consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
สาวร้องปวีณาหมอชุ่ย ผ่าตัดพลาด โดนท่อปัสสาวะขาด
สาวร้องปวีณาหมอชุ่ย ผ่าตัดพลาด โดนท่อปัสสาวะขาด
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ.2552
https://www.thairath.co.th/content/misc/2923
แถมตัดมดลูกทิ้ง และลืมผ้าพันแผลไว้ในช่องคลอด ได้รับความทรมานมาร่วมปี ด้านแพทย์เจ้าของไข้ชี้แจงเป็นเหตุสุดวิสัย พร้อมให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง โดยจะส่งไปรักษาต่อที่ รพ.ราชวิถี..
วันนี้ (30 เม.ย.) นางกัลยา อิดอ่อน อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 101 หมู่ 4 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เข้าร้องทุกข์ต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่าถูกหมอโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่จนต้องผ่าตัดลำไส้ใหญ่ แต่ภายหลังผ่าตัดพบว่า ก้อนเนื้อที่ตัดออกมาไม่ได้เป็นมะเร็ง ต่อมาหมอผ่าตัดลำไส้ใหญ่เข้าไปแล้วยังได้ตัดมดลูกทิ้งและยังได้ลืมผ้าพันแผล ไว้ในช่องคลอด นอกจากนั้น ท่อปัสสาวะที่ส่งไปยังไตยังถูกตัดขาดด้วย ทำให้ปัสสาวะไหลออกมาตลอดเวลา ได้รับความทุกข์ทรมานมานานนับปี ขณะที่แพทย์ที่ผ่าตัดปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ ไล่ให้ไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี
ทั้งนี้ นางกัลยา เล่าว่า เมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. 2551 เกิดปวดท้องอย่างรุ่นแรงจึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลมหาชัย หมอแจ้งว่าพบก้อนเนื้อบริเวณลำไส้ใหญ่ จึงขอส่องกล้องเพื่อตัดชิ้นเนื้อไปวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหรือไม่ ตนเห็นว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก จึงขอให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งมีสิทธิบัตรทองอยู่ แพทย์แจ้งว่ากรณีนี้เชื่อได้ว่า 99% เป็นมะเร็งแน่นอน จึงขอผ่าตัดเอาลำไส้ออกมาไว้นอกช่องท้องก่อน ตนแย้งไปว่าทางโรงพยาบาลมหาชัยกำลังพิสูจน์ชิ้นเนื้อ ใช้เวลาประมาณ 4 วัน ขอให้รอผลพิสูจน์ก่อน แต่แพทย์คนดังกล่าวแจ้งว่าแค่ผ่าตัดยกลำไส้ออกมาก่อน ถ้าไม่ได้เป็นอะไรค่อยเอากลับไปไว้ที่เดิม
นางกัลยา กล่าวต่อว่า ภายหลังผ่าตัดเสร็จพยาบาลได้มาขอดูแผล ตนสังเกตเห็นสีหน้าของพยาบาลมีอาการตกใจมาก เนื่องจากพบว่าลำไส้ของตนออกมาอยู่ที่หน้าท้องเยอะมาก สอบถามทางนายแพทย์คนดังกล่าวแจ้งว่าเป็นเรื่องปกติ ต่อมาประมาณ 3 วันทางโรงพยาบาลมหาชัย แจ้งผลการพิสูจน์ชิ้นเนื้อ พบว่าไม่ได้เป็นมะเร็ง จึงได้ผ่าตัดเอาลำไส้กลับเข้าไปไว้ในช่องท้องเหมือนเดิม แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเย็บให้ลำไส้กลับไปติดกันดังเดิมได้ จึงจำเป็นต้องเจาะถุงอุจจาระออกมาไว้ที่หน้าช่องท้องก่อนเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน จากนั้นหมอจะเอาเข้าไปไว้ดังเดิมให้ โดยระหว่าง 3 เดือนนั้นได้รับความทรมานมาก
นางกัลยา กล่าวว่า จนกระทั่งวันที่ 20 มี.ค. 2552? แพทย์รับตัวไว้เพื่อผ่าตัด หลังผ่าตัดเสร็จแพทย์แจ้งว่าเอาลำไส้กลับเข้าไปแล้ว และก็ตัดมดลูกออกให้ด้วย เนื่องจากพบความผิดปกติหากไม่ตัดเวลาประจำเดือนมาจะมีอาการปวดมากเหมือนก่อน ที่จะมาเข้ารับการรักษา แต่ภายหลังผ่าตัดประมาณ 7วัน ตนมีอาการไข้สูงมากอีกทั้งรู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่ในช่องคลอด จึงให้แพทย์ตรวจพบว่ามีผ้าพันแผลลืมทิ้งไว้ในช่องคลอด หลังนำผ้าพันแผลออกแล้วต่อมาอีก 6 วัน ตนสังเกตเห็นความผิดปกติปัสสาวะจะไหลออกมาทางช่องคลอดตลอด เวลาไม่สามารถอั้นได้ จึงกลับมาพบแพทย์อีกครั้ง พบว่าน่าจะเกิดจากรอยต่อของลำไส้รั่ว ต้องผ่าตัดอีกครั้ง ในวันที่ 20 เม.ย. แพทย์ส่องกล้องเข้าไปในอวัยวะเพศ พบว่าท่อส่งปัสสาวะไปที่ไตถูกตัดขาด โดยนายแพทย์คนเดิมแจ้งว่าอาจจะขาดตอนผ่าตัดครั้งหลังสุด มืออาจจะพลาดไปโดน ถ้าจะให้หายจะต้องผ่าตัดอีกครั้งหนึ่งแต่ต้องใช้เวลา ตอนนี้ยังไม่สามารถผ่าตัดได้ต้องรอให้แผลผ่าตัดเดิมแห้งก่อน แต่ในระหว่างนี้จะขอส่งตัวตนไปที่โรงพยาบาลราชวิถี เพื่อวินิจฉัยและรักษาต่อไป ตนเห็นว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดจากตนเองแม้แต่น้อย อีกทั้งเกรงว่าการรักษาต่อจากนี้ตนเองยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอีก จึงตัดสินใจเดินทางเข้าร้องทุกต่อนางปวีณา
หลังรับแจ้ง นางปวีณา ได้ประสานไปยัง นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพาผู้เสียหายเข้าพบขอความเป็นธรรมต่อไป
ต่อมาเวลา15.30 น.? นพ.รณชัย กัณหสุวรรณ แพทย์ศัลยกรรมโรงพยาบาลสมุทรสาคร ได้ออกมาชี้แจงว่า เมื่อปี 2550 นางกัลยา มีอาการท้องผูก เป็นริดสีดวงทวารและมีตกขาวมาก และต่อมาเมื่อปี 2551 ก็ได้มาพบแพทย์หลายครั้งโดยมาเรื่องถ่ายอุจจาระไม่ออกและท้องอืด หลังจากนั้นทางคนไข้ก็ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาชัย โดยส่องกล้องตรวจและสงสัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จึงได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบ จากนั้นคนไข้ได้มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ซึ่งผลการตรวจพบว่าเป็นลำไส้ใหญ่อุดตันจึงได้ทำการผ่าลำไส้ใหญ่ออกมาหน้า ท้องให้อุจจาระทางหน้าท้องก่อน เพราะมีการอุดตันของลำไส้ใหญ่จากโรคของรังไข่ ที่เป็นถุงน้ำช็อกโกแลตของรังไข่จนทำให้ในอุ้งเชิงกรานมีพังผืดไปรัดลำไส้ ใหญ่จนตีบตันถ่ายไม่ออก
นพ.รณชัย กล่าวต่อว่า แพทย์ได้บอกกับคนไข้ว่าถ้าจะเอาลำไส้ใหญ่ออกและรักษาแบบ เบ็ดเสร็จให้หายจากโรคแน่ๆ ต้องผ่าอีกครั้งหนึ่งหลังจากผ่าครั้งแรก 3 เดือนไปแล้ว ต่อมาคนไข้ก็ได้มาพบแพทย์อีกหลายครั้งเพื่อเปลี่ยนถุง จนครั้งหลังสุดคนไข้ได้มาผ่าตัดในวันที่ 23 มี.ค. 2552 ซึ่งครั้งนี้ยุ่งยากมากจะต้องตัดมดลูก และไส้ที่ตีบออก แต่เป็นเหตุสุดวิสัยที่ได้ไปถูกท่อปัสสาวะขาด เพราะพังผืดของคนไข้ทำให้ท่อปัสสาวะบิด เบี้ยวโดยเราไม่สามารถทราบได้ในช่วงผ่าตัด ว่าได้ไปตัดถูกท่อปัสสาวะข้างซ้ายขาด และหลังจากนั้นก็ได้นัดคนไข้มาเพื่อผ่าตัดปลูกถ่ายท่อปัสสาวะให้ใหม่ และได้ทำใบส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนเรื่องของผ้าพันแผลที่ลืมอยู่ในช่องคลอดนั้น นพ.รณชัย กล่าวว่า เป็นผ้าที่ใส่เพื่อห้ามเลือด ซึ่งปกติจะต้องปิดไว้เป็นเวลา 2 วัน ก็จะดึงออกแต่เนื่องจากทางพยาบาลไม่เห็นสายที่ห้อยออกมาคิดว่าอาจหลุดไปแล้ว เลยไม่ได้ทำอะไรจนคนไข้ได้มาบอกว่ามีกลิ่นในช่องคลอด แพทย์ก็เลยมาตรวจและล้วงออกมาทำความสะอาดให้
ทางด้าน นพ.วีระศักดิ์ คลองเจริญลาภ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร กล่าวว่า พร้อมให้ความช่วยเหลือนางกัลยา ทุกอย่าง ขอให้ผู้เสียหายติดต่อมาที่โรงพยาบาลอีกครั้ง โดยอาจจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี ซึ่งมีแพทย์ระดับอาจารย์หมอเป็นผู้ดูแล
โดย: ข่าวจากไทยรัฐ [1 พ.ค. 52 10:56] ( IP A:58.9.194.187 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน