คดีผู้เสียหายทางการแพทย์ในมาเลเซีย
   วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:45:41 น. มติชนออนไลน์


"หมอพรทิพย์"อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์พยานปากเอกไขปริศนาฆาตกรรมนักการเมืองฝ่ายค้านที่มาเลเซีย

โดยมุสตาฟา อาลี


หมายเหตุ"มติชนออนไลน์" รายงานชิ้นนี้เขียนโดยมุสตาฟา อาลีในคอลัมน์ "สายตรงจากกัวลาลัมเปอร์."มีเนื้อหาเกี่ยวกับเบื้องหน้าเบื้องหลังการตายของนักการเมืองฝ่ายค้านในมาเลเซียและบทบาทของแพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญในศาลประเทศมาเลเซีย
--------------------------


หลังจา *** ้จักมาเลเซียเกือบสิบปี ผู้เขียนชักจะเชื่อว่า ในสายตาของชาวมาเลเซียจำนวนไม่น้อย คำว่า “อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์” หมายถึงอะไรหลายอย่างที่เขาไม่มีและอีกหลายอย่างที่ไม่เข้าใจ และไม่ว่าบางครั้งการเมืองไทยอาจจะอะเมซซิ่งเลยเถิดไปบ้าง บรรดาชาวมาเลเซียเพื่อนบ้านก็ไม่ย่อท้อ ยังรอเวลาที่จะกลับมาเยือน


เมื่อไม่กี่วันมานี้ คอการเมืองมาเลเซียหลายรายคงรู้สึก “อะเมซซิ่ง” กันแบบจะๆในการปะทะคารมมันหยดในเวทีการให้การคดีการเมืองใหญ่ ที่พิเศษไม่เหมือนการให้การทางการเมืองครั้งใด เพราะศูนย์กลางของความสนใจในวันนั้นคือผู้เชี่ยวชาญพิเศษจากประเทศไทยผู้ทีแม้จะไม่ต้องพูดอะไรเลย เพียงแค่ทรงผมก็สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับวงการการเมืองแบบมาเลเซียแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าบุคคลผู้นั้นคือ แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ นั่นเอง.. แต่นแต้น..


หมอพรทิพย์ผู้ซึ่งดังระเบิดในวงการการเมืองมาเลเซียไปแล้ว ปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อถูกเชิญจากรัฐบาลแห่งรัฐสลังงอร์ผ่านทางกระทรวงยุติธรรมของไทยให้ทำหน้าที่เป็นพยานผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีหน้าที่แสดงความเห็นต่อคณะกรรมการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของ นาย เตียว เบ็ง ฮก ผู้ช่วยนักการเมืองฝ่ายค้าน วัย 29 ปี


ร่างไร้ชีวิตของเบ็งฮก ถูกพบเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมปีที่แล้ว บนดาดฟ้าชั้นที่ห้าของตึกที่อยู่ติดกับอาคารสำนักงานแห่งหนึ่งซึ่งชั้นที่ 14 ของอาคารแห่งนั้นเป็นที่ตั้งสำนักงาน MACC



เบ็งฮกถูก MACC เรียกตัวเข้าสอบสวนกรณีการกล่าวหาเรื่องการคอรัปชั่นของนักการเมืองกลุ่มพรรคฝ่ายค้าน แม้ว่าการกล่าวหาครั้งนั้นจะไม่ได้ระบุว่าเป็นนักการเมืองรายใด แต่ MACC ได้เรียกตัวนักการเมืองและผู้ช่วยนักการเมืองหลายปสอบถาม เบ็งฮกถูกกักตัวสอบถามตลอดคืนวันที่ 15 ก่อนจะกลายเป็นศพในวันถัดมา


การตายของเขาสร้างความสะเทือนขวัญไปทั่ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการให้มีการชันสูตรพลิกศพอย่างรวดเร็ว



หลังจากนั้น MACC พยายามกล่าวทำนองว่าเบ็งฮกฆ่าตัวตายเอง แต่ก็ไม่สามารถสยบความเชื่อของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มคนจีนที่ปักใจเชื่อเสียแล้วเขาถูกฆาตกรรม


รัฐบาลรัฐสลังงอร์ซึ่งนำโดยพรรคร่วมฝ่ายค้านระดับชาติจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของเบ็งฮกขึ้น และด้วย ความไม่เชื่อ เรื่องความโปร่งใสของโรงพยาบาลและแพทย์มาเลเซียด้วยกันเอง เป็นเหตุให้หมอพรทิพย์เข้ามามีบทบาทในฐานะอาสาสมัครพยานผู้เชี่ยวชาญ


เมื่อปีที่แล้วหมอพรทิพย์กับทรงผมและสไตล์การแต่งตัวที่สร้างความฮือฮาต่อวงการเมืองมาเลเซีย ได้เดินทางมาแสดงความเป็นต่อผลการชันสูตรศพรอบแรก แล้วให้ความเห็นที่เป็นประหนึ่งระเบิดลูกใหญ่ตกลงกลางวงด้วยการบอกว่า มีความเป็นไปได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ว่าสาเหตุการตายมาจากการฆาตกรรม อีกเพียง 20 เปอร์เซนต์เท่านั้นที่อาจเป็นการฆ่าตัวตาย


ประโยคสั้นๆนี่เองที่ทำเอาวิ่งวุ่นกันทั้งวงการ เริ่มจากพ่อแม่ของผู้ตายยืนยันให้มีการขุดศพลูกชายขึ้นมาชันสูตรครั้งที่สอง โดยขอให้คุณหมอพรทิพย์มีส่วนร่วมด้วย



ทางฝ่าย MACC เห็นท่าจะเพลี่ยงพล้ำจึงควักกระเป๋าจ้างนายแพทย์ ปีเตอร์ ฟาเนซิซ (Peter Vaneziz) นักนิติวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ร่วมในการตรวจสอบคดีการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่ามาเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตน


การชัณสูตรศพครั้งที่สองที่พยานผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนเข้าสังเกตการณ์ ได้ทำขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว เวลาผ่านไปจนมาถึงวันที่ 18 สิงหาคม ปีนี้ก้เป็นรอบที่คุณหมอจะกลับมาให้การอีกครั้งหนึ่ง


น่าแปลกที่ว่า ก่อนที่หมอพรทิพย์จะเดินทางมามาเลเซียไม่นาน สำนักงานอัยการสูงสุดของมาเลซียก็เผยไต๋ออกมาว่า ได้เก็บเอาจดหมายลาตายของเบ็งอกไว้ในความครอบครอง โดยจดหมายนี้ค้นได้จากตัวเบ็งฮกในเวลาสองเดือนหลังการเสียชีวิต


ข่าวนี้สร้างความ “มึน” ให้กับรัฐบาลสลังงร์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะตามมาด้วยคำถามมากมาย เช่นเบ็งฮกเก็บจดหมายไว้อย่าไรหรือจึ่งเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ใช้เวลานานถึงสองเดือนกว่าจะค้นพบ เนื้อความในจดหมายพูดไว้อย่างไร และทำไมเมื่อพบจดหมายแล้วจึงไม่เปิดเผยให้ครอบครัวผู้ตายทราบ


ท่าทีแหม่งๆของฝ่ายเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ทำให้ความหวังของครอบครัวผู้ตายและผู้สนับสนุนพรรคฝ่ายค้านทั้งปวงฝากเอาไว้ที่หมอพรทิพย์ จากไทยแลนด์ แต่นแต้น.. (อีกแล้ว)


หนังสือพิมพ์ออนไลน์ Malaysiakini.com ที่รายงานข่าวการให้การแบบนาทีต่อนาที บรรยายบรรยากาศใน ศาลประจำรัฐสลังงอร์ในยามเช้าของวันที่ 18 สิงหาคมอย่างมีสีสัน เริ่มด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราวจากบรรดาผู้เข้าฟังคำให้การ เมื่อคุณหญิงหมอย่างเท้าเข้าห้องประชุม


งานนี้หมอพรทิพย์จะต้องตอบคำถามของทนายความตัวแทนคู่กรณีทั้งสองฝ่าย คือทนายของรัฐบาลรัฐสลังงอร์และทนายความตัวแทน MACC ผนามว่า นาย อับดุล ราซัค มูซา ที่เรียกกันสั้นๆว่า นายราซัค (ในภาพ)


การซักถามวันนั้นวางอยู่บนรายงาน 11 หน้าของ หมอพรทิพย์ที่ได้จากจากการสังเกตการณ์การชันสูตรพลิกศพครั้งที่สอง รายงานฉบับนี้ถูกส่งให้คณะกรรมการสอบสวนรวมทั้งทนายของทั้งสองฝ่ายได้อ่านก่อน เพื่อใช้ในการสอบถามเพิ่มเติมในวันให้การ


คุณหมอ ตอบข้อซักถามของทนายความฝ่ายรัฐบาลสลังงอร์ โดยมีประเด็นสำคัญที่รอยช้ำที่พบบนลำคอของผู้ตายซึ่งตนเองเป็นผู้ตั้งข้อสังเกตหลังจากการดูภาพที่ได้จากการชัณสูตรศพครั้งแรก


หมอพรทิพย์กล่าวว่า พบรอยช้ำบนคอที่กินลึกไปถึงระดับกล้ามเนื้อ กินพื้นที่กว้างกว่าการถูกบีบคอด้วยมือเปล่า จากประสบการณ์ของการทำงานกรณีตกจากที่สูง 34-35 กรณีก่อนหน้านั้น เห็นว่าเป็นไปไม่ได้ที่รอยดังกล่าวเกิดจากการตกกระทบพื้นจากที่สูง



ดังนั้นรอยนี้น่าจะเกิดขึ้นก่อนจะตกลงมา และอาจเกิดจากการใช้แรงและน้ำหนักที่มากกว่า การบีบคอด้วยมือเปล่า


ดังนั้นอาจเกิดจากใครบางคนใช้วัตถุหนักบางอย่างกดบนคอของผู้ตาย หรือกดศีรษะของเขาบนวัตถุบางอย่าง



คุณหญิงหมอไม่เห็นด้วยกับความเห็นของ นายแพทย์ ปีเตอร์ ฟาเนซิซ พยานผู้เชี่ยวชาญชาวอังกฤษ ที่บอกว่ารอยที่คอเกิดจากการแตกของคาง เพราะรอยแตกที่คางมีขนาดเล็กนอกจากนั้นที่คางยังไม่มีเส้นเลือดใหญ่ที่เป็นสาเหตุให้เลือดออกมากแต่เลือดคั่งในตัวผู้ตายกลับลามไปถึงบริเวณหน้าอก


คุณหญิงหมอยืนยันความเห็นเดิมที่ว่า การบาดเจ็บของผู้ตายเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะตกลงมาจากตึก แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่า เขามีสติอยู่หรือหมดสติขณะที่ตกลงมา



นอกจากนั้นยังปฏิเสธที่จะให้น้ำหนักข้อสันนิษฐานเป็นเปอร์เซ็นต์เหมือนครั้งที่แล้ว เนื่องจากความเห็นครั้งนี้วางอยู่บนฐานของการชันสูตรครั้งที่สอง


อย่างไรก็ตาม คุณหมอมั่นใจว่ากรณีนี้ “ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย”


นอกจากนั้นยังได้ติงเรื่องการจัดการกับจดหมายที่เจ้าหน้าที่อ้างว่า ค้นพบในตัวผู้ตายว่า กฏเกณฑ์มาตรฐานของการสืบสวนทางนิติเวชศาสตร์ บอกว่า ข้อความ หรือจดหมายใดๆที่พบในตัวผู้ตายควรได้รับการตรวจสอบหา DNA รอยนิ้วมือ หรือรอยมือรวมทั้งลายมือของผู้เขียน อย่างเร็วที่สุด


การให้การเป็นไปด้วยดีจงบจนกระทั่ง นายราซัค ทนายความฝ่าย MACC เข้าซักถามเป็นคนสุดท้าย นายราซัคผู้มาด้วยคำถามแนวเหลือเชื่อมากมายที่สร้างความรู้สึกอันยากจะบรรยาย ถามคุณหญิงหมอด้วยลีลาอันดุดันเป็นเบื้องแรกว่า “คุณรู้หรือเปล่าว่ามหาวิทยาลัยที่คุณเรียนจบมาเนี่ย ไม่ได้รับการรับรองในประเทศมาเลเซียหรอกนะ”


แต่มีหรือที่มุขแบบนี้จะทำให้คนอย่างหมอพรทิพย์ครั่นคร้าม พลัน “แต่มหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยท็อปไฟฟว์ของเอเซียนะคะ.. ” คุณหญิงหมอสวนกลับโดย เรียกเสียงปรบมือจากกองเชียร์อีกหนึ่งรอบ


หลังจากอุ่นเครื่องได้พักหนึ่ง ราซัคเดินหน้ารุกคืบ หวังชนะน็อคคุณหญิงหมอกลางเวทีด้วยคำถามที่ว่า คุณหญิงหมอมามาเลเซียครั้งนี้เพื่อโจมตี MACC หรืออย่างไร และแล้วก็ได้รับคำตอบเด็ดจากหมอพรทิพย์ที่เต้นฟุตเวิร์ครออยู่ “ดิฉันมาที่นีเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ตาย ไม่ใช่สิทธิของรัฐบาลสลังงอร์หรือของผู้ใด”


เมื่อเห็นว่าเทคนิกแบบคุกคามเห็นทีจะใช้ไม่ได้ ราซัคจึงเปลี่ยนเป็นท่าทีวิชาการ ย้อนกลับไปตั้งข้อสงสัยในคำให้การของคุณหมอว่า เหตุใดสิ่งที่คุณหมอพูดในการให้การครั้งนี้จึงขัดแย้งกับสิ่งที่พูดมาก่อนหน้า



หมอพรทิพย์ตอบว่า ในการให้การครั้งแรก ตนเองตั้งข้อสังเกตเรื่องความเป็นไปได้ในการตายของเบ็งฮก ส่วนการให้การครั้งนี้ซึ่งมีขึ้นหลังการชันสูตรศพครั้งที่สอง ตนเองได้ให้ข้อสรุป หรือคำตอบต่อข้อสังเกตที่ตั้งไว้ในครั้งแรก โดยวางบนการสังเกตการและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้พบ


ดุเหมือนว่าราซัคจะไม่ชอบคำอธิบายทางวิชาการเท่าไหร่นัก เพราะถามไปถามมาได้สักพักเขาจึงฟันธงเสียเองว่า เบ็งฮกรัดคอตัวเองตายเองเพราะว่าเป็นคนเศร้าซึม ทำเอาทนายประจำครอบครัวเบ็งฮกต้องถามขึ้นทันควันว่าคนเราจะรัดคอตัวเองตายได้อย่างไรครับผม


มาถึงตอนนี้เขารับคำท้า ลงมือสาธิตท่ารัดคอตัวเองตายให้ดูกลางศาล เล่นเอาคนดูฮาตรึม


เมื่อสาธิตเสร็จ เขาเดินหน้าต่อด้วยการวิจารณ์หมอพรทิพย์ว่าเขียนรายงาน “บนฐานของจินตนาการของตัวเธอเอง” ประเด็นนี้คุณหญิงหมอตอบสั้นๆว่า “มันวางอยู่บนฐานของการทำงานของดิฉันค่ะ”


ราซัคซึ่งติดลมบนไปแล้วถามคุณหมอเอาดื้อๆว่า ที่ให้ความเห็นต่างๆเรื่องการตกจากที่สูงเนี่ย ตัวคุณหมอเองเคยมีประสบการณ์โดดลงมาจากตึกบ้างหรือเปล่า เล่นเอาทนายความ ผู้แทนของรัฐบาลสลังงอร์ทนไม่ไหว ลุกขึ้นประท้วงว่าได้ยินคำถามแบบนี้จากปากของราซัค “สงสัยพวกเราคงต้องพากันไปกระโดดตึกกันหมดกระมัง”


ต่อกรณีท่าเบ็งฮกหมดสติหรือยังรู้สึกตัวอยู่ในขณะที่ตกจากตึก ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพิสูจน์ว่ามีการฆาตกรรมหรือไม่นั้น ราซัคออกความเห็นประหลาดอีกครั้งว่า “ถ้า (เบ็งฮก) หมดสติตอนที่ตกลงมา ตัวเขาจะต้องหนักกว่า ตอนที่ไม่หมดสติ”


เรื่องนี้คุณหมอยืนยันโดยพลันว่า นำหนักตัวของคนหมดสติและคนที่มีสติอยู่นั้นไม่ได้แตกต่างกันแต่อย่างไร แล้วถามกลับว่า “คนเราจะน้ำหนักลดตอนหมดสติได้อย่างไรคะ..”


คำถามอันเหลือเชื่อของทนายราซัคทำเอาอ่อนอกอ่อนใจกันทั่วหน้า รวมทั้งคุณหมอเองที่สุดท้ายเอื้อนเอ่ยออกมาว่า “ดิฉันชักจะสงสัยว่าคุณเป็นทนายจริงๆหรือเปล่า”



เมื่อเจอคำถามนี้ราซัคยืดอกตอบอย่างภาคภูมิ “ผมอาจจะอายุน้อยกว่าคุณ แต่ผมก็เป็นทนายมาแล้ว 24 ปีนะขะรับ..” คำตอบของเขาเรียกเสียงยี้จากผู้ฟังเป็นการส่งท้าย


การให้การของหมอพรทิพย์จบลงราวเที่ยง นายราซัคผลุนผลันขึ้นรถออกไปจากศาลด้วยอาการฉุนเฉียว หลังจากปิดประตูใส่หน้านักข่าวที่รอสัมภาษณ์ปังใหญ่


ไม่มีใครรู้ว่าคดีเบ็งฮกจะคลี่คลายให้เป็นที่ประจักษณ์หรือจะถูกการเมืองกลบเกลื่อนหายไปตามกาลเวลา แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าหมอพรทิพย์จากไทยแลนด์ จะมีแฟนคลับที่มาเลเซียเข้าให้แล้ว
โดย: เรียบร้อยโรงเรียนหัวฟู [22 ส.ค. 53 21:04] ( IP A:58.8.2.70 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   คนตายยังรออีกหลายรายในเมืองไทย
โดย: ระวังตัวไว้พวกมาร [22 ส.ค. 53 21:05] ( IP A:58.8.2.70 X: )
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน