รพชุ่ย
   เพื่อนๆชาวเด็กดี เราอยากระบายเรื่องนี้ให้ฟัง และอยากให้เพื่อนๆรับรู้จะได้ไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ใครจะไม่เชื่อก็ได้ แต่เราบอกไว้ก่อนว่าไม่

มีเหตุผลอะไรที่เราจะโกหก เพราะเราก็อายุ 13 ปีเท่านั้น

คือว่า พ่อของเราเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และรักษาหายมาแล้วครั้งหนึ่ง 4 เดือนต่อมา พ่อเราก็บ่นปวดหัวมาประมาณ1อาทิตย์ เราและครอบครัว

ก็ไม่ได้นิ่งดูดายรีบพาพ่อไปหาหมอทุกคลินิก และพาพ่อไปทำ x-say ที่รพ.ชื่อดังแห่งหนึ่งในภาคใต้ ปรากฎว่าหมอบอกว่า พ่อกลับมาเป็น

มะเร็งที่เยื่อหุ้มสองชั้นนอกสุด(เยื่อหุ้มสมองมีสามชั้น) ขนาดของมะเร็งเล็กมาก ประมาณ 2cm หมอบอกว่ารักษาหายได้ โดยจะให้ยาเคมีบำบัด

2วิธีคือ ให้ทางหลอดเลือดดำ และฉีดเข้าทางไขสันหลัง พ่อและเราก็ตกลง แม่ของเราเป็นพยาบาลอยู่ที่รพ.นั้นก็ให้พ่อนอนรอให้ยาเคมีบำบัดอยู่ที่ห้อง

พิเศษ ต่อมาก่อนที่หมอจะเข้ามาให้ยาเคมีบำบัดกับคุณพ่อ พี่สาวของเราซึ่งเรียนคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคใต้ ก็ได้ถามแพทย์ผู้ให้ยา

แล้วว่า ยาเคมีบำบัดชุดนี้ มีผลต่อหัวใจ สมอง หรือก่อให้เกิดการชักหรือไม่? เพราะพี่สาวเพิ่งเรียนมาว่ายาเคมีบำบัดบางตัวส่งผลอันตรายมาก โดยถาม

แพทย์ผู้ให้ยา ย้ำแล้วย้ำอีก แต่แพทย์ผู้ให้ยาตอบแบบมั่นใจว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ อย่างมากสุดก็แค่อาเจียน ปวดศีรษะ เราและครอบครัวก็เลยโล่งใจ

เมื่อถึงวันที่ให้ยาเคมีบำบัด แพทย์ผู้ให้ยาก็มาบอกกับพ่อและเราว่า ยาที่ให้ในครั้งนี้ จะมีอยู่2ตัว (สมมุติว่าชื่อยาaและยาb)
ยาaจะให้วันนี้ตอนบ่าย 3 ส่วนยาbจะให้วันพรุ่งนี้ เพราะยาaจะฉีดเข้าทางไขสันหลัง เมื่อฉีดแล้วจะต้องนอนราบ 8 ชม. แต่ยา b ซึ่งให้ทาง

หลอดเลือดดำจะส่งผลให้มีอาการอาเจียน ทางครอบครัวและคุณพ่อก็ตอบตกลง พอถึงบ่าย 3 หมอก็มาให้ยาตัวแรก และแม่ของเราก็อยู่ด้วยตอนที่หมอ

ให้ยา เมื่อ 4 โมงเย็นแม่ของเราก็บอกพ่อว่า เดี๋ยวจะไปรับลูกที่โรงเรียนก่อนนะ เดี๋ยวมา พ่อเราก็ตอบยิ้มๆ บอกว่า เดี๋ยวเธอไปรับลูกเสร็จแล้วเธอ

แกล้งนอนแทนเรานะ เราจะพาลูกไปเที่ยวงานเกษตรภาคใต้ แม่เราก็หัวเราะและมารับเราที่โรงเรียน เราก็กลับมาอาบน้ำกินข้าว และถึงไปโรง

พยาบาลประมาณ 2 ทุ่ม ปรากฏว่าพ่อเรามีอาการพูดจาเพ้อ มีอาการแปลกๆ และเหนื่อยจนพูดกับเราว่า พ่อไม่ไหวแล้วๆ ทั้งๆที่ปกติพ่อเป็นคนที่อด

ทนมาก เรากับพี่ก็ไปตามพยาบาลทุกๆ 20 นาที แต่พยาบาลก็ไม่สนใจบอกแค่ว่า รอดูอาการไปก่อนๆ จนแม่เราทนไม่ไหวบอกพยาบาลว่าตามหมอ

เถอะค่ะ พยาบาลก็ไม่ตาม จนกระทั่งเวลาผ่านไป ถึง ตี2 แม่ และพี่สาวของเรา ก็บอกให้ พ่อนอนหลับจะได้ไม่เหนื่อย พ่อก็มองพวกเราด้วยตาที่เศร้า

มาก พ่อถามว่าจะให้พ่อหลับจริงๆเหรอ? มีอะไรจะคุยกับพ่อก็คุยได้เลยนะลูก เรากับพี่สาวก็บอกพ่อว่า พ่อหลับเถอะนะ เดี๋ยวค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้ นี่

มันดึกแล้ว ตี 2 แล้ว พ่อเราก็ลูบหัวเราแล้วก็หลับตานอน พอพ่อหลับตาไม่ถึ 1 วินาที พ่อก็สะดุ้งสุดตัว ตาเหลือกๆ ชัก แม่เราก็ตะโกนเสียงดังว่า ลูก

ไปตามพยาบาล ตามหมอ และเอามือของแม่ยัดเข้าไปในปากพ่อ เพื่อไม่ให้พ่อกัดลิ้นตนเอง
คิดแค่ว่านิ้วขาดก็ช่างหัวมันให้คนที่เรารักรอดตายก็พอ เมื่อพยาบาลมาถึงก็ได้แต่ยืนดูพ่อชักแบบอึ้งๆทำอะไรไม่ถูก แม่เราซึ่งเป็นพยาบาลก็เลยสั่งเอง
ว่า เตรียมรถ Emergency เตรียม suction และเป็นคนขึ้นปั๊มพ่อเองทุกอย่าง เมื่อหมอมาถึงประมาณ 15 นาทีต่อมา กลับเป็นนัก

ศึกษาแพทย์ ก็ทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้พ่อชักอยู่อย่างนั้น พอ 3o นาทีต่อมาแพทย์จริงๆถึงจะมา แต่ตอนนั้นพ่อก็สมองตายแล้วเพราะสมองขาดอ็อกซิเจนไปเลี้ยงสมองนานเกินไป คือ พ่อกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปแล้ว ประมาณตี 5 หมอก็มาบอกญาติว่า จะย้ายพ่อจากห้องพิเศษไปอยู่ ICU
เมื่อไปถึง ICU แพทย์ก็เรียกเราไปคุยและบอกว่าให้ทำใจ เพราะตอนนี้พ่อไม่มีโอกาสฟื้นอีกแล้ว พ่ออยู่ได้เพราะยากระตุ้นหัวใจกับยาเพิ่มความดัน

เท่านั้น ทางการแพทย์ถือว่าแล้ว พี่สาวของเราที่เรียนหมอก็ถามหมอว่า ทำไมอยู่ดีๆพ่อถึงชัก หมอก็บอกว่า ตอน 6 โมงเย็น การออเดอร์ยาซ้ำ

โดยที่เภสัชกรไม่ดูให้ดี มาฉีดยาซ้ำ ทำให้โรคของพ่อเกิดสภาวะการแตกตัวของโรคอย่างฉับพลันหรือ Tomor lysis syndrome
ทำให้พ่อชัก และพอชักหมอก็มาช่วยช้า กว่าจะชีดยากันชักให้ก็ผ่านไป 2 ชม. ทำให้สมองตาย เมื่อทางเราและครอบครัวได้ยินหมอสารภาพแล้วก็

ไม่ยินยอม รีบทำเรื่องฟ้องร้อง แต่ทางคณะกรรมการกลับไม่มีความเป็นธรรม ไม่ยอมรับอะไรเลย แม้แต่คำขอโทษก็ไม่มีสักคำ แถมยังดูถูกเราอีกต่าง

หาก แต่พ่อเราเป็นหัวหน้าช่อง 9 อสมท.ภาคใต้ มีเพื่อนเป็นนักข่าวเยอะ และมีคนรู้จักเช่น คุณหญิงพรทิพย์ เจ้าสัว .. นักข่าวที่เป็นเพื่อนของพ่อ

ก็บอกแม่ว่า ไม่ต้องห่วง ถ้าเรื่องนี้ทางโรงพยาบาลไม่ยอมรัยผิด ทาง ช่อง9 อสมท. จะให้มีการออกสื่อ และยื่นฟ้อง แม่เราก็บอกทางช่อง9 ว่ารอดู

ทางโรงพยาบาลก่อนว่าจะรับผิดชอบไหม ต่อมาวันที่ 21 กันยายนยน 2552 หลังจากวันเกิดของเรา1วัน พ่อก็ความดันตกและหัวใจเต้นแผ่ว

มากพี่สาวเราก็บอกให้หมอปั๊มพ่อ แต่ปั๊มจนพ่อปอดแตก ม้ามแตก เพิ่มยาจนนิ้วเขียว ตัวบวมฉุ พ่อก็ไม่ดีขึ้น จนเวลา 20.05น. พ่อก็จากโลกนี้

ไป..

เราอยากบอกให้เพื่อนๆชาวเด็กดีรู้ว่า ก่อนหน้าที่พ่อจะชักและเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ 2 เดือน เราไม่ได้กอดพ่อ บอกรักพ่อ เลย บอกนานๆครั้งเท่านั้น
เราเสียดายที่เราไม่ได้ตอบแทนบุญคุณพ่อ นึกประมาทว่าพ่อจะอยู่กับเราอีกหลายปี เพิ่งมาบอกรักพ่อตอนที่พ่อไม่รู้สึกตัว ไม่ได้ยินอะไร อยากให้ชาว

เด็กดีรักพ่อแม่ ตอบแทนบุญคุณท่านตั้งแต่วันนี้ เราอยากย้อนเวลากลับไปแต่มันก็ทำไม่ได้ สุดท้ายนี้เราและครอบครัวก็ขอให้เพื่อนๆขาวเด็กดีเป็นกำลัง

ใจให้ทางโรงพยาบาลรับผิดชอบเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วยนะคะ



ขอบคุณค่ะที่อ่าน น่ก้เกือยปีใหม่เล้วยังไม่มีการช่วยเหลือใดๆเหมือนกับที่ทางรพบอกกับช่อง9เลยว่าจะช่วยเรื่องการศีกษา
โดย: gg [13 ธ.ค. 52 14:25] ( IP A:118.173.155.130 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ขอแสดงความเสียใจกับคุณและครอบครัวด้วย
สูญเสียอะไรไม่หนักเท่าคนที่รักของครอบครัว
เงินทอง บ้านช่องสูญหายก็ยังพอหาใหม่
แต่พ่อมาหายก่อนวันอันควรก็นับว่าน่าเสียใจและเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
ของคุณคนในก็ยังดีว่ามีการแจ้งเรื่องจริงให้ทราบอย่างน้อยก็รู้ว่าตายจากอะไร ไม่ใช่ว่าตายเจ็บแบบในเครือข่ายแล้วยังหาคนเอ่ยปากพูดไม่ได้มีแต่ใบ้กับใบ้
ก็หวังว่าคุณควรได้รับการขอโทษอย่างเป็นทางการพร้อมกับการรับผิด
ส่วนเรื่องเยียวยา ผมว่าเป็นเรื่องรองมา ที่คุณได้ตามสิทธิอยู่แล้ว ตั้งแต่ค่าเลี้ยงดู ค่าจัดการงานศพ ฯลฯ (ภาษากฎหมายเขาเรียกค่าปลงศพ) หวังว่า คนในกันเอง คงไม่ทำตัวน่าเกลียดให้ต้องออกสื่อต้องฟ้องร้องกัน
โดย: เห็นใจครับ [13 ธ.ค. 52 17:09] ( IP A:58.8.6.81 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเจ้าของกระทู้
กับการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้

หากเราจะเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กันได้
มีอะไรก็ปรึกษากันได้ยินดีเสมอ

ได้แต่หวังว่าคุณจะได้รับความเป็นธรรมโดยเร็วที่สุด
โดยเครือข่ายฯ ไม่ต้องมีงานเข้า
โดย: เครือข่ายฯ [14 ธ.ค. 52 1:07] ( IP A:58.9.189.226 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   หนูเก่งมาก อายุ 13 ปี รู้จัก x-say,เยื่อหุ้มสมองมีสามชั้น,ยาaจะฉีดเข้าทางไขสันหลัง เมื่อฉีดแล้วจะต้องนอนราบ 8 ชม.,รถ Emergency,suction,สมองตาย,Tomor lysis syndrome ฯลฯ

โตขึ้นไปเรียนหมอนะ จะได้รักษาคนป่วยได้ โดยไม่มีโรคแทรกซ้อน
โดย: ตาแก่ [16 ธ.ค. 52 16:04] ( IP A:61.19.65.86 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   คห.4 ครับ ผมว่าเหตุการณ์บางเหตุการณ์บางครั้งทำให้คนเราได้ศึกษาอะไรเพิ่มเติมกับกรณีที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าทางการรักษา ทางคดี และความรู้ให้กระจ่างมากขึ้นในเรื่องนั้น ๆ โดยปกติวิสัยของคนเรานั้นจะไม่ได้เจาะลึกเรื่องที่ยังได้ได้ประสบกับตัวเองเลยแม้แต่น้อยนิด
ผมแค่แสดงความเห็นนะครับไม่ได้หาเรื่องและชวนทะเลาะ
โดย: แวะมาหลังจากหายไปนาน [18 ธ.ค. 52 16:53] ( IP A:125.25.176.200 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   แต่ก็จริงอย่างที่ #4 ว่า น้องเขาเก่งเกินเด็กจริงๆ เพียงแต่ #4 ดูจะเริ่มมีอคติแปลกๆ นะ
โดย: 222 [18 ธ.ค. 52 17:14] ( IP A:202.28.179.4 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   หนูโตขึ้นเป็น ฟฟ แน่
โดย: ฟฟหั่นไข่ [2 ม.ค. 53 10:28] ( IP A:111.84.39.218 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   การสูญเสียทำให้เราเกิดประสบการณ์การเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้แล้วมันผิดตรงไหนที่จะมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการแพทย์มากขึ้น.....ถ้าอยากมีความรู้แบบนี้ก็ลองสูญเสียคนในครอบครัวดูบ้างซิ
โดย: คนเคยสูญเสีย [7 ม.ค. 53 8:52] ( IP A:202.5.84.120 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน