“ดลพร” ลุ้นศาลแพ่งชี้ขาด ฟ้อง รพ.พญาไท ทำคลอดลูกพิการ
   ศาลแพ่ง นัดชี้ชาด 28 ก.ค.นี้ “ปรียานันท์ ล้อเสริมวัฒนา” ฟ้องคดีผู้บริโภค รพ.พญาไท ทำคลอดลูกพิการได้หรือไม่ หลังฝ่ายจำเลยยื่นค้านอ้างฟ้องซ้ำคดีหมดอายุความ

วันนี้ (9 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 803 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความในคดีหมายเลขดำที่ ผบ.1821/2552 ที่ นายพิทักษ์พงศ์ ล้อเสริมวัฒนา หรือ น้องเซนต์ อายุ 18 ปี โดย นางปรียนันท์ หรือ ดลพร ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เป็นโจทก์บริษัทประสิทธิ์พัฒนาจำกัด (มหาชน) เจ้าของ รพ.พญาไท 1,พญ.ยรรยงค์ มังคละวิรัช และ นพ.สันติ สุทธิพินทวงศ์ เป็นที่ 1-3 กรณีร่วมกันทำคลอดเป็นเหตุให้ นายพิทักษ์พงค์ เกิดความผิดปกติทางร่างกาย กระทั่งปัจจุบัน อายุ 18 ปี เกิดความเสียหายใหม่ กระดูกสันหลังเคลื่อน โพรงไขสันหลังตีบแคบ และหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท

คดีนี้ ทั้งสองฝ่ายยื่นคำคัดค้าน โดยฝ่ายจำเลยอ้างว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีศาลวินิจฉัยว่าขาดอายุความแล้ว ขณะที่ฝ่ายโจทก์ยื่นคัดค้านว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นความเสียหายใหม่ ต่อเนื่องจากความเสียหายเดิมอันเป็นผลจากการกระทำของจำเลย ส่วนประเด็นการฟ้องซ้ำนั้นศาลยังไม่เคยพิจารณาวินิจฉัยว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ จึงขอให้ศาลยกคำคัดค้านของจำเลย

ทั้งนี้ ศาลให้นัดฟังคำสังหรือคำพิพากษาในวันที่ 28 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.และเพื่อประกอบการพิจารณาคำร้องจำเลย จึงให้นำสำนวนคดี หมายเลขแดงที่ 12300/2543 ที่ศาลแพ่งยกฟ้อง รพ.พญาไท 1 กับพวก เนื่องจากเห็นว่าคดีหมดอายุความแพ่ง 1 ปีมาผูกรวมไว้ด้วย

https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077497
โดย: WM [9 ก.ค. 52 15:38] ( IP A:210.86.181.20 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   

โดย: ฟ้องมาราธอน [9 ก.ค. 52 22:41] ( IP A:58.9.200.207 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   30 มีนาคม 2534 ดิฉันไปคลอด ”น้องเซ้นต์” ที่รพ.พญาไท 1 สูติแพทย์สั่งให้ยาเร่งคลอดทางโทรศัพท์โดยไม่ได้ตรวจครรภ์ก่อนสั่งให้ยา จึงไม่รู้ว่าน้องเซ้นต์ตัวโตมากหนัก 4,050 กรัม และอยู่ในท่าคลอดที่ผิดปกติคือหงายหน้าออก สูติแพทย์ใช้เครื่องดูดบริเวณท้ายทอยน้องเซ้นต์จนห้อเลือดบวมเป็นก้อนโต การทำคลอดไม่สำเร็จจึงนำดิฉันไปผ่าตัด ต่อมาน้องเซ้นต์ตัวเหลืองมากส่องไฟไม่ลด เกิดจากก้อนห้อเลือดละลายกลายเป็นน้ำดี กุมารแพทย์จึงถ่ายเลือดผ่านสายสะดือ ส่งผลให้น้องเซ้นต์ติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง มีไข้สูง, เม็ดเลือดขาวสูงขึ้นผิดปกติถึง 20,200 ตัว, ร้องกวน, น้ำหนักลด แต่แพทย์ไม่ให้แม้แต่ยาปฏิชีวนะ หนองเข้าไปทำลายข้อสะโพกและข้อไหล่ซ้ายเสียจนหาย กลายเป็นคนพิการขาสั้นยาวไม่เท่ากัน เดินกระเผลก หลังคด นั่งขัดสมาธิไม่ได้ แขนซ้ายสั้นกว่าแขนขวาอ่อนแรงและแกว่งเป็น 360 องศาไม่ได้ ผ่านการผ่าตัดหลายครั้ง ทุกข์ทรมานเรื้อรังจากอาการปวดขาอย่างรุนแรง ดิฉันต้องทุบขาให้ลูกแรง ๆ ทุกคืนนานนับสิบปี หลังอายุ 20 ปี ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมทุก 10 ปีและต้องเปลี่ยนข้อไหล่ซ้าย เพื่อแก้ไขความเสียหายของขาและแขนซ้าย และแก้ไขการทรุดเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูกสันหลัง การเคยติดเชื้อในกระดูก การผ่าตัดมีความเสี่ยงสูงกว่าคนปกติ ข้อสะโพกเทียมที่เหมาะสมต้องทำจากเซรามิกหรือไทเทเนียมซึ่งมีราคาสูงมาก ที่ผ่านมา การดูแลรักษาและการต่อสู้หาความเป็นธรรมให้ลูก ทำให้ครอบครัวถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว ขณะที่รพ.พญาไท 1 ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบใด ๆ

9 ม.ค. 39 ดิฉันฟ้องรพ.พญาไท 1 เป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหาย 57 ล้านบาท ศาลชั้นต้น+อุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษาว่าคดีหมดอายุความแพ่ง 1 ปี โดยไม่อาจนับอายุความทางอาญา 10 ปีได้ เหตุเพราะบรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบคดีอาญา แม้ดิฉันจะขอให้ศาลพิจารณาอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งมาตรา 448 วรรคสอง ซึ่งให้นับอายุความอาญาที่ยาวกว่า
____________

วันนี้น้องเซ้นต์อายุ 18 ปี มีอาการปวดหลังร้าวลงไปที่ขามากขึ้น ผลเอกซ์เรย์+MRI พบความเสียหายใหม่เกิดขึ้น “กระดูกสันหลังเคลื่อนและโพรงไขสันหลังตีบแคบ หมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท” เป็นความเสียหายใหม่เกิดต่อเนื่องจากความเสียหายเดิม

-19 พ.ค. 52 น้องเซ้นต์+ดิฉันยื่นฟ้องรพ.พญาไท 1+สูติแพทย์+กุมารแพทย์ ฟ้องใหม่ตามกฎหมายใหม่ พรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคพ.ศ.2551 มาตรา 13 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีที่ความเสียหายเกิดขึ้นต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพ หรืออนามัยโดยผลของสารที่สะสมอยู่ในร่างกายของผู้บริโภคหรือเป็นกรณีที่ต้องใช้เวลาในการแสดงอาการ ผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภค ต้องใช้สิทธิเรียกร้องภายในสามปีนับแต่วันที่รู้ถึงความเสียหาย และรู้ตัวผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องรับผิด แต่ไม่เกินสิบปีนับแต่วันที่รู้ถึงความเสียหาย”

-15 มิ.ย.52 จำเลยทั้งสามยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมาย ดังต่อไปนี้
1)จำเลยอ้างว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ ซึ่งเป็นการต้องห้ามตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๗ ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๘
2)จำเลยอ้างว่า สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายของโจทก์ตามคำฟ้องคดีนี้ ได้ขาดอายุความฟ้องร้องแล้ว เพราะคำฟ้องของโจทก์ขาดอายุความตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๘ วรรค ๑

หมายเหตุ
1. ดิฉันร้องเรียนต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.) ต่อมามีมติว่า
1.1)แพทย์ของโรงพยาบาลพญาไท 1 ประมาเลินเล่อ รวมทั้งโรงพยาบาลพญาไท 1 ไม่มี มาตรการแก้ไขเยียวยาจึงก่อให้เกิดเหตุการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ให้ช่วยเหลือเยียวยาทันที
1.2)กระบวนการตรวจสอบของแพทยสภาไม่เป็นธรรมต่อผู้ร้อง ให้รื้อฟื้นเรื่องขึ้นพิจารณาใหม่ภายใน 30วัน
แต่รพ.พญาไท 1 และแพทยสภาไม่ทำตามมติ กสม.จึงรายงานนายกรัฐมนตรี จากนั้นเรื่องเข้าสู่รัฐสภาและวุฒิสภา แต่ไม่สามารถทำให้รพ.พญาไท 1 รับผิดชอบได้

2.ดิฉันร้องเรียนต่อ”แพทยสภา”ต่อมามีมติว่า “คดีไม่มีมูล”จากการฟังความข้างเดียวและเชื่อในรายงานเท็จ ดิฉันจึงฟ้องแพทยสภา 33 คนทั้งคณะ เป็นคดีอาญามาตรา 157 ข้อหาละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 3 ก.พ.52 ศาลชั้นต้น+อุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษาไม่รับฟ้องโดยวินิจฉัยว่า “แม้จะเป็นความจริงว่าเป็นการช่วยเหลือแพทย์ผู้ถูกร้องไม่ให้ถูกลงโทษ ก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงแต่ประการใด โจทก์ทั้งสองไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องแพทยสภาทั้ง 33 คน”

3.รพ.พญาไท 1 ฟ้องดิฉันเป็นคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาท ชั้นต้นและอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง คดีสิ้นสุดแล้ว

4.รพ.พญาไท 1 ฟ้องดิฉันเป็นคดีแพ่ง ข้อหาละเมิด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษายกฟ้อง

ข้อมูลที่แม่น้องเซ้นต์แจกนักข่าวที่ศาล
โดย: ข้อเท็จจริง [10 ก.ค. 52 8:22] ( IP A:58.9.196.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   *****************************************

ศาลชั้นต้น+อุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษาไม่รับฟ้องโดยวินิจฉัยว่า “แม้จะเป็นความจริงว่าเป็นการช่วยเหลือแพทย์ผู้ถูกร้องไม่ให้ถูกลงโทษ ก็มิได้ก่อให้เกิดความเสียหายหรือกระทบกระเทือนสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนโดยตรงแต่ประการใด โจทก์ทั้งสองไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีอำนาจฟ้องแพทยสภาทั้ง 33 คน”

********************************************

คำวินิจฉัยของศาลทั้งสามศาลนั้น เป็นคำวินิจฉัยไปตามข้อกฎหมายมาตรา 157 ในประเด็นนิยามของคำว่า "ผู้เสียหาย" ซึ่งเป็นข้อกฎหมาย

และเป็นการปรับข้อกฎหมายเข้ากับข้อเท็จจริงบางส่วน ซึ่งไม่ครอบคลุมทั้งหมด ในคดีนี้ คำวินิจฉัยของศาลแสดงการรับรู้ว่ามีหลักฐานการฉ้อฉลในการกระทำของแพทยสภาทั้งคณะชัดเจน และแพทยสภานั้นเป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ทั้งได้รับเงินอุดหนุนการปฏิบัติงานทั้งหมดจากภาษีของรัฐที่เก็บมาจากประชาชน และที่สำคัญก็คือ ผลการดำเนินงานส่วนที่เกี่ยวข้องการการฟ้องคดีนี้ในฐานะสภาวิชาชีพหนึ่งซึ่งต้องทำหน้าที่ตุลาการอำนวยความถูกต้องยุติธรรมเฉพาะวิชาชีพแพทย์ ได้ส่งผลให้ "เกิดความเสียหายที่เห็นและรับรู้ได้โดยสามัญสำนึกมหาชน" ซึ่งไม่จำกัดเพียงการรับรู้ในประเด็นและ/หรือแง่มุมทางกฎหมายเท่านั้น

ผมขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่ตรงประเด็นนี้มาเทียบเคียงให้เห็น

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

พระบรมราโชวาท ในล้นเกล้ารัชกาลปัจจุบัน

"กฎหมายไม่ใช่ตัวความยุติธรรม หากเป็นแต่เพียงบทบัญญัติ หรือปัจจัยที่ตราไว้ เพื่อรักษาความยุติธรรม ผู้ใดก็ตาม แม้ไม่รู้กฎหมาย แต่ถ้าประพฤติด้วยความสุจริตแล้ว ควรจะได้รับความคุ้มครอง จากกฎหมายเต็มที่ ตรงกันข้าม คนที่รู้กฎหมาย แต่ใช้กฎหมาย ไปในทางทุจริตแล้ว ควรต้องถือว่าทุจริต และกฎหมายไม่ควรคุ้มครอง จนเกินเลยไป เพราะฉะนั้น จึงไม่สมควรที่จะถือว่า การรักษาความยุติธรรมในแผ่นดิน มีวงกว้าง อยู่เพียงแค่ ขอบเขตของกฎหมาย จำเป็นต้องขยายออกไป ให้ถึงศีลธรรมจรรยา ตลอดจนเหตุผล และ ตามเป็นจริงด้วย"

พระบรมราโชวาทพระราชทานแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสำนักอบรมกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตสภา เมื่อ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2519

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

คำวินิจฉัยของศาลฎีกาคดีนี้ เท่ากับเป็นการ "ปล่อยคนผิด" ตามสามัญสำนึกของมวลชนโดยการอิงข้อกฎหมาย และทำให้เจตนารมย์พื้นฐานของ "กฎหมายมหาชน" ที่ต้องเป็นไปเพื่อการบังคับใช้และอำนวยความยุติธรรมของมหาชนเสมอโดยทั่วหน้ากัน ผิดไปจากพระบรมราโชวาท

และที่สำคัญที่สุด ศาลนั้นเองวินิจฉัยและตัดสินภายใต้พระปรมาภิไทยขององค์พ่อหลวง !!!!!! คดีนี้ หมายความว่า ?????!!!!!!!!
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [10 ก.ค. 52 9:33] ( IP A:58.8.229.252 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   และแล้วเรื่องก็เงียบตามเคย
ไม่มีอะไรในกอไผ่
บ้านเมืองนี้ทำได้อย่างมากก็แค่นี้แหละ
คนเก่ง คนดี มีมาก
แต่คนกล้าเปลี่ยนสิ่งผิด เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ไม่ค่อยมี ไม่ค่อยเห็น จะเห็นก็เฉพาะถ้าไม่ใช่
เพื่อนพ้องน้องพี่ของตนเอง
โดย: ก็เท่านั้น [10 ก.ค. 52 18:59] ( IP A:58.9.200.88 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน