อ้าว.. เจ๊เชิดชูออกฤทธิ์อีกแล้ว
|
ความคิดเห็นที่ 1 จดหมายเปิดผนึกถึงนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
28 พฤษภาคม 2552 เรื่อง ข้อเสนอเกี่ยวกับพ.ร.บ.สร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุขพ.ศ. .... เรียนนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวานนี้ท่านได้ไปกล่าวเปิดการรับฟังความคิดเห็นร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในระบบบริการสาธารณสุขพ.ศ. .... ที่ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งดิฉันขอสรุปคำกล่าวของท่านดังนี้
1.ท่านรมว.ต้องไปทำหน้าที่ “เปิดงาน” ต่างๆมากมายจนแทบไม่มีเวลา “ทำงาน” จริงๆ
2. ท่านได้รับการเรียกร้องจากบุคลากรสาธารณสุขต่างๆเกี่ยวกับค่าตอบแทนต่ำ ซึ่งท่านเองเห็นด้วยว่าบุคลากรในโรงพยาบาลชุมชนสมควรได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้น
3.ท่านบอกว่าท่านได้ไปตรวจโรงพยาบาลมาทั่วประเทศ ท่านพบว่าโรงพยาบาลอำเภอมีเครื่องมือห้องผ่าตัดทันสมัยครบครัน แต่โรงพยาบาลอำเภอทำผ่าตัดใหญ่ที่สุดคือทำหมันเท่านั้น
4.ท่านเห็นใจว่าประชาชนได้รับการรักษาฟรีจริง แต่ประชาชนต้องเสียเงินและเสียเวลาเดินทางมากมาย ท่านจึงอยากจะสร้างโรงพยาบาลตำบลขึ้น อย่างน้อยอำเภอละ 1 ตำบล โดยให้พยาบาลวิชาชีพที่ไม่อยากอยู่เวรกลางคืนมาประจำโรงพยาบาลตำบล แต่ทำงานเฉพาะกลางวัน ให้ตรวจรักษาผู้ป่วยไป รายไหนรักษาไม่ได้ให้ปรึกษาหมอ โดยส่งทางวีดีโอลิงค์ (Telemedicine)ให้หมอซักประวัติและเห็นหน้าผู้ป่วยรายละ 5 นาที (ท่านอ้างว่าเวลา5 นาทีน่าจะพอ เพราะหมอตรวจผู้ป่วยที่โรงพยาบาลรายละ 1 นาทีเท่านั้น) แล้วให้สั่งการรักษา ถ้ารักษาไม่ได้ก็ให้โรงพยาบาลอำเภอส่งรถมารับผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลอำเภอต่อไป
5. ท่านบอกว่าท่านจะให้ประชาชนถือบัตรประชาชนใบเดียว ไปรับการรักษาที่ไหนก็ได้ โดยท่านอ้างว่า ประชาชนในอำเภอหนึ่ง อาจจะไม่ถูกใจหมอที่โรงพยาบาลอำเภอนั้น เวลาไปรักษาทีไรก็ไม่ได้อย่างใจสักที จึงควรมีสิทธิ์ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นได้โดยสามารถใช้สิทธิ์ได้เองจากการยื่นบัตรประชาชนใบเดียวก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลไหนก็ได้
6. ท่านบอกว่าท่านมีอาชีพเป็นทนายความมา 20 กว่าปี เคยรับจ้างว่าความให้ประชาชนที่ได้รับอันตรายหรือผลเสียหายจากการไปรับการตรวจรักษาจากหมอมากมาย ท่านจึงเห็นด้วยที่จะต้องมีกฎหมายให้เงินชดเชยแก่ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการไปรับการรักษาจากโรงพยาบาล เพื่อให้ได้ประชาชนได้รับความยุติธรรม ท่านกล่าวจบแล้ว ท่านก็กล่าวเปิดประชุมตามพิธีการ แล้วท่านก็รีบร้อนลุกจากเก้าอี้ เพื่อเร่งรีบไปเปิดงานอื่นต่อไป โดยไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนที่นั่งอยู่ในห้องได้เสนอความคิดเห็นแต่อย่างใด
ดิฉันก็เลยไม่มีโอกาสได้เสนอความคิดเห็นต่อท่านรมว. ดิฉันมีโอกาสเสนอความคิดเห็นหลังจากนั้น โดยได้ฝากความคิดเห็นไปกับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข ที่รับผิดชอบการประชุมว่า ให้นำความคิดเห็นของดิฉันนี้ไปเสนอท่านรมว.ด้วย และขอนำมาเรียนให้ท่านและประชาชนคนอื่นทราบข้อเสนอนั้นๆด้วย โดยจะขอแสดงความคิดเห็นตามประเด็นต่างๆดังนี้ (เพิ่มเติมจากที่เสนอไว้ในห้องประชุมด้วย เพราะในห้องประชุมมีเวลาน้อย)
1.ดิฉันเห็นด้วยว่าท่านไม่ควรให้ความสนใจกับ “พิธีเปิดงาน” ต่างๆ จนไม่มีเวลาที่จะ “พัฒนาการทำงานบริการประชาชนของบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข” ท่านควรจะรีบเร่ง “ศึกษาปัญหาที่แท้จริง” ว่า “ความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับแพทย์” นั้น มีสาเหตุจากอะไร และจะป้องกันได้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย เมื่อไปรับการรักษาจากโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข จะได้ไม่ต้องมาฟ้องร้องกล่าวหาแพทย์ และไม่ต้องมาออกกฎหมายชดเชยผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายก็จะน้อยลง
2.การที่ท่านเพิ่มค่าตอบแทนเฉพาะบุคลากรในโรงพยาบาลชุมชนเท่านั้น จะทำให้บุคลากรในโรงพยาบาลจังหวัด (ที่ต้องทำงานรับผิดชอบผู้ป่วยที่ยุ่งยาก ซับซ้อน อาการหนัก ต้องใช้เวลาในการรักษามาก ) หมดกำลังใจที่จะเสียสละทำงานในโรงพยาบาลจังหวัด และอาจลาออกมากขึ้น ทำให้ประชาชนในต่างจังหวัดขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรค ที่จะรักษาหรือผ่าตัดโรคที่ยุ่งยากซับซ้อน ที่ถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอำเภอ
3.ท่านทราบหรือไม่ว่า ทำไมแพทย์ในโรงพยาบาลอำเภอจึงไม่ทำการผ่าตัดใหญ่กว่าการทำหมัน ถ้าไม่ทราบก็จะเรียนท่านว่า ทั้งนี้ก็ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชน “ตายจากการผ่าตัดโดยไม่สมควรตาย” เพราะที่โรงพยาบาลชุมชนไม่มีวิสัญญีแพทย์(หมอดมยาสลบ) ไม่มีศัลยแพทย์ ไม่มีสูตินรีแพทย์ หรือแพทย์ในสาขาเฉพาะหรือขาดเครื่องมือในการ “ช่วยฟื้นคืนชีพ” เมื่อเกิดโรคแทรกซ้อนจากการผ่าตัด
การที่แพทย์ในโรงพยาบาลอำเภอไม่ทำผ่าตัด ยังช่วยป้องกัน “ความขัดแย้ง” กับญาติผู้ป่วย เมื่อเกิดโรคแทรกซ้อนจากการผ่าตัดอีกด้วย แต่การกระทำเช่นนี้จะส่งผลให้แพทย์โรงพยาบาลจังหวัดยิ่งต้องรับภาระการทำงานรักษาผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น
4. โรงพยาบาลตำบลตามแบบที่ท่านพูดนั้น เดี๋ยวนี้มีอยู่แล้ว แต่เรียกชื่อว่า “สถานีอนามัยชั้น 1” มีพยาบาลวิชาชีพอย่างน้อย 1 คนประจำอยู่กับเจ้าหน้าที่อื่นๆ และสามารถให้การดูแลรักษาประชาชนที่เจ็บป่วยได้ตลอด 24 ชั่วโมง ดีกว่าที่ท่านจะเปิดเป็นโรงพยาลเฉพาะกลางวันในเวลาราชการ 8 ชั่วโมงเสียอีก เพียงแต่อาจต้องการเครื่องมือในการทำ “Telemedicine” เพิ่มขึ้นเท่านั้น ส่วนการที่ท่านพึงพอใจว่าหมอตรวจผู้ป่วยคนละ 1 นาทีก็ดีพอแล้วนั้น นับว่าเป็นความคิดที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะการตรวจผู้ป่วยอย่างรวดเร็วนั้น เสี่ยงต่อการวินิจฉัยโรคผิด เสี่ยงต่อการรักษาผิด ประชาชนเสี่ยงต่อความเสียหาย เสี่ยงต่อความพิการและหรือความตายโดยไม่สมควรตาย และจะยิ่งเพิ่มปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนและแพทย์มากขึ้น และการฟ้องร้องเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยจะยิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
5. การที่ท่านจะยอมให้ประชาชนถือบัตรประชาชนใบเดียว ไปเที่ยว “shopping” หรือตระเวนเปลี่ยนหมอและโรงพยาบาลให้ถูกใจนั้น จะเกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขและโรงพยาบาลอื่นในเครือข่ายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(30 บาท) อย่างใหญ่หลวงดังนี้
5.1 ข้อมูลด้านสุขภาพเกี่ยวกับการตรวจรักษาผู้ป่วยยังไม่ได้ “online” ทำให้แพทย์แต่ละโรงพยาบาลไม่สามารถค้นหาข้อมูลการวินิจฉัยและการรักษาหรือการให้ยาผู้ป่วยครั้งก่อนๆจากแพทย์โรงพยาบาลอื่นๆได้ ทำให้แพทย์หลายๆคนในแต่ละโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยไปรักษาต้องเสียเวลาตั้งต้นใหม่ในการตรวจและสั่งการรักษาผู้ป่วยคนเดียวกันซ้ำซ้อนกันหลายครั้ง ทำให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ต้องมีภาระงานมากขึ้นโดยไม่จำเป็น ในขณะที่มีภาระงานล้นมืออยู่แล้ว
5.2 การเจ็บป่วยของประชาชนนั้น แบ่งตามความรุนแรงได้หลายระดับ เริ่มจากการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆ เช่นปวดหัวตัวร้อน ก็ควรไปรักษาที่สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลอำเภอใกล้บ้าน ถ้าอาการเจ็บป่วยรุนแรง แพทย์หรือพยาบาลจากสถานีอนามัยและโรงพยาบาลอำเภอ ก็จะเขียนใบรายงานการตรวจรักษาผู้ป่วยเบื้องต้นแล้วส่งผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลจังหวัด ที่มีแพทย์ บุคลากรทางการแพทย์ และอุปกรณ์การแพทย์ที่เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วยที่อาการหนักต่อไป
ถ้าโรงพยาบาลจังหวัดขาดแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะและ/หรือขาดอุปกรณ์การแพทย์ที่เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วยนั้น ก็จะต้องส่งผู้ป่วยไปพร้อมการสรุปอาการและการรักษาที่ได้ทำไว้แล้ว ให้โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขหรือโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย ที่มีบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วยหนักและซับซ้อนต่อไป
ฉะนั้น การที่ให้ผู้ป่วยมีสิทธิ์เปลี่ยนโรงพยาบาลเองตามใจชอบ จะทำให้อาจารย์โรงเรียนแพทย์ ต้องตรวจรักษาไข้หวัดธรรมดามากขึ้น ทำให้ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำงานตรวจรักษาโรคยากๆหรืองานที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญเฉพาะอีกต่อไป
การให้ผู้ป่วยเปลี่ยนโรงพยาบาลได้เองนี้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ให้ “สิทธิ์” หลักประกันสุขภาพเขาทำกัน เพราะเป็นการทำให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการรักษาประชาชน และประชาชนไปใช้บริการจากบุคลากรอย่างไม่คุ้มค่า เหมือนเอาดุษฎีบัณฑิตทางการสอนภาษาต่างประเทศ ไปสอนเด็กอนุบาล เอาผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อไปรักษาโรคหวัดธรรมดา ส่วนโรคติดเชื้อรุนแรงก็เลยต้องรอพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจนผู้ป่วยอาจจะตายไปก่อนได้รับการตรวจรักษาก็เป็นได้ แต่ถ้าประชาชนจ่ายเงินเอง จะไปไหนก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อรัฐบาลให้สิทธิ์ประชาชนรักษาฟรีทุกที่ทุกเวลาแบบนี้ แพทย์แต่ละคนก็คงจะต้องตรวจร่างกายผู้ป่วยคนเดียวกันอย่างซ้ำซ้อน สั่งการรักษา สั่งยาซ้ำซ้อนกัน แต่ประชาชนเอาไปทิ้งๆขว้างๆ โดยไม่เห็น “คุณค่า” ของยาและ “การตรวจรักษา” จนอาจจะส่งผลให้งบประมาณการรักษาและค่ายาจะเพิ่มขึ้นมากมาย จนรัฐบาลไม่อาจหาเงินมาจ่ายได้อย่างเพียงพออีกต่อไป นอกจากนั้น ระบบโรงพยาบาลที่ครูอาจารย์ในวงการแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขคิดขึ้นมา ว่าเป็นโรงพยาบาลปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และ ตติยภูมิ ก็คงไม่มีประโยชน์อันใด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ก็คงอยากไปโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยหรือโรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มากว่าจะไปโรงพยาบาลตำบลของท่านเป็นแน่ 6. การที่ท่านเป็นทนายความและได้ช่วยเหลือประชาชนนั้น ก็เป็นสิ่งที่ดีของวิชาชีพทนายความ แต่ตอนนี้ ท่านมีอาชีพเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรี ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุข ท่านต้องเปลี่ยนบทบาทของตัวท่านใหม่ ต้องถอดหมวกทนายความออก และใส่หมวกใบใหม่คือหมวกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้ซึ่งมีหน้าที่อันสำคัญคือรับผิดชอบบริหารงานของกระทรวงสาธารณสุขให้มีคุณภาพมาตรฐาน ซึ่งจะขอชี้แจงโดยย่อดังนี้คือ 6.1 พัฒนาให้สำนักงานสาธารณสุขทุกอำเภอ และทุกจังหวัด ทำงานในเชิงรุก ในการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ควบคุมโรคและอุบัติเหตุ ให้มีประสิทธิภาพ ผ่านทางอสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกระดับ และให้มีการติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยเรื้อรังเพื่อช่วยฟื้นฟูสุขภาพ
และให้บุคลากรเหล่านี้ให้ความรู้แก่ประชาชนให้สามารถ (empower) ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคและอุบัติเหตุ สามารถรักษาโรคเบื้องต้น(ปฐมพยาบาล)ได้เอง
การทำเช่นนี้จะช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดี และสามารถ “สร้างสุขภาพ” ให้ดี ทำให้ความต้องการไปโรงพยาบาลเพื่อ “ซ่อม” สุขภาพลดลง ซึ่งจะส่งผลให้โรงพยาบาลมีภาระในการตรวจรักษาผู้ป่วยลดลง ประชาชนก็ไม่ต้องไปรอคอยหมอนานเป็นวันๆ โรงพยาบาลก็จะไม่มีผู้ป่วยจนล้น แพทย์และพยาบาลก็สามารถทำงานตรวจรักษาพยาบาลผู้ป่วยได้อย่างมีมาตรฐาน แพทย์มีเวลาพอเพียงที่จะพูดคุยและอธิบาย (ซ้ำๆ)จนผู้ป่วยเข้าใจถูกต้อง ว่าจะต้องกินยา อาหาร ออกกำลังกายหรือพักผ่อนอย่างไรจึงจะเป็นผลดีกับการรักษาโรคของผู้ป่วยแต่ละคน และจะช่วยลดปัญหาการขัดแย้งระหว่างประชาชนและแพทย์ได้เป็นอย่างดี
6.2 พัฒนาโรงพยาบาลของกระทรวงสธ.ทุกระดับ ให้มีบุคลากรทางการแพทย์ที่เหมาะสมและเพียงพอ เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเสียเวลาทั้งวันในการไปรอรับการตรวจจนล้นโรงพยาบาล มีเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมาะสมและพอเพียง มีเตียงพอรับผู้ป่วยหนักที่ส่งต่อมาจากอำเภอหรือตำบล ไม่ต้องให้ผู้ป่วยต้องตระเวนหาเตียงนอนพักรักษาตัว จนพลาดโอกาสเวลานาทีทองที่จะรอดชีวิต
สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งคือท่านรมว.สธ.มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลป้องกันไม่ให้บุคลากรทางการแพทย์ลาออกอย่างต่อเนื่อง เพราะบุคลากรเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์(ที่ไม่ใช่ผู้บริหาร)ของกระทรวงสาธารณสุขต้องทำงานตรวจรักษาผู้ป่วยสัปดาห์ละ 120 ชั่วโมง แต่ได้ค่าตอบแทนต่ำๆ จึงลาออกไปแสวงหาชีวิตที่ดีกว่าในโรงพยาบาลเอกชนหรือต่างประเทศ ทำให้แพทย์ผู้ที่ยังเหลืออยู่ต้องแบกรับภาระมากขึ้น มีเวลาตรวจผู้ป่วยคนละ 1 นาที ผู้ป่วยเสี่ยงอันตรายจากการตรวจรักษาของแพทย์มากขึ้น จนทำให้ กระทรวงสาธารณสุขต้องหาเงินมาชดเชยผู้ป่วยมากขึ้นๆ ส่วน แพทย์ก็เป็นทุกข์ ซึมเศร้าเพราะเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการถูกฟ้องร้องและถูกกล่าวหาจากสังคม
ฉะนั้น หน้าที่สำคัญของผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขคือ ต้องป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนและแพทย์ โดยการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานทางการสาธารณสุขและการแพทย์ให้ได้ผลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และมีความพึงพอใจในการไปรับการตรวจรักษาจากโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข
ส่วน “ความเสียหายของประชาชนที่อาจจะเกิดขึ้นจากการไปรักษาจากโรงพยาบาล”นั้น ถึงแม้จะมีการป้องกันดังกล่าวแล้ว แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ดิฉันอยากจะขอให้ท่านไปศึกษารูปแบบของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีการฟ้องร้องแพทย์สูง จนแพทย์ต้องเก็บเงินค่ารักษาสูงขึ้นๆเป็นเงาตามตัวเพื่อเอาไว้จ่ายค่าประกันการถูกฟ้อง ทำให้ราคาค่ารักษาพยาบาลในสหรัฐอเมริกาแพงมาก จึงทำให้สหรัฐ ต้องหาวิธีการที่จะลดค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ และการฟ้องร้อง รวมทั้งหาเงินมาจ่ายชดเชยให้ประชาชนผู้เสียหาย โดยหันมาสร้างมูลนิธิเพื่อจะได้มีกองทุนมาจ่ายเงินชดเชยผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการไปรับการรักษาพยาบาล เรียกว่า “National Patients Safety Foundation” ตั้งแต่ปีค.ศ. 1980 ซึ่งสามารถไปค้นดูได้จาก google
อนึ่ง ดิฉันคิดว่าผู้บริหารระดับสูงที่เป็นข้าราชการประจำของกระทรวงสธ. เขาก็รู้ดีอย่างที่ดิฉันได้เสียเวลาเป็นชั่วโมงในการพิมพ์จดหมายนี้มา แต่เขาขาดความกล้าหาญที่จะเรียนท่านรมว.สธ.ให้ทราบความจริงอย่างนี้ ทำให้กระทรวงสาธารณสุขขาดโอกาสที่จะพัฒนาอย่างเหมาะสม ตามมาตรฐานการแพทย์ทั่วโลก ข้าราชการระดับสูงมัวแต่ถือคติ “ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน” เพื่อจะรักษาเก้าอี้ของตนเอง ถ้าท่านรมว.ไม่ทราบจะถามหาความจริงได้จากใคร กรุณาปรึกษาท่านศาสตราจารย์เกียรติคุณนพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ บิดาของท่านนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เพื่อท่านวิทยา แก้วภราดัยจะได้มีแนวทางที่ดีในการ บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้พัฒนาอย่างดี มีคุณภาพมาตรฐาน ทำให้ข้าราชการสามารถทำงานบริการรับใช้ประชาชนได้อย่างมีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อคุ้มครองประชาชนให้ปลอดภัยจากการไปรับบริการจากโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข ลดปัญหาความขัดแย้งและการฟ้องร้อง ประชาชนรักและไว้วางใจแพทย์เหมือนญาติพี่น้องลูกหลาน เหมือน วันเวลาดีๆในอดีตที่อาจารย์อรรถสิทธิ์และดิฉัน ยังเป็นข้าราชการแพทย์อยู่ ขอแสดงความนับถือ พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา แพทยศาสตร์บัณฑิต ,มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สาธารณสุขศาสตร์มหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยมหิดล อว.กุมารเวชศาสตร์ Mini MBA. in Health (คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย) Pediatric Residency Training, Albert- Einstein College of Medicine, New York, USA ข้าราชการบำนาญกระทรวงสาธารณสุข ที่ปรึกษาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์ฯ/โรงพยาบาลทั่วไป ประธานคณะอนุกรรมการจริยธรรมชุด 15 แพทยสภา อนุกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการแพทยสภา อดีตกรรมการแพทยสภา ปล.กรุณาอ่านให้จบ และทำความเข้าใจว่า เจ๊ต้องการให้มีการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย คือต้องการให้ประกันความปลอดภัยแก่ประชาชนในการไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐบาล ถ้าป้องกันได้โดยให้หมอมีเวลาตรวจผู้ป่วยอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว ประชาชนก็จะปลอดภัย ถึงแม้จะเกิดความเสียหายบ้างก็จะไม่เกิดมาก แล้วยังแนะนำให้จัดตั้งมูลนิธิเพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยแบบสหรัฐอเมริกา
อนึ่งขอขอบคุณที่ยกย่องให้เป็นเจ๊ | โดย: พญํเชิดชู อริยศรีวัฒนา [29 พ.ค. 52 7:17] ( IP A:58.8.134.249 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ขอเสนอชื่อ พ.ร.บ. ฉบับนี้อีกชื่อครับ
ขอให้ชื่อว่า พ.ร.บ. เสริมสร้างความชิบหายต่อไปของวงการแพทย์
เอ้า คุณ จี.เอ็น. รีบมาเสนออีกชื่อด้วยนะ ด่วนๆเลยนะ | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [29 พ.ค. 52 9:19] ( IP A:58.8.107.97 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 บอกตรง ๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ๊พูดเป็นประโยชน์ แต่บางอย่างมันไม่เข้ากับสถานการณ์ โดยเฉพาะ เกี่ยวกับผู้เสียหายทางการแพทย์
เจ๊ก็ต้องเปิดใจกว้างเช่นกัน สาระสำคัญของร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ 1. มีกองทุนชดเชย รวดเร็ว เป็นธรรม 2. มีองค์กรกลางทำหน้าที่พิจารณาการชดเชย 3. พัฒนาระบบป้องกันความเสียหาย
เครือข่ายฯ เน้นอย่างที่สุด แบบของเรา แก้ได้ทั้งต้นเหตุและปลายเหตุ พวกเรานอนอยู่กับ ปัญหา แบบนี้แหละที่เป็นธรรมต่อทั้งฝ่ายหมอ+คนไข้ ของเจ๊มันช้าไป แก้ที่ต้นเหตุอย่างเดียว ผู้เสียหายเจ๊ จะเอาไปไว้ไหน หรือว่าไม่ใช่ลูกหลานเจ๊จึงไม่ใส่ใจ ไม่ได้นะเจ๊ พวกเรายังมีลมหายใจ ชีวิตเสียหายเจ๊จะใจดำ ไปดูไม่แลเลยหรือ
ชวนเจ๊มาเป็นพยานในศาลให้คนไข้ จะพอมีเมตตาหรือเปล่า กล้าพูดความจริงหรือเปล่าเจ๊ เป็นคนเก่ง ต้องดี ต้องกล้า หาญทำในสิ่งที่ถูกต้องด้วย
ถ้าไม่เรียกเจ๊ แล้วจะให้เรียกน้องหรือ หรือว่าเป็น"หมอ" แล้วชาวบ้านเรียกเจ๊ไม่ได้ | โดย: เจ๊ชู...คนสวย ตอนสาว ๆ คงสวยน่าดูนะเจ๊นี่ [29 พ.ค. 52 18:16] ( IP A:58.9.200.248 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 อ้อ..ขอชมเจ๊อย่าง คือกล้าแสดงตัว | โดย: อิอิ [29 พ.ค. 52 18:23] ( IP A:58.9.200.248 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 พ.ร.บ. เสริมสร้างความชิบห๊ายชิบหายต่อไปของวงการแพทย์
วันนี้ขายของไม่ดี สมองไม่เก๊ท งานเจ้านายก็เร่ง
รู้แต่ว่าถ้าแพทย์เป็นเจ้าของ พ.ร.บ นี้ หนูนี่แหล่ะจะซิบหายคนแรก
เพราะฟ้องยังไงก็คงไม่ชนะ หรือไม่ก็ยอมไปกินยาตัวนั้นอีกรอบ
ให้เขาเฝ้าระวังเหมือนไข้หวัดเม๊กซิกัน ว่า มันอาการนี้เจง ๆ ที่เกือบ
ตาย
แล้วจะให้เขาคำนวนเป็นตัวเงินออกมา ว่าประมาณนี้จะจ่ายกี่บาท
ที่ไม่ได้บอกว่า ได้ 5 หมื่นก็ถูกแล้วไง เพราะว่าไม่ตาย
ถ้าตายได้ 2 แสน เหมือนป้าหมอศรี ๆ อะไรน่ะบอก
เหอ เหอ เหอ .... | โดย: จีเอ็น [29 พ.ค. 52 19:16] ( IP A:61.19.65.131 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับความเห็นที่6 ทั้ง 3 ข้อเลยค่ะ ถึงได้เสนอให้ดูรูปแบบ National Patient Safety Foundation ของสหรัฐอเมริกา เจ๊ ต้องการด่ารมว.สาธารณสุขว่า ไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขที่จะไปออกพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายทากง การแพทย์ ควรให้เป็นหน้าที่ของมูลนิธิหรือ NGO อย่างพวกคุณนี่แหละที่จะไปเป็นคนเขียนพ.ร.บ.ให้ได้อย่างที่ต้องการ เจ๊ ต้องการบอกรมว.สธ.ว่า หน้าที่ของเขาคือต้องปรับปรุงการทำงานบริการทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ให้ดี ประชาชนจะได้ปลอดภัยจากการไปโรงพยาบาล ประชาชนจะได้ฟ้องหมอและโรงพยาบาลน้อยลง (แต่ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ฟ้อง) และหมอก็จะได้ทำงานอย่างมีคุณภาพ ไม่พากันลาออกปีละหลายร้อยคน(ไปอยู่รพ.เอกชน) ประชาชนก็จะมีหมอไว้คอยดูแลในโรงพยาบาลของกระทรวงมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอคอยหมอทั้งวัน กว่าจะได้พบหมอแค่หนึ่งนาที อย่างที่นายวิทยาพูด
ส่วนเรื่องจะเรียกว่าเจ๊ ก็ไม่ได้ว่าอะไร ดีใจเสียอีกที่เรียกว่าเจ๊ แสดงว่ายังไม่แก่งั่ก ไม่เช่นนั้นคงถูกเรียกว่า ซิ้มหรืิอาม่า่ไปแล้ว
ส่วนเรื่องที่จะให้ไปเป็นพยานให้ผู้ป่วยในศาลนั้น ก็ยินดี ถ้าเป็นเรื่องที่พอรู้เห็นอยู่บ้าง เจ๊เป็นคนจริง พูดตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ไม่ได้ประชดใคร และมีความจริงใจเสมอ เจ๊ถือคติว่าน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า หมอพึ่งผู้ป่วย ผู้ป่วยพึ่งหมอ
ถ้าไม่มีผู้ป่วย หมอก็ไม่มีอาชีพ ถ้าไม่มีหมอ ผู้ป่วยก็คงจะรอดยาก
ลงชื่อจริง เพราะมีแต่ความจริงใจ ไม่ชอบด่าว่าเสียดสีคนอื่น โดย: พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา [30 พ.ค. 52 9:58> ( IP A:58.8.145.27 X: ) | โดย: พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา [30 พ.ค. 52 10:03] ( IP A:58.8.145.27 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 อาเจ๊ชู,
รู้ไม๊ว่ารอบข้างรัฐมนตรีนั้นล้อมรอบไปด้วยข้าราชการประจำ ดีบ้างไม่ดีบ้าง ที่ดี ๆ ก็ไม่ได้เข้าใกล้เพราะถูกกีดกันแบบหน้า ด้าน ๆ คนดีเขาก็ถอยหมดแล้ว
คนหลายคนในสำนักปลัด+กรมสนับสนุน+กองประกอบ รวมหัวกับบางคนในแพทยสภา ต่อต้าน+เกลียดชัง ผู้เสียหาย พอรัฐมนตรีคนไหนมาก็ล้อมหน้าล้อมหลังเลีย จนลิ้นแห้ง พลิกซ้ายพลิกขวา ตลบแตลง ล็อบบี้คนก็เก่ง อย่างเจ๊ชูว่าหน้าที่เรียกร้องพรบ.ต้องเป็นผู้เสียหาย+NGOทำ และเราก็ทำกันมาตลอด พอจะเป็นรูปเป็นร่าง พวกนั้นก็ รวบหัวรวบหางว่าเป็นร่างของตัวเอง น่าไม่อาย แถมยังลุ แกอำนาจถือดีมาเปลี่ยนแปลง สอดไส้กฏหมาย เพื่ออวด เบ่งบารมีว่าข้านี้แน่ จะเปลี่ยนเสียอย่าง จะจัดประชุมอย่างไร ใช้งบหลวงอย่างไรโดยไม่แคร์ชาวบ้าน ข้าก็ทำได้ ไอ้คนแบบ นั้นแหละที่สร้างความแตกแยก สิ่งดี ๆ ไม่ทำ มันชอบทำแต่ สิ่งที่ชาวบ้านมองว่าเลวได้ใจ
พูดตรง ๆ เจ๊ก็อย่าท้อ เราก็ให้กำลังใจเจ๊เช่นกัน ถ้านักการเมืองหูหนัก อ่านเรื่องที่เจ๊รายงาน และฟัง ผู้เสียหายเขาบ้าง รวมทั้งขุดเอาข้าราชการดี ๆ มาอยู่ รอบข้าง ปัญหาทุกอย่างแก้ง่ายแก้ได้หมด | โดย: ให้กำลังใจเจ๊ก็แล้วกัน [30 พ.ค. 52 11:46] ( IP A:61.90.109.189 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนเรื่องที่จะให้ไปเป็นพยานให้ผู้ป่วยในศาลนั้น ก็ยินดี ถ้าเป็นเรื่องที่พอรู้เห็นอยู่บ้าง เจ๊เป็นคนจริง พูดตรงไปตรงมา ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก
สวัสดีค่ะคุณหมอ งั้นกรุณาเป็นพยานคดีหนูก่อนได้ไหมคะ คุณหมอคนอื่นจะได้ไม่เหนื่อยมาก มีคุณหมอเป็นพยานคดีหลายๆ คน คดีหนูอยู่ที่ศาลนน คดี ผบ.730 ฟ้องแพทย์หญิงนวลอนงค์ ลือกำลัง เป็นจำเลยที่ 1 กระทรวงเป็นจำเลยที่ 2 ตอนนี้ศาลเขาตัดจำเลยที่ 1 ออกเพราะว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ต้องมาศาลอีก ให้หนูฟ้องจำเลยที่ 2 แล้วคิดดูว่าหนูเปรียบเสมือนไม้จิ้มฟัน ไปงัดกับท่อนซุง คุณหมอเป็นคนตรงจริง คุณหมอต้องรู้ว่าคดีนี้ใครผิด ใครถูก คงไม่ออกความเห็นมั่ว ๆ แบบหมอแพทยสภา และหมอ รพ. ลำพูน ถ้าคุณหมอคิดว่า คุณหมอเป็นหมอที่ตรงไป ตรงมาจริง คุณหมอต้องตีปัญหาและประเด็นคนไข้รายนี้ออก และต้องรู้ว่า ใครผิด ใครถูก เอาคดีหนูเป็นตัวอย่างดีไหมคะ ไหน ๆ ก็อยู่ใกล้ ๆ กัน หนูฟ้องหมอ รพ. ลำพูนค่ะ คงไม่บอกนะคะ งว่าเคยเป็นรุ่นพี่หรือเพื่อน ผอ.รพ.ลำพูน อีก หนูไม่เอาชอบแบบพรรคพวกหนูชอบแบบว่าความกันตามเนื้อผ้า เพราะหนูไม่มีพวก พวกของหนูคือ คนไข้ที่ได้รับความเสียหายเหมือนกัน และที่สำคัญเส้นไม่ใหญ่เลยสักคน สู้กันแบบไม่ใช้อำนาจ เงินตรา เส้นสาย แบบนี้หนูชอบค่ะ
คุณหมอสนใจช่วยคดีหนูไหมคะ ? เอาเป็นคดีคุณธรรมตัวอย่างไหมคะ ? คุณหมอประตูน้ำจะได้เป็นพยานทางแพทย์ไม่เหนื่อยอยู่คนเดียว หนูว่า หมอดีดีหายากนะคะ ...
| โดย: จีเอ็น [30 พ.ค. 52 19:39] ( IP A:61.19.65.162 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 เหอ ๆ ๆ ๆ จีเอ็น เล่นอะไรน่ะ อย่าหวังเสียให้ยาก เจ๊แกเป็นกรรมการแพทยสภาด้วยนะ | โดย: 5555 [30 พ.ค. 52 20:56] ( IP A:58.9.223.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 เหอ เหอ เหอ ยิ่งกว่าเพื่อนหรือพี่หมอ รพ.ลำพูน ซะอีก เหอ เหอ เหอ พวกเดียวกับป้าหมอศรี เหรอคะ ? ว๊าแย่จัง...
ไปนอนดีกั่ว... หมดหวัง เหอ เหอ เหอ | โดย: 555 เวรกรรมซ้ำซาก [30 พ.ค. 52 21:00] ( IP A:61.19.65.51 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 นี่คุณจีเอ็น
ไปกินดีเสือหัวใจหมีที่ไหนมา ถึงได้กล้าหาญชาญชัยขอเรื่องแบบนี้กับเจ๊ชูแกขึ้นมาได้????
เห็นท่านประธานเครือข่ายฯพูดบ่อยเลยว่า แมลงวันไม่ตอมพวกเดียวกันเองไม่ใช่เหรอ??
แหะๆ ท่านจ้าวบ้าน ไอ้ผมก็ เอ้อ นิสัยแก้ไม่หายซักที ชอบเสียมารยาทประชดประชันชาวบ้านเขาอยู่ร่ำไป หวังว่าท่านจ้าวบ้านจะเมตตาไม่ลบความเห็นของข้าพเจ้าครั้งนี้นะครับ !!!! | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [1 มิ.ย. 52 7:29] ( IP A:58.8.106.230 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 เออ นี่ท่านจ้าวบ้าน
เห็นความกล้าบ้าบิ่นของคุณจีเอ็นแล้ว ผมเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นปิ๊งนึง
อยากเสนอว่า ให้ใครที่มีเรื่องหรือได้รับผลเสียหายจากคำตัดสินหรือการทำงานเบี้ยวไปเบี้ยวมามั่ง บิดเบี้ยวเตะถ่วงมั่งของแพทยสภา ให้ทำคลิปวีดีโอขึ้นบน YouTube สั้นๆเล่าเรื่องของตัวเอง
จะได้ออกมาแฉกันให้จะจะ ว่าเรื่องงามหน้าที่แพทยสภาเคยทำไว้มีอะไรอีกบ้าง และกับใคร แล้วได้สภาพแก่คนไข้ผู้เสียหายยังไง?
ยกตัวอย่าง กรณีหญิงอดีตคนงานโรงงานตุ๊กตา Kader Industry ที่รอเงินประกันสังคมเพื่อฟอกไตจนไตวายเพราะไม่มีเงิน เพราะเรื่องถูกส่งไปขอความเห็นแพทยสภาข้ามปี จนแกออกมาร้องที่หอประชุมธรรมศาสตร์สมัยรายการเมืองไทยรายวันสัญจรของคุณสนธิ เรื่องนี้ก็น่าสนใจ น่าจะตามแกมาออกคลิปและขอดูหลักฐานแกหน่อย
ผมว่านะ ในเมื่อมีคนเกลียดทักษิณถึงขนาดทำคลิปขึ้นประจานได้ เราก็น่าจะเชิญชวนให้บรรดาคนในเครือข่ายฯที่โดนการกระทำของแพทยสภา ออกมาเปิดตัวกันให้ทั่วหน้า จะได้เปิดโอกาสให้ศาลที่ตัดสินคดีท่านประธานเครือข่ายฯ ฟ้องแพทยสภาแล้วยกฟ้องบนประเด็นที่ท่านประธานฯหรือแม้แต่คนอื่นๆที่โดนแพทยสภาชี้ว่าคดีไม่มีมูลนั้น "ไม่ใช่ผู้เสียหาย" ได้ทำความเข้าใจอย่างสามัญชนคนนั่งต่ำกว่าบังลังค์ได้รู้ว่า ที่ท่านได้ตัดสินไปนั้นประชาชนที่โดนปฏิบัติการ (สร้างเวรสร้างกรรม) ตามกฎหมายของแพทยสภาแล้วไม่ใช่ผู้เสียหายนั้น เขาเป็นยังไงกับผลแห่งการกระทำของแพทยสภานั้น และก็หวังว่าศาลท่านเองก็น่าจะเล็งเห็นผลได้ว่า ท่านได้ทำอะไรลงไปกับความน่าเชื่อถือของสาธารณชนที่มีต่อกระบวนการทางศาลสถิยยุติธรรมของไทยเรา
เอ้า ถ้าใครทำขึ้นมาเป็นคนแรกนะ ผมจะอาสาทำบทภาคภาษาอังกฤษให้ฟรีๆเลยด้วย
นี่ผมก็กำลังหาคลิปที่ท่านวิทยา แก้วภาราดัย รมว.สธ. คนปัจจุบันนี้ให้สัมภาษณ์ความเห็นของท่านเองในเรื่องคดีละเมิดสิทธิของท่านประธานเครือข่ายฯว่า เป็นเรื่องระหว่างเอกชนกับเอกชนว่ากันเอง
ผมรับรองว่า เมื่อผมหาเจอและงานแปลของผมได้ขึ้นบน YouTube เมื่อไหร่ล่ะก็ เมื่อนั้นท่าน รัฐมนตรีครั้งเดียวในชีวิตท่านนี้จะดังระเบิดเถิดเทิงไปทั่วโลก แล้วโลกทั้งใบจะได้รับรู้ว่า ระบบการเรียนการสอนระดับปริญญาตรีทางกฎหมายของไทยจนผลิตคนระดับ ร.ม.ต. ออกมาคนหนึ่ง สอนให้คนเข้าใจคำว่า สิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ ได้เท่านี้ จริงๆ | โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [1 มิ.ย. 52 7:56] ( IP A:58.8.106.230 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 ก็หนูเห็นเจ๊หมอเค้ากล้าหาญชาญชัยมาโพสต์กระทู้ซะยาวเหยียด แถมบอกว่าจะเป็นพยานทางแพทย์ได้ ถ้ามีความรู้พอ ก็หนูอ่านสรรพคุณเจ๊หมอเค้ามันยาวเหยียดก็คิดว่าคดีกล้วย ๆ แบบนี้ หลับตาฟังยังตอบได้เลยว่าใครผิด ใครถูก หนูก็นึกแล้วว่าจะมีใครใจถึงเท่าคุณหมอทางเราอีกเหรอ จะมายอมเป็นพยานให้ผู้เสียหายที่แท้ แค่มาโพสต์ให้ดูดีไปวันวันแค่นั้นเอง หนูก็ว่าแล้วเชียว เห็นเจ๊หมอเค้าเสนอตัวมา หนูก็เลยหน้าด้านขอดู สรุปแล้วเจ๊หมอหลอกเด็กหรือนี่
ว๊าแย่จังค่ะ !!!!
| โดย: จีเอ็น [1 มิ.ย. 52 19:32] ( IP A:61.19.65.120 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 แม้ !!! ท่านคนรู้ทัน ไม่รู้จริง ไอเดียนี้เจ๋งสุด ๆ ตอนนั้นโทสับหนูมันก็ถ่ายวีดีโอได้นะ เอาตอนอาเรจียนเป็นเลือดนะ แล้วเอาตอนสายยางเสียบเข้าจมูก 2-3 รอบนะ แล้วเอาตอนเลือดไหลออกจมูกมาทั้งคืนนะ แหม๋ ๆๆๆ แต่แบตมันเกือบหมด หนูจึงทำได้แค่ถ่ายรูปไว้ ไม่งั้นจะเป็นรายแรกได้เลยนะเนี่ย ขนาดถ่ายรูปไว้ พยามารที่นั่นยังว่าหนูเลย ถ่ายรูปไว้อย่างกะดารา ดูมันว่าหนูซิ
คราวหลังหนูเข้าไปดูเตียงที่ตัวเองนอน พยามารห้องนั้น เดินมาเอาถามหนูว่า คนไข้ที่ Refer ไป รพ.หริภุญชัย วันนั้นใช่ไหมคะ ยังมีหน้ามาชมหนูอีกนะว่าร่างกายดีดูขึ้นมาก ๆ นึกในใจ ว่าเมิงเสียดายเซ่ที่ไม่ได้แพ๊คศพกรู แถมถามต่ออีก ว่าเรื่องฟ้องไปถึงไหนแล้ว ก็เลยถามว่าสนใจเป็นพยานให้ด้วยไหม ? และบอกว่าอยากรู้เดินไปห้องเบอร์ 10 ชั้นล่างซิคะ ไปถามคุงหมอคุณดู .....ว่าไปศาลมากี่รอบแล้ว ?
เอ่อแล้วเจ๊หมอไปไหนเนี่ย ใครเอาเจ๊หมอไปเก็บ ? อยากรู้ว่าเจ๊หมอจะไปเป็นพยานให้ไหม ?
เหอ เหอ เหอ | โดย: จีเอ็น [1 มิ.ย. 52 19:45] ( IP A:61.19.65.120 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 เจ๊เขาหายไปแล้ว ไม่เห็นหรือ | โดย: หายไปแล้ว [1 มิ.ย. 52 20:52] ( IP A:58.9.217.118 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 คนเรามีด้านดีด้านลบในเมื่อทุกด้านมีทางแก้ไขอาจารย์ วิทยา แก้วภาราดัย ก็มีด้านดีของท่าน อยากจะบอกว่าท่านวิทยาเป็นแบบอย่างให้เยาวชนตัวเล็กๆอย่างหนูและอีกหลายๆคนค่ะสู้ต่อไปนะคะอาจารย์ | โดย: นางสาว รัตติกาล ไชยลักษ์ [6 มี.ค. 53 20:55] ( IP A:124.122.161.189 X: ) |  |
|