ฟ้อง รพ.ดังเรียกค่าเสียหาย 31 ล้าน!
   พ่อแม่ผู้ป่วยหวัด 2009 ฟ้อง รพ.ดังเรียกค่าเสียหาย 31 ล้าน! ฐานทำลูกตาย รีบดำเนินคดีก่อนหมดอายุความ

มติชนออนไลน์
2 สิงหาคม 2553

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ศาลจังหวัดพระโขนง นายธวัชสิทธิ์ และนางธัญญพัฒน์ ตวงสินกุลบดี สามีภรรยา และเป็นบิดามารดา นายพีรวีร์ ตวงสินกุลบดี ผู้ตาย เป็นโจทก์ฟ้องบริษัทโรงพยาบาล (รพ.) ศิครินทร์ ที่ 1 บริษัทโรงพยาบาลไทยนครินทร์ ที่ 2 นพ. ดำรงค์ ประกายทิพย์ นพ. สุทธิศักดิ์ ไชยอัชนรัตน์ และนพ. หิรัญย์ ศรีจินไตย แพทย์รพ.ไทยนครินทร์ เป็นจำเลยที่ 1 – 5 เรื่องทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายในฐานะผู้บริโภค เรียกค่าเสียหาย 31.2 ล้านบาท

โจทก์ระบุฟ้อง สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2552 ด.ญ.ชญาณ์พิศา โฆษิตเบ็ญจพล ป่วยเป็นไข้หวัด 2009 และเข้ารักษา ร.พ.ศิครินทร์ โดยนายพีรวีร์ ลูกพี่ลูกน้องกับด.ญ.ชญาณ์พิศา ได้แวะไปเยี่ยมดูแลเป็นประจำ จนนายพีรวีร์ต้องเข้ารักษาตัวในวันที่ 24 มิถุนายน 2552 เนื่องจากมีอาการตัวร้อนและไอ โดยมีจำเลยที่ 3 เป็นผู้รักษา และให้กลับบ้าน ทั้งๆที่อาการยังไม่ดีขึ้น ต้องส่งร.พ.ศิครินทร์ อีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ญาติขอให้จำเลยที่ 4 เป็นผู้รักษาแทน พบว่าเป็นปอดบวม เมื่อเอ็กซ์เรย์ปอดเป็นฝ้าขาว แล้วอุทานว่าอาจารย์ (จำเลยที่3) ปล่อยกลับไปได้ยังไง จากนั้นจำเลยที่ 4 จึงเดินมาแจ้งญาติว่าจะส่งตัวไปรักษาที่ ร.พ.ไทยนครินทร์ เนื่องจากมีแพทย์เฉพาะทาง โดยไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสหวัด 2009 ต่อมาจำเลยที่ 5 ได้วินิจฉัยว่านายพีรวีร์ เป็นโรคปอดบวม และไม่ได้ซักประวัติรคหวัด 2009 เมื่ออาการไม่ดีขึ้น ญาติขอย้ายไปรักษาที่ร.พ.อื่น แพทย์ไม่ยอม จนนายพีรวีร์ ถึงแก่ความตาย จำเลยจึงฟ้องเรียกค่าเสียหายรวม 31.2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5

ศาลรับฟ้องคดีไว้และนัดพิจารณาวันที่ 6 กันยายน นี้

นางธัญญพัฒน์ กล่าวว่าผู้ตาย เป็นบุตรคนโต อายุ 28 ปี เป็นเซลล์ขายรถมือสอง รายได้เดือนละ 80,000 บาท เป็นเสาหลักของครอบครัว ตนเห็นว่าทางร.พ.ทั้งสองแห่ง ต้องรับผิดชอบการตายของบุตรชายเนื่องจากการรักษาพยาบาล

นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า เราสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการทางสาธารณสุข เพราะกว่ากฎหมายจะออกมีคนเจ็บคนตายทุกวัน อย่างคดีนี้ เราไปพบนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านก็ส่งเรื่องให้แพทยสภา กองการประกอบโรคศิลป์ ซึ่งทำงานล่าช้าจนขณะนี้ยังไม่ชี้ว่าใครผิด จนคดีจะขาดอายุความในวันที่ 3 สิงหาคม นี้แล้ว จึงตัดสินใจยื่นฟ้อง
โดย: เครือข่ายฯ [2 ส.ค. 53 21:56] ( IP A:115.87.130.249 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   https://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1280756179&grpid=00&catid=
โดย: เครือข่ายฯ [2 ส.ค. 53 22:07] ( IP A:115.87.130.249 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   น่าเห็นใจคุณพ่อคุณแม่ของคนเสียชีวิตนะคะ....รอมานานตั้ง 1 ปี ทำไมหน่วยงานที่ไปร้องเรียนไม่ช่วยเหลือเลย....ประเทศไทย ถ้าเป็นต่างประเทศ เคสนี้เขาช่วยเหลือและชดใช้เต็มที่ เพราะเสียหายมากจริง ๆ เห็นใจ และเป็นกำลังใจให้คะ ถ้ามีพรบ.คุ้มครอง ก็คงไม่ต้องฟ้อง ถ้าตั้งใจฟ้องก็คงไม่ฟ้องตอนจะหมดอายุความใช่ไหมคะ
โดย: เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน [3 ส.ค. 53 8:45] ( IP A:124.120.72.178 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ไม่แปลกใจ

ข่าวยังงี้มีบ่อยครับ
โดย: ฟ้องก็ฟ้อง [3 ส.ค. 53 11:03] ( IP A:125.24.82.98 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   สู้ด้วยกระบวนการศาลสถิตยุติธรรมคือการต่อสู้ที่ถูกต้องและพึ่งได้มากที่สุดในขณะนี้
โดย: ถ้ามีหมอช่วยเป็นพยานให้ [3 ส.ค. 53 16:06] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เราชอบดูหนังจีน มาก ๆ เลย ตอนเด็ก ๆ วัยรุ่น

ชอบเจอตอนชาว ยุทธจักร ไปโรงเตี๊ยม แล้วก็นั่งทานน้ำชา เหล้า กัน

ไปโรง เตี๊ยม แล้วก็ทานน้ำชา เหล้า กัน

อ้าว คุยกันเรื่อง พรบ. เหรอ พอ รอ บอ ....มีก็ดี นะ

เพราะ เราดูหนังจีน เห็นไปโรง เตี๊ยม แล้วดื่มน้ำชา เหล้ากัน เดิม ๆ มันเบื่อ

มีอะไรใหม่ ๆ มาช่วยประชาชน ก็ดี สมัยนี้ หนังจีนสากล เยอะดี
โดย: เจอกับตัว [3 ส.ค. 53 20:24] ( IP A:115.67.76.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   เบื่อดูตอน ไปโรง " เตี๊ยม" แล้วทานน้ำชา เหล้า กัน

เลิกเถอะ พอเสร็จแล้ว ก็วางแผนสกปรก
โดย: อายจาง [3 ส.ค. 53 20:34] ( IP A:115.67.76.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ที่ฟ้องก็เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์ ไม่ได้ต้องการเงิน...
จริงๆ นะ
เชื่อดิ...
โดย: เอามาจากเว็บอื่น [3 ส.ค. 53 22:24] ( IP A:112.142.204.70 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   เซลล์ขายรถมือสอง รายได้เดือนละ 80,000 บาท

เยอะกว่ากุอีก
โดย: หมอ รพ. รัฐ [3 ส.ค. 53 23:09] ( IP A:118.172.76.204 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ขายได้เดือนละ 14000 พอดีเดือนนั้นถูกหวยอีก 66000 บาท

เวลาตายต้องเอาเดือนที่รายได้เยอะที่สุดมาคิด เดือนที่อดตายไม่ต้องคิด และก็ไม่ต้องคิดด้วยว่าจะโดนไล่ออกเมื่อไหร่ มันถึงได้ 31 ล้านไงครับ ไม่แปลก
โดย: ถุย [3 ส.ค. 53 23:54] ( IP A:125.24.94.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   เขาไม่ได้เป็น เซลส์ขายรถ.....เป็นเจ้าของกิจการ....ข่าวลงผิดก็เชื่อไปด้าย....ย....ใช้วิจารณญาณหน่อย...แหม...หาช่องดีจังนะ...ผิดนิดผิดหน่อย....ก็หาช่อง....เสียบ....ดีนะ....ลองเจอเหตุการณ์แบบนี้กับครอบครัวตัวเองดูบ้างนะ....ขออวยพร
โดย: เฮ้อ.....คนหนอคน [4 ส.ค. 53 7:24] ( IP A:124.120.181.168 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ...ก่อนอื่น ต้องพยายามทำให้"ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นคนก่อน" คือ...ต้องขออนุญาตแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของคนไข้รายนี้...ย้ำ...ทุกคนทุกท่านจะออกมาเป็นปี่เป็นขลุ่ยทันทีเมื่อ...รู้ผลตอนจบและหรือตอนสุดท้ายและหรือตอนอวสาน...ถามว่ามีใครผู้ใดบอกได้ไหมว่า...สมมติว่า"คนไข้รายนี้"ได้รับการรักษาที่ได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม"...ย้ำ...ได้มาตรฐานวิชาชีพและจริยธรรม...คนไข้รายนี้จะเป็นเช่นไร...หนึ่ง.รอดตายหายจากโรค...ย้ำ...ร้อยเปอร์เซ็นต์ ใช่ไหม??? มีใคร"หน้าไหน ชื่ออะไร กล้ายืนยัน นั่งยัน นอนยัน บอกตัวมาเลย โดยเฉพาะ...ให้การรับรอง 100 % ว่าหายกลับมาเป็นปกติแน่นอน???...ย้ำ...100%หายจากโรคกลับมาเป็นปกติสเมือนว่าไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อนเลยใช่ไหม???...หรือว่า...สอง.คนไข้รายนี้ ก็จะเป็นแบบนี้ คือ เสียชีวิต???...หรือว่า.สาม.คนไข้รายนี้ อาจจะทุพลภาพ พิการ ไม่เป็นปกติเหมือนก่อนเป็นโรค(ไม่ว่าจะทางร่างกายและหรือจิตใจ???)...เสมือนตายก็ไม่ตาย รอดก็เหมือนไม่รอด...

...ต้องขอขอบคุณ คห.10 ที่ยังกระตุก"ต่อมที่แสดงความเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นต่ำสุดที่ยังพอเรียกว่าคนย"...ที่ว่า"...ข่าวลงผิดก็เชื่อไปด้าย...ใช้วิจารณญาณหน่อย..."เพราะผมเคยย้ำหลายครั้งแล้วว่า...ในการคิด พูด ทำ จำเป็นอย่างยิ่งยวดเลยที่ต้อง...ย้ำ...ต้องใช้หลักกาลามสูตรเป็นหลักที่สำคัญเบื้องต้นที่สิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่าคน ต้องมี...ย้ำ...หลักกาลามาสูตร ต้องมีเป็นหลักเบื้องต้นแรกเลย...

...ประเทศไทยและคนไทยต้องพบกับหายนะเยี่ยงทุกวันนี้ ก็เพราะบังอาจละเมิด บังอาจละเลย"หลักกาลามสูตร"...ถึงได้มี"ผี" ออกมา"โม่"แป้งอยู่ประจำเสมอเสมอ...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [4 ส.ค. 53 8:40] ( IP A:124.120.22.90 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ก็ต้องแจงกันให้ครบหมอจรดหน่อยนะ อย่าเล่นสกปรกบอกความข้างเดียวแบบไม่หมดเปลือก อีกข้างไม่บอกซี มันไม่แฟร์

อย่านึกว่า เป็นหมอกันแล้ว มีปากเทียบเท่าตูด สักแต่พูดไม่ต้องกลัวคนถูกพาดพิงเสียหายจากที่พูดมั่วนิ่มๆซิ

คนไข้ที่ตายน่ะ หมอเจ้าของไข้รายแรกเตะถ่วงการให้ยาและการตรวจวิเคราะห์โรคเป้าหมาย คือ หวัด 2009 ทั้งๆที่ญาติคนตายเคยเข้าไปรักษาที่ ร.พ. แรกนั้นด้วยโรคเดียวกันนี้ก่อนหน้าแล้ว + diag เจอหวัดตัวนั้น และทั้งๆที่ตอนรับคนไข้ที่ตายเข้าไป ญาติก็เรียกร้องให่หมอตรวจหวัด 2009 แต่หมอกลับเพิกเฉย

แต่พอคนไข้ตาย ไปเรียกเก็บค่ารักษาจากทางญาติเขาเป็นล้านสองล้าน ซึ่งก็จ่ายแล้วเป็นล้าน แต่จ่ายไม่ครบ เพราะญาติคนไข้ข้องใจว่าทำไมรักษากันแบบเตะถ่วงอย่างนั้น ทั้งที่มีประกาศ สธ. ระบุชัดว่าถ้าอาการคนไข้ชัดก็ให้ยาต้านได้เลย ญาติคนไข้ก็เรียกร้อง คนไข้ที่ตายก็มีประวิติ์คลุกคลีกับญาติที่เป็นคนป่วยหวัด 2009 ซึ่งมารักษาที่ ร.พ. คู่กรณีไปก่อนหน้านั้นแล้ว ฝ่ายคนไข้เลยปฏิเสธที่จ่ายส่วนที่เหลือ (แถวๆล้านเหมือนกัน) อย่างนี้แล้ว ก็ต้องสู้กันหน่อยล่ะ ตามกระบวนการกฎหมาย

กรณีนี้ญาติคนตายเขามีสิทธิตั้งแง่ไม่จ่ายเงินจนครบ แต่ก็จ่ายเกินครึ่งของที่ถูกเรียกเก็บระดับล้านบาท ที่เหลือตอนนี้ก็ต่างฝ่ายต่างฟ้องร้องกันอยู่ ทุกอย่างก็เดินไปตามความชอบธรรมและกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว งานนี้หากไปหาที่ โรงพยาบาลของรัฐ "อาจ" มีโอกาสรอดมากกว่าและ "แน่นอนว่า" เสียเงินค่ารักษาน้อยกว่านี้อย่างน้อย 3 - 5 เท่า ก็ในเมื่อหากินกับเลือดเนื้อและชีวิตคนไข้ เรียกเก็บเขาแพงระดับนี้ เขามีปัญญาจ่ายได้แน่ แต่เมื่อทำงานผิดพลาด (งานนี้เท่าที่หลักฐานปรากฏ ไม่ได้แค่ผิดพลาด แต่ผมขอกล่าวหาแบบฟันธงเลยว่า หมอเจ้าของไข้รายแรกเจตนาเตะถ่วงการรักษาเพื่อหวังให้โรคลุกลามบานปลายออกไปโดยมุ่งหวังค่ารักษาที่บานปลายเพราะเห็นว่าคนไข้มีฐานะทางการเงินที่จะจ่ายค่ารักษาได้ ทั้งที่เป็นโรคระบาดที่มี ประกาศ อย่างเป็นทางการของ สธ. กำกับถึงขั้นตอนปฏิบัติในการให้วัคซีนและรักษาไว้อย่างชัดเจน แต่ฝ่ายหมอก็ไม่ทำ) ก็ต้องรับผิดชอบคนไข้ให้สมกับที่เรียกค่ารักษาแพงๆด้วย อ้อ แล้วก็ไม่ต้องมาอ้างว่าคนไข้คาดหวังสูงนะ งานนี้ฝั่งคนไข้เขามีปัญญาจ่ายแพงถึงได้ไปหา ร.พ. เอกชน ที่สำคัญผมว่าไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แต่เป็น เรื่องเจตนาประมาทอย่างร้ายแรงอันเล็งเห็นผลที่อาจเกิดขึ้นที่ทำให้คนไข้ถึงตายได้

ฉะนั้น ค้าขายแบบจะเอากำไรเยอะๆน่ะ ไม่ว่า มีคนไข้ที่มีฐานะเขาก็ยอมจ่าย แต่เวลาเสียหายก็ต้องรับผิดชอบเยอะด้วยให้พอสมน้ำสมเนื้อ (จริงไหมครับ? คุณคนเสียแม่) กรณีนี้น่ะ ถ้าฝ่ายหมอรักษาถูกต้องแล้วยังตาย มูลฟ้องที่เรียก 31 ล้านผมก็ว่าสูงไป แต่ในเมื่อเป็นการจงใจเอาชีวิตคนไข้มาล้อเล่น (นี่ผมกล่าวหานะ ซึ่งก็ต้องพิสูจน์กันไปในศาลให้ได้ข้อยุติทางกระบวนการกฎหมายก่อน) แล้วทำให้ชีวิตคนด้าวดิ้นไปอย่างเยาว์วัยแค่นี้ เรียกไป 31 ล้าน ผมว่าสมน้ำสมเนื้อแล้ว ออกจะน้อยไปหน่อยด้วยซ้ำ เพราะน่าจะเพิ่มมากกว่านี้ "เพื่อเป็นการเรียกค่าเสียหายที่สูงๆเชิงลงโทษ" นี่ผมก็ยังไม่รู้ว่า ญาติคนตายเขาจะไม่เอาเรื่องต่อทางคดีอาญาหรือเปล่า? เพราะฝ่ายหมอดันไปละเมิดข้อปฏิบัติทางการแพทย์ในภาวะโรคระบาดที่มีการประกาศไว้แล้วโดย สธ. อย่างชัดเจน เป็นการประมาทเลินเล่อ ( โดยจงใจ ?? ) อย่างร้ายแรงทำให้คนตาย หรือ อาจเป็นการฆ่าคนตายโดยไม่เจตนาโดยหมอเจ้าของไข้ย่อมเล็งเห็นได้ว่า การละเลยข้อปฏิบัติเช่นว่านั้น คนไข้อาจถึงตายได้ตามพยาธิสภาพของโรค

เรื่องนี้พออยู่ในมือศาล หากฝ่ายหมอซวยจริงๆ (ย้ำว่าต้องซวยจริงๆ เพราะปรกติพวกหมอจะหาเซ่นสายในศาลได้ จริงไหม?? ร.พ. พญาไท ๑) ไปเจอศาลที่ตรงเปะเข้า งานนี้เราท่านก็ลองนึกภาพดูว่า ญาติคนไข้ที่ตายจะได้ถึงล้านหรือ 10 ล้าน อย่างที่คหบดีของขอนแก่นฟ้อง ร.พ. ดังเครือเมดิคอลฮับย่านสุขุมวิทซอยต้นๆ ที่ทำคลอดแม่ของลูกท้องแรกแล้วตายทั้งกลม ได้มาแค่ 10 ล้านหลังฟ้องมา 10 ปีกว่า ได้อย่างนั้นไหม??

เนี่ย แล้วถ้าเป็นคนเดินดินกินข้าวแกง "ทำมะดา" จะมีน้ำอดน้ำทน+ กล้า ลงทุนความยุ่งยากและ เงินค่าใช้จ่ายระดับล้าน มาฟ้องอย่างอดๆทนๆรอ 10 ปี เพื่อเอาเงิน (ตั้งสิบล้านสำหรับพวกเรา แต่แค่สิบล้านของเขาที่เป็นคหบดี)

เอ้า ใครสมัครใจจะทำตามนี้ "ยกมือขึ้น!!!!!"

รู้หยั่งงี้แล้ว ใครไม่เอา พ.ร.บ. ฉบับนี้ ให้เอามือลง !!!
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [4 ส.ค. 53 9:19] ( IP A:58.8.108.166 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ...อดีตและหรือประวัติศาสตร์ หากได้มีโอกาสศึกษาเรียนรู้ หรือโดยเฉพาะจาก"บทเรียนของผู้อื่น" อาจทำให้"เราและหรือคนรุ่นหลัง"ได้ตระหนักที่จะคิด พูด ทำ"อะไร"มากขึ้น...

...ผมจึงอยากให้"หลายคน"(หากทุกท่านได้ก็คงจะดี???) ได้หาทางโดยเฉพาะ"การแนะนำและหรือแนวทางแก้ไข" อาจเพื่อเป็นการป้องกันป้องปราม จะได้ไม่เกิดอะไรขึ้นอีก...ผมถึงย้ำเสมอๆว่า...หนึ่ง.หลักกาลามสูตร...สอง.หลักความจริง...สาม.หลักสติปัญญา...สี่.หลักศีลธรรม...

...ปุจฉา...คนไข้ที่ตายน่ะ หมอเจ้าของไข้รายแรกเตะถ่วงการให้ยาและการตรวจวิเคราะห์โรค...

...วิสัชนา...ปกติในการดูแลรักษาพยาบาลคนไข้ คุณหมอทั้งหลายมักไม่ค่อยได้ใช้"อวัยวะ"ที่ใช้กิริยาว่า"เตะ" ยกเว้น ใช้ในการยืน เดิน วิ่ง???...อ้อ...ลืมไป คุณหมอที่ผ่าตัด ขออภัย อาจต้องใช้คำว่า"เหยียบ" เช่น เหยียบจี้...เหยียบ foot switch ต่างๆ...ไม่น่าจะมีหมอคนไหนใช้อวัยวะนั้น"เตะถ่วง"...ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...ช่วยขำหน่อยนะ...โลกจะได้สวยงามมากขึ้น...

...ปุจฉา...ทั้งๆที่ญาติคนตายเคยเข้าไปรักษาที่ ร.พ. แรกนั้นด้วยโรคเดียวกันนี้ก่อนหน้าแล้ว + diag เจอหวัดตัวนั้น และทั้งๆที่ตอนรับคนไข้ที่ตายเข้าไป ญาติก็เรียกร้องให่หมอตรวจหวัด 2009 แต่หมอกลับเพิกเฉย...

...วิสัชนา...ขออนุญาต"ดุ"หมอนิดหนึงนะครับ...หมอ"ต้อง"รู้ Pedigree ของคนไข้ด้วยนะครับ(ไปค้นเอาเองนะว่า Pedigree คือ อะไร)...สำคัญสุด...หมอ"ต้องเขียนในแฟ้มเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษร"...ง่ายที่สุด คือ ถามว่า...ในครอบครัวและหรือที่คุณรู้จัก มีเป็นโรคอะไรบ้างครับ เมื่อไร รักษาที่ไหน ขณะนี้เป็นอย่างไร...และเพื่อความ"...ย้ำ...ความจริง..." อย่าลืมให้คนไข้และหรือญาติ(...ย้ำ...ต้องเป็นญาติโดยชอบและมีอำนาจตามกฎหมาย)เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร...จะได้ไม่ต้องมาเถียงกันให้ผิดใจกันเปล่าๆ...ใครพูด ใครไม่ได้พูด ใครบอก ใครไม่ฟัง...

...เอาแค่นี้...อาจต้องใช้เวลาในการได้"ข้อมูล"เป็นวันๆๆแล้ว...ว่าแต่ว่า...คนไข้และหรือญาตจะ"รอและหรือทนไหว"ไหม...แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับว่า...สภาพของโรคที่คนไข้เป็นอยู่ จะรอและหรือทนไหวได้ขนาดไหน...เพราะหมอเองก็จนด้วยเกล้า ไม่รู้จะถาม"อะไร" ให้"อะไร"ตอบ และไม่รู้จะใช้"ภาษาอะไร"...เพราะสภาพของโรคคงตอบเองไม่ได้แน่...หรือดันไปถาม"ผิดโรค" ยิ่งไปกันใหญ่...ไม่ใช่หมอไม่เก่งนะครับ ไม่ใช่หมอความรู้น้อยนะครับ ไม่ใช่หมอ"เตะถ่วง" ไม่ใช้หมอประมาทเลินเล่อ ไม่ใช้หมอไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพ ไม่ใช่หมอไม่มีจริยธรรม ส่วนจะเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่(ใครละจะเป็นคนตัดสิน คนไข้ ญาติคนไข้ ตำรวจ วิศวกร คุณครู นักร้อง ฯลฯ ถึงต้องมีกฎ กติกา มารยาทฯลฯ)...

...แค่บรรทัดเดียวแค่นี้...ปุจฉา...วิสัชนา...ก็ไม่มีวันจบ...หมอ นะครับ ไม่ใช่ "สี" ถึงจะทนได้ตลอด...สิ่งหนึ่งที่ผมได้เคยบังอาจเรียกร้องจาก"แพทย์ที่อาวุโส"กว่า...คือ...ประกาศข้อเท็จจริงทางการแพทย์...กว่าจะได้ กว่าจะออกมา...
ประกาศ เรื่อง ข้อเท็จจริงทางการแพทย์
ที่มา/ผู้ประกาศ : แพทยสภา
วันที่ : 29 พ.ย. 2549
ประกาศแพทยสภา
ที่ 46 /2549
เรื่อง ข้อเท็จจริงทางการแพทย์


เพื่อให้การดำเนินการทางการแพทย์เป็นไปอย่างเหมาะสม คณะกรรมการแพทยสภาในการประชุมครั้งที่ 11/2549 วันที่ 9 พฤศจิกายน 2549 จึงมีมติให้ออกประกาศแพทยสภา เรื่อง ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 “การแพทย์” ในที่นี้ หมายถึงการแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งคือการแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ทางวิทยาศาสตร์ว่ามีประโยชน์

ข้อ 2 การแพทย์ยังไม่สามารถให้การ วินิจฉัย ป้องกัน และ/หรือบำบัดให้หายได้ทุกโรคหรือทุกสภาวะ บางครั้งอาจทำได้เพียงบรรเทาอาการหรือประคับประคองเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น บางโรคยังมิอาจ ให้การวินิจฉัยได้ในระยะเริ่มแรก

ข้อ 3 ในกระบวนการดำเนินการทางการแพทย์อาจเกิดสภาวะอันไม่พึงประสงค์ได้ แม้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย

ข้อ 4 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมใช้ดุลยพินิจในการเลือกกระบวนการดำเนินการทางการแพทย์ รวมทั้งการปรึกษาหา รือส่งต่อโดยคำนึงถึงสิทธิและประโยชน์โดยรวมของผู้ป่วย

ข้อ 5 เพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเอง ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอาจปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยที่ไม่ อยู่ในสภาวะฉุกเฉิน อันจำเป็นเร่งด่วนและเป็นอันตรายต่อชีวิต โดยต้องให้คำแนะนำหรือส่งต่อผู้ป่วย ตามความเหมาะสม

ข้อ 6 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานและจริยธรรมวิชาชีพ ย่อมมีสิทธิ และได้รับความคุ้มครองที่จะไม่ถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม

ข้อ 7 ภาระงาน ข้อจำกัดของสถานพยาบาล ความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อม ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ย่อมมีผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินการทางการแพทย์

ข้อ 8 การปกปิดข้อมูลด้านสุขภาพและข้อเท็จจริงต่างๆ ทางการแพทย์ของผู้ป่วยต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ทำการวินิจฉัยและรักษา ย่อมมีผลเสียต่อการวินิจฉัยและการรักษา

ข้อ 9 การไม่ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือบุคลากรทางการแพทย์ ย่อมมีผลเสียต่อการรักษาและการพยากรณ์โรค





ประกาศ ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2549
(นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา)
นายกแพทยสภา

...ความจริง...เป็นสิ่งที่ทุกคนทุกท่านต้องยอมรับ...หากใครก็ตามบังอาจ"ปฏิเสธ"ความจริง แล้วจะพูดกันรู้เรื่องหรือ แล้วจะฟังกันรู้เรื่องหรือ...

...ดั่งเดิมของผม ผมขอแค่ให้แจ้งความจริงแก่ทุกคนทุกท่านทราบตามป้ายประกาศแค่นี้เอง ว่า...

...โรคและหรือความผิดปกติทางร่างกายและหรือทางจิตใจ การตรวจและหรือการรักษาอาจมีได้หลายวิธี และหรือก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางร่างกายและหรือทางจิตใจ และหรือก่อให้เกิดความพิการ และหรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ หากยังไม่เข้าใจ ได้โปรดกรุณากลับไปอ่านซ้ำและหรือสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้อง ก่อนตัดสินใจ...

...ต้องขอขอบคุณ ที่ได้มามากกว่าที่ต้องการ...
โดย: pimsen/policemajor@hotmail.com [4 ส.ค. 53 11:46] ( IP A:124.120.22.90 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ข้อ 1 “การแพทย์” ในที่นี้ หมายถึงการแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งคือการแพทย์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ทางวิทยาศาสตร์ว่ามีประโยชน์
****************************************
เป็นการเขียนคำจำกัดความของคำว่า "การแพทย์"ขึ้นมาใหม่ มีนัยที่แตกต่างจากคำจำกัดความของคำว่า "วิชาชีพเวชกรรม" ในพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 โดยละเว้นหลักการสำคัญของการแพทย์ไปข้อหนึ่งคือ เรื่องความปลอดภัย ซึง่เป็นหลักการที่สอนกันมาตั้งแต่สมัยฮิปโปเครติส เมื่อประมาณ2500ปีมาแล้ว คือต้องคำนึงทั้งในแง่ที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ( Beneficence and Non-maleficence หรือ Do good and Do no harm)

การประกาศเช่นนี้สะท้อนจิตสำนึกของผู้ออกประกาศที่มองการแพทย์เพียงด้านเดียว คือ มองแต่ด้านประโยชน์ แต่มองข้ามเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย และแม้แต่ประโยชน์ที่ควรจะตกแก่ผู้ป่วยก็มีประกาศข้อที่ 2 ตีกรอบไว้อีกว่า ประโยชน์จากการวินิจฉัยและเยียวยาของแพทย์ก็มีข้อจำกัด จะตั้งความหวังไว้สูงไม่ได้
*******************************************
ข้อ 2 การแพทย์ยังไม่สามารถให้การ วินิจฉัย ป้องกัน และ/หรือบำบัดให้หายได้ทุกโรคหรือทุกสภาวะ บางครั้งอาจทำได้เพียงบรรเทาอาการหรือประคับประคองเท่านั้น ยิ่งกว่านั้น บางโรคยังมิอาจ ให้การวินิจฉัยได้ในระยะเริ่มแรก
********************************************
ข้อ 3 ในกระบวนการดำเนินการทางการแพทย์อาจเกิดสภาวะอันไม่พึงประสงค์ได้ แม้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมจะใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม ซึ่งถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย
********************************************
ประกาศข้อ 3 เป็นการสรุปแบบเข้าข้างแพทย์อย่างผิดๆว่า ถ้าแพทย์ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอแล้วเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ ก็ต้องถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เป็นการสรุปที่ผิดเพราะโดยหลักจริยธรรมพื้นฐานนอกจากความระมัดระวังแล้ว แพทย์จะต้องดูแลรักษาผู้ป่วยบนพื้นฐานของความรู้ความชำนาญ ด้วยเจตนาดี และมุ่งประโยชน์ต่อผู้ป่วยโดยแท้จริง ความในประกาศข้อ3 เปิดช่องให้แพทย์ที่ฉ้อฉล เช่นผ่าตัดคนไข้โดยหวังอามิสเป็นหลักทั้งๆที่ไม่สมควรผ่าตัด หากมีความระมัดระวังในการผ่าตัดอย่างเต็มที่แต่เกิดผลแทรกซ้อนก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัยจะเอาผิดกับตนมิได้
********************************************
ขอบคุณบทความดีดีของท่าน ศ.นพ.วิฑูรย์ อึ้งประพันธ์ ผู้ร่วมก่อตั้งแพทยสภาและเลขาธิการแพทยสภา พ.ศ. 2515-2519
โดย: เมียโทรตามแล้วอีกสี่ข้อพรุ่งนี้มาต่อกัน [4 ส.ค. 53 18:15] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   คุณความเห็น 12 นี่เป็นหมอเหรอครับ รู้ได้ไงว่าเป็นไข้หวัด 2009 Dx ได้ไง gold standard diagnosis คืออะไร แล้ว Dx ได้แล้วมี indication อะไรในการให้ oseltamivir มี risk-benefit อะไรในการให้( มี paperด้วยก็ยิ่งดี เพราะจะได้เอาไปใช้ในชั้นศาล)

"หมอเจ้าของไข้รายแรกเจตนาเตะถ่วงการรักษาเพื่อหวังให้โรคลุกลามบานปลายออกไปโดยมุ่งหวังค่ารักษาที่บานปลายเพราะเห็นว่าคนไข้มีฐานะทางการเงินที่จะจ่ายค่ารักษาได้"

คุณเคยเห็นเวชระเบียนของคนไข้รายนี้แล้วหรือครับ มาวิจารณ์เป็นฉากๆ หรือว่าข้อมูลที่คุณเอามา หาได้จากฐานข้อมูลในหนังสือพิมพ์
ไม่มีหมอคนไข้เจตนาเลี้ยงไข้หรอกครับ ยิ่งโรคที่มี complication ได้ง่ายๆ แบบนี้ แล้วยิ่งใน setting ของโรงพยาบาลเอกชน ประกอบกับยุคนี้มีคนหวังตั้งตัวจากความตายของญาติพี่น้องอยู่เยอะแยะ ใครเลี้ยงไข้ก็บ้าแล้วครับ

อาจารย์ผมสอนว่าอะไรที่เราไม่รู้ เราไม่ต้องพูด เพราะเวลาเราพูดแล้วคนอื่นที่มีความรู้ฟัง แล้วเขาจะรู้ว่าเราโง่
โดย: เบื่อขาประจำ ไม่รู้ได้เงินเดือนเดือนเท่าไหร่เนอะ มาเฝ้าบอร์ดแบบนี้ [5 ส.ค. 53] ( IP A:58.11.78.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
    ขาประจำ ไม่รู้ได้เงินเดือนเดือนเท่าไหร่
คนรู้ทันฯ เงินเดือนแสนกว่า
ผมเงินเดือนแปดหมื่นกว่า บางเดือนงานพิเศษเยอะก็แสนกว่าๆไม่เกินสองแสน หักภาษี ณ.ที่จ่ายถูกต้อง
โดย: ตอบให้ [5 ส.ค. 53 9:03] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ถ้าฉันถูก ครายฟ้อง เอาตังค์

ฉันก็ต้องสู้ สู้ เพราะ 1. ไม่อยากจ่าย 2. อายเค้าถ้าจับได้ว่าผิดจริง

แต่มีอยู่ข้อ 1 ที่ฉันจะไม่ทำ คือหากกผิดจริง ก็จะยอมรับผิด
ถ้าผิดจริง แล้วจะไปสู้โกหก กับใครต่อใคร นั้นเป็นเรื่องน่าอายกว่า

เรื่องธรรมดา ที่คิดได้ เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป เป็นธรรมชาติมนุษย์ พื้นฐาน เพราะฉันยึดหลักคุณธรรม
ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อสีขาว สีแดง สีเหลือง หรือสีอะไร จึงจะเรียกว่ามีคุณธรรมสูง


ความผิดนั้น อาจมาจาก ความประมาท เลินเล่อ สะเพร่า เป็นธรรมดา เป็นสิ่งที่ควรต้องรับผิดชอบ (แน่นอน)
โดย: คุณธรรม [5 ส.ค. 53 9:21] ( IP A:115.67.186.148 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   พวกแม่งร้อนเงิน ได้ประชุม 6000 แล้วยังไม่พอ
โดย: คุณธรรมน่ะมีมั๊ย [5 ส.ค. 53 9:58] ( IP A:58.64.31.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   อ้าวแล้วถ้าไม่ผิด แล้วก็มาบอกว่าไม่ผิด จะต้องอายมั้ยครับ
(ใครผิด แล้วมาบอกว่าไม่ผิด ก็เลวกันไปนะครับ ไม่ได้พูดถึง)
โดย: 222 [5 ส.ค. 53 13:51] ( IP A:61.19.38.205 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   โห เดี๋ยวนี้เขาจ้างกันเป็นแสนเลยเหรอ เลยเข้ามาตอบเป็นฉากๆได้บ่อยๆ ที่แท้เขาเลี้ยงดูดี เงินเดือนเป็นแสน ถีงได้มีแรงขนาดนี้

สมัยก่อนเห็นจ้างกัน 20000-30000 บาทก็ปกป้องเว็ปให้นายจ้างแทบจะตายแทนได้แล้ว ถ้าได้เป็นแสนจริงนี่คงปกป้องบูชา ด่าแทนเจ้าของกระทู้จนไม่รู้จะว่ายังไงดี
โดย: ทำงานในเน็ตนี่เงินดีจริงๆ [5 ส.ค. 53 15:37] ( IP A:58.11.78.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   ตอบ คห ที่ 16

ผม "โชคดีมากๆ" ที่ไม่ได้เป็นหมอในยุคนี้ ยิ่งเป็นผู้เสียหายจากหมอทำ+มีประสบการณ์ช่ำชองจริงจากการถูกหมอโกหกเนียนๆอย่างผู้ทรงภูมิ สั่งสมเรื่อยๆมาจนสามารถจับโกหกหมอได้คล่องๆจากประสบการณ์และสามัญสำนึกแบบชาวบ้าน ซึ่งส่วนหลังนี่ผมก็เห็นว่ามันหายไปมาก จากเท่าที่อ่านความคิดเห็นของคนที่แสดงตัวเป็นหมอในที่นี้ และที่รับฟังวิธีคิดของหมอในแพทยสภาทั้งหมดที่ออกข่าวกันมา

พวกท่านหมอหมอที่แสดงตัวในบอร์ดนี้ ส่วนใหญ่ก็เนียนๆ แถๆ แกล้งโง่ แกล้งไม่เข้าใจอะไรทำนองนี้ แต่ผมก็เห็นความสามารถที่ตรงนี้ของหลายความเห็น และผมก็เห็นความซื่อบื้ออย่างสุดจริตของอีกหลายความเห็นเหมือนกัน

พวกอย่างแรกที่ผมว่า มักมีความสามารถในการยกความรู้ทางด้านหมอๆมากลบความเห็นของผมที่ "ไม่รู้จริง" ในเรื่องหมอๆนั้น แต่พวกท่านลืมไปอย่างว่า ท่านแถหรือกลบได้แต่เรื่องทางวิชาการหมอๆที่ผมหรือพวกเราในที่นี้ไม่รู้ แต่ท่านลบความจริงความเสียหายที่ตัวคนและ/หรือสภาพการเดินเรื่องอย่างเป็นเหตุเป็นผล ที่ขัดกับการแถการกลบของท่าน ไม่ได้

อ้อ อาจารย์ของคุณเขาพูดดีนะ แต่ผมมีอีกแง่หนึ่งนะว่า ยอมไม่เป็น โง่ไม่ได้ ไม่มีวันฉลาดไม่มีวันเก่ง

พวกเราชาวเครือข่าย "ผู้เสียหายทางการแพทย์" เนี่ย ล้วนโง่ล้วนยอม (อย่างตกกระไดพลอยโจนในสภาพบังคับ) มาก่อนทั้งนั้น พวกเราฉลาดขึ้น เท่าทันมากขึ้นและยิ่งๆขึ้น ก็เพราะได้เรียนรู้จากความบัดซบฉ้อฉลของวงการแพทย์ในส่วนของแพทยสภาซ่องโจร ที่มากด้วยหมู่คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นระดับมันสมองของประเทศ พวกเราได้ครูดี (แต่เราเลือกที่จะไม่เลวชั่วร้ายแบบครู) เราก็ต้องเก่งขึ้น เท่าทันขึ้น อย่างธรรมชาติอยู่แล้ว

คิดย้อนกลับ การยอมรับว่าโง่ รู้ตัว แล้วปรับปรุงจนได้อำนาจการต่อรอง และเรื่อยมาจนได้ข้อสรุปเป็น พ.ร.บ. คุ้มครองฯ เป็นการฟ้องร้องเอาผิดกับผู้ที่ได้ชื่อว่าทรงภูมิปัญญามากกว่า มีฐานะทางเศรฐกิจและสังคมที่ดีกว่าสูงส่งกว่า (แต่เลวบัดซบ) จะดีกว่าไหมเมื่อเทียบกับ

คนที่ไปเที่ยวชี้หรือสอนหรือกำหนดให้คนโน้นคนนี้ที่คิดว่าเขาเหล่านั้นโง่กว่าตน ด้อยกว่าตน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าระดับสติปัญญาของตัวเองแท้ที่จริง มีอยู่แค่ไหนกันแน่

คนกลุ่มหลังที่ว่านี้ จะน่าสมเพช น่าเวทนา มากกว่าพวกเราชาวเครือข่ายฯ ที่ยอมรับว่าโง่ (เพราะถูกหลอกมาก่อน)

ลองนึกๆโดยใช้ปัญญาให้มากๆ หน่อยก็ดี
โดย: อย่าสักแต่แสดงภูมิที่มีแต่เนื้อสมอง [6 ส.ค. 53 10:45] ( IP A:115.87.200.250 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   โห แสนนึงนี้ตอบสนองทันควัน ภูมิใจแทนคนจ้างจัง ไม่เสียดายเงินจริงๆ

ไว้หมอต้องจ้างมาปล่อยทิ้งในเว็ปนี้บ้างแล้ว จ้างสักสองแสนนีคงตอบกระทู้เว้นกระทู้เลย
โดย: เดี๋ยวนี้มีพวกรับจ้างเห่าในเน็ต [6 ส.ค. 53 23:43] ( IP A:58.8.138.45 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   ถ้าจะจ้างให้พูดเรื่องจริง ขยายเรื่องจริง ก็ยินดีนะ รับงานได้ทันที

แต่ถ้าจ้างให้โกหก จนโดนเพื่อร่วมอาชีพตอกหน้าว่าเป็น "คนตอแหล" กลางหน้าจอทีวี คนดูเป็นแสนเนี่ย คิดหนักหน่อย

เอ ก็ไม่รู้ว่า เวลาที่เจอเหตุการณ์แบบนี้เข้า จะรู้สึกยังไง จะตีหน้ายังไงถูก???? แล้วคนที่โดนตอกหน้าซะขนาดนั้น แทนเพื่อนโจรอีกร่วมสามสิบกว่าคน โดยแส่เข้าไปหาที่เองทั้งๆที่ไม่ต้องเสียเงินจ้างเนี่ย

จะ เซ่อ ได้ขนาดไหนกันอะ จริงไหมคุณ จีเอ็น????
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [9 ส.ค. 53 14:44] ( IP A:61.90.10.152 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   บอกตายเพราะ 2009 แต่ระวังไว้เถอะ ใบมรณะบัตรคนละเรื่อง
โดย: จิ๋วแจ๋วรู้จริง [27 ต.ค. 53 16:13] ( IP A:119.46.143.241 X: )
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน