มีคนพวกหนึ่งโกหกว่าคนเก่งไม่เรียนแพทย์ แต่เรียนตั้งแต่พ่อ พี่ น้อง ฯลฯ
|
ความคิดเห็นที่ 1 เงินอยากได้นี่มันแปลว่าอะไรเหรอครับ มา รพ ก็ใช้บัตรทองนี่นา | โดย: เงินอยากได้ ตาย 10 ล้าน [6 เม.ย. 52 19:25] ( IP A:125.26.106.180 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ความเห็นที่ 2 แสดงว่าไม่เคยจนมาก่อน จึงกล่าวได้เช่นนี้
ก็เพราเป็นคนไข้บัตรทองน่ะซิ หมอถึงรักษาแบบขอไปที สองที (หมอบางคนนะไม่ได้ว่าทุกคน) เอ่อก็เสือกเกิดมาจนไง มันเลยต้องอาศัยบัตรทอง เกิดมาเป็นคนรวยได้ เลือกได้ก็ดีซิ จะเลือกเป็นลูกคนโคตรรวยเลยแล้วเจอหมอนิสัยแย่ ๆ ก็จะได้เอาเงินโคตรรวยมาฟ้อง ไม่ต้องมาอด ๆ อยาก ๆ หาเงินฟ้องหมอแบบทุกวันนี้หรอก เชอะ !!!!
ต้องการความเป็นธรรมจะมีให้คนจนบ้างไหมหล่ะงานนี้...
เงินกระทรวงก็มีจ่าย หมอไม่ได้ควักกระเป๋าสักหน่อย ผิดก็ช่วยเขาไปซิ เรื่องมากกันทำไม ....เห็นชีวิตเขาเป็นผักเป็นปลามันก็เป็นปัญหาอย่างนี้แหล่ะ
| โดย: เสือกเกิดมาจน ...ถุยชีวิต [6 เม.ย. 52 20:04] ( IP A:222.123.22.82 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ตกลงว่าเงินอยากได้นี่แปลว่าอะไร - -'' | โดย: เงินอยากได้ [6 เม.ย. 52 20:51] ( IP A:58.8.220.138 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 เงินอยากได้ แปลว่า ถ้าเป็นของหลวง โรงพยาบาลก็รับไป หัวละ 1000 กว่าๆ โรงละหลายร้อยล้าน แต่ตายห้ามฟ้อง เงินพวกนี้ ชาวบ้านเสียภาษีให้ก่อนแล้ว ถ้าเป็นคลินิก ก็จ่ายกระเป๋าตัวเอง ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน ถ้ารับ 30 บาท ก็แบบกรณีแรก รับปีละหลายร้อยล้าน แต่ไม่ยอมจ้างหมอสูติ หมอศัลย์ ให้พอเพียง ถ้าเป็นเอกชน ก็เงินคนไข้ จ่ายเอง แค่นี้คิดไม่เป็น ทำเป็นงง | โดย: ซ ต อ [6 เม.ย. 52 21:17] ( IP A:58.8.5.176 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ยินดีต้อนรับน้องใหม่ นศพ. จบออกมาขอให้เป็นหมอที่ดี ใจกว้าง อย่าให้เป็นเหมือนรุ่นแก่เกินแกง ประเภทยิ่งแก ยิ่งเลว บางคน เก่งแต่โกงไม่มีจริยธรรม
| โดย: ยินดีต้อนรับน้องนศพ. [7 เม.ย. 52 7:11] ( IP A:58.9.192.189 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 มาจาก....ครอบครัวหมอ แต่ยังสอบเข้าหมอ แสดงว่าคุณพ่อ+คุณแม่ สอนลูกมาดี ไม่ได้ให้ทัศนคติที่เลว ๆ เหมือนพวกปากไม่มีหูรูดบางคน ในแพทยสภา อย่างน้อยก็ขอให้ไม่ย้ายคณะ
| โดย: อย่าย้ายคณะ [7 เม.ย. 52 7:14] ( IP A:58.9.192.189 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 มันมีความจริงอยู่ว่า ในสหรัฐ เงินค่าประกันที่หมอจ่ายบริษัทประกันเพื่อใช้คนไข้เวลาหมอถูกฟ้องนั้น เป็นเพียง 3-5 % ของรายได้แพทย์ คือเก็บคนไข้ 100 บาท จ่ายประกัน 3-5 บาท หมอได้ 97-95 บาท เวลาคนไข้เสียหาย บริษัทประกันมีเงินจ่ายทีละเป็น 10-100 ล้าน ของไทย รพ เกือบทุกแห่งรับเครดิตการ์ด ซึ่งโดนหัก 3-5 % ทีเครดิตการ์ดให้เขาหักได้ ทีค่าประกันจ่ายไม่ได้ ทำเป็นโวย ของพวก 30 บาท กฎหมายเขาระบุให้กันเงิน 2% ไว้จ่ายเวลาเสียหาย ฟ้องไม่ฟ้อง ว่ากันอีกที ถ้าเสียหายจ่ายเลย (ถ้าหมอผิด) ถ้าไม่ผิดไม่เสียหายไม่ต้องจ่าย | โดย: เงินอยากได้ ไม่ค่อยอยากจ่าย [7 เม.ย. 52 7:26] ( IP A:58.8.4.243 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 แล้วแวลาคุณฟ้อง คุณฟ้อง 2-3% ของรายได้แพทย์หรือเปล่า
เพราะ 2-3 % ของแพทย์ มันไม่ถึง 10 ล้าน ให้เท่ากับจำนวนที่คุณฟ้องหรอก
หมอ รพ รัฐ บางคน รายได้ก็เฉลี่ย ประมาณ 5-6แสนต่อปี(ได้ขนาดนี้ต้องอยู่เวรแบบกระอักเลือดนะครับ)
อย่าลืมว่า คนโดนรถ ชนตาย ผมก็เห็นเค้าเคลียร์กัน ประมาณ 4-5 แสน แต่ถ้าตายจากมือหมอ ไม่ว่าหมอจะผิดหรือไม่ จะเรียก 10 ล้านเป็นอย่างน้อย ทำไม ราคามันต่างกันนัก | โดย: ไป รพ ฟรีแต่เอานู่นเอานี่ ตายเอา 10 ล้าน [7 เม.ย. 52 8:18] ( IP A:125.26.106.68 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 เรียนความเห็นที่ 9 คุณอยู่ในสังคม คุณต้องเข้าใจบ้างว่าสังคมเขามีกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกันอย่างยุติธรรม เรียกว่ากฎหมาย เหมือนที่เขาคุ้มครองอาชีพคุณ ถ้าไม่เรียนหมอมามีใบอนุญาตก็ห้ามรักษาคนไข้ ขณะเดียวกันเขาก็คุ้มครองชาวบ้านว่า ถ้าใคร ไม่ว่าหมอ โชเฟอร์ วิศวกร ฯลฯ ทำประมาทแล้วเขาพิการ, ตาย ต้องใช้ค่าเสียหายเขา และค่าเสียหายให้ใช้ตามที่เขาเสียหาย นี่เป็นกฏหมาย เท่าเทียมกันทุกคน เวลาเขาฟ้อง เขาก็ฟ้องเรียกเงินตามสิทธิ์ที่เขาควรได้ แต่ศาลจะให้เท่าไหร่ ก็ต้องยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย มีคดีรถชนตาย(ตกรถเมล์) ก็เห็นจ่าย 10 ล้าน แต่มีหมอโดนรถเมล์ชนตายที่ปากน้ำก็ยังได้น้อยกว่า ก็แล้วแต่คนฟ้องและนำสืบให้ศาลเห็น เงินที่พวกหมอจ่ายคนไข้ ก็เพียง 3-5 % ถ้าช่วยกันออก คดีดอกรักเห็นว่าจะเรี่ยไรหมอคนละ 100 บาท 3 หมื่นคนก็ได้ 3 ล้าน มากกว่าแปดแสนที่ศาลให้เสียอีก | โดย: เข้าใจใหม่ ใช้สมองคิด อย่าอคติ [7 เม.ย. 52 8:48] ( IP A:58.8.4.243 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 ศาลพิพากษาโชเฟอร์207-ขสมก.จ่ายเงินชดเชยพ่อน.ศ.เอแบคตกรถเมย์เสียชีวิต 10 ล้าน ศาลพิพากษาโชเฟอร์207-ขสมก.จ่ายเงินชดเชยพ่อน.ศ.เอแบคตกรถเมย์เสียชีวิต 10 ล้าน ศาลแพ่งพิพากษาโชเฟอร์ตีนผีสาย 207-ขสมก. - บริษัทเดินรถร่วม จ่าย พ่อนักศึกษาเอแบค กว่า 10 ล้าน พ่อเหยื่อซึ่งใจลูกสาวไม่ตายเปล่า ศาลสั่งจ่ายสูงสุดสร้างบรรทัดฐานสังคม
ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 22 มี.ค.49 เวลา 10.00น . ศาลมีคำพิพากษาคดีที่นายนำ และนางลักษณา โชติมนัส บิดา-มารดาของ น.ส.ปิยะธิดา หรือน้องฮุ่ย นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะบริหารการเงินระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ที่เสียชีวิตจากการพลัดตกจากรถประจำทางร่วมบริการ สาย 207 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายทวิม แสงเดช พนักงานขับรถประจำทางสาย 207 , นายธนะสิทธิ์ วรโชติหิรัญศิริ ในฐานะนายจ้าง , นายฤกษ์ชัย เรืองกิตติยศยิ่ง ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถ , บริษัท207 เดินรถจำกัด , นายเชาวน์ กระแสร์ชล ผู้ที่มีชื่อได้รับสัมปทานเดินรถ และองค์การขนส่งมวลชน
กรุงเทพ ( ขสมก.) เป็นจำเลยที่ 1-6 เรื่องละเมิด เรียกค่าสินไหมทดแทน 12,081,211 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี กรณีเมื่อวันที่ 14 ก.ย.47 นายทวิม ขับรถด้วยความประมาทด้วยความเร็วทำให้ น.ส.ปิยะธิดา พลัดตกจากรถสาย 207 ที่บริเวณแยกลำสาลี ทำให้ศรีษะกระแทกพื้นอย่างรุนแรงและเสียชีวิตในที่สุด
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างการแล้ว มีประเด็นต้องวินิจฉัยประการแรก โดยจำเลยนำสืบต่อสู้ว่า โจทก์ทั้งสองไม่ได้เป็นบิดามารดาที่แม้จริงของผู้เสียหาย เห็นว่า ตามสำเนาทะเบียนบ้านระบุชื่อโจทก์ทั้งสองเป็นบิดาและมารดาของผู้ตาย ส่วนที่อ้างว่าบริษัทประกันภัยได้จ่ายค่าสินไหมให้แก่โจทก์ทั้งสองจำนวน 7.5 แสนบาท แล้วโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า เป็นการระงับข้อพิพาทของคู่สัญญาประกันภัยเท่านั้น โจทก์ทั้งสองยังมีสิทธิฟ้องผู้อื่นที่ละเมิดและเรียกค่าชดเชยในส่วนค่าเสียหายจากการขาดไร้อุปการะได้
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยต่อไปเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1 หรือ ผู้ตายนั้น ตามกฎหมายระบุว่า บุคคลใดเป็นผู้ควบคุมยานพาหนะ บุคคลนั้นจะต้องรับผิด เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะเกิดเหตุผู้ตายลุกจ้างที่นั่งไปที่ประตู ขณะที่รถโดยสารกำลังเลี้ยวขวาและเสียหลักล้มลงซึ่งหากประตูรถโดยสารปิดผู้ตายคงไม่ตกไปจากรถ แต่ขณะเกิดเหตุประตูลมแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติของรถเสีย ผู้ตายจึงพลัดตกลงไป แม้จำเลยจะนำพยานเข้านำสืบระบุว่า กฎหมายไม่ได้บังคับให้รถโดยสารทุกคันต้องติดประตูลม แต่เมื่อรถโดยสารคันเกิดเหตุได้ติดตั้งประตูลมแล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขับรถต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยในวิชาชีพ ย่อมต้องทราบดีว่ารถไม่ปลอดภัย ไม่สมควรนำมาใช้วิ่งให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร ควรให้ช่างซ่อมแซมเพื่อความปลอดภัย ไม่ใช่ใช้สายยางรัดประตูซึ่งเป็นการขาดความระมัดระวัง ดังนั้นศาลเห็นว่าเหตุละเมิดเกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชอบ
สำหรับจำเลยที่ 2-6 ต้องรับผิดชอบการกระทำของจำเลยที่ 1 หรือไม่ ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของรถและประกอบกิจการเดินรถร่วมกับจำเลยที่ 4 จึงถือว่า ต้องร่วมรับผิดชอบจากละเมิดฐานเป็นนายจ้าง ส่วนจำเลยที่ 5 เป็นผู้รับสัมปทานจากจำเลยที่ 6 ซึ่งได้รับส่วนแบ่งจากการประกอบการเดินรถดังนั้นจึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1, 2 และ 4 ด้วย
โดยศาลกำหนดให้ชำระค่ารักษาพยาบาลตามใบเสร็จของโรงพยาบาลรามคำแหงจำนวน 256,211บาท ค่าปลงศพจำนวน 250,000 บาท สำหรับค่าขาดไร้อุปการะที่โจทก์เรียกเดือนละ 50,000 บาทเป็นเวลา 20 ปี โดยคิดคำนวณจากโอกาสในอนาคตที่โจทก์จะส่งเสียผู้ตายไปเรียนปริญญาโทที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อสำเร็จการศึกษา จะสามารถทำงานมีรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท โดยจำเลย ต่อสู้อ้างว่าเป็นการคำนวณและคาดเดาเอาเองของโจทก์นั้น ศาลเห็นว่าตามใบรับรองผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเอแบค ปรากฎว่าผู้ตายเรียนคณะบริหารการเงินระหว่างประเทศ มีผลการเรียนอยู่ในระดับดีมาก โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ ประกอบกับฐานะการเงินของโจทก์จึงเชื่อว่าจะสามารถ
ส่งผู้ตายไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ และหากยังมีชีวิตอยู่เชื่อว่าผู้ตายจะมีโอกาสประกอบอาชีพและมี รายได้สูง แต่เมื่อชั้นพิจารณาโจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นถึงรายได้ของผู้ตายในอนาคตศาลจึงใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าขาดไร้อุปการะในส่วนนี้ให้เองเดือนละ 46,000 บาท เป็นเวลา 20 ปี พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ7.5 ต่อปี และเมื่อหักค่าชดเชยที่โจทก์ได้รับไว้จากบริษัทประกันภัยแล้วจำนวน 750,000 บาท จึงพิพากษาให้จำเลยที่ 1, 2, 4, 5 และ 6 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสองเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 10,747,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี จนกว่าจะชำระแล้วเสร็จ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3
ภายหลังนายนำ บิดา น.ส.ปิยะธิดา กล่าวว่า รู้สึกทราบซึ้งในความกรุณาของศาลที่พิจารณาให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายใกล้เคียงตามฟ้อง โดยศาลยังพิจารณาสร้างบรรทัดฐานให้ขสมก. ผู้ให้สัมปทานการเดินรถ รับผิดชอบบริษัทเดินรถที่ได้รับสัมปทาน ร่วมกันชดใช้และให้ความสะดวกและปลอดภัยกับประชาชนที่ใช้บริการ อย่างไรก็ดีหลังจากนี้ถ้าหากจำเลยไม่ยื่นอุทธรณ์คดีแต่จะเข้ามาขอเจรจาเพื่อปรับลดวงเงิน ตนยื่นยันว่าจะไม่ขอเจรจา แต่จะให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลดังกล่าว
ระหว่างพิจารณาคดีผมยังเดินทางไปเยี่ยมอัฐิของบุตรสาวที่วัดเป็นประจำ เพราะผมยังคิดถึงลูกเสมอซึ่งวันนี้ที่ศาลตัดสินมาบุตรสาวคงรับรู้ได้ว่าชีวิตเ-ขาจะไม่สูญเปล่า เพราะอย่างน้อยก็มีคำพิพากษาของศาลที่สร้างเป็นบรรทัดฐานของสังคม บิดา น.ส.ปิยะธิดากล่าว
โดย :นู๋ของขวัญ โพส | โดย: 10 ล้าน [7 เม.ย. 52 10:53] ( IP A:58.8.4.243 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 1411 สี่แยกบางนา เมื่อเร็วๆนี้อาจารย์ประเวศ วะสี ได้คาดการณ์เกี่ยวกับเหตุ/ปัจจัยอันจะนำมาซึ่งการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของคนไทยช่วงอายุ 15-35 ปี ในระยะสองทศวรรษต่อไปนี้ว่ามีอยู่ 3 เหตุ..เอดส์ อุบัติเหตุ และยาเสพย์ติด ผมเชื่อว่าหากเรา ท่าน ใช้ชีวิตตามควร เหตุแรกเราต้อง..แส่เข้าไปหามัน ยกเว้นความซวยแบบสุดๆที่เกิดขึ้นขณะปะกอบอาชีพ เหตุที่สามเราต้อง..เสือกมันเข้ามาหาเรา ไม่ว่าแบบเข็ม ชนิดสูดดม อม กลืน ฯลฯ ส่วนเหตุที่สองนี่สิ ..มันไม่เคยเลือกว่าเขา ว่าใคร ใครเจอะเจอเข้าก็ถือว่าแจ็คพ็อท ส่วนตัวเคยได้รับประสบการณ์ที่เกิดจากความเฮงซวยของผู้ร่วมทาง ร่วมถนน แบบว่าวันนั้นถ้ากุมสติได้ไม่มั่นคงก็เรียบร้อย เหมือนเขาถ่ายหนังฮอลลีวู้ด รถหมุนคว้าง360 องศาดีแต่ที่ว่าไม่พลิกเป็นลูกชิ้นปิ้ง ถ้าสถานการณ์แบบนั้นคงเอาไม่อยู่เหมือนกัน จากการแซงในที่คับขันของผู้ร่วมทางด้วยความเร็วบนทางหลวง(120 กม/ชม) ดีที่คุณพ่อของผมสอนมาดี..ลืมตา อ้าปาก หนีบศอก ล็อคพวงมาลัย..และที่สำคัญอย่าประมาท ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เหตุการณ์รุนแรงครั้งนั้นพิสูจน์ว่าลำพังเพียงแต่เข็มขัดนิรภัยก็สามารถตรึงตัวเราให้มั่นคงได้ดีทีเดียว(หมายเหตุ..อีแก่ของผมเป็นรุ่นไม่มีถุงลมนิรภัยครับ) หมดค่าซ่อมไปสองแสนกว่าๆ ยังดีที่ทำประกันชั้นหนึ่งไว้ ไม่งั้นหน้าแข้งของผมคงไร้ขน เมื่อเร็วนี้เกิดกรณี รถเมล์ 1411 ก่อความพินาศให้กับผู้คนจะด้วยอะไรก็ช่างมันมีความสูญเสียแบบที่ไม่ควรจะเกิดและหนึ่งในนั้นเป็นแพทย์หญิงที่เพิ่งจะย้ายงานจาก ตจว.เข้ามา กทม. น่าเสียดาย และขอแสดงความเสียใจอีกครั้งมา ณ ที่นี้ ผมเชื่อว่าในประเทศไทยที่ยังเป็นสารขันธ์อย่างเราอย่าเพิ่งไปโอ้อวดกับใครเขาเลยถ้า กฎหมายยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด กวดให้แน่นขันให้ตึง และเท่าเทียม (เมื่อวันก่อนได้ดูหนังย้อนยุคทางยูบีซี The Ugly American สมัยมาลอน แบรนโดและท่านอาจารย์คึกฤทธิ์ ยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวทั้งคู่)
เมื่อสองปีที่แล้วผมเอาอีแก่ของผมไปตรวจสภาพทั้งภายในและภายนอกเพื่อต่อทะเบียนที่ขนส่งจังหวัดที่ไม่เล็ก เห็นบรรดาตุ๊กๆมากันเต็ม หมดหน้านาก็เข้ามาหางานทำในเขตเมือง แปลกใจที่ว่าเขาทำอะไรกัน เห็นเพียงแต่ตั้งลำให้ตรงแล้วก็ถอยเข้าช่องที่เตรียมไว้ด้วยท่อน้ำหล่อโบกฐานไว้ด้วยปูนซีเมนต์ตั้งเอาไว้ให้พอครือกับกับกระบะด้านข้างห่างซัก 1 คืบเห็นจะได้ สอบถามได้ความว่าเป็นการสอบปฏิบัติเพื่อทำใบขับขี่ เลยถึงบางอ้อว่า เออ..มิน่าเล่าเจ้าพวกตุ๊กๆที่ขับเพ่นพ่านกันแบบปู๊ดป๊าดในเขตเมืองมันถึงขับเดินหน้ากันไม่ค่อยจะเป็น !
เอาละครับเขียนนำมาเสียยืดยาวเข้าเรื่องซะที มีบทความมาฝากสองชิ้นที่เกี่ยวเนื่องกัน หลายๆครั้งที่เราตายกันฟรีๆโดยที่รัฐไม่รับผิดชอบ เมื่อเร็วๆนี้ก็อีกนั่นแหละเด็ก 1 ขวบพลัดตกลงไปในท่อระบายน้ำสาธารณะที่ฝาเปิดทิ้งไว้ตาย ถึงเวลาหรือยังที่เราควรพร้อมใจกันไล่เบี้ยคนของรัฐที่เฮงซวย ไม่รับผิดชอบ แต่ถ้ายังทำอะไรไม่ได้(และผมเชื่อของผมอีกว่าบ้านเราคงอีกนาน ๆๆ ยิ่งมาเจอคำพูดแบบที่ว่า ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวของท่านนายกฯเมื่อวานนี้ ทำให้นึกไปถึงยุคที่ไทยมีท่านผู้นำ..แต่ไม่ติดหนวด) ตอนท้ายผมขออนุญาตแนะนำหนังสือดีมากๆเล่มหนึ่งซึ่งจะทำให้ท่านทั้งหลายที่เคยขับรถได้ กลายเป็น..คนขับรถเป็น รับรอง(ของสำนักพิมพ์ซีเอ็ด ราคาหน้าปก 165.-) | โดย: แพทย์หญิงได้น้อยกว่า [7 เม.ย. 52 10:55] ( IP A:58.8.4.243 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 หมอต่างจากคนขับรถเมล์ตรงที่แม้ทำงานโดยไม่ประมาท ก็ต้องมีคนไข้ตาย เจ็บ พิการ บ้านแตกสาแหรกขาด แน่นอน | โดย: 000 [7 เม.ย. 52 14:49] ( IP A:202.28.183.10 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 เรียนความเห็นที่ 14 หมอที่ประมาทเท่านั้นจึงจะโดนฟ้องและศาลให้ชนะคดี ใครฟ้องหมอไม่มีมูลก็บ้าแล้ว เหนื่อยก็เหนื่อย เงินก็เสีย ค่าวางศาล ค่าทนาย ฯลฯ ถ้าตายธรรมดา มีใครฟ้อง ก็เห็นตายเจ็บพิการทุกวัน ฟ้องวันละเท่าไหร่ | โดย: เริ่มภายเรือในอ่าง [7 เม.ย. 52 18:40] ( IP A:58.8.4.243 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าถามว่ามีใครฟ้องหมอโดยไม่มีมูลไหม ขอตอบว่า มี ที่ตอบว่า มี เพราะ เห็น | โดย: 000 [7 เม.ย. 52 18:52] ( IP A:58.8.89.115 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 อ่านมาก ๆ หูตาลายหมดเลย สมองไม่รับอะไรเลยช่วงนี้ จะไปแอ่วสงกรานต์แล้วจ้า...... | โดย: มึน [7 เม.ย. 52 19:18] ( IP A:58.9.222.221 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ได้เที่ยวไหนเลย ทำงาน งก ๆ ๆ หาเงินไปศาลค่ะ
20 เมษาไปศาลอีกแล้ว
| โดย: จีเอ็น [9 เม.ย. 52 20:16] ( IP A:117.47.40.119 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 จะกี่เปอร์เซ็นต์ก็เงินของผู้ป่วยของประชาชนทั่วไปนั่นแหละ ที่จะถูกสูบเอาไปหมุนในระบบโดยไม่จำเป็น และเพิ่มต้นทุนการรักษาแบบมหาศาลด้วยการแพทย์เชิงป้องกันเกินเหตุ แล้วไปเข้ากระเป๋าของ..... | โดย: Z [10 เม.ย. 52] ( IP A:58.136.51.208 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 มาอีกแล้ว คห 19 ของผู้ฉลาดล้ำ | โดย: แต่ไม่เคยทำ [10 เม.ย. 52 7:42] ( IP A:125.26.106.200 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 19 จะกี่เปอร์เซ็นต์ก็เงินของผู้ป่วยของประชาชนทั่วไปนั่นแหละ ที่จะถูกสูบเอาไปหมุนในระบบโดยไม่จำเป็น และเพิ่มต้นทุนการรักษาแบบมหาศาลด้วยการแพทย์เชิงป้องกันเกินเหตุ แล้วไปเข้ากระเป๋าของ..... ขอให้ตรวจมากๆจริงๆเถอะ ทีเจอๆมาฟ้องแล้วยอมจ่ายไปก็เช่น ไข้เลือดออกช็อคไม่มาดู สั่งน้ำเกลือทางโทรศัพท์ ไปคลอดไม่มาดู แล้วก็เลือดออกในสมองตาย ฯลฯ ตรวจมากไม่กลัวหรอก ที่เจอๆมีแต่ไม่ยอมตรวจ มีทำเกินก็ตรงเสือกเอาไปผ่าโดยไม่จำเป็น เพราะได้เงิน ก็เลยตายห่ะ | โดย: aa [10 เม.ย. 52 12:55] ( IP A:58.8.3.110 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 ไปคลอดแล้วเลือดออกในสมองนี่ นึกออกโรคเดียว แถมเป็นโรคที่ไม่มีทางป้องกัน ไม่มีทางรักษา ซะด้วย - -'' | โดย: น่าสงสารจริงๆ [10 เม.ย. 52 20:20] ( IP A:58.8.87.171 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 คนไข้เดินไปโรงพยาบาลไปคลอด 21.00 น. หมอบอกความดันสูง ให้ยาลดความดัน/กันชัก/เร่งคลอด แล้วกลับบ้าน 23.00 น. พยาบาลตามทุก 15 นาที หลังเที่ยงคืน ตอนตามทีแรกบันทึกว่า คนไข้บ่นปวดหัว แน่นหน้าอก ความดัน ยังสูง หมอให้สังเกตอาการ ต่อมาบันทึกว่า คนไข้เรียกไม่ค่อยรุ้ตัว ตามหมอ หมอให้สังเกตอาการ ต่อมาอีก 15 นาที่ ตามอีก บันทึกว่า ถามไม่ตอบ หมอให้สังเกตอาการ ต่อมาอีก 5 นาที บันทึกว่า เขย่าไม่รู้ตัว หมอให้สังเกตอาการ ต่อมา หมอมา คนไข้ชักแล้ว ต้องเจาะเลือดออกจากสมอง ไปผ่าเอาเด็กออก ไม่มีทางป้องกัน ไม่มีทางรักษา เอาปริญญาแพรดไปคืนซะ | โดย: ฟฟ [11 เม.ย. 52 9:03] ( IP A:58.8.4.24 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 นี่คือสาเหตุที่ว่าทำไมคนไข้จ่ายตังค์แล้วยังต้องยกมือไหว้หมอ เขาฝากผีฝากไข้ไว้ ก็หวังว่าจะได้อุ้มชูลูก ภาระหน้าที่จึงเป็นภาระหน้าที่ที่หนักสำหรับหมอ คนเป็นหมอจึงต้องทนแบกภาระหน้าที่ให้เขากราบไหว้ ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องรับผิดชอบไป แก้ตัวไม่ขึ้นหรอก คดีนี้ศาลให้จ่ายไป 3 ล้านกว่าๆ ถ้าเป็น ตปท ลูกขุนเอาตายห่ะ น้ำตาท่วมจอ ทนายหมอจะบอกว่าให้จ่ายๆไป ห้ามเอาผัวเขาขึ้นศาลเด็ดขาด ขืนเบิกความลูกขุนเอาตายแน่ เมืองไทย คุณต้องเห็นหน้าและแววตาศาลผู้หญิงเจ้าของคดี คุณจะรู้ว่า ศาลท่านนึกยังไง ท่านคงนึกว่า หมอเป็นได้ขนาดนี้หรือ ฟ้องแค่ 4 ล้านกว่าๆ ให้ 3 ล้านกว่าๆถือว่าเยอะมากเท่าที่เห็นมา ส่วนใหญ่ฟ้องเท่าไหร่หาร 4 | โดย: ฟฟ [11 เม.ย. 52 9:15] ( IP A:58.8.4.24 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 ผัวเขาไปออกสรยุทธ เขาบรรยายความรู้สึกที่สงสารเสียดายเมีย น้ำตาท่วมจอ และว่าเขาเสียใจมากที่เอาลูกสาวเขามาทำเมียแล้วดูแลไม่ดี มีแต่ sms ส่งไป ถามว่าผู้ชายแบบนี้ยังมีอีกหรือ มีคนบอกมีเหลือไหม อยากได้ไปทำสามี | โดย: ฟฟ [11 เม.ย. 52 9:19] ( IP A:58.8.4.24 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 ยกตัวอย่างอีกคดี คนไข้ส่งตัวมาจากรพ.อำเภอ เกล็ดเลือดต่ำ ซีด ไม่มีแรงเดิน เวียนหัวมาก เลือดออกจมูก ลุกจากเตียงไม่ได้ พยาบาลรายงานว่า อาเจียนเป็นสีคล้ำ ๆ หมอบอกรอดูอาการ เป็นพยาธิสภาพของโรค ผ่านไป 1 วัน น้ำเกลือไม่ปล่อยให้หยด นอนรอดูอาการน้ำเกลือไม่หยด 555 พอบ่ายสองโมง ลุกจากเตียงจะไปห้องน้ำ ตกเตียงสลบไป 1 รอบ พยาบาลมามุงดู พอฟื้นก็เดินสลายตัวไปหมด หมอยังไม่มาตรวจ รอดูอาการ บอกว่าเป็นพยาธิสภาพของโรค อีกประมาณ 2 ชม ต่อมา อาเจียนเป็นเลือด เกือบ 1 กระโถน พยาบาลเขียนในเวชระเบียนว่า อาเจียนเป็นสีคล้ำ ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันเป็นเลือด อันนี้ก็น่าจะเอาปริญญาพยามารไปคืน หมอก็ยังไม่มา บอกว่ารอดูอาการ และเป็นพยาธิสภาพของโรค จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีก 2-3 ชม เวียนหัว ไม่มีแรง หายใจเป็นกลื่นเลือด อาเจียนเป็นเลือดออกมาเรื่อย ๆ บอกพยาบาลแต่ไม่ได้รับความสนใจ จนต้องขอย้ายตัวเองไป รพ.เอกชน หมอก็ยังไม่มาดู แล้วเอาใบมาให้เซ็นต์ ว่าไม่สมัครใจอยู่ คงคิดว่าเมิงไปตายเอาดาบหน้าเองละกัน กรูไม่เกี่ยว ไปให้พ้น ๆ มือกรูได้แล้ว สรุป ไป รพ.เอกชน เกล็ดเลือดเช๊คที่ห้องแล็ป เหลือหลักพัน หมอเอกชนบอกว่า 50/50 ในการช่วยชีวิต ไม่ได้รอดูอาการ ดั้นเอาสายยางมาช่วยล้างท้องเอาเลือดออกจากกระเพาะ แล้วต้องเอาใบปริญญาแพรดของหมอท่านนี้ไปคืนหรือเปล่าค่ะ คนไข้ดั้นมีอาการดีขึ้นด้วย หนูหล่ะ งง คุงหมอจริง ๆ ทำไมไม่รอดูอาการเหมือนหมอ รพ . รัฐ นั้นนะ สงสัยเรียนมาคนละสถาบัน หลักการช่วยชีวิตไม่เหมือนกัน
แล้วอย่างนี้หมอ รพ.รัฐบอกว่าไม่มีทางป้องกัน ไม่มีทางรักษา เอาปริญญาแพรดไปคืนด้วยหรือเปล่าคะ ?
ก็คิดเล่นๆ ไปเพราะไม่ใช่หมอค่ะ..
| โดย: จีเอ็น [11 เม.ย. 52 9:33] ( IP A:117.47.217.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 โรคที่ไม่มีทางป้องกัน ไม่มีทางรักษา มีจริง และต้องยอมรับ ส่วนหมอคนไหนจะดีจะเลว เป็นเรื่องของบุคคล ก่นด่าได้ตามชอบใจ แต่ขอให้ดูให้ดีว่าหมอเลวจริงหรือหมอทำไม่ถูกใจ | โดย: 000 [11 เม.ย. 52 10:03] ( IP A:58.8.94.134 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 ตอบหมอเลวจริง กรณีดดีคห. 27 ไม่ใช่หมอทำไม่ถูกใจ โรคที่ไม่มีทางป้องกัน ไม่มีทางรักษา มีจริง และต้องยอมรับ แต่คงไม่ใช่โรคเอดส์นะ ที่จะปล่อยกันให้ตายคาเตียง.... | โดย: อย่างเลวเลยแหล่ะ [11 เม.ย. 52 10:47] ( IP A:117.47.217.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 ไม่ใช่โรคเอดส์ เพราะโรคเอดส์ปัจจุบันมียาช่วยเหลือ ถึงจะรักษาให้หายไม่ได้ก็ตาม
เว้นแต่ว่าอาการมันไปไกลแล้ว ถึงตอนนั้นเทวดาก็รักษาไม่ได้ | โดย: 000 [11 เม.ย. 52 11:09] ( IP A:58.8.94.134 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 อาการไปไกลคืออาการอย่างไรที่ว่ารักษาไม่ได้ หรือว่า เพราะตำราที่หมอเรียนมาบอกว่าอย่างนั้น อย่างนี้ มันจะต้องตาย โดยไม่ได้ดูหลักความจริงเลยว่ามันไม่เหมือนตำราในร่างกายชีวิต คนไข้บางคน จึงเอาบรรทัดฐานตำรามารักษา ...
ยกตัวอย่างหน่อยซิคะ ? อาการที่ว่ารักษาไม่ได้แล้ว | โดย: เชื้อราขึ้นสมองยังรอดเลย [11 เม.ย. 52 11:30] ( IP A:117.47.217.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 30 ผิดก็ว่าไปตามขั้นตอน ภาวะครรภ์เป็นพิษมีความเสี่ยงสูงมากอยู่แล้ว ดูแลไม่ได้ตามมาตรฐานก็ว่ากันไป หากมาดูคนไข้ ลดความดันโลหิตให้ดี เร่งคลอด/ผ่าตัดเมื่อถึงข้อบ่งชี้ ถึงผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน ก็เป็นอีกอย่าง
เรื่องของ คห 27 ก็เคยสนทนากันไปแล้ว เป็นเรื่องลำบากในการวินิจฉัย แต่หากไม่รักษาตามมาตรฐานก็มีสิทธิฟ้องร้องเช่นกัน ยังไงก็ต้องรักษากันอีกยาว ขอให้เรื่องจบด้วยดี
ฟ้องร้องกันได้ทุกคนตามสิทธิ ไม่มีใครขัดขวางได้
ทุกอย่างจะก้าวไปสู่สมดุล | โดย: Z [11 เม.ย. 52 15:49] ( IP A:58.136.51.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนที่ดีขึ้น ไม่ได้ดีขึ้นเพราะล้างท้อง
แต่ดีขึ้นเพราะได้งดน้ำงดอาหาร งดยา ประคับประคอง แล้วเพราะพยาธิสภาพของโรค ก็ดีขึ้นเอง
ร่างกายยังแข็งแรงจึงกลับมาได้ เพราะไม่ได้ติดเชื้อแทรกซ้อน | โดย: Z [11 เม.ย. 52 15:55] ( IP A:58.136.51.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 32 ความคิดเห็นที่ 22 ไปคลอดแล้วเลือดออกในสมองนี่ นึกออกโรคเดียว แถมเป็นโรคที่ไม่มีทางป้องกัน ไม่มีทางรักษา ซะด้วย - -'' โดย: น่าสงสารจริงๆ [10 เม.ย. 52 20:20> ( IP A:58.8.87.171 X: ) ผมเบื่ออันนี้ ผิดถูกผมไม่ว่าหรอก ก็มีเป็นธรรมดา แต่ก็ควรจะปรับปรุงก็เท่านั้น และควรจะเยียวยาเขาด้วย เพราะทั้งเมียทั้งลูกตอนอยู่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อย แล้วใครจะทำงานบ้านให้สามี จ้างคนเดือนละเท่าไหร่ เงินก็ควรจะเป็นคนไข้ช่วยกันออก ไม่ใช่ให้หมอใช้ ถามว่าใช้ไหวหรือ | โดย: ฟฟ [11 เม.ย. 52 17:11] ( IP A:58.8.4.24 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าอย่างนั้นคนทุกคนที่ตายในโรงพยาบาล ควรได้รับการเยียวยาจากโรงพยาบาลหรือเปล่า เพราะแต่ละคนก็มีความรู้สึก มีหัวจิตหัวใจ มีปากท้องที่ต้องเลี้ยง ใครจะทำงานบ้านให้ จ้างคนเดือนละเท่าไหร่ ฯลฯ | โดย: 000 [11 เม.ย. 52 18:36] ( IP A:58.8.94.134 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเป็นความผิดของหมอ ก็ควรได้ เพราะเงินที่เขาเตรียมไว้จ่าย เป็นกรณีประมาท ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์ ระบบเป็นอย่างนี้ | โดย: ฟฟ [11 เม.ย. 52 19:03] ( IP A:58.8.4.24 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 35 แล้วใครจะเป็นคนตัดสินว่าหมอผิดหรือไม่ผิด ใช้ความรู้สึกของผู้ที่สูญเสีย และกำลังมองหาแหล่งรองรับความโกรธ (Denial -> Anger -> Bargaining -> Depression -> Acceptance) หรือเปล่า | โดย: 000 [11 เม.ย. 52 19:43] ( IP A:58.8.94.134 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 36 คุณต้องไม่ดูถูกศาล ศาลท่านเรียนมาทำงานมา ท่านมีสมองประสบการณ์ ตัดสินได้ว่าหมอผิดหรือถูก ฟังจากพยานแพทย์ทั้งสองฝ่าย แล้วใช้เหตุผลตัดสิน เวลาศาสตัดสิน ศาลท่านไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ศาลท่านนิ่งอยู่แล้ว เพราะว่า ท่านมือาชีพ | โดย: ฟฟ [11 เม.ย. 52 21:28] ( IP A:58.8.4.24 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 37 แล้วถ้าศาลยกฟ้อง แต่ยังยอมรับไม่ได้ เพราะเชื่อแน่ๆ ว่าหมอทำผิด จะทำอย่างไรต่อไป | โดย: 000 [11 เม.ย. 52 22:22] ( IP A:58.8.94.134 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 38 ศาลมิได้ตัดสินถูกทุกคดี โดยเฉพาะคดีอาญา แม้สงสัยว่าจำเลยทำผิด แต่หลักฐานไม่ชัดศาลก็จะปล่อย แม้ว่าจำเลยจะฆ่าและข่มขืนเขาจริง หากคนฟ้องหาพยานไม่ได้ หรือพยานถูกข่มขู่ หรือพยานอีกฝ่าย ใหญ่ๆโตๆ ให้การเท็จ หากมีการล็อบบี้ศาลยิ่งแย่กันไปใหญ่ ดังนั้น หากศาลยกฟ้อง คนฟ้องย่อมมีสิทธิ์ยอมรับไม่ได้ สามารถร้องเรียนต่อสู้ได้ แต่ห้ามหมิ่นศาล มีคดีไม่น้อยที่ต้องนำมาพิจารณาใหม่และตัดสินตรงข้าม แต่คนที่เรียกร้องต้องมีหลักฐานเพิ่มเติม และกฎหมายก็อนุญาตให้รื้อฟื้นคดีด้วย นี่เป็นการแก้ลำพวกที่ขี้โกงตามกฎหมาย | โดย: หมอก็ควรจะตกนรก ถ้าทำผิดแล้วชนะดคี [12 เม.ย. 52 13:37] ( IP A:58.8.2.101 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 39 ความเห็น 39 ต้องการให้พูดว่า "ศาลเตี้ย" ใช่หรือไม่ บ้านเมืองเรามันใกล้กลียุคเข้าไปทุกที คนดีเดินตามตรอก ขี้ครอกเดินตามถนน คนชั่วเต็มบ้านเต็มเมือง ทำอะไรก็ไม่ผิด ดำกลับกลายเป็นขาว ขาวกลายเป็นดำ | โดย: อยากให้ใช้ศาลเตี้ยหรือไง [20 เม.ย. 52 23:44] ( IP A:58.9.202.49 X: ) |  |
|