“ปรียนันท์” พร้อมสู้ทุกข้อกล่าวหา แจงเอารูปจากเน็ตจริง เพราะหาภาพอ้างอิงไม่ได้
   “ปรียนันท์” พร้อมสู้ทุกข้อกล่าวหา แจงเอารูปจากเน็ตจริง เพราะหาภาพอ้างอิงไม่ได้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
17 มีนาคม 2554 15:54 น.


https://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034504


“ปรียนันท์” พร้อมสู้ทุกข้อกล่าวหา จาก สพศท.รับเอาภาพจากอินเทอร์เน็ตเผยแพร่จริง เหตุหาภาพความผิดพลาดจากทางการแพทย์มาอ้างอิงไม่ได้

จากกรณีที่ พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(สพศท.) ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายกแพทยสภาเมื่อวันที่11มี.ค.54 ว่า ดิฉันได้นำภาพเอ็กซเรย์ผู้ป่วยที่มีกรรไกรอยู่ในช่องคอมาเผยแพร่ผ่านทางเฟส บุ๊ค โดยระบุว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของแพทย์ให้เสื่อมเสียนั้น

ล่าสุดวันนี้ (17 มี.ค.) นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ยอมรับว่าเป็นผู้เผยแพร่ภาพดังกล่าวจริง เพราะไม่คิดว่าจะทำให้วงการแพทย์เสียหายตรงไหนอย่างไร เนื่องจากมีเหตุการณ์ ”ผ่าตัดแล้วลืมกรรไกร, ลืมผ้าก๊อซ, ลืมเส้นลวด” เกิด ขึ้นจริงในประเทศไทย แต่ในความเป็นจริงยากที่ใครจะสามารถหารูปภาพหรือฟิล์มเอกซเรย์ตัวจริงมา ประกอบได้ เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าเมื่อคนไข้ไทยได้รับความเสียหายจะไม่สามารถขอ สำเนาเวชระเบียนรวมทั้งฟิล์มเอกซ์เรย์มาตรวจสอบได้โดยง่าย หลายครั้งรพ.คู่กรณีจะอ้างว่าเวชระเบียนและฟิล์มเอกซ์เรย์หายไป

“ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าภาพที่นำมาประกอบนั้นแม้จะไม่ใช่ภาพจริง แต่ก็สามารถสื่อให้สังคมได้เห็นว่าความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เนื่องจากเครือข่ายฯ มีผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวมาร้องเรียนจริงและหลายกรณี มิใช่การกล่าวอ้างลอย ๆ โดยไม่มีหลักฐานสนับสนุน เพราะปัจจุบันภาพการผ่าตัดแล้วลืมกรรไกรนั้น หาได้จากอินเทอร์เน็ตที่หลายประเทศทั่วโลกนำมาเผยแพร่ เนื่องจากองค์การอนามัยโลกสนับสนุนให้มีการยอมรับและเปิดเผยความผิดพลาด เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้และป้องกันการเกิดเหตุการณ์ซ้ำ ซึ่งหลายประเทศได้ปฏิบัติตามนโยบายเนื่องจากเห็นว่าจะสามารถช่วยรักษาชีวิต คนไข้ให้ปลอดภัย ไม่ได้มีทัศนคติว่าการเปิดเผยความผิดพลาดนั้นสร้างความเสื่อมเสียให้กับวง การแพทย์เลย” นางปรียนันท์ กล่าว


นางปรียนันท์ กล่าวว่า จาก การที่ ประธาน สพศท.ได้ร้องต่อแพทยสภานั้นตนพร้อมจะเข้าชี้แจงทุกกรณีและหากแพทยสภามีมติ ว่าต้องแก้ไขอย่างไรก็จะพยายามหาภาพที่ตรงกับความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศ ไทยมาใส่ให้ถูกต้อง แม้จะเป็นไปด้วยความยากยิ่งก็ตาม ในส่วนของกรณีที่พญ.ประชุมพรและพวก แจ้งความที่สภอ.เมืองสุรินทร์เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2554 ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับดิฉันให้ถึงที่สุดในการเผยแพร่ตัวเลขคนไข้ ไทยตาย6.5หมื่นคนต่อปี ว่าทำให้วงการแพทย์เสื่อมเสีย เป็นคดีอาญาหมายเลขที่ 545/54 นั้นตนยืนยันว่าพร้อมที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุดเช่นกัน
โดย: ผู้จัดการออนไลน์ [17 มี.ค. 54 20:06] ( IP A:58.9.51.25 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ต่อไปนี้เป็นข้อมูล "เสริมความมั่งคงแข็งแรงยิ่งๆขึ้น" ของตัวเลข 6.5 ศพ ต่อปีของคนไข้ไทยนะครับ

เป็นข้อมูลของ "หนึ่งในหมอผู้เป็นใหญ่ทางวงการสาธารณสุขของอเมริกัน เป็นคุณหมอหญิงนามอุโฆษท่านหนึ่ง ซึ่งท่านได้ทำรายงานศึกษาสถิติการตายของคนไข้อเมริกันจาก "ความผิดพลาดทางการแพทย์" และ ถูกตีพิมพ์เผยแพร่เป็นข่าวตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 นี่เป็นเวลาหลายปีก่อนที่ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่าจะออกมายอมรับอย่างเป็นทางการว่าคนอเมริกันตายจากหมอทำปีละกว่าแสนซะอีก

ที่น่าตื่นตะลึงก็ตรงที่ "ตัวเลขของคุณหมอหญิงท่านนี้" มีจำนวนมากกว่าสองเท่าของ ตัวเลขที่บารัค โอบาม่าประกาศออกมาซะอีก

ติดตามส่วนแรกของงานแปลรายงานชิ้นนี้ได้ที่ ค.ห.ถัดไปนะครับ ส่วนต้นฉบับภาษาอังกฤษของรายงานชิ้นนี้ เชื่อมโยงกับที่ ค.ห. ที่ 1978 ของบอร์ดนี้ได้เลยครับ

ข้อมูลชิ้นนี้ เป็นเครื่องชี้บอกด้านข้างของการฟ้องร้องท่านประธานเครือข่ายฯในเรื่องนี้ว่า แนวโน้มจะแพ้ราบคาบกลายเป็นการฟ้องคดี ไม่มีมูล ของหมู่หมอที่สุรินทร์ซะมากกว่า แล้วตำรวจที่รับแจ้งความคดีนี้ ก็ "อาจซวยสองเด้งไปพร้อมกับหมู่หมอที่ทำเรื่องฟ้อง" แบบเดียวกับที่ พ.ธ.ม. โดนข้อหาผู้ก่อการร้าย แต่แนวโน้มกลับตาลปัตรจะกลายเป็นผู้ก่อการดี ที่นำพาเอาตำรวจเจ้าของคดี เรื่อยไปจนถึง ผบ.ตร. สตช. โดนมาตรา 157 หมดอนาคตไปทั้งชีวิตตำรวจ เฮ้อ ก็ขอเตือนท่านหมอๆและหมาต๋าตำรวจที่ร่วมด้วยช่วยกันแต่งเต้าเรื่องนี้อยู่นะครับว่า ทำอะไรก็ตามคิดหน้าคิดหลังเรื่องความถูกต้องตามกฎหมายซะก่อนนะครับ ขืนสร้างเรื่องแบบพวกมากลากไป เจอลูกสวนกลับแรงๆเข้า ถึงตอนนั้น พวกไอ้/อีโม่งที่หนุนส่งท่านอยู่ตอนนี้ อาจจะยืนดูเฉยๆ หรือทำเป็นไม่รู้จักท่านมาก่อนก็ได้ แล้วท่านก็จะได้ดวงตาเห็นธรรมกับคำว่า

โดดเดี่ยวเดียวดายและเฉียบเย็นยะเยือก นะครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [21 มี.ค. 54 7:33] ( IP A:58.8.86.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ทำไม ต้องเอารูปจากเนตด้วย ในเมื่อมันมีอยู่จริงไม่มีรูปก็ไม่เห็นจะเป็นไร
โดย: ไปเล่นเกมส์ทำไม [21 มี.ค. 54 7:37] ( IP A:182.52.123.120 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เมื่อ 26 ก.ค. ค.ศ. 2000 วงการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาได้รับข่าวชิ้นหนึ่งซึ่งก่อความสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างเฉียบพลันไปทั่วทั้งวงการ เมื่อแพทย์ท่านหนึ่งผู้ซึ่งได้รับความเชื่อถือและมีชื่อเสียงที่สุดในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุข Dr. Barbara Starfield ได้ออกมาเปิดเผยการค้นพบของเธอเกี่ยวกับระบบการดูแลสุขภาพของประเทศสหรัฐอเมริกานี้

จุดใหญ่ใจความของผลการศึกษาที่คุณหมอท่านนี้ทำขึ้นอยู่ที่ข้อปุจฉาที่ว่า “ระบบดูแลสุขภาพของคนอเมริกันนั้นดีที่สุดในโลกจริงหรือ??” ซึ่งรายงานผลการศึกษาชิ้นนี้ได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of the American Medical Association และมีข้อสรุปจากรายงานดังต่อไปนี้

ทุกๆปีในสหรัฐอเมริกา เราพบสถิติการตายของคนอเมริกันส่วนหนึ่ง แยกตามสาเหตุออกเป็นกลุ่มๆได้ว่า

12,000 คนตายจากการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น
7,000 คนตายจากการให้ยาผิดภายในโรงพยาบาล
20,000 คนตายจากความผิดพลาดอื่นๆภายในโรงพยาบาล
80,000 คนตายจากการติดเชื้อซึ่งได้รับจากภายในโรงพยาบาล
106,000 คนตายจากการได้รับยาตามใบสั่งแพทย์อย่างถูกต้องและเป็นยาที่ อ.ย. อเมริกันให้การรับรองแล้ว

รวมตัวเลขการตายของคนอเมริกันต่อปีที่มาจากสาเหตุทางการแพทย์อยู่ที่ 225,000 คนทุกๆปี

ข้อมูลที่ปรากฏนี้ได้ทำให้สาเหตุทางการแพทย์กลายเป็นสาเหตุนำของการตายของคนอเมริกันมากเป็นอันดับที่ 3 รองจากโรคหัวใจและโรคมะเร็ง (ซึ่งหมายถึงตายมากกว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนเสียอีก !,ผู้แปล)

รายงานการศึกษาของคุณหมอ Starfield ชิ้นนี้ได้กลายเป็นการเปิดเผยที่ก่อความตื่นตะลึงราวพลุแตกต่อวงการแพทย์สมัยใหม่ของอเมริกาอย่างที่ไม่เคยมีรายงานอื่นใดเคยตีพิมพ์เผยแพร่มาก่อน ซึ่งทั้งเครดิตของผู้เขียนรายงานและทั้งชื่อเสียงของนิตยสารที่เสนอรายงานนี้ล้วนอยู่ในระดับสูงสุดของวงการแพทย์ ซึ่งไม่อาจโต้แย้งและหาข้อตำหนิไม่ได้

อย่างไรก็ตาม หลังปรากฏผลการศึกษาค้นพบที่น่าตระหนกตกใจชิ้นนี้แม้ว่าจะมีการถ่ายทอดเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆอย่างกว้างขวาง แต่ผลงานชิ้นนี้กลับถูกกลืนหายไปจากความสนใจอย่างรวดเร็ว ไม่มีสื่อหนังสือพิมพ์หรือเครือข่ายโทรทัศน์ใดเลย “เกาะติด” การสอบสวนที่ต่อเนื่องติดตามมาของ “Medicalgate” ต่อรายงานชิ้นนี้ (แม้แต่ Jon Rappoport ผู้เขียนบทความที่เราอ่านอยู่นี้ ก็นำเสนอสู่เว็บเครือข่าย Health Freedom Alliance เมื่อ ธ.ค. 2009 หลังรายงานชิ้นนี้ปรากฏต่อสาธารณชนครั้งแรกเป็นเวลาถึง 9 ปี, ผู้แปล) แม้กระทั่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯหรือหน่วยงานทางสาธารณสุขของรัฐบาลกลางสหรัฐฯก็ไม่ได้ดำเนินมาตรการแก้ไขเยียวยาที่ยืนยาวใดๆต่อข้อเท็จจริงที่พบจากรายงานนี้

เหนืออื่นใดทั้งหมด มันกลับดูเหมือนว่าบรรดาหน่วยงานทั้งหลายแหล่ซึ่งควรจะได้ดำเนินขั้นตอนที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขสภาพข้อเท็จจริงเช่นนี้ที่ก่อความสะเทือนจิตใจต่อสาธารณชนชาวอเมริกัน กลับพากันละเลยอย่างไม่นำพา

ดังนั้น ในระหว่าง 6 – 7 ธ.ค. 2009 ผม (ผู้เขียนบทความชิ้นนี้) ได้ทำการสัมภาษณ์ Dr. Starfield ทางอีเมล์ด้วยการคำถาม-คำตอบดังนี้


ต่อ ค.ห. ถัดไปครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง(เรื่องหมอ) [21 มี.ค. 54 7:37] ( IP A:58.8.86.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    คำถาม
คุณหมอได้รับผลตอบรับมากน้อยและรุนแรง/เบาบางแค่ไหน? ต่อรายงานการค้นพบของคุณหมอตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมาครับ?

คำตอบ
รายงานของดิฉันในแง่ที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพทางการแพทย์เบื้องต้นได้มีการนำไปใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมถึงการใช้เป็นกรณีตัวอย่างและการอ้างอิงในรายงานต่อสภาคองเกรสด้วย อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงที่พบว่าระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐฯที่มีสภาพค่อนข้างย่ำแย่นี้กลับแทบจะไม่ได้มีใครสนใจเลย แหละดูเหมือนว่าสาธารณชนชาวอเมริกันถูกตบตามาอย่างต่อเนื่องให้หลงเชื่อว่า ยิ่งมีการแทรกแซงสุขภาพของเขาด้วยกระบวนการทางการแพทย์มากเท่าใดก็ยิ่งนำไปสู่การมีสุขภาพดีมากเท่านั้น และคนส่วนใหญ่ที่ดิฉันพบนั้นไม่ได้รับรู้ใดๆแม้แต่น้อยว่า คนอเมริกันนั้น “ไม่ได้เป็นประชาชนที่มีสุขภาพที่ดีที่สุดในโลก”

คำถาม
ในวงวิจัยทางการแพทย์เอง ได้มีการโต้แย้งตัวเลขสถิติที่น่าสะเทือนใจซึ่งมาจากสาเหตุทางการแพทย์นี้ของคุณหมอ หรือได้มีการยอมรับตัวเลขเหล่านี้หรือไม่ครับ? แม้จะด้วยความสำนึกเสียใจบ้าง ก็ตาม???

คำตอบ
ตัวเลขสถิติที่ค้นพบนี้ได้รับการยอมรับโดยกลุ่มคนซึ่งได้มีการลงมือศึกษารายงานเหล่านี้ แต่มีเพียงรายเดียวเท่านั้นซึ่งโต้รุนแรงต่อตัวเลขเหล่านี้ เขาผู้ซึ่งเป็นอดีตอธิการบดีของโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งที่ได้รับเจตนคติจากคนจำนวนมากที่จะอ้างว่าระบบดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกานั้นดีที่สุดเท่าที่มีอยู่แล้วและพวกเรา (หมายถึงคนเหล่านั้นอ้างเอาคนอเมริกันทั้งหมด) ต้องการระบบเช่นที่มีอยู่นี้มากยิ่งขึ้นอีก ท่านผู้นี้แสดงตัวปกป้องผลประโยชน์ของบรรดาโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลที่เปิดสอนวิชาแพทย์ (ซึ่งร่วมอยู่ในสถาบันเดียวกันกับเขา) แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการมีส่วนมากยิ่งขึ้นในผลประโยชน์จากการรับสอนวิชาแพทย์ที่ดำเนินการอยู่แล้วเพื่อผลิตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางให้มากยิ่งขึ้น (และประเด็นสำคัญคือ ปัญหาตรงที่เรากำลังผลิตและฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในสภาพเช่นที่เราพบนี้ ด้วยมูลค่าที่ต้องจ่ายส่วนหนึ่งคือ ความเสียหายของชีวิตและเลือดเนื้อ/ความพิการของสาธารณชนจำนวนมหาศาลตามตัวเลขที่พบจากสถิตินี้ ผู้เชี่ยวชาญฝึกหัดซึ่งไม่ได้ลงมือปฏิบัติให้ครบถ้วนตามที่ได้รับการอบรม พวกเขาผู้ซึ่งปล่อยเวลาครึ่งหนึ่งของการทำงานสูญเปล่าไป เวลาซึ่งควรเป็นงานทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานซึ่งสมควรทำแต่ก็ไม่ได้ทำเช่นกัน!)
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [21 มี.ค. 54 7:44] ( IP A:58.8.86.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   คำถาม
ไม่ทราบว่าได้มีหน่วยงานทางสาธารณสุขของรัฐบาลกลางสหรัฐฯเข้ามาหารือกับคุณหมอถึงหนทางในการบรรเทาผลกระทบจากสภาพของระบบการแพทย์ของอเมริกันเท่าที่คุณหมอค้นพบนี้บ้างไหมครับ?
คำตอบ

ไม่เลยค่ะ

คำถาม
แล้วที่ FDA (เทียบเท่าองค์การอาหารและยาของไทย) ของอเมริกันเป็นผู้อนุมัติบรรดายาทั้งหมดที่จ่ายใช้กันอยู่กับประชาชนอเมริกัน ทั้งที่เป็นยาซึ่งได้รับการรับรองว่าปลอดภัยและทรงประสิทธิภาพด้วย แล้วหน่วยงานนี้กลับเฉยเมยกับความจริงที่ว่ายาเหล่านี้กำลังเป็นสาเหตุการตายจำนวน 106,000 คนต่อปีได้อย่างไรกันครับ?

คำตอบ

แม้ว่าเรามักจะพบกับเหตุแทรกซ้อนทางการแพทย์อันเลวร้ายได้เสมอซึ่งไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ แต่ความจริงอีกด้านก็คือ กำลังมียาซึ่งไม่ปลอดภัยต่อคนไข้ได้รับการอนุมัติให้ใช้ได้มากขึ้นและมากขึ้น เราพบได้จากผู้คนจำนวนมากซึ่งมีส่วนออกมาเปิดเผยความจริงที่ว่า ในรอบสิบปีหรือมากกว่านั้นที่ผ่านมาวงการอุตสาหกรรมยาถูกกำหนดให้ต้องจ่ายเงินให้กับ FDA เพื่อการตรวจสอบยาก่อนออกสู่ตลาด ซึ่งเท่ากับเป็นการผลักให้หน่วยงานนี้เข้าสู่สภาพซึ่งไม่อาจต่อต้านวงการอุตสาหกรรมที่หน่วยงานนี้กำลังกำกับดูแลอยู่ เราพบข้อเขียนมากมายเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้

คำถาม
แล้วความจริงจากรายงานเมื่อปี ค.ศ. 2000 นี้ของคุณหมอ ไม่ใช่เท่ากับเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อ FDA และต่อมาตรฐานการปฏิบัติงานของหน่วยงานนี้หรือครับ?

คำตอบ

รายงานของดิฉันเป็นข้อกล่าวหาชิ้นหนึ่งต่อวงการด้านดูแลสุขภาพของอเมริกาทั้งระบบ ซึ่งประกอบด้วย บริษัทประกันสุขภาพ สถาบันการศึกษาวิจัยทางการแพทย์เฉพาะทางและเฉพาะโรค วงการอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือแพทย์ ซึ่งทั้งหมดนั้นล้วนมีส่วนร่วมด้วยอย่างหนักหน่วงในการรณรงค์การเลือกตั้งของบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ปัญหาก็คือเราไม่มีรัฐบาลที่ปลอดจากอิทธิพลของการปกป้องตัวเองของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เฮ้อ (อย่างเหนื่อยหน่าย) นี่เป็นปัญหาทั่วไปของสังคมอเมริกันของเรา ซึ่งชัดเจนว่าเป็นเรื่องของประชาธิปไตยที่ไม่สมดุล และเอียงไปตามแรงผลักของผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [21 มี.ค. 54 10:40] ( IP A:58.8.86.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   คำถาม
คุณหมอพอจะให้ความเห็นเกี่ยวกับ FDA ได้ไหมครับว่า ทำไมหน่วยงานนี้ถึงได้ผิดพลาดอย่างร้ายแรงกับผลิตภัณฑ์ยามากมายเช่นนี้?

คำตอบ
ได้ค่ะ นี่เพราะหน่วยงานนี้ไม่สามารถเปลื้องตัวเองของจากผลประโยชน์ต่างๆที่ได้รับการปกป้องไว้ อีกนั่นแหละที่เราจะพบได้จากรายงานจำนวนมากที่ชี้บอกเรื่องทำนองนี้ ซึ่งมักจะไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเนื่องเพราะสื่อสารมวลชนที่ได้รับการสนับสนุนจากวงการอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้ให้ความสนใจที่จะเผยแพร่

คำถาม
ถ้าเช่นนั้นจะถูกไหมถ้าผมขอพูดว่า เมื่อรายงานการศึกษาของคุณหมอได้รับการตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ. 2000 มันเพียงก่อความตื่นเต้นชั่วขณะต่อสาธารณชนเท่านั้น และก็ถูกละเลยไม่ให้ความสนใจจากวงการแพทย์และวงการบริษัทยาเลยหลังจากนั้น?

คำตอบ
คุณแน่ใจหรือค่ะ? ว่าเป็นแค่ตื่นเต้นชั่วขณะ ดิฉันยังคงได้รับอีเมล์อย่างน้อยวันละฉบับร้องขอสำเนารายงานหลังจากนั้นมาสิบปีเข้านี่แล้ว ปัญหาที่แท้จริงก็คือ ข่าวสารข้อมูลจากรายงานชิ้นนี้ถูกทำให้เลอะเลือนไม่ชัดเจนโดยกลุ่มคนซึ่งไม่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆต่อระบบการดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกานี้

คำถาม
สำหรับโรงเรียนแพทย์ในสหรัฐฯนี้ และหลักสูตรแพทย์ฝึกหัด/แพทย์ประจำบ้านตามโรงพยาบาลของสหรัฐฯ ได้มีการบรรจุโปรแกรมการเรียนการฝึกอบรมสำหรับกระบวนการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานไว้อย่างเพียงพอหรือไม่ครับ?

คำตอบ
ไม่ค่ะ แม้กระทั่งสถาบันการเรียนการสอนทางการแพทย์ซึ่งมีชื่อเสียงมากที่สุดบางแห่งก็ไม่มีกระทั่งหลักสูตรการฝึกอบรมสำหรับแพทย์ประจำครอบครัว หรือไม่มีภาควิชาอายุรกรรมครอบครัวอยู่เลย ทางรัฐบาลกลางสหรัฐฯนั้นให้การสนับสนุนต่อสถาบันทางการแพทย์ที่เอื้ออย่างมากต่อการผลิตแพทย์เฉพาะทางประจำโรงพยาบาลเท่านั้น เนื่องเพราะเป็นการคิดคำนวณบนพื้นฐานของจำนวนเตียงในโรงพยาบาล (หมายเหตุตรงนี้ว่า คุณหมอ Starfiled ได้เคยทำวิจัยอย่างกว้างขวางที่แสดงว่าบรรดาแพทย์ประจำครอบครัวผู้ซึ่งทำหน้าที่บริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานก่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าต่อกลุ่มคนไข้กลุ่มนี้ ซึ่งตรงกันข้ามกับการมีกองทัพของหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาจำนวนมาก)

คำถาม
ไม่ทราบว่าคุณหมอตั้งแต่ได้พิมพ์เผยแพร่รายงานชิ้นนี้ในปี ค.ศ. 2000 ได้รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวใดๆอย่างเป็นระบบในการฟื้นฟูสภาพการตายที่มีสาเหตุหลักมาจากบริการทางการแพทย์หรือไม่ครับ?

คำตอบ
ไม่เลยค่ะ ไม่มีความพยายามอย่างเป็นระบบใดๆเลยปรากฏให้ได้รับรู้ อย่างไรก็ตาม ได้มีการศึกษาวิจัยเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ของงานเหล่านั้นล้วนชี้บอกอัตราการตายที่สูงกว่าที่ดิฉันได้คิดไว้ในรายงานของดิฉันเอง
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [21 มี.ค. 54 15:47] ( IP A:58.8.86.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เอารูปมาจากไหน
แต่ประเด็น คือ ได้โกหก พกลม หรือไม่... แต่เท่าที่ดู โกหกจริง คือ โกหกว่า หมอลืมกรรไกรในคอ แต่ความจริง คือ เด็กกลืนกรรไกรลงไปเอง
โดย: 100% [21 มี.ค. 54 23:36] ( IP A:182.52.134.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   แค่ภาพไม่ตรงกับความเป็นจริง ไม่เห็นว่าใครจะโกหกใคร
ที่เห็นโกหกกันดาษดื่นไม่เห็นประโคมข่าวกันมากขนาดนี้เลย
จ้องทำลายเขามากกว่า
โดย: พวกสันหลังหวะ [22 มี.ค. 54 7:33] ( IP A:58.9.74.202 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   แหม ท่าน 100% ที่ ค.ห. ที่ 7 นี่ ดุจริงๆ กัดไม่ปล่อยเลยนะ

เอ้า ถ้าเมามัน+แน่จริง ช่วยกัดแทะขยายผลต่อกับสองกรณีนี้หน่อยนะ

๑. ที่ช่อง Thai PBS รายการที่ท่านอาจารย์วิชัย โชควิวัฒน์ ตอกหน้าหมออำนาจ กุสลานันท์ ว่า พี่แกในฐานะกรรมการแพทยสภาพูดไม่จริง (ซึ่งภาษาชาวบ้านอย่างผมเรียกว่า โกหก หรือ ตอแหล น่ะ) ท่านช่วยไปสาวต่อหน่อยเทอะ ว่าที่ท่านอาจารย์วิชัยพูดออกมานั้นน่ะ จริง/เท็จประการใดตรงไหนบ้าง ????????????????????????????? ไม่เห็นแพทยสภาออกมาแถลงข่าวแก้ตัวเล้ย!!!!!!!!!

๒. อันนี้เก่าหน่อย แต่ไม่เก่ามากเกินความเมามันแบบน้ำลายเยิ้มของท่านจะทำได้ ช่องทีวีเดียวกันเลยนะ รายการชื่อ "ค้นคนโกง" หรือชื่อทำนองนี้แหละ ที่มีตอนหนึ่งเปิดโปงกรณีหญิงโรค SLE โดนโรงพยาบาลย่านพรานนกจับผ่าตัดแบบไม่รู้อิโหน่อิแหน่ จากคนดีๆสวยกระฉับกระเฉงเดินเข้าโรงพยาบาล ผลออกมากลายเป็นพิการถาวรนั่งรถเข็นตลอดชีวิต รายการนั้นจบลงด้วยการมีประโยค "ทีเด็ดเป็นที่ฮือฮา" ต่อมาหลายเดือนว่า แพทยสภาร่วมกับโรงพยาบาลต้นเหตุมีการร่วมมือกันเหมือนดั่ง "เป็นซ่องโจรหมอ" ในการป้องความผิดของโรงพยาบาล นั่นน่ะ ผมยังดาวน์โหลดรายการมาเก็บไว้เลย แล้วรายการนี้ก็ถูกกถอดออกไปจากผังซะงั้น ถ้าท่านแน่จริงและอยากจะเมามันต่อให้สะเด็ดน้ำ เหมือนกับที่ท่านจ้องกัดท่านประธานเครือข่ายฯนี้ล่ะก็ ช่วยไปแทะไปแซะเอา "ฟามจิง" ที่ปราศจากการใสสีตีไข่ มาเล่าแจ้งให้ผู้คนแถวนี้ให้ได้เกิดปัญญาหน่อยเทอะ นึกว่าเอาบุญนะพ่อคู้นๆๆๆๆๆๆๆๆ
โดย: คนรู้ทัน และรู้จริงว่าหมอหน้าม้า [22 มี.ค. 54 9:47] ( IP A:115.87.202.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   แค่ภาพไม่ตรงกับความเป็นจริง---->ที่บ้านผมเค้าเรียกอะไรที่ไม่ตรงกับความจริงว่า ความเท็จ หรือโกหกครับ


จงใจนำมาแสดงพร้อมเขียนสื่ออันเป็นเท็จ เพื่อหวังผลให้คนที่ได้รับข่าวสารและภาพเข้าใจไปว่าแพทย์ลืมกรรไกรไว้ใน ผู้ป่วยเป็นเหตุให้ตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์ และหวังผลให้คน กด like ให้กับสื่อของตนเอง ซึ่งจะนำไปอ้างกับผู้เกี่ยวข้องต่อไปว่าคนเห็นด้วยว่ามีปัญหาความตายจากความ ผิดพลาดทางการแพทย์ดังตัวอย่างในรูปดังกล่าวจำนวนมาก เพื่อให้ผ่านร่าง พรบ.ที่ตนเองผลักดัน
โดย: หลอกลวง [22 มี.ค. 54 23:32] ( IP A:182.52.122.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   แหม

ดื้อตาใสจริงๆ

เอาข้อผิดพลาดเล็กๆมาขยายเป็นแผลให้ดูใหญ่โต

ส่วนเรื่องทุจริต โกหก เรื่องใหญ่ยักษ์ที่พวกเดียวกันทำให้เห็นๆกันต่อหน้าธารกำนัลจะจะ

ก็ไม่แตะ ไม่ยอมเฉียดใกล้เลยนะ เนียนๆดีจังเลย
โดย: คนรู้ทัน และรู้จริงว่าหมอหน้าม้า [23 มี.ค. 54 9:34] ( IP A:58.8.160.139 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   นั่นสิเนอะ ความผิดพวกเดียวกัน แม้เป็นอาญาแผ่นดิน ก็เป็นความผิดเล็กๆเนอะ
โดย: Gazza [23 มี.ค. 54 16:45] ( IP A:58.11.82.144 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ต้นตัวเองดมยังไงก็หอมหวาน แต่ตดคนอื่น ต่อให้ไม่เหม็นยังไง ก็เหม็นยิ่งกว่าปลาเน่าสิบวัน

ขนาดเรื่องแค่นี้ยังโกง เล่าความเท็จ แล้วหากได้เป็นกรรมการกองทุนบริหารเงินหมื่นล้านต่อปี นี่ ไม่อยากคิดเลย
โดย: ค่าบริหารก็ปีละพันล้านแล้ว [23 มี.ค. 54 17:41] ( IP A:182.52.121.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ก็ถ้าผิดอาญาแผ่นดิน ก็ฟ้องเอาเลยครับ กฎหมายและศาลไม่ได้มีไว้เข้าข้างหมอแพทยสภาได้เสมอไป เหมือนอย่างที่ซ่องโจรมาซ่องนี้ลอดคดีอาญาลอดคุกจากที่โดนท่านประธานเครือข่ายฯฟ้องมาได้นี่ครับ เผื่อคราวนี้จะได้เห็นประธานเครือข่ายฯติดคุกมั่ง แต่ หึ หึ ต้องให้แน่ใจว่าชนะนะครับ เพราะถ้าแพ้ เจอลูกสวนล่ะก็ เห็นผลเร็วกว่า แรงกว่า แล้วก็เจ็บบาดลึกยาวนานมากๆ

ฟ้องเลยครับ ก็อยากดูเหมือนกัน ว่าที่เห่าๆอยู่น่ะ เป็นคนจริงหรือเป็นแค่หมาชอบเยี่ยวลดเสาไฟฟ้าที่รู้ภาษาคน
โดย: หมาขี่เห่า เอาแต่หลบหลังจอ [24 มี.ค. 54 7:52] ( IP A:58.8.118.168 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ที่ว่าตดน่ะ มันแค่ลมที่จางหายไปจากสายตาแล้ว

แต่ขี้กองใหญ่เป็นหลักฐานเรื่องชั่วๆ เรื่องทุจริตที่แพทยสภานับสิบนับร้อยคดี ของพวกเดียวกันเองนั่นน่ะ

แกล้งตาบอด ไม่ได้กลิ่นเหม็นเน่าเลยหรือไงวะ?

หรือเป็นอย่างที่เองว่า กลิ่นขี้ของพวกเดียวกันเอง ก็หอมเหมือนกลิ่นตด ทั้งที่กองเป็นขี้เห็นเป็นภูเขาเลากาอยู่แถวสนามบินน้ำมาแรมปี
หึ หึ!!!!!
โดย: หมาหัวหด เอาแต่เห่าหลังจอ [24 มี.ค. 54 8:07] ( IP A:58.8.118.168 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ฟ้อง มันก็หาว่ารังแกผู้หญิง ใจแคบ เรื่องเล็กๆเอง
ไม่ฟ้อง ก็โดนตามเห่าหอนตลอด หาว่าไม่แน่จริง

เอาไงดีครับแพทยสภา
โดย: Gazza [24 มี.ค. 54 9:35] ( IP A:58.11.82.144 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   พยายามทำลายความน่าเชื่อถือ
ใคร ๆ ก็มองออก ไอ้พวกหมอชั่ว (หมอดีไม่เกี่ยว)
โดย: อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ [25 มี.ค. 54 21:58] ( IP A:58.9.64.80 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   แปลต่อจาก ค.ห. ที่ 6

*****************

คำถาม
ไม่ทราบหลังจากที่คุณหมอได้ข้อสรุปเกี่ยวกับภาพของระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯซึ่งกลายเป็นสาเหตุการตายของคนอเมริกันมากเป็นอันดับที่ 3 ในฐานะส่วนตัวคุณหมอได้ทำอะไรลงไปบ้างเพื่อสนองตอบเรื่องที่ได้ข้อสรุปนี้มาครับ?

คำตอบ
ก่อนหน้านี้ดิฉันได้ทำการศึกษาบรรดาข้อมูลเปรียบเทียบต่างๆในระดับนานาชาติ และรับรู้ได้ว่าเกิดการขาดแคลนที่วิกฤตขึ้นแล้วภายในระบบดูแลสุขภาพของสหรัฐฯ ซึ่งที่น่าเอ่ยถึงมากที่สุดก็คือ การบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุมแบบครบทุกเรื่องงยังขาดแคลนอยู่และการมีโครงสร้างของสิ่งจำเป็นสำหรับบริการทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานที่ด้อยคุณภาพเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ดิฉันจึงไม่รู้สึกแปลกใจเมื่อได้พบข้อสรุปเช่นนี้

คำถาม
ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 2000 ได้มีการติดต่อคุณหมอโดยเจ้าหน้าที่ของ FDA เกี่ยวกับสถิติที่คุณหมอค้นพบนี้หลังจากที่มันได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสาร JAMA หรือไม่ครับ?

คำตอบ
ไม่เลยค่ะ และโปรดอย่าลืมว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เพียงยาบางตัวบางชนิดนั้นเป็นอันตราย แต่ยังหมายถึงมียาอีกจำนวนมากถูกใช้กันมากเกินไปหรือถูกนำมาใช้อย่างไม่เหมาะสม และดูเหมือนว่าสาธารณชนชาวอเมริกันเองไม่ได้ตระหนักเลยว่าบริการทางการแพทย์ที่ไม่เหมาะสมนั้นเป็นเรื่องอันตราย นั่นหมายความว่ายิ่งมากไม่ได้หมายถึงดีกว่า ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่ FDA เป็นหลัก แต่อยู่ที่ความคาดหวังที่ผิดๆของสาธารณชนคนไข้ด้วย

คำถาม
ในประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายแผนงานสุขภาพแห่งชาติซึ่งอยู่ในการพิจารณาของสภาคองเกรสขณะนี้ หากร่างกฎหมายฉบับนี้ได้ผ่านการพิจารณารับรองออกมาและมันกลายเป็นธุรกิจตามปรกติหลังจากนั้น และกิจการดูแลสุขภาพคงดำเนินต่อเนื่องต่อไปในรูปแบบอย่างเคย แล้วนี่จะเป็นการสมเหตุสมผลหรือไม่ที่จะคาดได้ว่า ตัวเลขการตาย 225,000 คนต่อปีจะพุ่งสูงขึ้นอีก?

คำตอบ
อาจเป็นไปได้ แต่ปริมาณการกระจายตัวเลขในแต่ละกลุ่มยังไม่ชัดเจนที่จะคาดเดาได้ ที่แน่นอนคือ กลุ่มคนซึ่งไม่ได้มีการประกันสุขภาพมาก่อนก็จะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินในเรื่องนี้ และพวกเหล่านี้น่าจะมีสภาพโดยรวมดีขึ้นกว่าเดิมจากที่เคยเป็นอยู่

*****************

ต่อ ค.ห. ถัดไปครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 มี.ค. 54 13:22] ( IP A:58.8.92.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   ต่อจาก ค.ห. ที่ 18

***********************

คำถาม
แล้วรายงานของคุณหมอช่วงที่เปิดตัวออกมานั้นได้รับความสนใจเพียงในแง่ของการรับรู้เท่านั้น หรือมีการต่อต้านที่จะไม่ให้มีการตีพิมพ์เผยแพร่หรือไม่ครับ?

คำตอบ
นิตยสารฉบับแรกที่ดิฉันส่งรายงานไปนั้นปฏิเสธที่จะตีพิมพ์ ด้วยข้ออ้างที่ว่าเป็นเรื่องที่ผู้อ่านของเขาจะไม่สนใจ

คำถาม
แล้วตัวเลข 106,000 ที่ตายจากยาที่ใช้ในทางการแพทย์นี้ เป็นกับเฉพาะยาที่ได้รับการจ่ายให้คนไข้ในโรงพยาบาลเท่านั้น หรือตัวเลขนี้รวมเอายาที่ได้รับการจ่ายตามใบสั่งยาอื่นๆที่ให้กับคนไข้นอกโรงพยาบาลด้วยครับ?

คำตอบ
ดิฉันได้พยายามรวบรวมตัวเลขของทุกกรณีเข้าไว้ในประมาณการของการวิจัย อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่รายงานนี้ถูกเขียนขึ้นนั้น ก็ได้มีตัวยาอันตรายเพิ่มมาอีกมากที่ได้ถูกเติมเข้าสู่ตลาดยา

คำถาม
มีตัวเลขคนตาย 106,000 คนจากผลของยาซึ่งได้รับการสั่งจ่ายให้คนไข้อย่างถูกต้อง ผมเข้าใจว่านี่คือประเด็นที่คุณหมอต้องการสื่อออกมาจากรายงานฉบับนี้ใช่ไหมครับ การใช้ยาเกินจากที่กำหนดหรือการการใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมก็จะไม่อยู่ในกลุ่มของการใช้ยาที่ได้รับการสั่งจ่ายอย่างถูกต้อง ฉะนั้น คนไข้ที่ตายจากการใช้ยาเกินขนาดหรือใช้ยาอย่างไม่เหมาะสมก็จะเป็นส่วน “ที่นอกเหนือจาก” ตัวเลข 106,000 คนนี้และจะถูกจัดอยู่ในอีกกลุ่มต่างหากหรือในหมวดหมู่อื่นครับ?

คำตอบ
คำว่าใช้อย่างเหมาะสมนั้นหมายความว่าไม่ได้ขัดกับข้อบังคับ ซึ่งนั่นก็ไม่ได้หมายความว่ายาตัวนั้นจะไม่มีผลร้ายข้างเคียงอยู่ด้วย

***********************
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 มี.ค. 54 13:28] ( IP A:58.8.92.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   ต่อจาก ค.ห. ที่ 19

*************************

ความเห็นบางส่วนของผู้สัมภาษณ์

ผมรู้มาว่ายังมีรายงานฉบับอื่นๆอยู่อีกมากที่อยู่นอกกระแสหลักของการตรวจสอบสภาพวงการดูแลสุขภาพนี้ ซึ่งก็จะแสดงตัวเลขที่มากกว่าจำนวน 225,000 คนของชาวอเมริกันที่ตายแต่ละปีจากผลของการบำบัดรักษาทางการแพทย์ ตัวอย่างเช่น งานเขียนของ Carolyn Dean, Trueman Tuck, Gary Null, Martin
Feldman, Debora Rasio, Dorothy Smith.

การให้สัมภาษณ์ของ Dr. Starfield ครั้งนี้เผยให้เรารู้ว่า แม้กระทั่งเมื่อผู้เขียนรายงานเช่นนี้เป็นผู้ซึ่งมีความน่าเชื่อถืออย่างไม่อาจโต้แย้งได้ของหน่วยงานวิจัยทางการแพทย์เองก็ตาม ความจริงที่ค้นพบจากรายงานนี้ก็ไม่อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆในระบบการแพทย์

ใช่เลยที่มีผู้คนจำนวนมากหรือหลายองค์กรด้วยกันภายในระบบการแพทย์ที่มีส่วนร่วมในตัวเลขการตายของคนไข้ทั้งหมดโดยรวมในแต่ละปี และการเงียบเฉยของสื่อมวลชนและการละเลยไม่ใส่ใจของสาธารณชนเองก็ย่อมแน่นอนว่าเป็นปัจจัยหลักอีกประการหนึ่ง แต่ FDA ซึ่งถูกมอบหมายให้เป็นผู้รักษาประตูของเกมส์ในวงการนี้เมื่อเรามุ่งที่ความปลอดภัยของยาที่ใช้ในทางการแพทย์ก็กลับถูกอิทธิพลทางการเงินหยุดไว้แค่นั้น และหากบรรดายาเหล่านั้นที่ FDA กำลังให้การรับรองว่าปลอดภัยแต่กลับกำลังทำฆาตกรรมคนไข้ 106,000 คนไปตามการก้าวเดินของเข็มนาฬิกาในแต่ละปี หน่วยงานนี้ก็จะต้องรับผิดชอบอยู่ด้วยต่อสิ่งนี้ ประชาชนชาวอเมริกันจะต้องเห็นและเข้าใจตรงนี้ด้วย
สำหรับคนจำนวนอีก 119,000 คนที่ตายทุกๆปีจากผลของการบำบัดรักษาภายในโรงพยาบาล เรื่องน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้จะต้องถูกนำไปประทับไว้ที่ประตูของบรรดาสถาบันต่างๆที่เกี่ยวข้องให้มีการตระหนักรู้ร่วมด้วย ยิ่งกว่านี้ด้วยระดับมากน้อยที่บรรดาโรงพยาบาลทั้งหมดซึ่งถูกกำกับดูแลและสนับสนุนทางงบประมาณโดยทั้งรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางอยู่ หน่วยงานทางการกำกับดูแลการสาธารณสุขก็ต้องถือว่ามีความผิดในประเด็นนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าประหลาดใจเช่นกันที่กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯล้มเหลวที่จะให้ความสำคัญกับตัวเลขการค้นพบจากรายงานของ Dr. Starfield ชิ้นนี้ หากตัวเลขการตายจำนวน 225,000 คนต่อปีซึ่งมาจากสาเหตุทางการแพทย์ไม่ได้เป็นอาชญากรรมชนิดหนึ่งภายใต้มาตรฐานของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ และอะไรอื่นล่ะที่จะเป็นอาชญากรรม ?

*********************
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 มี.ค. 54 13:33] ( IP A:58.8.92.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   ต่อจาก ค.ห. ที่ 20

**********************
เท่าที่ผมรู้มาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ไม่เคยมีใครสักคนเดียวในสหรัฐอเมริกาถูกไล่ออกจากงานหรือแม้กระทั่งถูกคาดโทษจากผลของการตายที่มีสาเหตุทางการแพทย์เหล่านี้เลย

รายงานการค้นพบของคุณหมอ Starfield นี้ปรากฏต่อสาธารณชนมาเป็นเวลา 9 ปีแล้ว ผลงานของคุณหมอท่านนี้ได้เปลี่ยนภาพการรับรู้ของสาธารณชนต่อความเป็นไปในวงการแพทย์ของสหรัฐฯไปแล้วตลอดกาล และในประชาชาติซึ่งมีจิตปรกติครึ่งเดียวนี้เธอควรถูกห้อมล้อมด้วยการยอมรับในระดับหนึ่งซึ่งเมื่อเทียบกับบรรดารางวัลและเกียรติบัตรต่างๆที่ได้รับมาก็จะทำให้รางวัลเหล่านี้ดูมัวหมองไป จากนั้นก็ควรมีบทลงโทษอย่างรวดเร็วและอย่างมีนัยสำคัญต่อบรรดาผู้ก่ออาชญากรรมเหล่านี้ร่วมกับการปฎิรูประบบบริการทางการแพทย์ทั้งหมดโดยเริ่มตั้งแต่ฐานรากขึ้นมาได้แล้ว

ในวันเวลาที่ผ่านๆมาเหล่านี้โรงเรียนแพทย์ทั้งหลายก็ยังคงผลิตบรรดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษซึ่งจะมีอำนาจอิทธิพลมากกว่าในบรรดากิจกรรมทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง บรรดาคุณหมอเหล่านี้ผู้ซึ่งต่อไปก็จะอุทิศตัวเขาเองในการส่งเสริมความสลับซับซ้อนของโรคต่างๆในมนุษย์และการใช้ยาอย่างมหาศาล ขณะที่ ไม่ว่าแพทย์ประจำครอบครัวจะขาดแคลนมากเพียงใด ตามแบบแผนพวกเขาก็จะพูดถึงเพียงการให้การบำบัดที่น้อยๆเข้าไว้ การใช้สามัญสำนึกให้มาก และการพึ่งพาระบบภูมิคุ้มกันภายร่างกายของเราเองอย่างเหมาะสม

ทางด้านบรรดายักษ์ใหญ่ของวงการผู้ผลิตยาก็จะอิงแอบอยู่ฉากหลังและสร้างกระแสการยอมรับของสาธารณชนต่อ “ตลาดการขายยาซึ่งคาดหวังผลการบำบัดได้” พวกเขาจะสรรหาโรคใหม่ๆและผลกำไรใหม่ๆจากยาที่มีพิษเหล่านี้ในปริมาณที่มากขึ้นและมากขึ้น พวกเขาจะทำทุกๆอย่างไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมายเพื่อที่จะมีอิทธิพลโน้มน้าวต่อบรรดาคุณหมอให้มีการสั่งจ่ายยาออกไปให้กับคนไข้อย่างเป็นนิสัย แม้ยาบางตัวซึ่งจากการศึกษาจะแสดงผลลบต่อการรักษาก็จะถูกซุกไว้ไม่เป็นที่เปิดเผย ในคณะกรรมการอาหารและยาเองก็จะเต็มไปด้วยบรรดาสมาชิกที่เป็นหมอซึ่งมีโยงใยอยู่กับบริษัทยา ส่วนพวกผู้ออกกฎระเบียบต่างๆก็จะได้รับการวิ่งเต้นและสนับสนุนอยู่เรื่อยด้วยการรณรงค์ด้านต่างๆซึ่งหนุนส่งด้วยเงินจากบริษัทยาเช่นกัน

*********************
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 มี.ค. 54 13:36] ( IP A:58.8.92.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   ต่อจาก ค.ห. ที่ 21

***********************
สำหรับโภชนาการซึ่งเป็นปมสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีก็ถูกละเลยหรือลดทอนคุณค่าโดยคุณหมอส่วนใหญ่ ขณะที่องค์การอาหารและยาเองก็โจมตีบรรดาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าจากรายงานด้านความปลอดภัยโดยรวมของผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการเหล่านี้จะอยู่ในเกณฑ์ดีก็ตาม ในขณะที่อีกเช่นกันที่ยาทางการแพทย์ซึ่ง FDA ให้การรับรองว่าปลอดภัยกำลังฆ่าชาวอเมริกันราว 106,000 คนต่อปี นี่เป็นเรื่องขัดกันอย่างน่าตระหนก!
ในบรรดาแพทย์ทั้งหลายนั้นต่างถูกฝึกให้ยอมรับนับถือโดยเฉพาะต่อผลการศึกษาวิจัยตัวยาต่างๆที่ทำขึ้นและได้รับการพิมพ์เผยแพร่โดยเฉพาะเจาะจง คุณหมอเหล่านี้เองก็มักจะมองข้ามความจริงที่ว่า หากยาทางการแพทย์เหล่านี้กำลังฆ่าชาวอเมริกันนับล้านคนในทุกๆสิบปี ผลของการศึกษาวิจัยของยาเหล่านั้นก็เท่ากับเป็นเรื่องหลอกลวง หรืออย่างน้อยที่สุดก็ทำกันขึ้นอย่างไร้ทักษะหรือความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะอย่างเกินความคาดหมาย หรือพูดอีกแง่หนึ่งได้ว่า ผลการศึกษาวิจัยทั้งฉบับที่ถูกเขียนขึ้นนั้น น่าสงสัย ไม่น่าเชื่อถือ และไม่เป็นที่ยอมรับ

ในขณะเดียวกัน คุณหมอหลายๆคนก็จะแสดงความชื่นชมผลงานที่สำเร็จจากมือของตัวเองอย่างเชื่อมั่นโดยไม่มีหลักฐานใดๆ หลายปีก่อนหน้านี้ผมยังจำแพทย์ประจำโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งของมหานครนิวยอร์กกล่าวโอ่ให้ผมฟังถึงการให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกต่อการศึกษาวิจัยที่ได้รับการควบคุม จากนั้นเธอก็โอ้อวดว่าทีมผ่าตัด bypass เส้นเลือดเลี้ยงหัวใจของโรงพยาบาลได้รับการจัดให้เป็นทีมที่ดีที่สุดของเมืองนี้ ผมได้ถามเธอว่าข้อมูลนี้อ้างอิงที่ใด แล้วที่เธอโอ่ออกมานั้นเป็นแค่การผสมรวมกันระหว่างคำบอกเล่าอย่างชาวบ้านกับเสียงร่ำลือ หรือมีการศึกษาเปรียบเทียบอย่างเหมาะสมที่ยืนยันความเห็นของเธอนี้? เธอแสดงท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อยก่อนที่จะยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เธอได้ยินมาจากคนอื่นอีกที และผมก็มั่นใจว่าเธอคงทำแบบนี้ซ้ำอีกหลายครั้งหลายหน
การแอบอ้างหลักฐานทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานอยู่ และการปฏิเสธหลักฐานที่ว่าระบบการแพทย์ในประเทศสหรัฐฯนี้มีอันตรายที่ใหญ่หลวงอยู่มากนั้น ดูเหมือนเป็นสองประเด็นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงการแพทย์สมัยใหม่นี้ภายใต้วาทะของบิดาแห่งวงการแพทย์, ฮิปโปเครติส ซึ่งกล่าวไว้ว่า First, do no harm! (สิ่งแรก, อย่าทำอันตรายแก่ใคร)

JON RAPPOPORT
*********************

จบ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง (เรื่องหมอ) [28 มี.ค. 54 13:41] ( IP A:58.8.92.93 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน