่ป้องกันได้

กรุณาศึกษาให้ละเอียดก่อนแล้วค่อยโพสนะครับ
โดย: Dr.K [27 ก.ค. 53 22:23] ( IP A:117.47.43.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   เรียน ความเห็น 23

คุณดอกรักใช้บริการที่คลีนิกรักษาตัวทุกครั้งที่ไม่สบาย มีประวัติแพ้ยาระบุในประวัติการรักษาชัดเจน ครั้งสุดท้ายที่ไปด้วยอาการเป็นไข้หวัด บอกหมอว่าหนูมีประวัติแพ้ยานะหมอ หมอก็พยักหน้า ภรรยาหมอที่ไม่ใช่พยาบาลเป็นคนฉีดยาให้คุณดอกรัก ฉีดยาแล้วเกิดอาการหน้ามืดไม่มีแรงเดินต้องนอนพักอยู่ประมานครึ่งชั่วโมงแล้วก็กลับบ้าน เกิดอาการแพ้ยาเป็นผื่น ไปรพ.ที่หมอท่านนั้นออกเวรอยู่ด้วยก็บอกว่าไม่เป็นไรให้ยาไปทาน กลับไปกลับมาหลายครั้งจนกลายเป็น SJS และเป็นคดีความอย่างที่เห็น
โดย: รู้จริง [27 ก.ค. 53 23:48] ( IP A:58.9.224.165 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   ต่ออีกหน่อย

หลังจากเป็นคดีความได้รับการชดเชยแล้ว ดอกรักได้รับสิทธิในการรักษาตัวต่อที่รร.แพทย์แห่งหนึ่ง นศพ.ปีห้าให้ยาผิดอีกทั้งที่มีประวัติแพ้ยาและเป็นข่าวครึกโครม ผอ.รพ.ให้สัมภาษณ์ว่าดอกรักต้องการได้เงินล้านที่สอง จนคุณดอกรักต้องหอบเอาพระไปหารัฐมนตรีนพ.มงคลในสมัยนั้นว่า ที่พูดนั้นเพื่ออยากเตือนให้ระวังกันบ้างไม่ใช่ให้คนไข้รับเคราะห์กรรมซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น

ผลจากการแพ้ยารอบสอง ทำให้คุณดอกรักต้องตามืดบอดไปอีกนาน เพราะโอกาสได้รับการผ่าตัดแก้ไขก็น้อยลง เนื่องจากปอดฯลฯ ถูกทำลายเพิ่มมากขึ้น การดมยาก็เป็นความเสี่ยงกว่าปกติ
โดย: น่าสงสารที่สุด [27 ก.ค. 53 23:52] ( IP A:58.9.224.165 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   1.โจทก์ฟ้องสำนักงานสาธารณสุขซึ่งเป็นนิติบุคคลต้นสังกัดของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ ที่เกิดเหตุ ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เพราะกฎหมายฉบับนี้ห้ามผู้เสียหายฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้กระทำละเมิดโดยตรง (คือแพทย์ของโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์) แต่ให้ฟ้องหน่วยงานเป็นจำเลยแทน (มาตรา 5) ซึ่งต่างกับการรับผิดของกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะตัวการตามมาตรา 427 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กรณีการรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ร่วมรับผิด(Vicarious liability) ความรับผิดโดยตรงต้องอยู่ที่แพทย์ผู้กระทำละเมิด

ดังนั้น การที่โจทก์หรือผู้เสียหายจะพิสูจน์ให้จำเลย(ซึ่งได้แก่หน่วยงานของรัฐหรือกระทรวงสาธารณสุขในคดีนี้)รับผิดนั้น จะมีภาระน้อยกว่าการพิสูจน์ว่าแพทย์คนใดคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นผู้กระทำละเมิด

แม้กระนั้นในคดีนี้ โจทก์ก็ยังพิสูจน์ว่าการเจ็บป่วยของโจทก์เกิดจากการแพ้ยาที่มีอาการรุนแรง เรียกชื่อตามภาษาแพทย์ว่า สตีเวนจอห์นสันซินโดรม ภายหลังได้รับการฉีดยาจากแพทย์ที่คลินิก เมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นจึงไปรักษาที่โรงพยาบาลในสังกัดของจำเลย คือโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ แต่แพทย์ของโรงพยาบาลในสังกัดของจำเลยไม่ได้วินิจฉัยว่าเป็นอาการแพ้ยาที่มีชื่อดังกล่าว และไม่ได้รับตัวจำเลยไว้รักษาในโรงพยาบาลในทันที จนกระทั่งหลายชั่วโมงต่อมาอาการของโจทก์รุนแรงขึ้น ต้องกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลในสังกัดของจำเลยอีกในตอนดึก แพทย์ต้องรีบรับตัวจำเลยไว้รักษา โดยวินิจฉัยว่า น่าสงสัยว่าจะเป็นโรคแพ้ยาชนิดสตีเวนจอห์นสันซินโดรม แม้กระนั้นก็มิได้ยาที่จะรักษาโรคนี้ได้ดี คือยาประเภทสเตียรอยด์ รอจนวันรุ่งขึ้นแจ้งให้ยาดังกล่าว จำเลยอยู่โรงพยาบาลตั้งแต่ 27 ตุลาคม 2542 ออกจากโรงพยาบาลเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2542 ผลทำให้ตาผู้ป่วยบอด

ศาลวินิจฉัยว่า อาการแพ้ยาชนิดนี้ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยมีอาการรุนแรงอาจทำให้ตายหรือตาบอดได้ ตามความเห็นของพยานโจทก์ซึ่งเป็นแพทย์ 2 คน และโจทก์ไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แพทย์ผู้ร่วมรักษาให้การรักษาโจทก์โดยความประมาทอยู่บ้าง เป็นเหตุให้ตาทั้ง 2 ข้างของโจทก์บอด จำเลยจึงต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

2.การที่ศาลวินิจฉัยว่า แพทย์ผู้ร่วมรักษา ให้การรักษาโจทก์โดยความประมาทอยู่บ้างนั้นหมายความว่า ศาลพิจารณาโดยรวมๆ ว่า แพทย์ที่ร่วมรักษาโจทก์นั้นอาจมีความประมาทเลินเล่ออยู่บ้าง คนละเล็กคนละน้อย แต่ไม่อาจชี้ชัดลงไปได้ว่าใครประมาทอย่างไร


ซึ่งถ้าโจทก์ฟ้องแพทย์ผู้ร่วมรักษาเป็นจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 420 (ซึ่ง พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ห้ามมิให้ฟ้อง) โจทก์ต้องพิสูจน์ให้ชัดว่า จำเลยคนไหนประมาทอย่างไร ถ้าเป็นลักษณะเช่นนั้น ศาลก็คงไม่อาจชี้ชัดได้ว่าแพทย์คนไหนต้องรับผิดในแต่ละส่วนอย่างไร ซึ่งอาจต้องยกฟ้อง

แต่เมื่อจำเลยเป็นส่วนราชการโดยตรง ศาลจึงมีวินิจฉัยคลุมไปว่า แพทย์ที่ร่วมรักษาโจทก์นั้น รวมๆ กันแล้วถือว่ามีความประมาทอยู่บ้าง(คนละเล็กละน้อย) ซึ่งทำให้จำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นผู้รับผิดเสียเอง และไม่สามารถไปฟ้องไล่เบี้ยในส่วนที่ชดใช้ให้โจทก์ไปแก่แพทย์ผู้รักษาได้ เพราะกฎหมายบัญญัติให้ฟ้องไล่เบี้ยได้เฉพาะกรณีจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น(มาตรา 8 วรรคแรก)
=====================================

ไม่เห็นมีประโยคใหนเลยที่บอกว่าแพทย์ที่คลินิกได้รับการแจ้งจากคุณดอกรักว่าแพ้ยาก่อนแล้วจึงให้ยาเพนนิซิลลิน แต่งเพิ่มเองรึเปล่าครับ reference จากที่ใหน
โดย: Dr.K [27 ก.ค. 53 23:59] ( IP A:117.47.43.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
   รร.แพทย์แห่งหนึ่ง นศพ.ปีห้าให้ยาผิดอีกทั้งที่มีประวัติแพ้ยาและเป็นข่าวครึกโครม
===================================
อันนี้สมควรฟ้องร้องถ้าเป็นจริง แต่ไม่ว่าจะโรงเรียนแพทย์หรือรพ.ที่ใหน นศพ.ปีห้ายังไม่ได้รับสิทธิในการสั่งการรักษา ไม่มีสิทธิสั่งยาเด็ดขาด คุณไปเอา reference จากใหน กรุณาส่งให้ผมดูหน่อย
โดย: Dr.K [28 ก.ค. 53] ( IP A:117.47.43.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   อีกข้อครับ ประเด็นที่ผมถามกำลังเบี่ยงออกไป
เอาเป็นว่า สมมุติ นาย ก. ไม่เคยมีประวัติแพ้ยามาก่อน มารับการรักษาในรพ.แห่งหนึ่ง ได้รับยาต้านจุลชีพ หลังจากนั้นมีอาการแพ้ยา เป็น SJS ทางแพทย์ให้การรักษาอย่างเต็มความสามารถ ทำให้ผู้ป่วยหายจากขีดอันตราย แต่มี long term sequele คือ ตาบอดมองไม่เห็น ไม่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้
อยากทราบว่านาย.ก จะได้รับการเยียวยาหรือไม่ เพราะสาเหตุการแพ้ยารุนแรงในคราวนี้ ไม่ใช่สาเหตุที่ป้องกันได้

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบนะครับ
โดย: Dr.K [28 ก.ค. 53] ( IP A:117.47.43.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   คุณ Dr. K ครับ

นศพ.ปีห้าให้ยาผิดอีกทั้งที่มีประวัติแพ้ยา กรณีแบบนี้ ผมว่าไม่สมควรฟ้องนะครับ แต่หลักการของ พ.ร.บ. ฉบับที่จะเกิดใหม่ต้องคลุมไว้ด้วย ที่ผมเห็นว่าไม่สมควรฟ้อง ก็เพราะเป็นกรณีทางการฝึกหัดทางวิชาชีพ อาจมีความผิดพลาดได้สูง อย่างดีก็อาจารย์พี่เลี้ยงต้องแสดงความรับผิดชอบเพราะดูแลนักศึกษาแพทย์ไม่ทั่วถึงพอ แต่ไม่ใช่จะมาลงโทษทางกฎหมายนะครับ ในฐานะคนไข้ผู้เคยได้รับความเสียหายผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับ กรณีที่ไม่ใช่สาเหตุที่ป้องกันได้ ผมเข้าใจว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ได้เขียนให้ครอบคลุม ซึ่งก็สมเหตุผลด้านความยุติธรรมแล้ว แต่

ในแง่ทางด้านมนุษยธรรม ก็ควรมีการให้ความช่วยเหลือตามสมควร ซึ่งอาจจะไม่ใช่หน้าที่ทางกองทุนที่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ตั้งขึ้น แต่อาจเป็นหน่วยงานทางสังคมสงเคราะห์อื่นๆเป็นคนช่วย

อย่างไรก็ตาม ที่ผมเห็นความเป็นไปที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประเด็นการโต้แย้งของพวกที่ต่อต้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้ กลับลงลึกในเรื่องที่ออกมาในแนว "การสมมติเหตุการณ์ที่ฝ่ายคนไข้มีความเข้าใจผิด หรือมีเจตนาฉ้อฉลในการเอาผิดกับฝ่ายผู้ให้บริการ"

ผมว่านะ ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเครื่องชี้ว่า แนวทางการต่อสู้เพื่อขวาง พ.ร.บ. ฉบับนี้ของกลุ่มแพทยสภาและชมรมแพทย์ทั้งหลาย ไม่ได้ทำด้วยการใช้เหตุผลโต้แย้งและความชอบธรรมบนหลักการความถูกต้องเพื่อประโยชน์ของมวลชน แต่กลับเป็นการสร้างเงื่อนไขกดดันและต่อรองบนการคุกคามสัมพันธภาพที่ต้องเกื้อกันระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ

ผมสรุปนะ ฝ่ายหมอกลุ่มที่ต่อต้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้กำลังแสดงพฤติการณ์ของ "นักเลงหรือมาเฟียเพื่อแสดงอำนาจข่มขู่สาธารณชน"
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 ก.ค. 53 7:33] ( IP A:115.87.213.36 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   อุ๊บ มีข้อความพิมพ์ผิดครับ

ขอย้ำว่า ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่จะฟ้องร้อง นศพ.ในกรณีคนไข้แพ้ยานะครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ [28 ก.ค. 53 7:36] ( IP A:115.87.213.36 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   นศพ.ปีห้าให้ยาผิดอีกทั้งที่มีประวัติแพ้ยา กรณีแบบนี้ ผมว่าไม่สมควรฟ้องนะครับ แต่หลักการของ พ.ร.บ. ฉบับที่จะเกิดใหม่ต้องคลุมไว้ด้วย ที่ผมเห็นว่าไม่สมควรฟ้อง ก็เพราะเป็นกรณีทางการฝึกหัดทางวิชาชีพ อาจมีความผิดพลาดได้สูง อย่างดีก็อาจารย์พี่เลี้ยงต้องแสดงความรับผิดชอบเพราะดูแลนักศึกษาแพทย์ไม่ ทั่วถึงพอ แต่ไม่ใช่จะมาลงโทษทางกฎหมายนะครับ ในฐานะคนไข้ผู้เคยได้รับความเสียหายผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
=================================================

ให้คนที่ไม่มีใบประกอบโรคศิลป์สั่งยาได้ ยังไม่สมควรฟ้องอีกเหรอครับ ต่อไปใครที่ใหนก็เดินมาสั่งยาในรพ.ได้ ไม่ต้องให้หมอสั่งแล้วครับ

แต่ที่ผมสงสัยคือ ที่กล่าวหามามันจริงรึเปล่า เพราะไม่มีที่ใหนในประเทศไทยให้นศพ.ปีห้ามีสิทธิสั่งยาครับ
โดย: Dr.K [28 ก.ค. 53 17:30] ( IP A:58.64.31.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
   สำหรับ กรณีที่ไม่ใช่สาเหตุที่ป้องกันได้ ผมเข้าใจว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ได้เขียนให้ครอบคลุม ซึ่งก็สมเหตุผลด้านความยุติธรรมแล้ว แต่

ใน แง่ทางด้านมนุษยธรรม ก็ควรมีการให้ความช่วยเหลือตามสมควร ซึ่งอาจจะไม่ใช่หน้าที่ทางกองทุนที่ พ.ร.บ. ฉบับนี้ตั้งขึ้น แต่อาจเป็นหน่วยงานทางสังคมสงเคราะห์อื่นๆเป็นคนช่วย
===================================================

ว่าไงครับ ยอมรับแล้วใช่มั๊ยครับว่าพรบ.ที่คุณใช้สมองคิดกันสุดๆแล้วนั้น มันมีช่องโหว่ แล้วพรบ.ที่ใหนล่ะครับ ที่จะมาช่วยคนแพ้ยาคนนี้ คุ้นๆมั๊ยครับ คนที่คุณออกมาเรียกร้องว่าตาบอดหลังจากการได้ยา หากมีพรบ.นี้ เค้าจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพรบ.ทั้งที่ผมอยากให้เค้าได้รับเงินช่วยเหลือนะครับ
โดย: Dr.K [28 ก.ค. 53 17:34] ( IP A:58.64.31.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 33
   อย่างไรก็ตาม ที่ผมเห็นความเป็นไปที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประเด็นการโต้แย้งของพวกที่ต่อต้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้ กลับลงลึกในเรื่องที่ออกมาในแนว "การสมมติเหตุการณ์ที่ฝ่ายคนไข้มีความเข้าใจผิด หรือมีเจตนาฉ้อฉลในการเอาผิดกับฝ่ายผู้ให้บริการ"

ผม ว่านะ ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเครื่องชี้ว่า แนวทางการต่อสู้เพื่อขวาง พ.ร.บ. ฉบับนี้ของกลุ่มแพทยสภาและชมรมแพทย์ทั้งหลาย ไม่ได้ทำด้วยการใช้เหตุผลโต้แย้งและความชอบธรรมบนหลักการความถูกต้องเพื่อ ประโยชน์ของมวลชน แต่กลับเป็นการสร้างเงื่อนไขกดดันและต่อรองบนการคุกคามสัมพันธภาพที่ต้อง เกื้อกันระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ

ผมสรุปนะ ฝ่ายหมอกลุ่มที่ต่อต้าน พ.ร.บ. ฉบับนี้กำลังแสดงพฤติการณ์ของ "นักเลงหรือมาเฟียเพื่อแสดงอำนาจข่มขู่สาธารณชน"
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 ก.ค. 53 7:33> ( IP A:115.87.213.36 X: )
====================================================

นี่ไงครับ ผมกำลังโต้เถียงกับคุณด้วยเหตุผล ไม่ได้มีเบื้องลึกอะไรเลย ดูเหมือนเหตุผลของคุณกำลังไม่มีน้ำหนักเสียด้วยสิ

จริงสิ ดูเหมือนถามอยู่ฝ่ายเดียวเลย ผมยินดีฟังคำถามของคุณด้วยนะ
โดย: Dr.K [28 ก.ค. 53 17:37] ( IP A:58.64.31.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 34
   ความคิดเห็น 29 นี่ถ้าโพสต์อย่างงี้ อย่าเผลอใส่ชื่อเฉพาะกับใครนะครับ

เดี๋ยวจะได้หมายศาล ไปที่บ้านก่อนหมอ ฐานหมิ่นประมาท

แต่ผมว่าคุณคงรู้รายละเอียดเรื่องเหล่านี้ดีอยู่แล้ว เพราะคงคล่ำหวอดอยู่ในวงการฟ้องร้องมามาก

หวังว่าคงได้ฟ้องหมอ ก่อนโดนหมอฟ้องนะครับ เพราะถ้าโดนแล้วชีวิตคุณคงแทบไม่ได้ไปฟ้องใครอีกเลย
โดย: Ku amoeba [28 ก.ค. 53 21:02] ( IP A:118.174.54.113 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน