consumer.pantown.com
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กรุณาโพสต์ข้อความที่นี่ <<
กลับไปหน้าแรก
นี่ก็ยังเคลียร์ยังไม่จบ
สปสช.เรียกเงินคืน รพ.เบิกเกินจริง
14 ต.ค. 52 09.45 น. พิมพ์หน้านี้ สนับสนุนเนื้อหา (+ให้คะแนนบทความ) Cancel Rating
12345.เปิดอ่าน 121 ความคิดเห็น 0มาร์คโยนรมว.คลัง สอบไทยเข้มแข็ง แฉยัดไส้ซื้อเพียบ!
แฉโกงจริง สธ.เผยผลสอบทุจริต โครงการไทยเข้มแข็ง พบยัดไส้จัดซื้อเพียบ ทั้งที่รพ.ไม่ได้ขอ ทั้ง ยูวีแฟน-เครื่องดมยาสลบ-เครื่องช่วยหายใจ-เครื่องตรวจชีวเคมีในเลือด เผยขรก.ระดับ ผอ.สำนัก พาดพิงหลายคน ด้าน วิทยา แก้วภารดัย ลั่ง ปลัด สธ.ตั้ง กก.สอบวินัย สปสช.ลุยเรียกเงินคืนจาก รพ.รัฐ-เอกชน เบิกค่า สเต็นท์ เกินราคา เผยรพ.แห่งหนึ่งใน กทม.เบิกเกิน 26 ล้าน แต่กลับอุทธรณ์ขอความชัดเจน สมาคม รพ.เอกชน ลำบากใจเลือกคนแทน หมอเฉลิม ด้าน มาร์ค โยนรมว.คลัง ดูตั้งกก.สอบโกงไทยเข้มแข็ง กมธ.สธ.วุฒิ รับลูก ตั้งอนุสอบต่อยอดทุจริตงบสธ.-ไทยเข้มแข็ง เชื่อสอบไม่พบนักการเมืองมีเอี่ยวเหตุสั่งการปากเปล่า ย้ำหากพบทุจริตส่ง สตง.เชือดต่อ ครม.ตั้งปธ.สอบทุจริต สธ. เป็นรองปลัดกระทรวง
ตามที่ เดลินิวส์ เสนอข่าวทุจริตโครงการของรัฐ กรณีโรงพยาบาล (รพ.) รัฐ และเอกชนหลายแห่ง เรียกเก็บค่าใช้จ่ายกรณีผู้ป่วยในที่นอนรักษาตัวในรพ.เกินจริง จนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สุ่มตรวจเวชระเบียนร้อยละ 0.64 ของผู้ป่วยในที่นอนรพ.ประมาณ 5 ล้านราย เรียกเงินคืนในปีงบประมาณ 2551 กว่า 90 ล้านบาท และกำลังเดินหน้าตรวจสอบเวชระเบียนปีงบประมาณ 2552 ต่อไป ขณะเดียวกัน สปสช.ออกกฎเหล็กปรับ 10 เท่า รพ.ที่จงใจ ขณะที่แพทย์ชนบทเรียกร้องให้ตัวแทนสมาคม รพ.เอกชน ที่เข้าไปเป็น คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ลาออก โดยตั้งข้อสังเกตเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน ล่าสุด นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. บางกอกเชน ฮอสปิทอล (รพ.เกษมราษฎร์) แสดงสปิริตลาออกจากบอร์ด สปสช. ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา
*เผยตรวจทั้งรพ.รัฐ-เอกชน
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 13 ต.ค. นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่าในสัปดาห์นี้จะทำหนังสือถึงสมาคมรพ.เอกชน เพื่อให้เลือกตัวแทนมาเป็นบอร์ด สปสช. หากไม่ส่งตัวแทนมา คงต้องสอบถามไปว่า มีข้อขัดข้องอะไร เพราะตามกติกาจะต้องมีตัวแทนส่วนนี้ด้วย ขอเรียนว่าการตรวจสอบการเรียกเก็บเงินเกิน สปสช. ไม่ได้ทำเฉพาะ รพ.เอกชนเท่านั้น เพราะรพ.รัฐก็ดำเนินการเช่นกัน เมื่อถามว่า มีการมองว่า รพ.เอกชน ที่เป็นคู่สัญญากับ สปสช.ไม่ควรมาเป็นบอร์ด นพ.วินัย กล่าวว่า การเข้ามาเป็นบอร์ดของตัวแทนสมาคมรพ.เอกชน เป็นไปตามกฎหมาย การมองว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ตนคิดว่าไม่เกี่ยวกันเพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ปลัดกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นบอร์ด สปสช.ไม่ได้ เพราะมี รพ. ในสังกัดเป็นคู่สัญญาเช่นกัน
เลขาธิการ สปสช.กล่าวต่อว่า การเรียกเก็บเงินค่าอุปกรณ์สายสวนเพื่อการขยายหลอดเลือดโคโรนารี่ด้วยขดลวดเคลือบต้านการตีบซ้ำ หรือ สเต็นท์ ชนิดเคลือบยาคืน กรณีที่ รพ.บางแห่งเบิกเกินราคาจริงที่ซื้อมานั้น ไม่ได้ดำเนินการกับเฉพาะ รพ. เอกชนเท่านั้น แต่ รพ.รัฐ ก็ดำเนินการเช่นกัน หาก รพ.ไม่เห็นด้วยก็อุทธรณ์มา
*แฉเรียกเงินคืนได้เพียบ
ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ ผอ.สำนักบริหารการชดเชยค่าบริการ สปสช. กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเรียกเงินคืนจากทั้ง รพ.รัฐ และเอกชน นับ 10 แห่ง ซึ่งบางแห่งก็ให้ความร่วมมือดี และยินดีที่จะคืนเงินให้ สปสช. แต่ รพ.เอกชน บางแห่งก็ทำเรื่องอุทธรณ์มาแล้ว เช่น รพ.เอกชน ใน กท.แห่งหนึ่ง มีการเบิกค่าสายสวนเพื่อการขยายหลอดเลือดโคโรนารี่ด้วยขดลวดเคลือบต้านการตีบซ้ำ หรือสเต็นท์ ชนิดเคลือบยา ในปีงบประมาณ 2552 ที่ผ่านมา โดยคิดราคาค่าสเต็นท์เต็มเพดานที่กำหนดไว้ คือ 8.5 หมื่นบาท แต่จากการตรวจสอบไปยัง รพ. พบว่า ราคาสเต็นท์ที่ รพ.ดังกล่าวใช้นั้น ประมาณ 4 หมื่นบาทต่อตัว ถ้าบวกกำไร ให้อีกร้อยละ 10 ราคาจะอยู่ที่ 4.4 หมื่น บาท ดังนั้นส่วนต่างตรงนี้ ต้องเรียกเงินคืนประมาณ 26 ล้านบาท เรื่องนี้ต้องยกเครดิตให้ นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช. ที่มองว่าไม่น่าจะถูกต้อง จึงได้เรียกเงินคืนจากทุก รพ.ที่ตรวจพบ
*ลำบากใจหาคนเป็นบอร์ด
นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ นายกสมาคม รพ.เอกชน ให้สัมภาษณ์กรณีการสรรหาตัวแทนสมาคมแทน นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ผู้บริหาร รพ.เกษมราษฎร์ ที่ลาออกจากบอร์ด สปสช.ว่าคงต้องรอจดหมายจาก เลขาธิการ สปสช.ก่อน จากนั้นจะเรียกประชุมสมาชิกว่าจะส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นบอร์ด สปสช.หรือไม่ แต่รู้สึกลำบากใจในการเลือกตัวแทน จึงอยากทำความเข้าใจว่าพ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ต้องการการมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นผู้รับบริการ ผู้ให้ บริการ ผู้จ่ายเงิน และผู้ทรงคุณวุฒิ
*แนะแก้ตรงจุดอย่าแตะระบบ
ตัวแทนสมาคม รพ.เอกชน เป็น 1 ใน 30 คน ดังนั้นจะให้คน 1 คน ไปจูงใจคนทั้งหมดคงไม่ได้ นอกจากจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง คนอื่นจึงจะเดินตาม การพูดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนนำมาใช้กับกรณีนี้ไม่ได้ เพราะปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็มานั่งในบอร์ดนี้เช่นกัน ทำไม นพ.เฉลิมต้องมาเจอแบบนี้ ทั้งที่กฎหมายก็กำหนดไว้ชัดเจน ผมว่าการมีส่วนร่วมเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ตรงไหนมีปัญหา สปสช.ก็ต้องว่าเป็นราย ๆ ไป แล้วแก้ไข อย่ามาล้างระบบที่มีมานาน เพราะระบบดีอยู่แล้ว อย่าไปกระชากลงมาเลย นพ.เอื้อชาติ ย้ำ
*เห็นชอบงบฯไทยเข้มแข็ง2
ส่วนปัญหาการทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมครม.ว่า ที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบงบประมาณตามโครงการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ส่วนโครงการต่าง ๆ จะมีการพิจารณาอนุมัติในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า เช่น การประกันรายได้ โครงการบ้านมั่นคง เป็นต้น นอกจากนี้ตนได้ปรารภกับนายกรณ์ จาติก วณิช รมว.คลัง ว่าขณะนี้การดำเนินการของแต่ละกระทรวงตามโครงการไทยเข้มแข็ง อยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ และบางโครงการมีการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างบ้างแล้ว จึงให้แต่ละหน่วยงานรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์ เพื่อความโปร่งใส ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ และจะดูแลไม่ให้การใช้จ่ายเงินผิดไปจากเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่ต้องการนำเงินก้อนนี้มาใช้ให้เกิด ประโยชน์กับประชาชนและประเทศอย่าง แท้จริง
*สางข้อเท็จจริงยูวี-แฟน
ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ที่มี นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ส.ว.สุรินทร์ เป็นประธานฯ ได้พิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงอัลตราไวโอเลตระบบปิดยูวี-แฟน และการจัดซื้อตามโครงการไทยเข้มแข็งที่มีการทุจริต โดยนพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก และผู้แทนจำหน่ายสินค้าเครื่องทำลายเชื้อโรคยูวี-แฟน เข้าชี้แจงคุณสมบัติ และประสิทธิภาพการใช้งานของเครื่องมือยูวี-แฟน โดยระบุข้อดีคือฆ่าเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งเชื้อโรคหวัดและวัณโรคได้ ซึ่งมีการจัดทำมาหลายปีแล้ว แต่ข้อเสียคือราคาสูงตั้งแต่หลักพัน ถึงหลักหมื่น เครื่องยูวี-แฟนของบริษัทก่อเกียรติ ซัพพลายฯ ราคาประมาณ 40,000 บาท ส่วนบริษัทไบโอเซน ราคา 45,000 บาท
*หากพบทุจริตส่งต่อสตง.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่สุดที่ประชุมมีมติตั้งอนุกรรมาธิการฯ ตรวจสอบงบโครงการไทยเข้มแข็ง มี นพ.เจตต์ ศิรธรา นนท์ ส.ว.สรรหา รองประธานกรรมาธิการฯ เป็นประธานฯ นพ.เจตน์ กล่าวว่า เบื้องต้นจะลงไปตรวจสอบงบฯ ของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะต่อยอดจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายการครุภัณฑ์ที่มีการร้องเรียน 6 รายการ ของกระทรวงสาธารณสุข ที่มี นพ.เสรี หงษ์หยก เป็นประธาน โดยจะตรวจสอบว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ การตั้งราคากลางถูกต้องหรือไม่ วิธีการประมูลเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับหรือไม่ มีความโปร่งใสในการเปิดให้บริษัทต่าง ๆ เข้าประมูลเพียงใด และการจัดซื้อจัดจ้างเป็นการเสนอจากผู้ปฏิบัติ หรือทางผู้บริหารจัดมาให้ รวมทั้งจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งเรื่องนี้หากพบว่ามีการทุจริตจะส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ต่อไป
*รับสาวถึงนักการเมืองยาก
นพ.เจตน์ กล่าวถึงคณะกรรมการ ตรวจสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงสาธารณสุข ที่พบว่าคนกระทำผิดส่วนใหญ่เป็นข้าราชการและข้าราชการที่เกษียณอายุแล้วโดยไม่ระบุรายชื่อ และไม่ปรากฏชื่อของนักการเมืองว่า เรื่องนี้สาวถึงนักการเมืองคงยาก เพราะนักการเมืองสั่งการโดยปากเปล่า ซึ่งขึ้นอยู่กับข้าราชการว่าจะทำตามหรือไม่ และที่ผ่านมามีข้าราชการที่ต้องการเลื่อนขั้นทางลัดทำตามนักการเมือง แต่สุดท้ายก็ต้องแพ้ภัยตัวเอง อย่างไรก็ตามหากมีพยานบุคคลยืนยันว่ามีนักการเมืองสั่งการเรื่องนี้ 2-3 คนขึ้นไป ก็ถือว่ามีเหตุอันควรได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น เหมือนกรณีการทุจริตจัดซื้อยาที่รัฐมนตรีต้องถูกจำคุกอยู่ในขณะนี้ ซึ่งประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นอยู่แล้ว
*แฉผลสอบทุจริตพบพิรุธอื้อ
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัด สธ. พร้อมด้วยคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 7 รายการ และคณะกรรมการทบทวนการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการไทยเข้มแข็ง สธ. แถลงข่าวความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบ ภายหลังจากที่ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. มีคำสั่งแต่งตั้ง และให้สรุปผลการสอบภายใน 2 สัปดาห์ นพ.ไพจิตร์ แถลงว่า จากการตรวจสอบพบว่า โครงการไทยเข้มแข็งยังไม่มีการก่อหนี้ผูกพันขึ้น จึงอยากให้ประชาชนสบายใจว่ายังไม่มีการจ่ายเงินในโครงการนี้ออกไป สำหรับผลการตรวจสอบหลังดำเนินการ 1 สัปดาห์ได้ข้อสรุปเบื้องต้น คือ 1.มีการจัดสรรครุภัณฑ์บางรายการที่ไม่ตรงกับความต้องการ และไม่มีคำขอ แต่กลับมีการจัดสรรให้ เช่น เครื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยแสงอัลตราไวโอเลตระบบยูวี-แฟน
*จัดสรรงบฯ แบบผิดฝาผิดตัว
2.มีการจัดสรรเครื่องมือแพทย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น เครื่องดมยาสลบ และเครื่องช่วยหายใจ 3.มีการจัดสรรบางรายการที่ไม่เหมาะสมกับโรงพยาบาลขนาดเล็ก เช่น เครื่องตรวจชีวเคมีในเลือด ซึ่งไม่จำเป็น สำหรับโรงพยาบาลชุมชน แต่กลับมีรายการจัดซื้อ สำหรับในสิ่งก่อสร้างพบว่ามีการจัดสรรงบประมาณให้สูงกว่าที่เคยก่อสร้างมา ทำให้ราคาสูงกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีรายการการก่อสร้าง เช่น อาคารที่พักพยาบาล 24 ห้อง วางงบประมาณมากกว่าราคากลาง ซึ่งมีเหตุผลจากการประเมินราคาในอนาคตทำให้ราคา สูงกว่าปกติ ดังนั้นจึงให้ทบทวนหามาตรการคำนวณให้สมเหตุสมผลมากกว่านี้ โดยให้หน่วยงานภายนอกมาร่วมคำนวณราคารวม กับกองแบบแผน
สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ทราบว่ามีบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งความบกพร่องในการจัดซื้อที่เกิดขึ้นจะต้องสอบสวนต่อไปว่า เกิดโดยเจตนา หรือความไม่รอบคอบ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เพื่อความเป็นธรรม และปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย ต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และให้โอกาสบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงก่อนที่จะเปิดเผยชื่อบุคคลเหล่านั้น ปลัดสธ. กล่าว
*ทบทวนงบฯจัดซื้อรพ.ชุมชน
นพ.ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมอบหมายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ไปทบทวนรายการจัดซื้อในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) และให้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุ *** ลเกียรติ ทบทวนรายการจัดซื้อในโรงพยาบาลชุมชน และ นพ.วีรพงษ์ เพ่งวานิช ผอ.รพ.ฉะเชิง เทรา ทบทวนรายการจัดซื้อใน รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป และในอีก 2 สัปดาห์ จะเชิญคณะกรรมการทั้งหมดมาประชุมกันใหม่เพื่อพิจารณารายละเอียดการจัดซื้อในโครงการไทยเข้มแข็งทั้งหมด
*พัวพันเพียบแต่ยังอุบชื่อ
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ในผู้ที่ดำเนินการมีข้าราชการ และนักการเมืองเกี่ยวข้องกี่คน และในจำนวนนี้มีข้าราชการที่เกษียณอายุด้วยหรือไม่ นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จึงยังลงรายละเอียดตอนนี้ไม่ได้ แต่ยอมรับว่ามีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ซที่สุด หลังจากคณะกรรมการชุด นพ.เสรี ชี้แล้วว่ามีความไม่ปกติเกิดขึ้น และนำเสนอรายงานผลสอบมายังตนเพื่อเร่งตั้งคณะกรรมการสอบต่อไป ต่อข้อถามที่ว่า การจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์มีใบสั่งจากการเมืองจริงหรือไม่ นพ. ไพจิตร์ กล่าวว่า คงเป็นที่รับทราบ และมีคนที่เกี่ยวข้องจริง ซึ่งคนรับทราบเรื่องนี้มีเยอะมาก ก่อนหน้านี้ได้มีการเปิดเผยต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการสาธารณสุข สภาผู้แทนฯ แล้ว มีข้าราชการระดับ ผอ.สำนัก ไปให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภา อ้างว่ามีกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เกี่ยวข้อง แต่คงให้รายละเอียดไม่ได้ แต่สื่อมวลชนคงรู้ว่าเป็นใคร นพ.ไพจิตร์ กล่าว
*เผยไม่มีสิทธิเรียกคนนอก
นพ.เสรี หงษ์หยก ประธานคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาการจัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ 6 รายการ กล่าวว่า ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการชุดนี้ มีอำนาจเพียงแค่เรียกข้าราชการ และลูกจ้างในกระทรวงมาชี้แจงเท่านั้น ส่วนคนนอกไม่มีสิทธิเรียกมาให้ข้อมูลได้ ดังนั้นกรณีที่เป็นข่าวอักษรย่อก่อนหน้านี้ ตนจึงไม่มีสิทธิเรียกมาสอบ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ ยืนยันว่า มีรายการจัดซื้อที่ไม่ตรงกับความต้องการ โดยเฉพาะเครื่องตรวจสารเคมีในเลือดมูลค่า 3 ล้านบาท ที่ไม่จำเป็นไม่มีการขอ แต่กลับมีการสั่งจัด ซื้อให้กับโรงพยาบาลเล็กขนาด 30 เตียงถึง 40 แห่ง จึงมีการตั้งคำถาม รวมทั้งเครื่อง ยูวี-แฟนและเครื่องดมยาสลบ ที่เป็นหลักฐานชัดเจน
*ยันไม่แทรกแซงการตรวจสอบ
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รมว. สาธารณสุข กล่าวว่า ยืนยันว่าตนจะไม่เข้าไปแทรกแซงการตรวจสอบของคณะกรรมการทุกชุด ให้ทำงานเป็นอิสระ แต่มีเงื่อนไขเดียวกันคือความโปร่งใส ส่วนที่การแถลงข่าววันนี้ไม่เปิดเผยรายชื่อผู้พัวพันปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างนั้น เป็นไปตามฝ่ายกฎหมาย สธ.แนะนำ เพื่อให้คนเกี่ยวข้องได้ชี้แจง ถือว่าถูกต้องแล้ว เพราะยังต้องมีการสอบเพิ่มเติมอีก การเปิดเผยชื่ออาจทำให้เกิดความเสียหาย และฟ้องร้องกันภายหลังได้อีก ดังนั้นหากมีข้าราชการเกี่ยวข้องได้เสนอให้ปลัดกระทรวงตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
*วิทยาทำงานต่อไม่ไขก๊อก
ส่วนตัวไม่หนักใจและยืนยันไม่ลาออกแน่นอน จะยังทำหน้าที่สร้างความโปร่งใสให้กับกระทรวง โดยจะเป็นคนปัดกวาด กระทรวงให้เกิดความโปร่งใสที่สุดในยุคนี้ รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่าส่วนที่มีข่าว ว่ามีการบีบจากคนในพรรคให้ลาออกจาก รมว.สาธารณสุขนั้น ยอมรับว่า มีบางคนที่ไม่เข้าใจ ซึ่งวันนี้ตนได้ชี้แจงต่อคณะกรรม การบริหารพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ทุกคน ต่างเข้าใจดี และยังให้กำลังใจตนให้ทำหน้า ที่ต่อไป โดยเฉพาะนายกฯ ย้ำว่าขอให้ทำเรื่องนี้โปร่งใสที่สุด ดังนั้นตนจะไม่ลาออกตามข่าวลือแน่นอน
*คำสั่งแต่งตั้ง-โยกย้ายแพทย์
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนของกระทรวงสาธารณสุข 8 ตำแหน่ง ประกอบ ด้วย 1.นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2.นพ.มานิต ธีระตันติกานนท์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นอธิบดีกรมควบคุมโรค 3.นพ.นรา นาควัฒนานุ *** ล อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ 4.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เป็นอธิบดีกรมอนามัย 5.นพ.เสรี หงษ์หยก ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวง 6.นพ.ทนงสรรค์ สุธาธรรม ผู้ตรวจราชการฯ เป็นรองปลัดฯ 7.นพ.สถาพร วงษ์เจริญ ผู้ตรวจราชการฯ เป็นรองปลัดฯ และ 8.พญ. วิลาวัณย์ จึงประเสริฐ ผู้ตรวจราชการฯ เป็นอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
*ฝ่ายค้านหมายหัวซักฟอก
ต่อมาช่วงเย็น ที่ประชุมพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดถึงเรื่องการตรวจสอบการทุจริตโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล เพื่อนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในสมัยหน้า เบื้องต้นกำหนดไว้ 3 ประเด็นหลัก คือ ปัญหาเรื่องปลากระป๋องเน่า โครงการไทยพอเพียง และโครงการไทยเข้มแข็ง โดยเปิดโอกาสให้ ส.ส.ได้ลงชื่อในกลุ่มต่าง ๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล อย่างไรก็ตามยังมีข้อมูลโครงการอื่น ๆ ที่จะตรวจสอบ และยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอีก.
โดย: ตบทรัพย์พ่อมึรงละซิ [19 ก.ย. 53 18:52] ( IP A:58.8.17.237 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม
ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน