สปสช.ให้เงินเพื่อปกป้องพวกพ้อง

consumer.pantown.com

เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กรุณาโพสต์ข้อความที่นี่ << กลับไปหน้าแรก


เอามาให้ดูครับ........ https://www.facebook.com/note.php?note_id=196930133665342&id=100001041215463 28 กุมภาพันธ์ 2554 เรื่อง ขอคืนเงินช่วยเหลือเบื้องต้นและให้สอบสวนการพิจารณาให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้นตาม ม.41 มิชอบ เรียน เลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อ้างถึง หนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยที่ นฐ 0027.005/1130 ลงวันที่ 10 มีนาคม 2552 ข้าพเจ้า นายไพรัช ดำรงกิจถาวร และนายสมศักดิ์ ดำรงกิจถาวร บุตรทั้งสองของนางไข ดำรงกิจถาวร ซึ่งได้รับการผ่าตัดรักษากระดูกสะโพกหักที่โรงพยาบาล XXXXX จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2551 โดยมีนายแพทย์ AAAAA เป็นแพทย์ผู้ผ่าตัด นายแพทย์ BBBBB เป็นแพทย์อายุรกรรม(แพทย์ทั้งสองร่วมเป็นแพทย์เจ้าของไข้)และนายแพทย์ CCCCC เป็นแพทย์ผู้ให้ยาระงับความรู้สึกโดยการบล็อกหลัง หลังผ่าตัดคนไข้รู้สึกตัวดี แต่วันรุ่งขึ้นคนไข้มีภาวะสมองขาดเลือดเป็นอัมพาต ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลสนามจันทร์แจ้งว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด ต่อมามีอาการสมองบวม จึงได้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์จังหวัดนครปฐม และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยใบมรณะบัตรระบุว่าเสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดสมองตีบ ต่อมานายสมศักดิ์ ดำรงกิจถาวร ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อกระทรวงสาธารณสุขเพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบการรักษาของแพทย์ที่โรงพยาบาล XXXXX ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน ต่อมาเรื่องร้องเรียนดังกล่าวได้ดำเนินการโดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม จนกระทั่งสำนักงานสาธารสุขจังหวัดนครปฐมได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2545 แก่ทายาทเป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนบาท โดยแจ้งว่าเป็นกรณีเข้าหลักเกณฑ์ที่สมควรได้รับการช่วยเหลือ ทางทายาทนางไขจึงได้รับความช่วยเหลือเนื่องจากเข้าใจตามผลการสอบสวนว่าเป็นกรณีสมควรได้รับการช่วยเหลือตามหลักเกณฑ์ เมื่อนำคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ศาลจังหวัดนครปฐมโดยทายาทได้ดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภค ในระหว่างสืบพยานโจทก์ พยานโจทก์ที่เป็นแพทย์ได้ชี้ว่านางไข ดำรงกิจถาวร สมองเสียหายเนื่องจากการแพทย์สั่งให้ยา adalat (อะดาแลท) 10 mg. อมใต้ลิ้นเพื่อลดความดันโลหิต จนความดันโลหิตตกลงมากอย่างรวดเร็ว ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง จนเกิดภาวะอัมพาต เนื่องจากหลังการให้ยาไม่ได้มีการเฝ้าระวังความดันโลหิตและให้การช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ความดันโลหิตตกต่ำจนสมองขาดเลือด ซึ่งวิธีให้ยาอะดาแลทวิธีนี้ คณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐได้เตือนและแนะนำว่าไม่ควรใช้ยานี้ในการลดความดันอย่างรวดเร็วเพราะจะเกิดภาวะสมองขาดเลือดเสียหายได้ และคณะกรรมการอาหารและยาของไทยและคณะกรรมการบัญชียาหลักแห่งชาติก็ได้ถอนยานี้ออกจากบัญชียาหลักแห่งชาติแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ 2547 ด้วยเหตุผลเดียวกัน ข้าพเจ้าในฐานะบุตรทั้งสองของนางไข ดำรงกิจถาวร รู้สึกเสียใจกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ของ สปสช. จังหวัดนครปฐม และ สสจ. จังหวัดนครปฐมเป็นอย่างมาก ที่นำเงินหลวงตามมาตรา 41 ของพระราชบัญญัติประกันสุขภาพแห่งชาติ ไปใช้ช่วยเหลือโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่ได้เป็นหน่วยบริการตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มิได้สอบสวนให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ตายและญาติ ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติแก่ผู้ตาย จ่ายเงินโดยมิชอบด้วยหลักกฎหมาย ทั้งๆที่มีกรณีหลายกรณีที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาลของรัฐเองแต่กลับมิได้รับเงินช่วยเหลือตามมาตรา 41 ข้าพเจ้าจึงขอมาอุทธรณ์คำสั่งและขอนำเงินหนึ่งแสนบาทมาคืน สปสช และขอให้ดำเนินการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและลงโทษตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ขอแสดงความนับถือ (นายสมศักดิ์ ดำรงกิจถาวร) (นายไพรัช ดำรงกิจถาวร)
โดย: เอาเงินไปเถอะ รัฐมีเยอะ [2 มี.ค. 54 11:24] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 1
https://www.facebook.com/note.php?note_id=196930133665342&id=100001041215463#!/note.php?note_id=197297450295277&id=100001041215463

ที่ต้องออกมาชี้แจงในการคืนเงิน สปสช นี้ ก็เพราะมีคนโทรมาถามหลายสายว่า ทำไมถึงคืนเงิน ทำไมไม่เอาเงิน มีอะไรมากกว่าเหตุผลเพื่อความถูกต้องหรือไม่..............................

ก็ต้องขอชี้แจงว่าตั้งแต่คุณแม่ตายเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2551....น้องชายผมได้เดินทางไปร้องเรียนที่สำนักปลัด กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 27 ตุลาคา 2551 .............จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีคำตอบจากกองการประกอบโรคศิลปหรือแพทยสภาเลยว่าความเสียหายนี้เกิดจากอะไร.......จึงเป็นชนวนเหตุให้ต้องดำเนินการฟ้องคดี

ในการรับเงินช่วยเหลือตามมาตรา 41 นั้น ทาง สปสช.ได้พิจารณาให้เงิน 100,000 บาทแก่น้องชายผมทั้งๆที่ไม่ได้เขียนคำร้องขอเงินช่วยเหลือแก่ สปสช เลย แต่น้องชายได้รับไว้เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2552 โดยน้องชายเข้าใจว่าเข้าเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาฯ ได้กรุณามีหนังสือแจ้งมาให้น้องชายผม

เมื่อผมทราบเรื่องจึงทำการหาข้อมูลและหา พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติปี 2545 มาอ่าน จากการอ่านก็ได้ทราบว่าจะต้องเกิดความเสียหายจากสถานบริการที่เป็นหน่วยบริการจึงจะเข้าเกณฑ์.....จึงได้พยายามตรวจสอบว่าโรงพยาบาลเอกชนที่เกิดเหตุนี้เป็นหน่วยบริการตาม พ.ร.บ.นี้หรือไม่ แต่ไม่สามารถหาข้อมูลได้.....ต่อมาภายหลังได้ฟ้องคดีกับโรงพยาบาลเอกชนและทีมแพทย์ที่รับผิดชอบจนถึงช่วงสืบพยานโจทก์ แพทย์ที่กรุณามาเป็นพยานให้ไ ด้เบิกความว่าเหตุที่สมองขาดเลือดจนเป็นอัมพาตนั้นเกิดจากผู้ตายได้รับยาลดความดัน adalat 10 mg. อมใต้ลิ้นแล้วไม่ได้ดูแล ซึ่งข้อมูลนี้ไม่เคยได้จากหน่วยงานของรัฐใดๆมาก่อนแม้กระทั่งกองการประกอบโรคศิลปและแพทยสภาทั้งๆที่ได้ร้องเรียนต่อกระทรวงมาร่วม 3 ปีแล้ว.....จึงเป็นชนวนให้คิดว่าการได้รับเงินช่วยเหลือฯ อาจไม่ถูกต้อง

ผมจึงไปติดต่อขอรายงานการประชุมของคณะอนุกรรมการพิจารณาให้เงินช่วยเหลือเบื้องต้นฯ เมื่อวันที่ 17 มกราคา 2554 แต่ก็ถูกประวิงเวลาเรื่อยมา จนต้องขออำนาจศาลออกหมายเรียกและถือไปขอเอกสารด้วยตนเองที่ สสจ.จังหวัดนครปฐม เมื่อได้เอกสารมาดูและได้ปรึกษาผู้รู้ทางกฏหมายก็ได้ความว่า การจ่ายเงินในครั้งนี้อาจจะจ่ายโดยมิชอบ เมื่อได้ทราบดังนี้จึงได้พยายามหาเงินมาคืน สปสช เพราะคิดว่าถ้าเราไม่มีสิทธิที่จะได้ก็ไม่สมควรได้ อีกทั้งเงินดังกล่าวก็เป็นเงินของรัฐที่ได้มาจากภาษีของประชาชนด้วย.......จึงได้นำเงินมาคืนในวันดังกล่าวทันทีที่สามารถหาเงินยืมได้

มีหลายคนบอกว่าไม่ต้องคืนก็ได้ เพราะการจ่ายเงินเขาไม่ได้พิสูจน์ผู้รับผิด.......แต่ผมเห็นว่าการที่คุณแม่ผมได้รับความเสียหายฯจากโรงพยาบาลเอกชนแล้ว ต่อไปขอย้ายไปใช้สิทธิ์บัตรทองซึ่งไม่ต้องจ่ายใดๆยกเว้นแต่ค่าห้องพิเศษเท่านั้น....ผมได้เห็นบัญชีค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐมแล้ว ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงถึงสองแสนกว่าบาท...เห็นว่าเป็นภาระที่รัฐรับดูแลมากมายแล้วทั้งๆที่โรงพยาบาลเอกชนเป็นผู้ทำเสียหายฯ จึงไม่อยากรับเงินช่วยเหลือดังกล่าวอีก

โดย: สิทธิ์บัตรทอง รพ.ไหนทำตายก็ได้ทั้งนั้น [2 มี.ค. 54 11:27] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 2
https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9540000026307

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สำหรับกรณีนี้ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียน แต่โดยเจตนารมณ์ของมาตรา 41 นั้น ไม่ได้ต้องการช่วยเหลือหน่วยบริการ แต่ต้องการช่วยเหลือคนไข้ที่อยู่ภายใต้ระบบทุกคน ซึ่งไม่ว่าจะรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน หรือโรงพยาบาลรัฐ หรือโรงพยาบาลที่เป็นหน่วยบริการของ สปสช.หรือไม่ ก็ล้วนได้รับสิทธิทั้งสิ้น เพราะเป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้แก่คนไข้ ไม่ได้ให้หน่วยบริการ

รพ.เอกชนไหนทำคนไข้ใกล้ตาย กรุณาย้ายไปที่ รพ.รัฐด้วยนะ...ญาติจะได้ไปร้องขอเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกับ สปสช.

โดย: สปสช.ใจดี มีมาตรฐาน [2 มี.ค. 54 11:55] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 3 เผื่อว่าจะเป็นทุนในการจ้างทนายฟ้องหมอครับ
โดย: ขอบคุณ สปสช [2 มี.ค. 54 12:31] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 4
ผมบอกตรงๆนะ หากกรณีนี้ไม่ถูกต้องเงินที่ให้มาก็ถือว่ายักยอกเอาไปให้
คนตายนอกจากตายแบบไม่ควรตายแล้วยังถูกยัดเงินจากการยักยอก ถือได้ว่ารับของโจร
เว้นแต่ไม่รู้ว่าไม่ควรรับ หากรู้แล้วยังอม ก็ถือว่ามีเจตนารับเช่นกัน

โดย: อย่ารับของโจร พวกเราไม่ใช่ซ่องโจร [2 มี.ค. 54 13:01] ( IP A:58.8.14.110 X: )

ความคิดเห็นที่ 5
พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545

มาตรา 41
ให้คณะกรรมการกันเงินจำนวนไม่เกินร้อยละหนึ่งของเงินที่จะจ่ายให้หน่วยบริการไว้เป็นเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้รับบริการ ในกรณีที่ผู้รับบริการได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการรักษาพยาบาลของหน่วยบริการ โดยหาผู้กระทำผิดมิได้หรือหาผู้กระทำผิดได้แต่ยังไม่ได้รับความเสียหายภายในระยะเวลาอันสมควร ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกำหนด ”

โดย: มาดูกัน [2 มี.ค. 54 14:43] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 6
อันนี้เกณฑ์ที่สำนักงาน สปสช ประกาศ.........

เกณฑ์การพิจารณา
ผู้มีอำนาจพิจารณาคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น ได้แก่ คณะอนุกรรมการพิจารณาวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นซึ่งมีอยู่ในทุกจังหวัด

คณะกรรมการดังกล่าวจะทำหน้าที่พิจารณาว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ผู้รับบริการควรได้รับเงินช่วยเหลือตามข้อบังคับหรือไม่เพียงใด หากควรได้รับเงินช่วยเหลือก็จะพิจารณาโดยคำนึงถึงความรุนแรงของความเสียหายและเศณษฐานะของผู้เสียหายด้วย โดยมีขั้นตอน ดังนี้

1.พิจารณาตามเกณฑ์ที่กำหนดในข้อบังคับ คือ

- ผู้รับบริการต้องเป็นผู้มีสิทธิตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 และเป็นผู้ได้รับความเสียหาย
- ความเสียหายที่เกิดขึ้นต้องเป็นความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข
- ต้องเป็นการให้บริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ
- ความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข ต้องไม่เกิดจาก
- การดำเนินไปตามพยาธิสภาพโรค
- เหตุแทรกซ้อนของโรคที่เป็นไปตามสภาพปกติธรรมดาของโรคนั้น และได้มีการวินิจฉัยและรักษาตามมาตรฐานทั่วไป
- ต้องยื่นคำร้องภายใน 1 ปี นับจากทราบความเสียหาย
- ไม่ต้องรอพิสูจน์ถูกผิด หรือผลพิสูจน์ทางการแพทย์

โดย: ไม่เห็นเหมือนที่ท่านเลขาฯสัมภาษณ์ [2 มี.ค. 54 14:50] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 7 ดูต้นตอได้ที่ สนง.สปสช. https://www.nhso.go.th/NHSOFront/SelectViewFolderAction.do?folder_id=000000000000062
โดย: มาดูกัน [2 มี.ค. 54 15:41] ( IP A:202.29.9.42 X: )

ความคิดเห็นที่ 8 This is my first time i visit here and I found so many interesting stuff in your blog especially it's discussion, thank you. แอพ สล็อต ยืนยันตัวตน รับเครดิตฟรี
โดย: techmartin128@gmail.com [6 มิ.ย. 65 6:39] ( IP A:172.17.0.1 X: )