นักศึกษาแพทย์ยังรู้จักคิด
   https://www.oknation.net/blog/wahiniawitt/2010/07/31/entry-1

วันเสาร์ ที่ 31 กรกฎาคม 2553
มายาคติแห่งวิวาทะแพทย์-ผู้เสียหายทางสาธารณสุข
Posted by ขุมทรัพย์เพชร. , ผู้อ่าน : 133 , 01:03:56 น.
หมวด : กฎหมาย
พิมพ์หน้านี้
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการออกมาปะทะกันรอบล่าสุดของกลุ่มองค์กรวิชาชีพสาธารณสุขที่นำโดยแพทย์ กับกลุ่มเครือข่ายผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุขถือว่ารุนแรงและส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างโดยเฉพาะในประเด็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขพ.ศ......


ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เกิดจากเจตนารมณ์ที่ดีในการที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายให้ได้รับการชดเชยที่เหมาะสม ลดการฟ้องร้องแพทย์และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง “หมอ” กับ “คนไข้” ที่กำลังถูกถ่างให้กว้างขึ้นทุกทีโดยคนหลายกลุ่มทั้งที่รู้และรู้เท่าไม่ถึงการณ์


ต้นเรื่องคือความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่มาจากการที่เกิดความเสียหายกับคนไข้ขึ้นมาแล้วหมอไม่ได้อธิบายหรืออธิบายได้ไม่ดีพอ แล้วเกิดคดีความฟ้องร้อง คราวนี้ต่างฝ่ายก็มีกองเชียร์เข้ามาช่วยสนับสนุน ฝ่ายหนึ่งก็เป็นสภาวิชาชีพที่เล่นผิดบทบาท ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นกลุ่มNGOsที่เจ็บปวดมาเหมือนๆกัน ต่อสู้กันไปต่อสู้กันมา ๓ ปีบ้าง ๕ ปีบ้าง สุดท้ายไม่ว่าผลเป็นยังไงก็เจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งหมอที่รักษาคนไข้เองก็เกิดอาการท้อ-น้อยใจ- หมดกำลังใจ-หวาดระแวงในการทำงานเพื่อคนไข้คนอื่นๆต่อ ส่วนผู้ป่วยก็รู้สึกแย่ต่อหมอทั้งๆที่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสียขึ้น ส่วนกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายก็เตรียมไปห้ำหั่นกันในเวทีต่อไป


อย่างเหตุการณ์ประท้วงร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขพ.ศ......เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคมที่ผ่านมานี่ทำให้ผมมองเห็นอะไรได้หลายๆอย่างเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มสมาพันธ์แพทย์รพศ./รพท.แห่งประเทศไทย ในครั้งนี้


อย่างแรกคือตัวแทนของสมาพันธ์ที่ออกมาเรียกร้องวันนี้หลายๆคนไม่ได้อ่านร่างพรบ.อย่างถึ่ถ้วนเลยด้วยซ้ำ สังเกตจากการตอบคำถามในวงสนทนาต่างๆที่มักจะแสดงออกกันไปคนละเรื่องกับคำถาม ในแถลงการณ์ต่างๆที่สมาพันธ์แห่งนี้ออกมาก็คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและมีอคติต่อร่างฉบับนี้อย่างมาก ผลที่ตามมาก็คือได้มีการสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวขึ้นในหมู่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร...จนเกิดการล่ารายชื่อมาคัดค้านร่างพรบ.ฉบับนี้สมใจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังสมาพันธ์ไปเต็มๆ


มายาคติแรก มีผู้พยายามบอกว่าพรบ.ฉบับนี้จะทำให้เกิดการฟ้องร้องหมออย่างกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน(คุ้นๆเหมือนตอนมีมาตรา ๔๑ใหม่ๆไหมครับ) แล้วก็จะมีการเอาหมอติดคุก ทำให้กำลังใจในการทำงานหดหายไป ทั้งที่ความจริงแล้วพรบ.ฉบับนี้ไม่เกี่ยวกับหมอเลยสักนิด เขาตราขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการรับบริการ หมอไม่ถูกฟ้องอาญาจากพรบ.ฉบับนี้ เพราะไม่ว่าจะมีหรือไม่มีพรบ.นี้เขาก็ฟ้องอาญาหมอได้อยู่แล้วตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีมาก่อนแล้ว


มายาคติที่สอง มีการปลุกระดมถึงการที่ไม่มีตัวแทนสภาวิชาชีพเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ มีแต่NGOsกับคนที่ไม่ได้ตรวจคนไข้มารุมหมอ แล้วการตัดสินก็ใช้เสียงข้างมากโดยไม่พิสูจน์ถูกผิดอีก ถามว่าทำไมถึงไม่ให้มีตัวแทนสภาวิชาชีพก็เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดความทับซ้อนกันระหว่างคณะกรรมการนี้กับการไต่สวนของสภาวิชาชีพ เพราะกองทุนนี้ตั้งมาเพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่ได้รับความเสียหาย ไม่ใช่วงที่จะมาเอาผิดใคร เป็นการช่วยเหลือตามมนุษยธรรมด้วยจิตใจของมนุษย์โดยมโนสำนึกว่าผู้เสียหายคนนี้ควรได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่อย่างไร โดยไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ เหมือนอย่างกรณีที่แพ้ยาแล้วตาบอดถามว่าแพทย์ผิดไหมที่ให้ยาตัวนี้ก็ไม่ผิดเพราะแพทย์ไม่รู้ว่าคนๆนี้จะแพ้ยาอะไรล่วงหน้าได้ แต่ถามว่าได้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของเขาไหม เขาจะอยู่ต่อไปอย่างไร ครอบครัวเขาจะทำอย่างไร ตรงนี้หมอตอบไม่ได้ หมอก็จะคิดว่าเป็นความซวยหรือกรรมของคนไข้เองที่แพ้ยาตัวนี้ ทีนี้ก็เกิดความไม่เข้าใจกันขึ้นมากลายเป็นปัญหาลุกลามต่อไป


ถามว่าเวลาขับรถแล้วเราไปชนรถคันหน้าที่เบรกกระทันหันเนี่ยบริษัทประกันจ่ายเงินให้เราไหม??


มายาคติที่สาม ที่ทุกคนกลัวกันมากที่สุดคือการถูกถอนใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม การออกจากราชการและการติดคุกซึ่งเป็นโทษจากกฎหมายอื่นทั้งสิ้น กฎหมายฉบับนี้ไม่มีการระบุโทษดังกล่าวไว้เลย!! เป็นแต่เพียงการปรุงแต่งจากคนบางกลุ่มเท่านั้นที่บอกว่าจะมีคนเอาผลจากการตัดสินชี้ขาดของคณะกรรมการตามพรบ.นี้ไปขยายผลฟ้องอาญาต่อ ซึ่งถือว่าไกลจากตัวกฎหมายฉบับนี้มาก เพราะขั้นตอนคือการฟ้องอาญาàศาลตัดสินจำคุกàออกจากราชการàแพทยสภาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนàเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นขั้นตอนปกติเหมือนตอนยังไม่มีพรบ.ฉบับนี้ แล้วกฎหมายฉบับนี้ช่วยแพทย์โดยศาลสามารถนำหลักฐานการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนมาพิจารณาเพื่อที่จะไม่ลงโทษหรือลดโทษให้อีกก็ได้ในกรณีที่ศาลเห็นว่าแพทย์มีความผิด


กรณีร่อนพิบูลย์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่าความจริงเขาก็ไม่ได้อยากฟ้องแต่คนในสภาวิชาชีพเองต่างหากที่ไปยุให้แพทย์ไม่ไปงานศพ ไม่ขอโทษ ไม่ช่วยเหลือตามมนุษยธรรม โศกนาฏกรรมที่สภาวิชาชีพเอาไปฉายซ้ำสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวและสร้างบาดแผลให้วงการแพทย์จึงเกิดขึ้น


บางครั้งหมอก็ควรมองความเดือดร้อนของคนไข้บ้างว่าเขาเดือดร้อนจริงๆ ไม่ใช่คิดเพียงแต่ว่าพวกนี้อยากได้เงิน อยากเอาหมอติดคุก อยากให้หมอคนนี้ถูกยึดใบประกอบฯ มิเช่นนั้นระยะห่างของหมอกับคนไข้จะถูกถ่างออกไปอีก จากผู้ให้ไปสู่ผู้รับกลายเป็นพ่อค้ากับลูกค้า


บอกตรงๆครับผมในฐานะนักเรียนแพทย์คนนึงรู้สึกสลดใจที่เห็นหมอ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัดออกมาเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองยังไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ เพียงแต่ฟังๆเขาเล่ากันมา เอาขี้ปากเขามาพูดสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวกัน ภาพพวกพี่ๆที่ออกมาวันนี้ในสายตาชาวบ้านดูไม่ดีเลยครับ


ผมไม่อยากให้เรื่องวันนี้จบแค่การออกมาแสดงพลังโก้ๆของแต่ละฝ่าย ทั้งสองฝ่ายควรย้อนกลับไปรวบรวมข้อมูลหลักฐานและข้อเสนอแนะต่อร่างพรบ.ฉบับนี้แล้วมาคุยกันใหม่โดยปราศจากอคติ คิดถึงใจเขาใจเรา อย่าคิดถึงตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว ผมไม่อยากให้สังคมสาธารณสุขของเราไม่ฟังกันแบบเหลืองกับแดงที่มีความคิดฝังหัวโดยไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก แล้วมาเจอใหม่ในรัฐสภาตอนแปรญัตติดีกว่าครับ


เชิญตรองดูตามโยนิโสมนสิการ


ขุมทรัพย์เพชร.

วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๑.๐๒ น.
โดย: เห็นด้วย [1 ส.ค. 53 3:06] ( IP A:58.11.28.171 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   เดี๋ยวรอให้คนที่รู้จัก "ขุมทรัพย์เพชร" ตัวจริง มาพูดดีกว่า
โดย: [[[ [1 ส.ค. 53 9:22] ( IP A:114.128.201.234 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ...ปัญหา...ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการออกมาปะทะกันรอบล่าสุดของกลุ่มองค์กรวิชาชีพสาธารณสุขที่นำโดยแพทย์ กับกลุ่มเครือข่ายผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุขถือว่ารุนแรงและส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างโดยเฉพาะในประเด็นของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขพ.ศ......

...วิสัชนา...โดยส่วนตัว "ผู้ให้บริการทางสาธารณสุข" ไม่พยายามที่จะร้องเรียนและหรือเรียกร้องในเรื่องที่เกี่ยวกับ"ส่วนตัว" เว้นแต่ว่า...หลายครั้ง บ่อยครั้ง เกินจะทนต่อไปอีกแล้ว...

...ปัญหา...ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้เกิดจากเจตนารมณ์ที่ดีในการที่จะช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายให้ได้รับการชดเชยที่เหมาะสม ลดการฟ้องร้องแพทย์และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่าง “หมอ” กับ “คนไข้” ที่กำลังถูกถ่างให้กว้างขึ้นทุกทีโดยคนหลายกลุ่มทั้งที่รู้และรู้เท่าไม่ถึงการณ์...

...วิสัชนา...การจะช่วยคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี...ย้ำ...แต่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้กระบวนการและหรือกรรมวิธีที่เป็นการเบียดเบียน รังแก ทำร้าย ทำลายผู้อื่น...เช่น ใช้"เงิน"ของตนเองไปช่วยผู้อื่น ใช้"แรงงาน"ของตนเองไปช่วยผู้อื่น เป็นสิ่งที่ควร...เลวจริงๆที่...อยากช่วยผู้อื่น แต่ขอเอา"เงิน"ของเอ็งมาช่วย...เลวจริงๆอยากช่วยผู้อื่น แต่ให้เอ็งเป็นคนลงมือช่วย...

...ปัญหา...ต้นเรื่องคือความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่มาจากการที่เกิดความเสียหายกับคนไข้ขึ้นมาแล้วหมอไม่ได้อธิบายหรืออธิบายได้ไม่ดีพอ แล้วเกิดคดีความฟ้องร้อง คราวนี้ต่างฝ่ายก็มีกองเชียร์เข้ามาช่วยสนับสนุน ฝ่ายหนึ่งก็เป็นสภาวิชาชีพที่เล่นผิดบทบาท ส่วนอีกฝ่ายก็เป็นกลุ่มNGOsที่เจ็บปวดมาเหมือนๆกัน ต่อสู้กันไปต่อสู้กันมา ๓ ปีบ้าง ๕ ปีบ้าง สุดท้ายไม่ว่าผลเป็นยังไงก็เจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งหมอที่รักษาคนไข้เองก็เกิดอาการท้อ-น้อยใจ- หมดกำลังใจ-หวาดระแวงในการทำงานเพื่อคนไข้คนอื่นๆต่อ ส่วนผู้ป่วยก็รู้สึกแย่ต่อหมอทั้งๆที่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิดความสูญเสียขึ้น ส่วนกองเชียร์ทั้งสองฝ่ายก็เตรียมไปห้ำหั่นกันในเวทีต่อไป...

...วิสัชนา...ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค...เหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งปัญหาอยู่ที่ไหน ก็ควรต้องแก้ที่ตรงนั้น...หมอไม่อธิบาย ก็เป็นได้...หมออธิบายแล้ว แต่คู่กรณีไม่เข้าใจ ก็เป็นได้...ก็ทำไม"ไม่ตั้งคณะกรรมการ"เป็นผู้ดำเนินการจัดการ...

...ปัญหา...อย่างแรกคือตัวแทนของสมาพันธ์ที่ออกมาเรียกร้องวันนี้หลายๆคนไม่ได้อ่านร่างพรบ.อย่างถึ่ถ้วนเลยด้วยซ้ำ สังเกตจากการตอบคำถามในวงสนทนาต่างๆที่มักจะแสดงออกกันไปคนละเรื่องกับคำถาม ในแถลงการณ์ต่างๆที่สมาพันธ์แห่งนี้ออกมาก็คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงและมีอคติต่อร่างฉบับนี้อย่างมาก ผลที่ตามมาก็คือได้มีการสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวขึ้นในหมู่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร...จนเกิดการล่ารายชื่อมาคัดค้านร่างพรบ.ฉบับนี้สมใจผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังสมาพันธ์ไปเต็มๆ...

...วิสัชนา...ความผิดของผู้อื่นเท่าขุนเขา ความผิดของตัวเราเท่าผุยผง...มีร่างพระราชบัญญัติฯเยี่ยงนี้อยู่ถึง 7 ร่าง...

...ปัญหา...มายาคติแรก มีผู้พยายามบอกว่าพรบ.ฉบับนี้จะทำให้เกิดการฟ้องร้องหมออย่างกว้างขวางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน(คุ้นๆเหมือนตอนมีมาตรา ๔๑ใหม่ๆไหมครับ) แล้วก็จะมีการเอาหมอติดคุก ทำให้กำลังใจในการทำงานหดหายไป ทั้งที่ความจริงแล้วพรบ.ฉบับนี้ไม่เกี่ยวกับหมอเลยสักนิด เขาตราขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายจากการรับบริการ หมอไม่ถูกฟ้องอาญาจากพรบ.ฉบับนี้ เพราะไม่ว่าจะมีหรือไม่มีพรบ.นี้เขาก็ฟ้องอาญาหมอได้อยู่แล้วตามประมวลกฎหมายอาญาซึ่งมีมาก่อนแล้ว...

...วิสัชนา...เป็นคำตอบที่ยืนยันได้ว่า...การจะไม่มีหรือมีพระราชบัญญัตินี้ การฟ้องร้องหมอก็สามารถทำได้อยู่แล้ว...ก็ควรจะบอกความจริงว่า...แล้วใคร"หน้าไหน"ที่บอกว่า จะทำให้การฟ้องหมอลดลง???...มั่วนะซิ...

...ปัญหา...มายาคติที่สอง มีการปลุกระดมถึงการที่ไม่มีตัวแทนสภาวิชาชีพเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการ มีแต่NGOsกับคนที่ไม่ได้ตรวจคนไข้มารุมหมอ แล้วการตัดสินก็ใช้เสียงข้างมากโดยไม่พิสูจน์ถูกผิดอีก ถามว่าทำไมถึงไม่ให้มีตัวแทนสภาวิชาชีพก็เพราะเขาไม่ต้องการให้เกิดความทับซ้อนกันระหว่างคณะกรรมการนี้กับการไต่สวนของสภาวิชาชีพ เพราะกองทุนนี้ตั้งมาเพื่อช่วยเหลือคนไข้ที่ได้รับความเสียหาย ไม่ใช่วงที่จะมาเอาผิดใคร เป็นการช่วยเหลือตามมนุษยธรรมด้วยจิตใจของมนุษย์โดยมโนสำนึกว่าผู้เสียหายคนนี้ควรได้รับเงินช่วยเหลือหรือไม่อย่างไร โดยไม่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ เหมือนอย่างกรณีที่แพ้ยาแล้วตาบอดถามว่าแพทย์ผิดไหมที่ให้ยาตัวนี้ก็ไม่ผิดเพราะแพทย์ไม่รู้ว่าคนๆนี้จะแพ้ยาอะไรล่วงหน้าได้ แต่ถามว่าได้เกิดความเสียหายต่อชีวิตของเขาไหม เขาจะอยู่ต่อไปอย่างไร ครอบครัวเขาจะทำอย่างไร ตรงนี้หมอตอบไม่ได้ หมอก็จะคิดว่าเป็นความซวยหรือกรรมของคนไข้เองที่แพ้ยาตัวนี้ ทีนี้ก็เกิดความไม่เข้าใจกันขึ้นมากลายเป็นปัญหาลุกลามต่อไป


ถามว่าเวลาขับรถแล้วเราไปชนรถคันหน้าที่เบรกกระทันหันเนี่ยบริษัทประกันจ่ายเงินให้เราไหม??...

...วิสัชนา...อยากช่วยเขา แต่ขอเอา"เงินของเอ็ง"มาจ่ายได้ไหม...หากบอกว่า เป็นเงินจากรัฐ เงินจากคนไข้เอง...แน่ใจหรือว่า...ได้อ่านกฎหมายครบถ้วน...ประกันจ่ายเงิน...ใครทำประกัน ใครจ่ายเงินค่าประกัน...อย่าคิดเอาแต่ได้...

...ปัญหา...มายาคติที่สาม ที่ทุกคนกลัวกันมากที่สุดคือการถูกถอนใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม การออกจากราชการและการติดคุกซึ่งเป็นโทษจากกฎหมายอื่นทั้งสิ้น กฎหมายฉบับนี้ไม่มีการระบุโทษดังกล่าวไว้เลย!! เป็นแต่เพียงการปรุงแต่งจากคนบางกลุ่มเท่านั้นที่บอกว่าจะมีคนเอาผลจากการตัดสินชี้ขาดของคณะกรรมการตามพรบ.นี้ไปขยายผลฟ้องอาญาต่อ ซึ่งถือว่าไกลจากตัวกฎหมายฉบับนี้มาก เพราะขั้นตอนคือการฟ้องอาญาàศาลตัดสินจำคุกàออกจากราชการàแพทยสภาตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนàเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม เป็นขั้นตอนปกติเหมือนตอนยังไม่มีพรบ.ฉบับนี้ แล้วกฎหมายฉบับนี้ช่วยแพทย์โดยศาลสามารถนำหลักฐานการพิจารณาของคณะกรรมการกองทุนมาพิจารณาเพื่อที่จะไม่ลงโทษหรือลดโทษให้อีกก็ได้ในกรณีที่ศาลเห็นว่าแพทย์มีความผิด...

...วิสัชนา...กำลังจะบอกว่าไม่เกี่ยวกับ"ผู้ให้บริการทาสาธารณสุข" ก็อย่า"เสือก"ใส่คำว่า"ผู้ให้บริการสาธารณสุข"เข้าไนส่วนใดๆของกฎหมายซิ...เอาแบบ...พระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544...รัฐเป็นผู้รับผิดชอบในตัวเงินทั้งหมด...

...ปัญหา...กรณีร่อนพิบูลย์ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นแล้วว่าความจริงเขาก็ไม่ได้อยากฟ้องแต่คนในสภาวิชาชีพเองต่างหากที่ไปยุให้แพทย์ไม่ไปงานศพ ไม่ขอโทษ ไม่ช่วยเหลือตามมนุษยธรรม โศกนาฏกรรมที่สภาวิชาชีพเอาไปฉายซ้ำสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวและสร้างบาดแผลให้วงการแพทย์จึงเกิดขึ้น...

...วิสัชนา...ถามว่าทุกครั้งที่ผู้ป่วยในความดูแลของแพทย์คนนั้นตาย แพทย์จำเป็นต้องไปงานศพทุกรายหรือ...แสดงความเสียใจพอไหม...การขอโทษคืออะไร ความหมายและความเข้าใจคืออะไร...ช่วยเหลือตามมนุษยธรรม...ขออนุญาตถามคำถามที่แรงๆและหรืออาจไม่สุภาพหน่อยว่า...สิ่งมีชีวิตที่พูดๆกันอยู่นี้ เป็น"มนุษย์"จริงหรือ แค่มีความเป็น"คน" ยังไม่รู้ว่ามีจริงหรือเปล่า...

...ปัญหา...บอกตรงๆครับผมในฐานะนักเรียนแพทย์คนนึงรู้สึกสลดใจที่เห็นหมอ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร นักกายภาพบำบัดออกมาเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองยังไม่ได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ เพียงแต่ฟังๆเขาเล่ากันมา เอาขี้ปากเขามาพูดสร้างอาณาจักรแห่งความหวาดกลัวกัน ภาพพวกพี่ๆที่ออกมาวันนี้ในสายตาชาวบ้านดูไม่ดีเลยครับ


ผมไม่อยากให้เรื่องวันนี้จบแค่การออกมาแสดงพลังโก้ๆของแต่ละฝ่าย ทั้งสองฝ่ายควรย้อนกลับไปรวบรวมข้อมูลหลักฐานและข้อเสนอแนะต่อร่างพรบ.ฉบับนี้แล้วมาคุยกันใหม่โดยปราศจากอคติ คิดถึงใจเขาใจเรา อย่าคิดถึงตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว ผมไม่อยากให้สังคมสาธารณสุขของเราไม่ฟังกันแบบเหลืองกับแดงที่มีความคิดฝังหัวโดยไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก แล้วมาเจอใหม่ในรัฐสภาตอนแปรญัตติดีกว่าครับ...

...วิสัชนา...หลักกาลามสูตร หลักความจริง หลักสติปัญญา หลักศีลธรรม...เป็น สี่ หลัก ที่ควรต้องมี...นิติธรรม นิติรัฐ นิติพรรค(พวก) นิติกู...แต่ละคนแต่ละท่านจะยึดอะไรในการคิด พูด ทำ...เอาแค่"นิติรัฐ" ก็พอมั้ง...รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 80 วงเล็บ(2) มีบทบัญญัติไว้เยี่ยงไร...ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย...หากแพทยสภาและหรือราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยของแพทย์สาขาต่างๆ...ย้ำ...มีหนังสือรับรองว่า...สิ่งที่แพทย์ผู้นั้นปฏิบัติถูกต้องได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม...แพทย์ผู้นั้นยังสามารถถูกฟ้องอาญา ฟ้องแพ่ง ต้องจ่ายเงิน ด้วยกระนั้นหรือ...

...โตๆกันแล้ว...ขอความกรุณาอย่าได้บังอาจเหยียบย่ำผู้อื่น เพื่อให้ตัวเอง ดี เด่น ดัง เลยครับ...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [1 ส.ค. 53 13:27] ( IP A:124.120.0.227 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ...วิสัชนา...โดยส่วนตัว "ผู้ให้บริการทางสาธารณสุข" ไม่พยายามที่จะร้องเรียนและหรือเรียกร้องในเรื่องที่เกี่ยวกับ"ส่วนตัว" เว้นแต่ว่า...หลายครั้ง บ่อยครั้ง เกินจะทนต่อไปอีกแล้ว...
++ ปุจฉา รักษาแล้วมีคนไข้พิการ-ตายโดยไม่ใช่สาเหตุจากการดำเนินของโรค มีกองทุนจ่ายชดเชยแทนหมอ กรรมการก็ไม่ชี้ถูกชี้ผิดหมอ มันเดือดร้อนมากนักหรือ ชอบให้ไปฟ้องอาญา ฟ้องแพ่งเอาค่าชดเชยหรือไง

...วิสัชนา...การจะช่วยคนอื่นเป็นสิ่งที่ดี...ย้ำ...แต่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใช้กระบวนการและหรือกรรมวิธีที่เป็นการเบียดเบียน รังแก ทำร้าย ทำลายผู้อื่น...เช่น ใช้"เงิน"ของตนเองไปช่วยผู้อื่น ใช้"แรงงาน"ของตนเองไปช่วยผู้อื่น เป็นสิ่งที่ควร...เลวจริงๆที่...อยากช่วยผู้อื่น แต่ขอเอา"เงิน"ของเอ็งมาช่วย...เลวจริงๆอยากช่วยผู้อื่น แต่ให้เอ็งเป็นคนลงมือช่วย...

ปุจฉา ....ก็เมื่อลูกน้องเอ็งขับแท็กซี่ไปคว่ำผู้โดยสารพิการ ไม่อยากให้ลูกน้องถูกฟ้องติดตะรางก็ต้องเอาเงินเถ้าแก่จ่ายเข้ากองทุนประกันหมู่ เอ็งก็ไปปรับค่าโดยสารให้มันสมน้ำสมเนื้ออยุ่แล้วไม่ใช่หรือ รับไม่ได้ก็ออกไปมีคนอื่นเขารอสัมปทานแท็กซี่อยู่เพียบ ก็ทีเอ็งมือไม่ถึงอยากช่วยคนยังส่งต่อให้คนอื่นเขาช่วยได้เลยจริงไหม?

...วิสัชนา...ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค...เหตุแห่งทุกข์หรือเหตุแห่งปัญหาอยู่ที่ไหน ก็ควรต้องแก้ที่ตรงนั้น...หมอไม่อธิบาย ก็เป็นได้...หมออธิบายแล้ว แต่คู่กรณีไม่เข้าใจ ก็เป็นได้...ก็ทำไม"ไม่ตั้งคณะกรรมการ"เป็นผู้ดำเนินการจัดการ...

ปุจฉา..เข้าใจไหมว่าพรบ.นี้ เขาสนใจความฉิบหายของเพื่อนมนุษย์ที่เกิดจากการเข้ามาในโรงพยาบาล/คลินิคของนาย เขารู้กันทั่วว่าต้นตอปัญหาไล่ไปแล้วก็ไม่พ้นตัวพวกนาย เขากลัวพวกนายอยุ่ในคุกกันหมด เพราะพ่อนายก้บอกเองว่าไม่มีอะไร 100 % สำหรับการตรวจรักษา 100 คนต่อวัน คนที่เขาทำรีเสิร์ชกันมาแล้วก็พวกพี่น้องหมอของนายนั่นแหละที่สรุปว่า ต้องเป็นแบบ No-fault + compensation พวกหมอถึงจะมีโอกาสติดตะรางน้อยที่สุด แม่เราฝ่ายคนเดี้ยงก็บอกเหมือนพ่อนายแหละว่าไม่มีอะไร100 % ที่จะประกันว่าคนไข้ที่ลูกเขาตาย-พิการแล้วจะไม่ฟ้องศาลเอานายติดตะรางถ้าเขามีกะตังค์ไม่สนใจเงินพรบ.นายก็ไม่พ้น เขาก็ตั้งคณะกรรมการตั้งสองสามชุดด้วยซ้ำเห็นหรือเปล่า

...วิสัชนา...อยากช่วยเขา แต่ขอเอา"เงินของเอ็ง"มาจ่ายได้ไหม...หากบอกว่า เป็นเงินจากรัฐ เงินจากคนไข้เอง...แน่ใจหรือว่า...ได้อ่านกฎหมายครบถ้วน...ประกันจ่ายเงิน...ใครทำประกัน ใครจ่ายเงินค่าประกัน...อย่าคิดเอาแต่ได้...

ปุจฉา ... ประชากรคนไข้ 60 ล้านคน ประชากรหมอกับโรงพยาบาลมีกี่คน เอ็งเสียภาษีแบบคณะบุคคลนี่น้อยกว่าชาวบ้านร้านช่องเขาเท่าไหร่ เงินภาษีที่รัฐบาลสมทบก็ภาษีประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือ โรงพยาบาลเอกชนเขาคงไม่ยอมขาดทุนจากเงินสมทบต้องมาเก็นเอาจากคนไข้อยู่แล้ว ถามจริงว่าเอ็งใช้รถราคาเท่าไหร่ ทำประกันปีเท่าไหร่ ใครจ่าย เอ็งนั่นแหละคิดเอาแต่ได้ ลองไปถามคนสลัมยันยาจกแถวบ้านดูนะว่ามารักษาแล้วมีกองทุนไม่ต้องไปฟ้องศาลได้ชดเชยทันใจตามสมควรนี่ดีหรือไม่ดี จ่ายเพิ่ม80-200 ใครไม่จ่ายไม่มีการันตี ได้คำตอบแล้วค่อยมาพูดดีไหม
-----------------------------------------------------
มีบทบัญญัติไว้เยี่ยงไร...ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย...หากแพทยสภาและหรือราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยของแพทย์สาขาต่างๆ...ย้ำ...มีหนังสือรับรองว่า...สิ่งที่แพทย์ผู้นั้นปฏิบัติถูกต้องได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม...แพทย์ผู้นั้นยังสามารถถูกฟ้องอาญา ฟ้องแพ่ง ต้องจ่ายเงิน ด้วยกระนั้นหรือ...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นหมอจริงเหรอปัญญาแค่นี้ การฟ้องศาลคือการขอพึ่งอำนาจตุลาการบังคับให้นายหาข้อยืนยันมาพิสูจน์ตัวเองว่ากรณีที่ทำครั้งนัน้มีมาตรฐานเพียงใด ถ้าเอ็งหามาได้แบบนั้นถึงจะได้รับการคุ้มครอง มีอย่างที่ไหนรับรองหนเดียวใช้ได้ตลอดชีวิตบ้าป่าว อย่างเราขับรถไปทิ่มตูดนายแล้วโชว์ใบรับรองจากสถาบันทดสอบมาตรฐานขับรถสิบล้อห้ามนายไปฟ้องศาลได้ป่าวอะ
โดย: NaCl [1 ส.ค. 53 18:00] ( IP A:124.122.26.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ...ปุจฉา...รักษาแล้วมีคนไข้พิการ-ตายโดยไม่ใช่สาเหตุจากการดำเนินของโรค มีกองทุนจ่ายชดเชยแทนหมอ กรรมการก็ไม่ชี้ถูกชี้ผิดหมอ มันเดือดร้อนมากนักหรือ ชอบให้ไปฟ้องอาญา ฟ้องแพ่งเอาค่าชดเชยหรือไง ...
...วิสัชนา..."โดยไม่ใช่สาเหตุจากการดำเนินของโรค" ให้"หมาหรือแมว"ตัวไหนเป็นคนตัดสิน ถ้าไม่ใช่"ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ในโรคนั้น ซึ่ง ก็น่าจะเป็น แพทยสภาและหรือราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยของแพทย์สาขาต่างๆ"...มิใช่หรือ...หรือว่าจะให้"พวก"โง่"NGO??? เป็นผู้ตัดสิน...
...ปุจฉา ....ก็เมื่อลูกน้องเอ็งขับแท็กซี่ไปคว่ำผู้โดยสารพิการ ไม่อยากให้ลูกน้องถูกฟ้องติดตะรางก็ต้องเอาเงินเถ้าแก่จ่ายเข้ากองทุนประกันหมู่ เอ็งก็ไปปรับค่าโดยสารให้มันสมน้ำสมเนื้ออยุ่แล้วไม่ใช่หรือ รับไม่ได้ก็ออกไปมีคนอื่นเขารอสัมปทานแท็กซี่อยู่เพียบ ก็ทีเอ็งมือไม่ถึงอยากช่วยคนยังส่งต่อให้คนอื่นเขาช่วยได้เลยจริงไหม?...
...ยิ่งนำเสนอ ยิ่งชอบ...เข้าใจยกตัวอย่าง แสดงถึงความรู้ความสามารถของ"สมอง" ขับรถแท็กซี่ไปคว่ำ คนขับทำผิดกฎหมายหรือไม่...หรือว่า"ไม่ผิด"...ก็ไม่จำเป็นที่คนขับแท็กซี่ต้องผิดทุกครั้ง...เหตุผล...หากคนขับแท็กซี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดจาก"สภาพถนนที่เป็นเหตุให้เกิด"หรือ"ป้ายสัญญาณจราจรเป็นต้นเหตุ"...ยินดีครับ ช่วยเร่งผลิต"หมอ"มาช่วยกันทำงาน ยินดีและเต็มใจ...
...ปุจฉา..เข้าใจไหมว่าพรบ.นี้ เขาสนใจความฉิบหายของเพื่อนมนุษย์ที่เกิดจากการเข้ามาในโรงพยาบาล/คลินิคของนาย เขารู้กันทั่วว่าต้นตอปัญหาไล่ไปแล้วก็ไม่พ้นตัวพวกนาย เขากลัวพวกนายอยุ่ในคุกกันหมด เพราะพ่อนายก้บอกเองว่าไม่มีอะไร 100 % สำหรับการตรวจรักษา 100 คนต่อวัน คนที่เขาทำรีเสิร์ชกันมาแล้วก็พวกพี่น้องหมอของนายนั่นแหละที่สรุปว่า ต้องเป็นแบบ No-fault + compensation พวกหมอถึงจะมีโอกาสติดตะรางน้อยที่สุด แม่เราฝ่ายคนเดี้ยงก็บอกเหมือนพ่อนายแหละว่าไม่มีอะไร100 % ที่จะประกันว่าคนไข้ที่ลูกเขาตาย-พิการแล้วจะไม่ฟ้องศาลเอานายติดตะรางถ้าเขามีกะตังค์ไม่สนใจเงินพรบ.นายก็ไม่พ้น เขาก็ตั้งคณะกรรมการตั้งสองสามชุดด้วยซ้ำเห็นหรือเปล่า...
...วิสัชนา...บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎหมาย...ใครทำผิดต้องรับกรรม ต้องชดใช้...อย่าลืม...การฟ้องกลับ...แล้วอย่าใช้อำนาจมืดมาบังคับมาบีบไม่ให้ฟ้องกลับ ก็แล้วกัน...
...ปุจฉา ... ประชากรคนไข้ 60 ล้านคน ประชากรหมอกับโรงพยาบาลมีกี่คน เอ็งเสียภาษีแบบคณะบุคคลนี่น้อยกว่าชาวบ้านร้านช่องเขาเท่าไหร่ เงินภาษีที่รัฐบาลสมทบก็ภาษีประชากรส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือ โรงพยาบาลเอกชนเขาคงไม่ยอมขาดทุนจากเงินสมทบต้องมาเก็นเอาจากคนไข้อยู่แล้ว ถามจริงว่าเอ็งใช้รถราคาเท่าไหร่ ทำประกันปีเท่าไหร่ ใครจ่าย เอ็งนั่นแหละคิดเอาแต่ได้ ลองไปถามคนสลัมยันยาจกแถวบ้านดูนะว่ามารักษาแล้วมีกองทุนไม่ต้องไปฟ้องศาลได้ชดเชยทันใจตามสมควรนี่ดีหรือไม่ดี จ่ายเพิ่ม80-200 ใครไม่จ่ายไม่มีการันตี ได้คำตอบแล้วค่อยมาพูดดีไหม...
...วิสัชนา...หากได้ติดตาม เคยเรียกร้องมานานมากแล้วว่า...คนไทยทุกคนทุกท่านตั้งแต่อายุหนึ่งวันจนยังไม่ตาย"ต้อง"มีเลขเสียภาษีเงินได้(สิบสามหลัก)เพียงเลขที่เดียว ซึ่งก็คือเลขที่เดียวกับเลขประจำตัวประชาชน และต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ประจำทุกปี ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเงินได้หรือสิ่งที่ตีค่าเป็นเงินได้ ต้องกรอกทุกรายการ...อ้างอิงจาก ASTV วันที่ 22 มกราคม 2552 และ หนังสือพิมพ์สยามมีเดีย วันที่ 30 มกราคม 2552...
...ปุจฉา...เป็นหมอจริงเหรอปัญญาแค่นี้ การฟ้องศาลคือการขอพึ่งอำนาจตุลาการบังคับให้นายหาข้อยืนยันมาพิสูจน์ตัวเองว่ากรณีที่ทำครั้งนัน้มีมาตรฐานเพียงใด ถ้าเอ็งหามาได้แบบนั้นถึงจะได้รับการคุ้มครอง มีอย่างที่ไหนรับรองหนเดียวใช้ได้ตลอดชีวิตบ้าป่าว อย่างเราขับรถไปทิ่มตูดนายแล้วโชว์ใบรับรองจากสถาบันทดสอบมาตรฐานขับรถสิบล้อห้ามนายไปฟ้องศาลได้ป่าวอะ...
...วิสัชนา...เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศไทยและคนไทย...ไอ้และหรืออีตนใดก็ต้องยอมรับและเคารพ...ในเมื่อรัฐธรรมนูญบัญญัติให้มี"อำนาจตุลาการ" ผมและเพื่อนแพทย์"ก็ต้องยอมรับและปฏิบัติตาม...แล้วบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูย 2550 มาตรา 80 วงเล็บ(2)...ก็หวังว่าคนไทยที่เจริญแล้วก็ควรต้องยอมรับและปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน...มิใช่หรือ...
โดย: lokma/lokma@hotmail.com [1 ส.ค. 53 19:47] ( IP A:124.121.62.163 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    มาตรา 80 วงเล็บ(2) มีบทบัญญัติไว้เยี่ยงไร...ผู้ให้บริการสาธารณสุขที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม ย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย..

มาตรานี้ไปถามพรรคพวกที่เป็นศาล อัยการ ทนายความเขาขำกลิ้ง สมเพชคนที่ไปขอเพิ่มข้อความนี้ กฎหมายเขาคุ้มครองทุกวิชาชีพอยู่แล้วถ้าทำตามมาตรฐานวิชาชีพ จะเขียนไว้หรือไม่เขียนมีค่าเท่ากัน นักกฎหมายเขาบอกว่าเขียนไว้ทำไมให้รกรุงรัง ถ้าเป็นวิชาชีพอื่นมาขอเขาด่าเปิงไม่เขียนให้หรอกเผอิญเป็นหมอมาขอเขาเกรงใจไม่อยากหักหน้าตรงๆเลยยอมเขียนไว้ให้ประจานความบ้องตื้นของคนขอ ศาลท่านมีหัวคิดนะครับไม่ได้มีแค่หัวไว้คั่นหู เรื่องจะถูกฟ้องนี่ไม่มีใครคุ้มครองได้ตำรวจวิสามัญคนร้ายตามมาตรฐานยังต้องถูกฟ้องศาลไปขึ้นสาลทุกครั้ง เมื่อพิสูจน์มาตรฐานกันในศาลได้ก็ได้รับความคุ้มครองแต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าทำตามมาตรฐานก็ย่อมติดตะรางฐานประมาท เลินเล่อ ไม่ทำตามขั้นตอนของวิชาชีพ นักนิติศาสตร์เขาบอกมายืดยาวหลายหนแล้วไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่าน้อ
โดย: เห็นใจจริง แต่ช่วยอะไรไม่ได้ [2 ส.ค. 53 8:48] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
    "...ก็ไม่จำเป็นที่คนขับแท็กซี่ต้องผิดทุกครั้ง...เหตุผล...หากคนขับแท็กซี่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกิดจาก"สภาพถนนที่เป็นเหตุให้เกิด"หรือ"ป้ายสัญญาณจราจรเป็นต้นเหตุ"...
ก็นั่นไงเขาถึงพิจารณาจ่ายแบบ No fault ไม่พิสูจน์ว่าคนขับผิดหรือไม่ผิด เขาสนใจแค่ชดเชยคนเสียหาย เอีะ ยังไม่เข้าใจอีก ? แล้วจะมาคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย มันคุยเรื่องเดียวกันหรือตะแบงไปเรื่อยๆ
โดย: ขว้างงูไม่พ้นคอ [2 ส.ค. 53 9:00] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
    ..."โดยไม่ใช่สาเหตุจากการดำเนินของโรค" ให้"หมาหรือแมว"ตัวไหนเป็นคนตัดสิน ถ้าไม่ใช่"ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ในโรคนั้น ซึ่ง ก็น่าจะเป็น แพทยสภาและหรือราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยของแพทย์สาขาต่างๆ"...มิใช่หรือ...หรือว่าจะให้"พวก"โง่"NGO??? เป็นผู้ตัดสิน...

อธิบายให้ฟัง ช้า . ช้า ตั้ง ใจ.... ฟัง .....แล้ว .....คิด......ตาม นะ
เรื่องนี้ คนได้ เสีย คือ คนจ่ายตังค์ กับ คนรับตังค์ เขาขอตกลงกันนอกศาล คนจ่ายตังค์คือเจ้าของสถานพยาบาล เขาจึงต้องรักษาสิทธิของเขาโดยมีเสียงในกรรมการพิจารณาเท่ากับคนรับตังค์คือฝ่านผู้ป่วย กรรมการที่เหลือมาจากภาคกฎหมาย ภาคสังคม กระทรวง การคลัง ช่วยกันพิจารณาเพื่อป้องกันไม่ให้คู่กรณีสองฝ่ายมันตีกันบานปลาย ถ้าเจ้าของเงินสมทบมันโง่ ไม่เอาหมอผู้เชี่ยวชาญมารักษาสิทธิของตัวก็ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้านจะไปคัดต้าน ก็เป็นเรื่องภายในของหมอเองที่จะไปว่ากัน นี่เล่นเอาทั้งตัวแทนสถานพยาบาล 3 คน เอาแพทย์สภา ราชวิทยาลัยแต่ละสาขาอีก มันมีกี่สาขาละนี่ วันๆไม่คิดทำงานกันเลยวิ่งรับเบี้ยประชุมอย่างเดียวใช่ไหม
โดย: ลิ้นไก่โผล่ย้าวววยาว [2 ส.ค. 53 9:14] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   เอาเวลาไปพัฒนามาตรฐานวิชาชีพ วินิจฉัยข้อร้องเรียนให้มันรวดเร็วทันใจ แก้ปัญหาที่ต้นตอที่ทุกวันนี้เป็นหน้าที่โดยตรงยังทำไม่ได้จะดีกว่าคอยไล่แก้ตัวแก้ต่างไหม
โดย: คิดเองนะ [2 ส.ค. 53 9:19] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ท่านแพทยสภา ท่านราชวิทยาลัยไม่ต้องกลัว ท่านมีหน้าที่ทำตัวให้เป็นที่เคารพศรัทธาเถิด ถึงเวลาคณะกรรมการจ่ายเงินเขาตัดสินใจไม่ได้เขาต้องมาขอความเห็นท่านแน่ แต่ถ้าสองฝ่ายเขาซูเอี๋ยกันแล้วก็เหมือนรถชนกันกลางถนนประกันมาคุย ไม่ต้องให้ตำรวจมายุ่ง ถ้าโง่หัวหมอเอาตำรวจมาสอดต้องไปเสียค่าปรับที่โรงพักก่อนทั้งคู่ข้อหาประมาทร่วมปรับคนละสี่ร้อยเท่ากันสองฝ่าย ดีไม่ดีขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายโดนปรับเพิ่ม มีแอลกอฮอล์ถึงคุก ฝ่ายออกแบบพรบ.เขาวิเคราะห์เรื่องนี้มาก่อนแล้วถึงเขี่ยพยานผู้เชี่ยวชาญไว้ด้านข้างไม่ต้องยื่นจมูกเข้ามาถึงเวลาเขาไม่มีทางออกเขาเรียกมาเอง เรื่องจ่ายเงินกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางก็เป็นกรรมการใครโกงติดตะรางทั้งคณะ เรื่องฟ้องต่อกระทรวงยุติธรรม สภาทนายความก็อยู่นกรรมการตัดสิน เรื่องปกป้องชื่อเสียงหมอที่กลัวกันก็มีตัแทนภาคสื่อสารมวลชนช่วย จะเอาอะไรอีกไหม?
โดย: ว่ามาเลย [2 ส.ค. 53 9:33] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ...ปุจฉา... มาตรานี้ไปถามพรรคพวกที่เป็นศาล อัยการ ทนายความเขาขำกลิ้ง สมเพชคนที่ไปขอเพิ่มข้อความนี้ กฎหมายเขาคุ้มครองทุกวิชาชีพอยู่แล้วถ้าทำตามมาตรฐานวิชาชีพ จะเขียนไว้หรือไม่เขียนมีค่าเท่ากัน นักกฎหมายเขาบอกว่าเขียนไว้ทำไมให้รกรุงรัง ถ้าเป็นวิชาชีพอื่นมาขอเขาด่าเปิงไม่เขียนให้หรอกเผอิญเป็นหมอมาขอเขาเกรงใจไม่อยากหักหน้าตรงๆเลยยอมเขียนไว้ให้ประจานความบ้องตื้นของคนขอ ศาลท่านมีหัวคิดนะครับไม่ได้มีแค่หัวไว้คั่นหู เรื่องจะถูกฟ้องนี่ไม่มีใครคุ้มครองได้ตำรวจวิสามัญคนร้ายตามมาตรฐานยังต้องถูกฟ้องศาลไปขึ้นสาลทุกครั้ง เมื่อพิสูจน์มาตรฐานกันในศาลได้ก็ได้รับความคุ้มครองแต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าทำตามมาตรฐานก็ย่อมติดตะรางฐานประมาท เลินเล่อ ไม่ทำตามขั้นตอนของวิชาชีพ นักนิติศาสตร์เขาบอกมายืดยาวหลายหนแล้วไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่าน้อ...
...วิสัชนา...ศาล อัยการ ทนาย...เป็น"ใคร"หรือ หากไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีอำนาจหน้าที่...ก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเท่านั้น...หรือใครจะเถียง...สมมตินะครับว่า...หาก"รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า...ผู้ที่ใช้อำนาจตุลาการเป็นแพทย์หรือวิศวกร...ถามว่า...ศาลหรือผู้พิพากษาสามารถใช้อำนาจตุลาการได้หรือ...ย้ำ...ทุกคนทุกท่านที่เป็นคนไทยที่มีปัญหาในอาณาเขตประเทศไทย...ย้ำ...ต้องยึดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 เป็นกฎหมายสูงสุด...ไอ้หรืออีตนใดก็ไม่สามารถละเมิดได้...จำเอาไว้...เพราะฉะนั้น ตราบใดที่รัฐธรรมนูญ 2550 ยังมีบทบัญญัติในมาตรา 80 วงเล็บ(2)...ย้ำ...ไอ้และหรืออีตนใดก็ต้องยอมรับ ต้องเคารพ ต้องปฏิบัติตาม...ย้ำ...นะครับว่า...ฟ้องหมอได้ ไม่ว่าจะอาญาและหรือแพ่งและหรือจะเรียกร้องให้จ่ายเงิน...แต่กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่า...เมื่อมีหน่วยงานและหรือองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายให้คำรับรองโดยเฉพาะเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่า"ปฏิบัติได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม"เป็นกรณี เป็นแต่ละราย เฉพาะกรณีนั้นๆ เฉพาะรายนี้ๆ คดีอาญา คดีแพ่ง การเรียกร้องเงิน...ย้ำ...ต้องยุติทันที...ใช้คำว่า"ทันที"นะครับ...ไม่ใช่"โดยเร็ว"...
...ปุจฉา... ก็นั่นไงเขาถึงพิจารณาจ่ายแบบ No fault ไม่พิสูจน์ว่าคนขับผิดหรือไม่ผิด เขาสนใจแค่ชดเชยคนเสียหาย เอีะ ยังไม่เข้าใจอีก ? แล้วจะมาคุยกันรู้เรื่องมั้ยเนี่ย มันคุยเรื่องเดียวกันหรือตะแบงไปเรื่อยๆ ...
...วิสัชนา...ไม่พิสูจน์คนขับผิดหรือไม่ผิด เขาสนใจแค่"ชดเชยคนเสียหาย"...ถึงได้บอกว่า ยิ่งยกตัวอย่าง ยิ่งเข้าตัว...สมมติว่า ถ้า"คนขับ"ไม่ผิด แมร่งจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย...คนเสียหายจะเรียกร้องจากใคร...จากไอ้พวกที่อยากดี เด่น ดัง เอา"เงินคนอื่น"มาจ่ายหรือ เอา"เงินตัวเอง"ซิ...หรือจะเอาจาก"เงินภาษีของรัฐ"ก็ไม่ว่ากัน...ถ้าเงินภาษีของประเทศไทยและคนไทยมากมาย...เหมือนที่พวกแมร่ง"นักกินเมือง"มันตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอยู่ทุกวัน...คนไทยมันฉลาดน้อยเยี่ยงนี้เอง...จึงไม่แปลกอะไรที่ประเทศไทยและคนไทยต้องหายนะเยี่ยงทุกวันนี้...แต่ผมก็ภาคภูมิใจที่เกิดเป็นคนไทยและอาศัยแผ่นดินไทยตลอดไป...เพียงแต่ว่า...ไม่ต้องการสร้าง"ตัณหา ราคะ"...อุ้บ...ขออภัย...สร้างปัญหาให้คนรุ่นหลังต้องมาตามล้างตามเช็ดตามแก้...ไม่ต้องอื่นไกล...ตัวอย่าง"ปราสาทพระวิหาร"นั่นไง...
...ปุจฉา...อธิบายให้ฟัง ช้า . ช้า ตั้ง ใจ.... ฟัง .....แล้ว .....คิด......ตาม นะ
เรื่องนี้ คนได้ เสีย คือ คนจ่ายตังค์ กับ คนรับตังค์ เขาขอตกลงกันนอกศาล คนจ่ายตังค์คือเจ้าของสถานพยาบาล เขาจึงต้องรักษาสิทธิของเขาโดยมีเสียงในกรรมการพิจารณาเท่ากับคนรับตังค์คือฝ่านผู้ป่วย กรรมการที่เหลือมาจากภาคกฎหมาย ภาคสังคม กระทรวง การคลัง ช่วยกันพิจารณาเพื่อป้องกันไม่ให้คู่กรณีสองฝ่ายมันตีกันบานปลาย ถ้าเจ้าของเงินสมทบมันโง่ ไม่เอาหมอผู้เชี่ยวชาญมารักษาสิทธิของตัวก็ไม่ใช่เรื่องของชาวบ้านจะไปคัดต้าน ก็เป็นเรื่องภายในของหมอเองที่จะไปว่ากัน นี่เล่นเอาทั้งตัวแทนสถานพยาบาล 3 คน เอาแพทย์สภา ราชวิทยาลัยแต่ละสาขาอีก มันมีกี่สาขาละนี่ วันๆไม่คิดทำงานกันเลยวิ่งรับเบี้ยประชุมอย่างเดียวใช่ไหม...
...วิสัชนา...ยิ่งบ่งบอกถึง"สติ and ปัญญา"..."คนจ่ายตังค์" เงินภาษีคือเงินของใคร รัฐแมร่งผลิตเงินได้เองหรือ...คงไม่ต้องอธิบายนะว่า...เงินภาษีเอามาจากไหน และใครคือ"เจ้าของเงิน"...เอาที่เป็นธรรมจริงๆก่อนไหมละ...คนไทยทุกคนทุกท่านต้องมีเลขที่เสียภาษีเพียงเลขที่เดียวซึ่งตรงกับเลขที่ประจำตัวประชาชนสิบสามหลักแล้วต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ประจำปีทุกปี ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเงินได้หรือได้ทรัพย์สินที่ตีเป็นมูลค่าเงินได้ต้องกรอกทุกรายการ...คนจ่ายตังค์ กับ คนรับตังค์ แมร่งเอา"เงินใคร"มาจ่ายมารับ...ไอ้พวกนักกินเมือง...หากเงินที่มันใช้ซื้อใช้ทำโครงการต่างๆ ไม่ใช่"เงินงบประมาณไม่ใช่เงินภาษี"...ย้ำ...เป็นเงินส่วนตัวของพวกแมร่ง...เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของประเทศไทยและคนไทยจะสูงเท่านี้ไหม...ไพวกหอกหัก...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [2 ส.ค. 53 10:08] ( IP A:58.10.128.78 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ...ปุจฉา...ท่านแพทยสภา ท่านราชวิทยาลัยไม่ต้องกลัว ท่านมีหน้าที่ทำตัวให้เป็นที่เคารพศรัทธาเถิด ถึงเวลาคณะกรรมการจ่ายเงินเขาตัดสินใจไม่ได้เขาต้องมาขอความเห็นท่านแน่ แต่ถ้าสองฝ่ายเขาซูเอี๋ยกันแล้วก็เหมือนรถชนกันกลางถนนประกันมาคุย ไม่ต้องให้ตำรวจมายุ่ง ถ้าโง่หัวหมอเอาตำรวจมาสอดต้องไปเสียค่าปรับที่โรงพักก่อนทั้งคู่ข้อหาประมาทร่วมปรับคนละสี่ร้อยเท่ากันสองฝ่าย ดีไม่ดีขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายโดนปรับเพิ่ม มีแอลกอฮอล์ถึงคุก ฝ่ายออกแบบพรบ.เขาวิเคราะห์เรื่องนี้มาก่อนแล้วถึงเขี่ยพยานผู้เชี่ยวชาญไว้ด้านข้างไม่ต้องยื่นจมูกเข้ามาถึงเวลาเขาไม่มีทางออกเขาเรียกมาเอง เรื่องจ่ายเงินกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางก็เป็นกรรมการใครโกงติดตะรางทั้งคณะ เรื่องฟ้องต่อกระทรวงยุติธรรม สภาทนายความก็อยู่นกรรมการตัดสิน เรื่องปกป้องชื่อเสียงหมอที่กลัวกันก็มีตัแทนภาคสื่อสารมวลชนช่วย จะเอาอะไรอีกไหม?...
...วิสัชนา...ชอบจริงๆ...บังเอิญในอดีตเคยเป็น"หมอตำหนวด"...เป็นความโชคดีน้อยของ"บุคคลากรอาชีพตำรวจ" ทำให้คนไทยหลายคนเข้าใจตำรวจไปในทางที่ดีน้อย...ชนกันกลางถนน แจ้งตำรวจ แน่นอนว่า ถ้าประมาทร่วม เจอปรับแน่...แล้วถ้าฝ่ายหนึ่งประมาท อีกฝ่ายไม่ประมาทละ ปรับทั้งคู่ได้หรือ...แล้วการเรียกเก็บเงินเพิ่ม ที่บัญญัติในกฎหมาย คือ อะไร เมื่อสถานพยาบาลนั้นๆยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่า..."สิ่งที่ปฏิบัติได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม"โดยไม่ใช่รับรองตัวเอง แต่เป็นการรับรองจากแพทยสภาและหรือราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยแพทย์สาขาต่างๆ...รัฐธรรมนูญ กับ พระราชบัญญัติ บทบัญญัติของกฎหมายสำคัญกว่าและต้องยึดถือปฏิบัติ...สติ and ปัญญา หาซื้อไม่ได้หรอกนะ...เป็นพันธุกรรม วะ...ต้องตายแล้วไปเกิดใหม่...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [2 ส.ค. 53 10:23] ( IP A:58.10.128.78 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ...สติ and ปัญญา หาซื้อไม่ได้หรอกนะ...เป็นพันธุกรรม วะ...ต้องตายแล้วไปเกิดใหม่...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com
----------------------------------------------------------------------
วิพากษ์ตัวเองได้เจ๋ง 5555
โดย: สายซอขาดแล้ว พอๆ [2 ส.ค. 53 11:09] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   "คนขับ"ไม่ผิด แมร่งจะเอาเงินจากไหนมาจ่าย...คนเสียหายจะเรียกร้องจากใคร...
---------------------------------------------------------------------
พรบ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถไง บื้อไปได้
โดย: สายซอขาดไปแค่สองเส้นเหลือเส้นเดียวยังพอได้ [2 ส.ค. 53 11:13] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   แต่กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่า...เมื่อมีหน่วยงานและหรือองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายให้คำรับรองโดยเฉพาะเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่า"ปฏิบัติได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม"เป็นกรณี เป็นแต่ละราย เฉพาะกรณีนั้นๆ เฉพาะรายนี้ๆ คดีอาญา คดีแพ่ง การเรียกร้องเงิน...ย้ำ...ต้องยุติทันที...ใช้คำว่า"ทันที"นะครับ...ไม่ใช่"โดยเร็ว"...
-----------------------------------------------------------------------ถ้าวันหนึ่งมีตำหนวดที่เป็นแฟนกับสาวจอมตัณหาราคะกิิ๊กเก่าหมอเอายาบ้ายัดรถแล้วเป่ากบาลหมอ หลังจากนั้นไปขอใบรับรองมาตรฐานวิสามัญจากสตช.ไปให้ศาลก็พอง่ายดีเนาะ
โดย: เขินจริงๆ [2 ส.ค. 53 11:21] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   จะบอกให้ว่าข้อกฎหมายอะไรก็ตามที่สอดไส้ไว้เพื่อประโยชน์ส่วนพวกพ้องไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ก็เป็นโมฆะได้หมดถ้ามีผู้ร้องต่อศาลปกครอง สามารถเพิกถอนข้อความนั้นได้ทันที
โดย: ขอดันพรบ.จบก่อน เดี๋ยวจัดให้นะ [2 ส.ค. 53 11:25] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ...แล้วถ้าฝ่ายหนึ่งประมาท อีกฝ่ายไม่ประมาทละ ปรับทั้งคู่ได้หรือ...
---------------------------------------------------------------------
นั่นแหละเขาถึงไล่จราจรไปห่างๆ มาพ่นสีสเปรย์คนผิดก็ขี้หดแล้ว เมื่อประกันรอจ่ายอยู่ จะเรียกตำรวจมาให้เสียเพิ่มอีกทำไม เงินที่เสียค่าปรับได้คนที่เป็นฝ่ายถูกก็ไม่ได้อยู่ดี มันจะต้องเรียกตำรวจมาเมือ่มันไม่พอใจเงินที่ประกันจะจ่ายให้แล้วต้องการให้คนทำผิดจ่ายเพิ่มต่างหาก
โดย: โอ้วลืมไป ซอเหลือสายเดียว [2 ส.ค. 53 11:34] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ...ปุจฉา...จะบอกให้ว่าข้อกฎหมายอะไรก็ตามที่สอดไส้ไว้เพื่อประโยชน์ส่วนพวกพ้องไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ก็เป็นโมฆะได้หมดถ้ามีผู้ร้องต่อศาลปกครอง สามารถเพิกถอนข้อความนั้นได้ทันที...
...วิสัชนา...คงต้องขออนุญาตให้กลับไปอ่าน"รัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 223" อำนาจหน้าที่ของศาลปกครอง...เผื่อ จะมองเห็นดวงตาแห่งธรรม...เพราะ"ศรีธนญชัย"เยี่ยงนี้ จึง"ต้องบัญญัติไว้ให้ชัดเจนแจ่มแจ้งในรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 80 วงเล็บ(2)...ย้ำ...จึงต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญเสียเลย...หรือว่า...ต้องมีบทบัญญัติที่อธิบายคำว่า"คุ้มครอง"ไว้ในรัฐธรรมนูญอีก...เช่น...คุ้มครองแปลว่าไม่คุ้มครอง...คุ้มครองแปลว่าต้องจ่ายเงินแต่ไม่ถูกฟ้องแพ่งและหรือาญา...คุ้มครองแปลว่าไม่ต้องจ่ายเงินแต่ถูกฟ้องอาญาแต่ไม่ถูกฟ้องแพ่ง...ตามหลักคณิศาสตร์ หากมี สาม ตัวแปร แล้วต้องมาจับกลุ่ม ถ้าความจำและความเก่งยังหลงเหลือ สามารถแยกแยะได้ทั้งหมด ยี่สิบเจ็ด กลุ่มหรือแบบแนะ...ถ้าผิดพลาดแสดงว่า...ผมไม่สมควรจบมัธยมหก ใช่ไหม...
...ปุจฉา...นั่นแหละเขาถึงไล่จราจรไปห่างๆ มาพ่นสีสเปรย์คนผิดก็ขี้หดแล้ว เมื่อประกันรอจ่ายอยู่ จะเรียกตำรวจมาให้เสียเพิ่มอีกทำไม เงินที่เสียค่าปรับได้คนที่เป็นฝ่ายถูกก็ไม่ได้อยู่ดี มันจะต้องเรียกตำรวจมาเมือ่มันไม่พอใจเงินที่ประกันจะจ่ายให้แล้วต้องการให้คนทำผิดจ่ายเพิ่มต่างหาก...
...วิสัชนา...กฎหมู...อุ้บ...ขออภัย...กฎหมู่จะได้ไม่อยู่เหนือกฎหมาย...ย้ำ...คนที่บังอาจคิด พูด ทำในสิ่งที่ผิด ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แมร่งจะได้เกรงกลัวและหลาบจำ...เช่นกัน...หมอที่บังอาจปฏิบัติโดยที่ไม่ได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม ก็จะได้เกรงกลัวหลาบจำระมัดระวัง...และทำนองกลับกัน...หมอที่ปฏิบัติได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม(โดยได้รับการรับรองจากแพทยสภาและหรือราชวิทยาลัยและหรือวิทยาลัยของแพทย์สาขาต่างๆ) จะได้ไม่ต้องรับการขู่กรรโชค Blackmail หว่าดกลัว หวาดผวา...เหตุแห่งการเรียก"ตำหนวด" มีหลายกรณี ที่ชัดๆที่สุด คือ กรณีที่"กูถูก มรึงนะแหละผิด" เพราะถ้ากูผิด กูต้องเสียเงินประกันเพิ่มในปีต่อไป...ฯลฯ...เว้นแต่ถ้ามรึงจ่ายเงินส่วนที่เพิ่มในการเสียประกันรถให้กูในปีต่อไปนั่นแหละ...กูจะยินยอมขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวและทุกครั้งด้วย...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [2 ส.ค. 53 13:43] ( IP A:110.168.111.225 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   นักศึกษา เค้ายังไม่เคยตรวจคนไข้จริงๆ หรือตรวจคนไข้แต่ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เพราะคนรับผิดชอบคือคนคุม เค้าจึงยังไม่เข้าใจควาทเป็นมา

อย่างที่บอก คนที่เห็นด้วย ส่วนใหญ่คือคนที่ไม่ตรวจคนไข้แล้ว
โดย: ค [2 ส.ค. 53 18:36] ( IP A:182.52.121.172 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   สอดแทรกเปรียบเทียบ คห ที่ 12 ครับ

...ปุจฉา... มาตรานี้ไปถามพรรคพวกที่เป็นศาล อัยการ ทนายความเขาขำกลิ้ง สมเพชคนที่ไปขอเพิ่มข้อความนี้ กฎหมายเขาคุ้มครองทุกวิชาชีพอยู่แล้วถ้าทำตามมาตรฐานวิชาชีพ จะเขียนไว้หรือไม่เขียนมีค่าเท่ากัน นักกฎหมายเขาบอกว่าเขียนไว้ทำไมให้รกรุงรัง ถ้าเป็นวิชาชีพอื่นมาขอเขาด่าเปิงไม่เขียนให้หรอกเผอิญเป็นหมอมาขอเขาเกรงใจไม่อยากหักหน้าตรงๆเลยยอมเขียนไว้ให้ประจานความบ้องตื้นของคนขอ ศาลท่านมีหัวคิดนะครับไม่ได้มีแค่หัวไว้คั่นหู เรื่องจะถูกฟ้องนี่ไม่มีใครคุ้มครองได้ตำรวจวิสามัญคนร้ายตามมาตรฐานยังต้องถูกฟ้องศาลไปขึ้นสาลทุกครั้ง เมื่อพิสูจน์มาตรฐานกันในศาลได้ก็ได้รับความคุ้มครองแต่ถ้าพิสูจน์ไม่ได้ว่าทำตามมาตรฐานก็ย่อมติดตะรางฐานประมาท เลินเล่อ ไม่ทำตามขั้นตอนของวิชาชีพ นักนิติศาสตร์เขาบอกมายืดยาวหลายหนแล้วไม่รู้จะเข้าใจหรือเปล่าน้อ...

...วิสัชนา...ศาล อัยการ ทนาย...เป็น"ใคร"หรือ หากไม่มีกฎหมายบัญญัติให้มีอำนาจหน้าที่...ก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่งเท่านั้น...หรือใครจะเถียง...สมมตินะครับว่า...หาก"รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า...ผู้ที่ใช้อำนาจตุลาการเป็นแพทย์หรือวิศวกร...ถามว่า...ศาลหรือผู้พิพากษาสามารถใช้อำนาจตุลาการได้หรือ...ย้ำ...ทุกคนทุกท่านที่เป็นคนไทยที่มีปัญหาในอาณาเขตประเทศไทย...ย้ำ...ต้องยึดบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 เป็นกฎหมายสูงสุด...ไอ้หรืออีตนใดก็ไม่สามารถละเมิดได้...จำเอาไว้...เพราะฉะนั้น ตราบใดที่รัฐธรรมนูญ 2550 ยังมีบทบัญญัติในมาตรา 80 วงเล็บ(2)...ย้ำ...ไอ้และหรืออีตนใดก็ต้องยอมรับ ต้องเคารพ ต้องปฏิบัติตาม...ย้ำ...นะครับว่า...ฟ้องหมอได้ ไม่ว่าจะอาญาและหรือแพ่งและหรือจะเรียกร้องให้จ่ายเงิน...แต่กฎหมายบัญญัติไว้ชัดเจนว่า...เมื่อมีหน่วยงานและหรือองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมายให้คำรับรองโดยเฉพาะเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจนว่า"ปฏิบัติได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม"เป็นกรณี เป็นแต่ละราย เฉพาะกรณีนั้นๆ เฉพาะรายนี้ๆ คดีอาญา คดีแพ่ง การเรียกร้องเงิน...ย้ำ...ต้องยุติทันที...ใช้คำว่า"ทันที"นะครับ...ไม่ใช่"โดยเร็ว"...

ความเห็นสอดแทรก ก็คือ

รัฐธรรมนูญนั้น เป็นกฎหมายแม่บทของประเทศ ซึ่งมีเจตนาและการยอมรับอันเป็นที่สุดของมวลชนคนไทยทั้งประเทศที่ต้องไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และแม้แต่อาชีพหรือสีผิว ใช่หรือไม่ ?????

ฉะนั้น การระบุในรัฐธรรมนูญให้กล่าวย้ำหรือซ้ำเพื่อคุ้มครองกลุ่มอาชีพใดอาชีพหนึ่ง ทำให้เกิดการรับรู้ว่าคนกลุ่มนั้นๆมีอภิสิทธิ์ "เฉพาะ" เหนือคนกลุ่มอาชีพอื่นๆนอกเหนือไปหรือไม่???? และตรงนี้เป็นการแสดงว่า รัฐธรรมนูญข้อแบ่งแยกความเสมอภาคตามกฎหมายอันเป็นเจตนารมย์พื้นฐานของรัฐธรรมนูญหรือไม่????

ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่ทรงให้ไว้ ณ. สองโอกาสในอดีต ดังนี้เพื่อความเข้าใจอันถ่องแท้ของการ "มี" และ การ "ใช้กฎหมาย"

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

“... กฎหมายมิใช่ตัวความยุติธรรม หากเป็นแต่เพียงบทบัญญัติหรือปัจจัยที่ตราไว้เพื่อรักษาความยุติธรรม ผู้ใดก็ตามแม้ไม่รู้กฎหมายแต่ถ้าประพฤติปฏิบัติด้วยความสุจริตแล้วควรจะ ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายอย่างเต็มที่ ตรงกันข้ามคนที่รู้กฎหมายแต่ใช้กฎหมายไปในทางทุจริตควรต้องถือว่าทุจริต...”

*พระบรมราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรของสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๒

“...กฎหมายนั้นไม่ใช่ตัวความยุติธรรม เป็นแต่เพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง สำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรมไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทของกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน ก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงแค่ขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยาตลอดจนเหตุและผลตามความเป็นจริงด้วย...”

*พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรแก่ผู้สอบไล่ได้วิชาความรู้ชั้นเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ ๓๓ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๔

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

ตามความเข้าใจในการ "มี" และ "ใช้กฎหมาย" ที่ทรงพระราชทานอธิบายไว้ จึงเป็นที่กระจ่างว่า กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่ตัวกำหนดชี้ถึงความยุติธรรม การจะตีความกฎหมายจึงไม่ใช่การเจาะจงเอาเป็นเอาตายที่ตัวบทกฎหมายอย่างที่พระราชดำรัสทรงให้ไว้

แต่แนวทางที่ "กลุ่ม ส.ว. อาชีพหมอและแนวร่วม สามารถใส่มาตรา 80 วรรค 2 ไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ก็เท่ากับแสดงเจตนาที่จะตั้งแง่ทางกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ทางสิทธิพิเศษเฉพาะทางกฎหมายให้กับวิชาชีพนี้ ซึ่งขัดกับเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญอันเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ

และเมื่อระบุไว้ในรัฐธรรมนูญดั่งนี้แล้ว ท่าน pimsen/policemajor@hotmail.com ยังระบุหรือกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามที่บัญญัติข้อนี้ไว้ในรัฐธรรมนูญ ก็เท่ากับ "ต้องการและเจตนาที่จะเถรตรงยึดตามข้อบัญญัติที่ขัดกับเจตนาพื้นฐษนของตัวรัฐธรรมนูญเอง ใช่หรือไม่????" แล้วนี่ ใช่ขัดกับพระราชดำรัสขององค์พ่อหลวง ดังที่ผมอัญเชิญมาแสดงไว้นี้ หรือไม่?????
โดย: หมอเหวง #2 เหวงเท่า #1 [3 ส.ค. 53 10:25] ( IP A:58.8.113.27 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   ประเด็นสำคัญในขณะนี้อยู่ที่ การมีความเคลื่อนไหวจากวงวิชาชีพในกลุ่มของแพทยสภา ที่ออกมากล่าวเท็จและให้ข้อมูลเท็จอย่างผิดๆ และทำกันอย่างส่งเดช โดยมีเจตนาเพื่อ "ตีรวน หรือ ภาษาชาวบ้านย่านสำเพ็งเรียกว่า ยื๊อ ให้วุ่นวาย เพื่อเบี่ยงความสนใจออกไปจากหลักการและเจตนารมย์ของ พ.ร.บ. ฉบับนี้"

ตรงนี้ต่างหาก ที่เป็นความสำนึกและตื่นรู้ ที่จำเป็นต้องมีสำหรับทุกๆคน ทั้งที่อยู่ในและอยู่นอก วงวิชาชีพสาธาณรสุข ก่อนที่จะตัดสินใจเห็นด้วยหรือค้านร่างกฎหมายฉบับนี้

ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มหมอที่ออกมาต่อต้านการมีกฎหมายฉบับนี้ มีลักษณะหรือความเป็นมาที่เหมือนๆกันอยู่สิ่งหนึ่งคือ เป็นหมอที่มีประวัติทุจริตหรือกล่าวมดเท็จในตำแหน่งวิชาชีพมาก่อน หรือไม่ก็ ไม่เคยมีประวัติ์เคลื่อนไหวให้การช่วยเหลือผู้ป่วยผู้ได้รับความเสียหายทางการแพทย์มาก่อน แต่จู่ๆก็โผล่แสดงตัวกันออกมา และไม่กล้าพาดพิงเรื่องคดีทุจริตทางการพิจารณาการร้องเรียนแพทย์ที่ผ่านๆมาเลย แต่กลับพากันอ้างแต่ เหตุการณ์สมมติที่เป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายคนไข้เพื่อ "ไปฝังประเด็นลงที่การกล่าวหาฝ่ายคนไข้ว่าเข้าใจผิดหรือมีเจตนาเอาแต่ได้อย่างฉ้อฉลฉวยโอกาส" นี่จึงเป็นการเคลื่อนไหวที่ผมจับแนวได้ ที่เราท่านทั้งหลายควรเฝ้าระวังและตั้งสติไตร่ตรองให้รอบคอบ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [3 ส.ค. 53 11:03] ( IP A:58.8.113.27 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   ...ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...คนที่ฉลาดน้อยมักเป็นเหยื่อของคนที่อาจจะเข้าใจว่าตัวเองฉลาดมากกว่า...

...ข้อกำหนด ข้อตกลง ที่เป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน...หากไม่เคารพ ไม่ปฏิบัติ ไม่ยึดถือ บ้านเมืองจะเป็นเยี่ยงไร...

...ขออภัยด้วยนะครับ...ผู้พิพากษา ถือเป็น"อาชีพ" ไหมครับ...กฎหมายรัฐธรรมนูญรับรองไว้ชัดเจนไหมครับว่า...หากสิ่งที่ผู้พิพากษาคิด พูด ทำโดยถูกต้อง"ตามกฎหมาย" ใครก็ไม่สามารถเอาผิดได้...คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเหมือนกันทุกครั้งกับศาลอุทธรณ์หรือไม่ หรือเพราะมี"ข้อมูล"แตกต่างกันใช่ไหม...เมื่อคดีถึงศาลฎีกาแล้ว ทำไมต้องเป็นที่สุด เพราะกฎหมายบัญญัติใช่หรือไม่...

...และผมขออนุญาตบังอาจบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า...หลักกาลามสูตร เป็นหลักเบื้องต้นที่สำคัญที่สุดที่"สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองอย่างต่ำสุดว่าคน ต้องมี"...ถัดไปคือหลักความจริง...สำคัญมากขึ้นมาคือหลักสติปัญญา...และสำคัญสูงสุดคือหลักศีลธรรม...

...ผมยังยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่า...คนไทย(คนที่ถือสัญชาติไทยเพียงสัญชาติเดียว...แค่คำว่า"คนไทย"...ขออภัย...แมร่งยังให้ความหมายความเข้าใจคำนิยามคำจำกัดความที่แตกต่างกันไม่เหมือนกันเลยเพราะข้าฯใหญ่ ข้าฯมีอำนาจ ข้าฯจะเอาเยี่ยงนี้ฯลฯ คนบางคนจึงเป็นทั้งคนไทยและคนอเมริกัน หรือใครจะเถียง??? )หากคิด พูด ทำในเขตอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยโดยไม่ละเมิดและหรือผิดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ต้องได้รับความคุ้มครอง...

...ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร(สูงต่ำดำขาวอายุเพศศาสนาอาชีพฯลฯใด)หากสิ่งที่คุณคิด คุณพูด คุณทำเกิดในเขตอำนาจอธิปไตยของประเทศไทยโดยไม่ละเมิดและหรือผิดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ยังมีผลบังคับใช้ ณ เวลานั้น...ย้ำ...คุณต้องได้รับความคุ้มครอง...

...ต้องขออนุญาตยืนยัน นั่งยัน นอนยัน ว่า...ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันและเจ้าฟ้าสิรินธร...ไม่ใช่เพราะว่าในความเมตาที่พระองค์ท่านทรงให้"ทุนเล่าเรียนหลวง"แก่ครอบครัว...แต่ทั้งสองพระองค์ ในความเห็นของผม พระองค์ท่านทั้งสองได้ประกอบกรณียกิจทำคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยและพสกนิกรชาวไทยไว้มากมายโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน...

...ประเทศไทยและคนไทยต้อง CHANGE อะไรอีกมากมาย...แต่ Time Place Person Environment สมควรและเหมาะสมหรือไม่เพียงใด...ช่วยกันคิด ช่วยกันพูด ช่วยกันทำให้ประเทศไทยและคนไทยรุ่นหลังได้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขด้วยเทอญ...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [3 ส.ค. 53 11:21] ( IP A:124.120.22.90 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   คุณ "หมอ" เหวง ครับ

แถวนี้เค้าพูดกันแต่เรื่อง ความเสียหายทางการแพทย์ และ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายครับ

ไม่ได้มีใครถามถึงว่า คุณหมอเป็นหมอ หรือป่าว? เป็นเสื้อแดงหรือเหลือง? หรือ จงรักษ์ภักดีหรือป่าวครับ??

สติครับหมอ สติ ท่องไว้หน่อยครับ!!!
โดย: คนรู้ตัว+ยังพูดรู้เรื่อง [4 ส.ค. 53 9:27] ( IP A:58.8.108.166 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   คห 8 เงิน พรบ. ผู้ประสบภัยจากรถ มีจำกัดวงเงินและไม่ใช่ดึงมาจากงบที่ไว้พัฒนาระบบสาธารณสุข
เปลียนการบริหารจัดการเงินกองทุนนี้ใหม่ น่าจะok
โดย: r u ok?? [6 ส.ค. 53 10:06] ( IP A:61.7.235.230 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน