ด.ญ.ยะลาติดเอดส์จากเลือดบริจาค
   ปลัด สธ.สั่งตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง ด.ญ.ยะลาติดเอดส์จากเลือดบริจาค

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 กรกฎาคม 2552 19:29 น.

https://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084077


นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สาธารณสุขจังหวัดยะลา สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเด็กหญิง อายุ 4 ปี ใน จ.ยะลา ติดเชื้อ HIV จากการรับบริจาคเลือดจากโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เมื่อแรกเกิด เนื่องจากมีน้ำหนักตัวน้อย เพียง 1,350 กรัม โดยได้รับเลือด 2 ครั้ง จากนั้นมีอาการหอบเหนื่อย ร่างกายไม่แข็งแรง และได้รับการตรวจยืนยันจากโรงพยาบาลว่า ติดเชื้อ HIV และในเบื้องต้นกระทรวงฯ จะให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 41 ของกฎหมายหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
แพทย์หญิงพัชรา ศิริวงศ์รังสรรค์ ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค ระบุว่า ขั้นตอนการบริจาคเลือดจะต้องตรวจคัดกรองผู้ที่จะบริจาค หากมีพฤติกรรมเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในระยะ 3-6 เดือนก่อนบริจาคเลือด ไม่ควรมาบริจาคเลือด เนื่องจากจะทำให้ผลตรวจเลือดจากห้องปฏิบัติการไม่สามารถตรวจเชื้อได้ และได้ค่าที่ผิดพลาด แม้แต่ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงที่มาตรวจเลือดหาเชื้อเอดส์ ก็จำเป็นต้องตรวจซ้ำอีกครั้งใน 3 เดือน
สำหรับการแสดงอาการเชื้อเอดส์ของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อเอดส์ที่ได้รับ และภูมิคุ้มกันร่างกาย โดยผู้ใหญ่จะแสดงอาการหลังรับเลือดไปแล้ว 3-4 ปี
โดย: สมาชิกเครือข่ายฯ ก็เคยมี [24 ก.ค. 52 20:33] ( IP A:58.9.198.208 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   แล้วเราจะป้องกัน window period ได้อย่างไรครับ
โดย: ถามเครือข่าย [24 ก.ค. 52 21:23] ( IP A:125.26.108.173 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   “วิทยา” ยืดอกรับ สธ.เฮงซวยทำเด็ก 4 ขวบติดเอดส์จากเลือดของโรงพยาบาล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
24 กรกฎาคม 2552 16:09 น.


https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000083975

“วิทยา” ยอมรับ สธ.บกพร่องทำให้เด็ก 4 ขวบ รับเลือดจากโรงพยาบาลแล้วติดเอดส์ สั่งผู้ตรวจราชการ สธ.สอบข้อเท็จจริง ศูนย์สันติวิธีดำเนินการไกล่เกลี่ย “หมอปราชญ์” มั่นใจระบบตรวจสอบเลือดได้มาตรฐานสากล

วันที่ 24 ก.ค. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเด็กแฝดผู้น้องวัย 4 ขวบ ติดเชื้อเอชไอวีจากการรับเลือดที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา จ.ยะลา ว่า ถือเป็นความบกพร่องของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งต้องรับผิดชอบผู้ป่วยอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นได้สั่งการให้ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีสาธารณสุข เป็นผู้ไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย รวมถึงมอบหมายให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น





นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า เด็กรายดังกล่าวเป็นเด็กแฝดคนน้อง น้ำหนักแรกคลอดเพียง 1,350 กรัม ทั้งที่โดยปกติน้ำหนักแรกคลอดควรจะอยู่ที่ 3,000 กรัม หากน้ำหนักต่ำกว่า 2,500 กรัม ถือว่ามีความเสี่ยงสูง ที่สำคัญ เด็กมีอาการหอบหืด ท้องเสียบ่อยครั้ง ทำให้ต้องเข้าโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง บางครั้งมีอาการป่วยที่แพทย์ต้องพิจารณาให้เลือดเพื่อช่วยเหลือชีวิตเด็ก ต่อมามีการตรวจเลือดเด็กที่ รพ.ศูนย์ยะลา รพ.ในมหาวิทยาลัย ผลไม่พบว่าติดเชื้อเอชไอวี กระทั่งผ่านไป 1-2 สัปดาห์ มีการตรวจเลือดอีกครั้ง จึงพบว่าเลือดเป็นบวก ติดเชื้อเอชไอวี เบื้องต้น รพ.ศูนย์ยะลา ได้รับผิดชอบด้วยการให้การดูแลรักษาผู้ป่วยฟรีตลอดชีวิต

นพ.ปราชญ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับขั้นตอนในการให้เลือดกับผู้ป่วยมี 3 ขั้นตอน คือ 1.ตรวจดูกรุ๊ปเลือดของผู้ป่วย 2.พิจารณากรุ๊ปเลือดที่จะนำมาให้กับผู้ป่วยซึ่งต้องเป็นกรุ๊ปเลือดเดียวกัน และ 3.นำเลือดมาให้ผู้ป่วย ส่วนการตรวจสอบเลือดก่อนนำมาให้กับผู้ป่วยจะดำเนินการตามหลักสากล โดยพิจารณา 2 หลักใหญ่ ได้แก่ ให้เลือดไม่ผิดกรุ๊ปและให้เลือด
โดย: รัฐมนตรีใช้ได้ ปรบมือ [25 ก.ค. 52 13:50] ( IP A:58.9.223.148 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   1. รัฐมตรีฯ สั่งการให้ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา ผู้อำนวยการศูนย์สันติวิธีสาธารณสุข เป็นผู้ไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย
เหอะ ๆ

2.นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
แบ๊ะ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

ถ้าจัดการให้ดี ผู้เสียหายจะได้รับความเป็นธรรม
ถ้าไม่เป็นธรรม เครือข่ายก็งานเข้า ก็เท่านั้นเอง
โดย: จะรอดู [25 ก.ค. 52 13:58] ( IP A:58.9.223.148 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ถ้างั้นต้องตามให้เจอว่าเลือดที่ให้นั้นเป็นเลือดใคร แล้วไปเอาผิดกับมัน
โดย: +++ [25 ก.ค. 52 16:50] ( IP A:58.8.95.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เคสนี้ไม่ใช่เคสแรก และไม่ใช่เคสสุดท้ายแน่นอน คิดดูนะ ถ้าหมอรู้ว่าเลือดมีเชื้อ HIV หมอจะให้ไม๊ ถ้าห้องแลบรู้ว่าตรวจเจอ HIV ยังจะเก็บไว้ จ่ายให้คนไข้ไม๊ ข้อแรก window preriod แพร่เชื้อได้ แต่ตรวจไม่พบได้ หรือแลปไม่แม่นยำเต็มร้อย แล้วใครผิด หมอผิด เพราะคนสั่ง แลบผิดเพราะคนจ่ายเลือด หรือ บริษัทผลิตตัวทดสอบผิดเพราะตรวจหา window preriod ไม่ได้ แล้ว สธ เฮงซวยตรงไหน รมต ไม่....ซวยด้วยรึ ดีแต่ว่าคนอื่น

ตอนเรียนผมเคยถามอาจารย์ว่า แล้วแบบนี้ถ้าเราเกิดเหตุต้องรับเลือดเราจะกล้ารับไม๊ในเมื่อเรารู้ว่าเราตรวจในระยะ window preriod ไม่ไ้ด้
อาจารย์ก็บอกว่า ถ้ารับเลือดก็เสี่ยงถ้าไม่ได้เลือดก็ตาย หรือไม่ก็บริจาคเลือดไว้ให้ตัวเองในอนาคต ซึ่งมีแต่ blood bank เอกชนถึงรับและต้องจ่ายค่าบำรุงต่อปีเป็นจำนวนมากโขซึ่งทั้งชีวิตที่ต้องงจ่ายอาจจะไม่ได้ใช้ เหมือนเก็ย stem cell
โดย: ใครผิด [25 ก.ค. 52 22:30] ( IP A:125.26.109.216 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   สธ เฮงซวยตรงไหน รมต ไม่....ซวยด้วยรึ ดีแต่ว่าคนอื่น

ใครพูดว่าสธ.เฮงซวย คุณพูดเองนะ
เพียงแต่เราว่าท่านปลัดน่าจะพูดจาให้มันสวยกว่านี้
เพราะพ่อแม่+ญาติเด็กเขารู้สึกได้ คนเขารู้ว่าท่านเก่ง
ไม่เก่งคงไม่ได้เป็นปลัดหรอก แต่บางทีความเก่งก็ต้อง
ใช้ให้ถูกกาละเทศะ พ่อแม่เด็กเขาเสียใจอยู่

แล้วรัฐมนตรีไม่ได้เป็นอย่างที่คุณว่าหรอก เพราะท่านไฟเขียวแล้ว
ในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหาย กล้าหาญ เครือข่ายฯ ขอชม
ปรบมือให้

แต่ไม่มั่นใจว่านพ.สุพรรณ จะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยได้ดี
เพราะท่านคือคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีตั้งทีมสู้กับคนไข้
แต่ถ้าปัจจุบันท่านมีความเป็นธรรม เราก็ขอชมล่วงหน้า
ถ้าไม่เป็นธรรมกับเด็ก เราก็ขอคืนคำชม ก็เท่านั้น
โดย: มีไร...หรือเปล่าเพ่ [26 ก.ค. 52 21:53] ( IP A:58.9.185.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ผอ.รพ.ศูนย์ยะลา คนนี้กล้าหาญที่สุด เครือข่ายฯ ขอปรบมือให้เราอยากให้ปลัดฯ เป็นแบบนี้บ้าง..ไม่เคยเลย

นพ.กุลเดช เตชะภารักษ์ ผอ.โรงพยาบาลศูนย์ยะลา กล่าวถึงกรณีเด็ก 4 ขวบติดเชื้อ HIV จากการให้เลือดของโรงพยาบาล ว่า เลือดที่ทางโรงพยาบาลมีอยู่จะได้รับจากการขอบริจาค ซึ่งจะมีการตรวจตามมาตรฐานของสภากาดชาดไทยทุกขวด นอกจากนี้ จะมีการตรวจหาเชื้อเอชไอวี ซึ่งหากพบก็จะกำจัดทิ้งในทันที แต่เมื่อถามว่า หากการตรวจตามมาตรฐานแล้วโอกาสที่เลือดมีเชื้อเอชไอวีจะสามารถหลุดรอดได้หรือไม่ โดยมาตรฐานในการตรวจคลีนนิ่งก็ยังไม่มาตรฐานถึง 100 % เพราะจะมีช่วงช่องว่างอยู่ เนื่องจากหากเป็น 4 ปีที่ผ่านมาคนบริจาคเลือดได้ไปรับเชื้อมาในช่วงระยะแรกจนถึงประมาณ 2 เดือน เราตรวจไปพบเชื้อ

แต่ในปัจจุบันการตรวจหาเชื้อก็มีความไวในการตรวจหาเชื้อได้เร็วขึ้นจาก 12 วัน - 2 สัปดาห์ ดังนั้น ผู้ที่บริจาคเลือดไปรับเชื้อมาในช่วงช่องว่างดังกล่าวนี้ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่เลือดของผู้ที่บริจาคก็มีโอกาสติดเชื้อเอชไอวีเหมือนกัน

เมื่อถามว่า หากเมื่อโรงพบาบาลได้รับเลือดจากการบริจาคและมีการตรวจหาเชื้อแล้วในครั้งแรก และเมื่อก่อนที่จะนำเลือดออกไปใช้จะมีการตรวจหาเชื้ออีกรอบหรือไม่ นพ.กุลเดช กล่าวว่า เลือดที่ผ่านการตรวจหาเชื้อแล้ว และไม่พบเชื้อ ถึงจะมาตรวจซ้ำอีกกี่ครั้งก็จะไม่พบเชื้อเหมือนกัน เมื่อถามต่อว่า มาตรฐานในการตรวจหาเชื้อเอชไอวีในขณะนี้ มีการพัฒนาขึ้นแล้วใช่หรือไม่ น.พ.กุลเดช กล่าวว่า มาตรฐานที่ทางโรงพยาบาลใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นมาตรฐานเดียวเหมือนกับทุกงพยาบาลทั่วประเทศ

เมื่อถามว่า กรณีที่เกิดขึ้นปัญหาเกิดขึ้นกับเด็กอายุ 4 ขวบได้รับเชื้อเอชไอวีจากการเข้ารับการรักษามีโอกาสเกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่ นพ.กุลเดช กล่าวว่า โอกาสที่จะได้รับเชื้อจากการรับเลือด มีโอกาสน้อยมาก เพราะขั้นตอนการรับบริจาคเลือดทางโรงพยาบาลจะมีการแจกแบบสอบถามให้กับผู้บริจาคได้กรอกข้อมูล เช่น เมื่อคืนก่อนที่จะมาบริจาคเลือดได้ไปมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ ซึ่งหากผู้บริจาคตอบคำถามที่ตรงไปตรงมา ก็จะทำให้ทางโรงพยาบาลสามารถสกรีนเลือดของผู้บริจาคได้ เมื่อถามว่า แบบสอบถามที่ให้ผู้บริจาคกรอบข้อมูลนั้น เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกโรงพยาบาลใช่หรือไม่ นพ.กุลเดช กล่าวว่า เป็นมาตรฐานเดียวกันทุกโรงพยาบาล และเป็นมาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ

เมื่อถามว่า จากเด็กที่ได้รับเชื้อเอชไอวีที่เกิดขึ้นนี้ ในขณะนี้ทางโรงพยาบาลทราบแล้วหรือยังว่าเด็กคนดังกล่าวได้รับเชื้อมาจากที่ใด นพ.กุลเดช กล่าวว่า จากตรวจสอบ โดยตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อให้เข้าไปตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก ซึ่งคราวข้อมูลที่พบเบื้องต้น อาจจะเป็นไปได้ว่าเด็กคนดังกล่าวอาจจะได้รับเชื้อจากการได้รับเลือดเมื่ออายุ 2 เดือน ส่วนสาเหตุตรงจุดอื่นๆ เท่าที่ตรวจสอบยังไม่พบเหตุผลว่าเด็กคนดังกล่าวจะสามารถไปรับเชื้อมาจากจุดอื่นๆ ได้

เมื่อถามว่า ในการได้รับเลือดของเด็กคนดังกล่าว ก็ได้รับเลือดมาจากโรงพยาบาลศูนย์ยะลาใช่หรือไม่ นพ.กุลเดช กล่าวว่ ใช่ครับ เพราะตอนเกิดเด็กคนเป็นเด็กแฝด โดยที่เด็กที่ได้รับเชื้อนั้น เป็นแฝดพี่ตอนเมื่อแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อยมาก ส่วนแฝดน้องไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ซึ่งแฝดพี่มีน้ำหนักเพียง 1,300 กรัม และการหายใจไม่ค่อยดี ทางโรงพยาบาลต้องใช้เครื่องช่วยหายใจช่วย และเมื่อทางโรงพยาบาลดูแลจนได้น้ำหนักได้ระดับหนึ่ง ก็มาพบว่า เด็กคนดังกล่าวมีเลือดจาง ทางโรงพยาบาลจึงต้องให้เลือดถึง 3 ครั้ง หลังจากนั้น เด็กมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์เติบโตจนมาถึงในปัจจุบัน แต่มาพบอาการติดเชื้อในขณะนี้

เมื่อถามว่า ในขณะนี้เมื่อเราพบเด็ดคนดังกล่าวมีการติดเชื้อจากการให้เลือดจากโรงพยาบาลแล้ว ไม่ทราบว่าทางโงพยาบาลสามารถที่จะไปเช็คข้อมูลย้อนหลังกลับไปได้หรือไม่ว่า การรับเลือดจำนวน 3 ครั้ง การรับเลือกครั้งไหนที่มีเลือดติดเชื้อ นพ.กุลเดช กล่าวว่า สามารถตรวจเช็ตประวัติย้อนหลังกลับไปได้ เพราะทางโรงพยาบาลได้มีการทำประวัติเก็บเอาไว้ตลอด แต่เมื่อเราตรวจสอบแล้วการที่จะให้ทางโรงพยาบาลไปนำตัวผู้ที่ให้บริจาคเลือดมาตรวจหาเชื้ออีกครั้งนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับตัวผู้บริจาคด้วย เนื่องจากเรื่องเป็นสิทธิของผู้บริจาคเลือดด้วย
โดย: ข่าวก่อนหน้านี้ [26 ก.ค. 52 21:58] ( IP A:58.9.185.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
    เอ้า...ข่าวล่าสุด

ผอ.ยันรับผิดชอบเด็ก4ขวบติดเอดส์จากการให้เลือด

เมื่อถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทางโรงพยาบาลจะเข้ามาดูแลรับผิดชอบอย่างไรบ้าง นพ.กุลเดช กล่าวว่า โรงพยาบาลจะต้องเข้ามาดูแลรับผิดชอบในการรับดูแลรักษาช่วยเหลือให้อยู่แล้ว โดยทางโรงพยาบาลจะดำเนินการตามมาตรา 41 โดยเป็นการช่วยเหลือตามหลักประกันสุขภาพ ที่จะมีเงินเยียวยา ให้ส่วนหนึ่ง ส่วนทางโรงพยาบาลเข้าให้การดูแลรับผิดชอบไปตลอดชีวิต ซึ่งทางโรงพยาบาลจะให้เด็กคนดังกล่าวนี้เป็นคนไข้วีไอพี.ของโรงพยาบาล สำพหรับเรื่องการสืบสวนสอบสวนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่า หากทางพ่อแม่เด็กจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายกับทางโรงพยาบาล นพ.กุลเดช กล่าวว่า เรื่องนี้เราคงจะต้องมีการมาเจรจากันอีกครั้ง อย่างไรทางโรงพยาบาลยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งเราจะมีการนัดพุดคุยกันในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ แต่ในเบื้องต้นทางหมอเจ้าของไข้ได้มีการพูดคุยไปแล้วบางส่วน ซึ่งทางตัวแม่ของเด็กก็มีความเข้าใจว่าเรื่องที่เกิดมาจากปัญหาทางเทนิคทางการแพทย์
โดย: คมชัดลึก [26 ก.ค. 52 22:14] ( IP A:58.9.185.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   สธ.สั่งรพ.ยะลารับผิดชอบเด็ก 4 ขวบติดเอดส์
Post Today
วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 16:05


สธ.สั่งช่วยเหลือเด็ก4 ขวบติดเอดส์จากการรับเลือด พร้อมสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงการติดเชื้อ นพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีเด็กหญิงวัย 4 ขวบ รับบริจาคโลหิตแล้วติดเชื้อเอชไอวีจากโรงพยาบาลศูนย์จังหวัดยะลาว่า จากข้อมูลทราบว่าเด็กคนดังกล่าวเมื่อแรกเกิดมีน้ำหนักน้อยเพียง 1,350 กรัมเท่านั้น และได้รับเลือด 2 ครั้ง จากนั้นมีอาการหอบเหนื่อย ร่างกายไม่แข็งแรงต้องเข้าออกโรงพยาบาลตลอดเวลา และหลังจากการตรวจยืนยันจากโรงพยาบาลพบติดเชื้อเอชไอวี ทั้งได้มอบหมายให้ นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษก สธ. และ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ผู้ตรวจราชการ ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะตามปกติเกณฑ์การให้เลือดจะมีการตรวจสอบซักถามข้อมูลของผู้บริจาคก่อน ส่วนความช่วยเหลือเบื้องต้น กระทรวงฯ จะให้ความช่วยเหลือตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยไม่ต้องรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือพิสูจน์ว่าถูกผิด

นพ.ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้ทางโรงพยาบาลศูนย์จังหวัดยะลาได้ส่งทีมสุขภาพจิตดูแลครอบครัวของเด็กหญิงดังกล่าวแล้ว เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของฝ่ายใด จึงถือเป็นบทเรียน ที่ต้องร่วมกันเยียวยาทั้งกายและจิตใจ แต่สิ่งสำคัญคือสังคมและบุคคลข้างเคียงต้องร่วมให้กำลังใจ และปรับมุมมองว่าโรคที่เกิดขึ้นคล้ายโรคเรื้อรังในเด็กที่เกิดขึ้นได้ ที่ต้องรับประทานยา และดูแลสุขภาพให้ดีมากที่สุด ดำเนินชีวิตตามปกติเพื่อให้เด็กเติบโตได้อย่างไม่กังวลและมีปัญหาตามมาภายหลัง

ด้าน พญ.พัชรา ศิริวงศ์รังสรร ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กล่าวว่า การติดเชื้อเอดส์จากเลือดที่ได้รับการบริจาคปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่การแสดงอาการของเชื้อไวรัสเอชไอวีจะเกิดขึ้นได้ภายใน 3-4 ปี หลังจากได้รับเลือด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับปริมาณของไวรัสในเลือด ปริมาณเลือด และภูมิต้านทานของแต่ละบุคคล สำหรับเรื่องดังกล่าวต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและตัดปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องออก เพื่อให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สำหรับการดูแลรักษาเด็กหญิงคนดังกล่าว ก็ต้องทำความเข้าใจและให้คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้ การรักษาและดูแลก็คล้ายกับการรักษาโรคเรื้อรังในเด็กที่ต้องมีการรับประทานยาและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าทำให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ในเด็กเล็กมีอายุยืนยาวถึงช่วงวัยรุ่น บางรายมีอายุยืนยาวจนถึงสามารถมีครอบครัว
โดย: Post Today [26 ก.ค. 52 22:17] ( IP A:58.9.185.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ก็ไม่ได้ดูเป็นการรับผิดชอบอะไรมากมาย เป็นการรักษาผู้ป่วยติด HIV ตามปกติ
โดย: ชื่นชมที่ทำได้ตามหน้าที่ [26 ก.ค. 52 23:28] ( IP A:58.8.90.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   ผมว่านะ

ประเด็นมันชัดเจนแล้วว่า เด็กติดเชื้อจากการถ่ายเลือด

หากเป็นความจริงว่า เชื้อ HIV มีระยะเวลาฟักตัวราว 2 สัปดาห์ก่อนที่จะส่งผล + ต่อยาตรวจหาเชื้อในเลือดผู้บริจาค

นี่ก็อาจเป็นเหตุสุดวิสัยได้ แต่ก็แค่ "อาจจะ"

ที่น่าประทับใจก็ตรงที่ แม้ในเหตุของเรื่องที่อาจอยู่ในสภาพก้ำกึ่งระหว่างเหตุสุดวิสัย หรือเป็น ความผิดพลาดที่ป้องกันได้นี้

ได้เกิดเรื่องพลิกผันที่จากปรกติท่เคยเป็นมาคือ ทาง ผ.อ. โรงพยาบาลต้นเหตุมีการยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นอย่างตรงๆและเอ่ยปากแสดงความรับผิดชอบตามอำนาจหน้าที่ซึ่งมีอยู่ให้ตามกฎหมาย

และดูเหมือนว่า ตัว ร.ม.ต. ทั้งปลัด ส.ธ. และ ผ.อ. ศูนย์สันติวิธีจะออกมารับลูกในการแสดงความรับผิดชอบที่จะเยียวยาผู้เสียหายตามอำนาจที่กฎหมายมอบไว้ให้

อย่างนี้เราก็ต้องมาคอย "ติดตามตอนต่อไป" เราต้องไม่ลืมว่า ทั้งข้าราชการประจำระดับอธิบดีกระทรวงนี้และนักการเมืองเจ้ากระทรวงทั้งหลาย "สามารถพลิกลิ้น" ได้ตลอดเวลา หวังว่าเรื่องนี้เครือข่ายจะหลับสบายไม่ต้องเข้าไปยุ่ง ไม่ต้องเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือตามล้างตามเช็ดเรื่องที่บรรดา "เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ" สร้างภาพดีๆเบื้องหน้าแต่หมกเม็ดซุกปฏิกูลไว้ให้ตามล้างตามเช็ดทีหลังนะ

อ้อ แล้วทีหน้าทีหลังนะ หวังว่า "พวกท่าน" จะตัดสินใจลงมือแก้ไขปัญหาอย่างทันทีทันควันนะครับ ไม่ทำเป็นไร้เดียงสาหรือทำงานไม่เป็นจนประเทศไทยไต่ขึ้นเป็นจ้าวอันดับที่ 4 จากอันดับ 11 ของยอดคนตายจากไข้หวัด 2009 ได้ในอาทิตย์เดียวเท่านั้น

เฮ้อ บางที่เราคนไทยก็ต้องทำใจนะ มาฝากอนาคตและสวัสดิภาพทางสาธารณสุขกับพวกนักการเมืองนักพลิกลิ้นมืออาชีพ แต่ไม่ค่อยมีความคิด คุ้ยหาความสามารถในการทำงานมืออาชีพอย่างสุดจริตไม่ค่อยเจอ

เราก็ต้องเอาสวสดิภาพในชีวิต เอาการเสียเลือด/เนื้อ/ชีวิต เป็นเดิมพันกับความไม่เอาไหนอย่างนี้นี่แหละ เฮ้อ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [27 ก.ค. 52 11:13] ( IP A:58.8.106.159 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    เห็นจิตใจผู้ติดเชื้อหรือยัง
ว่าใครมันอยากจะเป็น
มองไปส่วนลึกของจิตใจเขาแล้วจะรู้ว่า
ว่ามันสาหัสเพียงไหน กับการทรมานใจกับโรคนี้
โดย: จีเอ็น [27 ก.ค. 52 19:54] ( IP A:58.136.74.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ปิ๊ดปิ่ว พี่เอมาแล้วหลังจากหายไปจากเวปโน้นตั้งนาน
โดย: อนาคตมีทางเลือกเสมอ [27 ก.ค. 52 23:21] ( IP A:114.128.210.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ญาติเด็กหญิง 4 ขวบ บุก สธ.ขอค่าชดเชย 5.1 ล้านบาท ติดเชื้อเอดส์จาก รพ.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
29 กรกฎาคม 2552 17:18 น.

https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000085899

ญาติเด็กหญิง 4 ขวบ จ.ยะลา ที่ติดเชื้อเอดส์หลังรับการรักษา บุก สธ.ร้องขอความเป็นธรรม ขอค่าชดเชยเพิ่ม 5.1 ล้านบาท ชี้ชดเชยแค่ 4 แสนไม่เหมาะสม ลั่นโยนให้เป็นความผิดพลาดช่องโหว่เทคโนโลยีการตรวจเชื้อทั้งที่สาเหตุยังไม่ชัด เท่ากับ สธ.ต้องการลดความรับผิดชอบ

วันที่ 29 กรกฎาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นายนพ(นามสมมติ) อายุ 36 ปี น้าชายของ ด.ญ.ปราง (นามสมมติ) อายุ 4 ปี ที่ติดเชื้อเอชไอวีจากความผิดพลาดในการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลศูนย์ จ.ยะลา ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับหนังสือแทนโดยนายสุรเชษฐ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า จะเร่งดำเนินโดยเร็ว โดยให้ศูนย์สันติวิธี สธ. รับหน้าที่เจรจาไกล่เกลี่ยกรณีนี้

นายนพกล่าวว่า ได้หารือร่วมกับครอบครัวของ ด.ญ.ปราง โดยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เจรจาเรื่องการชดเชยค่าเสียหาย ซึ่งทางโรงพยาบาลศูนย์ จ.ยะลา ยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดยทางโรงพยาบาลยอมจ่ายค่าเสียหายตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 เป็นเงิน 200,000 บาท และจากกองทุนเยียวยาของ สธ.อีก 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 400,000 บาท และโรงพยาบาลศูนย์ จ.ยะลา รับรักษา ด.ญ.ปรางฟรีอีกตลอดชีวิต ซึ่งถือว่ายังไม่เหมาะสมกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งจากอดีต และความเจ็บป่วยในอนาคตอีก ทางครองครัวจึงได้เรียกร้องขอเพิ่มเงินชดเชยเป็นเงิน 5.1 ล้านบาท

“เราไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้หลายๆ ครั้ง จึงจำเป็นต้องเรียกค่าเสียหายเป็นมูลค่าสูงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ของ สธ.ก็มีการเรียกค่าเสียหายใกล้เคียงกันหรือบางกรณีเรียกสูงถึง 10 ล้าน ซึ่งนายสุรเชษฐ์ ได้รับปากว่าจะเร่งดำเนินการให้ แต่หาก สธ.ไม่ดำเนินการอะไร ก็ต้องพึงกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานของสังคม แม้ว่ากระบวนการฟ้องร้องจะใช้เวลานานหลายปีก็จะรอ” นายนพกล่าว

นายนพดลกล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าเกิดการผิดพลาดที่จุดใด ดังนั้น จึงไม่ควรโทษว่าเกิดจากช่องโหว่ของเทคโนโลยีที่ตรวจเลือดรับบริจาคผิดพลาดที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเลือดปลอดเชื้อหรือไม่หากได้รับบริจาคเลือดยังไม่ครบ 30 วัน และข้อเท็จจริงแล้วโอกาสที่เกิดความผิดพลาดจากเจ้าหน้าที่ก็เป็นได้ เช่น หยิบเลือดสลับเอาถุงที่ยังไม่มีการตรวจสอบมาใช้ หรือน้ำยาที่ใช้ตรวจสอบเก็บไว้นานทำให้ไม่มีประสิทธิภาพหรือเสื่อม หมดอายุ ซึ่งการโยนความผิดพลาดไปที่การตรวจสอบว่าเลือดปลอดเชื้อหรือไม่เพียงอย่างเดียวเท่ากับ สธ.พยายามลดระดับความรับผิดชอบลงมาด้วย
โดย: สธ.งานเข้า..เครือข่ายฯ ไม่เกี่ยว [30 ก.ค. 52 9:28] ( IP A:58.9.200.100 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ถ้าคุณยอมรับผิดแล้ว คิดว่าเค้าจะให้อภัยหรือสงสาร ขอบอกว่า คิดผิด มีแต่จะซ้ำ ลองคิดดู ขับรถชนคนตายจ่ายสี่แสน แต่การช่วยชิวิตเด็กให้รอดชีวิต แล้วมีความผิดพลาดที่เกิดจากความไม่ร้อยเปอร์เซนต์ของ lab ต้องโดนอีก 5 ล้าน
โดย: จำไว้เป็นอุทาหรณ์ อย่ายอมมัน [30 ก.ค. 52 11:15] ( IP A:125.26.109.113 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ความเห็น 15
วิธีคิดของคุณเป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้แน่นอน
คิดแต่ในมุมของตนเอง ทั้งที่เป็นคนอยู่ในสถานะ
ที่ต้องให้ความช่วยเหลือมนุษย์ หากคุณเป็นคนแก่
ก็คงสมองเล็กยิ่งกว่า..จ๋..เด็ก

การช่วยชีวิตเด็กให้รอด เป็นเรื่องที่ชาวบ้านซาบซึ้งใจ
และถือเป็นบุญคุณใหญ่หลวง แต่เมื่อเกิดเรื่องเด็กติดเชื้อ
ขึ้นมา คุณต้องการให้เขาทำใจอย่างเดียวคงไม่ได้ ลองคิด
ตามนะถ้าคุณพอมีสมองอยู่บ้าง ครอบครัว+ตัวเด็กจะดำรง
ชีวิตอยู่อย่างไรในสังคม ในเมื่อถูกจัดให้เป็นคนติดเชื้อไปแล้ว

ทีนี้มาดูเรื่องการชดเชย ญาติเด็กก็ไม่ได้ไปขู่กรรโชกทรัพย์
จากรพ.เสียหน่อย รพ.รัฐเขามีพรบ.ความรับผิดทางละเมิดของจนท.
คุ้มครองอยู่ หลวงเขาชดใช้ให้

แล้วคุณจะอาศัยเหตุการณ์นี้โจมตีเด็กและญาติหาหอกอะไรฟะ
ไอ้คนไร้น้ำใจ

อธิบายก็คงไม่เข้าใจ เพราะคุณมันคงเป็นอย่างอื่นมาเกิดในร่างมนุษย์
โดย: ฟาย [30 ก.ค. 52 12:06] ( IP A:58.9.220.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   คำว่า "อย่ายอมมัน" เป็นคำที่คุ้นมาก ๆ
ที่ผู้บริหารในแพทยสภา(บางคน) ชอบใช้เรียกผู้เสียหาย
โดย: สุนัขขี้เรื้อนตัวหนึ่ง [30 ก.ค. 52 12:10] ( IP A:58.9.220.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   ถ้าเลือดถุงนั้นผ่านการตรวจถูกต้อง ไม่น่าจะมีความจำเป็นทางกฎหมายที่ต้องช่วยเหลือ (พูดตรงๆ แบบผมเองก็รับไม่ได้ คือ เป็นความซวยส่วนตัว จริงๆ)

การช่วยเหลือในตอนนี้เป็นเรื่องของมนุษยธรรม เป็นความเห็นใจซึ่งกันและกันมากกว่าครับ

ถ้าเรียกร้องมากเกินไป ด้วยท่าที่แบบนี้ อาจจะไม่ได้อะไรสักอย่าง
โดย: +++ [31 ก.ค. 52 7:51] ( IP A:58.8.86.51 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   แหม คุณ คห ที่ 15 นี่ เสมอต้นเสมอปลาย fix idea จริงจังมากเลยนะ

ออกความเห็นยังกับเป็นเจ้าของเงินเองเลย

รู้หรือเปล่าว่า งานอย่างนี้น่ะ "หลวง" เป็นคนจ่าย แล้วก็จ่ายยากเย็นถึงขนาด ผู้เสียหายอย่างคุณดอกรัก ที่ตาบอดจากแพ้ยาน่ะ "ต้องก้มลงกราบ (ขออนุญาตนะท่านจ้าวบ้าน) ตีน น่ะ ตีน รู้จักไหมครับ??? ของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเลยนะเพื่อไม่ให้อุธรณ์น่ะ

ท่านไม่ลองคิดดูทีว่า 5.1 ล้านบาทนี่ เป็นตัวท่านเองแล้วก็ลูกของท่านเอง ให้ท่านเลี้ยงลูกในสภาพนี้ไปตลอดชีวิตจนกว่าท่านและภรรยาตายายสองคนจะหมดลม แต่ลูกที่พิการคนนี้ ยังน่าจะอยู่อย่างทรมานแบบไม่รู้เดียงสาต่อไป ให้ท่านอย่างนี้เอาไหมครับ????

อ้อ อีกอย่างนะ ถ้าท่านไม่คัดค้านนะ แต่กลับสามารถช่วยหรือรับประกันได้ว่า พ่อแม่เด็กได้รับครบถ้วนตามที่เรียกไป ผมยินดีตกรางวัลให้ท่านจากกระเป๋าตัวเองในวงเงิน 10% ของยอดนี้ เป็นเงินสดทันทีใน 7 วันหลังพ่อแม่ได้เงิน

ข้อแม้เดียวคือ ขอมอบเงินกันแบบเห็นตัวกันจะแจ้งไม่ต้องใช้ตัวแทนเลยนะทั้งสองฟากของผู้ให้ผู้รับ ท่านจ้าวบ้านเป็นพยานด้วย ตรงไปตรงมาดีไหมครับ????
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [31 ก.ค. 52 8:38] ( IP A:58.8.109.162 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   เท่าที่อ่านดูความคิดเห็นของสมาชิกเครือข่าย..
สรุปได้ว่า ต้องการ "เงิน" ใช่มั้ย
ผอ.โรงพยาบาลก็รับผิดชอบทุกอย่าง แต่... ดูเหมือนเงินที่ได้มันไม่พอใช่มั้ย ก็เลยจะเรียกร้องอีก... ???
โดย: หมอก้อนหิน [31 ก.ค. 52 13:06] ( IP A:124.157.146.40 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   คนไข้เขามีบัตรทองรับผิดชอบอยู่แล้ว
แล้วคุณคิดว่าเงินเท่าไหร่จะพอสำหรับเวลา
ลูกคุณ เมียคุณ พ่อแม่คุณติดเอดส์
โดย: I Mor Ba [31 ก.ค. 52 22:29] ( IP A:58.9.200.207 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   แล้วคิดว่าเท่าไหร่ ถึงพอละ บาง คน แสน เดียว ล้านเดียว 10 ล้าน หรือเจ็ดหมื่นล้าน
โดย: เงิน ไม่พอใช่ไม๊ [1 ส.ค. 52 23:55] ( IP A:125.26.107.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   เรื่องนี้เครือข่ายฯ ยังไม่เคยโทษว่าใครผิด เพราะเป็นเรื่องที่ไม่มีใครตั้งใจให้เกิด

เรื่องถูกผิด เป็นเรื่องที่พูดยากมาก ๆ เพราะหมอ+พยาบาลที่รักษาเด็กก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเลือดถุงไหนมีเชื้อไม่มีเชื้อ ต้องสืบที่ต้นทางว่าผิดพลาดจากอะไร

เป็นเรื่องที่หน่วยงานรับเลือด คัดกรองเลือด ต้องพิสูจน์ ที่เขาต้องไปหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไรอีกในอนาคต

เรื่องนี้ เครือข่ายฯ ยุ่งเกี่ยวด้วยเหตุผลเดียวคือ ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ว่าผู้เสียหายได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานต้นสังกัดอย่างเหมาะสม และเป็นธรรมหรือไม่ เพราะเหตุเกิดขึ้นแล้ว ชีวิตครอบครัวหนึ่งต้องเปลี่ยนไป เราจะช่วยเหลือเขาอย่างไรตามหลักมนุษยธรรม

คนติดเชื้อดำรงชีวิตอยู่ในสังคมไทยค่อนข้างลำบาก โรคแทรกเยอะ สังคมแม้จะเข้าใจแต่ก็ยังรังเกียจ ค่าใช้จ่ายมีมาก ชีวิตคนที่เกี่ยวข้องจะเปลี่ยนไปหมด

ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวคุณ คุณคิดว่าเท่าไหร่มันถึงจะพอ เอาอะไรมาวัด หรือคุณคิดว่าครอบครัวนี้ไม่สมควรจะได้รับอะไรเลย จิตใจคุณทำด้วยอะไร ถึงได้ใจดำนักหนา อคติต่อผู้เสียหายอย่างไม่เคยดูเหตุดูผล ประเทศไทยช่างโชคร้ายที่มีหมอแต่ใจหมาแบบนี้
โดย: ไม่ได้โกรธแต่ด่าตามเนื้อผ้า [2 ส.ค. 52 10:38] ( IP A:58.9.188.26 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   นั่นล่ะ ปัญหา เท่าไหร่ถึงจะพอ ถ้าเป็นลูกผม ล้านล้าน ยังไม่พอเลย และกลับกัน ถ้าคุณเป็นกระทรวงผมขอล้านล้านบาท และผมบอกว่าไม่พอ
โดย: แล้วตรงไหนมันพอละ [2 ส.ค. 52 11:04] ( IP A:125.26.107.107 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
   ^
^
พอ ไม่พอ... มันเป็นประเด้นรอง
แต่ประเด็นหลัก คือ จะเอาเงินจากใคร???
คนผิด คือใคร ยังไม่รู้เลย.. แล้วจะให้ใครรับผิดชอบ.. ???
โดย: หมอก้อนหิน [2 ส.ค. 52 12:18] ( IP A:114.128.23.182 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   คนผิดคือระบบคัดกรองเลือด คนรับผิดชอบคือกระทรวงสาธารณสุขในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของรพ.ที่เกิดเหตุ แต่เท่าไหร่นั้นเขากำลังคุยกันอยู่ กระทรวงมักพูดว่าไม่มีเงิน ซึ่งไม่ควรหลุดจากปากคนเป็นรัฐมนตรี เพราะกระทรวงใช้จ่ายเงินไปด้านอื่น ๆ ที่ไม่สมเหตุสมผลก็ตั้งมากมาย เช่นจัดประชุมหัวข้อซ้ำ ๆ แต่ไม่เห็นแก้ปัญหาอะไรได้ หรือพากันไปดูงานต่างประเทศโครม ๆ โดยไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น
ทีทำคนไข้เสียหาย ไม่อยากรับผิดชอบก็มักอ้างว่าไม่มีเงิน
โดย: ยังไม่รู้จะจ่ายเท่าไหร่ [2 ส.ค. 52 16:39] ( IP A:58.9.221.52 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
   ^
^
ที่ควรจะไปเรียกร้อง ควรจะไปเรียกร้องโน่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
โดย: เซ็งเป็ด [2 ส.ค. 52 19:59] ( IP A:65.49.14.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   คุณหมอก้อนหินครับ

ก่อนจะได้คำตอบว่า คนไข้ผู้เสียหายเขา "หน้าเงิน" ขนาดไหนน่ะ??!!

ช่วยกรุณาตอบคำถามผมก่อนว่า ถ้าเป็นคุณเอง ลูกผ่านมือหมอแล้วดันเป็น HIV + ตลอดชีวิต แล้ว สมมติ ต่อไปว่าฝ่ายหมอเขายอมจ่ายให้คุณ 5.1 ล้านบาทเพื่อเลี้ยง "ลูกของคุณไปตลอดชีวิตของคุณ 2 คนตายายจนกว่าชีวิตคุณจะหมดลม(แต่ของลูกคุณที่ติดเอดส์อาจหมดไปก่อนหน้าหรืออาจจะยัง)" อย่างนี้คุณจะยอมรับหรือเปล่า??? ก่อนที่จะได้คำตอบจากคำถามที่เพียงแต่ "ตั้งขึ้นเพื่อผลการยั่วให้เกิดน้ำโห" เท่านั้น

อ้อ ผมขอ "ป้อง" คุณบางคนที่เรียก "ใครบางคนแถวนี้" ว่าฟายน่ะ มันไม่ค่อยจะถูกต้องนะ เพราะได้ยิน(เห็น) แต่เสียง(คำพูด) แต่ไม่เคยเห็นตัว ท้าก็แล้ว แหย่ก็แล้ว ก็ไม่ยอมเผยโฉม แต่ยึดกลยุทธ์แอบส่งเสียง(ข้อความ)ในที่ลับตาอย่างเดียว ท่านอาจพบในที่สุดว่า สัตว์ตัวนั้นอาจเป็นกระบือน้าได้ในที่สุดนะ อย่างไรก็ขอให้ใจเย็นๆกันไว้
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [3 ส.ค. 52 10:12] ( IP A:58.8.229.28 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   ความเห็น 28

อย่าเอาตัวไปเปื้อนก้อนคี่เลย
มานเป็นหมอคนหนึ่งที่ไม่พ้นน้ำ แถมโดนก้อนหินทับอีกที
ให้อภัยมานเถอะ...มานเป็นคนปากเสีย หมาเน่าเต็มปาก
ปากมานเหม็นด้วย
โดย: มานปากเหม็น [3 ส.ค. 52 18:19] ( IP A:58.11.29.104 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   ถ้าเป็นผมนะ แค่รับผิดชอบแค่นี้ก็พอแล้ว รู้อยู่ว่าไม่ได้ตั้งใจทำให้ติดโรค จะเอาอะไรมากมาย
มากกว่านี้มันกะอยากได้ตังแหละ
โดย: หรือว่าไม่จิง [11 ส.ค. 52 9:08] ( IP A:203.154.66.94 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   โถ คห ที่ 30 เนี่ย

ถ้าเคสนี้ เด็กคนนี้เป็นลูกคุณเองแล้วยังยอมรับเงินกับ "ลมปากสุนัขสุนัขแบบนี้ได้" ผมถึงจะซูฮกว่า "มึงแน่จริง"
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [13 ส.ค. 52 8:47] ( IP A:58.8.105.238 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
   ถ้าเป็นลูกผม ผมจะเอาร้อยล้าน แล้วคุณเป็นกระทรวงคุณจะจ่ายผมใช่ป่ะ
โดย: รวยเลย จะได้ไม่ต้องทำงาน [13 ส.ค. 52 13:56] ( IP A:125.26.108.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 33
   สรุปอีกครั้ง ว่า การแสดงตัวรับผิดชอบนั้น ไม่พอ ต้องเงินถึงด้วย ถึงจะถือว่าพอ
โดย: 222 [13 ส.ค. 52 21:01] ( IP A:58.8.89.213 X: )
ความคิดเห็นที่ 34
   อพิโธ่ อพิถัง

ทั้งท้า + ถามย้ำว่า

ให้พวกท่านที่ออกมาตั้งปุจฉา เพื่อ ป้าย สี ผู้เสียหายให้ดูเป็นพวกหน้าเงินนั้นน่ะ

สมมติแทนให้รับเงินไป 5.1 ล้านบาทไปเลี้ยงลูกที่ติดเอดส์จนกว่าเขาจะตายหรือพวกท่าน (มรึง) สองคนตายายจะหมดลมน่ะ จะได้ไหม?

กลับทำเฉไฉ ถามไปไหนมา ตอบสามวาสองศอก เฮ้อ

ก็ได้เท่านี้จริงๆ แล้วไอ้ 5.1 ล้านบาทเนี่ย มีใครหน้าไหนในบรรดาผู้เสียหาย เคยได้จากกระทรวง ส.ธ. เรอะ

นี่ถ้าข้าพเจ้าเจอหมอที่สำนึกรู้ในความเป็นไปของเรื่องรอบตัวแบบคับแคบไร้กึ๋นราวกบน้อยในรอยเท้ากระบือแบบนี้

แล้วชีวิตข้าพเจ้าจะมีหวังรอดหายจากอาการป่วยอย่างปลอดภัยไหมเนี่ย????? เฮ้อ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [20 ส.ค. 52 8:12] ( IP A:58.8.100.91 X: )
ความคิดเห็นที่ 35
   ถ้างั้นก็ตอบว่า น่าจะสามารถรับได้ เพราะเข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของใคร การที่โรงพยาบาลช่วยเหลือรวมแล้ว 400000 บาท พร้อมรับรักษาฟรีตลอดชีวิตนั้น เป็นความช่วยเหลือที่จริงๆ แล้วโรงพยาบาลไม่มีความจำเป็นต้องช่วยเหลืือขนาดนี้เลย แต่ก็ยังช่วย คงจะรู้สึกเป็นพระคุณมากกว่า คงไม่ไปขอเพิ่ม บอกว่าน้อยไป
โดย: ตอบให้ [20 ส.ค. 52 15:32] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 36
   ก็มันไม่พอ อะ อยากได้ ไม่ทำไรเลยได้ 4 แสน
ถ้าฟ้องอาจได้มากกว่าหนะ
โดย: เข้าใจปะ [21 ส.ค. 52] ( IP A:203.154.66.94 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน