ร้องหมอสังกัดกทม.ใช้เลเซอร์พลาดกระเพาะปัสสาวะแยก
   วันที่ 05 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 15:28:58 น. มติชนออนไลน์


ร้องหมอสังกัดกทม.ใช้เลเซอร์พลาดกระเพาะปัสสาวะแยก

ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นางปรียานันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ นำนางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ลูกจ้างของกระทรวงพลังงาน พร้อมครอบครัวเข้าร้องเรียนต่อนายไกรจักร แก้วนิล รองปลัดกทม. ถึงกรณีที่นพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ แพทย์ด้านสูตินารีเวช ของโรงพยาบาลกลาง สังกัดกทม. รักษาพยาบาลนางดาเรศผิดพลาด จนทำให้ไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิม เนื่องจากมีอาการปัสสาวะเล็ดตลอดเวลา


นางดาเรศ กล่าวว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ที่ผ่านมาตนเข้ารับการผ่าตัดมดลูกและช็อคโกแล็ตซีด ที่โรงพยาบาลกลาง สังกัดกทม. โดยมีนพ.สุวันชัยเป็นแพทย์ที่ทำการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดนั้นได้ใช้วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ คือ ผ่าตัดแบบส่องกล้องแบบรูเดียว หลังจากการผ่าตัด ตนปวดท้องอย่างหนัก ทำให้ต้องเข้าตรวจที่โรงพยาบาลอีกครั้ง แพทย์วินิจฉัยว่ากระเพาะปัสสาวะแยก เนื่องจากแสงเลเซอร์ไปโดนบริเวณดังกล่าว แม้จะเย็บปิดแผล ก็ไม่สามารถทำให้หายเป็นปกติ


"การรักษาที่ผิดพลาดดังกล่าว ก็ไม่ได้รับคำชี้แจงหรือความรับผิดชอบใดๆ จากแพทย์เจ้าของไข้เลย ทั้งนี้ ได้เสียค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ค่าห้องพักรวมเป็นเงินกว่า 50,000 บาท ซึ่งไม่สามารถเบิกจากหน่วยงานต้นสังกัดได้ นอกจากนั้น แล้วการรักษาดังกล่าวนพ.สุวันชัยได้ลงประชาสัมพันธ์ในเว็ไซต์ว่าการรักษาประสบความสำเร็จ 100% ทั้งที่จริงแล้วการรักษาผิดพลาด" นางดาเรศ กล่าว

ด้านนายไกรจักร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนการรักษาว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเกิดจากผลการรักษาที่ผิดพลาด หรือมาจากตรงส่วนใด ซึ่งหากการตรวจสอบว่าการรักษาของแพทย์ถูกต้อง กทม.ก็จะยังให้การเยียวยา โดยจะจ่ายค่าชดเชยในส่วนที่ผู้ป่วยต้องชำระเอง ทั้งการรักษาที่ผ่านมา รวมถึงการรักษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
โดย: เจ้าบ้าน [5 มิ.ย. 52 16:02] ( IP A:210.86.181.20 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   https://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1244190722&grpid=03&catid=04
โดย: เจ้าบ้าน [5 มิ.ย. 52 16:02] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   อ้าวนี่ก็หมอคนเดียวกันใช่ป่าว
https://www.torakhong.org/kratoo.php?t=15791
โดย: อิอิ [5 มิ.ย. 52 16:21] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    การผ่าตัดรูเดียว

https://74.125.153.132/search?q=cache:oazkUHIUMmwJ:www.oknation.net/blog/print.php%3Fid%3D434882+%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2+%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87&cd=4&hl=th&ct=clnk&gl=th
โดย: ปกติเขาผ่ากันกี่รู [5 มิ.ย. 52 16:26] ( IP A:58.9.207.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    นี่ก็เรื่องเดียวกัน

https://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=197942&NewsType=1&Template=1
โดย: เดลินิวส์ [5 มิ.ย. 52 16:29] ( IP A:58.9.207.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เนื้อหาโฆษณา

ในแต่ละปีมีผู้หญิงไทยจำนวนไม่น้อยเจ็บป่วยด้วยโรคที่เกิดจาก “มดลูกหรือความผิดปกติของมดลูก” ถึงขั้นต้องผ่าตัด งานด้านสูตินรีแพทย์จึงเป็นงานที่รักษา คนไข้ให้ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันในวงการแพทย์ไทยมีการพัฒนาการผ่าตัดรักษาคนไข้ให้มีความปลอดภัยสูงขึ้น เจ็บตัวน้อยที่สุดรวมทั้งบาดแผลจากการผ่าตัดก็เล็กลง ล่าสุดสามารถใช้วิธีการรักษาแบบส่องกล้องผ่าตัดเพียงรูเดียวทางสะดือได้เป็นผลสำเร็จ!!

การผ่าตัดมดลูกด้วยการส่องกล้องแบบรูเดียวทางสะดือ ถือเป็นวิวัฒนาการใหม่ของวงการแพทย์ที่ทางทีมหมอสูตินรีเวช โรงพยาบาลกลาง เป็นผู้ริเริ่มและปฏิบัติจนสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทย นพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ สูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลกลาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและริเริ่มใช้วิธีการผ่าตัดรักษามดลูกด้วยการส่องกล้องแบบรูเดียวทางสะดือ ให้ความรู้ว่า ปัจจุบันวิวัฒนาการการผ่าตัดมดลูกด้วยวิธีการส่อง กล้องผ่านช่องท้องเป็นแบบ 3 รู โดยไม่ต้องเปิดหน้าท้องที่เป็นวิธีดั้งเดิม ทำให้คนไข้เจ็บตัวมาก พักฟื้นนานและเกิดแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ท้องของคนไข้

แต่เมื่อทราบข่าวว่าแพทย์ต่างประเทศสามารถผ่าตัดส่องกล้องรูเดียวได้สำเร็จ จึงคิดว่าแพทย์ต่างประเทศทำได้แพทย์ไทยก็ต้องทำได้ จึงเริ่มศึกษาค้นคว้า จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้เริ่มผ่าตัดคนไข้รายแรก จวบจนปัจจุบัน มีจำนวนคนไข้ทั้งสิ้น 12 ราย ผ่ามดลูก 11 ราย และผ่าตัด ปีกมดลูก 1 ราย ซึ่งคนไข้ที่ได้รับการรักษาทุกรายมีความพึงพอใจและมีความสุขมาก เพราะเจ็บตัวน้อย พักฟื้นเร็วนอนพักที่โรงพยาบาลเพียง 2 วันก็สามารถกลับบ้านได้และใช้ชีวิตตามปกติ ที่สำคัญหลังการผ่าตัดแทบจะ มองไม่เห็นแผลเพราะเล็กมากเป็นแผลซ่อนอยู่ในสะดือ เมื่อแผลหายจะมองไม่เห็นแผลเป็น อีกด้วย

รายแรกที่หมอผ่านั้นต้องยอมรับว่ายากมากเพราะคนไข้มดลูกใหญ่และมีพังผืดเยอะ ใช้เวลาในการผ่าตัดอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงแต่ก็สำเร็จได้ด้วยดี ทำให้เราทราบว่าก่อนจะผ่าตัดนั้นต้องตรวจสอบกลุ่มคนไข้ก่อนว่ากลุ่มใดเหมาะที่จะใช้วิธีผ่าตัดแบบส่องกล้องรูเดียว เช่น ถ้าคนไข้มดลูกใหญ่เกินไปหรือคนไข้ที่มีพังผืดหนาหรือเยอะเกินไปก็ไม่ควรผ่า ควรใช้วิธีดั้งเดิมหรือส่องกล้องแบบ 3 รู เมื่อเราเริ่มชำนาญขึ้นทำให้การผ่าตัดคนไข้รายต่อไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็เสร็จแล้ว

สำหรับโรคที่คนไข้จะรับการรักษาด้วยการผ่าตัดนั้นก็ได้แก่ โรคเนื้องอกในมดลูก ถุงน้ำใน รังไข่ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือที่เรารู้จักกันว่าช็อกโกแลตซีสต์ ซึ่งความแตกต่างระหว่างการผ่าตัดส่องกล้องแบบรูเดียวกับ 3 รู คือ แบบ 3 รูจะมีแผลเป็น เป็นรู 3 รู คือ บริเวณตรงกลางสะดือ บริเวณท้องด้านซ้ายและขวา แต่แบบรูเดียวที่สะดือแทบจะมองไม่เห็น แผลเป็นเลย ทำให้การเจ็บแผลน้อยกว่า รวมทั้งมีโอกาสการเกิดพังผืดหลังผ่าตัดน้อยกว่า และที่สำคัญที่สุดคือ ความสวยงามซึ่งเป็นที่ยอมรับดีมากสำหรับคนไข้ที่รับการรักษา

ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดผ่านกล้อง เกิดขึ้นได้เหมือนการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องขึ้นกับพยาธิสภาพของโรคและความชำนาญของแพทย์ผ่าตัด ส่วนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษานั้นต้องระมัดระวังอย่าให้อุปกรณ์ไปโดนกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้หรือเนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง และข้อห้ามหลังจากการผ่าตัด คือ อย่ายกของที่มีน้ำหนักมากจนเกินไป รวมทั้งงดการมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 1 เดือน นอกนั้นสามารถรับประทาน อาหารและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามการผ่าตัดมดลูกด้วยการส่องกล้องรูเดียวเป็นเทคนิคการผ่าตัดใหม่ซึ่งไม่ใช่คนไข้ทุกรายสามารถทำการผ่าตัดแบบนี้ได้ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาว่าคนไข้รายใดควรได้รับการรักษาด้วยวิธีใดจึงจะเหมาะสม

“ในอนาคตหมอเชื่อว่า วงการแพทย์ไทยจะสามารถพัฒนาการผ่าตัดผ่านกล้องให้เจริญรุดหน้ายิ่งขึ้น เพราะในปัจจุบันการส่อง กล้องผ่าตัดเป็นที่นิยมมากแต่ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญอย่างมาก จึงอยากให้ทางแพทย์ไทยก้าวหน้าเทียบเท่ากับต่าง ประเทศไม่เช่นนั้นเราจะตามโลกอนาคตไม่ทัน ซึ่งโลกแห่งเทคโน โลยีนี้เครื่องไม้เครื่องมือ ทีมงานนั้นสำคัญ โดยเฉพาะแพทย์ไทยต้องร่วมกันทำวิจัยการผ่าตัดหรือศึกษาข้อมูลร่วมกัน ไม่ใช่อยู่ที่หมอเพียงคนเดียว ทุกอย่างต้องช่วยกันจึงจะสำเร็จ เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและเป็นประโยชน์ต่อคนไข้มากที่สุด”

นับจากนี้ไปสุภาพสตรีทั้งหลายที่เจ็บป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับมดลูก และกลัวการผ่าตัด คงคลายความกังวลกันลงไปบ้าง เพราะวิวัฒนาการใหม่นี้จะช่วยให้เราเจ็บตัวน้อยลง พักฟื้นเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลานอนโรงพยาบาลหลายวัน ที่สำคัญจะไม่ทิ้งร่องรอยบาดแผลผ่าตัดให้เราได้เห็นจนขาดความมั่นใจอีกด้วย.
โดย: นางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ เป็นคนไข้รายแรกหรือเปล่าเพราะผ่าตอนเดือนกุมภาพันธ์ [5 มิ.ย. 52 16:33] ( IP A:58.9.207.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   สาวร้องรพ.สังกัดกทม.ทำช้ำรั่วหลังผ่าซีสต์
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 มิ.ย. ที่ศาลาว่าการ กทม.นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้นำนางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ อายุ 46 ปี ลูกจ้างของกระทรวงพลังงาน พร้อมครอบครัวเข้าร้องเรียนต่อนายไกรจักร แก้วนิล รองปลัด กทม.กรณีที่นายแพทย์รายหนึ่ง ด้านสูตินรีเวชของ รพ.แห่งหนึ่งสังกัด กทม.ได้รักษานางดาเรศผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากมีอาการปัสสาวะเล็ดตลอดเวลา โดยนางดาเรศ กล่าวว่า ตนเข้ารับการผ่าตัดมดลูกและช็อคโกแล็ตซีสต์ที่ รพ.กลางเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี นายแพทย์คนดังกล่าวทำการผ่าตัด ซึ่งการผ่าตัดนั้นได้ใช้วิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่ คือ ผ่าตัดแบบส่องกล้องแบบรูเดียว ซึ่งหลังจากการผ่าตัดดังกล่าวทำให้ตนปวดท้องอย่างหนัก ทำให้ต้องเข้าตรวจที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีกครั้ง โดยแพทย์วินิจฉัยว่ากระเพาะปัสสาวะแยกเนื่องจากถูกแสงเลเซอร์ แม้จะทำการเย็บปิดแผลแล้วก็ไม่สามารถทำให้หายเป็นปกติได้

ซึ่งการรักษาที่ผิดพลาดดังกล่าวตนไม่ได้รับคำชี้แจง หรือ ความรับผิดชอบใดๆ จากแพทย์เจ้าของไข้เลย ทั้งนี้ ตนได้เสียค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ค่าห้องพักรวมเป็นเงินกว่า 50,000 บาทแล้ว ซึ่งไม่สามารถเบิกจากหน่วยงานต้นสังกัดได้

นอกจากนั้นแล้วการรักษาดังกล่าว นพ.สุวันชัยได้ลงประชาสัมพันธ์ในเว็บไซต์ ว่าการรักษาประสบความสำเร็จ 100% ทั้งที่จริงแล้วการรักษาผิดพลาด

ด้านนพ.ไกรจักร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นเกิดจากผลการรักษาที่ผิดพลาดหรือมาจากตรงส่วนใด ซึ่งหากการตรวจสอบว่าการรักษาของแพทย์ถูกต้อง กทม.ก็จะยังให้การเยียวยา โดยจะจ่ายค่าชดเชยในส่วนที่ผู้ป่วยต้องชำระเอง ทั้งในส่วนของการรักษาที่ผ่านมา รวมถึงการรักษาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

ด้านนางปรียนันท์ กล่าวด้วยว่า ตนขอเรียกร้องให้ รพ.กลางถอดโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ลงในเว็บไซต์ รวมทั้งที่ติดประกาศอยู่ที่ โรงพยาบาลออกด้วย ที่ระบุว่าการรักษาพยาบาลจะประสบความสำเร็จ เพราะถือว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง และเพื่อป้องกันการเข้าใจผิดให้กับประชาชนคนอื่นต่อไป ส่วนการฟ้องร้องดำเนินคดีนั้น หาก กทม.ไม่ได้ให้ความช่วยเหลือ ทางเครือข่ายก็จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีต่อไป
โดย: ข่าวสด งานเข้า [5 มิ.ย. 52 16:45] ( IP A:58.9.207.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   รายแรกที่หมอผ่านั้นต้องยอมรับว่ายากมากเพราะคนไข้มดลูกใหญ่และมีพังผืดเยอะ ใช้เวลาในการผ่าตัดอยู่ประมาณ 4 ชั่วโมงแต่ก็สำเร็จได้ด้วยดี

เรียนทุกท่าน
เผอิญคนไข้รายแรกคือคุณดาเรศ ที่เป็นข่าวอยู่นี่แหละ
โดย: เครือข่ายฯ [7 มิ.ย. 52 6:45] ( IP A:58.9.191.192 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   รายละเอียดของเรื่องนี้

ดิฉัน นางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ อายุ 46 ปี เป็นลูกจ้างประจำของกระทรวงพลังงาน เงินเดือน 14,700 บาท เป็นชั้นผู้น้อย เจ็บป่วยสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ สามีชื่อ นายสมบูรณ์ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ไม่ได้ทำงานเพราะมีปัญหาสุขภาพ

ดิฉันป่วยเป็นช็อคโกแล็ตซีสต์และมดลูกโต รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลกลางนพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ (สูตินารีแพทย์) บอกดิฉันว่าจะผ่าตัดโดยวิธีส่องกล้องจะมีแผล 3 รู ส่วนรายละเอียดให้ไปหาพยาบาล พยาบาลแจ้งว่าการผ่าตัดวิธีนี้จะเบิกไม่ได้ทั้งหมด ต้องออกค่าใช้จ่ายเองประมาณ 10,000 กว่าบาท แต่แผลจะหายเร็ว และเจ็บตัวน้อย ถ้าผ่าตัดโดยวิธีเปิดแผลเบิกได้ทั้งหมดแต่แผลจะหายช้า ดิฉันยอมเสียเงินเพื่อแลกกับการเจ็บตัวน้อยกว่า

วันที่ 3 ก.พ. 2552
เข้านอนที่โรงพยาบาลตามที่หมอนัด

วันที่ 4 ก.พ.2552
เข้ารับการผ่าตัด เวลา 9.30 น. ผ่าตัดเสร็จ เวลา 17.00 น. ใช้เวลาอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ 7 ช.ม. ( ตามในเวชระเบียน หมอทำการผ่าตัด 5 ช.ม. ) ออกจากห้องผ่าตัดมีอาการเจ็บตามาก น้ำตาไหลตลอดเวลา ถามคูณหมอบอกไม่ทราบสาเหตุ

วันที่ 5 ก.พ. 2552
หมอบอกดิฉันกับสามีว่ายินดีด้วย เพราะดิฉันเป็นคนไข้รายแรกที่ได้รับการรักษาโดยวิธีส่องกล้องแบบรูเดียว รายแรกของโรงพยาบาลกลางและรายแรกของประเทศไทยเลย ( ดิฉันและสามีไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะได้รับการผ่าตัดแบบส่องกล้องรูเดียว ) อีก 2-3 วันหมอให้กลับไปพักที่บ้านได้

วันที่ 10 ก.พ.2552
ดิฉันไปตรวจตามนัด ตรวจเสร็จปกติดี หมอเรียกคนไข้อีกคนมาดูและแนะนำให้ผ่าตัดวิธีนี้ และถ่ายรูปดิฉันคุณหมอสุวันชัยและคุณหมอหัวหน้าแผนกไว้ ก่อนกลับดิฉันได้เข้าห้องน้ำในโรงพยาบาลกลางออกมามีอาการปวดท้อง กลับไปบ้านมีอาการปวดท้องถึงเช้า

วันที่ 11 ก.พ. 2552
ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกลางหมอให้นอนที่โรงพยาบาลบ่าย 3 โมงไปอัลตร้าซาวด์ หมอให้ทำการผ่าตัดด่วน เข้าห้องผ่าตัด 16.00 น. พอถึงเวลา18.00น.หมอสุวันชัยเรียกสามีดิฉันไปพบที่ห้องผ่าตัดแจ้งว่ากระเพาะปัสสาวะแยกต้องเปิดแผลผ่าตัด หมอชวินทร์ (ผู้เชี่ยวชาญด้านทางเดินปัสสาวะ) เย็บแผลให้เรียบร้อยแล้วหายแน่ไม่ต้องห่วงแต่ต้องอยู่ ร.พ. 14 วัน สามีดิฉันบอกคุณหมอว่าไม่เป็นไรขอให้ปลอดภัย พักรักษาตัวอยู่ที่ ร.พ.มาอีกเพียง 9 วัน

วันที่ 19 ก.พ. 2552
เวลา 8.30 น. หมอให้เอาสายปัสสาวะออกก่อนกำหนด ตามกำหนดเดิมต้อง 14 วัน ถึงจะเอาออก ปรากฏมีปัสสาวะไหลออกจากช่องคลอดทั้งวัน พยาบาลบอกไม่เป็นไรให้ทานน้ำมาก ๆ วันที่ 20 เวลา 11.00 น. หมอให้ใส่สายปัสสาวะกลับเข้าไปใหม่ บอกว่าเคสแบบนี้ไม่เคยเจอ จะส่องกล้องหรือฉายสีก็ไม่กล้าแตะทำอะไรไม่ได้ หมอสันนิฐานว่าแผลข้างในยังไม่สมานกันต้องเริ่มต้นดูอาการใหม่อีก 14 วัน แล้วถ้าแผลยังไม่ติดสนิทหรือหายดีต้องผ่าตัดใหม่อีกครั้ง

วันที่ 8 มี.ค 2552
ครบกำหนด 14 วัน หมอชวินทร์เอาสายปัสสาวะออก แต่อาการก็ยังหมือนเดิม มีปัสสาวะไหลออกจากช่องคลอดทั้งวัน หมอมาดูบอกพรุ่งนี้จะส่งกล้องดู

วันที่ 9 มี.ค 2552
เวลา 9.00 น. หมอชวินทร์ส่องกล้องดู บอกแผลที่เย็บไว้ไม่ติดเนื้อมันยุ่ย น่าจะเป็นเพราะผ่าตัดมดลูกแล้วเลเซอร์ไปโดน ต้องรอดูอาการต่ออีก 3-6 เดือน ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ให้ใส่สายปัสสาวะและกลับไปพักผ่อนที่บ้าน

ดิฉันใช้เวลารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกลางประมานเดือนกว่า อาการไม่ทุเลาลง จึงเกิดความกลัวและกังวลว่าหมอจะรักษาไม่หาย จึงขอย้ายโรงพยาบาลและขอเวชระเบียน คุณหมอชวินทร์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้ย้าย ดิฉันจึงร้องเรียนรองผอ.ชูวิทย์ คุณหมอสุวันชัยชี้แจงว่าการผ่าตัดมีแผล 2 รู แต่เนื่องจากพังพืดมากทำให้มองไม่เห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ (ไม่ได้บอกว่าเป็นความผิดพลาด และไม่ได้แสดงความรับผิดชอบใด ๆ) คุณหมอชวินทร์แจ้งดิฉันว่า ”เคสนี้ผมไม่เคยเจอผมไม่กล้าแตะ” ซึ่งได้สร้างความหวาดกลัว วิตกกังวลและทุกข์ใจให้กับดิฉันเป็นอย่างมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของดิฉัน คุณหมอแนะนำให้ดิฉันกลับไปรักษาตัวที่บ้านดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ทั้งที่ดิฉันยังไม่หายเป็นปกติและยังไม่พร้อม

ก่อนจะออกจากโรงพยาบาลคุณหมอชวินทร์มาพบแล้วแจ้งว่า รองผอ.ชูวิทย์สันนิษฐานว่าจะมีแผล 2 รู (ทั้งที่ตอนแรกบอกแผลมีรูเดียวเย็บให้เรียบร้อยแล้วแต่แผลไม่ติด) และตัวคุณหมอชวินทร์เองก็ไม่ได้ทำการรักษาผิดพลาด ถ้าไปรักษาที่อื่นหากไปฟังความเห็นหมอหลายคนแล้วจะมาโทษว่าหมอรักษาผิดพลาดไม่ได้ ดิฉันสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกับดิฉันกันแน่ มันคนละเรื่องกับก่อนหน้าที่ดิฉันจะร้องเรียนรองผอ.ชูวิทย์และเริ่มรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลของหมอชวินทร์

เมื่อดิฉันขึ้นแท็กซี่กลับบ้านมีเลือดไหลออกจากบริเวณสายสวนปัสสาวะ จึงโทรกลับไปถามแต่ถูกพยาบาลตะคอกใส่ดิฉันว่าไม่เป็นไรทั้งที่ยังไม่ได้ถามคุณหมอเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนออกจากโรงพยาบาลคุณหมอสั่งเอาไว้ว่าถ้ามีปัญหาฉุกเฉินให้รีบกลับมาได้ทันที แต่พอถึงเวลาฉุกเฉินจริง ๆ คุณหมอชวินทร์กลับจำผู้ป่วยไม่ได้ให้ดิฉันรอคิวตามปกติ ดิฉันไปรอหมอจนเป็นลมเพราะไม่ได้กินข้าวเช้าข้าวกลางวัน อดทนมาตลอด ทนจนถึงที่สุดจึงขอย้าย ร.พ ขอใบส่งตัวก็ไม่ได้ ขอความอนุเคราะห์ให้ช่วยแนะนำหมอก็บอกไม่จำเป็น ขอเวชระเบียนก็บอกไม่ต้องใช้ บ่ายเบี่ยงทุกอย่าง จนเรื่องถึงรองผู้อำนวยการ กว่าเรื่องจะเรียบร้อยต้องใช้เวลาวันครึ่ง กว่าจะได้ออกจาก ร.พ ยาเหลือเม็ดเดียว หมอไม่ได้สั่งเพิ่มให้ แถมบอกว่าคงไม่ต้องนัดตรวจแล้ว สามีดิฉันบอกแล้วแต่หมอ หมอก็ไม่ได้นัด ดิฉันจึงย้ายมารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราชได้ประมาน 3 เดือนแล้ว

ดิฉันมีความทุกข์ใจอย่างมาก กลัว เครียด กังวล นอนไม่หลับ เคยคิดว่าคุณหมอเป็นคนดีทำงานด้วยใจจริงมีความเสียสละ แต่เหตุการณ์ที่ดิฉันเจอแย่มาก ดิฉันกับสามีตั้งใจทำดีอย่างใจจริงกับคุณหมอและพยาบาลทุกคน มีความหวังว่าจะได้รับการรักษาที่ดี เพื่อให้หายจากความเจ็บป่วยและปลอดภัย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด คุณหมอทำการรักษาผิดพลาดแต่กลับไม่เคยยอมรับ ไม่เคยบอกให้ผู้ป่วยทราบมิหนำซ้ำยังปิดบังความจริงกับผู้ป่วยอีก อีกทั้งยังไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใด ๆ เห็นชีวิตคนเป็นแค่หนูทดลอง

ดิฉันรู้สึกสะเทือนใจมากขึ้นไปอีกที่อ่านพบใน INTERNETของทางโรงพยาบาลกลางลงไว้ว่า “ทางโรงพยาบาลกลางโดยนายแพทย์ สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ สูตินารีแพทย์ แพทย์ผู้เชียวชาญและริเริ่มใช้วิธีการผ่าตัดรักษามดลูกด้วยการส่องกล้องแบบรูเดียวทางสะดือได้เป็นผลสำเร็จเป็นรายแรกของประเทศไทยจวบจนถึงปัจจุบันมีคนไข้ทั้งสิ้น 12 ราย ซึ่งคนไข้ที่ได้รับการรักษาทุกรายมีความพึงพอใจและมีความสุขมาก เพราะเจ็บตัวน้อย พักพื้นเร็วนอนที่โรงพยาบาลเพียง 2 วันก็สามารถกลับบ้านได้และใช้ชีวิตตามปกติ ที่สำคัญหลังการผ่าตัดแทบจะมองไม่เห็นแผลเพราะเล็กมากเป็นแผลซ่อนอยู่ในสะดือ เมื่อแผลหายจะมองไม่เห็นแผลเป็นอีกด้วย” ดิฉันรู้ดีว่าไม่เป็นความจริง และตัวคุณหมอเองก็น่าจะรู้ดีว่าได้โกหกสังคม เพราะดิฉันซึ่งเป็นคนไข้รายแรก หรือจะเรียกว่าเป็นหนูทดลองรายแรกของคุณหมอยังตกนรกทั้งเป็นอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้ ไม่ได้มีความพึงพอใจและมีความสุขมากเหมือนที่คุณหมออวดอ้างแต่ประการใด ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงคนไข้รายอื่น ๆ ว่าจะตกอยู่ในสภาพแบบดิฉันไม่มีที่สิ้นสุด

นายแพทย์ สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ ได้นำชีวิตของดิฉัน นาง ดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ไปเป็นหนูทดลองโดยที่ดิฉันไม่เคยทราบและไม่เคยได้รับข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้น ว่าจะได้รับการรักษาโดยการส่องกล้องแบบรูเดียว ดิฉันรับทราบแต่เพียงว่าจะได้รับการรักษาแบบส่องกล้อง 3 รู ซึ่งก่อนตัดสินใจผ่าตัดแบบส่องกล้องดิฉันได้ปรึกษาญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ ข้าราชการอีกหลายท่านกว่าจะตัดสินใจ

แต่นายแพทย์สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ ได้ทำการรักษาผิดพลาดอย่างร้ายแรงแล้วยังนำไปอ้างเป็นความสำเร็จเพื่อเป็นเกียรติและชื่อเสียงของตนเองและทางโรงพยาบาลกลาง ซึ่งไม่เป็นความจริง ขณะนี้ดิฉันนางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ ต้องได้รับทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จากการผ่าตัดถึง 2 ครั้งต้องใส่สายปัสสาวะและแพมเพิสอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถดำรงค์ชีวิตได้ตามปกติมาเป็นเวลา 4-5 เดือนแล้ว และยังต้องรอทำการผ่าตัดอีกเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเจ็บปวดทรมานอีกมากมายเพียงใด อนาคตจะหายหรือไม่ก็ยังไม่มีแพทย์คนใดกล้าพูดว่าจะหายเป็นปกติ

ดิฉันคงไม่สามารถชื่นชมความสำเร็จของคุณหมอบนคราบน้ำตาของดิฉันได้มันเจ็บปวดทั้งกายและใจจริง ๆ ที่ได้ทราบว่า

“ ความทุกข์ของดิฉันคือ ความสำเร็จของคุณหมอ “
โดย: รายละเอียด [8 มิ.ย. 52 6:22] ( IP A:58.9.190.23 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   วาทะอมตะของท่านเซอร์เลียม โดนัลสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ (ตำแหน่งเทียบเคียงนายกแพทยสภาของไทย) แห่งแคว้น England, สหราชอาณาจักรอังกฤษ และ ประธานโครงการความปลอดภัยทางการแพทย์เพื่อคนไข้ผู้รับบริการ (Patients for Patient's Safety) ขององค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องของความปลอดภัยของคนไข้ภายใต้บริการทางสาธารณสุข (เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น) ไม่ได้อยู่ที่ "หาคนผิด" หรือ "ลงโทษคนทำพลาด" แต่อยู่ที่ การป้องกันความผิดพลาด ทั้งที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และที่เกิดจากระบบ เพื่อไม่ให้มัน " เกิดขึ้น " และนั่นเป็นเรื่องที่ต้องการความโปร่งใสที่มากยิ่งกว่าของตัวระบบบริการ รวมทั้ง ต้องการความสมัครใจที่ยิ่งใหญ่กว่าของบรรดาผู้อยู่ในวงวิชาชีพนี้ที่จะกล้ายอมรับอย่างซึ่งๆหน้าต่อความผิดพลาดของเรากันเอง เหนือสิ่งอื่นใด ความผิดพลาดเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ แต่การปิดบังความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และการล้มเหลวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดก็เป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้ พวกเราหมอทุกคนล้วนทำเรื่องผิดพลาดได้ทั้งสิ้น แต่นี่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเรียนรู้จากมันและหาหนทางที่ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ทำอันตรายกับใครได้อีก
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [8 มิ.ย. 52 12:34] ( IP A:58.8.105.57 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ความผิดพลาดเป็นเรื่องของมนุษย์
การปิดบังความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
การล้มเหลวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้

แล้ว
การปักใจเชื่อว่าคนที่ไม่ได้ทำผิด ทำผิด
การป่าวประกาศว่าคนที่ไม่ได้ทำผิด ทำผิด

คืออะไร
โดย: 000 [8 มิ.ย. 52 21:26] ( IP A:61.90.10.2 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ความเห็น 12
คุณหมายถึงกรณีไหน
หากเป็นกรณีนี้ คุณว่าแพทย์ไม่ผิดตรงไหนบ้าง
1. กับการแจ้งเขาว่าผ่า 3 รู แต่แอบไปทำรูเดียว
2. กับการไม่อธิบายข้อดีข้อเสียของการผ่ารูเดียวให้ผู้ป่วยทราบก่อน
3. กับการไม่ให้ผู้ป่วยมีส่วนในการตัดสินใจเลือกวิธีการผ่าตัด
4. กับการไปโฆษณาเกินจริงว่าสำเร็จ ผู้ป่วยพึงพอใจและมีความสุขมาทุกราย
5. กับการเกิบเงินส่วนเกินหมื่นกว่าบาท (อันนี้ไม่ทราบว่าเข้ากระเป๋าตนเองหรือเข้าโรงพยาบาล)
5. กับการปฏิเสธว่าไม่ได้ทำผิดพลาด ปิดบังความจริง และไม่รับผิดชอบเขา แม้แต่แพมเพิสเขายังต้องซื้อเองเบิกไม่ได้เลย เขาขอย้ายโรงพยาบาลก็ไม่ให้เขาย้าย ขณะที่ตนเองพูดว่า "เคสแบบนี้ไม่เคยเจอผมไม่กล้าแตะไม่กล้าทำอะไร"

เอ้าพูดมาซิ ว่าไม่ผิดตรงไหน...?
โดย: ต้องตอบนะ [9 มิ.ย. 52 7:21] ( IP A:58.9.195.71 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ไม่ได้พูดถึงกรณีนี้
เพราะผมไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด
หรือแม้แต่ว่ามีคนผิดหรือเปล่าด้วย
โดย: 000 [9 มิ.ย. 52 7:24] ( IP A:61.90.10.2 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   หึ หึ

พยายามเบนประเด็นด้วยการตั้งคำถามกลับ อ่ะนะ

กรณีนี้ หมอต้นเรื่อง "โกหก" หรือยัง???

คดีร่อนพิบูลย์ หมอต้นเรื่อง "โกหก" ไหม???

คดีคุณดอกรัก หมอต้นเรื่องและแพทยสภา "โกหก" ไหม???

คดีท่านประธานเครือข่าย ทั้งหมอต้นเรื่อง แพทยสภา ทั้งตัวนายกแพทยสภา ทั้งตัวเลขาธิการแพทยสภา "โกหก" ไหม???

พอไหมครับ??? หรือจะเอาอีก??? ขอให้บอกนะ จัดให้ได้ทันที
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [9 มิ.ย. 52 7:27] ( IP A:58.8.100.47 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ความคิดเห็นที่ 14
ไม่ได้พูดถึงกรณีนี้
เพราะผมไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด
หรือแม้แต่ว่ามีคนผิดหรือเปล่าด้วย


ข้อมูลมากขนาดนี้ แล้วคุณยังไม่มีวิจารณญานว่า
ใครถูกใครผิดอีก คุณก็ไม่สมควรเข้ามาตอบโต้
เพราะมันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเอาสีข้างเข้าถู
แบบแพทยสภาชอบทำกันเป๊ะ ๆ เลย
โดย: เอาเหอะ...ยกให้ [9 มิ.ย. 52 10:57] ( IP A:58.9.200.84 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ผิดก็บอกว่าผิดไปแล้ว
ดูแลเขาให้ดี ๆ มันก็ไม่น่าจะบานปลาย
แล้วพอเรื่องบานปลายจะมาโทษผู้เสียหายว่าทำให้หมอ
ดี ๆ ต้องท้อแท้สิ้นหวัง มันก็ดูจะเกินไป วงการแพทย์
ต้องสั่งสอนกันว่า ถ้าผิดพลาดไปก็ให้ยอมรับแล้วรับผิดชอบ
ดูแลเขาให้ดี ๆ เพราะมันพลาดกันได้ คนไข้ก็รู้ว่าพลาดได้
แต่เวลาพลาดมันหมายถึงทั้งชีวิตเขาเปลี่ยน ครอบครัวเขา
เปลี่ยน เปลี่ยนไปในทางตกต่ำด้วย ถ้าเปลี่ยนแบบเสียหาย
แล้วดีขึ้นก็คงไม่มีใครมาโวยวาย

ใจเขาใจเรานะหมอ การหมกเม็ดไม่มีอีกต่อไปแล้ว
โดย: ใจเขาใจเรา [9 มิ.ย. 52 14:13] ( IP A:58.9.207.147 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   คห 16 กาลมสูตรสอนว่าอย่างไรครับ
โดย: อือ [9 มิ.ย. 52 14:39] ( IP A:61.19.66.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   คห 18
กาลมสูตรสอนว่าอย่างไร
โดย: อยากรู้เหมือนกัน [9 มิ.ย. 52 18:44] ( IP A:61.90.110.211 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   ผมทำแต่คดีแพ่งดคีอาญาทั่วๆไปไม่เคยทำคดีฟ้องแพทยสักที
ผมอ่านกระทู้แล้วคิดว่าฟ้องแพทย์ก็น่าทำเหมื่อนกันน่ะ
โดย: seahawk_chai@hotmail.com [9 มิ.ย. 52 21:02] ( IP A:119.31.79.251 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   การที่หมอบางคน ไม่ค่อยคิดถึงความรู้สึกของผู้คนสังคมทำให้ปัญหาบานปลาย พอเกิดปัญหาฟ้องร้องกันขึ้นก็โทษสังคมว่าทำให้แพทย์ไม่อยากรักษา
โดย: เมื่อไหร่จะเข้าใจกันเสียที [10 มิ.ย. 52 9:03] ( IP A:58.9.201.41 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   กาลมสูตร คือ พระสูตรที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนชาวกาลามะในสมัยพุทธกาล ในเรื่องความเชื่อสิบอย่างที่ไม่สมควรมี

ทั้งนี้ "โดยปราศจากปัญญา" ซึ่งทรงหมายถึง "การไตร่ตรองและพิสูจน์" เสียก่อนที่จะปักใจเชื่อ

การอ้างอิงพระสูตรนี้ เป็นข้อดีเพื่อเตือนใจประการหนึ่ง

แต่ก็ต้องดูเจตนาในการอ้างถึงเช่นกัน ว่า

เป็นเจตนาแบบ "ศรีธนญชัย" ที่อ้างคำแม่ไปล้วงไส้ล้วงพุงเพื่อฆ่าน้องในไส้ของตัวเอง

หรือเป็นเจตนาที่จะป้องกันไม่ให้คนฟัง หลงเชื่อโดยโลภ โทสะ หรือโมหะ ด้วยความไร้ปัญญา
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [10 มิ.ย. 52 14:05] ( IP A:58.8.103.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   ป้องกันไม่ให้คนฟัง หลงเชื่อ โดย โทสะ และโมหะ (ไร้ปัญญาหรือไม่ คงประเมินไม่ได้)
โดย: 333 [10 มิ.ย. 52 17:02] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   คนเราเรื่องปัญญา
เรื่องความฉลาด
จะเอาของคนหนึ่งไปเทียบกับอีกคนไม่ได้
บางคนฉลาดอีกอย่าง..แต่โง่อีกอย่าง
มีให้เห็นถมไป
โดย: ประเมินไม่ได้ [10 มิ.ย. 52 22:47] ( IP A:58.9.184.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   โคลงสี่สุภาพ พระราชนิพนธ์ในล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕

ฝูงชนกำเนิดคล้าย คลึงกัน
ใหญ่ย่อมเพศผิวพรรณ แผกบ้าง
ความรู้ อาจเรียนทัน กันหมด
เว้นแต่ ชั่ว ดี กระด้าง ห่อนแก้ฤาไหว
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [11 มิ.ย. 52 9:42] ( IP A:58.8.105.139 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   ข่าวด่วนเนชั่น
10 มิถุนายน 2552

ผ่าช็อกโกแล็ตซีสต์ผิดพลาด ร้องค่าสินไหม 1.4 ล้าน

นางดาเรศ จันทิมาโพธิ์พงษ์ อายุ 46 ปี ลูกจ้างของกระทรวงพลังงาน พร้อมครอบครัวเข้าร้องเรียนต่อนายไกรจักร แก้วนิล รองปลัด กทม.กรณีที่ นพ.สุวันชัย ชัยรัชนีบูลย์ แพทย์ด้านสูตินรีเวชของ รพ.กลาง สังกัด กทม.ได้ผ่าตัดมดลูกและช็อคโกแล็ตซีสต์ของนางดาเรศจนผิดพลาด ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติเนื่องจากทำแสงเลเซอร์ทำกระเพาะปัสสาวะแยก จนมีอาการปัสสาวะเล็ดตลอดเวลา

ล่าสุด นางดาเรศได้เดินทางยื่นหนังสือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากเหตุการณ์การผ่าตัดที่ผิดพลาดดังกล่าวต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. โดยมีนายไกรจักรเป็นตัวแทนรับมอบหนังสือ ทั้งนี้ นางดาเรศได้เรียกค่าสินไหมทดแทนจาก กทม.ในฐานะที่เป็นหน่วยงานต้นสังกัดของ นพ.สุวันชัยรวม 1.4 ล้านบาทถ้วน ประกอบด้วย

1.ค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน รวมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ที่ผ่านมา จำนวน 50,000 บาท

2.ค่าเดินทางไปทำงานจากการนั่งรถแท็กซี่ทุกวันๆ ละ 500 บาท เนื่องจากไม่สามารถนั่งรถเมล์ได้ตามปกติ จำนวน 50,000 บาท

3.ค่าทนทุกข์ทรมานด้านร่างกายที่ต้องทนเจ็บปวดจากการผ่าตัดซ้ำ อีกทั้งปัสสาวะยังไหลทำให้มีกลิ่นเหม็นตลอดเวลา จนไม่สามารถนั่งทำงานได้ตามปกติ ต้องยืนทำงานตลอดทั้งวันจนปวดขาและเข่า จำนวน 5 แสนบาท

4.ค่าทนทุกข์ทรมานด้านจิตใจ กลายเป็นคนไม่ปกติเพราะมีปัสสาวะไหลตลอดเวลา จะนั่งที่ใดก็ต้องพกเบาะติดตัวตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องใส่สายสวนปัสสาวะตลอดเวลา เดินตามปกติไม่ได้ ทั้งนี้ ยังไม่นับรวมถึงการใช้ชีวิตฉันท์สามีภรรยาตามปกติ จำนวน 8 แสนบาท

5.ขอให้ กทม.รับผิดชอบค่าผ่าตัดรักษาพยาบาลในอนาคต ที่ต้องแก้ไขความผิดพลาดให้กลับมาใช้ชีวิตให้ปกติเหมือนเดิม และ

6.หากความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่สามารถแก้ไขให้หายเป็นปกติได้ หรือหากมีความเสียหายใดๆ เพิ่มเติม หรือหากดิฉันต้องถูกให้ออกจากงานในอนาคต เนื่องจากไม่สามารถดำเนินชีวิตที่เป็นปกติเหมือนเดิมได้ ส่วนนี้ขอสงวนสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มเติมได้อีกในอนาคต

ด้านนายไกรจักร กล่าวว่า ขณะนี้หนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าวไปถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์แล้ว อยู่ระหว่างรอให้ผู้ว่าฯกทม. แทงเรื่องดังกล่าวไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นต่อไป

ในส่วนของการเยียวยาผู้เสียหายนั้น สำนักการแพทย์ (สนพ.) มีคณะกรรมการเยียวยาผู้เสียหายอยู่ ซึ่งจะได้มีการหารือรวมทั้งจะต้องยึดตามเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ด้วย ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์จะได้ข้อสรุป ว่าจะสามารถจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่ผู้เสียหายร้องเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ทราบว่าทาง รพ.กลางจะมอบเงินช่วยเหลือในเบื้องต้นให้กับผู้เสียหายด้วยระหว่างที่รอคณะกรรมการเยียวยาฯ สรุปผล
โดย: ขออย่าให้เรื่องนี้ไปจบที่ศาล [11 มิ.ย. 52 14:27] ( IP A:58.9.224.62 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   เรียนมากเรียนน้อยไม่ได้สอนให้คนเป็นคนดี
แค่เอาจิตสำนึกความเป็นคนมาใช้
ไม่ได้จบอะไรมาเลย ก็น่าเชิดชูยิ่งนัก

การศึกษาวัดน้ำใจคนไม่ได้หรอก เชื่อเหอะ
รวมถึง หน้าที่การงานที่มีกันดีดีด้วยนะ
วัดไม่ได้เลย .....


เอาโง่ จริงใจ ไร้สารพิษดีกว่า ถ้าอยากคบคนสักคนนะ
โดย: จีเอ็น [11 มิ.ย. 52 18:32] ( IP A:61.19.65.212 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
   ขอปรบมือให้ ร.พ. กลาง ที่มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ผู้เสียหาย

หาก "ทำจริง"

นี่จึงเป็น "มาตรการบรรเทาเหตุอย่างทันควันและถูกต้อง"

เริ่มต้นการสลายข้อขัดแย้งถูกทิศทาง ขอเอาใจช่วยให้ตกลงกันได้โดยที่พวกเราในที่ชุมนุมนี้ ไม่ต้องเข้าไปแทรกแซง

ขอย้ำอีกครั้งว่า สมานฉันท์นั้น เกิดขึ้นได้ง่ายๆหากมีความยุติธรรมและความจริงถูกเปิดเผยเท่านั้น!!!
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [12 มิ.ย. 52 9:19] ( IP A:58.8.109.223 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   ดังนั้นจึงต้องมีการตั้งกองทุน เผื่อเยียวยาผู้ป่วยทุกคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล โดยผู้ป่วยทุกคนที่เสียชีวิตในโรงพยาบาล จะได้รับเงินเยียวยาทันที เริ่มต้นที่สามแสนถึงห้าแสนบาท...
โดย: 000 [12 มิ.ย. 52 15:13] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   ดีครับ จะได้ร่ำรวยกัน มา รพ รักษาฟรี ยาฟรี จะเอานู่นนี่อีกเพราะของฟรี ตายเจ็บมีเงินติดกระเป๋าอีกต่างห่าง

เช่น ผู้ป่วยอายุ 80ปี มา รพ เป็น pneumonia ติดเชื้อ VAP แถมจาก รพ เหนาะๆ ก็ได้แล้ว ห้าแสน ดีๆๆ ไม่ต้องทำงานแล้ว มาหาเงินที่ รพ ดีกว่า
โดย: รักษาฟรี ห้ามเจ็บห้ามตาย [12 มิ.ย. 52 16:00] ( IP A:125.26.110.105 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   อวยพรให้พ่อแม่พี่น้องคุณได้ร่ำรวยไปตาม ๆ กันด้วย
โดย: ขอให้โชคดี [12 มิ.ย. 52 23:50] ( IP A:58.9.190.211 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   คนทุกคนที่ตาย ถือว่าเกิดจากความบกพร่องของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ไม่ได้เข้ามาช่วยดูแล หรือผิดพลาดในการดูแล ทำให้เกิดการตายเกิดขึ้น

ดังนั้น ต่อไปนี้ ญาติของคนทุกคนที่ตายในประเทศไทย จะได้รับเงินเยียวยาความเสียหาย ความเจ็บช้ำน้ำใจ เยียวยาจิตใจญาติที่เหลืออยู่ ที่ต้องแบกรับความทรมาน ต่อไปนี้เมื่อมีคนตาย รัฐจะมอบเงินเยียวยาให้ทันที เริ่มที่สามแสนถึงห้าแสนบาท
โดย: น่าจะดี [13 มิ.ย. 52 2:30] ( IP A:58.8.83.249 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
   ก็รวมถึงพ่อแม่พี่น้องลูกเมียคุณด้วย
โดย: น่าจะดี9500 [13 มิ.ย. 52 10:33] ( IP A:61.90.87.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 33
   ถ้าถึงคราวตายจริงๆ ก็ไม่ได้หวังเงินพวกนี้ เพียงแต่ว่าถ้าได้ก็ย่อมบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้
โดย: ดีกว่าไม่มี [13 มิ.ย. 52 11:26] ( IP A:58.8.88.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 34
   ได้เสียค่ารักษาพยาบาลส่วนเกิน ค่าห้องพักรวมเป็นเงินกว่า 50,000 บาท ซึ่งไม่สามารถเบิกจากหน่วยงานต้นสังกัดได้

นอน รพ.เอกชน มันเ้บิกได้ด้วยเหรอ????
โดย: หมอก้อนหิน [15 มิ.ย. 52 7:17] ( IP A:124.157.241.69 X: )
ความคิดเห็นที่ 35
   ก็คงต้องเป็นเรื่องผู้เสียหายต้องอธิบายให้ได้
เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่ได้เป็นผู้ตั้งเรื่องให้ผู้เสียหาย
เขาระบุได้ ก็ต้องอธิบายได้
โดย: เครือข่ายฯ [16 มิ.ย. 52 21:33] ( IP A:58.9.207.86 X: )
ความคิดเห็นที่ 36
   กำลังจะผ่าตัดแบบส่องกล้องเหมือนกัน ทำให้ใจหวาดๆเลยเรา
โดย: khwan-_-ja@hotmail.com [3 ต.ค. 52 19:40] ( IP A:113.53.66.184 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน