สธ.เตรียมยกระดับสถานีอนามัยเป็น รพ.ทุกอำเภอทั่วประเทศ 2,000 แห่ง เริ่มปีนี้
   สธ.เตรียมยกระดับสถานีอนามัยเป็น รพ.ทุกอำเภอทั่วประเทศ 2,000 แห่ง เริ่มปีนี้

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
8 มิถุนายน 2552 14:03 น.

นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สธ. และคณะผู้บริหาร เดินไปตรวจเยี่ยมสถานีอนามัยนาบัว อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ทักทายผู้ป่วยสูงวัยเดินทางมารับการตรวจรักษาที่สถานีอนามัย ภายหลังจากไปเป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงนโยบายการพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายจะพัฒนาสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างอย่างสะดวกและลดจำนวนผู้เจ็บป่วย


สธ.ผลักดันนโยบายการส่งเสริมสุขภาพ พร้อมยกระดับสถานีอนามัย 2,000 แห่ง ให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ปีนี้ 1,000 แห่งในทุกอำเภอทั่วประเทศ ในปี 2553 เพิ่มอีก 1,000 แห่ง นำระบบรักษาผู้ป่วยทางไกลผ่านอินเทอร์เน็ตออนไลน์มาใช้ แพทย์โรงพยาบาลอำเภอ สามารถตรวจวินิจฉัยพูดคุยกับคนไข้ได้ ให้การรักษามาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลใหญ่

วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่โรงแรมเวียงอินทร์ จ.เชียงราย นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป สาธารณสุขอำเภอ หัวหน้าสถานีอนามัย กว่า 500 คนที่ปฏิบัติงานใน 14 จังหวัดในภาคเหนือ เพื่อชี้แจงนโยบายการพัฒนายกระดับสถานีอนามัยให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล ให้ประชาชนเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้สะดวก และลดจำนวนผู้เจ็บป่วยให้น้อยลง หลังจากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการดำเนินงานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและระบบส่งต่อที่สถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

นายวิทยากล่าวว่า ขณะนี้โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจขาดเลือด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นปัญหาสาธารณสุขที่ทำให้คนไทยป่วย พิการ และเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร และส่งผลกระทบไปถึงครอบครัว ชุมชน เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ องค์การอนามัยโลกได้ระบุว่า ในปี 2548 ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคเรื้อรัง 35 ล้านคน หรือประมาณ 2 เท่าของผู้เสียชีวิตจากโรคติดเชื้อทั้งหมด

นายวิทยากล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายเร่งส่งเสริมสุขภาพ สร้างสุขภาพดีคนไทย เพื่อลดโรค ลดจำนวนการเจ็บป่วยของประชาชน และจะผลักดันให้เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งที่การควบคุมป้องกันปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ลดการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา จัดการอารมณ์ ส่งเสริมพฤติกรรมกินอาหาร ลดอาหารหวานมัน เค็ม เพิ่มการกินผักผลไม้ ส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อควบคุมโรคอ้วน ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ หมู่บ้านหรือชุมชนสามารถร่วมกันจัดการในท้องถิ่นได้ โดยจะพัฒนาสถานีอนามัยที่มีอยู่ทุกตำบลทั่วประเทศอยู่แล้ว 9,000 แห่ง จากที่มีทั้งหมด 9,810 แห่ง ให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ระหว่าง พ.ศ.2552-2555 มีศักยภาพในการดูแลและให้บริการครอบคลุมทั้งด้านการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสุขภาพ ตลอดจนสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมและความเข้มแข็งให้ชุมชน ในการจัดระบบสุขภาพตนเอง

ในปี 2552-2553 ตั้งเป้าดำเนินการ 2,000 แห่ง โดยกระทรวงสาธารณสุขจัดสรรงบประมาณให้แห่งละ 1 ล้านบาท และจากสป.สช.อีกแห่งละ 2 แสนบาท เพื่อจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็น และติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตให้พยาบาลที่ประจำสถานีอนามัยและผู้ป่วย ปรึกษาพูดคุย ซักถามอาการและเห็นหน้าผู้ป่วยให้การรักษาทางอินเตอร์เน็ต กับแพทย์ที่โรงพยาบาลอำเภอโดยตรง รักษามาตรฐานเดียวกับโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งบางโรคผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปรักษาในโรงพยาบาล จะช่วยลดความแออัดที่โรงพยาบาลใหญ่ และประหยัดค่าเดินทางของประชาชนด้วย

ด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผลของการตั้งโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล จะทำให้ประชาชนได้รับบริการที่สูงขึ้น ครอบคลุมบริการขั้นพื้นฐานเช่น ฉีดวัคซีน การฝากครรภ์ครบตามเกณฑ์มาตรฐาน ผู้ที่ป่วยจากโรคเรื้อรังที่ต้องนอนฟื้นฟูที่บ้านจะได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ลดการป่วยจากโรคแทรกซ้อน อัตราเสียชีวิตลด
โดย: ผู้จัดการออน์ไลน์ [9 มิ.ย. 52 19:08] ( IP A:58.9.222.252 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   จะรองานเข้า
โดย: เครือข่ายฯ [9 มิ.ย. 52 19:10] ( IP A:58.9.222.252 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   งานนี้ผมขอรวบไว้เป็นข้อสรุปอย่างนี้ครับ

ชิงสุกก่อนห่าม + สร้างภาพแกว่งเท้าหาเสี้ยน

ตั้งเป็นโรงพยาบาลกันหมด แต่หมอและบุคลากรข้างเคียงพร้อมหรือ?? งบประมาณสนับสนุนงานฟอร์มยักษ์อย่างนี้มีแล้ว??? มีเหลือจากรถเมล์ NGV กับหัวรถจักรแล้วหรือ?

แล้วที่ไปปั่นหัวหมอรุ่นกระเตาะให้กลัวทำผ่าตัด กลัวคนไข้ฟ้อง จนหัวหดส่งต่อกันหมด งานนี้ "งูตัวนี้จะถูกเหวี่ยงกลับมาพันคอตัวเอง" เพราะพอเป็นโรงพยาบาลแล้ว เมื่อต้องผ่าแล้วไม่ยอมผ่า คนไข้เสียหาย คราวนี้ฟ้องกันอีรุงตุงนังแน่ๆ เฮ้อ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [10 มิ.ย. 52 8:39] ( IP A:58.8.103.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   หมอไม่พอ พยาบาลไม่พอ มีความเสียหาย
โทษเครือข่ายฯ โยนความผิดให้เครือข่ายฯ
ง่ายดี

โดยไม่เคยโทษบรรดาเจ้าของรพ.เอกชน
หรือกรรมการแพทยสภาที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
ในรพ.เอกชน เรื่องดูดหมอ+พยาบาล ไปมากมาย
แล้วทิ้งปัญหาให้หมอ+คนไข้มาฟ้องร้องกันเอง
แถมเวลามีประชุมก็ให้เกียรติคนเหล่านั้นได้ขึ้นเวที
เหมือนใครมีเงินก็ได้รับเกียรติมากกว่า แบบนั้นจริง ๆ
โดย: ประเทศไทยไม่ใช่ของเราคนเดียว [10 มิ.ย. 52 8:57] ( IP A:58.9.201.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ผ่าทำไมให้โง่ เงินก็ได้เท่าเดิม คนไข้ก็ไม่ได้ซึ้ง เกิดอะไรขึ้นมา ก็เข้าคุกสถานเดียว ต่อให้ไม่ผิด ก็ต้องเข้าคุกเป็นจำเลยสังคมอยู่ดี
ไม่เหนื่อยไม่เสี่ยง ผลักภาระ ไปให้ รพศ และคนไข้เสี่ยงเอาเอง รพศ คนไข้เยอะ ผ่าไม่ไหว คนไข้ รอคิวนานไม่ได้ผ่าซะที ต้องขอบใจเครือข่าย ที่ทำให้ เราทำงานสบายขึ้นเยอะ
โดย: สะใจ [10 มิ.ย. 52 9:58] ( IP A:125.26.108.127 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   ใช่คุณสะใจ ที่งานของแพทยสภาในการเดินสายปลุกระดมหมอได้สำเร็จ ก็จะรอคอยดูเช่นกันว่า สุดท้ายผลจะออกมาเป็นเช่นไร
โดย: เครือข่ายฯ ก็จะคอยดูเช่นกัน..ไม่เป็นไร [10 มิ.ย. 52 10:07] ( IP A:58.9.220.154 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ไม่มีจรรยาบรรณ คห 4
พูดอย่างกะไม่ตั้งใจอยากเป็นหมอ
ห่วยแตก ...

ห่วยแตก โคตรห่วย ....
โดย: จีเอ็น [10 มิ.ย. 52 18:51] ( IP A:61.19.65.106 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ขอบใจ GN
โดย: Thank\'s [10 มิ.ย. 52 22:46] ( IP A:58.9.184.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   คห ที่ 4 ครับ

ผมขอใช้ข้อความนี้สื่อสารกับมโนสำนึกของคุณ (หากยังมีอยู่ล่ะก็?)ตามภาษามนุษย์คนไทยหน่อย

พวกเราที่เจอะเจอกันอยู่ ณ. ที่นี้ ล้วนเป็นสัตว์โลกที่ได้อ้างตัวว่าศิวิไลและทรงภูมปัญญาที่สุดในบรรดาสัตว์โลกทั้งหลายในโลกนี้ และที่เราแตกต่างจากสัตว์โลกอื่นๆทั้งหลาย ก็ตรงที่

เราเป็น "มนุษย์เลือดอุ่น" ซึ่งไม่เหมือนกับสัตว์โลก "เลือดเย็น" ชนิดอื่นๆ

หากคุณไม่เข้าใจที่ผมว่ามานี้ ผมแนะนำให้คุณไปจากอาชีพหมอซะจะเป็นการดีกว่าสำหรับตัวคุณเองและคุณที่จะต้องมาเกี่ยวข้องกับคุณ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [11 มิ.ย. 52 9:22] ( IP A:58.8.105.139 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   พอดีอ่านความเห็นที่ 4 แล้วมันปิ๊ดขึ้นมาเลย
หมอห่วยแตก แบบนี้มันก็มีจริง ๆ มันไม่ใช่คนเดียวในประเทศไทยที่เจอ มันไม่ได้มีแค่หมอเชี่ยวชาญ HIV เท่านั้นที่ปากแบบนี้ มันนึกถึงตอนหมอด่า หมอไม่ตั้งใจรักษา คงจะมีความคิดเหมือนความเห็นที่ 4
ว่าจะรักษามันทำไมมันติดเอดส์ปล่อย ๆ มันสำลักเลือดจนตายของมันนั่นแหล่ะค่ะ ไม่สงสัยเลยค่ะ ว่าหมอปากอย่างนี้มันไม่ได้มีที่เดียว คนเดียวจริงจจริงด้วย มันมีหมอห่วยแตก อย่างนี้จริง ๆ ด้วย สมแล้ว โดนฟ้องซะบ้าง หมาจะได้หลุดออกจากปากไปอีกหลายตัว เพราะหมาในปากกลัวโดนลูกหลงติดคุกไปด้วย กรณีทำห๊วย ห่วย กว่านี้

ฉุนกึ๊ก แหม๋ พูดมาได้ ผ่าให้โง่ทำไม
ก็เหมือนกับรักษาให้เปลืองยาทำไม ให้มันตาย ๆ ไปซะนั่นแหล่ะมั้ง
โดย: จีเอ็น [11 มิ.ย. 52 18:43] ( IP A:61.19.65.212 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ไม่เหมือน เพราะการรักษาด้วยยานั้น ไม่ได้เกิดเหตุบังเอิญซวยตายกันได้ง่ายๆ เหมือนการผ่าตัด
โดย: 444 [11 มิ.ย. 52 20:03] ( IP A:58.8.91.127 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ใจเย็นๆ คุณจีเอ็น

ละเลิกปมขุ่นมัวในใจได้ครั้งละนิดล่ะหน่อย เดี๋ยว "ปิ๊ด" ที่ว่าก็จะหายไปเองแหละ

ในทางพุทธเรา การให้ธรรมทาน เป็นการให้ที่มี "สถานะสูงสุด" ก็จริง

แต่การให้ "อภัยทาน" กลับเป็น "การให้" ที่ยากเย็นแสนเข็ญที่สุดจริงๆ เพราะเป็นการให้ที่เราต้องมุ่งที่การ "ละวางตัวตน" เฮ้อ ยากจริงๆ

แต่เชื่อเฮอะว่า หากทำได้ เราจะ "สุขลึก" และ "ปลดแอกจากพันธนาการของตัวตนได้" และหากคู่กรณีของเรายังไม่เลิก "ทำบาปทำกรรม" ต่อไปอีก

การให้ "อภัยทาน" ของเรา จะเท่ากับเป็นการ "กระทืบ" คู่กรณีของเราให้ตกนรกหมกไหม้ จมลึกลงไปยิ่งขึ้น ผมเชื่ออย่างนั้นนะ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [17 มิ.ย. 52 9:05] ( IP A:61.90.14.185 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ขอบอกว่าเป็นอนามัยดีที่สุด เปลี่ยนเป็น รพสต. ไม่เห็นจะพร้อมตรงใหน ที่บ้านผมเปิดแล้วนะแต่ไม่มีอะไรสักกะอย่างเหมือนเดิม
แต่มีบุคลากรเพิ่ม (พยาบาลมาใหม่ห่วย ปากยังกะแม่ค้า)ระบบใหม่แย่กว่าเดิมชาวบ้านไม่มีใครชอบสักกะคนแก่แถวบ้านบ่นกันใหญ่ปรึกษาปัญหาสุขภาพ(แบบชาวบ้านคุยสนธนากะหมออนามัยไม่ได้แล้วไม่มีเวลา)แย่จริงๆ ที่จริงเป็น โรงพยาบาลต้องมีอยู่เวรแต่ที่นี่ไม่มี จะมีก็เสาร์ อาทิตย์แต่ไม่รับตรวจทำแต่แผลต่อเนื่อง
สรุปเลยครับ เปลี่ยนแล้ว ห่วย
โดย: คนแถวบ้าน [28 ส.ค. 52 12:10] ( IP A:118.172.71.250 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน