มาฟังนายกพูด
   วันที่ 01 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 13:31:21 น. มติชนออนไลน์


"มาร์ค"หนุนร่างกม.คุ้มครองผู้เสียหายบริการสาธารณสุข วอน"หมอ-คนไข้"ยุติขัดแย้ง หันหน้าคุยกัน


นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทยช่อง 11 (สทท. 11) วันที่ 1 สิงหาคมถึงความขัดแย้งในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า ปัญหาเกิดจากในระยะหลังความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับคนไข้ปรับเปลี่ยนไป มีการฟ้องร้องกันมากขึ้นเพราะมองว่าเป็นเรื่องสิทธิ ซึ่งความจริงต้องเห็นใจวิชาชีพด้วย เพราะไม่ใช่มาหาหมอแล้วจะรักษาได้เสมอไป



แต่บางครั้งอาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้น จึงต้องรักษาสิทธิของคนไข้ในฐานะผู้บริโภค อย่างไรก็ตามการผลักดันร่างพ.ร.บ. คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ... เกิดจากเจตนาดี ทั้งฝ่ายคนไข้และฝ่ายหมอก็มองเห็นว่าเป็นเจตนาที่ดี คือเวลาคนไข้มีปัญหาจาการไปหาหมอ แทนที่จะฟ้องหมอ ก็ไปยื่นร้องเรียนที่กองทุนกลาง หากมีเหตุมีผล กองทุนก็จะชดเชยให้ รวมถึงกองทุนยังมีบทบาทไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีคดีขึ้นศาลให้รุงรังแล้วไปกระทบกับผู้ประกอบวิชาชีพ



“ผมคิดว่ากฎหมายฉบับนี้มีเจตนาที่ต้องการช่วยทุกฝ่ายให้เข้ามาปรองดองสมานฉันท์ แต่ปัญหาคือความเห็นไม่ตรงกันในรายละเอียดตามมาตราต่างๆ อย่างหมอก็บอกว่าไม่มีตัวแทนยกร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งผมบอกว่าไม่เป็นไร เราสามารถแก้ไขรายละเอียดได้ และผมตั้งใจจะเชิญองค์กรที่เคลื่อนไหวผลักดันกฎหมายฉบับนี้ว่าขอให้ยอมรับหลักการในการแก้ไขเรื่องนี้ในสภา เพราะผมไม่อยากให้ขัดแย้งกันในเรื่องนี้ และผมไม่อยากให้แต่งดำ เพราะมันมีกระบวนการพูดคุยอยู่”



นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า นายวิทยา แก้วภราดรัย ประธานกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ก็ทราบปัญหาดี เพราะเคยเป็นรมว. สาธารณสุข ซึ่งนายวิทยาบอกแล้วว่าจะไม่เร่งรัดเรื่องนี้ จนกว่าจะมีข้อตกลงร่วมกันว่าต้องปรับปรุงเนื้อหาส่วนไหนในร่างกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งกระบวนการสภาจะเป็นผู้ดูแลในส่วนนี้



ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังสามารถพูดคุยกันได้ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ต้องพูดคุยกัน อย่างไรก็ต้องคุยกัน อย่าลืมว่าแม้ไม่มีกฎหมายฉบับนี้ เราก็มีปัญหาขัดแย้งต่อเนื่องระหว่างคนไข้ที่บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือได้รับความเสียหาย ก็มีการไปฟ้องร้อง ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องมีคดีเยอะ แค่ 1-2 คดีก็กระทบขวัญกำลังใจของหมอ จนบางคนตกใจไม่ค่อยอยากเป็นหมอเพราะกลัวถูกฟ้อง



แต่ซ้ำร้ายที่สุดคือหากมีความหวาดกลัว การปฏิบัติงานของหมอก็จะคล้ายๆ กับป้องกันตัวเองมากกว่า ดังจะเห็นได้จากมีการส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหนึ่งไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งมากขึ้น เพราะกลัวความเสี่ยง กลัวถูกฟ้องร้อง ซึ่งสุดท้ายโทษก็ตกอยู่กับคนไข้เอง



“ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องเข้าใจวิชาชีพ เข้าใจว่าความเสี่ยงมันมี แต่ถ้ามีเหตุเกิดขึ้น ก็ควรดูแล ชดเชย และรักษาสิทธิคนไข้ อย่าไปขัดแย้งกันเลยว่าต้องล้มกฎหมาย หรือต้องดันกฎหมาย มันมีกติกากลางๆ อยู่”
โดย: นายกแพทย์เป็นพ่อ [1 ส.ค. 53 14:14] ( IP A:58.8.4.57 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ต้นเหตุของการพลักดันให้มี พ.ร.บ. นี้คือ......................................................
*******************ขอไว้อาลัยแก่หน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลวิชาชีพ******************
โดย: ไม่มีเสียดีกว่า [1 ส.ค. 53 14:20] ( IP A:202.29.9.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ความขัดแย้ง
ย่อมมีทางออก
ไม่ใช่ปิดกั้นหนทางหาความเป็นธรรม
โดย: เครือข่ายฯ ยินดีทำความเข้าใจ [1 ส.ค. 53 23:00] ( IP A:58.9.224.197 X: )
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน