consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
คดีฟ้องแพทย์กันยา2552
ศาลแพ่ง
นาย DDD โดยนางAAA ผู้อนุบาล ที่ 1
นางAAA ที่ 2
นางCCC ที่ 3 .................................................................โจทก์
แพทย์หญิง XXX ที่ 1
นายแพทย์ YYY ที่ 2
มูลนิธิZZZ ที่ 3
สภา
https://www.
ที่ 4..............................................จำเลย
ข้อหา ฐานความผิด ละเมิด เรียกค่าเสียหาย
ข้อ 1. โจทก์ที่ 1 เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาล RRR และได้รับอันตรายสาหัสจนทุพพลภาพพิการตลอดชีวิตจากการรักษาโดยความประมาทเลินเล่อของแพทย์ในโรงพยาบาล RRR ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในสังกัดของจำเลยที่ 3 ปัจจุบันมีโจทก์ที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาตามกฎหมายและเป็นผู้อนุบาลตามคำสั่งศาลเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1
โจทก์ที่ 3 เป็นมารดาโดยชอบธรรมของโจทก์ที่ 1
ข้อ 2. จำเลยที่ 3 เป็นนิติบุคคลประเภทมูลนิธิจดทะเบียน และเป็นเจ้าของโรงพยาบาลRRRซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการตรวจรักษาผู้ป่วยทั่วไป และอยู่ในสังกัดของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนไว้กับกระทรวงมหาดไทยเมื่อวันที่ ** สิงหาคม ปี พ.ศ. **** โดยมีจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอายุรแพทย์ระบบประสาทสมอง และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นศัลยแพทย์ระบบประสาทสมอง และเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลRRRเป็นผู้รักษาโจทก์ (เอกสารจะอ้างนำส่งในชั้นพิจารณาคดีต่อไป)
ข้อ 3. เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เวลาประมาณ 11.00 น. โจทก์ที่ 1 ได้เข้ารักษาที่โรงพยาบาลRRRด้วยอาการปากเบี้ยว หลับตาไม่สนิท ด้านซ้าย ซึ่งโจทก์ที่ 1 พบว่ามีอาการดังกล่าวตั้งแต่เช้าวันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 แต่โจทก์ที่ 1 ยังขับรถไปสั่งงานก่อนที่สำนักงานของตนเองที่ ลาดพร้าว 101 ด้วยตัวเองได้ และขับรถต่อไปยังโรงพยาบาลRRRหลังสั่งงานเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจำเลยที่ 1 ที่เป็นแพทย์ประจำตัวที่ให้การรักษาได้แจ้งให้โจทก์ที่ 1 พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะเบิกค่ารักษาเมืองไทยประกันชีวิตได้อยู่แล้ว และให้การวินิจฉัยโรคต่อมา ว่าโจทก์ป่วยเป็นโรคเส้นประสาทใบหน้าเส้นที่ 7 ด้านซ้ายเป็นอัมพาต เรียกชื่อว่า เบลพัลซี่ (Bellpalsy) จากนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลRRRได้โทรกลับไปหาโจทก์ที่ 2 เพื่อให้นำกรมธรรม์ประกันชีวิตไปให้เพื่อตรวจสอบสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล และพบว่าโจทก์ที่ 1 สามารถเบิกค่ารักษาได้ในวงเงินสองแสนบาท แพทย์จึงได้นำโจทก์ที่ 1 ไปตรวจสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และแจ้งว่าโจทก์ที่ 1 มีเนื้องอกในสมองบริเวณโพรงประสาทหูด้านขวา ขนาด 0.8 x 1.2 ซ.ม. และแจ้งว่าต้องผ่าตัดมิฉะนั้นจะเป็นอัมพาตอัมพฤต ทำงานไม่ได้ ต้องผ่าตัดด่วน โจทก์ที่ 1 จึงหลงเชื่อและยอมให้ผ่าตัดทั้งๆที่ขณะนั้นอาการปากเบี้ยวเริ่มดีขึ้นแล้ว เนื่องจากการรักษาด้วยยาฉีดเพียงแค่ 2 วัน และจำเลยที่ 2 ได้นำโจทก์ที่ 1 ไปผ่าตัดในวันที่ 31 กรกฏาคม พ.ศ. 2552 เวลาประมาณ 20.00 น.
หลังการผ่าตัดโจทก์ที่ 1 ไม่รู้สึกตัวประมาณ 2 เดือน และต้องพักรักษาตัวในไอซียูเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน ปัจจุบันนี้ได้ย้ายออกมาพักที่ห้องพักส่วนตัว ในสภาพที่เดินไม่ได้ พูดไม่ได้ กินอาหารเองไม่ได้ ต้องเป็นผู้ทุพพลภาพ พิการถาวร โดยมีโจทก์ที่ 2 เป็นผู้ดูแลและเป็นผู้อนุบาลตามคำสั่งศาล
ต่อมาโจทก์ที่ 2 ได้เพียรพยายามขอเวชระเบียนผู้ป่วยของโจทก์ที่ 1 ตามสิทธิ์ที่มีในคำประกาศสิทธิผู้ป่วยเพื่อตรวจสอบนำไปร้องเรียนและฟ้องคดี แต่ได้รับการปฏิเสธมาตลอด โจทก์ที่ 2 ถูกละเมิดสิทธิผู้ป่วย
ข้อ 4. นอกจากจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จะละเมิดสิทธิผู้ป่วยของโจทก์ที่ 2 โดยเจตนาแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคตามฟ้องข้อ 3. ยังเป็นการกระทำที่ประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และจำเลยที่ 1 และที่ 2 อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่จนเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 ทุพพลภาพ พิการถาวร ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ กล่าวคือ โจทก์ที่ 1 ป่วยเป็นโรคเบลพัลซี่ ซึ่งเพียงแต่เส้นประสาทเส้นที่ 7 ด้านซ้ายอักเสบ กล้ามเนื้อใบหน้าเป็นอัมพาตชั่วคราว แล้วจะหายเองหรือดีขึ้นได้ จากการรักษาด้วยยากินหรือยาฉีด ไม่ต้องผ่าตัด การสแกนสมองแล้วตรวจเจอว่ามีเนื้องอกที่โพรงกระดูกประสาทหูด้านขวา เป็นเพียงสิ่งตรวจพบโดยบังเอิญ ซึ่งไม่เกี่ยวกับการปากเบี้ยวของโจทก์ที่ 1 และไม่ต้องรีบรักษาหรือผ่าตัด เพราะการผ่าตัดมีความเสี่ยงสูง แต่จำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 กลับแจ้งโจทก์ที่ 1 ว่า เป็นเนื้องอก อันตรายต้องผ่าตัดด่วน มิฉะนั้นจะอัมพาต อัมพฤกษ์ ทำงานไม่ได้ และว่าผ่าตัดเพียง 2ชั่วโมง พักฟื้น 3 วัน ก็ทำงานได้ตามปกติ มิได้แจ้งข้อดีข้อเสีย แก่โจทก์ที่ 1 ให้เข้าใจดีก่อนการผ่าตัดและการตัดสินใจ โจทก์ที่ 1 จึงหลงเชื่อให้แพทย์ของจำเลยรักษาด้วยการผ่าตัด จนได้รับความเสียหาย จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ที่ 1 ซึ่งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ 1 โดยมีจำเลยที่ 3 และ ที่ 4 ต้องร่วมรับผิดใช้ค่าสินไหมในฐานะตัวการตัวแทนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งเป็นแพทย์ในสังกัด โดยโจทก์ขอเรียกค่าสินไหมดังนี้
โดย: เอาไว้ดู คดีจบแล้ว [18 ก.ย. 52 9:04] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
โจทก์ป่วยเป็นโรคเส้นประสาทใบหน้าเส้นที่ 7 ด้านซ้ายเป็นอัมพาต เรียกชื่อว่า เบลพัลซี่ (Bellpalsy)
แจ้งว่าโจทก์ที่ 1 มีเนื้องอกในสมองบริเวณโพรงประสาทหูด้านขวา ขนาด 0.8 x 1.2 ซ.ม. และแจ้งว่าต้องผ่าตัดมิฉะนั้นจะเป็นอัมพาตอัมพฤต ทำงานไม่ได้ ต้องผ่าตัดด่วน
โดย: aa [18 ก.ย. 52 9:09] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
เป็น รพ.เอกชน
โดย: มีชื่อ [18 ก.ย. 52 10:06] ( IP A:58.9.204.31 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
เอาไว้เผื่อไทยด็อกสแกนดอลจะนำไปศึกษา
ไว้จะค่อยๆเอาคดีต่างๆมาทิ้งไว้ให้
โดย: ฟฟ [18 ก.ย. 52 14:02] ( IP A:58.8.11.160 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน