แถลงการณ์เครือข่ายฯ กรณีสถิติคนไข้ไทยตาย 6.5 หมื่นคนต่อปี
|
ความคิดเห็นที่ 1 ข้อที่สี่ ในส่วนที่สนย.ชี้แจง 3 ข้อ ดิฉันขอชี้แจงกลับดังต่อไปนี้
1.ข้อมูลที่นพ.สรรธวัชได้นำเสนอ ได้จากการทบทวนระเบียนผู้ป่วยในโรงพยาบาลใหญ่ 2 โรงพยาบาลเท่านั้น และเป็นข้อมูลก่อนปี2549 ซึ่งขณะนี้กระทรวงมีการดำเนินการเรื่องระบบคุณภาพตามมาตรฐาน HA ซึ่งในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานกว่าร้อยละ 50 ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนาและประเมินคุณภาพในชั้นต่างๆ การใช้สถิติดังกล่าวกับสถานการณ์ปัจจุบันจึงไม่ถูกต้อง ดิฉันขอชี้แจงว่า แม้จะเป็นเพียงข้อมูลสองโรงพยาบาล ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาไปเทียบเคียงทั่วประเทศไม่ได้เลย เพราะแม้ในการศึกษาระยะแรกของมหาวิทยาลัยฮาร์วาด ก็ไม่ได้ทำทั่วประเทศ (ตำราแพทย์ patient safety in emergency medicine LIPPINCOTT WILLIAM & WILKINS 2009 หน้า 8 ) และการรับรองเอชเอในความเป็นจริงแล้วก็ยังสามารถเกิดความผิดพลาดได้อีก แม้กระทั่งโรงพยาบาลใหญ่ ๆ ชื่อดังระดับโลกอย่างมหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปกิ้นและฮาร์วาดก็ยังมีกรณีที่ผิดพลาดได้ รวมทั้งในความเป็นจริงที่ดิฉันพบเจอมีรพ.เอกชนชื่อดังที่ผ่านการรับรองเอชเอและไอเอสโอแล้ว ก็ยังเกิดเหตุการณ์ซ้ำกับกรณีที่ศาลพิพากษาจำคุกแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลสมุย ทั้งที่เป็นข่าวรับรู้กันดีในวงการแพทย์มาแล้ว (มีหลักฐานเป็นคำพิพากษา และสำเนาเวชระเบียนยืนยัน) ในประเทศสหรัฐอเมริกาหลังปีค.ศ.1999 ที่สถาบันไอโอเอ็มรายงานสถิติคนไข้ตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์ว่าเป็นสาเหตุการตายอันดับต้น ๆ แล้ว ต่อมาเขาก็ยังรายงานก็ว่าความผิดพลาดก็ยังมีเหมือนเดิม https://www.consumersunion.org/pub/2009/05/011324print.html
2.การนำตัวเลขมาคำนวนโดยใช้ตัวเลขผู้ป่วยใน 13 ล้านคน นั้น เป็นการเข้าใจผิดในข้อมูล เนื่องจากตัวเลข 13 ล้านครั้ง เป็นจำนวนรายโรคของผู้ป่วย ไม่ใช่ราย/ครั้งที่มารับบริการที่โรงพยาบาล ผู้ป่วยที่มารักษาเป็นผู้ป่วยใน 1 คน อาจมีหลายโรค ตัวเลขปี 2551 มีผู้ป่วยจำนวน 6.3 ล้านราย (ครั้ง) มีจำนวนโรค 13.4 (รายโรค) การคำนวนตัวเลขจึงมีความคลาดเคลื่อนไปมาก ดิฉันขอชี้แจงว่า เรื่องนี้โทษดิฉันไม่ได้เนื่องจาก ท่านไม่ได้ให้รายละเอียดแบบนี้ในข้อมูลจริง
3.นพ.สรรธวัช ใช้ข้อความว่า Preventable คือมีแนวทางการป้องกันได้ ซึ่งอาจแตกต่างจากความผิดพลาดทางการแพทย์ ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่า หมายถึง ความผิดพลาดจากการรักษาพยาบาลของแพทย์ได้ และรายงานนั้นก็มีข้อความต่อมาว่าด้วยเรื่องการสนับสนุนให้ทำระบบคุณภาพที่โรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลส่วนมากดำเนินการอยู่ในขณะนี้ และผ่านการรับรองแล้วจำนวนมาก การใช้ข้อมูลสถิติจากหลายๆแหล่ง โดยมิได้สอบทานกับเจ้าของข้อมูลให้เข้าใจถ่องแท้ และนำมาอนุมานไปสู่ข้อสรุปใดๆ ควรระมัดระวัง รวมถึงภาษาที่ใช้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหา ถูกต้อง แม่นยำ และสร้างสรรค์สมานฉันท์กับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ดิฉันขอชี้แจงว่า คำว่าเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ที่ป้องกันได้ นั้นวิญญูชนทั่วไปย่อมเข้าใจได้ว่าคือความผิดพลาดทางการแพทย์ อีกทั้งการนำเสนอข้อมูลด้วยวิธีการอนุมานดังกล่าว ถึงแม้จะไม่ใช่ข้อมูลจริงที่ยืนยันความเที่ยงตรงถูกต้องได้อย่างแม่นยำก็ตาม แต่ก็เป็นวิธีการที่นักสังคมศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ใช้อย่างแพร่หลาย เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติตนของคนในสังคมทั้งในวันนี้และอนาคต ดังเช่นในวงการเศรษฐศาสตร์ที่นักเศรษฐศาสตร์ใช้ข้อมูลและแนวโน้มจากอดีตมาพยากรณ์ปัจจุบันและอนาคต หรือในวงการการพยากรณ์ดินฟ้าอากาศที่ผู้พยากรณ์คาดการณ์จากข้อมูลเดิมโดยนำข้อมูลดังกล่าวมาใส่ในสูตรคำนวณเพื่อคาดการณ์สภาพดินฟ้าอากาศในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้น จะเห็นว่าวิธีการอนุมานดังกล่าว เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าใจระดับความรุนแรงของปัญหา ในสถานการณ์ที่ข้อมูลจริงไม่สามารถหาได้หรือถูกปิดบังไว้ ในทางกลับกัน หากคนในสังคมปฏิเสธข้อมูลที่ได้จากการอนุมานดังกล่าว สังคมอาจสูญเสียโอกาสหรือกระทั่งประสบกับภัยอันตรายอย่างกว้างขวาง เพียงเพราะว่าไม่มีใครออกมาชี้ให้เห็นโอกาสและระดับความรุนแรงที่ปัญหานั้นสามารถเกิดขึ้นได้ | โดย: 2 [17 ก.พ. 54 23:39] ( IP A:58.9.47.185 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนปฏิกิริยาต่อต้านของสมาพันธ์แพทย์นั้น เครือข่ายฯ เห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่ประการใด เนื่องจากในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีแพทย์จำนวนพอสมควรที่ต่อต้านเรื่องความผิดพลาดทางการแพทย์ในสหรัฐ การบาดเจ็บทางการแพทย์น้อยครั้งที่แพทย์จะยอมรับต่อคนไข้ และแทบจะไม่เคยเอ่ยถึงในวารสารแพทย์ ไม่มีการถกในที่สาธารณะอย่างเปิดเผย และยากมากที่จะได้รับว่ามีความสำคัญจากรัฐบาล
ทัศนะคติแบบนี้ดูได้จากจดหมายที่ส่งไปยังบรรณาธิการข่าว ถึงการถกของแพทย์ที่ถกกันในวารสารแพทย์เกี่ยวกับการขูดมดลูกที่ผิดพลาดที่แพทย์ไปขูดมดลูกในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ โดยกล่าวว่าบทความแบบนี้ไม่ควรมาลงในวารสารแพทย์นิวอิงแลนด์เจอนัลออฟเมดิซีน
ความจริงที่ว่าคนไข้จำนวนหลายพันหรืออาจจะเป็นล้าน ที่ได้รับบาดเจ็บอย่างไม่จำเป็นและสูญเสียเงินทองจำนวนมหาศาลเป็นความจริงที่หลุดรอความสนใจของผู้คน จากความเข้าใจของเราในขณะนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องแปลก มันดูเหมือนว่าความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ระบาดไปทั่วประเทศโดยไม่มีใครสนใจหรือพยายามจะตรวจสอบ (ตำราแพทย์ patient safety in emergency medicine LIPPINCOTT WILLIAM & WILKINS 2009 หน้า 8 )
ดังนั้นเหตุการณ์ที่สมาพันธ์แพทย์ฯ ออกมาประณามเครือข่ายฯ ตลอดจนข่มขู่จะเอาคนไข้เป็นตัวประกันนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ แต่เป็นไปเพื่อพยายามจะปกปิดความจริง พยายามทำลายความน่าเชื่อถือของเครือข่ายฯ เพื่อให้ส่งผลไปถึง การล้มร่าง พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการับบริการสาธารณสุข ที่รัฐบาลยืนยันจะนำร่างพรบ.ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในเดือนกุมภาพันธ์นี้
ในส่วนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงนั้น เครือข่ายฯ ยินดีเข้าชี้แจงหากได้รับโอกาส
นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ | โดย: 3 [17 ก.พ. 54 23:40] ( IP A:58.9.47.185 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ข้อมูลประกอบ
จากการที่ดิฉันเป็นคนไข้ที่ได้รับความเสียหายเอง และแปดปีที่ก่อตั้งเครือข่ายฯ ได้เห็นคนไข้ที่ตายและพิการจำนวนมาก สาเหตุมักมาจากเหตุการณ์ที่ซ้ำ ๆ กัน ทุกปีมีการพูดถึงจำนวนคนตายจากอุบัติเหตุทางการจราจร, มะเร็ง, หัวใจและอื่น ๆ แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงเรื่องความผิดพลาดทางการแพทย์แม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้ดิฉันอยากทราบว่ามีคนไข้ไทยตายหรือพิการจากความผิดพลาดทางการแพทย์ต่อปีมากน้อยแค่ไหน
ต่อมาดิฉันไปร่วมงานสัมมนาแห่งหนึ่ง มีแพทย์ซึ่งเป็นนักวิชาการของกระทรวงสาธารณสุขได้นำเสนอสถิติของประเทศอเมริกาในปี 2543 ดังนี้ สถิติการตายโดยป้องกันได้ของอเมริกา ปี 2543 (Deaths per Year) Medical Errors (ผิดพลาดทางการแพทย์) : 98,000-190,000 Motor-vehicle accidents(อุบัติเหตุทางจราจร) : 43,458 Breast Cancer(มะเร็งเต้านม) : 42,297 AIDS (เอดส์) : 16,516 ข้อมูลจาก Source: To Err Is Human. 2000. Kohn LT, Corrigan J, Donaldson MS, eds,. Washington, DC: National Academy, p.1.
เนื่องจากประเทศไทยไม่มีสถิติดังกล่าว ดิฉันจึงต้องอนุมานด้วยการนำเอาสี่หารตัวเลข 98,000-190,000 คน (ประชากรของสหรัฐอเมริกามากว่าประเทศไทยสี่เท่า) จะได้ตัวเลขว่า คนไข้ไทยตายโดยป้องกันได้ประมาน 25,000-47,500 คนต่อปี
ดิฉันเปิดประเด็นนี้ต่อสังคมมานานหลายปีผ่านสื่อและเวทีต่าง ๆ มีแพทย์หลายท่านบอกดิฉันว่า หมอที่อเมริกาหมอตรวจคนไข้ 20 นาทีต่อคน บ้านเรา 2-3 นาทีต่อคน ดังนั้นจำนวนคนไข้ที่ตายน่าจะมากกว่าที่ดิฉันอนุมานเอาไว้ จึงทำให้ดิฉัน เสาะแสวงหาข้อมูลเรื่องนี้มาโดยตลอด
การที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีคนไข้ตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกันได้จำนวนมากนั้น WHO ได้เล็งเห็นถึงมหันตภัยของความผิดพลาดที่ป้องกันได้ ว่าก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจของชาติอย่างมหาศาล ไม่นับรวมความสูญเสียทางจิตใจที่ประเมินค่ามิได้ WHO จึงประกาศนโยบายโครงการความปลอดภัยของคนไข้โดยคนไข้มีส่วนร่วม(Patient For Patient Safety- PFPS) ในปี 2545 ส่งเสริมให้นำความผิดพลาดมาเปิดเผยเป็นบทเรียนให้บุคคลากรทางการแพทย์ได้เรียนรู้เพื่อยกระดับมาตรฐานวิชาชีพ และให้ความรู้กับประชาชนเพื่อป้องกันความเสียหายลดการเกิดเหตุการณซ้ำ ซึ่งดิฉันได้มีโอกาสไปร่วมงานในปี 2550 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ร่วมกับอดีตอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ นายกแพทยสภา นักวิชาการ และองค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเมื่อกลับมาประเทศไทยดิฉันก็ได้ดำเนินการตามนโยบายของ WHO ในการช่วยพัฒนระบบป้องกันความเสียหายด้วยการพาผู้เสียหายไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ แม้กระทั่งในโรงเรียนแพทย์บางแห่ง โดยหวังว่าจะเป็นประโยชน์และสามารถช่วยให้ชีวิตคนไข้ไทยปลอดภัยมากขึ้น https://www.who.int/patientsafety/patients_for_patient/en/ | โดย: 4 [17 ก.พ. 54 23:41] ( IP A:58.9.47.185 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 ต่อมาดิฉันรับทราบข่าวว่า เมื่อวันที่15 มิถุนายน 2552 ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า ได้กล่าวในที่ประชุมสมาคมแพทย์อเมริกันว่า มีคนไข้อเมริกันตายปีละกว่า 100,000 คนโดยป้องกันได้ - The New York Times https://www.nytimes.com/2009/06/15/health/policy/15obama.text.html?_r=1&ref=policy
ดิฉันจึงเชื่อว่าตัวเลขที่ดิฉันอนุมานเอาไว้ว่า คนไข้ไทยตายโดยป้องกันได้ 65,000 ต่อปีนั้น ไม่น่าจะเกินความจริงแต่ประการใด แม้จะไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการก็ตาม
คนไข้ไม่เคยประสงค์ร้ายกับวงการแพทย์ ไม่มีเจตนาทำลายชื่อเสียงกระทรวงสาธารณสุขหรือวิชาชีพแพทย์แต่อย่างใด เพียงแต่แปลกใจว่าเวลาคนไข้ลุกขึ้นพูดอะไรไม่มีใครให้ความสำคัญ แต่หมอโวยวายเรื่องอะไรมักต้องมีคนลุกเต้นตามเสมอทั้งที่เราเป็นฝ่ายตายและพิการชีวิตลำบากอย่างแสนสาหัส เป็นโจทก์แท้ ๆ ยังถูกหมอบางคนทำให้เป็นจำเลยได้เลย | โดย: 5 [17 ก.พ. 54 23:42] ( IP A:58.9.47.185 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 https://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1297726040
ความเห็นที่ 26 ถ้าข้อมูลมาจากสถิติวิจัยทีมีความน่าเชื่อถือ ถึงอัปลักษณ์แค่ไหนผมก็เชื่อว่าแพทย์รับได้และพร้อมจะปรับปรุงแต่ถ้าข้อมูลมาจากอคติเจือปนก้ขอให้คนที่ทำแสดงความรับผิดชอบด้วย แมน ๆ ครับ ส่งโดย: แงซาย สถานะ: Executive Member จำนวนความเห็น: 2594 203.113.117.*
ปกติส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ ไม่ขอโทษ ไม่รับผิดชอบ มีแต่ช่วยกันปกปิด พอมีคนออกมาเปิดเผยก็กล่าวหาว่าเจือด้วยอคติ | โดย: แบบนี้เขาไม่เรียกว่าแมน [18 ก.พ. 54 8:55] ( IP A:58.9.141.225 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 อืม ใช้วิธีอนุมาน | โดย: น่าเชื่อถือ [19 ก.พ. 54 7:56] ( IP A:1.47.107.6 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ตรวจแบบไทยน่าจะตายเป็นแสน คุณปรียนันท์อนุมานได้แย่มากนะครับ แค่ 6หมื่นห้าเอง | โดย: เจ้าบ้าน [20 ก.พ. 54 23:17] ( IP A:115.87.40.137 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 คนละสองสามนาทีเองไม่ใช่หรือ | โดย: เจ้าบ้าน [20 ก.พ. 54 23:18] ( IP A:115.87.40.137 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 มีรายนึง...ล้มก้นกระแทกพื้นปูน..สะโพกหัก เข้าโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม..ผ่าเสร็จออกจากหัองพักฟื้นก็หลับออกมาทั้งๆที่ใช้บล็อคหลัง...ผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง คนไข้สมองขาดเลือดเป็นอัมพาต นอนเป็นผักใน รพ.เอกชน 3 วันแล้วย้ายไปนอน รพ.ศูนย์อีก 42 วัน สุดท้ายตาย........
ญาติถาม รพ.เอกชน ผู้ทำเสียหายก็บอกว่ารักษาตามมาตรฐานแล้ว คนไข้ตายจากโรคประจำตัวเอง ญาติถาม รพ.ศูนย์ ก็บอกว่าคนไข้แย่มาแล้ว ดูแลตามมาตรฐานแล้ว...........สรุปคุณหมอทั้ง 2 รพ.ทำตามมาตรฐานแล้ว คนไข้ตายเอง (เ ฮี้ ย จริง)
ต่อมามีคนช่วยดูและตรวจสอบให้(ไม่ใช่หน่วยงานรัฐที่เอาไปดูตั้ง 3 ปีแล้วยังปิดปากเงียบ ถ้าคนไข้มันตายจากโรคประจำตัวเองแล้วทำไมไม่รีบบอกว่า "ไม่มีมูล") ปรากฏว่าหมอดันให้ adalat แล้วไม่มีใครดู จนความดันตกมิดสกอร์..........แบบนี้เป็นหนึ่งใน 65,000 หรือว่าเป็นปรกติของการรักษาแล้วตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขหรือการแพทย์แบบไทยๆ | โดย: ตายแบบมาตรฐานการแพทย์แบบไทยๆ [21 ก.พ. 54 9:59] ( IP A:202.29.9.42 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ปู่ชัยด่า "ทุเรศ" เปลว สีเงินด่า "อัปรีย์หมอ" | โดย: สะใจโคตร ๆ เหมือนกัน [21 ก.พ. 54 23:32] ( IP A:58.9.52.137 X: ) |  |
|