consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
ย้อนรอย...คดีสะเทือนขวัญ"คนเสื้อกาว"สั่งตายเหยื่อไบโอ
ย้อนรอย...คดีสะเทือนขวัญ"คนเสื้อกาว"สั่งตายเหยื่อไบโอ
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
11 สิงหาคม 2552 05:43 น.
https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000090967
อีนังนี่เห็นทีจะไว้ไม่ได้ แม่งร้องเรียนกูไปทุกที่ มึงจัดการส่งมันไปลงนรกซ๊ะ ! กังวาลเสียงทุ้มของนายแพทย์หนุ่มผิวขาวพูดข้ามโต๊ะสั่ง นายศักดิ์ดา เฮงสวัสดิ์ น้องชายในไส้ ให้รับบัญชานรกสังหาร นางระวีวรรณ เสตะรัต หรือ อภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา เหยื่อศัลยกรรม ไบโอคลินิค ของ นพ.กวีวัธน์ หรือไพศาล เฮงสวัสดิ์ เจ้าของเสียง นั่นเอง
ย้อนไปเมื่อปี 2546 นางระวีวรรณ เริ่มเข้าสู่วัยทอง ตามสังขาร แต่เธอต้องการรักษาความสาว ความสวยไว้ให้อยู่กับตัวเท่าที่จะนานได้ จึงตัดสินใจเลือกสวยด้วยมือแพทย์ ยอมขึ้นเขียงให้ นพ.ไพศาล ศัลยกรรมทำตาสองชั้น โดยการฉีดซิลิโคนรอบดวงตา
แต่การตัดสินใจของเธอครั้งนั้นกลับผิดคาด แทนที่จะลบรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตา กลับทำให้เธอถึงขั้นเสียโฉม ดวงตาปิดไม่สนิท กล้ามเนื้อรอบดวงตาแข็ง
เมื่อทวงถามความรับผิดชอบกลับถูกคลินิคปัดปฏิเสธ เธอจึงเดินหน้าพึ่งใบบุญกระบวนการยุติธรรมฟ้อง หมอไพศาลถึง 129 ล้านบาท เท่านั้นยังไม่พอเธอยังร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน และหน่วยงานรัฐ หลายแห่ง แถมยังเปิดเผยว่ามีรัฐมนตรี รายหนึ่งฉีดเจ้าโลก เพิ่มขนาดที่คลินิคแห่งเดียวกันกับเธออีกด้วย สร้างความเสียหายต่อธุรกิจความงามของหมอไพศาลเป็นอย่างมาก ฉะนั้นเธอจึงถูกสั่งตายดังกล่าว
เมื่อได้ยินคำบัญชา นายศักดิ์ดา พยักหน้าหงึกแทนคำตอบ ก่อนเดินออกไปนอกห้องซึ่งมี นายประกอบ หรือไอ้กอบ สีนาค ยืนรอด้วยท่าทีสงบนิ่ง
ไอ้กอบมึงไปจัดเตรียมหามือปืน กูมีงานให้ทำอีกชิ้น เขาจบประโยคพร้อมกับเดินตามกันไปข้างนอกด้วยกัน
ไม่นาน ศักดิ์ดาและไอ้กอบ นายชัยภรณ์ หรือเต้ย กสิกร โผล่หัวไปป้วนเปี้ยนในละแวก หมู่บ้านฉัตรแก้ว ย่านแฮปปี้แลนด์ บางกะปิ 2-3 วัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร และทันจับสังเกตุได้ว่าทั้งสองมาทำอะไรที่นี่ แม้แต่ นายเจษฎา วิวัฒนานุกุล วัย 20 ปี บุตรชาย นางระวีวรรณ
ขอบคุณมากครับพี่ ทันที่ที่ นายประกอบ โยนลูกฟุตบอลที่เขาและเพื่อนๆแตะ ไปตกใกล้ๆที่ทั้งสามนั่งอยู่
แสงสุดท้ายของวันที่ 13 กันยายน 2550 เพิ่งจมหายไปเบื้องทิศตะวันตก นางอภัสนันท์ ธิติโชติชัยปรีชา หรือนางระวีวรรณ เสตะรัต สาวใหญ่วัย 53 ปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างในจังหวัดราชบุรี ก่อนควบเก๋ง นิสสัน ซันนี่ นีโอ สีดำ ทะเบียน วท-5431 กทม.คู่ใจ ห้อตะบึงเข้ากรุง เพื่อมาทานข้าวและนอนพักกับลูกๆ 2 คน ที่ หมู่บ้านฉัตรแก้ว โดยหารู้ไม่ว่ามัจจุราชกำลังรอเธออยู่
เข็มนาฬิกาหมุนมาหยุดที่เวลา 21.30 น.เมื่อระวีวรรณ มาถึงที่หมาย เธอจอดรถนิ่งสนิทห่างจากบ้านพัก 10 เมตร ก่อนสาวเท้าก้าวลงจากรถด้วยท่าทางหวั่นๆเพราะก่อนหน้านี้เธอเคยถูกคนร้ายจ่อยิงขณะขับรถบนถนนเส้นลาดพร้าวมาแล้วแต่เดชะบุญรอดมาได้ นอกจากนี้ร้านวัสดุก่อสร้างในเมืองโอ่งยังถูกมือมืดเผาอีกด้วย
ห่างจากบ้านพักเธอไป 50 เมตร มีนายประกอบและ นายจตุรงค์ หรือ ไอ้ตึ๋ง เบ็ญกูล สองคู่หูกำลังละเลียดเบียร์ลีโอ แกล้มหมูปิ้ง อยู่ที่ม้าหินอ่อนในสวนย่อมท้ายหมู่บ้าน รอคอยการกลับมาของเธออย่างใจเย็น เบียร์ขวดที่สองในจำนวนสามขวด ถูกเทราดหายไปในลำคอ ขณะกำลังเปิดขวดสุดท้ายที่เหลือ การรอคอยของเขาก็สิ้นสุดเมื่อเห็นเหยื่อมาถึงที่หมาย
"มันมาแล้ว ดำเนินการตามแผนที่วางไว้" นายศักดิ์ดา ที่นั่งรอในรถยนต์ ออกคำสั่งทางโทรศัพท์ ไอ้กอบกระซิบบอกไอ้ตึ๋งเพื่อนเกลอที่รู้จักกันในคุกลาดยาว อีกทอด
ไม่รอช้าไอ้ตึ๋งเดินตามระวีวรรณไปติดๆ ขณะที่เธอกำลังยื่นเปิดประตูบ้านเพื่อเข้าไปพบหน้าลูกๆ ยังไม่ทันที่ประตูจะเปิดออก ไอ้ตึ๋ง ชัก ทูตมรณะขนาด 6.35 มม.ขึ้นมาจากเอวจ่อยิง
ปัง!ปัง !........... กระสุนสองนัดแรกเจาะทะลุร่าง แต่เธอยังฮึดกัดฟันถลันตัวพรวดผลักประตูเหล็กลงไปนอนเกลือกกองเลือดหน้าบ้าน
ปังๆๆ สันชาติญานนักฆ่าบอกให้มันปรี่ตามไปยิงเหยื่อซ้ำ อีก 3 นัด เพื่อความมั่นใจ
สิ้นเสียงขับดินระเบิด ลูกๆของเธอวิ่งออกมาตามเสียงปืนพบแม่นอนจมกองเลือด พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องสุดเสียง
ปลุกเพื่อนบ้านนำร่างที่มีเพียงลมหายใจแผ่วโผยส่งโรงพยาบาลเวชธานี แต่ระวีวรรณ ทนพิษคมกระสุน 4 นัดที่เจาะเข้า ศีรษะ ราวนมซ้าย ราวนมขวา และหัวไล่ขวาทะลุหลังอีก ไม่ไหวสิ้นลมก่อนถึงมือหมอ
เมื่อทำงานสำเร็จไอ้ตึ๋งวิ่งลัดเลาะไปท้ายหมู่บ้านกลืนหายไปในความมืดแห่งราตรี ก่อนขึ้นรถมอเตอร์ไซต์ที่ไอ้กอบสตาร์ตเครื่องรออยู่
มอเตอร์ไซต์ของสองคู่หูวิ่งไปจอดทิ้งไว้ที่อาคารชุดลุมพินีเซ็นเตอร์ ส่วนกระบอกเก็บเสียงกับเสื้อยืดที่ใส่ก่อเหตุถูกทิ้งลงในถังขยะแถวนั้น จากนั้นทั้งคู่ใช้บริการแท็กซี่ไปลงที่ถนนงามวงศ์วานเยื้อง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อรอให้นายศักดา มารับพร้อมเงินค่าจ้างหลักแสน
หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณทรัพย์ หัวหน้าชุดพนักงานสอบสวนคดีนี้สั่งการให้ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้การกองปราบปราม เข้าคลี่คลายคดีร่วมกับตำรวจนครบาล
ภายในห้องประชุม กองกำกับการ 1 กองปราบปราม พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ สุขวัฒนกุล ผกก.1 บก.ป. ( ตำแหน่งขณะนั้น) หารือเครียดกับ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธี สว.กก.1 บก.ป.
พี่ให้น้ำหนักเรื่องร้องเรียนไบโอคลินิค หรือจ๋อว่าไง พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวในเชิงขอความเห็นจาก พ.ต.ท.ธีรเดช
ผมได้ข้อมูลมาว่า นายวรรธนะ หรือบุญลือ รุ่งเรือง ที่ถูกยิงตาย ก่อนระวีรรณ เป็น อดีตคนขับรถของหมอไพศาล แต่กลับใจมาเป็นพยาน ให้รวีวรรณ" พ.ต.ท.ธีรเดช กล่าวพลาง เปิดแฟ้มคดีให้ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ดู
พยานชี้รูปถ่ายว่าเห็นนายศักดิ์ดาไปป้วนเปี้ยนหน้าบ้านพักรถไฟ กม.11 จตุจักร ของบุญลือก่อนที่บุญลือจะถูกยิงตาย พ.ต.ท.ธีรเดชว่าต่อ
พี่จำกรณีที่ นายชาญวิทย์ ชาญรัตนชัย ชาวภูเก็ตเซลส์แมนขายสูท ที่ถูกฆ่าอำพรางใน อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2549 ได้ไหม
"อืม...จำได้สิ" พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ ว่า "นายชาญวิทย์ เพิ่งเดินทางขึ้นมาจากบ้านเกิด มาตามเรื่องร้องเรียนหมอไพศาล ที่ทำให้ขอบตาเน่า"
" 3 ศพ สามารถเชื่อมโยงกันได้หมดว่าการตายล้วนมาจากเรื่องไบโอคลินิคทั้งสิ้น ถ้างั้นก็จ๋อก็รีบนำลูกน้องไปรวบไอ้ตึ๋งมาก่อน เพราะมันเป็นตัวสำคัญที่จะสาวไปถึงคนบงการ พี่รู้มาว่ามันมีคดีครอบครองอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย เล่นมันคดีนี้ก่อน ค่อยๆรีดคดี3ศพ" ผกก.1บก.ป.แนะแนวทางแก่ลูกน้องคู่ใจ
24 กันยายน พ.ต.ท.ธีรเดช นำกำลังจับกุม นายจตุรงค์ ก่อนนำตัวมาสอบเครียดทั้งคืน จนไอ้ตึ๋ง เปิดปากสารภาพหมดเปลือกว่า เป็นคนสังหาร นายวรรธนะ และ นางรวีวรรณ จริง พร้อมทั้งให้การซัดทอดว่า นายประกอบ และนายศักดา น้องชาย หมอไพศาล เป็นคนจ้างวาน
ไม่ รอช้า พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ รีบขอหมายจับ นายศักดิ์ดา เฮงสวัสดิ์ นายประกอบ สีนาค ไม่นานได้รับการประสานจาก ตำรวจลาวว่าสามารถรวบตัวนายประกอบได้ขณะซุกหัวอยู่กับเพื่อนคนไทยใน เวียงจันทน์
ต่อมา นายชัยภรณ์ คนชี้เป้า ลูกน้องนายศักดิ์ดา รีบเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ เกรงจะถูกตัดตอนจากลูกพี่
แล้วก็มาถึงวันอวสานของหมอหนุ่มมือเปื้อนเลือด เมื่อ พ.ต.ท.เอกศิษฎ์ สุมานัส สว.กก.สส.บก.น.4 นำกำลังจับกุมหมอไพศาล คาไบโอคลินิค สาขาพัทยาเหนือ จ.ชลบุรี ขณะกำลังลงมือศัลยกรรมให้ลูกค้า
ก่อนแจ้งข้อหาใช้จ้างวาน ขอให้ผู้อื่นกระทำความผิดในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนพกติดตัวโดยไม่มีเหตุอันสมควร
ส่วน นายศักดิ์ดา น้องชายหมอไพศาลยังหนีหัวซุกหัวซุนอยู่ต่างประเทศ
คดีสะเทือนขวัญแวดวงคนเสื้อกาวกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว กฏหมายจะเอาผิดเขาได้หรือไม่ต้อง คดีนี้ต้องจับตาดู
โดย: ผู้จัดการออนไลน์ [11 ส.ค. 52 7:59] ( IP A:58.9.192.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
น่ากัวเนอะ คนแบบนี้อยู่ไปก็เป็นภัยสังคมว่ามะ
โดย: เจ้าบ้าน
[11 ส.ค. 52 14:38] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
5 ปีแล้วแพทยสภายังไม่ชี้มูล เพราะนายกแพทยาภาไม่ว่าง มัวแต่ไปเบิกความสู้คดีกับคนไข้ที่ตาย+พิการ
โดย: จงเจริญ [11 ส.ค. 52 23:04] ( IP A:58.9.204.122 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
วันนั้นเจอที่ห้องพิพากษา คดีประธานเครือข่ายของเรา
พี่แป้งกระซิบ ๆ คนนี้แหล่ะ หมอไพศาล
ก็เลยบอก อ้าวเหรอ หน้าตาหล่อกวนติงดีเนอะ
เคี้ยวหมากฝรั่งในห้องพิจารณาคดียังเด็กเวร อุ้ย!! พูดผิด เด็กแว้น
หมอหล่อเป็นบ้าเลยค่ะ
โดย: เด็กเวง [12 ส.ค. 52 12:39] ( IP A:112.142.56.124 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ดูหมอไปศาลแกก็ไม่มีความสุขเท่าไหร่
ขณะที่ลูกเต้าคุณรวีวรรณก็ไม่มีความสุข
ทุกฝ่ายไม่มีความสุข เพราะแพทยสภาไม่มีความเป็นกลาง ไม่ทำหน้าที่ ปล่อยให้มาสูกันเอง ทะเลาะกันเอง แพทยสภาลอยตัว ตูเข้ามาเพื่อหาผลประโยชน์อย่างเดียว หน้าตากูเอา แต่ตัดสินตูไม่เอาไปทะเลาะกันเอง
โดย: แพทยสภา กำลังจะกลายเป็นซ่องกระโจน [12 ส.ค. 52 15:57] ( IP A:58.9.197.220 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
ความคิดเห็นที่ 6
ยิ่งกว่านั้นอีก แพ ยสภา เป็นซ่องโจนมานานนับสิบปีแล้ว นับตั้งแต่ท่านอาจารย์แสวงลาออกมาเลย
ทุกวันนี้พัฒนาเลวลงเป็นระดับ "ซ่องมหาโจนในเสื้อกาวน์" ที่พ่วงกับเครือเมดิคอลฮับแล้ว ขนาดฝรั่งอเมริกันที่ลูกชายมาตายที่โรงพยาบาลใหญ่ย่านซอยนานา ทำเว็บขึ้นด่าประจาน "เป็นฆาตรกร" กันเลยนะ สำหรับวงการแพทย์ไทยเนี่ย เฮ้อ เขาคงเหลืออดจริงๆ เพราะขึ้นเว็บคาไว้เป็นปีๆ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [13 ส.ค. 52 8:34> ( IP A:58.8.105.238 X: )
โดย: แก้ให้หน่อย (เจ้าบ้าน
) [13 ส.ค. 52 10:48] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
เรื่องนี้อย่าไปว่า "แพทยสภา" เขาเลย เขาขวัญอ่อนใจปลาซิวกันทั้งนั้น ไม่มีเวลามาทำเรื่องยาก ๆ แบบนี้หรอก เรื่องไหนยาก ๆ เขาแนะนำผู้เสียหายว่า "ไปฟ้องร้องเอาเอง" ผลักปัญหาออกจากตัว ภาพพจน์ดูดีมากนะหน่วยงานแห่งนี้ แต่กลัวตายกันทั้งนั้น ไม่ได้มีความกล้าหาญอะไรเลย
ลืมไปเขากล้าอยู่อย่างเดียว รังแกคนไม่มีทางสู้ แบบชาวบ้านตาดำ ๆ
โดย: ไอ้ไวร [17 ส.ค. 52 19:55] ( IP A:58.9.202.246 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
ก็ระวังตัวกันไว้หน่อยละกัน ท่านบรรดาแพทยสภาโจรทั้งหลาย
คุณระวิวรรณน่ะ แกเป็นคน "ราชบุรี" แล้วถิ่นแถวนั้น ก็เคยขึ้นชื่อว่า
เป็นถิ่นแดนดินของ "คนจริงและคนกล้าเขต ๗" มาก่อน
สมัยผมยังอ่อนหัด ขนาดโจรใหญ่จากอีสาน ข้ามเขตเข้าปล้น/ฆ่ายกครัว
อดีดผู้ใหญ่บ้าน
คนดังชองเขตท่าเรือพระแท่น อาทิตย์เดียวหลังเกิดเหตุ โจรทั้งก๊กถูกจับได้และถูกตั้งศาลเตี้ยยิงทิ้งยกแก๊งค์กลางตลาดกลางวันแสกๆเหมือนกัน
และคนใต้ก็ "ใช่ว่าจะน้อยหน้า" ในเรื่องนี้ ไม่งั้นสามจังหวัดชายแดนใต้จะตาย/เจ็บกันเรื้อรังมาจนทุกวันนี้หรือ???
คดีที่แพทยสภาโจรกับหมอขี้ฉ้อทั้งหลาย "ทำกับ" คนในเครือข่ายฯแบบเหยียบย่ำทั้งศักดิ์คนตายและย่ำยีจิดใจคนเป็นที่ถูกทิ้งอยู่เบื้องหลัง
คนเหล่านั้น ที่เป็นคนเขต ๗ (บ้านโป่ง ราชบุรี ท่าเรือพระแท่นกาญจนบุรีและสุพรรณบุรี) และ คนสามจังหวัดชายแดนใต้
ก็มีอยู่ไม่น้อยนา เทือกเถาเหล่ากอของพวกเขา ที่เป็น "คนจริงและนักเลงจริง" ก็มีอยู่ไม่น้อย
ท่านทำพวกเขาเจ็บ ตาย และพิการได้อย่าง "หักเหลี่ยมเหยียบหัว" กันซึ่งๆหน้า ระวังว่า พวกท่านเหล่าหมอและลิ่วล้อ อาจเจอชะตากรรมเดียวกันได้ นี่เป็นธรรมชาติพื้นๆเลยนะ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [19 ส.ค. 52 9:18] ( IP A:58.8.100.91 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน