consumer.pantown.com
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กรุณาโพสต์ข้อความที่นี่ <<
กลับไปหน้าแรก
พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายฯเพื่อใคร?!
https://www.ryt9.com/s/bmnd/977973
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง อาทิตย์ที่ 5 กันยายน 2553 00:00:58 น.
คมชน
ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ยังมีข้อขัดแย้งหลายประเด็น มีรายละเอียดถกเถียงกันได้หลากหลายมุม แต่โดยรวมแล้วที่เห็นต่างกันอยู่ 2 ประเด็นหลักคือ ประเด็น มาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการ กับประเด็น สัดส่วนของคณะกรรมการฯ ที่จะเข้ามามีบทบาทใน พ.ร.บ. นี้ ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นมีนัยสำคัญเรื่องราว ผู้คน และสังคมโดยรวมที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย
ถ้ายึดเอา "ผลประโยชน์สังคม" เป็นที่ตั้ง มุ่งให้ความเป็นธรรมเพื่อสร้างความผาสุกของสังคมโดยรวมแบบทั่วถ้วน ทั้งฝ่ายหมอ ผู้ป่วย และผู้รับผลกระทบในมิติต่างๆ (ที่ไม่ใช่แค่มุ่งมาฟาดฟันล้างแค้นหมอพยาบาล ที่ ผู้นำเครือข่ายฯ คนป่วย! มักกร้าวให้เห็นบ่อยๆ ด้วยวาจาจิกฝ่ายหมอ ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และมักอ้างตัวเป็นภาคประชาชนที่น่าระอาสุดๆ!) หากมองผ่านมิตินี้จะพบว่า ทั้ง หมอ และ คนไข้ไม่น่าจะได้รับผลดีจากร่างกฎหมายนี้! เพราะ
หนึ่งสัดส่วนของหมอต่อประชากร ที่ต้องรับผิดชอบมีสัดส่วนสูงมาก พูดง่ายๆ ว่าบ้านเรายังขาดแคลนหมออีกมาก ทั้งยังมีการกระจุกตัวของแพทย์บางกลุ่มอยู่ในบางพื้นที่ ซึ่งเหมือนกับทุกประเทศในโลกที่มักเป็นเช่นนี้
สอง สภาพแรงกดดันจากร่างกฎหมายนี้ต่อปัจเจกบุคคลซึ่งหากมีการนำใช้กฎหมายตามที่ยกร่างฉบับนี้ ก็น่าจะมีผลกระทบต่อปัจเจกบุคคลทั้งหมอและผู้ป่วยอย่างแน่นอน ซึ่งมีรายละเอียดที่สามารถนำมาพิจารณาได้มากมายหลายประการ ที่ไม่อาจสาธยายในพื้นที่อันจำกัดนี้ได้
สาม มาตรฐานการในเรื่องกองทุนฯ ของร่างกฎหมายนี้ เมื่อพิจารณา สัดส่วนกรรมการฯ ดูแล้วจะพบว่า สัดส่วน กรรมการฯ จะมีผลต่อ มาตรการ และ มาตรฐาน ที่พึงมีผลกระทบต่อบุคลากรทางการสาธารณสุข รวมถึงการใช้เงินตามร่างกฎหมายนี้ ซึ่งสังคมต่างค้างคาใจมากว่า ทำไม เอ็นจีโอ?จึงมีบทบาทสูงพอกับกลุ่มวิชาชีพ พวกนี้สร้างความก้าวหน้าให้กับวิชาชีพทางการแพทย์มามากหรืออย่างไร?!!
สี่ การสร้างทางออกที่ต้องหนีจากความรับผิดชอบตามกฎหมาย หมอคงต้องพยายามเอาตัวเองให้พ้นความรับผิดชอบ เพื่อรักษาตัวและอนาคตไว้โดยธรรมชาติของคนเรา เช่น ระบบการส่งต่อผู้ป่วย ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่อความก้าวหน้าของวิชาชีพและต่อตัวผู้ป่วยเองในที่สุดอย่างแน่นอน
ภายใต้เงื่อนปมปัญหาที่ผูกติดมากับกฎหมายนี้ น่าจะฟันธงได้ว่ากฎหมายร่างนี้ไม่น่าจะส่งผลดีต่อ "แพทย์และผู้ให้บริการทางสาธารณสุข" และแน่นอนว่าจะไม่เป็นผลดีต่อ "ผู้ป่วย"ในฐานะผู้รับบริการอย่างแน่นอน! แปลว่าแย่ทั้ง ผู้ให้บริการ และ ผู้รับบริการ คงมีก็แต่ เอ็นจีโอ (รวมทั้งกลุ่มหมอนักเคลื่อนไหวนักล่าตำแหน่งบางคนบางกลุ่ม) ที่จะได้ประโยชน์ และได้ภาพที่ช่วยเสริมสร้างทุนทางสังคมให้ตัวเองไปเต็มๆ ในฐานะที่เป็นผู้ยืนข้างประชาชน (อีกแล้ว!) ทั้งยังจะได้เข้าไปนั่งคุม กองทุนฯ ที่มีงบมากมายนับพันล้าน ซึ่งต่อไปอาจยกร่างมาตรการเพื่อหยิบมาใช้ในนาม "การพัฒนาสาธารณสุข" แต่จากประสบการณ์ของสังคมที่ได้รู้เห็นมา พบว่าสังคมส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ประโยชน์มากมายอะไรจากการใช้เงินตามแบบของเอ็นจีโอที่ผ่านๆ มา
บ้านเรามีบทเรียนเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจาก เอ็นจีโอ ที่มักจะออกมาเคลื่อนไหว สร้างภาพตัวเองเป็นนักบุญผู้หวังดี ชี้นำสังคมอยู่เสมอๆ แต่สุดท้ายมักจะจบลงด้วยการจัดตั้งกลุ่ม ตั้งกรรมการ หรือตั้งองค์กรอิสระ แล้วเอาเงินหลวงไปใช้กันสบายมือ ขาดเพียงประโยชน์รูปธรรม และความโปร่งใสเท่านั้น ที่ไม่ค่อยจะได้คืนกลับให้สังคม!
เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ การออกกฎหมายมาล้างแค้นใครกลุ่มใดนั้น ไม่อาจสร้างประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นได้ มีเพียงการไม่ทำร้ายใครเท่านั้นที่จะช่วยให้สังคมไม่เลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีก!
โดย: โดนโจมตีอีกแล้ว [7 ก.ย. 53 10:43] ( IP A:58.9.183.25 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
พรบ น่าจะมีเนื้อหาช่วยเหลือทางด้านการหาพยานที่เป็นแพทย์เฉพาะทางมาให้ข้อมูลที่ศาลด้วย ดังเช่นกรณีของน้องต๊อดอายุ 2ปี9เดือน
น้องต๊อดมีอาการผิดปกติเวลายกน้ำขึ้นดื่ม มือสั่นเล็กน้อย เริ่มจาก 05.00น. ของเช้าวันจันทร์ที่ 22/6/52
เช้าวันจันทร์ได้ไปโรงพยาบาล..............ที่ชลบุรี หมอบอกว่าเป็นมือเท้าปากเปื่อย มีแผลในปาก 3-4 จุด ส่วนมือสั่นเวลายกน้ำขึ้นดื่ม หมอบอกไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ไม่ซีเรียสและนัดให้มาดูอาการในวันพุธที่ 24/6/52
ผมสังเกตว่าน้องยังมีอาการมือสั่นเล็กน้อยเวลาดื่มน้ำในวันอังคารที่ 23 มิถุนายน 2552 เวลาประมาณ 10.00 น. จึงพาน้องต๊อด มารับการรักษาที่โรงพยาล.................เอกชนที่ดังมากเป็นศูนย์รักษาเด็ก รอบชานเมือง ก่อนถึงโรงพยาบาลน้องยังถามผมว่า How are you? I'm fine. Thank you and you. และมองเครื่องบินบนท้องฟ้า ขณะนั่งในรถผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงโรงพยาบาลยังเดินได้ ยังพูดได้เป็นปกติ
พบหมอ......... หมอแจ้งว่าให้ทำ CT Scan สมอง เพื่อรอพบหมอสมองเด็กจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเวลาเที่ยง แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่พาไปที่ห้อง CTทำให้เลยเวลาเที่ยงหมอสมองเด็กไม่มาเวลาเที่ยง และ หลังจากทำ CT Scan หมอให้นอนรอในห้องผู้ป่วย ช่วงประมาณบ่าย 3 โมงเย็นผมถามหาหมอสมองเด็กจากพยาบาล พยาบาลได้ตามหมอ........มาที่ห้องและสั่งน้ำแข็งให้กิน และแจ้งว่าหมอสมองเด็กจะมา 16.00 น. หมอสมองเด็กมาจริงเวลาประมาณ 17.00 น. และให้เจาะไขสันหลังเพื่อตรวจเชื้อ หมอสมองเด็กแจ้งว่าน้องอาจติดเชื้อ enterovirus71 และใช้เวลาคุยประมาณ 10 กว่านาที แล้วให้ย้ายไปดูอาการที่ห้อง PICU ขณะนี้ผมสังเกตว่าน้องมีอาการปกติ เหมือนเด็กปกติ
คืนที่ 23/6/52 เวลาประมาณ 21.00 น. ที่ห้องPICU น้องต๊อดนอนสะดุ้งทุก 5-6วินาที โดยไม่มีการให้ยา ถามเจ้าหน้าที่พยาบาล เจ้าหน้าที่ตอบว่า นอนผิดที่ ผมและแม่เด็กไม่ได้คิดสังหรณ์ใจว่าเป็นอาการผิดปกติ คิดว่าอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลที่ดังมากๆ
ในเช้าวันพุธที่ 24/6/52 ยังขอช็อคโกแลคกลมๆ ท่านรองผู้อำนวยการ .. มาเยี่ยมน้อง และไม่อนุญาตให้น้องทาน น้องมีอาการทั่วไปดูดี แฟนผมถามหมอ.....เรื่องนอนสะดุ้ง หมอตอบว่า น้องนอนหลับลึก และแจ้งว่าน้องอาการดีขึ้น ผมจึงกลับบ้านเพื่อเอาเสื้อผ้าที่ชลบุรี กลับมาไม่ทันลูกชายน็อคในช่วงบ่าย โดยไม่มีอาการรับรู้อีกเลย และค่ำวันนั้นต้องปั๊มหัวใจเนื่องจากหัวใจหยุดเต้นหลังจากนี้หมอจึงขออนุญาตให้ใช้ยา IVIG เพื่อช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายและยาตัวอื่นๆ เพื่อรักษาตามอาการ
วันต่อๆมาผมได้ถามหมอ.........ว่าทำไมจึงไม่ให้ยา IVIG ตั้งแต่แรก หมอตอบว่า กลัวน้องมีอาการซึม
ทางโรงพยาบาล........ได้กรุณาย้ายลูกผมไปที่โรงพยาบาลของรัฐบาล ประมาณวันที่ /7/52 โดยก่อนไปให้พยาบาลมาเรียบๆเคียงๆถามและชักจูงให้ย้ายไปรักษาที่อื่น
น้องต๊อด เสียชีวิตเป็นทางการเมื่อ วันเสาร์ที่ 11/7/52 ที่โรงพยาบาลของรัฐ
ทำไมจึงไม่มีการประชุมแพทย์ ในวันที่ 23/6/52 ทั้งๆที่หมอสมองเด็ก วินิจฉัยว่าสมองเด็ก อาจติดเชื้อ เพื่อหาทางช่วยเหลือ
ทำไมหมอจึงไม่แจ้งเรื่องความเสี่ยงในการให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย IVIG หรือยาตัวอื่นๆที่อาจรักษาโรคได้ ในวันที่ 23/6/52
ผู้อำนวยการโรงพยาบาล แจ้งผมว่ายา IVIG อาจช่วยชีวิตได้หรือไม่ยังไม่ทราบแน่นอน (ถ้าให้ยาทัน น้องต๊อดอาจหายเป็นปกติ?)
มาตรฐานในการรักษา คือปล่อยให้เด็กน็อคก่อนจึงให้ยา? ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่ให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันก่อนเนื่องจากไม่มีใน Standard Textbook ว่าเด็กมีอาการแบบนี้แล้วต้องให้ยาตัวนี้
ในกรณีของน้องต๊อดอวัยวะสำคัญถูกทำลายเสียหายมาก จนไม่สามารถแก้ไขกลับคืนมาได้ ทำไมถึงไม่ให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกายIVIG ในขณะที่น้องยังดูปกติ( 20กว่าชั่วโมงก่อนน็อค) มาให้หลังจากน้องน็อค
น้องจะมีชีวิตรอด/หายเป็นปกติต่อเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายของน้องต้านทานเชื้อโรคได้? โดยการไม่รบกวนเจาะดูดน้ำไขสันหลังออก และให้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย?
การฟ้องร้องที่เมืองไทยใช้ระบบกล่าวหา กรณีนี้เป็นหน้าที่ของผู้เสียหายต้องหาพยานที่เป็นหมอเฉพาะทางสมองเด็กมาช่วยให้ข้อมูลที่ศาล ยากมากๆ
การพาลูกหาหมอควรซักให้ละเอียด ไม่ควรไว้ใจว่าเป็นผู้ชำนาญเฉพาะทางแล้วไว้ใจเกินไป ให้เจาะไขกระดูกของเด็กอายุไม่ถึง 3 ขวบก็ให้เจาะ โดยไม่มีประโยชน์ในการรักษา
การรักษาพยาบาลควรจะคิดป้องกันโรคที่อาจจะเกิดขึ้น
ไม่ควรประมาท ถ้าเด็กมีอาการหนักแล้วจะรักษาไม่ได้
พ.ร.บ.ที่ช่วยผู้เสียหายทางการแพทย์ ควรจะช่วยเยียวยาความเสียหายให้ผู้ป่วย/ญาติได้ คิดว่าคงไม่มีญาติ/ผู้เสียหายคิดจะอยากได้เงินจากการรักษาผลาด ถ้าหมอไม่ทำผิดผลาดร้ายแรง
ทุกคนมีโอกาสทำผิดผลาด แต่ผลาดแล้วเอาแต่แก้ตัวไม่ยอมรับผิดขอให้ตกนรกไปใช้กรรม ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า
หมอที่ทำผิดแล้วยังห่วงแต่ทรัพย์สมบัติ คงคิดว่าสามารถนำไปใช้ในนรก
--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 11
ในช่วงสายของวันที่ 24/6/52 หมอมาดูอาการของน้อง แล้วแจ้งว่ามีอาการดีขึ้น ในช่วงบ่ายจะให้ย้ายไปที่ห้องผู้ป่วยธรรมดา แต่ไม่มีโอกาสได้ย้าย เพราะน้องต๊อดได้น็อคโดยไม่มีอาการรับรู้ในบ่ายวันนั้น
พ.ร.บ. ที่จะออกมาควรจะครอบคลุมการหาหมอที่ดีมีคุณธรรมมาให้ข้อมูลทางการแพทย์ที่ศาลด้วย เป็นการยากมากๆที่ผู้เสียหายจะหาหมอมาเป็นพยาน โดยเฉพาะหมอเฉพาะทาง กรณีของน้องทางโรงพยาบาล......แจ้งว่า มีหมอเฉพาะทางสมองเด็กในประเทศ 5 ท่าน เป็นเพื่อนๆกันหมด
โดย: สมบัติ [7 ก.ย. 53 11:34] ( IP A:180.183.29.148 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
ถามจริงๆไอพวกปากเก่งทั้งหลาย พวกเ มิ ง รู้จัก IVIG กันแค่ใหน ทำมาปากเก่ง
โดย: พวก NGO ควายถ่วงประเทศ [7 ก.ย. 53 14:31] ( IP A:58.64.31.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าไม่รู้ว่าจะให้ IVIG ได้เมื่อไร
ผลข้างเคียงจากการให้ IVIG คืออะไรบ้าง
ก็คุยกันไม่รู้เรื่อง...
โดย: แค่นั้นและ [7 ก.ย. 53 21:58] ( IP A:124.157.148.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
เอ้า ผมขอคัดข้อความแค่สองยอ่หน้าหลังสุดของคุณเจ้าของนามปากกา (ปากกาสักแต่ร้อง กา กา แบบเอียงข้างเห็นๆจริงๆ) ว่า "คมชน" ของหนังสือพิมพ์ "บ้าน *** " มาโต้หน่อยครับ
******************************
บ้านเรามีบทเรียนเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจาก เอ็นจีโอ ที่มักจะออกมาเคลื่อนไหว สร้างภาพตัวเองเป็นนักบุญผู้หวังดี ชี้นำสังคมอยู่เสมอๆ แต่สุดท้ายมักจะจบลงด้วยการจัดตั้งกลุ่ม ตั้งกรรมการ หรือตั้งองค์กรอิสระ แล้วเอาเงินหลวงไปใช้กันสบายมือ ขาดเพียงประโยชน์รูปธรรม และความโปร่งใสเท่านั้น ที่ไม่ค่อยจะได้คืนกลับให้สังคม!
*******************************
บ้านเราทุกวันนี้ นักเขียนในหนังสือพิมพ์ หรือ สื่อสารมวลชนหลาบฉบับ ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นกลางหรือชี้นำสังคมในแนวทางที่ถูกต้องเหมือนกันครับ ที่สักแต่มีงานเขียนออกมาจาก "ความจริงบางส่วนของข่าว" แล้วนั่งเทียนขยายความไปตามความนึกคิดและจินตนาการของตัวเองก็เยอะ พวกที่รับจ้างปั่นเรื่องสร้างข่าวก็มีให้เห็นๆกันอยู่ พวกที่เขียนข่าวแบบโกหกพกลมกลับความจริงจากหน้ามือเป็นหลังเท้าก็มี ที่สำคัญไอ้พวกประเภทที่เขียนข่าวเอาใจจ้าวนาย/นักการเมืองแบบทำนองรับจ้างแลกกับผลประโยชน์อย่างไร้สำนึกของความเป็นสื่อสารมวลชนที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคม แล้วก็เขียนข่าวออกมาแบบที่คิดว่า นึกว่าเขียนออกมาแล้วคนเสพข่าวจะไม่มีหัวคิด จะคล้อยตามแบบถูกสนตะพายได้ง่ายๆ
ประเภทนักเขียนบทความอย่างนี้ มีอยู่ถมไป จริงไหม คุณคมชน ???
******************************
เรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ การออกกฎหมายมาล้างแค้นใครกลุ่มใดนั้น ไม่อาจสร้างประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นได้ มีเพียงการไม่ทำร้ายใครเท่านั้นที่จะช่วยให้สังคมไม่เลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีก!
******************************
การที่คุณจะบอกว่า มีการออกกฎหมายออกมาซักฉบับเพื่อล้างแค้นระหว่างกลุ่มคนในสังคมระดับประเทศอย่างนี้น่ะ ผมก็นึกไม่ถึงจินตนาการไม่ออกว่า ในสมองของนักเขียนนักหนังสือพิมพ์อย่างคุณนี่ ทำไม่มันถึงได้จำกัดจำเขี่ยขนาดนี้ หา??????????
ผมว่าน่าอเน็จอนาถนะ ที่ตัวคุณเอง หรือ คนที่ (อาจเป็นหมอนะ ขอเดา) เขาจูงจมูกคุณมาเขียนอย่างนี้ ทำไมถึงปัญญามืดบอดขนาดนี้
เพราะถ้าจะตั้งกลุ่มเขียนกฎหมายออกมาล้างแค้นกันล่ะก็ มันง่ายเหมือนที่คุณแค่นั่งเทียนเขียนความคิดที่ถูกงอบในกะลาออกมารายวันแล้วเอาไปส่ง บ.ก. แล้วก็เสร็จกัน แค่นั้นหรือ???
วันก่อน ท่านอาจารย์ มีชัย ฤชุพันธ์ ก็โดนหมอเมืองใต้ ถามนำให้เขียนดูถูก พ.ร.บ. ฉบับนี้จนเสียศูนย์ไปก็ครั้งหนึ่งล่ะ ซึ่งผมก็ชี้ว่า ไอ้ที่กว่าจะออก พ.ร.บ. โดยประชาชนช่วยกันร่างขึ้นมานี้น่ะ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่นักเขียนอย่างคุณเขี่ยงานส่งจ้าวนายแบบใส่ปัญญาน้อยๆรายวันหรอก ต้องผ่านตั้งแต่ สภาที่ปรึกษา สภาวิชาชีพ กฤษฎีกา ต่อไป ร.ม.ต. , ค.ร.ม. จนไปจบขั้นแรกที่ท่าน นายกฯ ลงนาม
ปัดโธ่ แค่อ่านย่อหน้าสรุปท้ายของคุณ ผมก็ไม่อ่านย่อหน้าแรกของคุณต่อแล้ว ฟันธงว่าคุณมันประเภทเต้าบทความแบบมีใบสั่งมาจากคนอื่น แล้วก็ไม่ได้มีปัญญานึกคิดถึงความเป็นมาเป็นไปที่ขัดกับประโยคปรามาสของคุณที่กระทบผู้หลักผู้ใหญ่ที่เขามีเครดิตและมีหน้าที่ทางสังคมต้องคัดและกรองร่าง พ.ร.บ. นี้ออกมา เฮ้อ คุณคมชน ครับ
เปลี่ยนไปหาอาชีพอื่นเหอะ ขืนใช้นามปากกานี้ต่อไป หนังสือพิมพ์ของคุณมีดีต่อไปก็ได้แค่ ส่งให้หลวงพ่อพยอมพับถุงขายกล้วยแขกเท่านั้นเอง เฮ้อ เวร คงจะพอเหมาะที่จะบอกว่า
งานนี้นักเขียนโดนสนตะพายตามหมอบางคนที่โง่มุมกว้าง
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [8 ก.ย. 53 12:53] ( IP A:115.87.231.34 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
เกรียนโผล่มาแว้ววววเหมือนเดิมเด๊ะๆ พูดซะเป็นวรรคเป็นเวรแต่ว่ามีแต่น้ำ เนื้อความไม่มี ค้านคนโดยการด่าตลอดไม่เห็นจะมีเหตุผลค้านเลย เกรียนบวกควายซะละมั๊งเนี่ย
โดย: 55+ [9 ก.ย. 53 11:15] ( IP A:118.174.120.65 X: )
ดำ
ขาว
น้ำเงิน
แดง
เขียว
เหลือง
ส้ม
น้ำตาล
ม่วง
ฟ้า
เขียวมะนาว
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ :
.wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน