consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
เลขาธิการ สปสช. จี้รีดภาษี รพ.เอกชน
วันที่ 28 ตุลาคม 2551 เวลา 16:15 น. | จำนวนผู้อ่าน 12 คน ผู้โหวต 0 คน
คะแนนข่าว
ขนาดตัวอักษร ก ก ก
เลขาธิการ สปสช. จี้รีดภาษี รพ.เอกชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ต.ค.) นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท จากปัญหาการดึงแพทย์เข้าสู่ระบบเอกชนเพื่อรักษาผู้ป่วยที่เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมารักษาตัวที่ประเทศไทยจำนวนมากว่า ควรมีการจัดเก็บภาษีการรักษาพยาบาลคนไข้ต่างชาติ ที่เข้ามารับบริการรักษาพยาบาลในประเทศ เพื่อนำเงินมาใช้แก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ รวมทั้งนำมาใช้ในการผลิตแพทย์เพิ่ม มอบทุนเรียนต่อ การเพิ่มเงินเดือนค่าตอบแทน และสร้างสวัสดิการเพิ่มเติมเพื่อให้แพทย์อยู่ในระบบได้ เนื่องจากที่ผ่านมาในการผลิตแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น ทางภาครัฐจะเป็นผู้ลงทุนและต้องใช้เวลาหลายปี แต่เมื่อผลิตได้จนเป็นอาจารย์ในโรงเรียนแพทย์กลับถูกดึงออกจากระบบไปอยู่ โรงพยาบาลเอกชน นำไปรักษาชาวต่างชาติแทนที่จะรักษาคนไทย
นพ.วินัย กล่าวว่า เรื่องนี้เคยมีการเสนอไปแล้วครั้งหนึ่ง โดย ดร.อัมมาร สยามวาลา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตอบรับหรือผลักดัน รัฐบาลควรเห็นความสำคัญ และรีบดำเนินการ ส่วนจะเก็บภาษีเท่าไหร่นั้น ยังไม่ทราบ แต่ต้องมีการจัดเก็บเพื่อนำเงินมาใช้แก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์เพื่อให้มีหมอรักษาคนไทย รวมถึงพยาบาลให้อยู่ในระบบภาครัฐต่อไป นอกจากนี้เห็นว่าทุกคนต้องช่วยกันผลักดันด้วย เพราะต่างทราบกันดีเกี่ยวกับปัญหาวิกฤตขาดแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย หากตนมีอำนาจก็จะผลักดัน ทั้งนี้การจัดเก็บภาษีผู้ป่วยชาวต่างชาตินั้น ไม่จำกัดเฉพาะโรงพยาบาลเอกชน แต่รวมถึงในโรงพยาบาลรัฐด้วย
เป็นที่รู้กันดีว่า โรงพยาบาลที่เปิดรักษาชาวต่างชาติ มีการจัดเก็บค่ารักษาพยาบาลแพงมาก จึงสามารถจ่ายเงินเดือนแพทย์ได้สูง ทำให้แพทย์ไหลไปสู่เอกชนมากขึ้น ซึ่งหมอที่ถูกดึงไปล้วนแต่เป็นหมอระดับผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น นพ.วินัย กล่าว
ต่อข้อซักถามว่า หากจัดเก็บภาษีผู้ป่วยชาวต่างชาติอาจส่งผลกระทบต่อนโยบายเมดิคัล ฮับของรัฐบาลได้ นพ.วินัย กล่าวว่า ปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบค่ารักษาพยาบาลของประเทศไทยกับประเทศอื่นๆ ที่ทำเมดิคัล ฮับ ค่ารักษาพยาบาลของไทยมีราคาที่ต่ำกว่ามาก จึงสามารถเพิ่มราคาได้อีก เช่น กรณีการผ่าตัดรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจของไทยหากในระบบภาครัฐจะอยู่ที่ 200,000 บาท เอกชนจะอยู่ที่1 ล้านบาท ขณะที่สหรัฐฯ จะอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านบาท จะเห็นได้ว่ายังมีส่วนต่างอีกกว่า 2 ล้านบาท ซึ่งการเก็บภาษีจะไม่ทำให้ราคาค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นมากมาย
ยืนยันว่า เมื่อจัดเก็บภาษีแล้ว เรายังแข่งได้เมดิเคิลฮับได้ อย่างประเทศสิงค์โปร์จะเห็นได้ว่า ทั้งค่าครองชีพ ค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าบ้านเราหลายเท่า เพียงแค่ค่าครองชีพก็อยู่ที่ 2 ล้านบาทต่อคนต่อปีแล้ว ขณะที่ค่าครองชีพคนไทยอยู่ที่เพียง 1 แสนบาทต่อคนต่อปีเท่านั้น ดังนั้นเพียงแค่เงินเดือนแพทย์ ยังไม่รวมค่าบริการ ก็สูงกว่าบ้านเรามาก ดังนั้นเชื่อว่า แม้ขึ้นภาษีแล้วเรายังแข่งขันเมดิเคิลฮับได้แน่นอน เลขาธิการ สปสช. กล่าว.
โดย: อามิตพุทธ คิดได้แค่นี้ [28 ต.ค. 51 16:30] ( IP A:58.8.3.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
ข่าวด่วน..!
เครือข่ายฯ ดาวกระจายไปตามรพ.เอกชนต่าง ๆ
ทวงหมอ+พยาบาล คืนให้รพ.รัฐ พร้อมโห่ไล่
นายกแพทยสภากับพวกให้ลาออก
โดย: จบข่าว [28 ต.ค. 51 23:41] ( IP A:58.9.184.238 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
ดีดีดี เก็บภาษีให้แพงๆ ใครได้ประโยชน์ในอาชีพยิ่งมากเท่าไร ก็ควรตอบแทนคืนประเทศชาติ และสังคมมากเท่ากัน เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว
ยิ่งพวกเจ้าของที่ เจ้าของทาง ให้เช่าแผง เช่าร้าน คิดราคาแพงๆ กว่าประชาชนจะได้เงินมาเลี้ยงชีพ จากการค้าขาย เหน็ดเหนื่อย ต่างจากเสือนอนกิน คิดค่าเช่าแพงโหด ก็มี ไม่มีมาตรฐานราคากันเลย เห็นแล้วหนาว ควรเก็บภาษี...ให้มาก เพื่อไม่ให้เกิดความเลื่อมล้ำชนชั้นสูงต่างกัน เพราะอย่างไรก็ต้องต่างกันอยู่แล้ว
จน จน ไม่มีวันโงหัว แต่รวย รวย 10 ชาติ 100 ชาติ กินไม่หมด บางคนยังไม่ซื่อสัตย์
โดย: ไม่ได้เอ่ยชื่อใคร [29 ต.ค. 51 7:56] ( IP A:115.67.90.177 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
สปสช นั่นแหล่ะต้องทบทวนก่อนว่าตัวเองทำตัวได้ดีแค่ไหน สปสช เป็นสาเหตที่ทำให้แพทย์ลาออกอย่างมหาศาล อย่างไม่เคยมีมาก่อนไม่ใช่ medical hub สปสช เป็นเครื่องมือชาวบ้านกดขี่ข่มเหงแพทย์ ไม่เคยอยู่ข้างแพทย์ ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยเสียระบบอย่างไม่เคยมีมาก่อน ชอบโฆษณาชวนเชื่อทั้งที่ไม่มีทางทำได้ในความเป็นจริง ไม่เคยรู้ปัญหาของคนที่ปฏิบัติงานจริงว่าขาดบุคลากรอย่างมากแต่อยากได้งานมากมาก และคุณภาพสูงๆ แพทย์ทำงานอย่างหนัก แข่งเวลา เสี่ยงพลาด เสี่ยงต่อการติดคุก คุณภาพชีวิตต่ำ กลางคืนไม่ได้นอน เสาร์อาทิตย์ไม่ได้หยุด ความก้าวหน้าในราชการน้อยมาก(ทำงานจนหัวหงอกก็ไม่ได้สูงเท่าผู้ว่าฯ หรือรองผู้ว่าฯ ) ในขณะที่สปสช สั่งให้ทำนั่น ทำนี่ คิดนั่น คิดนี่ บางที่ก็สั่งโง่ๆ แต่เป็นอิสระ คิดเงินเดือนเองซึ่งสูงมากมาก สูงกว่าแพทย์ที่ทำงานเกือบ 10 เท่า สปสช จึงเป็นแหล่งสูบแพทย์แหล่งใหม่อีกแห่งหนึ่งยิ่งทำให้แพทย์ที่ปฏิบัติงานจริงลดลงไปอีกเพราะ สปสช กลายเป็นแหล่งในฝันของแพทย์ที่ไม่อยากตรวจ ไม่อยากจะเสี่ยง แต่มีเงินเดือนสูง มีอำนาจสั่ง
ระบบราชการยังให้ความสำคัญกับคนทำงานปฏิบัติจริงน้อยกว่าคนวิจารณ์ หรือสั่งการ ไม่มีความแตกต่างระหว่างคนทำงานมาก กับคนทำงานน้อย นอกจากความเสี่ยงของคนที่ทำงานมากจะมากกว่าอย่างทวีคูณ อย่าหวังเลยครับ สปสช ว่าจะมีลูกจ้างที่เก่งๆ อยู่ให้ท่านจิกหัวใช้อย่างไม่เห็นคุณค่าอีกต่อไป
โดย: คนเก่า [29 ต.ค. 51 9:16] ( IP A:125.26.68.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
รีดให้ตัวแบนเลย
สนับสนุน !!!!
แล้วเขาจะยอมให้รีดเหรอ ??
โดย: GN+ [29 ต.ค. 51 9:41] ( IP A:117.47.45.54 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
คือเก็บน่ะเก็บได้ครับ แต่เพื่อความเป็นธรรม ก็เก็บโรงแรมที่ชาวต่างชาติไปเช่าเพิ่มด้วย เพราะโรงแรมเราก็ถูกกว่าสิงคโปร์ เก็บร้านขายของที่ชาวต่างชาตซื้อเพิ่มด้วยเพราะของเราก็ถูกกว่าสิงคโปร์ เก็บสถานบันเทิงที่ชาวต่างชาติเข้าไปเที่ยวเพิ่มด้วยเพราะเราก็ยังถูกกว่าเขาอยู่อีกแหละ บลาๆๆๆ อยากรู้จังว่าจะมีคนออกมาโวยวายมากแค่ใหน
เกาให้ถูกจุดดีกว่าเจ้านาย
โดย: คนเก่า [29 ต.ค. 51 10:17] ( IP A:125.26.68.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
ปิดมันเลยดีไหม หมอและพยาบาลจะได้กลับมาอยู่รัฐบาล
ออกกฎหมายห้ามเปิดคลินิก โรงพยาบาลเอกชนเลยดีไหม
แล้วพวกรัฐบาลที่ผ่าตัดหรือคลินิกพิเศษตอนเย็นก็ปิดด้วย รีดภาษีด้วย
หรือไม่ก็ผลิตหมอให้มันล้นตลาด เลือกเอาว่าวิธีไหนนะตีกว่า
แต่ผมเชื่อในหลักที่ว่า ถ้าแข่งขันกัน และไม่ผูกขาด ก็จะดีและราคาถูก
อันแรกสุด ต้องปล่อยให้ทุกมหาวิทยาลัยผลิตแพทย์ได้ไม่อัน เอาตั้งแต่ ราม มสธ ราชภัฏ ฯลฯ แล้วสอบวัดผลเอา ใครสอบผ่านก็เอาใบอนุญาตไปฝึกงาน ฝึกงานผ่านสอบอีกที่ สอบผ่านก็เอาไปทำงาน
โดย: ฟฟ [29 ต.ค. 51 10:40] ( IP A:58.8.6.103 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
แพทย์เป็นวิชาชีพที่สร้างรายได้เป็นอย่างดียิ่งกว่าวิชาชีพอื่น ๆ เมื่อเปรียเทียบกับวิชาชีพอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิศกร ทนายความ ก็กินขาดได้สบาย ซึ่งสามารถสร้างรายได้ สร้างฐานะได้อย่างมั่งมีศรีสุข แต่ต้องเก่งจริง รู้จริง จบใหม่ ๆ ก็ฝึกงานหาความชำนาญใน ร.พ.ของรัฐก่อน พอมีความชำนาญ หรือใช้ทุนหมด หรือว่าต้องการรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำ ก็ต้องไปอยู่โรงพยาบาลเอกชน หรือเปิดคลินิคเฉพาะทางตามที่ตนเองชำนาญ
ฉะนั้นต้องเลือกเรียนในสาขาที่ตลาดต้องการกันเยอะ ๆ คนมีตังจะได้เพิ่งขึ้น...พอตนเองมีฐานะที่พออยู่พอกินจะได้หันกลับมามองคนยากคนจนที่ไม่สามารถไปใช้บริการ ร.พ.เอกชน หรือคลินิคเฉพาะทางได้
โดยลาออกจากโรงพยาบาลเอกชน หรือปิดคลินิคส่วนตัว ไปอยู่โรงบาลรัฐ บ้างคงจะดี
แต่ถ้าหมอคุณหญิงพรทิพย์ เปิดคลินิคส่วนตัวบ้างคงพิลึกดี..
โดย: คนปากกืก [29 ต.ค. 51 11:04] ( IP A:118.173.236.109 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
ฟฟ ฟังดูดีแต่ไม่มีประเทศใหนในโลกเขาทำกัน ถ้าอย่างงั้นคุณมีวิธีที่จะทำให้พวกเรียนมาแล้วสอบไม่ผ่านเพื่อฝึกงานให้ไปทำอาไรกิน ชั้นปรีคลินิคก็ใช่ว่าจะใช้เงินน้อยๆ จะไปเอาร่างอาจารย์ใหญ่มาจากใหนมาให้เรียน ท่องจากรูปไม่มีทางได้แน่ จะไปเอาเงินที่ใหนมาสร้างห้องแลปทดลอง พอจบมาแล้วฝึกงานจะเอาใครมาสอนปล่อยให้มั่วเอากับคนไข้เหรอเพราะหมอรักษาโรคยังไม่พอ จะเอาหมอที่ใหนมาสอนฝึกงาน ปัจจุบันรัฐบาลก็กำลังเพิ่มการผลิตจนล้นเพดานอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ได้พอใน 50-100 ปีนี้ก็คงไม่พอ ไม่มีทางทำให้ล้นตลาดได้ เพราะถ้าทำได้ก็จะต้องไร้คุณภาพมากมาก สมมุติว่าประเทศไทยมีที่ดิน 100 ไร่ ข้าวราคาแพงคุณก็ออกมาพูดว่าผลิตข้าวเยอะเยอะสิ ให้ล้นตลาดไปเลยราคาข้าวจะได้ลดลง ฟังดูง่ายแต่ที่นาแค่นี้จะผลิตยังไงจะพอล่ะ
โดย: คนเก่า [29 ต.ค. 51 11:44] ( IP A:125.26.68.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
ความเห็นที่ 8 ทางเก่าคุณตันไปไม่ได้
คุณต้องหาทางใหม่ เวลาแก้ปัญหา
คุณต้องเข้าใจว่ามีส่วนหนึ่งจะรู้ตัวว่าไปไม่ไหว เขาก็เลิกไปเอง คนที่ไปไหวเขาก็ไปต่อ อย่างน้อย พยาบาลที่มีอยู่ 10 % ก็คงไปไหว จำนวนตั้งเท่าไหร่ อย่าคิดว่าเป็นการอัพเกรด พยาบาลเป็นหมอ สหรัฐก็ทำมาแล้ว คนเป็นพยาบาลเขาไปเรียนต่อเป็นหมอก็มี
คุณต้องเข้าใจว่าระหว่างการเรียนรู้แม้เขาสอบจบไม่ได้เขาก็เรียนรู้ไม่ใช่น้อย
นิติศาสตร์ราม จบปีละ 4-5 พันคน แต่สอบตกอีก 4-5 หมื่นคน ถ้าว่าเขาไปทำอะไร เขาก็ทำอย่างเดิมของเขา ทำงานไปเรียนไป ไม่เสียหาย แต่เขามี 4-5 พัน คนให้ได้ใช้ทุกวัน
ถามว่านิติ จุฬา ธรรมศาสตร์จบปีละเท่าไหร่ เดี๋ยวนี้หมดท่า เพราะรามเขาคลุมไปทุกวงการเพราะจำนวนมากกว่า
คุณทำให้ได้ทำให้ดี อีกหน่อยเมืองนอกส่งมาเรียน (ค่าเรียนบ้านเรามันถูก) คุณก็ได้ทั้งคนทั้งเงินทั้งโรงเรียนแพทย์
ถ้าทำไม่ได้ถามประกิตเผ่าก็ได้ ว่าทำไมนักเรียนมันก่อนเรียนแพทย์เรียนออนไลน์ได้ แต่เข้ามหาวิทยาลัยแล้วเรียนออนไลน์ไม่ได้
สมัยผมเรียนรามา อาจารย์ที่ศิริราช แม้ว่าจะเก่งหรือมีชื่อยังไงก็ไม่ได้ข้ามมาสอน ขนาดมหาวิทยาลัยเดียวกัน อีโก้มันสูง ห้ามเองข้ามมา คุณเรียนที่จุฬา คุณก็ใช้ อจ ที่จุฬา ธรรมศาสตร์ โนเวย์
ที่ราม มันมีแต่ที่ อาจารย์นิดหน่อย ดังนั้น ใครเก่งเขาก็เชิญมาสอน ขนาด อจ วิฑูรย์ อจ พรทิพย์ ยังไปสอนนิติเวช มีใครจะเชิญ อจ พรทิพย์ไปสอนศิริราชบ้างไหม
ขนาดหัวหน้าเครือข่าย สอนฟรี ยังระงับเลย
โดย: คิดว่าทำไม่ได้ไว้ก่อน แล้วชาติหน้าจะเจริญ [29 ต.ค. 51 13:48] ( IP A:58.8.6.103 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
ฟฟ ก็บอกแล้วไงนิติศาสตร์กับแพทย์มันคนละเรื่องกันเรียนต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าอย่างนั้นทำไม่ไม่เปิดโรงเรียนายร้อยทหาร ตำรวจ ด้วยล่ะแข่งกับ จปร ไปเลย
และประเทศที่แพทย์ล้นตลาดก็มีให้เห็นแล้ว ฟิลิปินส์ไง คนไทยไปเรียนมาก็เยอะว่าแต่ว่าท่านกล้าให้ญาติไปรักษากับแพทย์จบฟิลิปินส์หรือเปล่าล่ะ
โดย: คนเก่า [29 ต.ค. 51 14:10] ( IP A:125.26.68.194 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
สมัยก่อนผมก็คิดว่านิติศาสตร์ กับแพทย์นั้นคนละเรื่อง แต่ผมว่าใกล้เคียงกันที่สุด เพราะสภาทั้งสอง กฏหมายก็เช่นกัน ต้องมีจริยธรรมเช่นกัน เขาว่าของนักกฎหมายสูงกว่าแพทย์อีก การทำงานก็ต้องมีการฝึกงาน มีการดูแลเป็นขั้นตอนเหมือนแพทย์ ทนายอาวุโสก็ดูทนายน้อยๆ ศาลอาวุโสก็ดูแลผู้ช่วยผู้พิพากษา การทำงานก็มีการปรึกษากัน เวลาเรียนก็ต้อง practice เหมือนกัน ต้องไปศาลทำคดีเหมือนกัน ทำเสียหายก็คนตายเช่นกัน เช่นแพ้คดี คนถูกฟ้องคดียาบ้าก็โดนยิงเป้า ตายเหมือนกัน แพ้คดีกู้เงิน บ้าน ฯลฯ ก็หมดตู ด เหมือนกัน
บอกตรงๆ บ้านเราชอบดูถูกฟิลิปปินส์ อินเดีย แต่ขอโทษที หมอที่ฝึกงานและทำงานในสหรัฐ ฟิลิปปินส์มีมากกว่าไทยอีก อินเดียอันดับหนึ่ง
บอกตรงๆ คนไทยหลายคนไว้ใจหมอจบเมืองไทยเดี๊ยงมาก็เยอะ อย่าให้ด่าเลยครับ
โดย: ฟฟ [29 ต.ค. 51 14:40] ( IP A:58.8.6.103 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
ลืมบอกไป ผมเรียนทั้งสองวิชา และ practice ทั้งสองวิชา
ทั้ง ร่างคำฟ้องช่วยคนฟ้องคนอื่น ร่างคำให้แก้ช่วยคนถูกฟ้อง ขึ้นศาลให้การ ตรวจสอบดูพยานหลักฐาน ตรวจสอบคดีต่างๆ ดูคดีกฎหมายต่างๆ เดี๋ยวนี้ดูคดีได้ทั่วโลกที่ใช้ภาษาอังกฤษ ศาลฏีกาเขาจะเก็บข้อมูลให้ค้นหา เหมือนหมอเรียนกรณีคนไข้ case study ที่ดูได้ทั่วโลกที่รายงานโดยโรงพยาบาลต่างๆ
โลกมันเปลี่ยนแล้ว แต่ผมว่าหลายคนยังก้าวไม่ทัน และยังชอบตามก้นฝรั่ง
โดย: ฟฟ [29 ต.ค. 51 14:50] ( IP A:58.8.6.103 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
ร่างคำให้การแก้ฟ้อง ช่วยคนถูกฟ้อง
ผมหัดพิมพ์ดีดเป็นแบบเสมียนก็ตอนหัดเป็นทนายความนี่แหละ
โดย: ฟฟ [29 ต.ค. 51 14:52] ( IP A:58.8.6.103 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
คนไทยไปเรียนมาก็เยอะว่าแต่ว่าท่านกล้าให้ญาติไปรักษากับแพทย์จบฟิลิปินส์หรือเปล่าล่ะ
ทำไมดูถูกคนแบบนี้ละครับ ไปถามหาหมอเค ที่โรงบาลกรุงเทพฯก้ใหญ่ไม่ใช่เล่น หมอโสรฬ... ผ่าสมองอยู่บำรุงราษฎร์ก็จบฟิลิปปินส์ คนไข้ก็เพียบนิ
โดย: เจ้าบ้าน
[29 ต.ค. 51 16:31] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
ผู้บริหารบ้านเรา ต้องรอให้ปัญหาเกิด
แล้วก็วิ่งตามแก้ปัญหากัน
ไม่รู้จักวางแผนล่วงหน้า
ต้องตบบ้องหูรัฐมนตรี ไม่ใช่ชะเลียร์ไข่รมต.
โดย: นี่แหละผู้บริหารบ้านเรา [29 ต.ค. 51 22:15] ( IP A:58.9.197.236 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
ปิดมันเลยดีไหม หมอและพยาบาลจะได้กลับมาอยู่รัฐบาล
ออกกฎหมายห้ามเปิดคลินิก โรงพยาบาลเอกชนเลยดีไหม
....................เผด็จการมากไปรึเปล่า....................
โดย: คนเก่า [30 ต.ค. 51 9:15] ( IP A:125.26.72.76 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
ถ้าคุณเป็นเจ้าของรพ.เอกชน คุณกล้าปิดจริงเหมือนปากพูดไหม
คุณไม่กล้าหรอก กว่าคุณจะไต่เต้าเรียกรับผลประโยชน์ต่าง ๆ นา ๆ
จนได้เป็นเจ้าของรพ.เอกชนได้คงไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่ได้หมายความว่ามี รพ.เอกชน หรือคลีนิกไม่ได้มีได้ เพราะรพ.ของ
รัฐก็ไม่พอรองรับคนไข้ แต่ค่ารักษาที่แพงมหาโหดเกินจริง เวลาเสียหายแล้วไม่รับผิดชอบเขายอมจ่ายค่าทนายแพง ๆ แต่ไม่ช่วยคนไข้ คือสิ่งที่สังคมรับไม่ได้
การเอาเงินเดือนแพง ๆ มาล่อหมอ ไม่แก้ปัญหาเรื่องผู้เสียหาย แต่
กลับกระพือสร้างความขัดแย้ง บีบทางอ้อมเพื่อให้หมอหนีไปเอกชน
โดยไม่ต้องจ่ายมาก ไม่ต้องลงทุนผลิตหมอแม้แต่บาทเดียว รัฐลง
ทุนผลิตหมอหมดไปมากมายต่อคน แต่รพ.เอกชนชุบมือเปิบเอาไป
อย่างหน้าด้าน ๆ เอาเปรียบสังคม
อันนี้ไม่เป็นเผด็จการกว่าหรือ...?
โดย: เห็นแก่ตัวมากไป คือปัญหา [30 ต.ค. 51 9:33] ( IP A:58.9.198.50 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
ทำไมจะไม่ได้ลงทุนแม้แต่บาทเดียว คุณรู้ไหมว่าโรงพยาบาลเอกชนปีหนึ่งจ่ายภาษีให้รัฐเท่าไหร่ คนที่ทำงานอยู่เอกชนจ่ายภาษีให้รัฐเท่าไหร่ คลินิคจ่ายภาษีให้รัฐเท่าไหร่ แล้วนี่เหรอไม่ได้จ่าซักบาทเดียว
รู้จักไหมทุนนิยมน่ะ เราหลีกเลี่ยงทุนนิยมไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าเราจะเถียงข้างข้างคูคูก็เถอะ ทางออกคือรัฐต้องแข่งขันกับเขา ต้องพัฒนาให้ได้ใกล้เคียงเขาไม่ใช่ปล่อยให้นับวันยิ่งห่างไกลกันไปทุกที มันก็เลวร้ายแบบนี้แหล่ะ
โดย: คนเก่า [30 ต.ค. 51 10:06] ( IP A:125.26.72.76 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
คุณรายได้มาก ก็ต้องจ่ายมากเป็นธรรมดา
เราชาวบ้านรายได้น้อย ก็ต้องจ่ายน้อยเป็นธรรมดา
เวลาจ่ายภาษีแล้ว ถือว่าเป็นเงินของรัฐ
รัฐจ่ายค่าเรียนให้หมอ หมอควรอยู่ทำงานให้รัฐ
รับใช้ประชาชน แต่รพ.เอกชนคือของพวกคุณ
พวกคุณเอาหมอไปรับใช้หาเงินให้พวกคุณ
ถึงแม้คุณจะมีส่วนในการเสียภาษีก็ตาม ชาวบ้าน
เขาก็จ่ายเช่นกัน ดังนั้นเราจึงด่าคุณว่าเห็นแก่ตัวได้
อย่างเต็มปาก กรุณาอย่าเอาสีข้างเข้าถู ยอมรับเสียบ้าง
ทุนนิยมหลีกเลี่ยงไม่ได้ อันนี้เราไม่เถียง การค้าย่อมมีผลกำไร
แต่ต้องไม่ใช่ทุนนิยมสามารย์ เอาเปรียบชาวบ้าน เอาเปรียบสังคม
อย่าดูถูกว่าชาวบ้านเขาตามพวกคุณไม่ทัน
โดย: อย่าเอาสีข้างเข้าถู [30 ต.ค. 51 14:58] ( IP A:58.9.204.237 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
ขอแก้คำผิด
"ทุนนิยมสามานย์"
โดย: แก้คำผิด [30 ต.ค. 51 15:00] ( IP A:58.9.204.237 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
ทำไมจะไม่ทำกรูจบมาก็บังคับกรูมาทำงานหนักเยี่ยงทาสตั้ง 3 ปี ทั้งทั้งที่ไม่เคยจ่ายค่าเทอมให้กรู ไม่เคยซื้อหนังสือให้กรูแม้แต่เล่มเดียว กรูก็เห็นพวกวิศวะ สถาปัต สาธารณสุข พยาบาล นิติ มันก็เรียนมหาลัยเดียวกับกรูมันก็ไม่ต้องมาทำงานทาสแบบกรู กรูถูกคนไขด่าบางครั้เหมือนลูกคนไม่มีพ่อมีแม่ทั้งทั้งที่ทำงานจนพักผ่อนไม่พอ กรูตัดสินใจลาออกเลยจ่ายเงินไปแสนกว่าบาท ตอนนี้กรูมีสุขมีเวลาว่างมานั่งเล่นเนต ต่อล้อต่อเถียงกับพวกมรึงไงเครือข่าย กูไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ แต่กรูเห็นแก่ตนบ้าง ครอบครัวบ้าง หลังจากที่เห็นแก่คนอื่นแต่คนอื่นไม่เคยเห็นแก่กรูมา2ปีกว่า ทำไงได้กรูก็ต้องใช้เงินซื้อข้าวกินนี่นา แม่กรูก็ต้องใช้เงินซื้อบ้านอยู่โว๊ย เหมือนพวกมรึงใช้เงินเลี้ยงญาติพิการนั่นแหละ
โดย: คนเก่า [31 ต.ค. 51 8:45] ( IP A:125.26.72.98 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
ขอแสดงความยินดีกับประเทศชาติ
ที่หมอแบบคุณคนเก่าลาออกเสียได้
คุณไม่ได้เป็นหมอด้วยจิตวิญญาน
ลาออกไปก็สมควรแล้ว แต่อย่าบอกนะ
ว่าลาออกเพราะต้องเอาเวลาไปบริหารรพ.เอกชน
หลังจากที่ต้องแอบเอาเวลาราชการหาเงินเข้ากระเป๋า
มานาน
โดย: เชิญลาออกไปเลย [31 ต.ค. 51 10:24] ( IP A:58.9.196.207 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
ทำไมกรูจะเป็นหมอโดยไม่มีจิตวิญญาน คนไข้ที่คลินิคกรูไม่ใช่คนไข้รึไง กรูก็รักษาจนเขาหายดีเหมือนกัน แนะนำเขาอย่างดี ผิดกับตอนอยู่โรงบาลรัฐไม่เคยได้แนะนำ เพราะคนไข้มาก หรือจะบอกว่าหมออยู่โรงพยาบาลรัฐไม่เห็นแก่เงินทำงานเพื่อการกุศล ต้องมาขอบคุณกรูอีกที่ช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลโดยไม่เอาเงินเดือนแม้แต่บาทเดียวถ้าเขาไม่มาคลินิคกรูเขาก็ต้องไปรอตรวจที่โรงพยาบาลรัฐ 3-5ชั่วโมงเสียเวลาทำมาหากิน เสียงบประมาณหลวงอีกต่างหาก
โดย: คนเก่า [31 ต.ค. 51 10:42] ( IP A:125.26.72.98 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
ถูกต้องแล้ว ควรผลิตแพทย์ ออกมาเพิ่มปริมาณกว่านี้ ดีที่สุด เห็นด้วย ล้าน ล้านอ%%
โดย: ขิง ขิง [31 ต.ค. 51 20:06] ( IP A:115.67.56.47 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
โอ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ
โมโหแล้วของขึ้น
ไม่เอาน่า คุณด่าว่าคนอื่น เขาก็มีสิทธิ์เถียง
สังคมอุดมปัญญา คุณไม่ได้มีอภิสิทธิ์ด่าคนอื่นได้ฝ่ายเดียว
ว่าง ๆ หัดทำใจให้สบาย แล้วตักน้ำใส่ขันก็ได้ไม่ต้องใส่กระโหลก
แล้วชะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้าง ว่านิ้วที่ชี้ว่าคนอื่น 1 นิ้วนั่นน่ะ
มันชี้เข้าตัวเองตั้งหลายนิ้ว
โดย: เฮ้อ....ทำคนโมโหอีกแล้ว [3 พ.ย. 51 10:15] ( IP A:58.9.194.33 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
จะสรุปให้อ่านจนจบทุกตัว
เจอหมอไม่เก่ง ไม่กลัว กลัวหมอไม่รักษา มากกว่า 555 +
กลัวหมอไม่มีน้ำใจมากกว่า
ต่อให้โครตเก่ง ไม่มีน้ำใจก็ไม่มีทางแก้ปัญหาได้ ชัวร์ !!!
โดย: GN+ [6 พ.ย. 51 18:53] ( IP A:222.123.20.33 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน