ศาลฎีกาไม่รับฟ้องคดีรพ.ทำคลอดบุตรพิการ
   ศาลฎีกาไม่รับฟ้องคดีรพ.ทำคลอดบุตรพิการ

ศาล ฎีกา ตัดสินไม่ประทับรับฟ้อง คดี 2 แม่ลูกฟ้อง แพทย์สภา และ เจ้าหน้าที่ รพ.พยา 33 ราย กรณีให้การช่วยเหลือและปกป้อง แพทย์ รพ.พญาไท ซึ่งทำคลอดบุตร จนส่งผลให้พิการ

ศาล ฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ไม่ประทับรับฟ้องคดีที่ นางปรียนันท์ และ นายพิทักษ์พงค์ ล้อเสริมวัฒนา บุตรชายเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพทยสภาและพวกรวม 33 คน กรณีกล่าวหาว่าประพฤติตามกฎหมายเวชกรรมปี 2525 เพื่อช่วยเหลือคณะแพทย์โรงพยาบาลพญาไท 1 ทำคลอดบุตรชายเมื่อปี 2534 และผิดพลาดทำให้เกิดความพิการขึ้นในข้อหาประพฤติผิดต่อหน้าที่ราชการการ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งนี้ศาลฎีกาได้พิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ยกฟ้องคดีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายจึงไม่มีอำนาจในการฟ้องจำเลย ขณะที่ นางปรียานันท์ ได้กล่าวยอมรับในคำตัดสินของศาลพร้อมเปิดเผยว่า จากนี้ไปคงไม่สามารถดำเนินการอะไรได้อีก

อย่างไรก็ตาม นางปรียานันท์ เปิดเผยว่าเตรียมยื่นเรื่องถวายฎีกาเพื่อขอความเป็นธรรม

https://www.innnews.co.th/crime.php?nid=155719

--------------------------------------------------------------------

ยังไงทางเครือข่าย ก็อย่าทำตัวเหมือนเสื้อแดงหรือแม้ว ที่พอศาลตัดสินถูกใจก็บอกศาลยุติธรรมแล้ว แต่พอศาลตัดสินไม่ถูกใจ แล้วบอกศาลลำเอียงล่ะ
โดย: ให้มีมาตรฐานบ้าง [3 ก.พ. 52 17:45] ( IP A:203.118.92.202 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ตาชั่งทุกยี่ห้อมันโอนเอนได้เสมอ
โดย: ไม่ต้องเสียใจ [3 ก.พ. 52 22:03] ( IP A:124.121.142.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ศาลฎีกาพิพากษายืนยกฟ้องแพทยสภาคดี “น้องเซนต์” แม่ดิ้นเตรียมฟ้องต่อ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
3 กุมภาพันธ์ 2552 17:58 น.


ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นละศาลอุทธรณ์ยกฟ้องคดีน้องเซนต์ ชี้ โจทย์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้องแพทยสภาทั้ง 33 คน “ปรียนันท์” ดิ้นปรึกษาทนาย ใช้ช่อง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค แทกทีมสู้ฟ้องแพทยสภาเทวดาเอาผิดไม่ได้

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา มารดาของน้องเซนต์ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ได้เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2725/2546 ระหว่าง ด.ช.กฤตบุญ หรือพิทักษ์พงศ์ และนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนาโจทก์และแพทยสภากับพวกรวม 33 คน จำเลย กรณีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ทั้งนี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่พิพากษามาแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของโจทก์ทั้งสอง ฟังไม่ขึ้น เนื่องจากมติของแพทสภาที่วินิจฉัยสรุปคดีว่าไม่มีมูลให้ยกข้อกล่าวหา ไม่ได้เป็นการกระทำต่อโจทย์ทั้งสองโดยตรง และไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นพิเศษ เนื่องจากการกระทำผิดตามฟ้อง โจทย์จึงไม่เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) และไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้ง 33 ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ปัญหาตามฎีกาของโจทย์ทั้งสองข้อ ข้ออื่นจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอีกต่อไป

นางปรียนันท์ กล่าวว่า ถือว่าคำพิพากษาของศาลไม่ได้บอกแพทยสภาผิดหรือไม่ผิด เพราะไม่ได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงเพียงแต่วินิจฉัยว่าไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ในเมื่อคำตัดสินของแพทยสภาส่งผลกับครอบครัวโดยตรง ดังนั้น จะหารือกับทนายความเพื่อเตรียมจะแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษโดยทำสำนวนส่งอัยการต่อไป ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะรับดำเนินการให้หรือไม่ รวมถึงจะขอใช้สิทธิ์ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 ด้วย

“ทำไมชาวบ้านฟ้องเองไม่ได้เมื่อได้รับผลโดยตรง การต้องไปฟ้องสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หรือแจ้งความเอง หรือขอให้ตำรวจทำมันไม่ง่ายเลย จะหวังพึ่งตำรวจอัยการจะมีใครฟ้องให้หรือไม่ก็ยังไม่แน่ใจ ตอนนี้งงจริงๆ เราไม่ใช่ผู้เสียหายได้อย่างไรทั้งๆ ที่ได้รับผลโดยตรง ต่อไปนี้คงไม่มีใครเอาเรื่องแพทยสภาได้ เพราะเป็นเทวดา ที่สุดแล้วจะรวมกลุ่มกันกับผู้ที่ได้รับการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมจากแพทยสภา ที่ฟ้องร้องก็อยากให้แพทยสภาปรับเปลี่ยนตัวเองไม่ใช่สร้างความเจ็บช้ำให้ชาวบ้านซ้ำแล้วซ้ำเล่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนก็ยังเอาผิดไม่ได้ ท้อมาก เท่ากับ 6 ปี ที่ผ่านมาไม่สามารถฟ้องเอาผิดแพทยสภาได้ หลงทางหมดเลยไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”นายปรียนันท์ กล่าว

สำหรับนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา เดิมชื่อ นางดลพร ล้อเสริมวัฒนา เป็นมารดาของน้องเซนต์ ซึ่งต้องพิการขาลีบจากการทำคลอดของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่ง และต่อสู้เรื่องนี้เป็นคดีความบนศาลมาถึง 17 ปี
โดย: ผู้จัดการ [3 ก.พ. 52 23:09] ( IP A:58.9.200.69 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติมีมติว่า

1. รพ.พญาไท 1 ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ให้เยียวยาทันที แต่รพ.ไม่เยียวยา - กรรมการสิทธิ์ฯ ส่งเรื่องให้นายกสมัครสั่งการภายใน 60 วัน นายกฯไม่สั่งการเพราะพี่สาวนายกฯ เป็นกรรมการแพทยสภาชุดที่นางปรียนันท์ฟ้องอยู่ - กรรมการสิทธิ์ฯ รายงานประธานรัฐสภา+ประธานวุฒิสภา สส.อภิปราย 4 ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบ

2. กระบวนการสอบสวนของแพทยสภา ไม่เป็นธรรมต่อผู้ร้อง ให้รื้อคดีใหม่ภายใน 30 วัน แต่แพทยสภาร่วมกับสธ.ส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความว่า "ไม่มีอำนาจรื้อคดีใหม่" จึงไม่รื้อคดีใหม่
โดย: จะให้ทำยังไง...พวกเทวดา [4 ก.พ. 52 5:04] ( IP A:58.9.185.171 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ประธานเครือข่ายผู้เสียหายฯเดินหน้าถวายฏีกาหลังศาลยกฟ้องแพทย์สภา

ข่าววันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552
แหล่งข่าวจาก สยามรัฐ


เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ก.พ.52 ที่ศาลฎีกาจังหวัดนนทบุรี แผนกคดีอาญา ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 12 ชั้น 3 นางปรียนันท์ หรือ ดลพร ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์พร้อมด้วยนายกฤตบุญ หรือพิทักษ์พงศ์ ล้อเสริมวัฒนา อายุ 17 ปี บุตรชาย และครอบครัว ได้เดินทางมายังศาลเพื่อฟังคำพิพากษา คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2725/2546 ที่นางปรียนันท์และบุตรชาย ได้ยื่นฟ้องให้ดำเนินคดีอาญากับแพทย์สภาและคณะจำนวน 33 คน

ทั้งนี้เนื่องมาจากเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 34 นางปรียนันท์ได้ไปคลอด ด.ช.กฤตบุญ ลูกชายที่โรงพยาบาลพญาไท 1 แต่ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดจากการทำคลอดและการดูแลรักษาหลังคลอด ทำให้บุตรชายติดเชื้อในกระแสเลือด ข้อสะโพกถูกทำลาย ทำให้ขาซ้ายพิการ และต้องถูกผ่าตัดหลายครั้ง รวมทั้งต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกทุก ๆ 10 ปี เนื่องจากกระดูกสันหลังเริ่มทรุด ซึ่งภายหลังเกิดเรื่องทางโรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบและไม่ให้ความช่วยเหลือใด ๆ

ต่อมานางปรียนันท์ได้ตัดสินใจฟ้องแพ่งดำเนินคดีกับโรงพยาบาลพญาไท 1 แต่กลับถูกทางโรงพยาบาลพญาไทฟ้องกลับทั้งทางแพ่งและอาญาพร้อมกับเรียกค่าเสียหายเป็นเงินถึง 100 ล้านบาท และยังถูกทางแพทย์สภาออกมาชี้นำคดีที่นางปรียนันท์ฟ้องร้องโรงพยาบาลพญาไท 1 ด้วยว่า คดีดังกล่าวไม่มีมูล ทำให้ต่อมานางปรียนันท์ตัดสินใจฟ้องดำเนินคดีอาญากับแพทย์สภาและคณะจำนวน 33 คน เนื่องจากเห็นว่าแพทย์สภาฟังความข้างเดียวและเชื่อในหลักฐานที่เป็นเท็จของโรงพยาบาลพญาไท 1

จากนั้นต่อมาศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ไม่รับฟ้องในคดีดังกล่าวโดยบอกว่าคดีไม่มีมูล และให้เหตุผลว่า แพทย์สภาไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐ แม้จะเป็นความจริงว่าเป็นการช่วยเหลือแพทย์ผู้ถูกร้องไม่ให้ถูกลงโทษ ก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงประการใด จึงไม่มีอำนาจฟ้องแพทย์สภาทั้ง 33 คน ต่อมานางปรียนันท์จึงได้ตัดสินใจยื่นเรื่องร้องต่อศาลฎีกา และศาลฏีกามีกำหนดอ่านคำพิจารณาคดีในวันนี้ ( 3 กุมภาพันธ์ 52 )

ศาลฏีกาได้ใช้เวลาอ่านคำพิจารณาคดีประมาณ 30 นาที จึงตัดสินยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยระบุว่าแพทย์สภาไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐ และโจทย์ทั้งสองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงตามวิธีการประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงได้สั่งให้ยกฟ้องในคดีดังกล่าว

นางปรียนันท์ กล่าวให้สัมภาษณ์หลังฟังคำตัดสินของศาลฏีกาว่า โดยส่วนตัวยอมรับในคำตัดสินของศาล แต่การต่อสู้ตลอดระยะเวลา 17 ปีของตนเองกับครอบครัวที่เรียกร้องความยุติธรรม ความถูกต้องในวันนี้แทบไม่เหลืออะไร แม้รู้ว่าการต่อสู้กับแพทย์สภา ที่มีเครือข่าย มีระบบช่วยเหลืออุปถัมส์ มีอำนาจ จะไม่ใช่เรื่องง่ายที่คนตัวเล็ก ๆ จะเอาชนะหรือเรียกร้องความยุติธรรมได้ แต่ตนก็จะเดินหน้าสู้ต่อไป โดยตนเตรียมที่จะยื่นเรื่องฎีกาถวายในหลวงต่อไปพร้อมกับผลสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนที่มีมติว่า โรงพยาบาลพญาไท 1 มีความผิดและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงจริง ซึ่งการต่อสู้ของตนเองในวันนี้จะเป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นต่อ ๆไป ในการต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับผู้ป่วยคนไทยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการรักษาผิดพลาดของแพทย์ โดยตนเองมีตัวเลขมีข้อมูลที่ระบุชี้ชัดว่า ในแต่ละปีจะมีผู้ป่วยคนไทยเสียชีวิตจากการรักษาของแพทย์ปีละไม่ต่ำกว่า 2.5 หมื่นคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าประเทศสหรัฐอเมริกาทีมีจำนวนประชากรมากกว่าประเทศไทย

ทางด้านนายกฤตบุญ หรือ น้องเซ้นต์ บุตรชายของนางปรียนันท์ กล่าวว่า แม้จะยอมรับในคำตัดสินของศาล แต่ตนเองและครอบครัวรู้สึกเสียใจ ปวดร้าว เพราะตลอดระยะเวลา 17 ปี ที่แม่ต้องต่อสู้คดีเพื่อเรียกร้องความถูกต้อง ความยุติธรรม ครอบครัวเราต้องเดือดร้อนขายบ้านเพื่อนำเงินมาใช้เป็นค่าต่อสู้คดีและค่ารักษาตนเอง จนแทบหมดเนื้อหมดตัว โดยที่โรงพยาบาลที่รักษาผิดพลาดไม่ได้มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตามตนยังหวังว่า การต่อสู้ของครอบครัวตนจะส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางสังคมและวงการแพทย์ต่อไป

โดย: ไม่มีใครเอาผิดพวกเทวดาได้ [4 ก.พ. 52 5:27] ( IP A:58.9.185.171 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ความยุติธรรมมีเสมอ
โดย: กฏหมายยุติธรรมเสมอ [4 ก.พ. 52 13:32] ( IP A:125.26.109.32 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   กรรมการสิทธิ์ชี้ว่าแพทยสภาผิด
แต่ศาลชี้ว่าแพทยสภาไม่ผิด
มรึงจะเชื่อใคร... หรือว่าจะเอาแบบแม้ว กล่าวหาศาลไม่ยุติธรรม เพราะตัดสินไม่ถูกใจตัวเอง
ทีฟ้องหมอ หมอจะอุทธรณ์ มาขู่ไม่ให้อุทธรณ์
ปัดโธ่..
โดย: ex-man [4 ก.พ. 52 17:52] ( IP A:114.128.129.23 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ศาลไม่ได้บอกว่า "แพทยสภาไม่ผิด"
ศาลบอกว่านางปรียนันท์และลูก ไม่มีอำนาจฟ้องแพทยสภา
เพราะไม่ได้เป็นผู้เสียหายตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา
มาตรา 2(4) คนที่จะฟ้องแพทยสภาได้นั้นต้องเป็นรัฐเท่านั้น
ที่เป็นผู้เสียหาย

ในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยังบอกเลยว่า แม้จะปรากฏว่า
แพทยสภาจะมีพฤติกรรมช่วยเหลือแพทย์ผู้ถูกร้องไม่ให้ถูกลงโทษ
ก็ไม่สามารถเอาผิดได้เพราะแพทยสภาไม่เจ้าหน้าที่ของรัฐ

หมายความว่าแพทยสภาทำเลว แต่ไม่มีใครทำโทษมรึงได้
เพราะติดขัดข้อกฏหมายไง


มรึงได้ยินชัดหรือยัง
โดย: ไอ้แพทยสภาเทวดา [5 ก.พ. 52 11:52] ( IP A:58.9.188.157 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ฎีกายืนยกฟ้อง คดีแพทยสภา [4 ก.พ. 52 - 01:54>

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ก.พ. ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2725/2546 ที่นายกฤตบุญ หรือพิทักษ์พงศ์ ล้อเสริมวัฒนา อายุ 17 ปี และนางปรียนันท์ หรือดลพร ล้อเสริมวัฒนา มารดา เป็นประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เป็นโจทก์ฟ้องแพทยสภา เป็นจำเลยที่ 1 และคณะกรรมการแพทยสภาจำนวน 33 คน เป็นจำเลยที่ 2-34 ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2534 นางปรียนันท์ได้ไปคลอด ด.ช.กฤตบุญ ลูกชาย ที่ รพ.พญาไท 1 แต่ปรากฏว่าเกิดความผิดพลาดจากการทำคลอดและการดูแลรักษาหลังคลอด ทำให้นาย กฤตบุญติดเชื้อในกระแสเลือด ข้อสะโพกถูกทำลาย ทำให้ขาซ้ายพิการ และต้องถูกผ่าตัดหลายครั้ง รวมทั้งต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกทุกๆ 10 ปี เนื่องจากกระดูกสันหลังเริ่มทรุด แต่ทางโรงพยาบาลพญาไท 1 ได้ปฏิเสธความรับผิดชอบและไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ

ต่อมานางปรียนันท์ได้ตัดสินใจฟ้องแพ่งเรียกค่า เสียหายจาก รพ.พญาไท 1 แต่กลับถูกทาง รพ.พญาไท 1 ฟ้องกลับทั้งทางอาญาและทางแพ่ง เรียกค่าเสียหายเป็นเงินถึง 100 ล้านบาท และทางแพทยสภาออกมาให้ความเห็นคดีที่นางปรียนันท์ฟ้องร้องโรงพยาบาลพญาไท 1 ด้วยว่า คดีดังกล่าวไม่มีมูล นางปรียนันท์จึงตัดสินใจฟ้องแพทยสภาและคณะกรรมการแพทยสภา จำนวน 33 คน เนื่องจากเห็นว่าแพทยสภาฟังความข้างเดียวและเชื่อในหลักฐานที่เป็นเท็จของโรงพยาบาลพญาไท 1

ต่อมาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ ด้วยเหตุผลว่าคดีไม่มีมูล และแพทยสภาไม่ใช่ เจ้าพนักงานของรัฐ แม้จะเป็นความจริงว่าเป็นการช่วยเหลือแพทย์ผู้ถูกร้องไม่ให้ถูกลงโทษก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือกระทบกระเทือนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงประการใด โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องแพทยสภาทั้ง 33 คน นางปรียนันท์จึงยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ดังกล่าว ปรากฏว่าศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ โดยระบุว่าแพทยสภาไม่ใช่เจ้าพนักงานของรัฐและโจทก์ทั้ง 2 ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้ยกฟ้องคดีดังกล่าว

ทางด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่แพทย์ถูกฟ้องร้องว่า เห็นใจผู้ ประกอบวิชาชีพแพทย์ที่ได้รับผลกระทบจากคดีที่ถูก ฟ้องร้อง ถ้ามีการฟ้องร้องกันมากผลจะย้อนกลับมาสู่ผู้ บริโภค คือประชาชนที่เจ็บป่วย การดำเนินการทางกฎหมายควรแยกเป็นคดีอาญา แพ่ง และคดีปกครอง ซึ่งไม่ควรดำเนินคดีอาญากับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ฐานประมาท เช่นเดียวกับการแข่งรถยนต์ที่เป็นการกระทำด้วยความประมาท ซึ่งจะต้องติดคุก แต่กฎหมายต้องคุ้มครองแพทย์ที่มีเจตนารักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยไม่มีการกลั่นแกล้ง แต่อาจมีการพลั้งพลาด แต่ไม่ถึงกับมีความผิดทางอาญา เพราะไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทั้งนี้ยอมรับว่าคนไข้ที่ได้รับความเสียหายควรได้รับการช่วยเหลือเยียวยา ดังนั้นความรับผิดชอบทางแพ่งจึงน่าจะเหมาะสม เพื่อให้ความคุ้มครองผู้ป่วยที่จะต้องเป็นคนอนาถาตลอดชีวิต แต่ไม่ควรฟ้องร้องแพทย์โดยตรง ให้ ฟ้องกับหน่วยงานหรือสถานพยาบาลที่รักษาแทน ซึ่งตนอยากเสนอให้สถานพยาบาลมีกองทุนแพทย์ เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับแพทย์ในกรณีที่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ผู้เสียหาย
โดย: 111 [5 ก.พ. 52 22:34] ( IP A:58.9.203.161 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   แพทยสภาพวกเทวดา
ใครแตะต้องไม่ได้
โดย: ไม่มีอำนาจฟ้องเขา [7 ก.พ. 52 9:15] ( IP A:58.9.199.237 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ไปฟ้องทำไมแพทย์สภา ทำไมไม่ฟ้องหมอ ฟ้อง รพ. เหมือน ไปฟ้องกรรมการห้ามมวย แทนที่จะไล่ถลุงเอาคู่ต่อสู้

จ้างทนายที่ไหนครับ ทำไมไม่ฟ้องทนายเรียกค่าจ้างคืนพร้อมดอกเบี้ย แนะนำไปได้อย่างไร
โดย: สมชาย [9 ก.พ. 52 13:49] ( IP A:118.172.92.144 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ตามมาเห่าถึงนี่เชียวสมชายอีแอบ
โดย: แพทยสภา..ไอ้พวกเทวดาแตะต้องไม่ได้ [9 ก.พ. 52 23:02] ( IP A:58.9.183.91 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    มาให้กำลังใจประธานเครือข่ายและน้องเซ้นต์ค่ะ
ไม่เป็นไรค่ะ สักวันต้องเป็นของเราบ้าง
ความยุติธรรมต้องมี ต้องเกิด


ปล... และชอบความเห็นที่ 7
โดย: GN+ [11 ก.พ. 52 10:12] ( IP A:222.123.212.242 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ทางด้านนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่แพทย์ถูกฟ้องร้องว่า เห็นใจผู้ ประกอบวิชาชีพแพทย์ที่ได้รับผลกระทบจากคดีที่ถูก ฟ้องร้อง ถ้ามีการฟ้องร้องกันมากผลจะย้อนกลับมาสู่ผู้ บริโภค คือประชาชนที่เจ็บป่วย การดำเนินการทางกฎหมายควรแยกเป็นคดีอาญา แพ่ง และคดีปกครอง ซึ่งไม่ควรดำเนินคดีอาญากับผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์ฐานประมาท เช่นเดียวกับการแข่งรถยนต์ที่เป็นการกระทำด้วยความประมาท ซึ่งจะต้องติดคุก แต่กฎหมายต้องคุ้มครองแพทย์ที่มีเจตนารักษาพยาบาลผู้ป่วยโดยไม่มีการกลั่นแกล้ง แต่อาจมีการพลั้งพลาด แต่ไม่ถึงกับมีความผิดทางอาญา เพราะไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง........

*****************************************************

ท่านอาจารย์จรัญครับ

ที่ท่านให้สัมภาษณ์นี้ ไม่ตรงประเด็นกับกรณีนี้เลยครับ

กรณีฎีกายกฟ้องของท่านประธานเครือข่ายฯ นี้ เป็นการกล่าวหาโดยมีหลักฐานว่า "แพทยสภาทั้งคณะทุจริตต่อหน้าที่โดยเจตนา" นะครับ

ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการรักษาทางการแพทย์แต่อย่างใดเลยครับ

ไม่ทราบว่าท่านจะเข้าใจคำว่า "ทุจริตในหน้าที่โดยเจตนา" ไหมครับ???

อีกอย่างหนึ่งครับ ความเห็นของท่าน ผมเห็นด้วยครับที่ต้อง "ให้อภัยหมอที่เจตนาสุดจริตแต่ทำคนไข้ตายหรือเสียหาย" หลักการนี้เป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วกันแล้ว หรับทางด้านฟากคนไข้นะครับ

หากท่านจะพาดพิงนอกประเด็นตรงนี้เพื่อปกป้องหมอและในฐานะที่ท่านต้องรับผิดชอบโดยหน้าที่ในฐานะตุลาการด้วยแล้วละก้อ ท่านควรออกตัวโดยเปิดเผยด้วยว่า "ท่านมีบุตรเป็นหมอโดยอาชีพด้วยครับ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [11 ก.พ. 52 13:51] ( IP A:58.8.102.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ศาลก็คน
หมอก็คน
กิน ขี้ ปี้ เยี่ยว
มีรัก โลภ โกรธ หลง
เอาพรรค เอาพวกเหมือนกัน
แต่ที่ไม่น่าทำคือคุณอยู่ในตำแหน่งที่ควรให้ความเป็นธรรมกับสังคม
ประเทศชาติไม่ใช่ของโคตรเหง้าตระกูลของพวกมึง
โดย: ไอ้พวกเทวดา [18 ก.พ. 52 12:39] ( IP A:58.9.189.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   เธŠเนˆเธงเธขเธเธฑเธ™เน€เธœเธฒเธžเธฃเธดเธ เน€เธœเธฒเน€เธเธฅเธทเธญเธ„เธ™เธŠเธฑเนˆเธง เนƒเธ„เธฃเธŠเธฑเนˆเธงเน€เธ”เธตเน‹เธขเธงเธกเธฑเธ™เธเน‡เน„เธ”เน‰เธฃเธฑเธšเน„เธ›เน€เธ•เน‡เธก เน† เธŠเนˆเธงเธขเธเธฑเธ™เธซเธ™เนˆเธญเธขเธชเธฑเธ‡เธ„เธก เน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธžเธฃเธดเธเน€เธเธฅเธทเธญเธเน‡เน„เธ”เน‰ เนเธ•เนˆเธงเธฒเธˆเธฒ เธซเธฃเธทเธญเธกเน‚เธ™เธ˜เธฃเธฃเธกเนƒเธ™เนƒเธˆ เธŠเนˆเธงเธขเธเธฑเธ™เน„เธ”เน‰ เธฃเธฐเธฅเธถเธเนƒเธ™เธ„เธงเธฒเธกเธ„เธดเธ”เธ„เธงเธฒเธกเธฃเธนเน‰เธชเธถเธ เน€เธžเธทเนˆเธญเธชเธฑเธ‡เธ„เธกเธ—เธตเนˆเธ”เธตเธ‡เธฒเธก

เธญเธฑเธ™เธ™เธตเน‰เธเน‡เน„เธกเนˆเน„เธ”เน‰เธงเนˆเธฒเนƒเธ„เธฃเธ™เธฐเธงเนˆเธฒ เนƒเธ„เธฃเธœเธดเธ”-เนƒเธ„เธฃเธ–เธนเธ เนƒเธ„เธฃเธŠเธฑเนˆเธงเนƒเธ„เธฃ เธเน‡เธฃเธนเน‰เธญเธขเธนเนˆเนเธเนˆเนƒเธˆเนเธฅเน‰เธง
เนเธฅเธฐเธ‚เธญเน€เธชเธฃเธดเธกเธงเนˆเธฒ เธ–เน‰เธฒเธกเธตเนเธžเธ—เธขเนŒเธ—เธตเนˆเธœเธดเธ”เธˆเธฃเธดเธ‡เน‚เธ”เธขเน€เธˆเธ•เธ™เธฒเธ•เธฑเน‰เธ‡เนƒเธˆเธœเธดเธ”เนเธฅเน‰เธงเน„เธกเนˆเธฃเธฑเธšเธœเธดเธ” เธ‚เธญเนƒเธซเน‰เนเธžเธ—เธขเนŒเธ—เธตเนˆเธกเธตเธ„เธธเธ“เธ˜เธฃเธฃเธก เธญเธขเนˆเธฒเน„เธ”เน‰เน€เธ‚เน‰เธฒเน„เธ›เธฃเนˆเธงเธกเธญเธธเน‰เธก (เธซเธกเธฒเธขเธ–เธถเธ‡เธ„เธ”เธตเธญเธทเนˆเธ™ เน† เธ–เน‰เธฒเธกเธต เน„เธกเนˆเธˆเธณเน€เธ›เน‡เธ™เธ•เน‰เธญเธ‡เนเธžเธ—เธขเธชเธ เธฒ เธญเธฒเธˆเธˆเธฐเน€เธ›เน‡เธ™เธ„เธ”เธตเน€เธเธตเนˆเธขเธงเธเธฑเธšเธเธฒเธฃเน€เธœเธŠเธดเธเธเธฑเธ™เธฃเธฐเธซเธงเนˆเธฒเธ‡เนเธžเธ—เธขเนŒ)เนƒเธซเน‰เน€เธซเธ™เธทเนˆเธญเธข เธซเธฃเธทเธญเน€เธชเธตเธขเธจเธฑเธเธ”เธดเนŒเธจเธฃเธต เน€เธเธตเธขเธฃเธ•เธดเธขเธจเน€เธ›เธฅเนˆเธฒเน† เน€เธฅเธข

เน€เธžเธฃเธฒเธฐเธงเธดเธŠเธฒเธŠเธตเธžเนเธžเธ—เธขเนŒเธกเธตเน€เธเธตเธขเธฃเธ•เธด เธญเธขเนˆเธฒเน€เธญเธฒเธซเธฑเธงเน„เธ›เธฃเธฑเธšเน€เธซเธฒ เธซเธฃเธทเธญเธฅเธ”เธ•เธฑเธงเน„เธ›เธ›เธฅเธฐเธ›เธ™เธเธฑเธšเธ„เธ™....เน€เธฅเธข
โดย: เธญเธฒเธขเธˆเธฑเธ‡ [5 มี.ค. 52 16:32] ( IP A:115.67.159.33 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   เธŠเนˆเธงเธขเธเธฑเธ™เน€เธœเธฒเธžเธฃเธดเธ เน€เธœเธฒเน€เธเธฅเธทเธญเธ„เธ™เธŠเธฑเนˆเธง เนƒเธ„เธฃเธŠเธฑเนˆเธงเน€เธ”เธตเน‹เธขเธงเธกเธฑเธ™เธเน‡เน„เธ”เน‰เธฃเธฑเธšเน„เธ›เน€เธ•เน‡เธก เน† เธŠเนˆเธงเธขเธเธฑเธ™เธซเธ™เนˆเธญเธขเธชเธฑเธ‡เธ„เธก เน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธžเธฃเธดเธเน€เธเธฅเธทเธญเธเน‡เน„เธ”เน‰ เนเธ•เนˆเธงเธฒเธˆเธฒ เธซเธฃเธทเธญเธกเน‚เธ™เธ˜เธฃเธฃเธกเนƒเธ™เนƒเธˆ เธŠเนˆเธงเธขเธเธฑเธ™เน„เธ”เน‰ เธฃเธฐเธฅเธถเธเนƒเธ™เธ„เธงเธฒเธกเธ„เธดเธ”เธ„เธงเธฒเธกเธฃเธนเน‰เธชเธถเธ เน€เธžเธทเนˆเธญเธชเธฑเธ‡เธ„เธกเธ—เธตเนˆเธ”เธตเธ‡เธฒเธก

เธญเธฑเธ™เธ™เธตเน‰เธเน‡เน„เธกเนˆเน„เธ”เน‰เธงเนˆเธฒเนƒเธ„เธฃเธ™เธฐเธงเนˆเธฒ เนƒเธ„เธฃเธœเธดเธ”-เนƒเธ„เธฃเธ–เธนเธ เนƒเธ„เธฃเธŠเธฑเนˆเธงเนƒเธ„เธฃ เธเน‡เธฃเธนเน‰เธญเธขเธนเนˆเนเธเนˆเนƒเธˆเนเธฅเน‰เธง
เนเธฅเธฐเธ‚เธญเน€เธชเธฃเธดเธกเธงเนˆเธฒ เธ–เน‰เธฒเธกเธตเนเธžเธ—เธขเนŒเธ—เธตเนˆเธœเธดเธ”เธˆเธฃเธดเธ‡เน‚เธ”เธขเน€เธˆเธ•เธ™เธฒเธ•เธฑเน‰เธ‡เนƒเธˆเธœเธดเธ”เนเธฅเน‰เธงเน„เธกเนˆเธฃเธฑเธšเธœเธดเธ” เธ‚เธญเนƒเธซเน‰เนเธžเธ—เธขเนŒเธ—เธตเนˆเธกเธตเธ„เธธเธ“เธ˜เธฃเธฃเธก เธญเธขเนˆเธฒเน„เธ”เน‰เน€เธ‚เน‰เธฒเน„เธ›เธฃเนˆเธงเธกเธญเธธเน‰เธก (เธซเธกเธฒเธขเธ–เธถเธ‡เธ„เธ”เธตเธญเธทเนˆเธ™ เน† เธ–เน‰เธฒเธกเธต เน„เธกเนˆเธˆเธณเน€เธ›เน‡เธ™เธ•เน‰เธญเธ‡เนเธžเธ—เธขเธชเธ เธฒ เธญเธฒเธˆเธˆเธฐเน€เธ›เน‡เธ™เธ„เธ”เธตเน€เธเธตเนˆเธขเธงเธเธฑเธšเธเธฒเธฃเน€เธœเธŠเธดเธเธเธฑเธ™เธฃเธฐเธซเธงเนˆเธฒเธ‡เนเธžเธ—เธขเนŒ)เนƒเธซเน‰เน€เธซเธ™เธทเนˆเธญเธข เธซเธฃเธทเธญเน€เธชเธตเธขเธจเธฑเธเธ”เธดเนŒเธจเธฃเธต เน€เธเธตเธขเธฃเธ•เธดเธขเธจเน€เธ›เธฅเนˆเธฒเน† เน€เธฅเธข

เน€เธžเธฃเธฒเธฐเธงเธดเธŠเธฒเธŠเธตเธžเนเธžเธ—เธขเนŒเธกเธตเน€เธเธตเธขเธฃเธ•เธด เธญเธขเนˆเธฒเน€เธญเธฒเธซเธฑเธงเน„เธ›เธฃเธฑเธšเน€เธซเธฒ เธซเธฃเธทเธญเธฅเธ”เธ•เธฑเธงเน„เธ›เธ›เธฅเธฐเธ›เธ™เธเธฑเธšเธ„เธ™....เน€เธฅเธข
โดย: เธญเธฒเธขเธˆเธฑเธ‡ [5 มี.ค. 52 16:33] ( IP A:115.67.159.33 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ถ้าผิดจริง ตั้งใจผิด ไม่รับผิด ยังไม่เคยเห็นใครช่วยปกป้อง
เพียงแต่เขาไม่ตัดสินคนอื่นโดยข่าวที่ผ่านลมปากสื่อ
โดย: 000 [5 มี.ค. 52 19:21] ( IP A:58.8.83.115 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการติดเชื้อ
1. มารดา เช่น มารดาอายุน้อย ฐานะยากจน ไม่ได้ฝากครรภ์หรือฝากครรภ์ไม่สม่ำเสมอ มีไข้ก่อนหรือหลังคลอดมากกว่า 37.5 องศาเซลเซียส มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ถุงน้ำคร่ำแตกนานเกิน 24 ชั่วโมงก่อนคลอด มีการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ (chorioamnionitis) มารดามีภาวะเจริญเติบโตของเชื้อราในระบบสืบพันธุ์
2. การคลอด เช่น การคลอดยากมีระยะการคลอดระยะที่สองนานกว่าปกติ (prolonged second stage of labor) หรือใช้เครื่องมือช่วยคลอด การใช้เครื่องมือตรวจสภาพทารกในครรภ์และการขาดออกซิเจนหลังคลอด
3. ทารก เช่น การคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย ( น้อยกว่า 2,500 กรัม ) ครรภ์แฝด มีความพิการแต่กำเนิดของผิวหนังและเยื่อบุ เช่น ความพิการของทางเดินปัสสาวะ ความ
บกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น
4. สิ่งแวดล้อม เช่น
4.1 โรงพยาบาลที่มีอัตราคลอดสูง เมื่อเทียบสัดส่วนกับจำนวนเตียงและจำนวน
เจ้าหน้าที่และห้องเด็กอ่อนมีจำนวนไม่สัมพันธ์กับจำนวนเด็ก ไม่สามารถทำความสะอาดหรืออบ
ฆ่าเชื้อในห้องเด็กตามกำหนดเวลา ลักษณะห้องไม่เหมาะสมสำหรับเด็กอ่อน เช่น อากาศถ่ายเท
ไม่สะดวก อากาศเย็นจัดจากเครื่องปรับอากาศ แสงแดดส่องไม่ถึง
4.2 เด็กอยู่โรงพยาบาลนานมีโอกาสติดเชื้อที่มักจะดื้อยาจากโรงพยาบาล
( hospital-born infection ) เช่น เด็กที่โรงพยาบาลอุปถัมภ์ไว้ระหว่างรอการสงเคราะห์จากกรมประชาสงเคราะห์
4.3 เครื่องมือ เครื่องที่ใช้ช่วยหายใจ ท่อช่วยหายใจ (endotracheal tube) เครื่องให้อาหารและสารน้ำทางกระแสโลหิต มักเป็นพาหะของการติดเชื้อถ้าให้ความระมัดระวังไม่ดีพอ

ทารกแรกเกิดมีโอกาสติดเชื้อได้หลายทาง
1. การติดเชื้อในครรภ์มารดา ( prenatal infection )
ขณะอยู่ในครรภ์ทารกอาจได้รับเชื้อจากมารดาที่เป็นโรคกระจายผ่านมาทางรก
( hematogenous transpacental spread ) ทารกที่ติดเชื้ออาจมีอาการหลายรูปแบบ เช่น
ตายในครรภ์ ตายคลอด คลอดก่อนกำหนด เจริญเติบโตช้า มีความพิการแต่กำเนิด หรือแสดง
อาการของโรคติดเชื้อหลังคลอดชัดเจน บางรายไม่แสดงอาการชัดเจนแต่มีความผิดปกติในระยะต่อมา

หลักเกณฑ์กว้างๆที่จะช่วยในการวินิจฉัยการติดเชื้อในครรภ์
1.1 มารดามีประวัติการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุในระหว่างตั้งครรภ์ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งมีไข้หรือออกผื่น
1.2 ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนคลอดนานเกิน 24 ชั่วโมง
1.3 มารดามีไข้อย่างเฉียบพลันในระยะก่อนคลอด ระยะคลอดหรือระยะหลังคลอด
1.4 มีสิ่งคัดหลั่งผิดปกติออกมาจากช่องคลอดของมารดา ไม่ว่าจะเป็นระยะก่อนคลอด ระยะคลอดหรือระยะหลังคลอด
1.5 ทารกมีอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อทันทีภายใน 3 วันหลังคลอด
1.6 ทารกที่เกิดมามีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
1.7 ทารกเกิดมาพร้อมกับมีความพิการแต่กำเนิด
2. การติดเชื้อในระยะใกล้คลอดหรือระหว่างการคลอด ( perinatal infection )
2.1 เชื้อในช่องคลอดหรือลำไส้ใหญ่ของมารดา กระจายขึ้นไปในถุงน้ำคร่ำที่มีการรั่ว
หรือแตกก่อนกำหนด ทารกอาจสัมผัสกับเชื้อในถุงน้ำคร่ำหรือดูดสำลักหรือกลืนน้ำคร่ำที่มีเชื้อเข้าไป
2.2 ทารกสัมผัสกับเชื้อต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในช่องคลอดมารดาระหว่างการคลอด
2.3 ได้รับเชื้อผ่านทางบาดแผลที่ผิวหนังที่ติดมากับเครื่องมือในการตรวจสภาพหรือเจาะเลือดทารกในครรภ์
3. การติดเชื้อในระยะหลังคลอด ( postnatal infection )
ในระยะหลังคลอดทารกอาจจะได้รับเชื้อจากมารดา บุคลากรในห้องเด็ก อ่างล้างมือ เครื่องมือช่วยหายใจ หรือการใส่สายสวนเข้าทางสายสะดือเพื่อการรักษา การติดเชื้อในทารกแรกเกิดอาจจะพบได้ตั้งแต่การติดเชื้อที่ผิวหนัง การติดเชื้อที่สะดือ การติดเชื้อในกระแสเลือด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ การติดเชื้อในทางเดินอาหาร และอื่นๆอีกมาก

ทางเข้าของโรค
เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง อาจเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง เช่น ในรายที่ได้รับเชื้อผ่านทางรก หรือผ่านเข้าทางผิวหนัง หรือเยื่อบุที่มีรอยแผล เช่น แผลผิวหนังจากการคลอด หรือจากการทำหัตถการต่างๆ สายสะดือของทารก เยื่อบุตา ระบบทางเดินหายใจจากการกลืนหรือ
สูดสำลัก ระบบทางเดินปัสสาวะโดยเฉพาะในรายที่มีความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ
แต่กำเนิด เยื่อบุลำไส้ที่เน่าตายจากการอักเสบและเน่าตายของระบบทางเดินอาหาร
โดย: รู้นิดนึง [8 มี.ค. 52 23:53] ( IP A:202.12.97.119 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   ข้อตะโพกหลุดในวัยเด็ก (Acquired dislocation of hip)
1. ข้ออักเสบจากการติดเชื้อ (sepsis)
ในระยะทารกกระดูกฟีเมอร์อาจเกิดการอักเสบได้จากเชื้อโรคที่ผ่านเข้ามาทางสายสะดือหรือเข็มที่ใช้เจาะเส้นเลือดดำ femoral vein ในเด็กวัยนี้ epiphyseal plate ขัดขวางการแพร่กระจายเชื้อโรคไม่ได้ จึงเกิดการอักเสบในข้อด้วยในเด็กโต osteomyelitis มักเป็นที่บริเวณเมตาฟัยซิล เป็นที่กระดูกชิ้นอื่นจะไม่มีปัญหาของข้ออักเสบตามมา แต่สำหรับกระดูกชิ้นนี้คอกระดูกอยู่ในข้อ (Clawson, Dunn 1967)
หากให้การรักษาไม่ทันการ หัวและส่วนคอกระดูกฟีเมอร์จะถูกเชื้อทำลายอย่างรวดเร็วทำให้เกิดการเลื่อนหลุดจากเบ้า บางรายที่การอักเสบเรื้อรังหนองจะแตกทะลุผิวหนังออกมาในบริเวณตะโพก ภาพรังสีของข้อตะโพกหลุดที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อจะไม่ผิดกับการหลุดแต่กำเนิด แต่จะไม่ส่วนหัวกระดูกหลงเหลืออยู่
ในระยะแรกการวินิจฉัยไม่ง่ายนัก เด็กจะไม่ขยับขาข้างที่อักเสบ และร้องไห้หากขยับขาข้างนั้นให้เคลื่อนไหว เด็กกลุ่มที่เป็นโรค immuno deficiency อาการจะไม่มาก ควรเจาะข้อเพื่อดูดหนองออก หากจำเป็นควรให้การผ่าตัดเย็บแผลปิดโดยไม่เย็บเยื่อหุ้มข้อหลังให้ยาปฏิชีวนะและใส่ spica ให้เด็กสวมในท่าที่ขากางต่ออีกประมาณ 6 สัปดาห์ ในระยะที่ยังไม่ทราบเชื้อควรมุ่งให้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อ Staphylococeus aureus และ Hemophilus influenza type B เพราะเป็นเชื้อที่พบบ่อย (Scoles, Aronoff 1984)
หากพบว่าข้อเกิดหลุดเมื่อการอักเสบหายแล้วต้องดึงขาเพื่อให้หัวกระดูกกลับเข้าเบ้า หากข้อและคอถูกทำลายลงหมดแล้วต้องดึงให้ส่วน greater trochanter เข้าไปอยู่ในเบ้าแทน การทำ varus osteotomy จะมีส่วนทำให้กระดูกฟีเมอร์รับน้ำหนักตัวได้ดีขึ้น (Weissman 1967)
2. ข้อตะโพกหลุดจากสาเหตุอื่น
ข้อตะโพกในเด็กหลุดได้จากอุบัติเหตุหรือจากกล้ามเนื้อบริเวณข้อตะโพกเป็นอัมพาตโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่กล้ามเนื้อมัดที่มีหน้าที่หุบขามีกำลังดีกว่ามัดที่มีหน้าที่กางขา จึงพบได้ในเด็กที่เป็น myelomeningocele หรือ cerebral palsy หรือ poliomyelitis นอกจากนี้ยังอาจพบได้ในวัณโรคหรือ Charcot's disease ที่ข้อนี้ สำหรับ myelomeningocele นั้นในปัจจุบันเชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ข้อหลุดเกิดจากการนั่งในท่าที่หลังโกงและข้อตะโพกงอมากกว่าความไม่สมดุลย์ของกล้ามเนื้อที่เป็นอัมพาต (Broughton et al 1993)
โดย: รู้นิดนึง [9 มี.ค. 52] ( IP A:202.12.97.119 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   เห็นไหมครับอะไรก็เกิดขึ้นได้
โดย: รู้นิดนึง [9 มี.ค. 52] ( IP A:202.12.97.119 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   อยากติดต่อคุณปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนาค่ะ หากใครทราบเบอร์โทร.หรือ เป็นเพื่อนเป็นญาติหรือรู้จักที่ติดต่อ ขอความกรุณาโทร.มาหาดิฉันที่เบอร์นี้น่ะค่ะ เพราะดิฉันมีเรื่องจะปรึกษาคุณปรียนันท์ เรื่องหลานชายของดิฉันได้รับผลจากการรักษาของแพทย์แล้วเสียชีวิตค่ะ อายุหลานชาย แค่ 28 ปี หมดค่ารักษาไป 3 ล้านกว่าบาท ทางบ้านเสียใจมากค่ะ และเราก็ฐานะปานกลาง ต้องขายบ้าน ขายรถเพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาหลานชายค่ะ หากท่านผู้มีความรู้ หรือท่านผู้ใดมีประสบการณ์ในเรื่องการที่จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องขอความเป็นธรรมขอความกรุณาแนะนำมาที่เบอร์นี้ได้ค่ะ ขอขอบพระคุณล่วงหน้าด้วยค่ะ เบอร์โทร.ติดต่อ คุณแหม่ม 081-3827200,085-3487822
โดย: แหม่ม [11 ส.ค. 52 18:53] ( IP A:202.57.171.219 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน