2 ปีกฎหมายฟ้องคดีผู้บริโภคปัญหาเพียบ
   https://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000116167

2 ปีกฎหมายฟ้องคดีผู้บริโภคปัญหาเพียบ นายทุนฉวยใช้เอาคืน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
20 สิงหาคม 2553 17:38 น.

ญาติพี่น้องของ "เหยื่อซานติก้าผับ" ยังรอความหวังอันริบหรี่จากกฎหมายพิจารณาคดีผู้บริโภค

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กฏหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคที่บังคับใช้มา 2 ปี ยังมีปัญหาเพียบ ผู้ประกอบการฉวยใช้เป็นเครื่องมือรุมฟ้องผู้บริโภค ขณะที่ระบบการจำแนกคดีทำให้การพิจารณาล่าช้า ภาระการพิสูจน์ยังตกอยู่ที่ผู้บริโภค และเจ้าพนักงานคดีไม่เพียงพอ สุดช้ำ “เหยื่อซานติก้า” ถูกทอดทิ้งสู้เพียงลำพัง

ในงานสัมมนา ศาลอุธรณ์ ภาค 1 กับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชนในวาระ ครบรอบ 20 ปีศาลอุธรณ์ ภาค 1 ได้จัดเวทีเสวนา “1 ปี กับคดีผู้บริโภค : ใครได้ใครเสีย” เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.), นายประมวญ รักศิลธรรม ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ ภาค 1, นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และนายสุวิทย์ หมื่นเดช ผู้จัดการฝ่ายป้องกันการทุจริตบัตรเครดิตบริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด เข้าร่วมเสวนา

นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงปัญหาการใช้กฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคว่า ถึงแม้ว่าหลักการและแนวคิดของกฎหมายนี้จะเน้นขยายความคุ้มครองผู้บริโภคให้ เข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้สะดวก รวดเร็ว ประหยัด และเป็นธรรม แต่การบังคับใช้ กฎหมายที่ผ่านมานั้น การวินิจฉัยประเภทคดีว่าเป็นคดีผู้บริโภคหรือไม่นั้น ก่อให้เกิดปัญหาความล่าช้าในการพิจารณาคดี

ถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะยื่นฟ้องคดีที่ศาลชั้นต้นไปแล้ว แต่ผู้ประกอบการก็จะอ้างว่าคดีนี้ไม่เข้าข่ายเป็นคดีผู้บริโภค เรื่องดังกล่าวก็ต้องถูกส่งไปให้ศาลอุธรณ์วินิจฉัยก่อนว่าเข้าข่ายคดีผู้บริโภคหรือไม่ การพิจารณาคดีที่ศาลชั้นต้นก็ต้องหยุดลงเพื่อรอคำวินิจฉัยออกมาก่อน เพราะการแยกประเภทคดีจะมีผลต่อการพิจารณาตัดสินคดีและค่าฤชาธรรมเนียม หากไม่ใช่คดีผู้บริโภคก็จะต้องมีการเสียค่าธรรมการยื่นฟ้องแพ่ง ซึ่งความล่านี้ส่งผลต่ออายุความตามกฎหมาย

อีกปัญหาก็คือการตีความ ประเภทคดีที่เกี่ยวพันกันว่าเกี่ยวพันกันหรือไม่ ซึ่งอาจมีความคาบเกี่ยวกันเช่น คดีแพ่งที่ฟ้องผู้ประกอบการเป็นคดีผู้บริโภคนั้น จะคาบเกี่ยวถึง พ.ร.บ.ความรับผิดอีกหรือไม่ ซึ่งต้องส่งให้ ศาลอุธรณ์พิจารณาอีกเช่นกัน

นายสุรชัย ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงประเด็น เรื่องเขตอำนาจศาลตามมาตรา 17 ที่ว่าให้ผู้บริโภคเป็นโจทก์ฟ้องต่อศาลที่มีภูมิลำเนาหรือมูลคดีเกิด ผู้ประกอบการธุรกิจเป็นโจทก์ให้ฟ้องต่อศาลที่มีภูมิลำเนา เรื่องนี้ดูเหมือนจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภค แต่กลับกลายเป็นว่า สร้างภาระ เพราะคนทั่วไปไม่ได้ทำงานอยูในภูมิลำเนาของตัวเอง บางคนทำงานอยู่กรุงเทพแต่ถูกฟ้องศาล และศาลได้ส่งเอกสารไปภูมิลำเนาที่บ้านเกิดที่ต่างจังหวัด ก็ต้องกลับไปขึ้นศาลที่ต่างจังหวัด ตรงจุดนี้ควรจะต้องแก้ปัญหา ให้ตีความคำว่าภูมิลำเนาในความหมายอื่นด้วย

“อีกปัญหาที่พบก็คือการ ปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานคดี ตามมาตรา 20 เจ้าพนักงานคดียังน้อยและไม่มีความพร้อม ซึ่งตามกฎหมายนั้นให้บทบาทเจ้าพนักงานคดีเด่นมากแต่ปัจจุบันยังไม่มี"

นอกจากนั้น กฎหมายมาตรา 44 ว่าด้วยเรื่องความรับผิดชอบของนิติบุคคล หุ้นส่วน ผู้ถือหุ้น ผู้มีอำนาจกระทำการแทนนั้น ถือเป็นข้อกฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อผู้บริโภคในการใช้สิทธิ อย่างกรณีของซานติก้า ศาลชั้นต้นรับฟ้องและมีคำสั่งให้สืบไปถึงผู้ถือหุ้นของซานติก้า ผู้บริโภคจึงต้องส่งค่านำหมายให้ผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายในการนำหมายส่งไปแล้วกว่า 10,000 บาท ซึ่งผู้บริโภคต้องออกเอง แต่ภายหลังมีการยกเลิกคำสั่ง ภาระค่าใช้จ่ายตรงนี้จึงตกอยู่กับผู้บริโภค และไม่สามารถเรียกคืนได้

"ระบบการสืบพยานเป็นระบบไต่สวนศาลมีอำนาจเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตาม มาตรา 33 และ 34 แต่ศาลก็ยังไม่มีกระบวนการใช้ส่วนนี้ได้อย่างเต็มที่" นายสุรชัย กล่าว

ด้านนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงปัญหาการใช้กฎหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค ว่าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องคดีผู้บริโภคไปทั้งหมด 169 คดี แบ่งเป็นรถโดยสารสาธารณะ 94 คดี ประกันภัย 51 คดี สุขภาพ 6 คดี อสังหาริมทรัพย์ 5 คดี มาตรฐานสินค้า 3 คดี โทรคมนาคม 3 คดี คุณภาพบริการ 2 คดี และสัญญาเช่าซื้ออีก 2 คดี

“ปัญหาที่เราพบก็คือความไม่เพียงพอของเจ้าพนักงานคดี ถือเป็นปัญหาทำให้ไม่สามารถใช้กฎหมายฉบับนี้ได้จริงตามวัตถุประส่งค์และเจตนารามณ์ของกฎหมาย โดยเฉพาะการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานโดยศาลเป็นผู้สืบพยาน ซึ่งเป็นภาระของศาล ทางศาลจึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 4 นี้มอบหมายให้เจ้าพนักงานคดีทำแทนในเรื่องต่างๆ ตามข้อกำหนดประธานศาลฎีกา เพื่อสืบเสาะหรือพิสูจน์ให้ได้มาซึ่งพฤติกรรมและพฤติการณ์ของคู่กรณีว่ามี ความผิดจริงตามฟ้องหรือไม่ แต่ปัจจุบันการสืบหาพยานหลักฐานต่างๆ ยังตกเป็นของผู้บริโภคเช่นเดิม

"ผู้บริโภค ต้องรับภาระส่งหมายเรียกพยานบุคคคล พยานหลักฐาน รวมทั้งต้องเสียค่าธรรมเนียมการนำส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง หมายนัดไปยังคู่กรณีเองอย่างกรณีซานติก้าที่ต้องส่งถึงผู้ถือหุ้น 30 คน ต้องเสียเงินกว่า 10,000 บาท” เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าว

เลขาธิการมูลนิธิผู้บริโภค ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงความแตกต่างการใช้ดุลพินิจที่แตกต่างกันของศาลแต่ละคดี ในการพิจารณาคำร้องผู้บริโภคที่ใช้สิทธิตามมาตรา 44 ที่จะรับพิจารณาคำร้องหรือไม่รับ กรณีตัวอย่างคดีผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากบริษัทสัมพันธ์ประกันภัย และซานติก้าผับ ที่บางศาลจะไม่รับคำร้องหรือรับเป็นบางราย เพื่อไต่สวนเพราะคิดว่าเป็นการกลั่นแกล้งผู้ถือหุ้นและเป็นการเสียเวลา เป็นต้น ทั้งที่ผู้บริโภคได้ใช้สิทธิชี้แจงและยืนยันการใช้สิทธิตามมาตรานี้แล้ว และเป็นการใช้สิทธิผู้บริโภคตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย

“ส่วนเรื่องการไม่ต้องใช้ทนายความนั้น เห็นว่าไม่เป็นจริง เพราะบางคดีมีความซับซ้อน ผู้บริโภคจำเป็นต้องมีทนายเพื่อดำเนินคดีอย่างคดีทางการแพทย์ หรือคดีที่ผู้บริโภคถูกฟ้องแย้งและต้องทำคำให้การกลับไป และผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงกฎหมายฉบับนี้ได้จริง เช่น การเขียนคำฟ้อง คำร้อง คำเบิกความ หรืออื่นๆ ได้เองทุกเรื่อง จำเป็นต้องมีทนาย” นางสาวสารี กล่าว

สำหรับความความหวังของผู้บริโภคต่อการพิจารณาคดีในกฎหมายนี้ นางสาวสารี กล่าวว่า สิ่งที่ผู้บริโภคคาดหวังก็คือความรวดเร็ว และการมีบรรทัดฐานในการตัดสินคดีที่เป็นแบบเดียวกันของศาล เพราะพบว่าถึงแม้จะเป็นคดีเดียวกันแต่การตัดสินต่างกัน และอยากให้กฎหมายฉบับนี้เป็นส่วนที่จะทำให้ประชาชนเข้าถึงและใช้ได้อย่างแท้จริง

ทั้งนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ได้ติดตามการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว พบว่า กว่า 2 ปีแล้วที่กฎหมายได้มีผลบังคับใช้ ปรากฏว่า ผู้ใช้สิทธิตามกฎหมายฉบับนี้ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 คือผู้ประกอบการ ห้างร้าน บริษัท ฯลฯ ที่ใช้สิทธิไล่เบี้ยประชาชนผู้บริโภค และมีผู้บริโภคจำนวนไม่มากนักที่ใช้สิทธิปกป้องตนเองตามพระราชบัญญัติฉบับนี้

อีกทั้งผู้บริโภคที่ใช้สิทธิเองต่างพบเจอปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ไม่เป็นไป ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เช่น ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องมีทนายความในการดำเนินคดี , ความล่าช้าในการวินิจฉัยของศาล , การพิจารณาคดีในระบบไต่สวนของศาล , การมีเจ้าพนักงานคดีที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย , การไม่ได้รับการยกเว้นค่านำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องในศาลชั้นต้น เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการใช้สิทธิของผู้บริโภคตามเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกล่าว

อนึ่ง ในวันที่ 25 สิงหาคม 2553 นี้มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคร่วมกับแผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพจัดงาน ประชุม “สภาปฏิรูประบบกระบวนการยุติธรรม : กรณี 2 ปี พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551” ณ ห้องประชุมนนทรี โรงแรม ทีเค พาเลซ แจ้งวัฒนะ 15 ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร เวลา 08.30-16.30 น.
โดย: ปัญหายังมีอีกมาก [22 ส.ค. 53 11:36] ( IP A:58.9.204.48 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ทำไมไม่เห็นเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ไปร่วมงานนี้ล่ะหรือว่าไม่ได้รับเชิญทั้งทีมีคดีความมากมาย ก็แบบนี้แหละคนทำงานจริงไม่ได้มีโอกาสได้พูดความจริง
โดย: ประเทศไทย [22 ส.ค. 53 16:31] ( IP A:58.9.204.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   กฏหมายวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค

ไม่รู้ว่าใครเข็นออกมาให้ใช้ แล้วรับรองว่าไม่มีปัญหา ทำไมไม่มีผู้รับผิดชอบไปแก้กฏหมาย

เรื่องพรบ ผู้เสียหายก็ชักจะไม่แน่ใจแล้ว ว่าจะเป็นแบบเดียวกัน
โดย: ไม่มั่นใจ [22 ส.ค. 53 20:40] ( IP A:110.49.193.39 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ผมว่า สุดท้ายก็แบบเดียวกัน มีปัญหาภายหลัง แล้วแก้ไม่ได้ ไม่มีใครรับผิดชอบ
โดย: ไม่มั่นใจ [22 ส.ค. 53 20:43] ( IP A:110.49.193.39 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ยังไม่อยากพูดเลย ว่าตอนนี้ ไปเจอกับความไม่ยุติธรรมอะไรมาบ้าง

รอให้ชัดเจน กว่านี้ ว่า นั่น คือความไม่ยุติธรรม ชัดเจน แล้ว

ก็คงเหมือน เด็ก ที่ถูกรังแก หรือกลั่นแกล้ง บ่อย หลายครั้ง จนทนไม่ได้

ต้องร้อง... เสียงดัง จน...รู้สึกแปลกใจ
โดย: ผบ.. เผื่อบ้าง [22 ส.ค. 53 23:10] ( IP A:1.47.183.228 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   กฎหมายเดิมก็ดีอยู่แล้ว แต่มันมีคนไม่ดีเล่นบทศรีธนญชัยมากเกินไป เขาก็ต้องออกกฏหมายใหม่ อ้ายพวกเอี้ยมานก็เต้นเป็นเจ้าเข้า
โดย: พวกเอี้ย [22 ส.ค. 53 23:34] ( IP A:58.9.204.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   เรื่องการฉวยโอกาส "แซะด้านข้างเนียนๆ" แบบความเห็นที่ 3 + 4 นี่ก็เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่พบได้

เรื่องข้ออ้างว่า "ไม่มั่นใจ" แบบโหนกระแสหรือปั่นกระแสขึ้น เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ผลมาหลายเพลาแล้ว

ส่วนผมที่มั่นใจเต็มร้อยก็คือ อะไรที่แพทยสภา หรือ แพทยสมาคม หรือสมาคม/ชมรมอะไรก็แล้วแต่ ที่ตั้งกันขึ้นมาในรอบ 2 - 3 ปีนี้ แล้วก็มีบุคคลากรทางการสาธารณสุขร่วมอยู่ด้วยแบบไม่มีที่มาที่ไปอย่างสมเหตุผล

รับรองได้ว่า ไม่มีเรื่องดีปนอยู่ในการเคลื่อนไหวของหมู่ชมรม/สมาคมอุปโลกเหล่านี้

เอาที่แน่ๆ แพทยสภาที่เป็นหน่วยงานตามกฎหมายที่ต้องตรวจตราปกป้องความถูกต้องของวิชาชีพ กองประกอบโรคศิลปะที่เป็นหน่วยงานที่กินเงินภาษีของประชาชนทำหน้าที่ควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพสาธารณสุขเชิงการค้า กลับทำหน้าที่+ฉ้อฉลในทางที่ตรงข้ามกับหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย

ฉะนั้น อะไรที่จะอ้างว่า พ.ร.บ. หรือมาตรการอะไรใหม่ๆที่ออกมาว่า กลัวจะไม่เป็นธรรม กลัวประชาชนจะเสียผลประโยชน์

ทั้งหมดก็เป็นเรื่อง ตอแหล ทั้งเพ

ไอ้เรื่องทำนองรี้นี่แหละ ที่มั่นใจได้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ว่า ตอแหลตามสันดาน
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [23 ส.ค. 53 9:48] ( IP A:58.11.73.157 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   แพทยสภาที่เป็นหน่วยงานตามกฎหมายที่ต้องตรวจตราปกป้องความถูกต้องของวิชาชีพ กองประกอบโรคศิลปะที่เป็นหน่วยงานที่กินเงินภาษีของประชาชนทำหน้าที่ควบคุมมาตรฐานการประกอบวิชาชีพสาธารณสุขเชิงการค้า กลับทำหน้าที่+ฉ้อฉลในทางที่ตรงข้ามกับหน้าที่ของตัวเองตามกฎหมาย

ฉะนั้น อะไรที่จะอ้างว่า พ.ร.บ. หรือมาตรการอะไรใหม่ๆที่ออกมาว่า กลัวจะไม่เป็นธรรม กลัวประชาชนจะเสียผลประโยชน์

ทั้งหมดก็เป็นเรื่อง ตอแหล ทั้งเพ

ไอ้เรื่องทำนองรี้นี่แหละ ที่มั่นใจได้แน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง ว่า ตอแหลตามสันดาน
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [23 ส.ค. 53 9:48> ( IP A:58.11.73.157 X: )
======================================

จุดใหนบ้างเหรอครับ อยากเห็นเป็นบุญตา

ไม่ได้จะปกป้องแพทย์สภาหรอกนะครับ ไม่ได้รู้สึกว่าเกี่ยวข้องกันเท่าใหร่ด้วย

แต่เห็นว่ามีคนว่าคอรับชั่น ก็อยากเห็นเป็นวิทยาทาน

กล่าวอะไรมาก็ขอเนื้อหาหน่อยนะครับ

กล่าวลอยๆแบบนี้ ไม่แปลกที่หลายคนคิดว่าคุณเกรียน

รอคำตอบอยู่นะครับ
โดย: Dr.K [23 ส.ค. 53 11:45] ( IP A:117.47.125.202 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ง่ายครับ

ลองไปหาอ่านหนังสือ "นางปีศาจร้ายในสายตาหมอ" ดู

รายละเอียดในนั้นเยอะ แล้วก็ตรวจสอบได้หมด

อ้อ ไม่กี่อาทิตย์ก่อนท่านอาจารย์วิชัย โชควิวัฒน์ (หนึ่งในคนจับทุจริตมือฉมัง) ก็ตอกหน้าอดีดเลขาธิการแพทยสภาว่า "แพทยสภาโกหก" หรือพูดภาษาชาวบ้านว่าตอแหลน่ะ

ถ้าคุณยังไม่สามารถรับรู้ความตื้นลึก หนักหนาและสาหัสของเรื่องนี้ และยังไม่แน่ใจว่า แพทยสภา ก๊กนี้ เป็นซ่องโจรหมอ อย่างที่คณบดี คณะนิติศาสตร์เอ่ยออกมาในรายการขบวนการแก้โกง ช่อง Thai PBS ละก็

ผมก็ว่า คุณของต้องปรับปรุงความสามารถในการพิจารณาไตร่ตรองการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเฉพาะของตนเอง ให้มากๆอีกหน่อยนะครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [23 ส.ค. 53 13:24] ( IP A:58.11.73.157 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   อื้ม pocket book เล่มเดียว ความฝ่ายเดียว แล้วเชื่อเลยเนี่ย

ผมคงไม่รับคำแนะนำจากคุณเกรียนให้ปรับปรุงอะไรหรอกครับ
โดย: Dr.K [23 ส.ค. 53 22:19] ( IP A:118.172.73.124 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   บอกแล้วอ่านความเห็นกากมนุษย์ เครียดเปล่าๆ

มันใช้ pocket book เป็น reference

อีกหน่อยผมออกหนังสือ เครือข่ายฯสถุนในสายตาแพทย์ แล้วผมให้คุณเอามาอ่านเป็น reference ดีไหม ว่าเครือข่ายฯมันทำตัวทุเรศ เน่าเหม็น อย่างไร เห็นเขาว่ากันว่าเครือข่ายนี้ไม่มีคนดี
โดย: คนรู้ทัน รู้จริงและเชี่ยวชาญเรื่องกากมนุษย์ [24 ส.ค. 53 10:36] ( IP A:118.173.88.227 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ชื่อก็บอกอยู่แล้ว คนรู้ทัน ไม่รู้จิง
ไม่รู้จริง แต่ก็ยังพูดออกมาปาวๆ
โดย: เน่า [24 ส.ค. 53 10:52] ( IP A:222.123.208.224 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   แหม ก็แค่ pocket book เล่มเดียวเอง ขายมั่งแจกมั่ง ก็ได้แค่หมื่นกว่าๆ ไม่น่าจะมีพิษสง ไม่น่าจะทำให้คนเชื่อได้มากๆนะ

แต่ก็แปลกนะ ถ้าเรื่องในหนังสือมันโกหก มันไม่จริง แล้วก็พาดพิงทั้งแพทยสภา ทั้งชื่อหมอ ทั้งศาล ทั้งชื่อผู้พิพากษา ไม่รู้กี่คนต่อกี่คน

ไม่ยักกะมีใครออกมาเถียงซักแอะ ทั้งๆที่มีทั้งเงินทั้งอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งก็คงเป็นเพราะ ในยุคนี้ที่ผู้คนตื่นรู้กันมากขนาดนี้ ยิ่งมาฟ้องมาเอาคืนท่านประธานเครือข่ายฯ ก็จะเท่ากับ " เปิดแผลตัวเอง " ให้บานเบอะต่อไป ไอ้จะวิ่งคดีแบบทักษิณในคดีซุกหุ้น ก็ต้องถามว่า เงินก้อนแค่ไหน แล้วคุ้มไหม???? เผลอๆ ถ้าวิ่งคดีไม่สำเร็จ โดนย้อนศรด้วยคดีอาญาฐานให้การเท็จ ฐานพิจารณาคดีแบบโกงหลักการทางกฎหมายอย่างที่ขัดต่อข้อเท็จจริงของรูปคดี งานนี้อาจซวยหมดอนาคตทั้งหมอความและหมอคน สู้ทนปล่อยให้เงียบไปเอง แล้วไปบานเรื่องอื่นๆเบี่ยงความสนใจของมหาชนไปทางประเด็นสาธารณะอื่นจะดีกว่า เปลืองตัวน้อยกว่า เปลืองเงินเก๋าเจียะ (แปลว่าให้หมากิน) ก็น้อย จริงไหม???

ที่ยิ่งแปลก ก็ตรงที่ หนังสือที่เขียนโดยแม่บ้านสติแตกเพียงคนเดียว วิชาความรู้ก็เทียบกันไม่ได้กับหมอทั้งฝูงกว่าสามสิบในแพทยสภา (ซ่องโจร) โดยเฉพาะ ตัวนายกแพทยสภาก็เป็นถึงนักเรียนทุนหลวง แล้วในแพทยสภาก็มีหมออุตส่าห์ไปร่ำเรียนเนติฯมา

ทำไม๊ ทำไม ชาวบ้านถึงได้เอาแต่เชื่อผู้หญิงแม่บ้านสติแตกความรู้แค่หางอึ่ง แต่ไม่ยักกะเชื่อหมอ (เฒ่าเพราะอยู่โกหกมานาน) ที่ดูทรงภูมิมีความรู้ ที่น่าตื่นเต้นยิ่งกว่า ไอ้หนังสือเล่มแค่เนี้ย คนแต่งก็ no name ไม่เป็นที่รู้จัก แต่ดั๊นมีฉบับแปลภาษาอังกฤษไปจากกลางที่ประชุมขององค์การอนามัยโลก แล้วที่ผมยิ่ง "ทึ่ง" ก็ตรงที่ เคยได้ยินมาว่า นายกแพทยสภาของอังกฤษท่าน เซอร์เลียม โดนัลสัน นายกแพทยสภาของอินเดีย หรือแม้แต่นายกแพทยสภาของสิงค์โปร์ (คู่แข่ง เมดิคอลฮับ กับบ้านเรา) เค้าก็มีฉบับภาษาอังกฤษของ pocket book เล่มเดียวแค่เนี้ย ซะด้วยซี แต่ผมขอบอกว่า ไม่ยืนยันนะครับ แค่ข่าวลือ แล้วผมก็แนะนำว่า อย่าไปเซ้าซี๊ถามท่านทั้งสามเหล่านั้นว่ามีหรือป่าว เดี๋ยวไปกวนน้ำให้ขุ่น ท่านเหล่านั้นเกิดบ้าจี้สนใจถามหาเข้า วงการแพทย์และวงการยุติธรรมของไทยก็จะเลยเถิด "ยิ่งเหม็นเน่า" ขจรขจายกว้างไกลออกไปกันใหญ่

ตัวผมเอง ก็บอกแล้วว่า แค่ไม่รู้จริงเรื่องหมอ แต่เรื่องหมาๆที่หมอบางคนชอบทำเนี่ย ให้บังเอิญรู้จริง รู้เข้าไปถึงไส้ถึงพุง ของหลายๆคนซะด้วย

ไม่งั้นคงไม่มีความเห็นประเภทแถ ประเภทเถือก เอาสีข้างเข้าเถลไถลออกข้างไปหรอก ตั้วสามความเห็นแน่ะที่ออกมาปะทะกะผมอยู่นี่ เป็นใบรับรองอย่างดีว่า ที่ผมว่ามานี่ เป็นเรื่องจริงที่เถียงไม่ออกและบังเอิญไป " เกาถูกที่คัน " ซะด้วย

ที่สุดของทั้งหมดของ "แค่หนังสือ pocket book" ท่านประธานเครือข่ายฯที่เป็นแม่บ้านสติแตก และ

ของความ "ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ" ของตัวผมเอง

ก็เพราะ การพูดเอาแต่เรื่องจริง ที่พิสูจน์ได้ จะพิสูจน์กันกี่ปี กี่ชาติ จะพิสูจน์กันอีท่าไหน ทิศทางไหน ก็เป็นเรื่องจริงวันยังค่ำ

จริงไหมครับท่านจ้าวบ้าน อิอิอิ !!!
โดย: คนรู้ทน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [25 ส.ค. 53 9:28] ( IP A:58.8.111.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ใครเขาอ่านแล้วเห็นด้วยกับ ***

บ้าเปล่า อย่าคิดไปเอง เขาด่ากันว่าเป็นกากมนุษย์ ก็ทำตัวให้ดีๆหน่อยเหอะ
โดย: ชาวบ้าน [25 ส.ค. 53 9:59] ( IP A:125.24.77.15 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องการฉวยโอกาส "แซะด้านข้างเนียนๆ" แบบความเห็นที่ 3 + 4 นี่ก็เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่พบได้

เรื่องข้ออ้างว่า "ไม่มั่นใจ" แบบโหนกระแสหรือปั่นกระแสขึ้น เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ผลมาหลายเพลาแล้ว
--------------------------------------------
ตอบไม่ตรงคำถาม จงใจเลี่ยงประเด็น
คงโชคไม่ดีที่บังเอิญไป " เกาถูกที่คัน " ซะด้วย

เลยแก้ตัวไม่ได้

แค่ถามว่า ใครจะรับผิดชอบแก้ไข...........ไม่มี
ออกกฏหมายได้ แต่แก้ไขไม่ได้.................
โดย: ความเห็นที่ 3 + 4 [28 ส.ค. 53 14:57] ( IP A:110.49.193.157 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ขออนุญาตแนะนำเว็บไซต์ด้วยครับ

เว็บ https://www.insure108.com รวมความรู้ประกันภัยรถยนต์ , ตัวอย่าง ถาม-ตอบปัญหาประกันต่างๆ และการแก้ปัญหาเมื่อประสบเหตุจริง , หมดปัญหาทำประกันภัยรถยนต์ การดูแลรถ และเนื้อหาอื่นๆ ผมจะเพิ่มเนื้อหาที่เป็นประโยชน์เรื่อยๆ ครับ
โดย: d [23 เม.ย. 54 16:09] ( IP A:49.49.86.86 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน