บางละมุง
   สาวคลอดคาห้อง หลังไปหาหมอแต่ถูกไล่กลับบ้าน



เมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 22 ม.ค. 52 เจ้าหน้าที่ศูนย์วิทยุหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างบริบูรณ์เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจาก นายวันชัย นะไหล่ อายุ 18 ปี อาชีพพ่อค้าขายผลไม้ ตามชายหาดเมืองพัทยา ว่า ให้นำกำลังพร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมาช่วยเหลือ น.ส.สายฝน เพ็ญศรี อายุ 28 ปี บ้านเดิมอยู่ จ.หนองบัวลำภู

ซึ่งเป็นภรรยาตั้งท้องมานาน 9 เดือนเต็มเกิดอาการปวดท้องอย่างหนัก จนทำให้คลอดบุตรชายภายในห้องเช่าไม่มีชื่อ ย่านพัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

เมื่อไปถึงภายในห้องพบว่า น.ส.สายฝน นอนอยู่บนเตียงนอนในสภาพอิดโรย เนื่องจากเพิ่งจะคลอดทารกเพศชายแรกเกิดไม่ถึง 10 นาที โดยสายสะดือยังไม่ถูกตัด ท่ามกลางความตื่นเต้นและดีใจของสามีและญาติๆ

ทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯจึงตรวจอาการทั้งแม่และเด็กทารกเบื้องต้น ก่อนจะรีบพาทั้งคู่ออกจากห้องพักนำตัวส่งให้แพทย์โรงพยาบาลพัทยาเมโมเรียล โดยส่งถึงมือแพทย์ปลอดภัยดีทั้งแม่และลูก

น.ส.สายฝน เปิดเผยว่า ตนตั้งท้องมานานร่วม 9 เดือนแล้ว ซึ่งได้ไปฝากท้องไว้ที่คลินิกแห่งหนึ่ง และตรวจดูครรภ์มาตลอด ซึ่งทีแรกกำหนดคลอดประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึง แต่เนื่องจากเวลาประมาณ 21.30 น. ( 21 ม.ค.) ที่ผ่านมา ตนเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างหนักคล้ายจะคลอด จึงให้สามีพาไปส่งโรงพยาบาลบางละมุง

แต่แพทย์พยาบาลตรวจแล้วแจ้งว่า ตนยังไม่ถึงกำหนดคลอดเนื่องจากปากช่องคลอดเปิดเพียงไม่ถึง 1 ซม. ซึ่งตามหลักการแพทย์แล้วต้องถึง 3 ซม.ถึงจะถือว่าคลอดได้

ทางโรงพยาบาลจึงแจ้งให้สามีพาตนกลับไปพักที่บ้านก่อน หากปากช่องคลอดเปิดมากว่าเดิมให้รีบพามาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หรือให้พาตัวไปที่คลินิกที่ใกล้ที่สุด เพื่อทำคลอดได้ทันที ทั้งๆที่ตนปวดท้องคลอดจนทนไม่ไหว พยายามจะต่อรองให้ทางโรงพยาบาลรับตัว และนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อความสะดวก แต่ทางโรงพยาบาลก็ปฎิเสธ ทำให้สามีและตนหัวเสียต้องพากันกลับมาที่ห้อง

แต่เมื่อช่วงเวลาประมาณ ตี 1 ขณะที่นอนอยู่ในห้องด้วยความทนทรมานจนทำให้ตนต้องคลอดบุตรภายในห้องเนื่องจา กไปโรงพยาบาลไม่ทันการ ซึ่งหลังจากคลอดบุตรออกมา ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงรีบให้สามีออกไปหาหมอตามคลินิกที่ใกล้เคียงที่สุดมาช่ว ยตัดสายสะดือเด็ก และตรวจอาการของเด็กทารกในเบื้องต้น ก่อนที่จะพาไปโรงพยาบาลแต่ก็ไม่มีคลินิกเปิด จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฯมาช่วยเหลือดังกล่าว

อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าทั้งแม่เด็กและเด็กมารกแรกเกิดจะปลอดภัยดีทั้งคู่ แต่ทางแม่เด็กและสามี รวมทั้งญาติๆก็ยังบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เสียความรู้สึกกับโรงพยาบาลบางละมุง และยังติดใจกับเรื่องความห่วงใยเอาใจใส่อาการของคนตั้งท้องใกล้จะคลอดแต่กลั บปฎิเสธ และให้คนท้องแก่ใกล้คลอดกลับมานอนพักที่บ้านทั้งๆที่ปวดท้องคลอดถึงขั้นทนไม ่ไหว พอกลับมาห้องพักไม่นานก็ต้องมาทำคลอดภายในห้องเองเพราะไปโรงพยาบาลไม่ทัน

" หากทางโรงพยาบาลบางละมุงรับตัวไว้แต่แรก ก็คงคลอดที่โรงพยาบาลตามปกติ ทำให้แม่เด็กและญาติสบายใจในความปลอดภัยของแม่และเด็กกว่านี้ "ญาติ น.สสายฝน กล่าว.
โดย: ไม่ค่อยชอบรับคนไข้หรืออย่างไร [22 ม.ค. 52 15:41] ( IP A:58.8.213.64 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ฟังความคนขับรถ รพ. ส่งคนป่วย-ไม่ใช่ทิ้งข้างทาง






ฟังคำบอกเล่าจากปากของคนขับรถพา "ไพรัช บุญกอง" จาก รพ.บางละมุง ไปส่งบ้าน ก่อนขอลงกลางทาง หลับนอนอยู่ใต้ต้นมะขาม ก่อเกิดคำถามและคำวิพากษ์จากสังคมรอบด้าน

เรื่องราวที่เกิดกับ "ไพรัช บุญกอง" หนุ่มหนองคายวัย 32 ปี เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ.บางละมุง จ.ชลบุรี อาจจะไม่เป็นข่าวขึ้นมาเลยหากว่าจะมีใครสักคนหนึ่งพูดความจริงออกมาทันทีที่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะขยายวงลุกลามไปกลายเป็นเรื่องใหญ่โต อันเนื่องมาจาก "ความเข้าใจผิด"

บ่ายแก่ๆ วันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ชาวบ้านละแวกซอยอรุโณทัย หมู่ 9 พัทยากลาง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบเห็นไพรัชนอนห่มผ้าห่มของ รพ.บางละมุง อยู่ใต้ต้นมะขาม บนหัวนอนมีซองใส่ยาเม็ดวางอยู่หลายซอง สอบถามได้ความกระท่อนกระแท่นให้เข้าใจไปทำนองว่า ถูกพนักงานโรงพยาบาลอุ้มมาทิ้งไว้

เพียงเท่านี้ก็กลายเป็นเรื่องขึ้นมา รพ.บางละมุง ตกเป็นจำเลยของสังคมไปโดยปริยาย หากว่าไพรัชนอนป่วยอยู่บนเตียงคนไข้แล้วถูกอุ้มมาทิ้งไว้จริง ทว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นละหรือ !?!

จากการตรวจสอบพบว่า ไพรัชไม่ได้เข้ามารักษาตัวที่นี่ครั้งแรก แต่เคยเข้ามารักษาตัวแล้ว 2 ครั้ง เมื่อปี 2548 มีประวัติอยู่ในเวชระเบียนเลขที่ HN 77662 ครั้งแรกเข้ารักษาอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ครั้งที่สองเข้ารักษาตัวจากการถูกทำร้ายร่างกาย ครั้งสุดท้ายที่เกิดเรื่องมารักษาอาการปวดท้องอย่างรุนแรง เมื่อช่วงก่อนเที่ยงวันที่ 29 กรกฎาคม 2551

"คม ชัด ลึก" มีโอกาสได้พูดคุยกับ "ไพรรพ จันทรา" พนักงานขับรถ รพ.บางละมุง วัย 32 ปี คนที่ทำหน้าที่ขับรถตู้ของโรงพยาบาลไปส่งหรือตามที่ไพรัชและคนทั่วไปเข้าใจว่าอุ้มไปทิ้งข้างทางในช่วงแรกๆ เล่าเหตุการณ์ ณ วันเกิดเหตุเจ้าปัญหาให้ฟัง ภายหลังเข้าให้ข้อเท็จจริงต่อ นพ.ประสิทธิ์ กิตติวัฒน์พงศ์ ผู้อำนวยการ รพ.บางละมุง นานเกือบ 2 ชั่วโมง

ระหว่างไพรรพเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ เขาได้รับการประสานจากพยาบาลเวรรายหนึ่ง เรียกให้ไปรับตัวผู้ป่วยไปส่งที่บ้านพัก โดยไม่รู้ว่าที่มาที่ไปของผู้ป่วยรายนี้เป็นอย่างไร โดยไปกับ "วิโรจน์ มีลาป" เจ้าหน้าที่เวรเปล วัย 29 ปี ก่อนออกเดินทางทั้งสองได้สอบถามถึงที่อยู่ของผู้ป่วยก็ได้รับคำตอบว่า พักอยู่แถวนิรันดร์คอนโดมิเนียม อยู่ห่างจากโรงพยาบาลไปประมาณ 10 กิโลเมตร

ไพรรพทำหน้าที่ขับรถตู้พาไพรัชมุ่งหน้าไปยังนิรันดร์คอนโด ขณะเลี้ยวเข้าไปในซอยผู้ป่วยบอกว่าไม่ใช่ เลยต้องขับรถวนไปวนมาอยู่หลายรอบ ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นสาเหตุที่ว่าคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างละแวกนั้น พบเห็นรถตู้ขับวนเวียนเหมือนกับจะหา "ที่" ทิ้งไพรัช กระทั่งมาถึงซอยอรุโณทัยไพรัชบอกให้ไพรรพขับรถตรงไปยังร้านรับซื้อของเก่าและเขาก็ขอลงจากรถ พร้อมกับขอผ้าห่มของโรงพยาบาลอีก 1 ผืน

"เขาขอผ้าห่มผมก็ให้ ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ กระทั่งได้รับประสานบอกให้ไปรับผู้ป่วยคนเดิมนี้กลับมาโรงพยาบาลอีกครั้ง" ไพรรพกล่าวกับ "คม ชัด ลึก"

ขณะที่การสอบสวนข้อเท็จจริงของ รพ.บางละมุง ได้ความว่า 9 โมงเช้า 29 กรกฎาคม สมชาย แซ่ตั้ง อายุ 46 ปี ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างมาส่งไพรัชที่ รพ.บางละมุง เนื่องจากมีอาการท้องร่วงอย่างรุนแรง แพทย์ได้ตรวจวินิจฉัยโรคแล้วอนุญาตให้กลับบ้านได้ เพราะไพรัชสามารถเดินเหินได้ตามปกติ โดยให้ยาปฏิชีวนะกลับไปรับประทาน ระหว่างนี้ไพรัชนั่งรอเพื่อนอยู่จนถึงเวลาบ่าย 2 โมงครึ่ง พยาบาลเห็นว่าไม่มีใครมารับจึงให้ วิโรจน์ มีลาป เจ้าหน้าที่เวรเปลนำรถโรงพยาบาลไปส่งที่พักชุมชนหลังอาคารนิรันดร์คอนโด ซอยอรุโณทัย พัทยากลาง

ขณะขับมาถึงกลางทางบริเวณใต้ต้นมะขามผู้ป่วยพบเพื่อนวัย 48 ปี อาชีพเก็บของเก่าจึงขอลงจากรถ พร้อมกับขอผ้าห่มของโรงพยาบาลลงไปห่มกันหนาว ด้วยความสงสารคนขับรถโรงพยาบาลจึงยินยอมให้ไปแล้วเดินทางกลับ จนกระทั่งมีผู้มาพบเห็นตอน 4 ทุ่ม

รพ.บางละมุง สรุปด้วยว่าด้วยองค์ประกอบและสิ่งแวดล้อมในจุดที่พบผู้ป่วย ทำให้ชาวบ้านเข้าใจว่าโรงพยาบาลนำผู้ป่วยมาทิ้ง เรื่องทั้งหมดยืนยันได้ว่าเป็นความเข้าใจผิด
โดย: kcl [22 ม.ค. 52 15:45] ( IP A:58.8.213.64 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   kcl

โดย: kcl [22 ม.ค. 52 15:46] ( IP A:58.8.213.64 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   https://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=359798&lang=T&cat=
โดย: kcl [22 ม.ค. 52 15:50] ( IP A:58.8.213.64 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   เริ่มเจ็บ 3 ทุ่มคลอดตี1 โอ ทนปวดอยู่ได้ไงวะ ไม่ไปโรงพยาบาล โง่หรือฉลาดนี่ อนึ่งบางที่ 1 เซน ถ้าเขาตรวจแล้วมดลูกยังบีบตัวห่างๆเขาก็ให้กลับแล่ะนอนโรงพยาบาลทำไม บางคนอีก1-2 สัปดาห์จึงจะคลอด แต่บางคนถ้าเร็วก็2-3 ชั่วโมงคลอดก็มี(แต่น้อยมากๆ)ดังนั้นก่อนกลับเขาต้องแนะนำอยู่แล้วว่าถ้าเจ็บถี่ขึ้น เจ็บมากขึ้นก็ให้กลับมา แม่เล่นนอนเกือบข้ามคืนยังมีหน้ามาเอาชื่อ รพ เขามาลงให้เสียชื่อเสียงอีก โง่หรือแกล้งโง่กันแน่จ๊ะ โรงบาลนะไม่ใช่โรงแรม
โดย: คนเก่า [22 ม.ค. 52 16:01] ( IP A:125.26.70.100 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ทั้งๆที่ตนปวดท้องคลอดจนทนไม่ไหว พยายามจะต่อรองให้ทางโรงพยาบาลรับตัว และนอนพักอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อความสะดวก แต่ทางโรงพยาบาลก็ปฎิเสธ ทำให้สามีและตนหัวเสียต้องพากันกลับมาที่ห้อง
*******************
ฟังเขาบ้างก็ดี น้ำเกลือขวดเดียว เขาก็พอจ่ายได้
โดย: เฮอ [22 ม.ค. 52 16:06] ( IP A:58.8.3.204 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   นำเกลือไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ในคนไข้คนนี้ ( มีโทษมากกว่า )ไม่เกี่ยวกับเงิน
2 ถ้าหมอทุกคนรับคนไข้ที่ต่อรองขอนอนโรงพยาบาลคงไม่ต่างไปกับโรงแรมล่ะพี่ท่าน
โดย: คนเก่า [22 ม.ค. 52 16:10] ( IP A:125.26.70.100 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   คงมีคนไข้อยากนอนโรงพยาบาลมาก
ประสบการณ์ผม ถ้าเขาหายดีหน่อย มีแต่ขอกลับบ้าน
นอนบ้านสบายกว่า
ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยไหวจึงขออยู่
โดย: ฟังเขาบ้างดีไหม [22 ม.ค. 52 16:49] ( IP A:58.8.3.204 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ความเห็นที่ 4 นี่
พูดจาไม่น่ารับประทานเลยนะ
ไม่ฟังอีร้าค่าอีรมอะไรเลย
ก็ใส่คนไข้ลูกเดียวก
นิสัยเหมือนสากไม่มีผิด
โดย: เบื่อสมสาก [22 ม.ค. 52 22:15] ( IP A:58.9.193.67 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   บางลามูง ๆๆๆๆๆๆ ท่องไว้ชื่อนี้อย่าเข้าไป
โดย: เจ้าบ้าน [23 ม.ค. 52 19:05] ( IP A:124.121.139.190 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   บำรุงราษฎร์ ๆๆๆๆๆ เชิญเลย โปรโมชันแพคเกจใหม่
ให้นอนทุกรายที่คุณต้องการกี่คืนก็ได้
โดย: คนเก่า [23 ม.ค. 52 20:32] ( IP A:125.26.69.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ของดีต้องแพง ของแพงต้องดี ของฟรีไม่มีในโลก จำไว้
โดย: คนเก่า [23 ม.ค. 52 20:49] ( IP A:125.26.69.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆเลย

กับคณะกรรมการที่คัดเลือกนักศึกษาแพทย์ที่มีความคิดพื้นฐานไร้สำนึกของความเป็นมนุษย์อย่าง ค.ห. ที่ 11 เข้าเป็นนักเรียนแพทย์ตั้งแต่เมื่อ 3-4 สิบปีที่แล้ว

อย่างที่ท่านจัน แห่งสำนักสงฆ์ สันติอโศก พูดไว้ไม่ผิดเลย

คนเก่งสมัยก่อนที่สุมหัวกันเลือกเรียนแพทย์ มักเห็นแก่ตัว มีความเป็น "ตัวกูของกูสูงจนไม่เห็นค่าชีวิตมนุษย์คนอื่นๆที่มีชีวิตจิตใจเหมือนๆกันกับตนเอง"

ทั้งหมดของลักษณะ "เห็นแก่ตัวกูนี้" มีอยู่อย่างแรงในบรรดาหมอๆที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาล+กรรมการหรือแนวร่วมเอื้อประโยชน์แฝงในแพทยสภาแทบทุกๆตัว เอ๊ย ทุกๆคนไป ขอโทษนะท่านจ้าวบ้าน ที่หยาบคายไปหน่อย แต่ตั้งใจจริงๆ บ่ ได้แสแสร้งว่าเลยนะ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [27 ม.ค. 52 12:50] ( IP A:58.8.98.89 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   นี่แหละเขาเรียกสำนึกเราควรอยู่บนความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ว่าก็คือประเทศเรายังจนนัก อย่าไปหวังสิ่งที่ดีเกินทำได้ ต้องอยู่กับความเป็นจริง อย่าไปหวังสิ่งที่คนอื่นเขาจะให้เรา เราต้องหัดช่วยตนเองบ้าง(เช่นเจ็บครรภ์มากแล้วก็ควรจะหารถไปโรงบาล)ไม่มีใครเห็นแก่คนอื่นมากกว่าตัวเองหรอกเพราะถ้าอย่างงั้นคงมีคนยอมตายเพื่อเอาไต เอาตับ เอาปอด เอาหัวใจ ไปให้คนอื่นแล้ว คงมีคนยอมล้มละลายเพื่อเอาเงินที่หาได้ไปบริจาคหมดแล้ว
คนที่เห็นแก่คนอื่นมากกว่าตัวเองนะมี 2 พวก คือคนบ้า กับคนที่เกือบบ้า
โดย: คนเก่า [27 ม.ค. 52 15:15] ( IP A:125.26.73.81 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ถูกต้องตรงเผงเลย พับผ่าซิเอ้า

ที่ว่าสำนึกเรา ควรอยู่บนความเป็นจริง ไม่หลอกตัวเอง ไม่ตอแหลคนอื่น และโดยเฉพาะพวกคนไข้ที่เอาเงินมาอุดหนุนกิจการทางการแพทย์ของเรา

ประเทศเราก็ยังจนนัก นี่ก็จริงกว่าครึ่ง แต่ที่เหลือจากนั้นก็คือ มีอีกกลุ่มก้อนหนึ่งที่มั่งคั่งจาก "ความรวยสามาน" ที่มีขึ้นและดำรงอยู่ได้บนความชิบหายสูญเสียของ "ส่วนรวม"

ประเทศเรายังจนนัก ใช่ไหม? แล้วใครกลุ่มไหนเอ่ย???? ที่สะเออะไปลงทุนและรวมหัวกันส่งเสริมให้ "ประเทศไทยเป็น เมดิคอลฮับแห่งเอเชีย" แข่งกับเพื่อนบ้านที่ "เขารวยจริง" ไม่ใช่แค่ สะเออะ "แกล้งรวย" แต่ข้างในกลวง จากสภาพที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงบริการทางสาธารณสุขได้น้อย พ่วงกับระบบบริการที่แฝงการฉ้อฉลสามานสาหัสสากรรจ์อย่างประเจิดประเจ้อน่าเกลียดหน้าด้านหน้าทนอย่างทุกวันนี้

จนเป็นที่มาของ นายกแพทยสภาอินเดีย "เหน็บ" ผ่าน BBC มาว่า หากเป็นเขา เขาจะดูแลคนของเขาให้ทั่วถึงก่อนที่จะพยายามเป็นเมดิคอลฮับ

ตรงนี้ ในฐานะคนไทย ผมคิดมากและหน้าบาง รู้สึกเสียหน้า ที่โดนเขาเปรียบว่า ไม่ยอมรับความจริง ไม่ "ตักน้ำใส่กระโหลกขะโงกดูเงาตัวเองดูสภาพตัวเองซะก่อน แต่แค่นจะออกนอกประเทศไปแข่งกับชาวบ้าน ไม่เจียมเอาซะเลย

แต่เปล่าเลย รัฐบาล 2-3 ชุดที่แล้วโดย ร.ม.ต. สธ. ในแต่ละชุดร่วมกับกลุ่มทุนในระบอบทักษิณ ก็ยังหน้าด้านรณรงค์ส่งเสริมเมดิคอลฮับอยู่นั่นแหละ แต่คนไข้ตาย+เจ็บนับพันนับหมื่นจากเรื่องหมอๆที่ป้องกันได้ ถูกปล่อยตามยถากรรม พ่วงกับกลไกการตรวจสอบความผิดพลาดและเยียวยาที่โกง+ฉ้อฉลกันชัดเจนตั้งแต่แพทยสภา+ส.ธ. เรื่อยไปถึงศาล จน "ประดาคนไข้ผู้เสียหายทางการแพทย์ต้องออกมาเรียกร้องต่อสู้ข้างถนน" ให้เป็นที่อุดจาดบาดตาต่อวิญญูชน แต่นิ่งเฉยสำหรับ จนท. รัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง

ทั้งหมดนี่ไง คือ ความเป็นจริงจากกว่าสิบปีก่อนจนมาถึงวันนี้ วินาทีนี้

และ อ้าย "เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์" เรานี้ อยู่กับความเป็นจริงอันแสนจะบัดซบนี้ และพยายามแก้ไข "บนความเป็นจริง" มาตลอดใช่ไหม???

แล้วใครกัน (วะ) ที่โกหก ตอแหล บิดเบือน ชงเรื่อง เสกสรรและปั้นแต่ง

มาโดยตลอด
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [30 ม.ค. 52 9:48] ( IP A:58.8.100.46 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   เป็นผมจะส่งเสริมเรื่องการเป็นเมดิคอลฮับของประเทศไทย

เพราะไม่เช่นนั้น ด้วยระบบของประเทศไทยตอนนี้ก็จะไม่หลงเหลือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ขั้นสูง
ซึ่งจำเป็นในการรักษาโรคพิเศษที่ยาก ๆ ได้

ประเทศไทยก็จะรักษาได้เพียงโรคพื้นฐาน

เหตุเพราะผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงสามารถทำงานได้ทั้งโรงเรียนแพทย์และเอกชน
ประโยชน์จะส่งถึงคนไทย
โดย: ZtahC [30 ม.ค. 52 10:14] ( IP A:202.12.97.119 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ผมเชื่อระบบฟรีเทรด แต่ต้องฟรีตั้งแต่ตอนเรียน และต้องคาดเดาอนาคตในทางที่ดีไว้บ้าง
ตอนนี้โลกไร้พรมแดน
ใครทำระบบหวงก้าง ไม่ว่าที่ใด ก็จะไปไม่รอด
โดย: ฟฟ [30 ม.ค. 52 10:45] ( IP A:58.8.210.238 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน