consumer.pantown.com
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กรุณาโพสต์ข้อความที่นี่ <<
กลับไปหน้าแรก
ผลประโยชน์ทับซ้อน
อัฐหลาน ซื้อขนมยาย ... ยายกิน
https://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1250845851
ไม่กี่วันที่ผ่านมาผมได้หนังสือชักชวนให้ไปลงทุนใน " เครื่อง MRI " ที่ติดตั้งอยู่แล้วในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัด เสนอจำนวนหุ้น ยอดเงินลงทุน ผลกำไร(ที่คาดว่า)จะได้รับ และแน่นอนว่าต่อท้ายด้วยผลประโยชน์ของประชากรในจังหวัดที่ไม่ต้องเดินทางไป ไกลสองร้อยกว่ากิโลเมตรเพื่อไปตรวจด้วยเครื่องมือชนิดเดียวกันนี้ในจังหวัด ใหญ่ที่อยู่ใกล้เคียง
ช่วงแรกผมรู้สึกดีกับเจ้าเครื่อง MRI นี้มาก จากเดิมที่คนไข้ต้องรอ "เป็นเดือน" หรือ "หลายเดือน" กว่าจะได้ไปทำที่ต่างจังหวัด (ต้องผ่านระบบนัด ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์การรักษาพยาบาล และคิวที่ยาวเหยียด) กลายเป็นได้ผลในสองสามวัน ถึงแม้เครื่องในจังหวัดที่ผมอยู่จะเป็นแบบเก่าไปบ้าง ความละเอียดของภาพไม่สูงนักและคุณภาพสู้เครื่องดี ๆ ส่วนใหญ่ไม่ได้ แต่การได้กำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไว้ในอุ้งมือย่อมดีกว่าการกำอากาศเปล่า ๆ เป็นแน่
แต่การเป็น "เอกชน" ของมันก็ทำให้เกิดกระบวนการ "ไม่ปกติ" อยู่บ้าง แต่เมื่อมันกลายมาเป็นการค้ากึ่งผูกขาด สิ่งเหล่านี้สามารถปิดหูปิดตาปิดปากคนหลายคนได้ไม่ยากนัก ทำให้สิ่งที่เป็นเหมือนฝันหวานของหมอหลายคนในจังหวัดอาจมีขมปนอยู่บ้าง ..... จนกระทั่งวันหนึ่งมันกลายเป็นฝันหวานปนขมที่กำลังจะจบลง
..............................................
เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนส่งจดหมายที่ผมเกริ่นไวัที่หัว blog ร้องขอการร่วมลงทุนในเครื่อง MRI ติดตั้งอยู่ในโรงพยาบาลของเขาอยู่แล้ว... มันเกิดอะไรขึ้น ?
เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่บ้างว่าเครื่อง MRI เครื่องนี้ไม่ได้เป็นของโรงพยาบาลเอกชนที่ว่า แต่เป็นของบริษัทเอชนอีกแห่งหนึ่งที่มาขอเช่าพื้นที่ติดตั้งเครื่อง MRI หมอคนที่อ่านผลจากเครื่องอยู่ต่างจังหวัด รับอ่าน film ผ่านทางระบบ internet ... โลก online สัญญาเช่าระบุว่าถ้าคนไข้มาทำ MRI น้อยและเงินที่ได้ไม่คุ้มทุน บริษัท MRI ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า ค่าเช่าจะคิดจากกำไรที่ได้เท่านั้น
หนังสือจากโรงพยาบาลเอกชนแจ้งมา ว่าปัจจุบันนี้สถานการณ์ของเครื่อง MRI กำลังอยู่ในช่วงขาดทุน บริษัท MRI จะต้องจ่ายค่าผ่อนเครื่อง ค่าบำรุงรักษา ค่า DF แพทย์ (คนส่งและคนอ่านได้เงินทั้งคู่) และค่าจ้างพนักงาน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องการการสนับสนุนโดยต้องมีคนไข้ไปทำ MRI อย่างน้อยวันละ 5 คน (ไม่รู้ว่าสัปดาห์หนึ่งเขาคิดเจ็ดวันหรือแค่ห้าวันทำการ) แต่ปัจจุบันมีคนไข้ถูกส่งไปทำเฉลี่ย 3.5 คนต่อวัน
บริษัท MRI ให้การจูงใจแพทย์โดยคิดเงินค่า DF ให้แพทย์ผู้ส่งจำนวนหนึ่ง แต่จำนวนคนไข้ที่ไปทำก็ยังไม่มากพอ และบริษัทกำลังจะถอนตัวออกไป คงไปหาจังหวัดอื่น-โรงพยาบาลอื่นต่อไป แต่โรงพยาบาลเอกชนมีความต้องการให้เครื่องนี้อยู่ที่โรงพยาบาลต่อไป หมอเจ้าของโรงพยาบาลก็เลยออกหนังสือเชิญชวนให้ "ร่วมกันเป็นเจ้าของ" นั่นคือซื้อเครื่องนี้ต่อจากบริษัทที่เป็นเจ้าของเดิม โดยต้องจ่ายเงินค่าเครื่อง(เงินดาวน์ที่ลงไปก่อน) ผ่อนต่อ จ้างพนักงานต่อ บำรุงรักษาเอง และอาจรวมถึงการหาหมอมาอ่านผล MRI เอง
โรงพยาบาลเอกชนจะไปหาแหล่งเงินทุนจากไหน
ยอดเงินไม่ถึงห้าล้าน เดินไปหานักธุรกิจสักคนในจังหวัดก็ได้แล้ว แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น ... สิ่งที่โรงพยาบาลเอกชนต้องการไม่ใช่แค่เงินเพื่อซื้อเครื่อง MRI แต่เขายังต้องการ "ยอด" ... 5 คนต่อวัน เพื่อเป็นการรับประกันการไม่ขาดทุนของเครื่อง MRI ที่วางอยู่ในโรงพยาบาลของเขา
ดังนั้นหนังสือชักชวนลงทุนจึงถูกส่งไปให้แพทย์... โดยเฉพาะแพทย์ที่เคยส่งคนไข้ไปทำ MRI ที่โรงพยาบาลของเขา
..............................................
หนังสือมาถึงพร้อมกับคำถามเชิงจริยธรรมที่ว่าทุกวันนี้บริษัท MRI ในนามของโรงพยาบาลเอกชนให้ DF เป็นเงินตอบแทนแพทย์ผู้ส่งคนไข้ไปทำ MRI (ผมไม่รู้ว่าเขาให้/ได้กันรายละเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าจะกี่บาทก็คงไม่ต่างกัน-คิดถึงเงินหนึ่งบาทเป็นสัญลักษณ์ก็ได้) เป็นผลประโยชน์ที่แพทย์ผู้ส่งได้รับ และแน่นอนว่าถ้าแพทย์ผู้ส่งเป็นเจ้าของเครื่องนี้ด้วย จะเหมือนเขาเป็นเจ้าของในโรงพยาบาลเอกชนด้วย(หรือไม่ ?)
โรงพยาบาลเอกชนอาจตั้งบริษัทขึ้นมาใหม่ ดำเนินงานด้วยระบบเดิมแต่เปลี่ยนเจ้าของ แพทย์ผู้ร่วมทุนอาจไม่ได้ร่วมทุนกับโรงพยาบาลเอกชนแต่ร่วมทุนกับอีกบริษัทหน ึ่ง ทว่าผลประโยชน์ที่แพทย์ได้ถึงอย่างไรก็ไม่ต่างกันอยู่ดี เงินจากกระเป๋าเดียวกัน ถ่ายผ่านคนกลางมาเข้ากระเป๋าหมอเหมือนเดิม
ฝ่ายหนึ่งบอกว่าช่วยเขาไปเถอะ เงินไม่มาก (เขากระจายหุ้นไปหลายสิบหุ้น หุ้นละไม่มาเมื่อเทียบรายรับต่อเดือนของแพทย์) ช่วยแล้วจะได้มีเครื่อง MRI ไว้ให้คนในจังหวัดได้ทำ จะได้ไม่ต้องรอคิวทำที่ต่างจังหวัดอีกเป็นเดือน กำไรก็อย่าไปคิดว่ามันจะมาก แค่พอ "อยู่ได้" เท่านั้นก็ดีแล้ว
แต่บางสิ่งบางอย่างบอกผมว่าเมื่อเรา "ร่วมุทน" หรือ "ลงทุน" เมื่อนั้นสิ่งที่เราทำจะกลายเป็นธุรกิจ และธุรกิจที่ว่าย่อมต้องเป็นสิ่งที่ให้ผลตอบแทน ผลตอบแทนที่ได้นั้นย่อมจะมาจากการที่ผมส่งคนไข้ไปทำ MRI (ที่ผมเป็นเจ้าของ) นั่นเอง...
..............................................
ไม่ต่างจากยายทำขนม หลานเอาเงินตัวเองมาซื้อ เสร็จแล้วเอาไปให้ยายกิน
ยายอิ่ม... แถมยังได้กำไรอีกต่างหาก...
เพิ่งรู้สึกแฮะว่า "ผลประโยชน์" นี่มันหอมหวนชวนชิมเสียนี่กระไร แล้วยิ่งเป็น "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ยิ่งน่าเขมือบขึ้นไปอีกหลายเท่า
"...ถูกกฎหมายชอบธรรมมันก็จริง แต่สิ่งที่ไม่เหลือคือความศรัทธา"
ยืนยง โอภากุล
สมภารเซ้งโบสถ์
https://www.carabao.net/MusicStation/musicPlay.asp?id=282
โดย: ด้านมืดดดดดดดดดดดดดด [22 ส.ค. 52 18:23] ( IP A:61.90.87.157 X: )
ดำ
ขาว
น้ำเงิน
แดง
เขียว
เหลือง
ส้ม
น้ำตาล
ม่วง
ฟ้า
เขียวมะนาว
รายละเอียด :
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
รูปประกอบ :
.jpg .bmp .gif < 100K
จัดตำแหน่งรูป :
ชิดซ้าย
กึ่งกลาง
ชิดขวา
เสียงประกอบ :
.wav .mp3 .wma .ogg < 300K
คลิปวีดีโอ (Youtube) :
ตัวอย่าง : http://www.youtube.com/watch?v=k_ufqno7NaE
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน