หมอกล้าพูดจริงไหม ว่าการรักษาแบบคีโม หรือแผนปัจจุบัน ได้แค่ถ่วงเวลา ไม่ใช่รักษา
   แตกประเด็นจาก
ถามจริงเหอะครับ หมอกล้าพูดความจริงไหม คนป่วยมะเร็งที่คีโม ส่วนใหญ่หายหรือเสียชีวิต
https://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8357376/L8357376.html


วันนี้ วันมหิดล เสมือนคุยกันต่อหน้าพระพักตร์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หากตอบกระทู้หลังจากวันนี้ ก็ถือรวมด้วย

ถ้ากล้าอธิบายอย่างมีจรรยาบรรจริงๆ กล้าๆ มีศักดิ์มีศรี สมกับที่ร่ำเรียนมา และคนทั่วไปเขายกย่อง

อย่าเก่งแต่เบี่ยงประเด็น แบบหัวหมอมุกเดิมๆ ประเภทที่ว่า
ยังไงทุกคนก็ต้องตาย จะช้าจะเร็ว
เพราะประโยคแบบนี้ เด็กประถมก็พูดได้ ไม่ต้องจบดีกรีด๊อกเตอร์หรอก


ปัจจุบัน คนที่ป่วยเป็นมะเร็งและญาติพี่น้องต้องเสียเงินเพื่อที่จะ
"ถ่วงเวลา" และ "ทรมาน" กว่าเดิมหลายเท่าตัว
ก่อนที่จะตาย เพราะพิษของคีโม

รวมถึงการ "ถ่วงเวลา" ไม่ใช่ "การรักษา"

เพราะสุดท้ายแล้ว ก็คือ หมอฆ่าคนอย่างทรมาน(อย่างถูกกฎหมาย)


เพราะความรู้ความสามารถไม่พอที่จะรักษา หรือเทคโนโลยีต่ำ
หรืออะไรก็ตาม หมอจะกล้าบอกคนไข้ได้มีโอกาสเลือกที่จะเสียเงินจำนวนมากๆ หรือไม่?

ถ้าคุณหมอ "รักษาไม่ได้" ก็ควรจะบอกให้ชัดเจน ว่า "รักษาให้ไม่ได้"
เพราะยังมีหมอ "มักง่าย" "ชุ่ย" และ "โลภ"
รวมถึงคนเจ็บป่วยก็มากมายขึ้นทุกวัน

ปัจจุบันนี้มีระบบการแพทย์ทางเลือกมากมายหลายแขนงแล้ว
ถ้ามีความรู้และใจกว้่างพอ ขอให้ประเมินให้คนไข้ด้วย ทางเลือกหลายๆ ทาง
ชีวิต 1 คนไม่ควรจะ "มักง่าย" "ชุ่ย" และ "โลภ"


ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องมาพูดด่าว่ากันเล่นๆ แบบเอาความสะใจเข้าว่า


ไม่กี่คนหรอกที่จะรู้ว่า ลึกๆ แล้ว ผลประโยชน์ยังซ่อนเร้นอีกเยอะ
ธุรกิจบริษัทยา ธุรกิจเครื่องมือแพทย์ ธุรกิจบริษัทประกันสุขภาพ ธุรกิจคลีนิกส่วนตัว ฯลฯ

มีจรรยาบรรณขนาดไหน?
มีจิตสำนึกขนาดไหน?
ยังเป็นคนหรือเปล่า?

https://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L8358947/L8358947.html
โดย: ก็อปมา [24 ก.ย. 52 21:09] ( IP A:58.8.83.186 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   นิทานโบรานก็มีไว้เตือนใจ เรื่องแม่ปูกับลูกปู แพทยสภา ผู้ใหญ่ของวงการแพทย์ทั้งสิ้น แต่ทำตัวเป็นแม่ปู สังคมไทยก็เลยได้ลูกปูเต็มไปหมด จรรยาบรรณไม่ต้องถามถึง นับตัวคนได้แล้ว หมอดี ๆ ก็มีมากและประชาชนยกย่องเสมอ แต่หมอไม่ดีก็มากแถมได้เป็นใหญ่เป็นโต คุมอำนาจ ออกกฏออกระเบียบที่เอาเปรียบชาวบ้าน
โดย: ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ [24 ก.ย. 52 22:11] ( IP A:58.9.199.195 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   งง กะคนตั้งกระทู้มาก ตั้งมาเพื่ออะไร

จะเอายาต้มมาขายเหรอ


ทั่วบ้านทั่วเมืองทั่วโลกก็รู้ว่ามะเร็งยังรักษาไม่ได้ แต่ที่นี่มักจะคิดว่าเจ็บป่วยต้องห้ามตาย การรักษามะเร็งก็ทำได้แค่ยื้อเวลา

ส่วน คห 1 ก็แถเอาเรื่องสองเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันมารวมกันได้อย่างน่าชื่นชม
โดย: หมอไม่ใช่เทวดานะ [24 ก.ย. 52 23:37] ( IP A:125.26.113.53 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ลองอ่านส่วนหนึ่งของบทความนี้ดู
มะเร็งเป็นโรค จำพวกที่รักษาให้ถูกก็หาย ไม่รักษาหรือรักษาผิดก็ตาย แต่ส่วนใหญ่รักษาผิดหรือไม่รู้ตัวและไม่ทันรักษาแล้วตายเสียก่อน ในสมัยโบราณไม่ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร เป็นอหิวาต์หรือเป็นโรคท้องร่วงยังร้ายแรงกว่าเสียอีก แต่ขณะนี้ถือว่าเป็นโรคร้ายแรงก็เพราะแบบแผนการรักษาที่ผิด คือใครเข้าแบบแผนการรักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็เป็นอันตายทุกคนหรือตายเป็น ส่วนใหญ่ และส่วนใหญ่ก็ถูกทำให้ตาย จึงทำให้เกิดความเชื่อฝังใจคนว่าโรคมะเร็งเป็นแล้วจะต้องตายเสมอไป ซึ่งความจริงไม่ใช่

วิธีการรักษาโรคมะเร็งมีอยู่มากมายหลายวิธี แต่คนเรามักจะไปเลือกเอาวิธีที่รักษาแล้วตายเพราะพอรู้ว่าเป็นมะเร็งก็จะไป โรงพยาบาลแล้วเข้าสู่ระบบแบบแผนการรักษาที่ทำให้ตายก็ต้องตายแน่นอน

ผมเพิ่งไปพบหมอที่รักษาแบบแผนพิเศษเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ เรียกว่าแบบแผนการรักษาตามวิชาปัญจศาสตร์ หลักการของการรักษาแบบนี้ตั้งสมมติฐานว่าโรคมะเร็งเกิดจากเหตุดังที่พระ พุทธเจ้าท่านสอน และพบว่าร่างกายมนุษย์นั้นประกอบขึ้นด้วยระบบสำคัญ 2 ระบบ คือระบบสั่งการและระบบปฏิบัติการ ทุกสิ่งอย่างของร่างกายนี้เกิดขึ้น ดำเนินไป และดับไปด้วยระบบทั้งสองนี้ การเป็นโรคมะเร็งก็เพราะระบบสั่งการสั่งให้เป็นตามเหตุปัจจัยที่เป็นเหตุให้ เกิดโรคมะเร็ง และระบบปฏิบัติการก็รับมาปฏิบัติการให้เป็นไปตามการสั่งการนั้น ก็จะเกิดเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งอาจเกิดได้หลายที่หลายแห่งและหลายรูปแบบ บางที่บางแบบก็ตายเร็ว บางที่บางแบบก็ตายช้า

หลักการรักษาแบบวิชาปัญจศาสตร์คือใช้วิธีการนวดเฟ้น ปรับสมดุลภายในร่างกาย ให้ระบบสั่งการหยุดหรือเปลี่ยนคำสั่งจากที่สั่งให้เป็นโรคมะเร็งให้หยุดเสีย และปรับระบบปฏิบัติการให้หยุดปฏิบัติการเพิ่มขยายเซลล์มะเร็ง เมื่อทั้งสองระบบนี้ได้รับการปรับปรุงแล้ว เชื้อมะเร็งใหม่ก็ไม่เกิดขึ้น เชื้อมะเร็งเก่ามีอายุสั้นมาก เท่า ๆ กับอายุของแมลงเท่านั้น คือมีอายุสั้นกว่าเป็ดไก่เสียอีก ดังนั้นเมื่อระบบสั่งการและระบบปฏิบัติการไม่สร้างหรือหยุดผลิตเชื้อมะเร็ง แล้ว เชื้อใหม่ก็ไม่เกิดขึ้น เชื้อเก่าก็ตายไป ร่างกายก็จะกลับสู่ภาวะปกติ ใช้วิธีรักษาสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละประมาณ 45 นาทีเท่านั้น ไม่ต้องกินยา ไม่ต้องฉีดยา ไม่ต้องฝังเข็ม

การปรับระบบใช้วิธีนวด แต่เป็นการนวดด้วยพลังไฟฟ้าในตัวของผู้รักษา ซึ่งจะว่าเป็นความมหัศจรรย์เฉพาะตัวก็ได้ แต่สามารถเรียนรู้ได้ รับถ่ายทอดวิชาได้ พลังไฟฟ้าในตัวที่ว่านี้เป็นไฟฟ้าสถิต มีวัตต์ต่ำ แต่กำลังไฟถึงหมื่นโวลต์

อาจจะสงสัยว่ากระแสไฟฟ้าสถิตขนาดนี้มีขึ้นได้อย่างไร ไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้โดยหลักวิทยาศาสตร์ เพราะในกายมนุษย์นี้ยังมีอีก 2 สิ่งซึ่งคนรู้น้อยมาก คือสนามแม่เหล็กซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับสนามแม่เหล็กโลก และไฟฟ้าสถิตซึ่งกระจัดกระจายไร้ระเบียบ ถ้าใครก็ตามสามารถปรับสนามแม่เหล็กภายในร่างกายและระบบไฟฟ้าสถิตภายในร่าง กายให้เป็นระบบระเบียบได้ ก็สามารถมีพลังพิเศษและมีกระแสไฟฟ้าสถิตในร่างกายได้

ผมได้ทดลองกับผู้ที่รักษารายนี้มาแล้ว เขามีพลังไฟฟ้าสถิตจริง และเคยเห็นแบบนี้มาแล้วหลายครั้งในเมืองจีน คนหนึ่งสามารถใช้พลังไฟฟ้าจากปลายนิ้วชี้กราดไปที่ทหาร 10 คนซึ่งยืนเรียงหน้ากระดานอยู่ให้หงายตึงลงไปได้ คนหนึ่งจับหลอดไฟฟ้านีออนแล้วให้บังเกิดแสงสว่างได้ คนหนึ่งสามารถย้ายมวลสารได้ ทดสอบโดยการเดินผ่านทหารซึ่งเฝ้ายามอยู่ที่หน้าเรือนรับรองเตี้ยวหยูไถ่ ปืนก็หายไปแล้ว หรือแค่จับโทรศัพท์ ซิมในโทรศัพท์ก็หายไปแล้ว เป็นที่อัศจรรย์

ขออนุญาตที่จะไม่เปิดเผยชื่อหมอผู้รักษาในเรื่องนี้โดยทางสาธารณะ เพราะเกรงว่าเขาจะเดือดร้อน แต่ถ้าหากท่านผู้ใดป่วยเป็นโรคมะเร็ง อาการมาก และไม่เห็นทางรักษาอย่างอื่นแล้ว และต้องการทางเลือก ก็ยินดีที่จะบอกทางให้เป็นเฉพาะรายไป ทั้งนี้การแนะนำที่ว่านี้ไม่ผูกพันและไม่เกิดความรับผิดชอบใด ๆ ในทางกฎหมายกับผม ท่านผู้ใดจะหยิบขึ้นมาเป็นเหตุฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายใด ๆ ไม่ได้ ความจริงไม่ต้องพูดอย่างนี้ก็ได้ แต่ผมเป็นนักกฎหมายก็ต้องพูดไว้เสียหน่อยหนึ่ง

นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่จะรักษาโรคมะเร็ง ไม่ว่าจะเป็นที่ต่อมลูกหมากหรือที่ไหน ๆ ให้หายได้ แต่ทางการแพทย์คงไม่รับรอง และไม่ยอมรับแน่ เพราะไม่ยอมรับความรู้อันยิ่งประการหนึ่งที่ว่า สิ่งที่คนไม่รู้มีมากกว่าสิ่งที่รู้ แล้วเที่ยวปฏิเสธสิ่งที่ไม่รู้ว่าไม่มี ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีความรู้ไม่ถึงต่างหาก เช่นเดียวกับการปฏิเสธว่าไม่มีนิพพาน ไม่มีนรก ไม่มีสวรรค์ ไม่มีผี ไม่มีเทวดา ไม่มีชาติหน้า ไม่มีชาติก่อนนั่นแหละ
โดย: มาโฆษณายาต้มชัดๆ [24 ก.ย. 52 23:46] ( IP A:125.26.113.53 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   มะเร็งเค้าจะพูดถึง 5 year survival rate ว่ากี่ % ในหนังก็มีให้ดูตั้งหลายเรื่อง
aim of treatment มี curative กับ palliative อันนี้ต้องคุยกับคนไข้และญาติครับ
คนไข้ผมเป็น มะเร็งตับ (hepatocellu *** r carcinoma ) ที่มารักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัด ด้วยวิธี TOCE
ผม บอกคนไข้ของผมทุกคนเลยว่าการรักษาขผงผมนั้นไม่ได้ทำให้หายขาดจากโรค แต่การรักษาจะเป็นการควบคุมโรคไม่ให้ลุกลามเร็วขึ้น และมีศึกษามาแล้วว่าให้ยาเคมี ดีกว่าไม่ให้ยา แต่ว่ามีผลข้างเคียงได้ จากนั้นผมให้คนไข้เลือกครับว่าจะเอาไหม
โดย: หาเรื่องด่าแพทย์ได้เรื่อยๆ แต่ผมไม่รับนะ [24 ก.ย. 52 23:50] ( IP A:125.26.113.53 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   กลายเป็นเครือข่ายสนับสนุนยาต้มแล้วเหรอ

เหอะๆๆๆๆ
โดย: ถุย [25 ก.ย. 52 8:28] ( IP A:61.19.199.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ตัวอย่างน้องอะไรจำไม่ได้ที่เป้นมะเร็งกระดุกที่ขา หมอจะตัดขาเพื่อไม่ให้ลุกลาม ไม่ยอมเลยมาร้องที่สื่อ สื่อก็จัดหา รพ ให้ สุดท้ายหมอก็จะตัดขาอยุ่ดี ก็ไม่ยอมขอกลับไปกินยาต้มต่อ แล้วก็เงียบไป ไม่รู้ตอนนี้เป็นไงบ้าง คงรอให้ลามไปปอดไปสมองก่อนละมั้ง ค่อยมาหาหมอ
โดย: ยาต้มดีกว่า [25 ก.ย. 52 8:49] ( IP A:125.26.113.130 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   อย่าเหมาเลย คนดีก้อมี คนเลวก้อมี หมอที่ดีก้อมี หมอไม่ดีก้อมี
อย่าเหมาว่า หมอชุ่ยเลย มันหมายถึง ทุกคน
แต่โดยส่วนใหญ่ เราก้อพยายาม ช่วยคนไข้ให้มากที่สุดอยู่แล้ว
ถ้ารักษาวันนี้ ไม่ได้ ก้อไม่ได้หมายความว่า พรุ่งนี้ จะรักษาไม่ได้ซะหน่อย
โดย: เจ [25 ก.ย. 52 9:42] ( IP A:125.24.135.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   อ่านดูทุกความเห็นแล้วก็ยังไม่พบว่ามีคนบ้านนี้สนับสนุนยาต้มรักษามะเร็งนะครับ

ในความเห็นส่วนตัวผม ทางแพทย์และผู้ป่วยควรจะคุยกันตรงไปตรงมาถึงความน่าจะเป็นในการรักษาให้หาย ค่าใช้จ่าย และทุนทรัพย์ที่ผู้ป่วยมีให้เคลียร์ก่อน แล้วให้ผู้ป่วยตัดสินใจว่าจะรักษาประทังไปมากน้อยแค่ไหน

จากประสบการณ์ที่เห็นมาคนรู้จักที่เป็นมะเร็งเต้านมรักษาหาย มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะ 3-4 ญาติสนิทผมก็รอดมายี่สิบกว่าปีแล้วรายนี้เสียเงินไม่มาก ส่วนรุ่นน้องอีกคนทำงาน ป๖ทเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวก็ยังอยู่มาเจ็ดปีแล้ว ค่าใช้จ่ายราวๆยี่สิบล้านบาท โชคดีว่า ปตทจ่ายให้ทุกเม็ด ถ้าอยู่บริษัทอื่นตายไปแล้ว

ส่วนคนรู้จักอื่นๆที่เหลือตายเรียบครับ
โดย: เจ้าบ้าน [25 ก.ย. 52 9:54] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ถ้า้ใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้าก็ไม่ต้องเสียเงินเยอะ
โดย: สบาย [6 ธ.ค. 52 21:42] ( IP A:58.8.221.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
    เป็นไปได้ไหมที่ตายด้วยคีโม เหมือนของร้อนแล้วยิ่งมาเติมให้ร้อนร่างกายก็รับไม่ได้ แทนที่จะฆ่ามะเร็งด้วยของเย็น..
โดย: k [16 ม.ค. 53 9:09] ( IP A:124.121.188.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   เป็นไปได้ แต่เนื่องจากศึกษาแล้วว่าใช้แล้ว มีคนตายน้อยกว่าไม่ใช้ มีคุณภาพชีวิตดีกว่าไม่ใช้ ได้มากกว่าเสีย จึงประกาศเป็นทางเืลือกให้ใช้

และไม่ได้บังคับให้ใช้ ถ้าไม่อยากได้ก็บอกมาว่าไม่อยากได้
โดย: 222 [16 ม.ค. 53 16:07] ( IP A:58.8.88.173 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
    โรคมะเร็ง
+++ แรกเริ่มเดิมที++++
มีใครรับรองให้เราได้บ้างว่า โรคที่เราเป็นอยู่หรือก้อนที่เราเป็นอยู่นั้นจะไม่มีโอกาสโตขึ้นหรือพัฒนาเป็นเนื้อร้ายและเราสามารถควบคุมให้ขนาดก้อนอยู่เท่าเดิมได้ หรือถ้าผ่าตัดไปแล้วจะกลับมาเป็นอีกรึเปล่า

การทานยา ฉีดยา ผ่าตัด ฉายแสง และการให้เคมีบำบัดหรือ คีโม ล้วนเป็นการรักษาที่ปลายเหตุทั้งสิ้น และสร้างความทรมานเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสให้กับคนไข้ คุณคงเคยได้ยินได้ฟังมาว่า 1 ใน 3 ของผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง จะเสียชีวิตจากการรักษา จะเห็นคนไข้มิใช่น้อย ที่มักจะปฏิเสธการรักษา เพราะมันทรมาน และไม่สามารถบอกได้ว่า สิ่งที่เป็นอยู่จะดีขึ้นหรือเปล่า

การที่เราได้ทำอะไรเกี่ยวกับร่างกายของเราครั้งที่ 1 แล้วมักจะมี ครั้งที่ 2 ....3 ตามมา เคยได้ยินเสียงบ่นมาว่า ทำไมยิ่งรักษาอาการยิ่งแย่ลง ก้อในเมื่อ ต้นเหตุจริง ๆ ของโรคยังไม่ได้รับการแก้ไขเลย โรคทุกโรคนะคะ เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ทั้งนั้น ถ้าคุณมัวแต่ไปรักษาที่ปลายเหตุ เช่นพบเนื้อร้าย ก้อทำการผ่าตัดออกไป ถึงแม้จะทำการผ่าตัดออกไปแล้ว สุดท้ายก็ต้องกลับมาเป็นอีก ภายใน 6 เดือน 1ปี หรือ 2 ปี ก้อสุดที่จะทำนายได้ แน่นอนว่าการกลับมาของโรคคราวนี้มักจะหนักกว่าเดิมและแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว เพราะโรคทุกโรคมันไปตามเลือด หรือถ้าคุณเลือกที่จะฉายแสง รังสีสามารถที่จะทำลายได้ทั้งเซลล์ที่เป็นเนื้อร้ายและเซลล์ที่ยังดีอยู่ หรือถ้าเลือกที่จะทำเคมีบำบัดหรือคีโมแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง จริงๆ แล้ว คนไข้ที่โรคเป็นมะเร็ง ย่อมมีภูมิต้านทานต่ำร่างกายมีความอ่อนแอมากพออยู่แล้ว ยิ่งเราเพิ่มยาเคมีเข้าไปในร่างกาย ข้อดีคือ มันทำให้เซลล์มะเร็งลดลง แต่ในขณะเดียวกันก้อฆ่าเซลล์ดี ๆ ในร่างกายไปพร้อม ๆ กันด้วย และมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าโรคทุกโรคมันไปตามเลือด

สำหรับคนที่ได้รับเคมีบำบัดในคอร์สแรก ตอนนั้นร่างกายของคุณมีเคมีอยู่ในร่างกายยังไม่มากนัก แต่พอเริ่มคอร์สสอง เข็มที่ 2 ถึง เข็ม ที่5 ถึงกับทนไม่ไหวกัน ถึงแม้ว่าในปัจจุบันวิวัฒนาการ การให้เคมีบำบัดจะสามารถลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับคนไข้ได้ แต่ในความเป็นจริง ในการรักษานี้มีข้อจำกัดคือ เราไม่สามารถให้ยาในจำนวนมากๆ ในแต่ละครั้งเข้าไปในร่างกายผู้ป่วยได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อเซลล์ปกติอื่น ๆในร่างกายตามไปด้วยอย่างมาก นั่นเป็นเพราะว่าโดยธรรมชาติร่างกายของคนเราไม่ได้มีเคมีอยู่ในร่างกายมากมายขนาดนั้น

ดังนั้นถ้ามีใครมาแนะนำอะไรก้อแล้วแต่ แล้ว............คุณยังต้องไปผ่าตัด ฉายแสง หรือคีโมอีก มันจะมีประโยชน์อะไร แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องการให้คุณมาศึกษาก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินใจเลือกและจะไม่มีการบังคับหรือให้คำแนะนำในทางที่ผิดเพราะชีวิตไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งเสี่ยงกัน คุณควรจะได้ข้อมูลจากผู้ที่มีความรู้และมีเคสคนไข้จริง ๆ ที่ช่วยไว้ได้เท่านั้น และคำว่าช่วยได้หรือหายจากโรคของเรานั้น จะวัดจากผลการตรวจทางการแพทย์เท่านั้น จะไม่มีการอ้างขึ้นมาลอย ๆ ว่าโรคหรือก้อนที่คุณเป็นอยู่หายแล้ว เราจะใช้เอกสารทางการแพทย์เป็นตัวอ้างอิง
ที่สำคัญคือ คนไข้ต้องมีกำลังใจที่ดี

*** 083-4655614 ***
โดย: myname.uki@gmail.com [20 มี.ค. 53 16:14] ( IP A:113.53.75.176 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน