นี่ก็ติดอันดับโลกเหมือนกัน
|
ความคิดเห็นที่ 1 นี่มันงานของช่างเสริมสวยเค้าทำกันครับ เพียงแต่คนกลุ่มนี้มีใบประกอบโรคศิลป์ ใน รร แพทย์ไม่มีสอน รร แพทย์ สอนแต่ reconstruction ไม่ได้สอนเรื่อง Overconstruction ครับ | โดย: งานช่างเสริมสวย หมอไม่เกี่ยว [21 ก.ย. 52 7:15] ( IP A:125.26.112.109 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 อยู่ รพ รัฐ มาหลายปี ตัดไข่ทำนม แปลงเพศ ใน รพ รัฐก็ไม่เห็นมี มีแต่ รพ เอกชน แผนก ช่างเสริมสวยเท่านั้นถึงมี
เรียนแพทย์มา 6 ปี หลักสูตรเสริมสวยไม่มีสอนแม้สักครึ่ง ชม | โดย: งานนี้หมอไม่เกี่ยว [21 ก.ย. 52 8:23] ( IP A:125.26.112.111 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ในฐานะชาวบ้าน รู้สึกรังเกียจความคิดของหมอหัวโบราณคร่ำครึ ที่เอาแต่ดูถูกอาชีพอื่นที่ตนเองไม่ได้ทำ เขาเรียกเอาดีเข้าตัวเอา ชั่วให้คนอื่น
ทุกอาชีพในโลกนี้ล้วนมีเกียรติเป็นของตนเองทั้งสิ้นถ้าไม่ทำความ เดือดร้อนให้สังคม แม้แต่อาชีพโสเภณี
อาชีพแพทย์รักษาคนที่คุณคิดว่าดีที่สุด คุณคิดว่าไม่มีรอยด่างก็ ผิดแล้ว ยิ่งขุดคุ้ยยิ่งมืดดำ ยิ่งเลวร้าย เสื้อขาวที่คุณใส่เบื้องหลัง นั้นเปื้อนขี้เปื้อนเลือด คุณสะอาดจริงหรือ ขอเถียงว่าไม่ใช่เพราะ ตามความเห็นคุณมาหลายกระทู้แล้ว ใจคุณมันสกปรกเหลือเกิน อาจจะเก่งวิชาการ แต่ต่ำด้านคุณธรรม ดูถูกคนอื่นเขาไปทั่ว | โดย: ปล.หมอดี ๆ มีมาก แต่ไม่ใช่คุณ [21 ก.ย. 52 10:44] ( IP A:58.9.183.239 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ผมไปดูถูกช่างเสริมสวยตอนไหนครับ แค่บอกว่าช่างเสริมสวยกับหมอมันไม่ใช่ ต้องแยกกัน เวลาช่างเสริมสวยมีปัญหาแล้วก็มาด่าหมอ มันไม่ค่อยถูกต้อง
คนบางกลุ่มเรียนจบหมอ แล้วจะเป็นช่างเสรืมสวยหรือจะเป็นหมอก็แล้วแต่เค้า แต่ไม่ใช่พวกเดียวกัน
แล้วมีประโยคไหนบ้างที่บอกว่าไม่เคยเกิดความผิดพลาดในวงการแพทย์ คอยบอกด้วยซ้ำว่า 1 ใน 3 ของห้องฉุกเฉินจะ miss diag 1 ใน3 จะ inadequte treatmet
เสื้อกราวน์ยิ่งเปื้อนเลือด ยิ่งแสดงว่าหมอทุ่มเทรักษาคนไข้โดยไม่รังเกียจว่าสกปรก | โดย: อ่านภาษาไทยเป็นรึป่าว [21 ก.ย. 52 11:40] ( IP A:125.26.112.111 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 คอยบอกด้วยซ้ำว่า 1 ใน 3 ของห้องฉุกเฉินจะ miss diag 1 ใน3 จะ inadequte treatmet
บอกที่ไหน เมื่อไหร่ แล้วเวลาผู้เสียหายร้องไปแพทยสภาทำไมไม่ เคยมีคนผิด มีแต่ปกป้องแทบจะทุกราย | โดย: พวกปากอย่างใจอย่างไม่มีใครเชื่อ [21 ก.ย. 52 20:44] ( IP A:115.87.129.168 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 บอกประจำในกระทู้เก่าๆ ก็คดีของผู้เสียหายมันไม่เข้า 1 ใน 3 นี่้นา | โดย: กระทู้เก่าหาอ่านเอง [21 ก.ย. 52 22:32] ( IP A:125.26.109.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 คดีไหนที่ไม่เข้า 1 ใน 3 อย่ากล่าวอ้างลอย ๆ หรือเอาสีข้างเข้าสี แถไปเรื่อยเลยนะตัวววววววววว คุณมันพวกศรีธนญชัย บ่อยครั้งคุณก็คือพวกหมอหมู่ที่บรรดาผู้เสียหายเขาเรียก | โดย: เบื่อพวกหมอหมู่ บางกลุ่ม [21 ก.ย. 52 23:10] ( IP A:58.9.187.208 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าความเสียหายไม่ได้เกิดจากการทำผิด ก็คงหาคนรับผิดไม่ได้ | โดย: 222 [22 ก.ย. 52 3:34] ( IP A:58.8.85.254 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 คุณก็เขียนจดหมายไปซิ ถามว่าคดีต่างๆนั้น โรงพยาบาลไหน คลินิกไหนทำ หมอคนไหนทำ แล้วก็ลากตัวมาพิจารณาลงโทษ เดี๋ยวก็ดีเอง | โดย: ฟฟ [22 ก.ย. 52 9:17] ( IP A:58.8.4.186 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 22:15:01 น. มติชนออนไลน์
เตือนแพคเกจทัวร์บวกศัลยกรรมไร้จรรยาแพทย์ ผ่าตัดแล้วมีปัญหาต้องแก้ไข
ไทยติด 1 ใน 5 ประเทศที่เสี่ยงต่อการทำศัลยกรรมแล้วมีปัญหาตามมาต้องกลับไปผ่าตัดแก้ไข บางรายออกอาการระหว่างเดินทางกลับสมาคมแพทย์ศัลยกรรมพลาสติคระบุอย่าหลงเชื่อโฆษณาผ่านเว็บไซต์ เสนอแพคเกจทัวร์บวกศัลยกรรมไร้จรรยาแพทย์
เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนของประเทศอังกฤษ รายงานว่า ในการประชุมประจำปีของสมาคมแพทย์ศัลยกรรมพลาสติคเพื่อความงามแห่งอังกฤษ (บาปส์) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองคาร์ดิฟฟ์ แคว้นเวลส์ ได้เผยแพร่ผลสำรวจสมาชิกของสมาคมที่ระบุว่ามีผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขหรือเยียวยาอาการแทรกซ้อนจากการผ่าตัดทำศัลยกรรมในต่างประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างผิดสังเกต ศัลยแพทย์รายหนึ่งซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมระบุว่า เคยเจอมากับตัวเองมากกว่า 16 ราย หรือคิดเฉลี่ยมากกว่า 1 รายต่อเดือน ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดซ้ำหลังจากไปใช้บริการศัลยกรรมบวกท่องเที่ยวในต่างประเทศ
ในผลสำรวจดังกล่าว ระบุว่า ได้มีการสำรวจเว็บไซต์ที่ประชาสัมพันธ์แพคเกจท่องเที่ยวพร้อมทำศัลยกรรมในต่างประเทศจำนวนมากพบว่า 90 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ระบุถึงความเสี่ยงหรือโอกาสที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากการผ่าตัด นอกจากนั้น มีเพียงแค่เกินครึ่งเล็กน้อยเท่านั้นที่เสนอให้คำปรึกษาทางโทรศัพท์ก่อนหน้าที่จะตัดสินใจรับบริการ และอีก 39 เปอร์เซ็นต์ ไม่ให้รายละเอียดของกระบวนการผ่าตัดทำศัลยกรรมเลย ทั้งนี้ ประเทศ 5 ประเทศที่มีผู้เดินทางไปทำศัลยกรรมแล้วกลับมามีปัญหามากที่สุดคือ แอฟริกาใต้ โปแลนด์ เบลเยียม ตุรกี และไทย
ในการสำรวจของบาปส์พบว่า การผ่าตัดที่นิยมไปทำในต่างประเทศมากที่สุดอย่างหนึ่งก็คือการผ่าตัดเพื่อลดหน้าท้องของผู้ชาย ที่มีสถิติเพิ่มมากขึ้นถึง 1,000 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา คือจาก 22 ราย ในปี 2546 เพิ่มเป็น 323 รายในปี 2551 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงสุด โดย 1 ใน 5 ของผู้เข้ารับการผ่าตัดจะมีปัญหาเกิดขึ้นหลังการผ่าตัดตามมา อาทิ แผลผ่าตัดไม่สมานติดกัน การผ่าตัดที่นิยมทำอีกอย่างก็คือการผ่าตัดเสริมทรวงอก ซึ่งมีความเสี่ยงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยมักมีปัญหาเกิดรอยแผลเป็นหรือหมดความรู้สึก
นายแพทย์ไนเจล เมอร์เซอร์ ประธานบาปส์กล่าวว่า ปัญหาเรื่องของการผ่าตัดแก้ไขแล้วเกิดอาการแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเพราะมีคนไปทำศัลยกรรมเพื่อเพิ่มความงามมากขึ้น ขณะเดียวกันจำนวนบริษัทที่ตั้งขึ้นเพื่อบริการเป็นแพคเกจก็เพิ่มมากขึ้น และหลายบริษัทเหล่านั้นมีเว็บไซต์ที่แสดงถึงการไร้จรรยาแพทย์ในหลายๆ ประการด้วยกัน โดยเฉพาะการไม่เตือนผู้ที่เข้ารับบริการถึงโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนต่างๆ นอกจากนั้น ยังมีปัญหาหลักที่น่าวิตกอีกประการก็คือผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลหลังการผ่าตัดหรือได้รับแต่ไม่เพียงพอ นายแพทย์เมอร์เซอร์ระบุว่า ผู้ป่วยรายหนึ่งถึงกับมีของเหลวไหลออกมาจากช่องท้องตลอดเวลาระหว่างที่นั่งเครื่องบินกลับประเทศ
ทั้งนี้ สมาคมวิชาชีพศัลยกรรมพลาสติคอีกสมาคมของอังกฤษ คือสมาคมศัลยแพทย์เสริมความงามและทำศัลยกรรมพลาสติค (บาร์ส) ถึงกับเสนอกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษไม่ให้ให้บริการผ่าตัดเพื่อปรับแก้ศัลยกรรมพลาสติคที่ทำจากต่างประเทศ เพียงแต่ให้บริการเมื่อผู้ป่วยมีอาการปวดอย่างรุนแรงหรือมีอาการที่คุกคามต่อชีวิตเท่านั้น
นายแพทย์ดักลาส แม็คจอร์จ อดีตประธานบาปส์ยืนยันว่า ผู้ป่วยที่ไปรับบริการในต่างประเทศเพราะเห็นแก่ราคาถูก จำเป็นจะต้องรับรู้ว่าตัวเองจะต้องเสี่ยงอย่างไรบ้าง ในขณะที่นายมาร์ค บิวรี ผู้บริหารของบริษัท เซอร์จิแคร์ ซึ่งเป็นเครือข่ายทำศัลยกรรมเสริมความงามใหญ่ที่สุดของอังกฤษ ยอมรับว่าการไปทำศัลยกรรมในต่างแดนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ก็มีผู้ป่วยที่มาใช้บริการของเซอร์จิแคร์เพื่อปรับแต่งแก้ไขข้อผิดพลาดที่ศัลยแพทย์ในต่างแดนทำไว้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน นายบิวรีสรุปว่า การไปทำศัลยกรรมในต่างประเทศดูเหมือนจะมีราคาถูกกว่าแต่หลังจากนั้นแล้ว ส่วนใหญ่ก็มักจะต้องมาใช้บริการในอังกฤษซ้ำอีก | โดย: มติชน [29 ก.ย. 52 22:26] ( IP A:58.8.10.98 X: ) |  |
|