ร้องหมอสังกัดกทม.ใช้เลเซอร์พลาดกระเพาะปัสสาวะแยก
|
ความคิดเห็นที่ 3 การผ่าตัดรูเดียว
https://74.125.153.132/search?q=cache:oazkUHIUMmwJ:www.oknation.net/blog/print.php%3Fid%3D434882+%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2+%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87&cd=4&hl=th&ct=clnk&gl=th | โดย: ปกติเขาผ่ากันกี่รู [5 มิ.ย. 52 16:26] ( IP A:58.9.207.107 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 เนื้อหาโฆษณา
ในแต่ละปีมีผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อยเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจาก มดลูกหรือความผิดปกติของมดลูก ถึงขั้นต้องผ่าตัด งานด้านสูตินรีแพทย์จึงเป็นงานที่รักษา คนไข้ให้ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันในวงการแพทย์ไทยมีการพัฒนาการผ่าตัดรักษาคนไข้ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น เจ็บตัวน้อยที่สุดรวมทั้งบาดแผลจากการผ่าตัดก็เล็กลง ล่าสุดสามารถใช้วิธีการรักษาแบบส่องกล้องผ่าตัดเพียงรูเดียวทางสะดือได้เป็นผลสำเร็จ!! การผ่าตัดมดลูกด้วยการส่องกล้องแบบรูเดียวทางสะดือ ถือเป็นวิวัฒนาการใหม่ของวงการแพทย์ที่ทางทีมหมอสูตินรีเวช โรงพยาบาลกลาง เป็นผู้ริเริ่มและปฏิบัติจนสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย นพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลกลาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและริเริ่มใช้วิธีการผ่าตัดรักษามดลูกด้วยการส่องกล้องแบบรูเดียวทางสะดือ ให้ความรู้ว่า ปัจจุบันวิวัฒนาการการผ่าตัดมดลูกด้วยวิธีการส่อง กล้องผ่านช่องท้องเป็นแบบ 3 รู โดยไม่ต้องเปิดหน้าท้องที่เป็นวิธีดั้งเดิม ทำให้คนไข้เจ็บตัวมาก พักฟื้นนานและเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ท้องของคนไข้ แต่เมื่อทราบข่าวว่าแพทย์ต่างประเทศสามารถผ่าตัดส่องกล้องรูเดียวได้สำเร็จ จึงคิดว่าแพทย์ต่างประเทศทำได้แพทย์ไทยก็ต้องทำได้ จึงเริ่มศึกษาค้นคว้า จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เริ่มผ่าตัดคนไข้รายแรก จวบจนปัจจุบัน มีจำนวนคนไข้ทั้งสิ้น 12 ราย ผ่ามดลูก 11 ราย และผ่าตัด ปีกมดลูก 1 ราย ซึ่งคนไข้ที่ได้รับการรักษาทุกรายมีความพึงพอใจและมีความสุขมาก เพราะเจ็บตัวน้อย พักฟื้นเร็วนอนพักที่โรงพยาบาลเพียง 2 วันก็สามารถกลับบ้านได้และใช้ชีวิตตามปกติ ที่สำคัญหลังการผ่าตัดแทบจะ มองไม่เห็นแผลเพราะเล็กมากเป็นแผลซ่อนอยู่ในสะดือ เมื่อแผลหายจะมองไม่เห็นแผลเป็น อีกด้วย รายแรกที่หมอผ่านั้นต้องยอมรับว่ายากมากเพราะคนไข้มดลูกใหญ่และมีพังผืดเยอะ ใช้เวลาในการผ่าตัดอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงแต่ก็สำเร็จได้ด้วยดี ทำให้เราทราบว่าก่อนจะผ่าตัดนั้นต้องตรวจสอบกลุ่มคนไข้ก่อนว่ากลุ่มใดเหมาะที่จะใช้วิธีผ่าตัดแบบส่องกล้องรูเดียว เช่น ถ้าคนไข้มดลูกใหญ่เกินไปหรือคนไข้ที่มีพังผืดหนาหรือเยอะเกินไปก็ไม่ควรผ่า ควรใช้วิธีดั้งเดิมหรือส่องกล้องแบบ 3 รู เมื่อเราเริ่มชำนาญขึ้นทำให้การผ่าตัดคนไข้รายต่อไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว สำหรับโรคที่คนไข้จะรับการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้นก็ได้แก่ โรคเนื้องอกในมดลูก ถุงน้ำใน รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือที่เรารู้จักกันว่าช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งความแตกต่างระหว่างการผ่าตัดส่องกล้องแบบรูเดียวกับ 3 รู คือ แบบ 3 รูจะมีแผลเป็น เป็นรู 3 รู คือ บริเวณตรงกลางสะดือ บริเวณท้องด้านซ้ายและขวา แต่แบบรูเดียวที่สะดือแทบจะมองไม่เห็น แผลเป็นเลย ทำให้การเจ็บแผลน้อยกว่า รวมทั้งมีโอกาสการเกิดพังผืดหลังผ่าตัดน้อยกว่า และที่สำคัญที่สุดคือ ความสวยงามซึ่งเป็นที่ยอมรับดีมากสำหรับคนไข้ที่รับการรักษา ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดผ่านกล้อง เกิดขึ้นได้เหมือนการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องขึ้นกับพยาธิสภาพของโรคและความชำนาญของแพทย์ผ่าตัด ส่วนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษานั้นต้องระมัดระวังอย่าให้อุปกรณ์ไปโดนกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง และข้อห้ามหลังจากการผ่าตัด คือ อย่ายกของที่มีน้ำหนักมากจนเกินไป รวมทั้งงดการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 1 เดือน นอกนั้นสามารถรับประทาน อาหารและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามการผ่าตัดมดลูกด้วยการส่องกล้องรูเดียวเป็นเทคนิคการผ่าตัดใหม่ซึ่งไม่ใช่คนไข้ทุกรายสามารถทำการผ่าตัดแบบนี้ได้ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาว่าคนไข้รายใดควรได้รับการรักษาด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสม ในอนาคตหมอเชื่อว่า วงการแพทย์ไทยจะสามารถพัฒนาการผ่าตัดผ่านกล้องให้เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันการส่อง กล้องผ่าตัดเป็นที่นิยมมากแต่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญอย่างมาก จึงอยากให้ทางแพทย์ไทยก้าวหน้าเทียบเท่ากับต่าง ประเทศไม่เช่นนั้นเราจะตามโลกอนาคตไม่ทัน ซึ่งโลกแห่งเทคโน โลยีนี้เครื่องไม้เครื่องมือ ทีมงานนั้นสำคัญ โดยเฉพาะแพทย์ไทยต้องร่วมกันทำวิจัยการผ่าตัดหรือศึกษาข้อมูลร่วมกัน ไม่ใช่อยู่ที่หมอเพียงคนเดียว ทุกอย่างต้องช่วยกันจึงจะสำเร็จ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากที่สุด นับจากนี้ไปสุภาพสตรีทั้งหลายที่เจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับมดลูก และกลัวการผ่าตัด คงคลายความกังวลกันลงไปบ้าง เพราะวิวัฒนาการใหม่นี้จะช่วยให้เราเจ็บตัวน้อยลง พักฟื้นเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลานอนโรงพยาบาลหลายวัน ที่สำคัญจะไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลผ่าตัดให้เราได้เห็นจนขาดความมั่นใจอีกด้วย. | โดย: นางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ เป็นคนไข้รายแรกหรือเปล่าเพราะผ่าตอนเดือนกุมภาพันธ์ [5 มิ.ย. 52 16:33] ( IP A:58.9.207.107 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 สาวร้องรพ.สังกัดกทม.ทำช้ำรั่วหลังผ่าซีสต์ เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ศาลาว่าการ กทม.นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้นำนางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ อายุ 46 ปี ลูกจ้างของกระทรวงพลังงาน พร้อมครอบครัวเข้าร้องเรียนต่อนายไกรจักร แก้วนิล รองปลัด กทม.กรณีที่นายแพทย์รายหนึ่ง ด้านสูตินรีเวชของ รพ.แห่งหนึ่งสังกัด กทม.ได้รักษานางดาเรศผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากมีอาการปัสสาวะเล็ดตลอดเวลา โดยนางดาเรศ กล่าวว่า ตนเข้ารับการผ่าตัดมดลูกและช็อคโกแล็ตซีสต์ที่ รพ.กลางเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี นายแพทย์คนดังกล่าวทำการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดนั้นได้ใช้วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ คือ ผ่าตัดแบบส่องกล้องแบบรูเดียว ซึ่งหลังจากการผ่าตัดดังกล่าวทำให้ตนปวดท้องอย่างหนัก ทำให้ต้องเข้าตรวจที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง โดยแพทย์วินิจฉัยว่ากระเพาะปัสสาวะแยกเนื่องจากถูกแสงเลเซอร์ แม้จะทำการเย็บปิดแผลแล้วก็ไม่สามารถทำให้หายเป็นปกติได้
ซึ่งการรักษาที่ผิดพลาดดังกล่าวตนไม่ได้รับคำชี้แจง หรือ ความรับผิดชอบใดๆ จากแพทย์เจ้าของไข้เลย ทั้งนี้ ตนได้เสียค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ค่าห้องพักรวมเป็นเงินกว่า 50,000 บาทแล้ว ซึ่งไม่สามารถเบิกจากหน่วยงานต้นสังกัดได้
นอกจากนั้นแล้วการรักษาดังกล่าว นพ.สุวันชัยได้ลงประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ ว่าการรักษาประสบความสำเร็จ 100% ทั้งที่จริงแล้วการรักษาผิดพลาด
ด้านนพ.ไกรจักร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นเกิดจากผลการรักษาที่ผิดพลาดหรือมาจากตรงส่วนใด ซึ่งหากการตรวจสอบว่าการรักษาของแพทย์ถูกต้อง กทม.ก็จะยังให้การเยียวยา โดยจะจ่ายค่าชดเชยในส่วนที่ผู้ป่วยต้องชำระเอง ทั้งในส่วนของการรักษาที่ผ่านมา รวมถึงการรักษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
ด้านนางปรียนันท์ กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้ รพ.กลางถอดโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ลงในเว็บไซต์ รวมทั้งที่ติดประกาศอยู่ที่ โรงพยาบาลออกด้วย ที่ระบุว่าการรักษาพยาบาลจะประสบความสำเร็จ เพราะถือว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดให้กับประชาชนคนอื่นต่อไป ส่วนการฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น หาก กทม.ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ ทางเครือข่ายก็จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป | โดย: ข่าวสด งานเข้า [5 มิ.ย. 52 16:45] ( IP A:58.9.207.107 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 รายแรกที่หมอผ่านั้นต้องยอมรับว่ายากมากเพราะคนไข้มดลูกใหญ่และมีพังผืดเยอะ ใช้เวลาในการผ่าตัดอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงแต่ก็สำเร็จได้ด้วยดี
เรียนทุกท่าน เผอิญคนไข้รายแรกคือคุณดาเรศ ที่เป็นข่าวอยู่นี่แหละ | โดย: เครือข่ายฯ [7 มิ.ย. 52 6:45] ( IP A:58.9.191.192 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 รายละเอียดของเรื่องนี้
ดิฉัน นางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ อายุ 46 ปี เป็นลูกจ้างประจำของกระทรวงพลังงาน เงินเดือน 14,700 บาท เป็นชั้นผู้น้อย เจ็บป่วยสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ สามีชื่อ นายสมบูรณ์ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ไม่ได้ทำงานเพราะมีปัญหาสุขภาพ
ดิฉันป่วยเป็นช็อคโกแล็ตซีสต์และมดลูกโต รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลกลางนพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ (สูตินารีแพทย์) บอกดิฉันว่าจะผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้องจะมีแผล 3 รู ส่วนรายละเอียดให้ไปหาพยาบาล พยาบาลแจ้งว่าการผ่าตัดวิธีนี้จะเบิกไม่ได้ทั้งหมด ต้องออกค่าใช้จ่ายเองประมาณ 10,000 กว่าบาท แต่แผลจะหายเร็ว และเจ็บตัวน้อย ถ้าผ่าตัดโดยวิธีเปิดแผลเบิกได้ทั้งหมดแต่แผลจะหายช้า ดิฉันยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการเจ็บตัวน้อยกว่า วันที่ 3 ก.พ. 2552 เข้านอนที่โรงพยาบาลตามที่หมอนัด
วันที่ 4 ก.พ.2552 เข้ารับการผ่าตัด เวลา 9.30 น. ผ่าตัดเสร็จ เวลา 17.00 น. ใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ 7 ช.ม. ( ตามในเวชระเบียน หมอทำการผ่าตัด 5 ช.ม. ) ออกจากห้องผ่าตัดมีอาการเจ็บตามาก น้ำตาไหลตลอดเวลา ถามคูณหมอบอกไม่ทราบสาเหตุ วันที่ 5 ก.พ. 2552 หมอบอกดิฉันกับสามีว่ายินดีด้วย เพราะดิฉันเป็นคนไข้รายแรกที่ได้รับการรักษาโดยวิธีส่องกล้องแบบรูเดียว รายแรกของโรงพยาบาลกลางและรายแรกของประเทศไทยเลย ( ดิฉันและสามีไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะได้รับการผ่าตัดแบบส่องกล้องรูเดียว ) อีก 2-3 วันหมอให้กลับไปพักที่บ้านได้
วันที่ 10 ก.พ.2552 ดิฉันไปตรวจตามนัด ตรวจเสร็จปกติดี หมอเรียกคนไข้อีกคนมาดูและแนะนำให้ผ่าตัดวิธีนี้ และถ่ายรูปดิฉันคุณหมอสุวันชัยและคุณหมอหัวหน้าแผนกไว้ ก่อนกลับดิฉันได้เข้าห้องน้ำในโรงพยาบาลกลางออกมามีอาการปวดท้อง กลับไปบ้านมีอาการปวดท้องถึงเช้า วันที่ 11 ก.พ. 2552 ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกลางหมอให้นอนที่โรงพยาบาลบ่าย 3 โมงไปอัลตร้าซาวด์ หมอให้ทำการผ่าตัดด่วน เข้าห้องผ่าตัด 16.00 น. พอถึงเวลา18.00น.หมอสุวันชัยเรียกสามีดิฉันไปพบที่ห้องผ่าตัดแจ้งว่ากระเพาะปัสสาวะแยกต้องเปิดแผลผ่าตัด หมอชวินทร์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะ) เย็บแผลให้เรียบร้อยแล้วหายแน่ไม่ต้องห่วงแต่ต้องอยู่ ร.พ. 14 วัน สามีดิฉันบอกคุณหมอว่าไม่เป็นไรขอให้ปลอดภัย พักรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.มาอีกเพียง 9 วัน วันที่ 19 ก.พ. 2552 เวลา 8.30 น. หมอให้เอาสายปัสสาวะออกก่อนกำหนด ตามกำหนดเดิมต้อง 14 วัน ถึงจะเอาออก ปรากฏมีปัสสาวะไหลออกจากช่องคลอดทั้งวัน พยาบาลบอกไม่เป็นไรให้ทานน้ำมาก ๆ วันที่ 20 เวลา 11.00 น. หมอให้ใส่สายปัสสาวะกลับเข้าไปใหม่ บอกว่าเคสแบบนี้ไม่เคยเจอ จะส่องกล้องหรือฉายสีก็ไม่กล้าแตะทำอะไรไม่ได้ หมอสันนิฐานว่าแผลข้างในยังไม่สมานกันต้องเริ่มต้นดูอาการใหม่อีก 14 วัน แล้วถ้าแผลยังไม่ติดสนิทหรือหายดีต้องผ่าตัดใหม่อีกครั้ง
วันที่ 8 มี.ค 2552 ครบกำหนด 14 วัน หมอชวินทร์เอาสายปัสสาวะออก แต่อาการก็ยังหมือนเดิม มีปัสสาวะไหลออกจากช่องคลอดทั้งวัน หมอมาดูบอกพรุ่งนี้จะส่งกล้องดู
วันที่ 9 มี.ค 2552 เวลา 9.00 น. หมอชวินทร์ส่องกล้องดู บอกแผลที่เย็บไว้ไม่ติดเนื้อมันยุ่ย น่าจะเป็นเพราะผ่าตัดมดลูกแล้วเลเซอร์ไปโดน ต้องรอดูอาการต่ออีก 3-6 เดือน ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ให้ใส่สายปัสสาวะและกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ดิฉันใช้เวลารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกลางประมานเดือนกว่า อาการไม่ทุเลาลง จึงเกิดความกลัวและกังวลว่าหมอจะรักษาไม่หาย จึงขอย้ายโรงพยาบาลและขอเวชระเบียน คุณหมอชวินทร์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ย้าย ดิฉันจึงร้องเรียนรองผอ.ชูวิทย์ คุณหมอสุวันชัยชี้แจงว่าการผ่าตัดมีแผล 2 รู แต่เนื่องจากพังพืดมากทำให้มองไม่เห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ (ไม่ได้บอกว่าเป็นความผิดพลาด และไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใด ๆ) คุณหมอชวินทร์แจ้งดิฉันว่า เคสนี้ผมไม่เคยเจอผมไม่กล้าแตะ ซึ่งได้สร้างความหวาดกลัว วิตกกังวลและทุกข์ใจให้กับดิฉันเป็นอย่างมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของดิฉัน คุณหมอแนะนำให้ดิฉันกลับไปรักษาตัวที่บ้านดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ทั้งที่ดิฉันยังไม่หายเป็นปกติและยังไม่พร้อม
ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลคุณหมอชวินทร์มาพบแล้วแจ้งว่า รองผอ.ชูวิทย์สันนิษฐานว่าจะมีแผล 2 รู (ทั้งที่ตอนแรกบอกแผลมีรูเดียวเย็บให้เรียบร้อยแล้วแต่แผลไม่ติด) และตัวคุณหมอชวินทร์เองก็ไม่ได้ทำการรักษาผิดพลาด ถ้าไปรักษาที่อื่นหากไปฟังความเห็นหมอหลายคนแล้วจะมาโทษว่าหมอรักษาผิดพลาดไม่ได้ ดิฉันสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันกันแน่ มันคนละเรื่องกับก่อนหน้าที่ดิฉันจะร้องเรียนรองผอ.ชูวิทย์และเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของหมอชวินทร์ เมื่อดิฉันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านมีเลือดไหลออกจากบริเวณสายสวนปัสสาวะ จึงโทรกลับไปถามแต่ถูกพยาบาลตะคอกใส่ดิฉันว่าไม่เป็นไรทั้งที่ยังไม่ได้ถามคุณหมอเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนออกจากโรงพยาบาลคุณหมอสั่งเอาไว้ว่าถ้ามีปัญหาฉุกเฉินให้รีบกลับมาได้ทันที แต่พอถึงเวลาฉุกเฉินจริง ๆ คุณหมอชวินทร์กลับจำผู้ป่วยไม่ได้ให้ดิฉันรอคิวตามปกติ ดิฉันไปรอหมอจนเป็นลมเพราะไม่ได้กินข้าวเช้าข้าวกลางวัน อดทนมาตลอด ทนจนถึงที่สุดจึงขอย้าย ร.พ ขอใบส่งตัวก็ไม่ได้ ขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยแนะนำหมอก็บอกไม่จำเป็น ขอเวชระเบียนก็บอกไม่ต้องใช้ บ่ายเบี่ยงทุกอย่าง จนเรื่องถึงรองผู้อำนวยการ กว่าเรื่องจะเรียบร้อยต้องใช้เวลาวันครึ่ง กว่าจะได้ออกจาก ร.พ ยาเหลือเม็ดเดียว หมอไม่ได้สั่งเพิ่มให้ แถมบอกว่าคงไม่ต้องนัดตรวจแล้ว สามีดิฉันบอกแล้วแต่หมอ หมอก็ไม่ได้นัด ดิฉันจึงย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชได้ประมาน 3 เดือนแล้ว
ดิฉันมีความทุกข์ใจอย่างมาก กลัว เครียด กังวล นอนไม่หลับ เคยคิดว่าคุณหมอเป็นคนดีทำงานด้วยใจจริงมีความเสียสละ แต่เหตุการณ์ที่ดิฉันเจอแย่มาก ดิฉันกับสามีตั้งใจทำดีอย่างใจจริงกับคุณหมอและพยาบาลทุกคน มีความหวังว่าจะได้รับการรักษาที่ดี เพื่อให้หายจากความเจ็บป่วยและปลอดภัย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุณหมอทำการรักษาผิดพลาดแต่กลับไม่เคยยอมรับ ไม่เคยบอกให้ผู้ป่วยทราบมิหนำซ้ำยังปิดบังความจริงกับผู้ป่วยอีก อีกทั้งยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใด ๆ เห็นชีวิตคนเป็นแค่หนูทดลอง
ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจมากขึ้นไปอีกที่อ่านพบใน INTERNETของทางโรงพยาบาลกลางลงไว้ว่า ทางโรงพยาบาลกลางโดยนายแพทย์ สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ สูตินารีแพทย์ แพทย์ผู้เชียวชาญและริเริ่มใช้วิธีการผ่าตัดรักษามดลูกด้วยการส่องกล้องแบบรูเดียวทางสะดือได้เป็นผลสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทยจวบจนถึงปัจจุบันมีคนไข้ทั้งสิ้น 12 ราย ซึ่งคนไข้ที่ได้รับการรักษาทุกรายมีความพึงพอใจและมีความสุขมาก เพราะเจ็บตัวน้อย พักพื้นเร็วนอนที่โรงพยาบาลเพียง 2 วันก็สามารถกลับบ้านได้และใช้ชีวิตตามปกติ ที่สำคัญหลังการผ่าตัดแทบจะมองไม่เห็นแผลเพราะเล็กมากเป็นแผลซ่อนอยู่ในสะดือ เมื่อแผลหายจะมองไม่เห็นแผลเป็นอีกด้วย ดิฉันรู้ดีว่าไม่เป็นความจริง และตัวคุณหมอเองก็น่าจะรู้ดีว่าได้โกหกสังคม เพราะดิฉันซึ่งเป็นคนไข้รายแรก หรือจะเรียกว่าเป็นหนูทดลองรายแรกของคุณหมอยังตกนรกทั้งเป็นอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่ได้มีความพึงพอใจและมีความสุขมากเหมือนที่คุณหมออวดอ้างแต่ประการใด ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงคนไข้รายอื่น ๆ ว่าจะตกอยู่ในสภาพแบบดิฉันไม่มีที่สิ้นสุด
นายแพทย์ สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ ได้นำชีวิตของดิฉัน นาง ดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ไปเป็นหนูทดลองโดยที่ดิฉันไม่เคยทราบและไม่เคยได้รับข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น ว่าจะได้รับการรักษาโดยการส่องกล้องแบบรูเดียว ดิฉันรับทราบแต่เพียงว่าจะได้รับการรักษาแบบส่องกล้อง 3 รู ซึ่งก่อนตัดสินใจผ่าตัดแบบส่องกล้องดิฉันได้ปรึกษาญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ข้าราชการอีกหลายท่านกว่าจะตัดสินใจ
แต่นายแพทย์สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ ได้ทำการรักษาผิดพลาดอย่างร้ายแรงแล้วยังนำไปอ้างเป็นความสำเร็จเพื่อเป็นเกียรติและชื่อเสียงของตนเองและทางโรงพยาบาลกลาง ซึ่งไม่เป็นความจริง ขณะนี้ดิฉันนางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ต้องได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จากการผ่าตัดถึง 2 ครั้งต้องใส่สายปัสสาวะและแพมเพิสอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถดำรงค์ชีวิตได้ตามปกติมาเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว และยังต้องรอทำการผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดทรมานอีกมากมายเพียงใด อนาคตจะหายหรือไม่ก็ยังไม่มีแพทย์คนใดกล้าพูดว่าจะหายเป็นปกติ
ดิฉันคงไม่สามารถชื่นชมความสำเร็จของคุณหมอบนคราบน้ำตาของดิฉันได้มันเจ็บปวดทั้งกายและใจจริง ๆ ที่ได้ทราบว่า
ความทุกข์ของดิฉันคือ ความสำเร็จของคุณหมอ | โดย: รายละเอียด [8 มิ.ย. 52 6:22] ( IP A:58.9.190.23 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 วาทะอมตะของท่านเซอร์เลียม โดนัลสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ (ตำแหน่งเทียบเคียงนายกแพทยสภาของไทย) แห่งแคว้น England, สหราชอาณาจักรอังกฤษ และ ประธานโครงการความปลอดภัยทางการแพทย์เพื่อคนไข้ผู้รับบริการ (Patients for Patient's Safety) ขององค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ
ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องของความปลอดภัยของคนไข้ภายใต้บริการทางสาธารณสุข (เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น) ไม่ได้อยู่ที่ "หาคนผิด" หรือ "ลงโทษคนทำพลาด" แต่อยู่ที่ การป้องกันความผิดพลาด ทั้งที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และที่เกิดจากระบบ เพื่อไม่ให้มัน " เกิดขึ้น " และนั่นเป็นเรื่องที่ต้องการความโปร่งใสที่มากยิ่งกว่าของตัวระบบบริการ รวมทั้ง ต้องการความสมัครใจที่ยิ่งใหญ่กว่าของบรรดาผู้อยู่ในวงวิชาชีพนี้ที่จะกล้ายอมรับอย่างซึ่งๆหน้าต่อความผิดพลาดของเรากันเอง เหนือสิ่งอื่นใด ความผิดพลาดเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ แต่การปิดบังความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และการล้มเหลวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดก็เป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้ พวกเราหมอทุกคนล้วนทำเรื่องผิดพลาดได้ทั้งสิ้น แต่นี่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเรียนรู้จากมันและหาหนทางที่ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ทำอันตรายกับใครได้อีก | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [8 มิ.ย. 52 12:34] ( IP A:58.8.105.57 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ความผิดพลาดเป็นเรื่องของมนุษย์ การปิดบังความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ การล้มเหลวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้
แล้ว การปักใจเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ทำผิด ทำผิด การป่าวประกาศว่าคนที่ไม่ได้ทำผิด ทำผิด
คืออะไร | โดย: 000 [8 มิ.ย. 52 21:26] ( IP A:61.90.10.2 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 ความเห็น 12 คุณหมายถึงกรณีไหน หากเป็นกรณีนี้ คุณว่าแพทย์ไม่ผิดตรงไหนบ้าง 1. กับการแจ้งเขาว่าผ่า 3 รู แต่แอบไปทำรูเดียว 2. กับการไม่อธิบายข้อดีข้อเสียของการผ่ารูเดียวให้ผู้ป่วยทราบก่อน 3. กับการไม่ให้ผู้ป่วยมีส่วนในการตัดสินใจเลือกวิธีการผ่าตัด 4. กับการไปโฆษณาเกินจริงว่าสำเร็จ ผู้ป่วยพึงพอใจและมีความสุขมาทุกราย 5. กับการเกิบเงินส่วนเกินหมื่นกว่าบาท (อันนี้ไม่ทราบว่าเข้ากระเป๋าตนเองหรือเข้าโรงพยาบาล) 5. กับการปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดพลาด ปิดบังความจริง และไม่รับผิดชอบเขา แม้แต่แพมเพิสเขายังต้องซื้อเองเบิกไม่ได้เลย เขาขอย้ายโรงพยาบาลก็ไม่ให้เขาย้าย ขณะที่ตนเองพูดว่า "เคสแบบนี้ไม่เคยเจอผมไม่กล้าแตะไม่กล้าทำอะไร"
เอ้าพูดมาซิ ว่าไม่ผิดตรงไหน...? | โดย: ต้องตอบนะ [9 มิ.ย. 52 7:21] ( IP A:58.9.195.71 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 ไม่ได้พูดถึงกรณีนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด หรือแม้แต่ว่ามีคนผิดหรือเปล่าด้วย | โดย: 000 [9 มิ.ย. 52 7:24] ( IP A:61.90.10.2 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 หึ หึ
พยายามเบนประเด็นด้วยการตั้งคำถามกลับ อ่ะนะ
กรณีนี้ หมอต้นเรื่อง "โกหก" หรือยัง???
คดีร่อนพิบูลย์ หมอต้นเรื่อง "โกหก" ไหม???
คดีคุณดอกรัก หมอต้นเรื่องและแพทยสภา "โกหก" ไหม???
คดีท่านประธานเครือข่าย ทั้งหมอต้นเรื่อง แพทยสภา ทั้งตัวนายกแพทยสภา ทั้งตัวเลขาธิการแพทยสภา "โกหก" ไหม???
พอไหมครับ??? หรือจะเอาอีก??? ขอให้บอกนะ จัดให้ได้ทันที | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [9 มิ.ย. 52 7:27] ( IP A:58.8.100.47 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ได้พูดถึงกรณีนี้ เพราะผมไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด หรือแม้แต่ว่ามีคนผิดหรือเปล่าด้วย
ข้อมูลมากขนาดนี้ แล้วคุณยังไม่มีวิจารณญานว่า ใครถูกใครผิดอีก คุณก็ไม่สมควรเข้ามาตอบโต้ เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเอาสีข้างเข้าถู แบบแพทยสภาชอบทำกันเป๊ะ ๆ เลย | โดย: เอาเหอะ...ยกให้ [9 มิ.ย. 52 10:57] ( IP A:58.9.200.84 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ผิดก็บอกว่าผิดไปแล้ว ดูแลเขาให้ดี ๆ มันก็ไม่น่าจะบานปลาย แล้วพอเรื่องบานปลายจะมาโทษผู้เสียหายว่าทำให้หมอ ดี ๆ ต้องท้อแท้สิ้นหวัง มันก็ดูจะเกินไป วงการแพทย์ ต้องสั่งสอนกันว่า ถ้าผิดพลาดไปก็ให้ยอมรับแล้วรับผิดชอบ ดูแลเขาให้ดี ๆ เพราะมันพลาดกันได้ คนไข้ก็รู้ว่าพลาดได้ แต่เวลาพลาดมันหมายถึงทั้งชีวิตเขาเปลี่ยน ครอบครัวเขา เปลี่ยน เปลี่ยนไปในทางตกต่ำด้วย ถ้าเปลี่ยนแบบเสียหาย แล้วดีขึ้นก็คงไม่มีใครมาโวยวาย
ใจเขาใจเรานะหมอ การหมกเม็ดไม่มีอีกต่อไปแล้ว | โดย: ใจเขาใจเรา [9 มิ.ย. 52 14:13] ( IP A:58.9.207.147 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 คห 16 กาลมสูตรสอนว่าอย่างไรครับ | โดย: อือ [9 มิ.ย. 52 14:39] ( IP A:61.19.66.248 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 คห 18 กาลมสูตรสอนว่าอย่างไร | โดย: อยากรู้เหมือนกัน [9 มิ.ย. 52 18:44] ( IP A:61.90.110.211 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 ผมทำแต่คดีแพ่งดคีอาญาทั่วๆไปไม่เคยทำคดีฟ้องแพทยสักที ผมอ่านกระทู้แล้วคิดว่าฟ้องแพทย์ก็น่าทำเหมื่อนกันน่ะ | โดย: seahawk_chai@hotmail.com [9 มิ.ย. 52 21:02] ( IP A:119.31.79.251 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 การที่หมอบางคน ไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของผู้คนสังคมทำให้ปัญหาบานปลาย พอเกิดปัญหาฟ้องร้องกันขึ้นก็โทษสังคมว่าทำให้แพทย์ไม่อยากรักษา | โดย: เมื่อไหร่จะเข้าใจกันเสียที [10 มิ.ย. 52 9:03] ( IP A:58.9.201.41 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 กาลมสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนชาวกาลามะในสมัยพุทธกาล ในเรื่องความเชื่อสิบอย่างที่ไม่สมควรมี
ทั้งนี้ "โดยปราศจากปัญญา" ซึ่งทรงหมายถึง "การไตร่ตรองและพิสูจน์" เสียก่อนที่จะปักใจเชื่อ
การอ้างอิงพระสูตรนี้ เป็นข้อดีเพื่อเตือนใจประการหนึ่ง
แต่ก็ต้องดูเจตนาในการอ้างถึงเช่นกัน ว่า
เป็นเจตนาแบบ "ศรีธนญชัย" ที่อ้างคำแม่ไปล้วงไส้ล้วงพุงเพื่อฆ่าน้องในไส้ของตัวเอง
หรือเป็นเจตนาที่จะป้องกันไม่ให้คนฟัง หลงเชื่อโดยโลภ โทสะ หรือโมหะ ด้วยความไร้ปัญญา | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [10 มิ.ย. 52 14:05] ( IP A:58.8.103.26 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 22 ป้องกันไม่ให้คนฟัง หลงเชื่อ โดย โทสะ และโมหะ (ไร้ปัญญาหรือไม่ คงประเมินไม่ได้) | โดย: 333 [10 มิ.ย. 52 17:02] ( IP A:202.28.183.10 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 คนเราเรื่องปัญญา เรื่องความฉลาด จะเอาของคนหนึ่งไปเทียบกับอีกคนไม่ได้ บางคนฉลาดอีกอย่าง..แต่โง่อีกอย่าง มีให้เห็นถมไป | โดย: ประเมินไม่ได้ [10 มิ.ย. 52 22:47] ( IP A:58.9.184.220 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 โคลงสี่สุภาพ พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕
ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง ความรู้ อาจเรียนทัน กันหมด เว้นแต่ ชั่ว ดี กระด้าง ห่อนแก้ฤาไหว | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [11 มิ.ย. 52 9:42] ( IP A:58.8.105.139 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 ข่าวด่วนเนชั่น 10 มิถุนายน 2552
ผ่าช็อกโกแล็ตซีสต์ผิดพลาด ร้องค่าสินไหม 1.4 ล้าน
นางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ อายุ 46 ปี ลูกจ้างของกระทรวงพลังงาน พร้อมครอบครัวเข้าร้องเรียนต่อนายไกรจักร แก้วนิล รองปลัด กทม.กรณีที่ นพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ แพทย์ด้านสูตินรีเวชของ รพ.กลาง สังกัด กทม.ได้ผ่าตัดมดลูกและช็อคโกแล็ตซีสต์ของนางดาเรศจนผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากทำแสงเลเซอร์ทำกระเพาะปัสสาวะแยก จนมีอาการปัสสาวะเล็ดตลอดเวลา
ล่าสุด นางดาเรศได้เดินทางยื่นหนังสือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์การผ่าตัดที่ผิดพลาดดังกล่าวต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. โดยมีนายไกรจักรเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ ทั้งนี้ นางดาเรศได้เรียกค่าสินไหมทดแทนจาก กทม.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ นพ.สุวันชัยรวม 1.4 ล้านบาทถ้วน ประกอบด้วย
1.ค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน รวมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ที่ผ่านมา จำนวน 50,000 บาท
2.ค่าเดินทางไปทำงานจากการนั่งรถแท็กซี่ทุกวันๆ ละ 500 บาท เนื่องจากไม่สามารถนั่งรถเมล์ได้ตามปกติ จำนวน 50,000 บาท
3.ค่าทนทุกข์ทรมานด้านร่างกายที่ต้องทนเจ็บปวดจากการผ่าตัดซ้ำ อีกทั้งปัสสาวะยังไหลทำให้มีกลิ่นเหม็นตลอดเวลา จนไม่สามารถนั่งทำงานได้ตามปกติ ต้องยืนทำงานตลอดทั้งวันจนปวดขาและเข่า จำนวน 5 แสนบาท
4.ค่าทนทุกข์ทรมานด้านจิตใจ กลายเป็นคนไม่ปกติเพราะมีปัสสาวะไหลตลอดเวลา จะนั่งที่ใดก็ต้องพกเบาะติดตัวตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องใส่สายสวนปัสสาวะตลอดเวลา เดินตามปกติไม่ได้ ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมถึงการใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาตามปกติ จำนวน 8 แสนบาท
5.ขอให้ กทม.รับผิดชอบค่าผ่าตัดรักษาพยาบาลในอนาคต ที่ต้องแก้ไขความผิดพลาดให้กลับมาใช้ชีวิตให้ปกติเหมือนเดิม และ
6.หากความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขให้หายเป็นปกติได้ หรือหากมีความเสียหายใดๆ เพิ่มเติม หรือหากดิฉันต้องถูกให้ออกจากงานในอนาคต เนื่องจากไม่สามารถดำเนินชีวิตที่เป็นปกติเหมือนเดิมได้ ส่วนนี้ขอสงวนสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต
ด้านนายไกรจักร กล่าวว่า ขณะนี้หนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าวไปถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แล้ว อยู่ระหว่างรอให้ผู้ว่าฯกทม. แทงเรื่องดังกล่าวไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป
ในส่วนของการเยียวยาผู้เสียหายนั้น สำนักการแพทย์ (สนพ.) มีคณะกรรมการเยียวยาผู้เสียหายอยู่ ซึ่งจะได้มีการหารือรวมทั้งจะต้องยึดตามเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ด้วย ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุป ว่าจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่ผู้เสียหายร้องเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าทาง รพ.กลางจะมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับผู้เสียหายด้วยระหว่างที่รอคณะกรรมการเยียวยาฯ สรุปผล | โดย: ขออย่าให้เรื่องนี้ไปจบที่ศาล [11 มิ.ย. 52 14:27] ( IP A:58.9.224.62 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 เรียนมากเรียนน้อยไม่ได้สอนให้คนเป็นคนดี แค่เอาจิตสำนึกความเป็นคนมาใช้ ไม่ได้จบอะไรมาเลย ก็น่าเชิดชูยิ่งนัก
การศึกษาวัดน้ำใจคนไม่ได้หรอก เชื่อเหอะ รวมถึง หน้าที่การงานที่มีกันดีดีด้วยนะ วัดไม่ได้เลย .....
เอาโง่ จริงใจ ไร้สารพิษดีกว่า ถ้าอยากคบคนสักคนนะ | โดย: จีเอ็น [11 มิ.ย. 52 18:32] ( IP A:61.19.65.212 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 ขอปรบมือให้ ร.พ. กลาง ที่มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ผู้เสียหาย
หาก "ทำจริง"
นี่จึงเป็น "มาตรการบรรเทาเหตุอย่างทันควันและถูกต้อง"
เริ่มต้นการสลายข้อขัดแย้งถูกทิศทาง ขอเอาใจช่วยให้ตกลงกันได้โดยที่พวกเราในที่ชุมนุมนี้ ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง
ขอย้ำอีกครั้งว่า สมานฉันท์นั้น เกิดขึ้นได้ง่ายๆหากมีความยุติธรรมและความจริงถูกเปิดเผยเท่านั้น!!! | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [12 มิ.ย. 52 9:19] ( IP A:58.8.109.223 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 ดังนั้นจึงต้องมีการตั้งกองทุน เผื่อเยียวยาผู้ป่วยทุกคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยทุกคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล จะได้รับเงินเยียวยาทันที เริ่มต้นที่สามแสนถึงห้าแสนบาท... | โดย: 000 [12 มิ.ย. 52 15:13] ( IP A:202.28.183.10 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 ดีครับ จะได้ร่ำรวยกัน มา รพ รักษาฟรี ยาฟรี จะเอานู่นนี่อีกเพราะของฟรี ตายเจ็บมีเงินติดกระเป๋าอีกต่างห่าง
เช่น ผู้ป่วยอายุ 80ปี มา รพ เป็น pneumonia ติดเชื้อ VAP แถมจาก รพ เหนาะๆ ก็ได้แล้ว ห้าแสน ดีๆๆ ไม่ต้องทำงานแล้ว มาหาเงินที่ รพ ดีกว่า | โดย: รักษาฟรี ห้ามเจ็บห้ามตาย [12 มิ.ย. 52 16:00] ( IP A:125.26.110.105 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 30 อวยพรให้พ่อแม่พี่น้องคุณได้ร่ำรวยไปตาม ๆ กันด้วย | โดย: ขอให้โชคดี [12 มิ.ย. 52 23:50] ( IP A:58.9.190.211 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 31 คนทุกคนที่ตาย ถือว่าเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ไม่ได้เข้ามาช่วยดูแล หรือผิดพลาดในการดูแล ทำให้เกิดการตายเกิดขึ้น
ดังนั้น ต่อไปนี้ ญาติของคนทุกคนที่ตายในประเทศไทย จะได้รับเงินเยียวยาความเสียหาย ความเจ็บช้ำน้ำใจ เยียวยาจิตใจญาติที่เหลืออยู่ ที่ต้องแบกรับความทรมาน ต่อไปนี้เมื่อมีคนตาย รัฐจะมอบเงินเยียวยาให้ทันที เริ่มที่สามแสนถึงห้าแสนบาท | โดย: น่าจะดี [13 มิ.ย. 52 2:30] ( IP A:58.8.83.249 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 32 ก็รวมถึงพ่อแม่พี่น้องลูกเมียคุณด้วย | โดย: น่าจะดี9500 [13 มิ.ย. 52 10:33] ( IP A:61.90.87.181 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 33 ถ้าถึงคราวตายจริงๆ ก็ไม่ได้หวังเงินพวกนี้ เพียงแต่ว่าถ้าได้ก็ย่อมบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้ | โดย: ดีกว่าไม่มี [13 มิ.ย. 52 11:26] ( IP A:58.8.88.5 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 34 ได้เสียค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ค่าห้องพักรวมเป็นเงินกว่า 50,000 บาท ซึ่งไม่สามารถเบิกจากหน่วยงานต้นสังกัดได้
นอน รพ.เอกชน มันเ้บิกได้ด้วยเหรอ???? | โดย: หมอก้อนหิน [15 มิ.ย. 52 7:17] ( IP A:124.157.241.69 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 35 ก็คงต้องเป็นเรื่องผู้เสียหายต้องอธิบายให้ได้ เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่ได้เป็นผู้ตั้งเรื่องให้ผู้เสียหาย เขาระบุได้ ก็ต้องอธิบายได้ | โดย: เครือข่ายฯ [16 มิ.ย. 52 21:33] ( IP A:58.9.207.86 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 36 กำลังจะผ่าตัดแบบส่องกล้องเหมือนกัน ทำให้ใจหวาดๆเลยเรา | โดย: khwan-_-ja@hotmail.com [3 ต.ค. 52 19:40] ( IP A:113.53.66.184 X: ) |  |
|