กรณีพวกนี้ คนไข้ควรได้เงินป่าว
|
ความคิดเห็นที่ 1 ควรสิ ก็เกิดความเสียหาย กินอาหารลำบากก็ต้องทรมาน ปอดติดเชื้อตายก็เป็นภาวะแทรกซ้อนเกิดในโรงพยาบาล เกิดเพราะไม่ดูแลเขาให้ดี ญาติที่เหลือก็ต้องเสียใจ ทุกข์ทรมาน ชายแก่หอบมาตายห้องฉุกเฉิน ก็คงไม่พ้นหมอทิ้งให้รอเป็นชั่วโมงๆ ญาติเขาเสียคนไปทั้งคน ไม่ใช่สิ่งองผักปลา ก็ต้องมีคนให้ความเป็นธรรมกับเขาบ้าง | โดย: นะ [29 ก.ค. 53 22:56] ( IP A:114.128.201.234 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 โหความคิด ไม่คิดถึงเหตุเลยเเมร่งเอาผลอย่างเดียว
1 ถ้ามันไม่กินมันจะเปนไรมั้ยมัยควรได้เงินเหรอ 2 ถ้ามันไม่กินเหล้าเมามันจะตายมั้ย เเอลกอฮอขนาดนี้ประกันยังไม่จ่ายเลย เเล้วนอนโรงบาลเนี่ยมีที่ไหนไม่เป็นปอดติดเชื้อฟะ 3 ถ้ามันไม่สูบบุหร่มันจะCOPD เเดร๊กมั้ยเนี่ย
มองกันเเต่ว่ามันเสียหายอะไม่เคยมองว่าคพรรค์นี้เนี่ย เกิดจากทำตัวเองทั้งนั้นไม่ได้มีส่วนร่วมในการดูเเลตัวเองเลย | โดย: เจริญละ [29 ก.ค. 53 23:13] ( IP A:114.128.177.197 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ช่องโหว่ของพรบ.มีชัดขนาดนี้ยังปล่อยให้ผ่านได้ คนที่สนับสนุนไม่เห็น หรือแกล้งทำเป็นไม่เห็นเพราะมีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่กันแน่ครับ | โดย: Dr.K [29 ก.ค. 53 23:18] ( IP A:114.128.8.18 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ยกมาแต่ละตัวอย่าง มี ห สุดๆ ห่างไกลจากเรื่องทีเกิดขึ้นชนิดที่ว่าไม่ต้องถามเลย ถามมาได้ ถาม ห ห เอาเรื่องนี้ไปดู แล้วถกกันว่าควรได้เงินหรือไม่ยังฟัง ห น้อยหน่อย https://hilight.kapook.com/view/4256 ลูกไส้ติ่งแตก - ตาย เร่ขายไต! หาเงินฟ้องศิริราช Share
ลูกไส้ติ่งแตก - ตาย เร่ขายไต! หาเงินฟ้องศิริราช
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วานนี้ (13 พ.ย.) นางศิริวรรณ บุญปลอด อายุ 31 ปี เข้าร้องเรียนต่อ "ข่าวสด" ว่า ด.ช.คิมหันณ์ หรือน้องคิม เอียวพันธ์ บุตรชาย อายุ 3 ขวบ 2 เดือน เข้ารักษาอาการไส้ติ่งอักเสบที่ร.พ.ศิริราช แล้วเสียชีวิต เนื่องจากไส้ติ่งแตก โดย นางศิริวรรณ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 48 น้องคิมมีอาการปวดท้อง ตนจึงพาไป ร.พ.บางพลี จ.สมุทรปราการ แพทย์ตรวจร่างกายพบว่า ไส้ติ่งอักเสบต้องผ่าตัด แต่ตนไม่มีเงินรักษาจึงขอให้แพทย์ทำหนังสือส่งตัวต่อไปยัง โรงพยาบาลของรัฐ แพทย์จึงทำหนังสือส่งตัวไป โรงพยาบาลศิริราช
จากนั้นน้องคิมเข้ารับรักษาที่ โรงพยาบาลศิริราช แต่พยาบาลให้นอนรอรับการรักษา กระทั่งมีแพทย์เข้ามาดูอาการ และแจ้งว่าไม่แน่ใจว่าน้องคิมเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือไม่ จากนั้นแพทย์ก็ปล่อยให้รอต่อไป ต่อมาพยาบาลแจ้งว่าให้น้องคิมต้องผ่าตัด ซึ่งแพทย์ที่ผ่าตัดเป็นนักเรียนแพทย์ปี 5 ตอนนั้นตนจึงเดินไปที่ลูก น้องคิมลืมตา จากนั้นก็สิ้นใจ หมอก็ช่วยกันปั๊มหัวใจ และบอกให้ตนรออยู่ข้างนอก
กระทั่งพยาบาลมาบอกให้ตนกลับบ้าน และกลับมาเยี่ยมใหม่ ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงกลับบ้าน แต่ได้ย้อนกลับมาดูอีกครั้ง พบว่าหมอกำลังปั๊มหัวใจลูกอยู่ จากนั้นหมอก็มาขออนุญาตถอดเครื่องช่วยหายใจออก และแจ้งว่าเสียชีวิตเพราะไส้ติ่งแตก ร่างกายดูดซับสารพิษเข้าไป ทำให้หัวใจวาย
"ดิฉันไปร้องเรียนทางรายการร่วมมือร่วมใจ จากนั้นก็ได้รับการติดต่อจากผอ.ร.พ.ศิริราช ผอ.แจ้งว่า ขอโทษ ขอให้ยุติเรื่อง ดิฉันจึงทำหนังสือร้องเรียนถึงแพทยสภา แต่เรื่องก็เงียบหายไป ดิฉันเข้าปรึกษาสภาทนายความ ซึ่งสภาทนายความให้ความช่วยเหลือจัดหาทนายให้ และทำเรื่องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 5 ล้านบาท แต่ทางทนายแจ้งว่าต้องมีค่าใช้ ดิฉันจึงร้องขอให้ไต่สวนอนาถา แต่ก็ยังต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมศาลอีก 50,000 บาท ซึ่งดิฉันไม่มีเงิน จึงตัดสินใจหาทางออกด้วยการขายไต เพื่อหาเงินมาดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จ"นางศิริวรรณ กล่าว | โดย: ห เอ้ย [29 ก.ค. 53 23:48] ( IP A:58.11.72.74 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 แพทยสภาระบุผิดกม.เร่ขายไต โดย ข่าวสด วัน พุธ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549 08:06 น. แม่ลูกอ่อนเร่ขายไตหาเงินฟ้องศิริราช ยื่นขอศาลขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีก 90 วัน เพราะยังหาเงิน 5 หมื่นไม่ได้ ระบุหากไม่มีคนมาซื้อไตก็อาจต้องลาออกจากงาน เอาเงินกองทุนเลี้ยงชีพมาจ่ายค่าธรรมเนียมแทน ขณะที่ศาลปรานีสั่งให้ยืดเวลาออกไปถึงเดือนก.พ.ปีหน้า แพทยสภาชี้กรณีเคสผ่าไส้ติ่งจนเด็ก 3 ขวบตายสอบจบไปแล้ว หมอศิริราชไม่ผิดทำตามขั้นตอนการรักษา เตือนขายไตผิดกฎหมาย ไม่ควรทำ ส่วนผอ.ร.พ.ศิริราชไม่ขอชี้แจงเพราะเรื่องอยู่ในชั้นศาล จากกรณีนางศิริวรรณ บุญปลอด อายุ 31 ปี พนักงานประกอบอะไหล่คอมพิวเตอร์ บริษัท ซีเกท ประเทศไทย จำกัด ประกาศขายไตเพื่อหาเงินจำนวน 5 หมื่นบาทไปเป็นเงินวางศาล เพราะนางศิริวรรณยื่นฟ้องแบบอนาถา เรียกค่าเสียหายโรงพยาบาลศิริราชเป็นเงินจำนวน 5 ล้านบาท โดยอ้างว่าด.ช.คิมหันณ์ หรือน้องคิม เอียวพันธ์ บุตรชายอายุ 3 ขวบ 2 เดือน เข้ารักษาอาการไส้ติ่งอักเสบที่ร.พ.ศิริราชแล้วเสียชีวิต เนื่องจากไส้ติ่งแตก เหตุเกิดเมื่อปี 2548 ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่ศาลแพ่งธนบุรี นางศิริวรรณได้เดินทางมาพร้อมทนายความ เพื่อขอยืดระยะเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมกับทางศาลจำนวน 50,000 บาท จากกำหนดเดิม 15 วัน ซึ่งครบกำหนดชำระในวันนี้ ออกไปอีกเป็น 90 วัน เพราะว่าตอนนี้ยังหาเงินไม่ได้ โดยนางศิริวรรณ กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาขออำนาจศาลเพื่อยืดเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมศาลจากเดิม 15 วัน และครบกำหนดชำระในวันนี้ แต่ตนยังหาเงินมาชำระไม่ได้ เนื่องจากเพิ่งประกาศขายไตไปและยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา จึงอยากจะขออำนาจศาลให้อนุญาตยืดเวลาชำระเงินค่าธรรมเนียมออกไปอีกเป็น 90 วัน ตนจะได้มีเวลาหาเงินมาชำระได้ทัน เพื่อที่ดำเนินคดีกับหมอและโรงพยาบาลศิริราชต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าครบกำหนด 90 วันแล้วยังหาเงินไม่ได้จะทำอย่างไร นางศิริวรรณ กล่าวต่อว่า คงต้องลาออกจากงาน นำเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทมาชำระ แต่ใจจริงก็ไม่อยากลาออกจากงาน เพราะชีวิตตอนนี้ก็ลำบากอยู่แล้ว ถ้าต้องตกงานชีวิตคงแย่ลงมาก เพราะมีภาระต้องเลี้ยงดูแลลูกชายวัย 2 ขวบ และมารดาอีก ส่วนญาติพี่น้องก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เพราะต่างคนต่างมีครอบครัว มีภาระที่ต้องรับผิดชอบ ฝ่ายสามีตั้งแต่เลิกกันไปก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
นางศิริวรรณ กล่าวอีกว่า อยากจะฝากถึงหมอที่ทำหน้าที่ผ่าตัดรักษาคนไข้ทั่วประเทศ ให้ช่วยดูแลคนไข้อย่างเต็มความสามารถ อย่าเลือกปฏิบัติเฉพาะกับคนไข้ที่มีเงิน คนจนก็มีหัวใจ ทุกวันนี้เดินอยู่ในโรงพยาบาลเหมือนเดินอยู่ในห้าง ถ้าไม่มีเงินก็ทำอะไรไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทนายความของนางศิริวรรณยื่นเรื่องเพื่อขอยืดเวลาแล้ว ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาชำระค่าธรรมเนียมศาลออกไปอีกเป็น 90 วัน โดยจะครบกำหนดชำระในวันที่ 12 ก.พ.2550
วันเดียวกัน น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภากล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า คณะกรรมการแพทยสภาได้พิจารณากรณีนี้เสร็จสิ้นแล้วและสรุปว่าไม่มีมูลความผิด มีการเรียกแพทย์เข้ามาชี้แจงและดูบันทึกการรักษาพบว่าผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลในสภาพช็อก เนื่องจากมีอาการมาแล้วหลายวัน ซึ่งตามขั้นตอนการรักษา แพทย์จะไม่สามารถผ่าตัดได้หากผู้ป่วยยังอยู่ในภาวะช็อก เพราะโอกาสที่จะเสียชีวิตมีสูง จากการรายงานแพทย์ จึงได้ให้น้ำเกลือ ยาปฏิชีวนะ ทำให้ความดันอยู่ในระดับปกติ และทำให้ผู้ป่วยสามารถถ่ายปัสสาวะได้ก่อน จึงจะสามารถผ่าตัดได้ แต่จากที่ผู้ป่วยไส้ติ่งแตกแล้วหลายวัน ทำให้โอกาสเสี่ยงชีวิตอยู่ในเกณฑ์สูง
น.พ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีแพทย์ผู้ผ่าตัดนั้น จากการตรวจสอบมีกุมารแพทย์ และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นระดับศาสตราจารย์ในห้องผ่าตัดหลายคน ไม่ได้มีเพียงนักศึกษาแพทย์อย่างที่เป็นข่าว และกรณีเช่นนี้ก็เป็นไม่ได้ที่จะให้แพทย์ฝึกหัดผ่าตัดเพียงคนเดียว เพราะเป็นเคสที่ยาก ยิ่งในโรงพยาบาลใหญ่อย่างโรงพยาบาลศิริราช ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ได้มีการชี้แจงต่อพ่อแม่ของเด็กให้รับทราบแล้ว ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการสอบเรื่องดังกล่าว
ส่วนตัวเห็นใจนางศิริวรรณ เพราะทราบว่าเสียลูกไป แต่อยากเตือนในเรื่องการขายไตว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ประเทศไทยมีกฎหมายคุ้มครองในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด สามารถบริจาคได้เพียงคนในครอบครัว หรือหากเป็นสามีภรรยา ยังครอบคลุมว่าต้องแต่งงานเกิน 3 ปีขึ้นไป ซึ่งหากหมอคนใดเป็นผู้ผ่าตัดก็จะมีความผิด และมีบทลงโทษของแพทยสภาในเรื่องการยึดใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ด้วย น.พ.สมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องนี้ไปยังร.พ.ศิริราช แต่น.พ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา ผู้อำนวยการร.พ.ศิริราช ปฏิเสธที่จะชี้แจงในกรณีดังกล่าว และกล่าวเพียงว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ชั้นศาล และให้ข้อมูลกับศาลไปหมดแล้ว คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของศาล
หน้า 1 | โดย: ขายตัวก็ผิดกฏหมาย ยังขายได้ ขายแค่ไตทำไม่ได้ [29 ก.ค. 53 23:51] ( IP A:58.11.72.74 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 แพทยสภาชี้กรณีเคสผ่าไส้ติ่งจนเด็ก 3 ขวบตายสอบจบไปแล้ว หมอศิริราชไม่ผิดทำตามขั้นตอนการรักษา เตือนขายไตผิดกฎหมาย ไม่ควรทำ ส่วนผอ.ร.พ.ศิริราชไม่ขอชี้แจงเพราะเรื่องอยู่ในชั้นศาล | โดย: ไม่มีมูล [29 ก.ค. 53 23:51] ( IP A:58.11.72.74 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 แหม ท่าน Dr.K
ช่องโหว่น่ะ มันมีอยู่จริงๆ หรือ จขกทกับคุณเอง ที่อุปโลกพูดให้มันมี !!!!
เคสที่คุณสองคนยกมาน่ะ ไว้ให้ " เกิดขึ้นจริง " กับคณะกรรมการกองทุนฯ แล้วคุณค่อยประท้วงก็ได้ ไม่สายไปหรอก
ผมกลับไม่เคยเห็นหมอคนไหนออกมาประท้วงเลยตอนศาลฎีกายกฟ้องประธานเครือข่ายฯ กับแพทยสภา ฐานทุจริตและใช้หลักฐานเท็จในการพิจารณษคดีร้องเรียนเลย เรื่องนี้ใหญ่กว่าเยอะๆมาก พวกคุณกลับไม่เห็นร้องซักแอะ
หรือเป็นเพราะ เป็นพรรคพวกซ่องโจรเดียวกัน??? บ่ | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [30 ก.ค. 53 9:06] ( IP A:61.90.42.34 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 กฏหมายนะ แก้ง่ายเหรอ ไม่ทำให้มันออกมาดีเลยทีเดียวอะ พูดเอาเเต่ได้นี่ | โดย: เจริญละ [30 ก.ค. 53 9:15] ( IP A:114.128.177.197 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 เพราะมันยังมีสิ่งมีชีวิตที่มาตอบความเห็น 1 อยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย
ดังนั้น พรบ.จึงไม่ควรออก | โดย: เต่ายังถุยเลย [30 ก.ค. 53 9:50] ( IP A:125.24.74.250 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 ความทุเรศของคนนี่สามารถหาอ่านได้จากความเห็น 1 เลยทีเดียว
1. คนกินน้ำยาล้างห้องน้ำ พูดเหมือนว่าคนไข้ต้องทนทุกทรมานเพราะหมอเลยนะ จะฟ้องกันอย่างเดียว ไม่เคยดูว่าที่เข้าปากไปนี่มึงกินเข้าไปเอง หรือหมอจับกรอก พูดเหมือนโดนหมอบังคับให้กินอย่างงั้นนะ 2. ปอดติดเชื้อตาย ก็อ้างว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนอยู่ใน รพ. แต่ไม่เคยคิดเลยว่าทำไมต้องมานอนใน รพ. จะอ้างว่าก็อุบัติเหตุ แล้วใครใช้ให้เมาแล้วขับ ความผิดทั้งหมดโยนให้คนอื่น ไม่เคยโทษตัวเองเลย สมกับคำว่าคนจันไรแก้ตัวจริงๆ ทุเรศสิ้นดี 3. เหนื่อยหอบรอหมอเป็นชั่วโมง ตาย ฟ้อง แล้วไอ้ที่สูบมาค่อนชีวิตอะ เอาเวลาไปทำอะไร อะไรทำตัวเองไม่เคยดู นี่ก็เอาแต่โทษคนอื่นอย่างเดียวทุเรศเหมือนกัน
ใครมาฟ้องผม หรือแม้แต่แค่ร้องเรียน รับรองได้หมายศาลไปถึงบ้านก่อนผมแน่ หมิ่นประมาท | โดย: กูเหนือยกับมันจริงๆ [30 ก.ค. 53 12:41] ( IP A:118.172.81.120 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ...ประเทศไทยและคนไทยก็เป็นเช่นนี้แหละ...
...ลองไปเปรียบเทียบเทียบเคียงกับ...พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.๒๕๔๔...มี สอง คำถาม... ......1.แต่ละเดือนในแต่ละปี "รัฐ"ต้องจ่ายเงินไปทั้งหมดเท่าใด และ ที่สำคัญ มีการทุจริตและหรือคอร์รัปชั่น หรือไม่...อย่าได้คิดว่า"คนไทยกินแกลบ"... ......2."ค่าตอบแทน ค่าชดเชย ค่าใช้จ่ายผู้เสียหาย" ถามว่า"รัฐ"เอาเงินมาจากไหน แตกต่างจาก"ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายทางการแพทย์ฯ" กลับบังอาจกำหนดให้"ใคร"ต้องจ่ายเงิน???... | โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [30 ก.ค. 53 12:54] ( IP A:58.10.128.174 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 ...มีคำอยู่ สี่ คำ...
...1.นิติธรรม...อยู่ร่วมกันต่อกันซึ่งกันและกันโดยคิด พูด ทำโดยยึดหลักธรรมคำสั่งสอนของศาสนา...เพียงแต่ว่า คนไทยนับถือหลายศาสนา แน่นอน ถ้าเป็น"พุทธศาสนิกชน ก็ต้องยึดศีลห้า"...แล้วคนไทยศาสนาอื่นละ...ว่าไง???...และหากใครละเมิดและหรือไม่ปฏิบัติ...การลงโทษคืออะไร แบบไหน จะได้ให้เกรงกลัว เคารพ ยำเกรง ไม่บังอาจลอกเลียนแบบ???... ...2.นิติรัฐ...อยู่ร่วมกันต่อกันซึ่งกันและกันโดยคิด พูด ทำโดยยึดบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ณ เวลานั้น...แน่นอน ถ้าเป็นประเทศไทยและคนไทย รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ลำดับศักดิ์ของกฎหมายใดก็จะขัดหรือแย้งไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา ฯลฯ... ...3.นิติพรรค(พวก)...อยู่ร่วมกันต่อกันซึ่งกันและกันโดยคิด พูด ทำโดยยึดกฎ กติกา ข้อกำหนดที่พรรค(พวก)ข้าฯ กลุ่มของข้าฯ...พวกอื่น กลุ่มอื่นต้องยอมรับ...ประเทศไทยและคนไทยจะเอาเยี่ยงนี้ กระนั้นหรือ... ...4.นิติกู...อยู่ร่วมกันต่อกันซึ่งกันและกันโดยคิด พูด ทำโดยยึดกฎ กติกา ข้อกำหนดที่กูกำหนดเท่านั้น...พวกเอ็งต้องยอมรับ...ประเทศไทยและคนไทยจะเอาเยี่ยงนี้หรือ...
...ขออนุญาตบังอาจอ้าง...รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 80 วงเล็บ(2)...ผู้มีหน้าที่ให้บริการสาธารณสุขซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม "ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย"...ได้รับความคุ้มครองหมายความเยี่ยงไร...มีคำรับรองมีหนังสือรับรอง"การทำที่ได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม"จากแพทยสภา(หน่วยงานของรัฐ) จากราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยต่างๆ(องค์กรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของแต่ละสาขา)...ความคุ้มครองก็คือยังถูกฟ้องอาญาได้ ฟ้องแพ่งได้ ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายด้วย...กระนั้นหรือ...
...บ้านเมืองใด ไร้ซึ่งขื่อแป ตั้งกฎสร้างกติกาของพรรคพวกข้าฯ ของข้าฯ มาบังคับใช้...หายนะและความวิบัติจึงมาเยือน...
...ใช้หลักกาลามสูตร หลักความจริง หลักสติปัญญา หลักศีลธรรม...คิด พูด ทำ พิจารณากันเอาเอง... | โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [30 ก.ค. 53 13:55] ( IP A:58.10.128.174 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 แหม ท่าน Dr.K
ช่องโหว่น่ะ มันมีอยู่จริงๆ หรือ จขกทกับคุณเอง ที่อุปโลกพูดให้มันมี !!!!
เคสที่คุณสองคนยกมาน่ะ ไว้ให้ " เกิดขึ้นจริง " กับคณะกรรมการกองทุนฯ แล้วคุณค่อยประท้วงก็ได้ ไม่สายไปหรอก ======================================
วัวหายล้อมคอกเหรอครับ ไม่ใช่วิธีที่ผมชอบปฏิบัติหรอกนะ สมองส่วนคิดมีไว้ก็ใช้ซะบ้างครับ | โดย: Dr.K [30 ก.ค. 53 15:57] ( IP A:58.64.31.242 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 เเล้วถ้าไอ้กรณีโรคทำตัวเอง ฆ่าตัวตาย ได้เงินถามจิง มันรั่วเเค่ไหน ช่องโหว่มี เเละเห็นจะจะ จ่ายเงินง่ายเกิน ตัดสินโดยใช้การโหวต AF เอางเินมาจาก รพ รัฐที่ไม่มีเงิน | โดย: เจริญละ [30 ก.ค. 53 21:16] ( IP A:124.157.188.180 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าหมอไม่ผิดขอฟ้องคืนได้ไหม กรูจะเรียกครึ่งนึงของที่เมิงเรียกกรูก็พอ ขอกฏหมายข้อนี้เถอะ แพทยสภาก็ไม่ต้องมาตีหน้าเป็นคนดีหมอต้องไม่ฟ้องกลับ แต่บอกไว้ก่อนถ้าไม่ผิดฟ้องกลับแน่นอน เอาแมร่งให้หมดตูดเลย เพราะความดีมันแ-กไม่ได้ | โดย: Teru [30 ก.ค. 53 22:36] ( IP A:58.64.31.242 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ตามความคิดเห็น 16
ถึงตอนนี้ไม่มีกฏ ผมก็ฟ้องกลับอยู่แล้วครับ ก็กะจะเอาให้บางคนนอนข้างถนนเหมือนกัน | โดย: เคยเป็นหมอใจดีมาก่อน [30 ก.ค. 53 22:39] ( IP A:118.172.81.120 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 ครับ ผมว่าน่าจะทำให้เป็นเเบบอย่างนะ บางคนมันสมควรโดนกลับซักทีสองที | โดย: งุงิคริคริ mkII [30 ก.ค. 53 23:44] ( IP A:124.157.188.180 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เป็นไร ให้มันผ่านออกมาก็ได้นะ พรบ.นี้อ่ะ คนไข้มีสิทธิมีเงิน หมอก็มีสิทธิ์..เลือกงาน..เลือกที่ทำงานเหมือนกัน..หรือว่าจะตรวจแบบละเอียดคนละครึ่งชั่วโมงเหมือนต่างประเทศมั้ย นั่งรอกันไหวใช่ไหม | โดย: ปลง [1 ส.ค. 53 21:32] ( IP A:61.7.173.85 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 คห ที่ 14 .. 15 ..16..17..18..19
มากัน เป็นฝูงเป็นซ่องเดียวกัน อย่างที่ผมว่าไว้เปะ
ใช่ไหมครับท่าน Dr. K ???? | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [2 ส.ค. 53 10:46] ( IP A:58.8.86.130 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 ตั้งแต่เห็นโพสต์มา นี่ไม่เคยเห็นคนตอบความคิดเห็น 20 ใ่ช้สมองเลยนะครับ
ตอนนี้คง apoptosis ไปเหลือแต่ paleocortex หมดแล้ว
สงสารลูกหลานเขาจริงๆ | โดย: คนบางคนก็น่าสงสาร [2 ส.ค. 53 11:42] ( IP A:125.24.82.98 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณครับ มากๆเลย
ลูกหลานผมก็มีญาติๆผมเขาสงสารดูแลอยู่แล้วครับ
ว่าแต่ญาติพี่น้องท่านเขาว่ายังไงบ้างล่ะ เวลาที่ท่านถูกอาจารย์หมอด้วยกัน "ตอกหน้าว่าโกหกซ้ำซาก" ท่ามกลางการออกอากาศทีวีสดน่ะ
ท่านน่ะทำหน้าได้น่าสงสารน่าสมเพชดีจริงๆ ขอบอก หุหุ | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [2 ส.ค. 53 12:09] ( IP A:58.8.86.130 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 22 พอดีผมไม่เคยออกทีวีครับ ก้เลยไม่ถูกใครตอกหน้า | โดย: คนบางคนก็น่าสมเพชเหมือนกัน [2 ส.ค. 53 13:10] ( IP A:125.24.82.98 X: ) |  |
|