แถลงการณ์ จวก...แพทยสภา..!
    เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ออกแถลงการณ์จวกแพทยสภาแทรกแซงสื่อ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
13 สิงหาคม 2550 17:33 น.


เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ออกแถลงการณ์จวกแพทยสภาแทรกแซงสื่อ ใช้อำนาจระงับการออกอากาศรายการ “ขบวนการแก้โกง” ตอนที่ 2 ยหขบวนแพทย์ออกรายการสดชี้แจงประชาชน ท้าแพทยสภาฟ้องร้องเครือข่ายฯ ได้หากข้อมูลไม่จริง พร้อมเรียกร้องให้แพทยสภายอมรับความจริง เพื่อแก้ไขปัญหาถูกจุด

นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวว่า ได้ออกแถลงการณ์กรณีที่ คณะกรรมการแพทยสภามีมติให้ยุติการออกอากาศรายการ “ขบวนการแก้โกง” ตอนที่ 2 ที่จะมีการแพร่ภาพวันที่ 12 ส.ค. โดยทีมของแพทยสภาไปออกอากาศสดเป็นกรณีพิเศษแทน เนื่องจากแพทยสภาได้มีทักท้วงที่ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักกฏหมายได้กล่าวว่า “ถ้าการกระทำที่ไม่เหมาะสมของแพทย์ที่ทำต่อผู้เสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์ที่มาออกรายการ แล้วช่วยกันปกปิดนั้นเปรียบได้เสมือนซ่องโจร” ซึ่งแพทยสภาไม่พอใจในคำดังกล่าว

“การกระทำของแพทยสภานั้นเป็นสิ่งที่เครือข่ายฯ ยอมรับไม่ได้ แพทยสภาใช้อำนาจที่มีแทรกแซงสื่อ ด้วยการนำแพทย์หลายท่านไปออกรายการแทน โดยทำเป็นรายการถ่ายทอดสด ซึ่งปกติแล้วรายการนี้จะเป็นรายการบันทึกเทป เป็นการปิดหูปิดตาสังคมไม่ให้รับรู้ความจริงที่เกิดขึ้น แพทยสภาน่าจะขอบคุณเครือข่ายฯ ด้วยซ้ำไปที่ลุกขึ้นเปิดเผยความจริง ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ถูกจุด ดังเช่นที่เครือข่ายฯ ได้ทำมาตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ก่อตั้งเครือข่ายฯ มา และเป็นฝ่ายเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์มาโดยตลอด จนนำไปสู่การยกร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ซึ่งแพทยสภาเสียอีกที่ออกมาผสมโรงในภายหลัง เช่นนี้จะเรียกว่าเครือข่ายฯ ทำลายวงการแพทย์ได้อย่างไร” แถลงการณ์ระบุ

แถลงการณ์ด้วยว่า รู้สึกเศร้าใจที่แพทยสภาซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชน ไม่เคยสนใจประเด็นที่คนไข้ถูกกระทำหรือถูกละเมิดสิทธิในเวชระเบียนอย่างร้ายแรง แพทยสภาสนใจแต่ประเด็นว่าคนไข้พูดหรือใครพูดว่าวงการแพทย์ไม่ดีนั้นยอมรับไม่ได้ เป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรี พร้อมได้ปลุกปั่นวงการแพทย์โดยใช้คำพูดตีความเอาเองว่า “ถ้าบอกโรงพยาบาลเหมือนซ่องโจร แพทย์ พยาบาล ก็เท่ากับเป็นโจร หรือคนไข้ที่รับการรักษาก็เป็นการรับของโจร ถือเป็นการฟังความข้างเดียว และพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริง”

ทั้งที่เครือข่ายฯ หรือสื่อใด ๆ ไม่เคยเหมารวมว่าแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านว่าไม่ดี และไม่ใช่เป็นการพูดโดยไม่มีข้อเท็จจริงหรือพูดข้างเดียว แพทยสภาสามารถออกรายการตอบโต้ได้หากไม่ใช่เรื่องจริง และสามารถฟ้องร้องเครือข่ายฯได้หากไม่ใช่เรื่องจริง อย่างที่ผู้เสียหายหลายรายถูกฟ้องกลับกันมาแล้วและในบางรายมีชื่อนายกแพทยสภาเป็นพยานทางฝ่ายแพทย์ด้วยซ้ำไป ที่ผ่านมามีหลายรายการพยายามเชิญทางแพทยสภาให้ไปร่วมออกรายการแต่มักได้รับการปฏิเสธเสมอ

ส่วนในกรณีที่นพ.สมศักดิ์ โล่เลขาให้สัมภาษณ์กับสื่อในวันที่ 9 สิงหาคม 2550 ว่า “หลายๆ คดีที่พูดถึงก็อยู่ระหว่างการตัดสินของศาลไม่ควรที่จะเอามาพูดอย่างนี้ ซึ่งตนทราบจุดประสงค์ดี เพราะคนที่ทำต้องการสร้างกระแส มีการออกมาร้องไห้ เรียกคะแนนสงสาร ซึ่งอาจทำให้คดีพลิกได้เลย เนื่องจากผู้พิพากษาก็เป็นคนธรรมดาที่ดูรายการโทรทัศน์เหมือนกัน”

คำพูดนี้ไม่น่าจะหลุดออกมาจากคำพูดของคนเป็นนายกแพทยสภา ซึ่งควรจะมีเมตตาธรรมสมกับความเป็นแพทย์ การพูดเช่นนี้นอกจากแสดงให้เห็นถึงเนื้อแท้ของจิตใจที่ไม่มีความสงสารคนไข้ที่ต้องทุกข์ระทมขมขื่นกับสิ่งที่ได้รับจากความผิดพลาดทางการแพทย์ ว่าเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ ทำไมนายกแพทยสภาถึงใช้คำพูดเช่นนี้ว่าเป็นการร้องไห้เพื่อเรียกคะแนนความสงสาร นายกแพทยสภาอยู่ในฐานะที่ปลอดภัยจึงไม่เคยได้รับการปฏิบัติดังเช่นที่คนไข้ทั่วไปได้รับ จึงไม่เข้าใจถึงหัวอกคนที่เขาเสียหาย จึงขอให้นายกแพทยสภาถอนคำพูดและขอโทษคนไข้ หรือไม่ก็ลาออกจากตำแหน่งนายกแพทยสภา แล้วไปสมัครตำแหน่งนกยกแพทยสมาคมแทน เพราะจะปกป้องแพทย์อย่างไรก็ได้ไม่น่าเกลียดเช่นนี้

และอีกกรณีที่ นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า “ส่วนที่มีผู้ให้ข้อมูลที่ระบุว่า ปีหนึ่งมีคนไข้ตายจากความผิดพลาดของแพทย์ 25,000–50,000 คน เป็นข้อมูลจากไหน ถ้าไม่มีที่มาจะพูดลอยๆ ลักษณะนี้ไม่ได้ กลายเป็นว่า หมอทำให้คนตาย เกิดเป็นความเข้าใจผิด ซึ่งแม้แต่แพทยสภาก็ยังไม่มีการรวบรวมข้อมูลส่วนนี้ออกมาเลย จะมีก็เพียงตัวเลขผู้เสียชีวิตจากความผิดพลาดของแพทย์ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น มีให้ตัวเลขว่า มีผู้เสียชีวิต 6,000-89,000 รายต่อปี ซึ่งก็ยังเป็นที่สงสัยกันว่าเป็นข้อมูลจริงที่น่าเชื่อเพียงใด”

แถลงการณ์บอกด้วยว่า ข้อมูลดังกล่าว ได้มาจากงานสัมมนาของกระทรวงสาธารณสุข จากเอกสารของนพ.วิฑูรย์ ตรีสุนทรรัตน์ ซึ่งเป็นทั้งแพทย์และนักกฎหมาย ได้เปิดเผยเป็นเอกสารประกอบการบรรยายว่า ในสหรัฐอเมริกานั้นมีคนอเมริกันตายจากความผิดพลาดทางการแพทย์สูงถึง 98,000-190,000 ในบางปี ซึ่งเครือข่ายฯ เองเมื่อได้รับข้อมูลก็รู้สึกตกใจ ว่าคนอเมริกันนั้นตายมากทั้งที่แพทย์มีเวลาตรวจคนไข้นานกว่า และคนไข้ก็น้อยกว่า ต่างจากบ้านเราที่คนไข้ล้นโรงพยาบาล แพทย์บางท่านมีเวลาตรวจคนไข้ไม่ถึง 3 นาที ก็น่าจะมีปริมานคนตายมากกว่า แต่ในบ้านเมืองเรานั้นไม่เคยมีการทำสถิตินี้มีแต่ช่วยกันปกปิด เครือข่ายฯ จึงคำนวณเอาคร่าว ๆ ว่าประชากรของอเมริกามากกว่าเรา 4 เท่าก็เอา 4 หาร ก็จะได้จำนวนคนตายจากความผิดพลาดในบ้านเราประมาน 25,000-50,000 คนต่อปี ซึ่งเครือข่ายฯ ได้พูดเรื่องนี้ในที่ประชุมบ่อย ๆ ก็ไม่มีแพทย์ท่านใดโต้แย้ง มีแต่จะบอกว่าน่าจะมากกว่าด้วยซ้ำไป ดังนั้น จึงต้องการให้นายกแพทยสภายอมรับความจริง เปิดเผยความผิดพลาดแล้วจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ถูกจุดและมีประสิทธิภาพ ดีกว่าการช่วยกันปกปิดเพราะช้างตายทั้งตัวมัวแต่เอาใบบัวมาปิดอย่างไรก็ไม่มีวันมิด
โดย: ครบรอบ 2 ปี เอามาให้ดูกัน [25 ส.ค. 52] ( IP A:58.9.194.156 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ที่มาของเรื่อง "เวชระเบียน"

ร้อง “พินิจ” แก้ปัญหาขอเวชระเบียนยาก-ข่มขู่ให้รับเงินชดเชยรักษาห่วย

โดย ผู้จัดการออนไลน์
21 สิงหาคม 2549 13:48 น.

เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ร้อง “พินิจ” เร่งแก้ไขปัญหาขอเวชระเบียนยาก แฉถูกข่มขู่ให้รับเงินภายหลังได้รับผลกระทบจากการรักษา ด้าน “พินิจ” สั่งปิดคลินิกที่อุดรธานี ทำหนุ่มวัย 15 ปี เป็นเจ้าชายนิทรา หรือน้องเต๋า 2

เวลา 10.00 น.วันนี้ เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ประมาณ 30 คน นำโดย นางปรียนันท์ หรือ ดลพร ล้อเสริมวัฒนา มาเรียกร้องขอให้เวชระเบียนที่ไม่สามารถขอได้เมื่อเกิดปัญหา เป็นของผู้ป่วย นอกจากนี้ นางรวิวรรณ เสตะรักษ์ ผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมเสริมสวยที่คลินิกย่านดอนเมือง ยังมาร่วมร้องเรียนด้วย โดยนายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้รับทราบปัญหา

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายได้นำผู้เสียหายจากบริการทางการแพทย์ 2 ราย ที่ระบุว่า เป็น “น้องเต๋า 2” มาร้องเรียนด้วย คือ นายมารุต สุทธิแพทย์ อายุ 15 ปี จาก จ.อุดรธานี ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ ต้องนอนให้พ่อแม่ป้อนข้าวป้อนน้ำ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการปวดศีรษะในคลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดอุดรธานี แต่นายมารุตยังรับรู้ได้ เมื่อแม่บอกรัก หรือพูดคุยด้วยจะบีบตุ๊กตาเป็ดเป็นสัญญาณ นอกจากนี้ ทางคลินิกยังข่มขู่ให้รับเงินชดเชย 120,000 บาท และ นายยงยุทธ์ ปันนินา อายุ 20 ปี จาก จ.แพร่ ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม เข้ารับการรักษาจนอาการดีขึ้น มีความผิดพลาดด้านการถอดเครื่องช่วยหายใจ จนกลายเป็นเจ้าชายนิทราเหมือนน้องเต๋า ที่จังหวัดนครสวรรค์ และทางโรงพยาบาลบังคับให้รับค่าชดเชย 150,000 บาท เพื่อให้จบเรื่อง

นางปรียนันท์ กล่าวว่า ที่มาเรียกร้องในวันนี้ เนื่องจาก นายพินิจ รับปากว่า จะเร่งแก้ไขปัญหาการขอเวชระเบียนให้กับผู้เสียหายทางการแพทย์ แต่จนบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ทางญาติและผู้ป่วยประสบความยุ่งยากในการขอเวชระเบียน เมื่อเกิดการฟ้องร้องเหมือนเดิม เพราะแพทย์จะไม่อนุญาตให้ถ่ายเอกสาร แต่จะสรุปให้ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเท็จกับข้อเท็จจริง ให้ไม่ครบ และดึงส่วนที่สำคัญออกไป

“ยังมีกลุ่มคณะกรรมการแพทยสภาที่เป็นนักกฎหมาย จัดตั้งทีมกฎหมายขึ้นเพื่อช่วยแพทย์ที่ถูกฟ้อง หรือกำลังจะถูกฟ้อง ด้วยการประกาศในเว็บไซต์ของแพทย์ให้ส่งเวชระเบียนเข้าไปให้ทีมกฎหมายตรวจสอบ ในทางกลับกันแพทยสภากลับส่งเสริมให้แพทย์ทำสรุปรายงานให้ผู้เสียหายเท่านั้น ปัจจุบันมีการสนับสนุนให้มีการฟ้องกลับคนไข้กันมากขึ้น” นางปรียนันท์ กล่าว และว่า แพทย์เป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่มาก แม้แต่ศาลยังเกรงกลัว เช่น กรณีของ น.ส.ศิริรัตน์ จั่นเพชร ผู้พิการจากโรคไขสันหลัง หลังจากรักษาโรงพยาบาลศิริราช ที่ขอเวชระเบียนไม่ได้ ไปฟ้องศาล 3 ครั้ง ก็ยังขอไม่ได้

นายพินิจ กล่าวว่า กรณีของคลินิก นายแพทย์ประกาศิษ จ.อุดรธานี ที่รักษานายมารุตนั้น ตนได้เคยสั่งปิดไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็พบว่าเปิดใหม่แล้ว ซึ่งตนได้สั่งการให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ให้ปิดคลินิกดังกล่าวเป็นการถาวรตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2549 เพราะถือว่าเป็นคลินิกที่ไม่ปลอดภัยสำหรับประชาชนทั่วไป หากมีคนที่ไม่รู้เข้าไปรักษาจะเกิดอันตรายได้ เพราะกรณีนี้ชัดเจนว่าแพทย์รักษาแบบไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีความรู้

นายพินิจ กล่าวว่า สำหรับเรื่องเวชระเบียนนั้นคงต้องพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากยังมีประเด็นอื่น ๆ ที่ต้องนำมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตนเองแล้วเห็นว่าผู้ป่วยควรจะขอเวชระเบียนได้ และเวชระเบียนควรจะเป็นสมบัติของผู้ป่วย ส่วนเรื่องการให้ผู้ป่วย หรือวิชาชีพอื่นๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในแพทยสภานั้น คงไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
โดย: สู้กันมานาน..วันนี้ก็ยังขอไม่ได้ [25 ส.ค. 52] ( IP A:58.9.194.156 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    ใครทำให้แพทยสภาหายไปจากเมืองไทยได้
คิดว่า คดีทางแพทย์น่าจะมีคนตัดสินได้ดีกว่านะ
ถ้าไม่มีแพทยสภา...น่าจะดีกว่า


จริงปะ ?
ไปดีกั่ว ....!!!!!!
โดย: ไปเผามันทิ้งไหม ? [26 ส.ค. 52 14:06] ( IP A:118.172.36.74 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   มานเหมือนกันหมด ต่อให้รัฐมนตรีดีแค่ไหน พอมาอยู่กระทรวง โดนล้อมหน้าล้อมหลังจากคนเหล่านี้ เวลาหมอทำคนไข้เสียหาย พวกมานอุตส่าห์ไปสืบถึงรากเหง้า โคตรตระกูล ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เขาเสียหาย

โดย: มานอยู่กันเป็นหมู่ ๆ [26 ส.ค. 52 14:41] ( IP A:61.90.86.96 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ตอนนี้ผมมีเงินเก็บอยู่ 200,000 เก็บมา3ปีเงินเดือนผมไม่ถึงหมื่นสามารถจ้างทนายได้ ดำเนินการฟ้องร้องได้แต่จะมีความหมายอะไรในเมื่อสิ่งที่เราต้องการคือความจริง พูดกับเราซิ พูดความจริงกับเราซิ ใช้ความจริงใจเขาแลกซิ วันนั้นถ้าเขาเข้ามาคุยกับเราเราพร้อมจะพูดคำว่า "ไม่เป็นไรครับหมอหมอทำดีที่สุดแล้ว" ตอนนี้เงิน200,000 ซื้อปืนได้ 2 กระบอก วัตถุประกอบระเบิดอีก 1ตัน รถยนต์เก่าอีก 1 คัน ก็เหมือนกับ ความเห็นที่ 3 ทำให้มันหายไป นี่คือสัญลักษณ์แห่งความสาบสูญ แต่จะมีความหมายอะไร เมื่อระบบจะถูกประกอบสร้างขึ้มาใหม่
โดย: อนาคตมีทางเลือกเสมอ [26 ส.ค. 52 22:17] ( IP A:222.123.25.63 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ยามพวกเราเดือดร้อน มองหาใครสักคนจะพึ่งก็ไม่มี
ไปหานายกรัฐมนตรี นึกว่าปัญหาจะแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
แต่ก็ถูกส่งกลับไปวนอยู่ที่เดิม จะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อในกระทรวง
มีแต่พวกข้าราชการขี้ฉ้อ ขี้ประจบ ขี้ใส่ร้ายป้ายสีชาวบ้าน อยู่เต็ม
ไปหมด มันลืมไปว่ามันเป็นข้าราชการ มีหน้าที่รับใช้ทุกข์สุขชาวบ้าน ทุกวันนี้มันทำตัวเป็นศัตรูชาวบ้าน อาศํยอำนาจที่มันมีรังแก
ข่มเหง เพิกเฉพย กลั่นแกล้งชาวบ้าน แล้วมองเราด้วยสายตาเยาะเย้ยว่า มึงทำอะไรกูได้ กูจะดูว่ามึงจะไปได้กี่น้ำ ชาวบ้านเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ที่แพทยสภา ที่กองประกอบฯ ที่สำนักงานปลัดกระทรวงฯ

ต่อให้รัฐมนตรีจะดีแค่ไหน ถ้าหูไม่หนัก ฟังพวกนี้ประจบสอพลอ ก็เสร็จทุกราย ชาวบ้านก็ได้แต่หวังว่าฟ้าจะประทานรัฐมนตรีที่หูหนัก ฟังความสองฝ่าย แต่ไอ้คนเลว มันกลัวหลุดจากอำนาจหน้าที่ มันเลว มันก็ใส่ไฟคนได้แบบเลว ๆ ที่พวกเราทำไม่เป็น

ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยว่า เวลาพวกเราไปพบผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง จึงถูกผู้ใหญ่หูเบา เหน็บแนมเอาบ่อย ๆ ว่าเป็นพวกมากเรื่อง
เป็นพวกก่อความวุ่นวาย
โดย: ชาวบ้านคับแค้นใจ จะพึ่งใครวะ [27 ส.ค. 52 9:08] ( IP A:58.9.199.25 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน