ผมจะฟ้องกลับคนไข้และญาติคนไข้ได้ไหม
   ผมเป็นหมอคนหนึ่งในจังหวัดตาก พอดีมีมารดาพาเด็กมาตรวจด้วยเด็กชักแล้วหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งได้ ส่งต่อไปรักษาที่อื่นแล้ว แต่ต่อมาญาติมาร้องเรียนหาว่ารักษาช้า และไม่รีบให้ยา acyclovir ซึ่งที่ที่ refer ไปก็ไม่สามารถตรวจเจอเชื้อและไม่ได้รีบให้ยาเช่นกัน แต่รายนี้มาปรึกษากับเครือข่ายและฟ้องผมกับรพ.เรียกร้องเงินมาก ซึ่งผมมีเอกสารยืนยันและข้อหักล้างทางการแพทย์พอ แต่ต่อมาญาติผู้ป่วยติดต่อมาว่าจะยอมความต้องยอมจ่ายเงิน มากพอควร มีการโทรมาข่มขู่ด้วย ซึ่งผมร่วมกับตำรวจและทนายแอบบันทึกข้อความการสนทนาไว้หมดทุกครั้ง คดีนี้ถ้าสิ้นสุดผมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายและอาญากับคนไข้และญาติได้ไหมครับ ทางทนายส่วนตัวผมยืนยันว่าได้ ทางตำรวจก็ยืนยันว่าได้ อัยการก็บอกว่าได้ครับ
โดย: แพทย์ [16 ก.ย. 52] ( IP A:118.172.209.164 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ไม่ได้ครับ เพราะสังคมไม่อนุญาต ใครจะเชื่อคุณครับ
โดย: ความเป็นจริง [16 ก.ย. 52 5:52] ( IP A:58.8.94.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ไม่ได้ครับ คนไข้ไม่เคยผิด เพราะความเสียหายมันเกิดขึ้นจริง เครือข่ายบอกเอาไว้ว่า ไม่ผิดพลาดแล้วจะมีความเสียหายได้อย่างไร

ฟอคุณฟ้อง สังคมก็ไม่เห็นใจคุณ ดีแต่จะบอกว่าคุณรังแกคนไข้และประชาชน
โดย: อย่าฟ้องเลย [16 ก.ย. 52 8:18] ( IP A:125.26.109.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   งงมาก...เมื่อคุณอ้างว่า ทั้งทนาย ตำรวจ และอัยการบอกว่าฟ้องได้แล้ว คุณจะมาโพสต์ถามที่นี่ทำไม? การฟ้องทุกคนที่เชื่อว่าตนถูกรังแกมีสิทธิ์อยู่แล้ว แต่จะได้ผลอย่างไรก็แล้วแต่ศาลฯ
โดย: เจ้าบ้าน [16 ก.ย. 52 9:00] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ผมว่าควรฟ้องกลับถ้ามีหลักฐานการสนทนา ข้อหาหมิ่นประมาท กรรโชกทรัพย์ครับ
โดย: PP [16 ก.ย. 52 10:21] ( IP A:118.175.78.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   น่าจะเป็นกระทู้ล่อเป้า

เพราะดูเหมือนว่า คนไข้ในกรณีนี้ รู้จักเลือกเจาะจงชื่อยาแปลกๆที่ชาวบ้านอย่างผมไม่รู้จัก ก็เลยแหม่งๆชอบกล เพราะถึงขนาดร้องเรียนหมอหาว่าไม่จ่ายยาตามอาการของโรค แสดงว่ารู้ดีกว่าหมอว่าจะจัดการกับอาการของลูกตัวเองอย่างไร ก็ไม่น่าจะลำบากไปหาหมอนะ น่าจะมุ่งไปหาซื้อยาเองเลย เพราะรู้ชื่อยาเฉพาะที่จะซื้ออยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม หากท่าน จขกท เห็นว่า ตนเองเสียหายโดยสุดจริต และอยากปกป้องศักคิ์ศรี หรือ อยากพิสูจน์ตัวเอง และ/หรือ อยากระบายความเครียด (อาจเครียดมากขึ้นก็ไม่แน่!!!!!) จากภาระหน้าที่ตามวิชาชีพ ซึ่งหนักหนาอยู่แล้ว แล้วก็มีเวลาเหลือจากที่ได้ใช้พักผ่อนแล้ว

เอาเลยครับ ผมสนับสนุน เพื่อความถูกต้อง ฟ้องเลยครับ
โดย: ไม่น่างง ไม่สมควรงง เลยไม่งง [16 ก.ย. 52 10:40] ( IP A:58.8.229.53 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   กับประโยคนี้

"แต่รายนี้มาปรึกษากับเครือข่ายและฟ้องผมกับรพ.เรียกร้องเงินมาก"

คุณแน่ใจได้อย่างไรว่า ผู้เสียหายรายนี้มาปรึกษาเครือข่ายฯ ที่เดียว
ธรรมชาติของมนุษย์เวลชาเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่ปรึกษาใครคนใดคนหนึ่งเพียงรายเดียว ผู้เสียหายส่วนใหญ่ก็เช่นกัน

คุณแน่ใจได้อย่างไรว่า เครือข่ายฯ ครอบงำผู้เสียหายได้ทุกเรื่อง

ถ้าคุณต้องการเล่นเครือข่ายฯ ไม่ต้องฟ้องผู้เสียหายหรอก ฟ้องเครือข่ายฯ เลยถ้าคิดว่าทำให้คุณเสียหาย เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมาย
โดย: ฟ้องได้เลย [16 ก.ย. 52 11:16] ( IP A:58.9.222.42 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   เห็นปะเครือข่าย ช่างให้ฟ้อง
โดย: เห็นปะ [16 ก.ย. 52 12:18] ( IP A:202.28.179.4 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   ฟ้องไมคับ สั่งยิงไปเลย
โดย: มีมาแล้ว [16 ก.ย. 52 14:49] ( IP A:61.19.199.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   คนยิงมีความสุขหรือเปล่า
ยิงเขาแล้ว ก็หวาดระแวงกลัวเขาเอาคืน
ได้อะไรนอกจากความสะใจ
โดย: ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว [16 ก.ย. 52 15:18] ( IP A:61.90.108.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ผมฟ้องคนไข้ และ ญาติคนไข้แน่นอน เพราะ วีดีโอที่แอบถ่ายตอนที่เขามาหา กับ เบอร์มือถือที่สนทนากัน มีการบันทึกไว้หมดซึ่งตัวคนไข้และญาติ บอกว่าการฟ้องเขาคิดว่าไม่น่าจะชนะแต่ถ้าไม่อยากให้เสียชื่อเสียงหรือต้องการให้เรื่องจบ ให้จ่ายเงินซะไม่งั้นจะเดินขบวน ปล่อยข่าวให้เสียหาย และไม่รับรองความปลอดภัยกับครอบครัวคุณหมอ ซึ่งหลักฐานเหล่านี้ผมมีหมด ทางตำรวจบอกฟ้องกันโชคทรัพย์ได้เลย แต่ผมก็สงสารคนไข้ และก็ไม่ใช่ว่าผมผิด คนไข้ก็จนตอนรับเงินชดเชยจาก รพ. 200000 คนไข้และญาติก็บอกว่าจะไม่เอาเรื่องแล้ว เราก็ทำเรื่องส่ง ตาม ม. 41 แต่ต่อมาญาติก็ติดต่อมาอีกว่าแบ่งเงินกันไม่ลงตัว จะเอาเพิ่ม ผมก็เลยคิดว่าถ้าตัดสินเสร็จ ผมฟ้องคนไข้กลับดีใหม
โดย: แพทย์ [16 ก.ย. 52 16:14] ( IP A:118.172.211.82 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   เรื่องจริงเท็จเป็นอย่างไรไม่มราบได้ แต่ลองแยกเล่นๆได้ 2 ทางคือ
1. ถ้าฝ่ายญาติคนไข้(ซึ่งตัวคนไข้เองเป็นเด็กคงคิดเอาเรื่องเอาราวอะไรยังไม่เป็น) มีพฤติกรรมกรรโชกทรัพย์จริงก็ควรฟ้องไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่ได้เรียกว่าฟ้องกลับ ไม่ต้องรอศาลตัดสิน แบบนี้ฟ้องกรรโชกทรัพย์ได้ทันที
2. ถ้าจะฟ้องหมิ่นประมาทให้เสียชื่อเสียง ก็ควรรอให้ศาลตัดสินก่อน ซึ่งก็ไม่แน่ว่าคุณอาจจะชนะหรือแพ้ก็ได้ เพราะถ้านำสืบได้ไม่ชัดเจนศาลจะยกประโยชน์ให้จำเลยเสมอ

แต่สรุปแล้วต้องฟ้องคนที่ข่มขู่ คนที่กรรโชก ฟ้องที่ตัวคนไข้บ่ได้เพราะเป็นเด็ก 5555
โดย: เจ้าบ้าน [16 ก.ย. 52 16:52] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   หนึ่งในตัวตัว ที่หวังเงินหวังรวยลัด
โดย: ซึ่เครือข่ายว่าไม่เคยมี [16 ก.ย. 52 17:43] ( IP A:125.26.109.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   เครือข่ายฯ
เห็นด้วยกับการชดเชยที่สมเหตุสมผล
ไม่เห็นด้วยกับการกรรโชกทรัพย์และข่มขู่หมอ

ว่าแต่คุณหมอไปทำอะไรให้ญาติเขาเจ็บกระดองใจหรือเปล่า

ถ้าคุณหมอเป็นคนดี ทำเขาเสียหายแล้วขอโทษ ยินดีรับผิดชอบ
เขาตามสมควรแก่เหตุแล้ว ยังข่มขู่เพื่อเอาเงินอีก เครือข่ายฯ ก็
สนับสนุนให้ฟ้องกรรโชกทรัพย์
โดย: สมควรฟ้องถ้าหมอเป็นคนดีจริง ไม่ทำให้เขาเจ็บใจจริง [16 ก.ย. 52 19:22] ( IP A:58.11.29.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ความคิดเห็นที่ 8
ฟ้องไมคับ สั่งยิงไปเลย
โดย: มีมาแล้ว [16 ก.ย. 52 14:49> ( IP A:61.19.199.142 X: )


คนจริงเขาไม่ขู่
โดย: เบื่อการข่มขู่ [16 ก.ย. 52 19:24] ( IP A:58.11.29.93 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ************************

เชียร์ คห ที่ ๑๑ ของท่านจ้าวบ้าน เป็นอย่างยิ่ง !!!!

************************
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [17 ก.ย. 52 7:09] ( IP A:58.8.102.51 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ผมเป็นหมอคนหนึ่งในจังหวัดตาก พอดีมีมารดาพาเด็กมาตรวจด้วยเด็กชักแล้วหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งได้ ส่งต่อไปรักษาที่อื่นแล้ว แต่ต่อมาญาติมาร้องเรียนหาว่ารักษาช้า และไม่รีบให้ยา acyclovir ซึ่งที่ที่ refer ไปก็ไม่สามารถตรวจเจอเชื้อและไม่ได้รีบให้ยาเช่นกัน
ตอบ อันนี้พอจะอ้างได้ว่าตัวเองก็ไม่ผิด เพราะคนอื่นก็พลาดเหมือนกัน แต่ศาลจะฟังไหมว่า ผิดทั้งคู่ อันนี้ต้องให้ศาลวินิจฉัยก่อน ว่าศาลจะเอาด้วยไหมกับเหตุผลนี้ หรือศาลจะช่วยหมอรักษาโรคให้ละเอียด การตัดสินใจของศาลจะเปลื่ยนวงาการแพทย์ได้ ศาลสหรัฐเคยวินิจฉัยไว้ว่าการทำคลอดคือการทำให้เด็กออกมาปลอดภัยทั้งแม่และลูก หากแพทย์เห็นว่าวิธีเดิมีความเสี่ยงแพทย์ก็ต้องหันไปใช้วิธีที่ปลอดภัยกว่า

แต่รายนี้มาปรึกษากับเครือข่ายและฟ้องผมกับรพ.เรียกร้องเงินมาก ซึ่งผมมีเอกสารยืนยันและข้อหักล้างทางการแพทย์พอ
ตอบ อันนี้ปรึกษาจริง และฟ้องจริง แต่เราให้เขาไปฟ้องเองเป็นคดีผู้บริโภค การเรียกเงินนั้น เป็นสิทธิของเขาที่ปรึกษากันกับพนักงานคดีของศาล แต่เราแนะนำบ่อยและฟ้องให้บ่อย ถ้าพิการนอนแบเบาะคิดออกมาทีไรก็ประมาณ 11-13 ล้านบาท (เราคิดตามสิทธิ์ที่จะได้ทางกฎหมายแต่ศาลจะให้เท่าไหร่อีกเรื่องหนึ่ง เราคิดแม้กระทั่งคนที่อัมพาตขาสองข้างเดินไม่ได้กั้นขี้กั้นเยี่ยวไม่ได้ ว่าขาดความสุขทางเพศ คนไข้มองหน้า ทั้งทนายและเครือข่าย เราก็ถามว่าขนาดแต่งงานได้สองเดือนสามีคุณหนี คุณไม่ขาดหรือ เขาก็โอเคแต่ถามว่าจะดีหรือ เราบอกดีแล้ว ศาลจะได้วินิจฉัย เด็กจะได้เอาไปเรียนว่าคิดได้หรือไม่)

แต่ต่อมาญาติผู้ป่วยติดต่อมาว่าจะยอมความต้องยอมจ่ายเงิน มากพอควร มีการโทรมาข่มขู่ด้วย ซึ่งผมร่วมกับตำรวจและทนายแอบบันทึกข้อความการสนทนาไว้หมดทุกครั้ง คดีนี้ถ้าสิ้นสุดผมจะฟ้องเรียกค่าเสียหายและอาญากับคนไข้และญาติได้ไหมครับ ทางทนายส่วนตัวผมยืนยันว่าได้ ทางตำรวจก็ยืนยันว่าได้ อัยการก็บอกว่าได้ครับ
ตอบ อันนี้ถ้าผิดจริง คุณฟ้องเขาได้เลย แต่ที่คุณเขียนมานี่ญาตินะ ไม่ใช่คนไข้ และเครือข่ายเราก็ไม่เคยแนะให้ทำแบบนี้ ขนาด หมอจะยอมจ่ายเอง เราบอกไปว่าไม่เอา หมอไม่มีหน้าที่จ่าย เราฟ้องกระทรวงเป็นหลัก คนไข้ถ้าใครไปรับเงินส่วนตัวหมอ ต่อไปไม่ต้องมาคุยกัน เพราะคุณต้องรับเงินที่คุณมีสิทธิ์ตามกฎหมาย และเป็นเงินที่พวกผู้ป่วยทั่วประเทศเป็นคนลงขันจ่าย (รวมทั้งเงินภาษีอากร) ไม่ใช่รับเงินจากศาลเตี้ย และเงินเดือนหมอก็ไม่เยอะ คดีที่เมืองเลย ขนาดหมอและโรงพยาบาลเขาจะจ่ายเป็นส่วนตัว เรายังถามเลยว่า เขาเอาเงินมาจากไหน และคุณเรียกร้องความเป็นธรรม แต่คุณสร้างความไม่เป็นธรรมให้เขา ถูกต้องไหมละ ไปสู้คดีต่อเถอะ(คดียังอยู่ในศาล) ศาลให้ไม่ให้นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ตกลงศาลไม่ให้ ถามว่าเราเคยโวยวายไหมเราก็ได้แต่อุทธรณ์ ไปถึงฏีกา ก็จบ
แต่ผมบอกก่อนนะ ว่าการอัดเทปนี่ ศาลอาจจะไม่รับฟัง คนไข้เราอัดเทปคุยกันบ่อยทั้งในห้องประชุมโรงพยาบาล ห้องประชุมแพทยสภา แต่เราบอกเสมอว่าอย่าทำไม่ถูกกฎหมาย แต่พวกหมอก็ควรหัดนิสัยใหม่ พูดแล้วก็ต้องไม่คืนคำ
โดย: ฟฟ [17 ก.ย. 52 8:21] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   แต่ผมเชื่อนะว่าหมอทั้งสองแห่งกล่าวถึง หากคราวหน้ามีคนไข้แบบนี้อีกก็จะรีบให้ยา โดยเฉพาะคนไข้ที่เป็นลูกตัวเอง
โดย: คุณบอกไม่จริงก็ได้ [17 ก.ย. 52 8:23] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   เมื่อได้อ่านกระทู้นี้แล้ว ก็พอดีมีผู้เสียหายจากจ.ตากโทรมาปรึกษา
ได้ถามไถ่ดูว่าไปกรรโชกทรัพย์เขาหรือเปล่า ผู้เสียหายรายนี้เป็นแม่เด็กบอกว่าครอบครัวเขาเป็นชาวนา พ่อแม่ก็แก่แล้วนอกนั้นไม่มีญาติไม่มีใครที่จะกล้าไปข่มขู่หมอเลย

ไม่รู้เคสเดียวกันหรือเปล่า เขาไปฟ้องเอง ยังไม่มีทนาย ยังไม่มีพยานทางการแพทย์เลย แต่ฝ่ายจำเลยนำสืบไปแล้วหลายปาก
โดย: หวังว่าคงไม่ใช่เคสเดียวกัน [17 ก.ย. 52 10:21] ( IP A:58.9.196.46 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   รายเดียวกันมากกว่า
แต่เรื่องจริงเป็นอย่างไรนี่อีกเรื่องหนึ่ง
ทางเราก็รับฟังคุณ แต่เราก็ฟังผู้เสียหายเราเช่นกัน
เพียงแต่เราไม่รู้ว่าใครโกหกเท่านั้น
ถ้าสงสัยเราก็แนะนำคุณฟ้องศาลพิสูจน์กัน
แต่ที่เราเจอๆมา มีแต่พวกขึ้นศาลโกหกช่วยกัน
โดย: ไม่ต้องรอช้า ฟ้องได้เลย [17 ก.ย. 52 14:57] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   ตกลงเคสนี้เป็นเรื่องจริงเหรอ สงสัยเครือข่ายฯจะงานเข้าอีก
โดย: เจ้าบ้าน [17 ก.ย. 52 16:19] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   เครือข่ายฯ เราทำงานตรงไปตรงมา ทำงานบนความจริงเท่านั้น
ไม่ให้ร้าย ไม่ยุยง ไม่ส่งเสริมให้ทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง คุณหมอ
ที่ปรึกษาเครือข่ายฯ เป็นแม่แบบที่ตรงไปตรงมา ไม่เคยสอนให้เราโกหก ทุกอย่างท่านสอนเราให้ตรงไปตรงมา ท่านบอกเสมอว่า
สุดท้ายความถูกต้องจะชนะ

แต่เราไม่สามารถควบคุมผู้เสียหายทุกรายได้ เพราะบางทีเขาก็ไม่ได้เชื่อเราไปทุกเรื่อง สังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ใครทำไม่ดีก็จัดการได้เลย เราไม่เข้าข้างคนผิดอยู่แล้ว
โดย: ไม่เข้าข้างคนผิด [17 ก.ย. 52 17:06] ( IP A:58.9.224.140 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   ความจริงเป็นอย่างไรยังไม่รู้เลย เราก็รับฟังทั้งสองฝ่ายนะ
ถ้าคนของเราผิด เราก็ยินดีทีคุณจะฟ้องร้องเรียกหาความเป็นธรรม
ก็ไม่ควรเก็บไว้
สมัยก่อนเราก็มีผู้เสียหายคนหนึ่งเที่ยวหลอกพาผู้เสียหายด้วยกันไปรังควาญหมอ เราก็ทั้งห้ามทั้งเตือน สุดท้ายกรรมก็สนองเขาเอง
ในกรณีราชการ เราบอกผู้เสียหายเสมอ ว่าให้ฟ้องหน่วยงานตามสิทธิ์ที่กฎหมายให้ไว้ ฟ้องหมอไม่ได้กฎหมายห้ามไว้
ส่วนคดีอาญาหมอต้องรับกรรมเอง เว้นแต่ถ้ากระทรวงไม่สู้เรื่องอายุความเราก็ถอนคดีให้หรือถอนแจ้งความให้
ถ้าเป็นเอกชน ก็หมดปัญญาต้องฟ้องหมอด้วย เว้นแต่กฎหมายผู้เสียหายจะออกมาคุ้มครองหมอ ก็จะหมดปัญหา
แต่ถ้ามีคนพยายามขัดขาไม่ให้กฎหมายออกมาดีดี เป็นกฎหมายแย่ๆ ก็ต้องไปฟ้องศาลกันอยู่ดี
โดย: ถ้าคิดว่าเขาทำไม่ดีก็ฟ้องเลย [17 ก.ย. 52 17:58] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   ผมคิดว่าถ้าเราทำงานด้วยความสุจริตตั้งใจตามหลักการตามแนวพระราชบิดา ก็ไม่ควรกลัวอะไรเพราะบางโรคมันก็ยากจริงๆ ไม่มีหมอคนไหนปราถนาให้คนไข้ Miss Diagnosis ขึ้นกับประสบการณ์ความรู้แพทย์ด้วย ยังไงผมว่าหมอก็ไม่ใช่เทวดาถึงแม้เป็นอาจารย์แพทย์ ถ้าคุณหมอมีหลักฐานการสนทนา ก็ควรปกป้องศักดิ์ศรีตัวเองด้วยการฟ้องกลับ และสู้คดีที่เขาตามข้อเท็จจริง เงินที่ได้ก็อาจไปบริจาค ความถูกต้องจะช่วยเรา ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรมครับ กรณีนี้ถ้าผมโดนกรรโชกทรัพย์และขู่ทำร้ายจริง ผมจะฟ้องอาญาด้วย
โดย: PP [17 ก.ย. 52 18:41] ( IP A:118.175.78.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   คนเป็นหมอ เขาก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะทำงานถูกต้องทั้งหมด
และบางโรคแม้ว่าจะยาก แต่ก็มีคนวินิจฉัยได้
เขาก็ว่าแพทย์ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วย
สิ่งที่ญาติเขาติดใจก็คือว่าคุณทำงานทุ่มเทและเป็นห่วงเขาสมกับเป็นหมอแล้วหรือไม่ สมมุติว่าเป็นพ่อแม่คุณ ลูกคุณ เมียคุณ จะเป็นแบบนี้ไหม
เราเข้าใจว่าคุณเหนื่อย แต่คุณก็ต้องเข้าใจว่าเรามีชีวิตเดียวและลูกคนนี้ก็มีคนเดียว
พอพลาดมา แม้ว่าคุณจะไม่ตั้งใจ แต่ความรับผิดก็หนีไม่พ้น
ถ้าศาลว่าไม่ผิดก็แล้วไป จบ 3 ศาลก็คงเอาเรื่องคุณต่อไม่ได้
เขาก็ฟ้องเจ้านายคุณ เอาเงินพวกเขามาเยียวยา
คุณก็ไม่น่าจะต้องเดือดร้อนมากนัก ถ้าผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก
คุณก็มีหน้าที่/สิทธิ์ที่จะต่อสู้ แต่เขาก็มีสิทธิ์ที่จะฟ้อง
โดย: ฟฟ [17 ก.ย. 52 19:35] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 25
    ผมเป็นหมอคนหนึ่งในจังหวัดตาก พอดีมีมารดาพาเด็กมาตรวจด้วยเด็กชักแล้วหาสาเหตุไม่ได้ ซึ่งได้ ส่งต่อไปรักษาที่อื่นแล้ว
เท่าที่ฟังมาและตรวจสอบมา ไม่เป็นแบบนี้นะผมว่า ดูคำฟ้องเขาสิเขาฟ้องว่าอย่างไร จะดูไหมจะเอามาให้ดู
คนไข้ก็จนตอนรับเงินชดเชยจาก รพ. 200000
อันนี้เขารับเงินจากไหน สปสช หรือเปล่า เท่าที่คนไข้เราเจอมาที่นี่เขาจ่ายสองแสนแต่จะบอกเสมอว่าไม่ผิด เราก็บอกให้รับไว้ แต่ให้ส่งหนังสือโต้ไปว่าไอ้ที่ว่าไม่ผิดนะไม่เห็นด้วย แต่เงินที่จ่ายก็จะรับไว้

สุดท้ายคดีสุดท้ายเห็นเคลียร์กันได้ ทางโรงพยาบาลยอมจ่ายขนาดที่เรียกว่ามากที่สุดที่เราเคยเห็นกันมา แต่หลายคนเขายังเห็นว่าไม่คุ้มเลย ลูกทั้งคน
โดย: ฟฟ [17 ก.ย. 52 19:44] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
   เขาฟ้องคดี ผู้บริโภค แล้วส่งมาปรึกษา
ผมก็เลยแนะนำไปดังนี้ ข้อ 3 การกระทำของนายแพทย์ ฟหกด และบรรดาแพทย์เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลดกหฟ เป็นการกระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลที่เป็นแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และแพทย์ดังกล่าวอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ จนเป็นเหตุให้โจทก์ที่ 2 สมองพิการถาวร ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ นอนอยู่กับที่นอนไม่มีพัฒนาเหมือนเด็กปกติ กล่าวคือ เมื่อโจทก์ที่ 2 มีไข้หลังฉีดวัคซีนในวันที่ 22 เมษายน พ.ศ.2551 ถึง 2 วันและมีอาการกระตุกที่แขนด้านขวา ไม่ทานนม และโจทก์ที่ 1ได้นำ โจทก์ที่ 2 ไปพบนายแพทย์ฟหกด ที่คลินิก นายแพทย์ฟหกด ชอบที่จะวินิจฉัยได้ตามหลักวิชาแพทย์ว่าโจทก์ที่ 2 มีความผิดปกติของสมอง มีอาการติดเชื้อที่สมอง เนื่องจากมีไข้ และแขนขวากระตุก และรีบส่งโจทก์ที่ 2 ไปรับการตรวจรักษาอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล เพราะการติดเชื้อที่สมองนั้นเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องรีบให้การรักษา มิฉะนั้นสมองจะเสียหายพิการถาวร แต่นายแพทย์ฟหกด กลับให้เพียงยาแก้ไขและยาแก้อักเสบไปทานที่บ้าน และไม่นัดมาตรวจอีกเลย จนโจทก์ที่ 2 มีอาการไม่ดีขึ้นเริ่มตาลอยในวันถัดมา โจทก์ที่ 1 จึงพาโจทก์ที่ 2 กลับไปให้นายแพทย์ฟหกด ตรวจอีก ซึ่งคราวนี้ นายแพทย์ฟหกด ได้รู้ว่ามีความผิดปกติ และได้ทำหนังสือส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลดกหฟ แต่แพทย์ที่โรงพยาบาลดังกล่าวก็ได้เพียงแต่เจาะเลือดตรวจปัสสาวะ มิได้ให้ยารักษาหรือทำการเจาะน้ำไขสันหลังที่หล่อเลี้ยงสมองไปตรวจหาความผิดปกติ ซึ่งจะต้องรีบทำด่วนในเด็กที่สงสัยว่ามีการติดเชื้อในสมองและรีบให้ยารักษาทั้งการติดเชื้อแบคทีเรียและการติดเชื้อเริม (Herpes simplex) ซึ่งเป็นเชื้อหนึ่งที่ทำให้สมองติดเชื้อและมีอาการชักกระตุกเฉพาะที่ได้ เพราะการให้ยารักษาช้านั้นจะทำให้สมองพิการเสียหายถาวร ต้องรีบให้ยาไว้ก่อน แต่บรรดาแพทย์ทั้งหลายก็มิได้ให้ยารักษาโรคติดเชื้อเริมในสมอง ซึ่งแม้ต่อมาในเช้าวันที่ 26 เมษายน 2551 ซึ่งเป็นเวลาหลังจากมีไข้ได้ 4 วันแล้ว นายแพทย์ฟหกด ซึ่งทำงานในโรงพยาบาลดกหฟ จะได้มาตรวจเยี่ยมโจทก์ที่ 2 ในตอนเช้า แต่ก็มิได้รีบทำการเจาะหลังเอาน้ำไขสันหลังไปตรวจหรือให้ยารักษาโรคติดเชื้อเริมในสมอง แต่กลับมาเจาะหลังเอานำไขสันหลังไปตรวจให้ในตอนบ่าย ทำเหมือนรักษาโรคธรรมดาสามัญที่ไม่ใช่ภาวะสมองติดเชื้อซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินอย่างยิ่ง ต่อมาในวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2551 ช่วงเช้ามีแพทย์ของจำเลยมาแจ้งโจทก์ที่ 1 ว่าผลการตรวจน้ำไขสันหลังนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ และไม่ได้ทำการรักษาด้วยยารักษาเริม ทั้งๆที่อาการโจทก์ที่ 2 ไม่ดีขึ้น และภาวะสมองติดเชื้อเริมนั้นผลการตรวจน้ำไขสันหลังในระยะแรกนั้นปกติได้ ตามหลักวิชาแพทย์แล้วจำเป็นต้องให้ยารักษาโรคเริมไปก่อน ระหว่างที่รอการตรวจพิเศษใดๆเพิ่มเติม เนื่องจากภาวะติดเชื้อในสมองนั้นรอการรักษาระหว่างการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมไม่ได้ รวมทั้งนายแพทย์ฟหกด ก็มิได้มาตรวจเยี่ยมโจทก์ที่ 2 ทั้งๆที่ โจทก์ที่ 2 นั้น อาการทรุดหนักไม่ดีขึ้นเลย โจทก์ที่ 1 และมารดาสามีได้ไปนายแพทย์ฟหกด ถึงคลินิก แต่นายแพทย์ฟหกด ก็ไม่ยอมลงมาพบ ตามหน้าที่ของแพทย์ที่ต้องมีคุณธรรมและเมตตาธรรมในการดูแลผู้ป่วยซึ่งไม่มีกำหนดเวลา โจทก์จึงปรึกษากับญาติว่าจะนำโจทก์ที่ 2 ไปรักษาที่อื่น แพทย์ของจำเลยอีกท่านหนึ่งจึงแจ้งโจทก์ที่ 1 ว่าจะทำการเอ็กเรย์คอมพิวเตอร์สมอง แต่ต้องรอเวลา 14.00 น. ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญ เนื่องจากหาสงสัยว่าสมองติดเชื้อ ก็ควรที่จะให้ยารักษาครอบคลุมไว้ก่อน ระหว่างรอเอ็กเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ซึ่งก็อาจจะออกมาปกติก็ได้ในภาวะที่สมองติดเชื้อเริม เพราะการวินิจฉัยเบื้องต้นนั้นใช้เพียงอาการไข้ และอาการกระตุกของแขนขาเฉพาะที่ก็สามารถให้การรักษาได้เลย แม้การตรวจต่างๆจะออกมาปกติ แต่แพทย์ของจำเลยก็มิได้ให้ยารักษาโรคเริมทั้งๆที่ควรจะให้ กลับรอผลการตรวจซึ่งแม้ออกมาปกติก็โจทก์ยังเป็นสมองติดเชื้อเริมได้อีก จึงเป็นการวินิจฉัยและรักษาโรคสมองติดเชื้อเริมไม่ถูกต้อง จึงเป็นเหตุให้ โจทก์ที่ 2 ได้รับยารักษาโรคสมองติดเชื้อเริมล่าช้า สมองเสียหายพิการถาวร ซึ่งโจทก์ที่ 2 ขณะนั้นอาการก็ทรุดหนักชัดเจน จนญาติๆทนดูไม่ได้ต้องขอย้ายออกไปรักษาต่อที่อื่น เนื่องจากรักษาที่โรงพยาบาลของจำเลยแล้ว แพทย์ของจำเลยไม่ได้เอาใจใส่ดูแล แม้โจทก์ที่ 2 จะอาการทรุดหนักมากชักกระตุกไม่รู้ตัวแล้วก็ตาม ซึ่งต่อแม้แม้แพทย์ที่อื่นจะวินิจฉัยได้ว่าโจทก์ที่ 2 ติดเชื้อเริมในสมอง สมองก็เสียหายเกินเยียวยาเนื่องจากบรรดาแพทย์ของจำเลยให้การรักษาล่าช้าโดยรอการตรวจหาสาเหตุไม่ยอมให้ยารักษาเริมครอบคลุมไว้ตั้งแต่เบื้องต้นตามหลักวิชาแพทย์
ข้อ 5 ค่าเสียหาย ควรคิดค่าดูแลรักษาอีกเดือนละ 5000 บาท ปีละ 6 หมื่น เป็นเวลา 30 ปี เป็นเงิน 1.8 ล้านบาท
โดย: ข้อเท็จจริงอย่างไรว่ากันอีกที [17 ก.ย. 52 20:00] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 27
   กฏหมายเขาบังคับไว้ว่า
การฟ้องคดีและพิจารณาพิพาษาคดีต้องทำโดยเปิดเผย
คำฟ้องนี้ก็มิได้ปกปิด เราทำอะไรเปิดเผยเสมอมา อ่านกันได้
แต่ที่ผมมีมีแค่นี้ ตัวจริงต้องขอดูอีกที
โดย: ฟฟ คงจะคดีนี้นะครับ [17 ก.ย. 52 20:04] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
   Home สืบค้นเอกสาร WHO วารสารวิชาการสาธารณสุข นวัตกรรม Down Load สมัครสมาชิก กระดานถาม-ตอบ

สมองอักเสบจากเชื้อเริมในเด็ก : รายงานผู้ป่วย 1 ราย
Herpes simplex encephalitis in children : A case report

บทคัดย่อและคำสำคัญ (Abstract and Keyword)
เอกสารลำดับที่ : 948
Full text Online : Download เอกสารฉบับสมบูรณ์
บทคัดย่อไทย :
รายงานผู้ป่วยเด็กหญิงไทยอายุ 1 ปี 2 เดือน มาโรงพยาบาลด้วยอาการไข้สูง ซึมลง และชัก ได้ให้การรักษาแบบผู้ป่วยโรคสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส แต่อาการไม่ดีขึ้น ต่อมามีอาการชักเฉพาะแขนและขาซีกขวาตรวจ CT scan สมอง พบความผิดปกติที่น่าสงสัยภาวะสมองอักเสบจากเริม จึงให้การรักษาโดยใช้ยา Acyclovir แล้วจึงตรวจหาภูมิต้านทานต่อไวรัสเริมจากน้ำไขสันหลังภายหลัง พบว่าให้ผลบวกต่อไวรัสเริมชนิดที่ 1 เป็นสิ่งยืนยันว่าผู้ป่วยเป็นสมองอักเสบจากเริม หลังการรักษาผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น แต่มีพัฒนาการถดถอยและแขนขาซีกขวาอ่อนแรง ตรวจ CT scan ซ้ำในอีก 7 เดือนต่อมา พบเนื้อสมองถูกทำลายบางส่วนจนดูเหมือนมีน้ำในช่องกะโหลกศีรษะเพิ่มขึ้น รายงานนี้ได้ทบทวนแนวทางการวิจัย ดูแล รักษา ผู้ป่วยสมองอักเสบจากเชื้อเริมในปัจจุบันเพื่อให้แพทย์ได้ตระหนักถึงภาวะนี้
คำสำคัญไทย : สมองอักเสบจากเชื้อไวรัส ,ชัก ,สมองอักเสบจากเริม ,Acyclovir ,ไวรัสเริมชนิดที่ 1
English Abstract :

English Keyword: Viral encephalitis ,Herpes simplex encephalitis ,Focal Seizure ,Acyclovir ,HSV-1 infection
https://pubnet.moph.go.th/readabstract.php?abstractid=948&filename1=lp/Vol22No2/LP_Vol22_No2_10.pdf
โดย: อ่านดู [17 ก.ย. 52 20:34] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
   Medicolegal Pitfalls
Failure to consider the possibility of HSE can result in de *** yed diagnosis and treatment, with subsequent increased risks of mortality and morbidity. In a recent single-center study from a high volume academic emergency department, the authors reported that only 29% of patients with a presentation suggestive of viral encephalitis (fever, neuropsychiatric abnormalities, CSF pleocytosis, and a negative CSF Gram stain) received acyclovir in the ED
No pathognomonic clinical findings are associated with HSE.
The diagnosis can be confirmed only by means of PCR or brain biopsy.
In the absence of any other identifiable cause, consider HSE in any febrile patient with encephalopathy and CSF pleocytosis.
Start empiric acyclovir therapy promptly in such patients pending confirmation of the diagnosis.
โดย: aa [17 ก.ย. 52 20:51] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
   ผมมองว่าโรค Encephalitis มีสาเหตุจากเชื้อหลายอย่าง
measles
mumps
poliomyelitis
varicel ***
subacute sclerosing panencephalitis
progressive multifocal leucoencephalopathy
California bunyavirus
Coxsackie virus
cytomegalovirus
Echo virus
herpes zoster
Behcet's syndrome
ไม่ควรคิดถึงสาเหตุเดียว เหมือนเป็นหวัดต้องคิดถึง H1 N1 ครับ
ข้อเท็จจริงต้องดูกันอีกที ต้องรอผล PCR ข้อมูลอื่นเช่น CT พบ Temporal Hemorrhage
โดย: PP [17 ก.ย. 52 20:56] ( IP A:118.175.78.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 31
   ผมว่าก็ต่องสู้ตามข้อมูลต่อไปผิดว่าตามผิด ถ้าหมอประมาทก็ว่าตามนั้น แต่การกรรโชกทรัพย์หมอเป็นอะไรที่เลวมากเลยครับ
โดย: PP [17 ก.ย. 52 21:04] ( IP A:118.175.78.197 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
   สำหรับความเห็นที่ 31 ผมเห็นด้วย
พวกเราขนาดหมอเอาเงินมาให้นี่ยังไม่รับเลย มักจะถามว่าเอามาจากไหน
โดย: ฟฟ [17 ก.ย. 52 21:17] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 33
   ทำงานเครือข่ายฯ บางครั้งก็เสียความรู้สึกกับญาติคนไข้ที่บางครั้ง
หมอขอโทษยอมรับว่าตนเองผิดที่โกหก ปัญหาบานปลายที่เกิดขึ้น
เป็นเพราะตนเองทั้งสิ้น จะตามไปดูแลที่โรงพยาบาลอื่นด้วย ซึ่งเราก็คิดว่าควรให้อภัย และในเมื่อการรักษายังไม่สิ้นสุดก็ควรรักษาให้ดีก่อน เอาสุขภาพและชีวิตก่อน เรื่องการชดเชยเอาไว้ทีหลัง ญาติผู้ป่วยยังไม่พอใจและโกรธเครือข่ายฯ เลย

จะเห็นได้ว่า เครือข่ายฯ ไม่สามารถควบคุมวิธีคิดของทุกกรณีได้ ผู้เสียหายคนเดียว บางทีญาติเป็นสิบ สิบคน สิบความเห็น

เราทำงานถ้าไม่มีจุดยืน เราก็อยู่ไม่ได้
โดย: ความถูกต้องเท่านั้นจะชนะ [17 ก.ย. 52 21:30] ( IP A:58.11.29.146 X: )
ความคิดเห็นที่ 34
   https://pubnet.moph.go.th/readabstract.php?abstractid=948&filename1=lp/Vol22No2/LP_Vol22_No2_10.pdf
แล้วอย่าเอาเอกสารนี้ไปซ่อนหรือทำลายหรือแก้ไขแบบคดีศิริรัตน์ละ
เพราะได้ดาวน์โหลดและเซฟไว้หมดแล้ว ถ้าไม่ตรงกัน คงได้ฟ้องคดีปลอมแปลงเอกสารกันบ้างละ
โดย: ฟฟ [17 ก.ย. 52 22:01] ( IP A:58.8.11.164 X: )
ความคิดเห็นที่ 35
   case report ที่เอามาให้ดูนี่ ต้องการสื่ออะไรเหรอครับ
โดย: 000 [18 ก.ย. 52 6:00] ( IP A:58.8.87.234 X: )
ความคิดเห็นที่ 36
   เอาไว้ให้ดูเป็นอุทธาหรณ์ ว่าต้องระวัง
โดย: ฟฟ [18 ก.ย. 52 9:04] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 37
   case report น่าเชื่อถือกว่า guideline แล้วแฮะ เดี๋ยวนี้
โดย: oi=k9b [18 ก.ย. 52 11:56] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 38
   ไม่ได้ให้เชื่อ แต่ให้ดูไว้ จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
คนไข้คุณไปตามถึงบ้าน บอกตรงๆ ผมเป็นหมอผมก็ต้องมาดูให้
ต้องถือว่าให้เกียรติมาตาม แต่นี่เป็นคนไข้ตัวเองแท้ๆ เหนื่อยก็ต้องทนละครับ อย่าว่าแต่เด็กมันกำลังแย่
ผมทำงานอยู่คลินิก มีคนในซอยมาตาม ตั้งแต่ปวดท้อง ทำแผลหลังผ่าตัด ขาติดในลิฟท์ คลอดในอพาร์เม้นท์ ยังต้องไปดูให้เลย ตังค์ก็ไม่ได้ แต่ขืนไม่ไปชาวบ้านมันด่าแม่ทั้งซอยแน่ ว่าไอ้ หมอ ห่ ไม่ยอมช่วยชาวบ้าน
ปัญหารักษาเก่ง รักษาถูกหรือไม่นั้นก็อีกปัญหา แต่เฉพาะหน้า ถ้าคุณไม่มาเวลาเขามาตาม ก็ไม่ต้องอธิบายแล้ว
โดย: เป็นนศพ ห้ามกินข้าวร้อน นอนตื่นสาย [18 ก.ย. 52 13:57] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 39
   เอาไว้เผื่อคุณไทยด็อกสแกนดอลไว้เผื่อสนใจจะนำไปศึกษา
รวมถึงหากมีการฟ้องคนไข้แล้วคนไข้ทำเลวศาลสั่งติดคุกจะได้เป็นกรณีศึกษาเช่นกัน
โดย: แบ่งๆกันดู [18 ก.ย. 52 14:04] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 40
   แหม๋ ทีจะฟ้องคนไข้กลับ ทั้งตำรวจ หมอ อัยการ ทำงานกันเป็นทีม
ช่วยกันเป็นปี่เป็นขุ่ย ทีเราไปถามฟ้องหมอบ้าง ตำรวจทำงานอย่างกะ
ตัวพยาธิ ...ไม่บอกว่าตำรวจโรงพักไหน

ทำงานกันดีจริง ชมเชย ตำรวจ ทนาย ไทยวันนี้
โดย: จีเอ็น [18 ก.ย. 52 15:04] ( IP A:118.172.57.105 X: )
ความคิดเห็นที่ 41
   น่าเป็นห่วง เพราะโดยทั่วไป การนึกถึงเชื้อที่ติดในสมองว่าเป็น herpes และจะให้ acyclovir ไม่ได้เป็นเชื้อที่คิดถึงโดยทั่วไป ไม่ได้เจอบ่อยๆ จึงไม่มีระบุในแนวทางปฏิบัติว่าจะต้องตรวจ หรือจะต้องให้

ที่ #26 เขียนไว้ว่าหลักวิชาแพทย์ต้องนึกถึง herpes ต้องให้ acyclovir ตรวจไม่เจอก็ต้องให้ไปก่อน ฯลฯ นั้น ไม่น่าจะใช่หลักวิชาแพทย์จริง ถ้าเป็นจริง อยากได้แหล่งข้อมูลยืนยัน ที่ไม่ใช่ case report
โดย: 000 [18 ก.ย. 52 17:37] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 42
   cambridge textbook of accident & emergency medicine
HSV encephalitis is one of the commonest form of sporadic encephalitis.

the disease carries a 50-60% of mortality if untreated

specific treatment with acyclovir has greatly improved the outlook in HSV encephalitis.

the efficacy of the drug is greater if given early after the onset of encephalitis

thus, successful treatment depends on enhanced clinical awareness of the condition, and rapid administration of acyclovir in patient with suspected HSV encephalitis

ถามว่าพวกหมอเมืองไทยเคยรักษาผิดพลาดกันไหม
และความผิดพลาดนั้นถือว่าเป็นความผิดไหม ต้องรับผิดไหม
หรือตลอดชีวิตไม่เคยผิดเลย แม่งเก่งจริงๆ
เมืองนอกที่ว่าเป็นพ่อแม่ที่สอนเมืองไทยมาอย่างสหรัฐ และหมอไทยกระเสือกกระสนจะไปเรียนต่อ มันยังผิดกันประจำ
โดย: ฟฟ [18 ก.ย. 52 18:15] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 43
   textbook
Emergency medicine
American College of Emergency Physicians
Sixthedition
HSV encephalitis is rare but is one of the most common types of viral encephalitis

immediate diagnosis is not possible, and if a suspicion of HSV encephalitis exists, empirical treatment should be initiated as soon as possible

treatment sholud be initiated in the ED if the diagnosis is suspected.
โดย: aa [18 ก.ย. 52 18:27] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 44
   ผมจะแนะนำให้นะ
ผมว่าพวกหมอที่ยังรักษาคนไข้อย่างหมอเด็ก หมออายุรกรรม หมอศัลยกรรม ต้องหัดท่องตำราเวชศาสตร์ฉุกเฉินดีดีได้สักเล่ม
เอาให้ขึ้นใจเลย ไม่ยากหรอก เพราะอย่างน้อยผมว่า คนไข้ก็น่าจะตายน้อยลง
โดย: ฟฟ [18 ก.ย. 52 18:31] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 45
   มีตำรา textbook of pediatric emergency ผมให้ทนายความเอาไปอ้างในศาลคดี เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากวัณโรค พอดีไม่อยู่ที่บ้าน ไม่งั้นจะเอามาให้อ่าน
เล่มนี้เขียนชัดเลย ว่าให้ให้ไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน
เป็นหมอต้องหัดซื้อตำราใหม่ๆอ่านเสมอ และควรทิ้งไว้บนโต๊ะ อ่านวันละนิดวันละหน่อยก็ยังดี สิ้น 1-2 ปีก็คงจะจบเล่มโตๆดีดีสักเล่ม
โดย: ฟฟ [18 ก.ย. 52 18:58] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 46
   ถ้าเป็นหมอเด็ก การรักษา meningitis หรือ encephalitis ยังวินิจฉัยไม่ได้ ยังรักษาไม่ได้ ไม่แม่นจนขึ้นใจ ก็คงจะแก้ตัวลำบาก
เพราะสองโรคนี้ ผมเป็นนักเรียนแพทย์ เขาก็ว่าต้องรู้ จนทะลุปรุโปร่ง
โดย: ฟฟ [18 ก.ย. 52 19:00] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 47
   มีอะไรก็ไปคุยกันในศาลเดือนหน้า อย่างน้อยดิฉันก็ยังได้สู้เท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำเพื่อลูกตัวน้อยๆ ของแม่ได้
ดิฉันไม่เคยข่มขู่หมอ หรืออะไรต่างๆที่หมออ้าง แค่เวลาจะนอนยังไม่มีเลยต้องให้นมน้องทางสายยาง ทุก 3 ชม. วันไหนเค้าไม่สบาย อาเจียน มีไข้ ฯลฯ ก็คิดดูว่าเหนื่อยแค่ไหน ที่ฟ้องไม่ได้อยากรวยทางลัดอย่างที่โดนกล่าวหา แค่อยากขอความเป็นธรรม เพราะลูกของดิฉันไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด ลองคิดกลับกันบ้าง ถ้าเกิดเรื่องอย่างนี้กับลูกของหมอบ้าง หมอจะฟ้องรึเปล่า ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหรอก ลูกใครใครเค้าก็รัก เงินอาจซื้อทุกอย่างได้ก็จริง แต่จะมีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้ลูกของแม่เป็นปกติได้ ขอบคุณที่ยังมีหน่วยงานดีๆ ที่คอยให้คำปรึกษาดิฉันตลอดมา ขอบคุณพี่อุ้ย และคุณหมอเทพ มากคะ
โดย: takxyzxyz.bank bank@yahoo.com [18 ก.ย. 52 20:10] ( IP A:118.172.211.83 X: )
ความคิดเห็นที่ 48
   เอาล่ะสิ หมอ ตำรวจ อัยการ
จริงหรือเปล่าเรื่องนี้
เจ้าตัวเขาเป็นแม่ พอเกิดเรื่องเกิดราวครอบครัวถึงกับแตกแยก
โดนสามีทิ้งให้เลี้ยงลูกพิการเพียงลำพัง แล้วยังมาหาเรื่องเขาอีก
ไม่สงสารเขาบ้างหรือ ชีวิตเขาจะอยู่อย่างไร

อย่าหาเรื่องคนไข้อีกเลย

คนพวกนี้ใจดำจริง ๆ
โดย: เมตตาธรรมค้ำจุนลูก [18 ก.ย. 52 20:51] ( IP A:58.9.185.202 X: )
ความคิดเห็นที่ 49
   คดีนี้จะเอา case report มาเปรียบเทียบไม่ได้นะครับ ต้องดูว่า guide line หลักรักษาเช่นไรในเมื่อแพทย์ รพ.พุทธชินราช และแพทย์รพ.รัตนเวชยังไม่ได้ให้ยา acyclovir ตั่งแต่วันแรก และเขาก็เจาะหลังเช่นกัน ราชวิทยาลัยกุมารทราบ case นี้ดีและส่งทนายความกับปรึกษาอัยการกลางแล้วครับ
โดย: แพทย์ [19 ก.ย. 52] ( IP A:118.172.210.140 X: )
ความคิดเห็นที่ 50
   HSV encephalitis is rare but is one of the most common types of viral encephalitis

immediate diagnosis is not possible, and if a suspicion of HSV encephalitis exists, empirical treatment should be initiated as soon as possible
ในการแปลความหมาย should be initiated มีการตีความแล้วว่าควรจะแต่ไม่ใช่การบังคับให้ต้องทำ ถ้าไม่ทำก็ได้ครับ
โดย: แพทย์ [19 ก.ย. 52] ( IP A:118.172.210.140 X: )
ความคิดเห็นที่ 51
   เมื่อไหร่ พรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ จะคลอดเสียที สงสารผู้เสียหาย
แต่ละรายไม่มีใครดูแลเขาเลย กระทรวงสาธารณสุขจัดงานเลี้ยงส่ง
หมอเปรตเอาเงินมาให้ผู้เสียหายยังจะได้บุญกว่า

การตีความเรื่องการแพทย์ก็เช่นกัน น้อยคนนักที่จะตีความที่เป็นคุณกับผู้เสียหาย เอาล่ะเรื่องวิชาการก็เถียงกันไป

ถามสักคำ ชีวิตที่เหลือของผู้เสียหาย ใครจะช่วยเหลือดูแลเขา
โดย: ใครจะดูแลพวกเรา [19 ก.ย. 52] ( IP A:58.9.201.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 52
   เรียนความเห็นที่ 50
ถ้าคุณไม่ใช่คนที่อ่านหนังสือแล้วแปลภาษาอังกฤษไม่เข้าใจ คุณก็บิดเบือนได้แย่มาก คำว่า should be ถ้าไม่ทำก็แปลว่าผิดแล้ว
แต่ถ้าคุณอ่านภาษาไม่แตกฉาน คุณก็ต้องหัดใหม่ว่าคำว่า should be แปลว่า must
ดูอันนี้ก็ได้ https://www.aafp.org/afp/20050515/practice.html
Initial Management Steps

When a patient presents with suspected acute bacterial meningitis, the physician should begin antimicrobial therapy as soon as possible . Bacterial meningitis is a neurologic emergency; progression to more severe disease reduces the patient's likelihood of a full recovery.
เรื่องพวกนี้ ไม่ได้กลัวว่าพวกราชวิทยาลัยสารพัดจะรู้แล้วไปแก้ต่าง เอาให้อ่านก่อนแล้วไปแก้ตัวยังไม่สนเลย เพราะที่เจอๆมาเบิกความแต่ละที รับไม่ได้เลย ขนาดคนไข้ตามไปด่าถึงที่วิ่งหนีกันขี้แตกยังไม่เข็ด วันหนึ่งคงได้มีการยิงหมอแถวๆกระทรวงและแถวๆซอยศูนย์วิจัยตายคาห้องประชุม ไม่นานเกินรอหรอก ถ้าเขาทนไม่ไหว และทางเครือข่ายห้ามไม่อยู่ คงได้เห็นกัน
โดย: เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก [19 ก.ย. 52 1:23] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 53
   สำหรับ 49 อันนี้ไกด์ไลน์นะครับ
https://www.aafp.org/afp/20050515/practice.html
Initial Management Steps

When a patient presents with suspected acute bacterial meningitis, the physician should begin antimicrobial therapy as soon as possible . Bacterial meningitis is a neurologic emergency; progression to more severe disease reduces the patient's likelihood of a full recovery.
โดย: เบื่อจริงๆ [19 ก.ย. 52 1:26] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 54
   The Infectious Diseases Society of America (IDSA)
โดย: คงจะไม่ห่วยกว่าราชวิทยาลัย [19 ก.ย. 52 1:27] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 55
   ศรีธนญชัย มีอยู่ทุกวงการ
ชาวบ้านเขารับไม่ได้และเจ็บใจมากคือ
ดำกลายเป็นขาว ที่แพทยสภาถนัดทำ
ทำจนเป็นนิสัย จากนิสัยกลายเป็นสันดาน
โดย: สันดอนขุดได้ สันดานขุดไม่ได้ [19 ก.ย. 52 1:28] ( IP A:58.9.201.5 X: )
ความคิดเห็นที่ 56
   ผมให้เถียงถึง 100 ความเห็น
ขนมาได้ทั้งหมดเท่าที่มี
แพ้เอาขี้หมากองเดียว
โดย: ฟฟ [19 ก.ย. 52 1:31] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 57
   ราชวิทยาลัยกุมาร ระวังกุมารทองที่ตายๆไปโดยไม่มีมูลนะครับ
ตั้งแต่น้องบู่บู๊ น้องทีกระบี่ น้องไส้ติ่งศิริราช น้องไข้เลือดออกที่เมืองนนท์ ฯลฯ รวมถึงกุมารเดี๊ยงสมองเสียหายที่ปากพนังและเมืองเลย
เว้นแต่ว่าราชวิทยาลัยกุมาร ไม่รวมบรรดากุมารทองก็แล้วไป
โดย: กุมารทอง ร้องหาความเป็นธรรม [19 ก.ย. 52 1:42] ( IP A:58.8.11.160 X: )
ความคิดเห็นที่ 58
   ประเทศไทยไม่ใช่ สหรัฐอเมริกา ครับแต่ละประเทศมีเอกภาพของตัวเองครับคุณ
โดย: แพทย์ [19 ก.ย. 52 13:20] ( IP A:118.172.215.179 X: )
ความคิดเห็นที่ 59
   แล้วคุณไมเห็นรายงาน encephalitis จากการให้ Acyclovir หรือครับ มี report เช่นกัน
โดย: แพทย์ [19 ก.ย. 52 13:22] ( IP A:118.172.215.179 X: )
ความคิดเห็นที่ 60
   อันนี้เอาบทเรียนมาจากอาจารย์สอนภาษาอังกฤษของมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา

อาจารย์ขอตอบสั้นๆก่อนนะจ๊ะว่า
had better กับ should be แปลว่า "ควรจะ" เหมือนกัน
และเป็น Modal เหมือนกัน เพราะฉะนั้นต้องตามด้วย Vw ทั้งคู่นะจ๊ะ
แต่ใช้ต่างสถานการณ์กัน คือ
should ใช้กับการแนะนำทั่วๆไป ไม่ได้เร่งด่วนอะไร
แต่ had better ('d better) ใช้กับการแนะนำที่เร่งด่วน
เช่น You should go. = คุณควรจะไปนะ (ไม่ได้รีบหรือเร่งด่วนอะไร) แต่ถ้า
You'd better go. = คุณควรไปได้แล้วนะ (ถ้าไม่รีบเดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก)

ซึ่งมีคดีทางการก่อสร้างรับเหมาที่การก่อสร้างเกิดปัญหาอุบัติเหตุขึ้น
มีการอ้างอิง text เขียนว่า should be ซึ่งศาลตัดสินแล้วว่า should be ไม่ได้แปลว่าต้องทำถ้าไม่ทำผิด เป็นเพียงการเสนอแนะครับ
โดย: แพทย์ [19 ก.ย. 52 13:49] ( IP A:118.172.215.179 X: )
ความคิดเห็นที่ 61
   อเมริกา บางรัฐทำแท้งไม่ผิดกฏหมาย บางรัฐผิดกฏหมาย จะเอากฏประเทศหนึ่งมาใช้เป็นบันทัดฐานอีกประเทศหนึ่งไม่ได้ครับ
โดย: 123 [19 ก.ย. 52 13:55] ( IP A:118.172.215.179 X: )
ความคิดเห็นที่ 62
   คดีนี้คล้ายๆคดี รพ.ปากพนัง ซึ่งแพทย์ตรวจรักษาอยู่แล้วมารดาเด็กไม่สมัครใจรักษาขอย้ายที่รักษาทั้งที่การรักษายังอยู่ในขั้น investigation ซึ่งมีบันทึกข้อความของ รพ.เอกชนที่ผู้ป่วยไปบันทึกไว้ พร้อม จดหมายส่งต่อผู้ป่วยที่ผู้ป่วยนำมาด้วยโดยเซนไม่สมัครใจรักษาต่อ จนอาการไม่ดี จึงถูกส่งต่อไปอีกที่ เสียเวลาระหว่างนั้นโดยใช่เหตุเอง
โดย: 123 [19 ก.ย. 52 14:04] ( IP A:118.172.215.179 X: )
ความคิดเห็นที่ 63
   คดีอาญา ท่านต้องพิสูจน์จนปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทำผิดจริง
คือ 100 ต่อ 0 ศาลจึงจะลงโทษจำเลยได้

ในคดีแพ่ง
100 ต่อ 0 คือท่านต้อง, must
50 ต่อ 50 ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ ไม่ทำท่านไม่ผิด ทำท่านก็ไม่ได้ถูก
ถ้า 51 ต่อ 49 คุณควรจะทำ should ถ้าคุณไม่ทำคุณก็ผิดแล้ว
คดีแพ่งพิสูจน์แค่ว่าน่าจะ ควรจะ ก็ ซตพ
แต่เรื่องพวกนี้ศาลท่านจะตัดสินอีกทีว่าควรเป็นอย่างไร เราสองฝ่ายก็ทะเลาะกันได้
แต่กรรมเวรจะตกแก่ผู้ทำผิดแล้วไม่รับผิดเสมอ ซึ่งต้องรวมผมด้วยหากผมฟ้องเขาด้วยความคิดที่อคติไม่มีมูล
โดย: พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ [19 ก.ย. 52 16:36] ( IP A:58.8.11.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 64
   บอกตรงๆ ศาลท่านนั่งพิพากษามานาน ท่านเพียงมองแค่กิริยาท่าทางพยานที่เบิกความท่านก็รู้แล้ว ว่าใครผิด เพียงแต่หลักฐานจะพอฟังได้หรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนเอกสารที่หมอบันทึกนั้น บันทึกอย่างไรก็ได้ ข้อเท็จจริงก็ต้องฟังอีกฝ่าย แล้วชั่งน้ำหนักว่าใครน่าเชื่อถือกว่ากัน ระหว่างบันทึกเวชระเบียนกับคำเบิกความ
โดย: ฟฟ [19 ก.ย. 52 16:41] ( IP A:58.8.11.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 65
   แต่ปกติคดี 2 แง่ 2 ง่าม ศาลจะยกประโยชน์ให้จำเลยหรือเปล่า

เหมือนคดียาเสพติด ไม่ชัดเจนยกฟ้อง
โดย: a1 [19 ก.ย. 52 16:57] ( IP A:118.172.213.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 66
   หลักคดีอาญา
เนื่องจากการลงโทษนั้น มีตั้งแต่
ประหารชีวิต
จำคุก
ปรับ
กักขัง
ริบทรัพย์สิน
การลงโทษจึงต้องเชื่อได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าผิดจริงจึงลงโทษ
ศาลยินดีปล่อยคนผิด 100 คน ไม่ยอมลงโทษคนดีแม้แต่คนเดียว
แต่คดีแพ่งเป็นการใช้หนี้กันเรื่องเงินทอง จึงเอาแค่ 51ต่อ 49 ก็ตัดสินให้ชนะแพ้ได้
โดย: ฟฟ [19 ก.ย. 52 18:04] ( IP A:58.8.11.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 67
   Thank
โดย: ทนาย [19 ก.ย. 52 21:39] ( IP A:118.172.213.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 68
   คดีนี้จะฟ้องกลับหรือไม่อยู่ที่ตัวคุณหมอครับ ขอบคุณกับเรื่องคดีแพ่ง และอาญาที่ชี้แจง แต่ตามหลักอาจเป็นอีกอย่างหรือตัวบริบทของกฏหมายต้องว่ากันอีกที แต่อาจไม่เป็นแบบที่ชี้แจง 51 ต่อ 49 หรือตามนั้นได้ครับ
โดย: ทนาย [19 ก.ย. 52 21:45] ( IP A:118.172.213.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 69
   ตอนแรกหมอบอกว่า should be แปลว่า must ตอนนี้บอกว่า should แปลว่า 51 ลิ้นหมอกี่แฉกกันแนะ

งั้นผมบอกเองว่า should be แปลว่า แล้วแต่ justment ของแพทย์ที่ทำการรักษาในขณะนั้นว่าจะให้หรือไม่ก็แล้วแต่สถานการณ์
โดย: ลิ้นสองแฉกนะหมอ [19 ก.ย. 52 21:51] ( IP A:125.26.112.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 70
   งงกับการแปลนะครับตอนแรก ตอนแรกคุณเมตตาธรรมค้ำจุนโลกความเห็นที่ 52 แปลความว่า should be = must แต่จากผู้ทรงคุณวุฒิบอกว่าไม่ใช่เช่นนั้น

การพิจารณาคดีไทยบอกว่ามาตรฐานอเมริกา ควรทำเช่นนี้ แต่ตุลาการศาลไทยจะยึดหลักตามนั้นไหมในเมื่อระบบสาธารณสุขราชอาณาจักรไทย ซึ่งไม่เคยเป็นเมืองขึ้นแก่ผู้ได เรามีชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เคารพยิ่งของเราเอง เราไม่จำเป็นต้องตามจมูกใคร ในเมื่อการรักษานี้ยังไม่ได้เป็นข้อบังคับในหมู่ผู้รักษาของเรา ชาติไทยมิใช่อเมริกา ไม่ใช่คดีการค้าระหว่างประเทศที่มีข้อตกลงสากล
โดย: 112233 [19 ก.ย. 52 22:10] ( IP A:118.172.213.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 71
   ความเห็น 69
สองแฉกนี่ยังดีนะ ที่แพทยสภาเขา 10 แฉก
โรคอะไรไม่รู้จัก สุดแท้แต่แพทยสภาท่านจะจัดให้
โดย: แพทยสภาลิ้น10แฉก [19 ก.ย. 52 22:54] ( IP A:58.9.193.229 X: )
ความคิดเห็นที่ 72
   ผมว่าคำแปลตามตัวอักษรนั้น บอกตรงๆใครก็แปลได้
คำว่า should be นั้นแปลว่าควรต้องทำ แต่ไม่ใช่แปลว่าต้องทำ
แต่ในการทำงาน ถ้าเขาสั่งว่า should be แปลว่าคุณต้องทำแล้ว(must) ไม่งั้นมีเรื่องคุณมีปัญหาแน่
ผมก็อุตส่าห์ยกตัวอย่างไกด์ไลน์(ที่คุณยอมรับ)การรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ที่ทุกคนยอมรับว่าหากวินิจฉัยว่า เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบต้องให้ยาปฏิชีวนะ อันนี้ทุกคนไม่เถียง แล้วผมก็ไปเอาภาษาอังกฤษมาให้ดู ว่าเขาก็ใช้คำว่า should be ไม่ได้ใช้คำว่า must
ผมนะลิ้นสองแฉก และบิดเบี้ยวไม่ได้ เพราะขนาดพยายามตรงไปตรงมา ยังลำบากเลย ขืนทำตัวเหลวไหล โกหกพกลมเบี้ยวไปเบี้ยวมาแบบพวกทรราชมหาประลัย ป่านนี้ เป็นหมาแล้ว ไม่ใช่หมอ ไม่ต้องไปเหยียบศาลหรอก เปื้อนพื้นศาลเขาเปล่าๆ
โดย: เป็นคนก็ต้องแฟร์ ไม่ใช่หมา [20 ก.ย. 52] ( IP A:58.8.11.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 73
   แล้วมันเป็นข้อบังคับของสาธารณสุขไทย หรือยัง
โดย: 11 [20 ก.ย. 52] ( IP A:118.172.213.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 74
   ผมปกติก็ไม่ใช่ขี้ข้าฝรั่ง
แต่เมืองไทยเคยห้ามใช้เต้านมเทียม เพียงแค่สหรัฐบอกขอรอสอบสวนก่อน (อังกฤษและออสเตรเลียบอกใช้ได้ข้อมูลไอ้กันไม่ชัด)
เมืองไทยเคยห้ามใช้ยาพีพีเอ ผมไปฟ้อง อย. ก็มีคนด่าผม ก็ไม่ว่ากัน (ก็ฝรั่งมันว่าไม่ค่อยดี ขอให้สมัครใจเลิก พี่ไทยสั่งเลิกถาวร สมัครใจไม่สมัครใจ มึ ง ก็ต้องเลิก แพทยสภาก็เห็นว่าให้ใช้ได้)
ผมก็เถียงไอ้กันมาหลายเรื่อง เชื่อก็หลายเรื่อง(เรื่องหมอโฆษณาได้นี่เชื่อไอ้กัน แต่แพทยสภาไม่เชื่อ สู้คดีผมแพ้ แต่ 2549 คุณแก้กฎหมายยอมให้โฆษณา)
ผมเถียงไอ้กัน คุณก็อ้างไอ้กันมาชนะคดีผม
พอผมอ้างไอ้กัน คุณก็เถียงไอ้กัน พยายามมาชนะคดีผมอีก แล้วก็ว่าไอ้กันไม่ใช่พ่อ
พวกคุณนะไม่ใช่แค่ลิ้นสองแฉก มันตวัดถึงใบหูได้ล่วย
โดย: ห่ เอ้ย [20 ก.ย. 52] ( IP A:58.8.11.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 75
   อ้อ อีกหน่อย ผมไม่เคยอ้างมาตรฐานอเมริกา เพียงแต่อ้างตำราแพทย์ที่มาจากสหรัฐ และหมอสหรัฐเขียน เพียงแต่อ้างเหตุผลข้างใน ซึ่งใช้ได้ทั่วโลก อะไรที่เกินเลยและมีแต่ในสหรัฐนี่ไม่เคยอ้าง
มีแต่พวกโรงพยาบาลเอกชนชอบลงโฆษณาว่ามาตรฐานสูง เครื่องมือเจ๋ง ซีที 64 สไลด์ ผ่าตัดใช้กล้อง อุดเส้นเลือดในสมองด้วยขดลวด รักษาเส้นเลือดหัวใจตีบด้วยการใส่สเต้นท์ ผ่าตัดกล้องรูเท่าเข็ม
มีปัญหาขึ้นศาล ก็รับผิดชอบเอาเอง
โดย: มะว่ากัน [20 ก.ย. 52] ( IP A:58.8.11.110 X: )
ความคิดเห็นที่ 76
   คห 71 นี่เหตุผลสู้ไม่ได้ ก็เขียนแต่ประโยคเดิมซ้ำๆ ทุกกระทู้ไม่เบื่อรึไง
สีข้างนะ แถเข้าไป คงได้หรอกนะ
โดย: คอมเม้นไม่สร้างสรรค์เลย [20 ก.ย. 52 8:06] ( IP A:125.26.106.109 X: )
ความคิดเห็นที่ 77
   ไม่เบื่อหรอก เพราะแพทยสภาไม่เปลี่ยน
ไอ้คนที่เอาสีข้างเข้าถูน่ะไม่ใช่เครือข่ายฯ
แพทยสภาต่างหากที่ทั้งถูกทั้งแถ

เถียงกับผู้ใหญ่ที่ไม่มีเหตุผล บางทีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้
ต้องด่ามันอย่างเดียว พวกหน้าด้าน
โดย: ไม่เบื่อ [20 ก.ย. 52 15:11] ( IP A:58.9.188.56 X: )
ความคิดเห็นที่ 78
   อยากจะฟ้องกลับ มันก็เป็นสิทธิของหมอ แต่ไม่นึกเห็นใจเค้าบ้างรึไง
ไหนหมอบอกว่าเค้าจน แล้วจะมาเรฟ้องเพื่อเรียกร้องอะไร ทำไมไม่นึกถึงสัจธรรมบ้าง แล้วลูกที่พิการ ใครจะดูแล....
โดย: น่าเห็นใจ [20 ก.ย. 52 19:45] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 79
   ถ้าหมอคิดว่าหมอไม่ผิด หมอก็ไม่น่าจะเป็นเดือดเป็นร้อนเลยนี่ แถวบ้านเรียก กินปูนร้อนท้อง
โดย: น่าเห็นใจ [20 ก.ย. 52 19:48] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 80
   ไม่ต้องไปถานคนโน้นคนนี้หรอก ไม่ต้องมาอ้างหลักวิชาการ เรื่องแบบนี้มันอยู่ที่ศาลว่าท่านจะพิจารณาคดีให้ใครแพ้หรือชนะ
โดย: น่าเห็นใจ [20 ก.ย. 52 19:50] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 81
   ชาติที่แล้วหมอคงทำกรรมไว้มาก ทำบุญเยอะๆ อาจจะช่วยหมอให้พ้นวิบากกรรมนี้ได้
โดย: 1144 [20 ก.ย. 52 19:54] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 82
   ถ้าสิ่งที่หมอบอกไว้เป็นเรื่องที่หมอไม่ได้ทำจริงๆ ก็น่าเห็นใจหมอนะ
แต่ถ้ามันไม่เป็นความจริง คือหมอไม่ใส่ใจดูเด็กที่กล่าวถึง หมอก็ไม่น่าที่จะเกิมาเป็นหมอ เพราะอาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ
โดย: 1144 [20 ก.ย. 52 19:59] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 83
   ผมทึ่งในความรักที่แม่เค้ามี่ให้กับลูกนะ ขอเป็นกำลังให้ .. สู้สู้
โดย: zzz [20 ก.ย. 52 20:03] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 84
   หมอบอกว่าบ้านเค้าจน แล้วเค้าจะเอาอะไรมาข่มขู่หมอ
บอกมีการบันทึกเสียงด้วย หมอนี่ตามกระแสคริปเสียงนายกรัฐมนตรีเลยนะ
โดย: ไม่ตกเทรนส์ [20 ก.ย. 52 20:07] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 85
   ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ...ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ทำตัวแบบชิวชิว...
โดย: 1144 [20 ก.ย. 52 20:09] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 86
   ไม่ว่าจะรวยหรือจน สุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นความตาย ควรที่จะอยู่บนโลกใบนี้ให้คุมค่า ทำความดี อยู่อย่างพอเพียง อะไรที่พอจะช่วยแม่น้องเค้าได้ก็น่าจะช่วยนะ เลี้ยงเด็กที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้นี่มันเหนื่อยนะ เค้าต้องโตทุกวัน ต้องช่วยเหลือเค้าทุกอย่าง ไหนจะต้องระวังไม่ให้มีแผลกดทับอีกฯลฯ อื่ม.......คิดแล้วก็น่าเห็นใจ
โดย: น่าเห็นใจ [20 ก.ย. 52 20:17] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 87
   เออ...อยากถามว่าตอนนี้ ณ ปัจจุบันนี้มีหน่วยงานไหนของรัฐ ของจังหวัดตากที่คอยช่วยเหลือเยียวยาเค้าบ้าง ถ้าตอบว่าไม่มี ก็เเย่มากหรือจะให้อยู่อย่างตามมีตามเกิด.. (ก็ไม่ใช่คนในครอบครัวหรอ..เลยไม่สนใจ) แล้วไม่กลัวสังคมจะประนาม อีกอย่างบาปก็จะติดตัวคุณไปตลอดไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า
โดย: น่าเห็นใจ [20 ก.ย. 52 20:24] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 88
    ขอความกรุณาให้หมอช่วยอ่านจรรยาบรรณของแพทย์หน่อยนะ ถือซะว่าเป็นการทบทวนความรู้เดิม เผื่อหมอจะได้เห็นแสงสว่าง จะได้รู้จักเห็นใจผู้อื่นบ้างidea 1.เน้นประโยชน์ผู้ป่วยสูงสุด (beneficence)
2.สิ่งที่จะทำต้องเน้นไม่ให้ผู้ป่วยได้รับอันตรายใดๆ เพิ่มขึ้น (Non-maleficence)
3.ผู้ป่วยมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะรู้สาเหตุและอาการป่วยของตัวเองและเลือกวิธีรักษาตามความเหมาะสม (Autonomy)
4.การรักษาต้องอาศัยความบริสุทธิ์ยุติธรรมไปตามสมุฏฐานโรคของผู้ป่วยแต่ละคนอย่างแท้จริง (Justice)
5.ทั้งผู้รักษาหรือผู้ดูแลพยาบาลและคนไข้ต่างมีเกียรติและสมควรได้รับการปฏิบัติต่อกันอย่างมีเกียรติ (dignity)
6.แพทย์และพยาบาลต้องไม่ปิดอาการป่วยต่อผู้ป่วย และควรให้ผู้ป่วยรับรู้ความหนักเบาของอาการป่วยตามความจริง แต่ทั้งนี้ ต้องดูความเหมาะสมอย่างอื่นประกอบ เช่น สภาพจิตผู้ป่วยด้วย (Truthfulness and Honesty)
โดย: 555 [20 ก.ย. 52 20:31] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 89
   ผลจะออกมาแพ้หรือชนะสังคมก็เห็นใจ แม่น้องก็ต้องดูแลน้องต่อไป
แต่สำหรับหมอถ้าหมอชนะ หมอและพวกอาจจะได้ความสะใจ แต่ถ้าหมอแพ้หมอคงไม่ได้รับความเห็นใจแน่นอน 100 เอาบาทเดียว
โดย: 1144 [20 ก.ย. 52 20:37] ( IP A:118.172.208.72 X: )
ความคิดเห็นที่ 90
   คดีนี้ต้องรอศาลท่านพิจารณาครับ คงต้องเทียบเคียงกับคดี ปากพนัง และเลย ด้วยครับ
ถูผิดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนความเห็นใจก็เป็นอีกเรื่องครับ เมื่อฟ้องร้องเป็นทางการก็ต้องว่ากันเป็นทางการ ส่วนหลังจากนั้นจะช่วยเหลืออย่าไรเราคงไม่ใจไม้ไส้ระกำหรอกครับ

ส่วนเลือดสีเดียวกันก็ไม่ควรทำร้ายกันเองนะครับ คนในองค์กรเดียวกันนะครับ ความเห็น 81 - 89
โดย: 1234 [20 ก.ย. 52 22:42] ( IP A:118.172.208.82 X: )
ความคิดเห็นที่ 91
   การข่มขู่มีหลายวิธี ไม่เกี่ยวกะรวยหรือจน
โดย: อัดเสียงทาง tel ง่ายนิดเดียวผมก็เคยทำ [20 ก.ย. 52 23:36] ( IP A:125.26.112.109 X: )
ความคิดเห็นที่ 92
   การข่มขู่ มีหลายแบบ

1. ทะเลาะกันแล้วข่มขู่เพราะโกรธบันดาลโทสะ กล่าวคำอาฆาต

2. ตั้งใจข่มขู่ฝ่ายเดียว ขู่จนอีกฝ่ายกลัวจนตัวสั่น

3. คู่กรณีทำให้เจ็บใจ ผิดแล้วไม่ยอมรับผิดไม่พอยังท้าทาย
อีกฝ่ายจึงข่มขู่ อีกฝ่ายจึงอัดเทป เพราะเตรียมการเอาไว้แล้ว
แถมมีพรรคพวกคอยเชียร์

คุณเป็นแบบไหนล่ะ เจ้าของกระทู้
โดย: อันนี้ก็ไม่เกี่ยวกับรวยจนอีกเหมือนกัน [21 ก.ย. 52] ( IP A:58.11.28.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 93
   ความเห็น 78-90 คนเดียวกันหรือเปล่า
เห็น IP เดียวกัน
โดย: ถามเฉย ๆ [21 ก.ย. 52] ( IP A:58.11.28.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 94
   เอาเป็นว่าอยู่กลุ่มเดียวกัน
โดย: //กลุ่มเดียวกัน [21 ก.ย. 52 8:32] ( IP A:118.175.146.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 95
   แต่ทุกวงการ หรือทุกองค์กร ก็มีทั้งคนดีและคนเลว
แต่คิดว่า คนเลวน่าจะมากกว่า เพราะมันมีพวกเยอะ
ก็ได้แต่สงสารคนดี หรือชาวบ้านที่ไม่มีทางสู้
โดย: 1144 [21 ก.ย. 52 8:37] ( IP A:118.175.146.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 96
   อยากทราบว่าแม่น้องเค้าข่มขู่อะไรหมอ คิดเองเออเองรึเปล่า
แล้วรวมหัวกันกลั่นแกล้งเค้า เวรกรรมมีจริงนะ ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า
โดย: 1144 [21 ก.ย. 52 8:43] ( IP A:118.175.146.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 97
   ที่แน่ๆ ไม่ต้องเชื่อใคร รอศาลท่านตัดสิน เรื่องก็จบ
อย่าคิดมาก ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก
โดย: 1144 [21 ก.ย. 52 8:46] ( IP A:118.175.146.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 98
   1144 อ่านหรือเปล่า เค้าบอกว่า มีการโทรมาข่มขู่ด้วย ซึ่งผมร่วมกับตำรวจและทนายแอบบันทึกข้อความการสนทนาไว้หมดทุกครั้ง

ฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด มาหาว่าเคาคิดเองเออเอง
ฟ้องหมอ ไม่คิดอะไรจะฟ้องท่าเดียว
พอจะฟ้องกลับเพราะว่าโดนช่มขู่กลับบอกให้เห็นใจ
โดย: ข้างๆคูๆ [21 ก.ย. 52 14:09] ( IP A:202.28.179.4 X: )
ความคิดเห็นที่ 99
   การนำสืบของโจทก์ ที่จะได้ข้อเท็จจริงที่สำคัญต้องมีการหักล้างทางแพทย์ แล้วจะเอาอย่างไร เมื่อแพทย์ส่วนมากจะเข้าข้างกันเอง
โดย: ขอแสดงความเห็นกันหน่อย ส่วนมากจริงๆ [21 ก.ย. 52 16:21] ( IP A:61.7.177.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 100
   เรียน เจ้าของกระทู้

ฟ้องเลย ถ้าคุณมีเงินจ่ายค่าทนาย
แพ้หรือชนะนั้นอีกเรื่อง
โดย: ขอให้โชคดี [22 ก.ย. 52 1:22] ( IP A:58.9.187.208 X: )
ความคิดเห็นที่ 101
   ในอดีตแพทย์เป็นวิชาชีพที่เด็กๆใฝ่ฝันเพราะเป็นอาชีพที่มีเกียรติได้รับความเคารพรักและศรัทธาจากประชาชนเป็นอย่างมาก เด็กนักเรียนระดับแนวหน้าซึ่งมีปัญญาเหนือชั้นกว่าเด็กทั่วไปจึงเลือกที่จะสอบเข้าเรียนในคณะนี้ ด้วยความเข้าใจว่าแพทย์และพยาบาลจะเป็นเทวดาและนางฟ้าที่จะมาโปรดคนไข้ให้หายป่วยด้วยความทุกข์ทรมานจากโรคร้าย แพทย์กลายเป็นผู้มีพระคุณที่คนไข้จะต้องตอบแทนด้วยการหวงแหนและจรรโลงวิชาชีพให้สูงส่งยิ่งขึ้น
แต่ในระยะหลังความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์ผู้เมตตากับคนไข้ที่แสนจะน่าสงสารได้แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ด้วยต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงและห่างเหินกันโดยคำนึงถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง นั้นก็คือความรับผิดในทางแพ่งนั่นเอง ซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคนไข้หรือญาติของคนไข้ฝ่ายหนึ่ง กับแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์อีกฝ่ายหนึ่ง เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดขึ้นและตามมาด้วยการฟ้องร้อง เปรียบเสมือนทั้งสองฝ่ายได้หวนคืนกลับไปเริ่มต้นหาความทุกข์กันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเดิมทีทุกข์แสนสาหัสอยู่แล้ว ฝ่ายหนึ่งต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รัก อีกฝ่ายหนึ่งก็รู้สึกผิดหวังที่ไม่สามารถใช้วิชาชีพที่เล่าเรียนมาอย่างหนักรักษาคนไข้ให้หายเจ็บป่วยได้ ทั้งสองฝ่ายควรได้รับความเห็นใจมากน้อยไม่ต่างกัน เพราะไม่มีฝ่ายใดปรารถนาจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น แม้จะร้องหาความยุติธรรมจนได้มา แต่เกียรติภูมิแห่งวิชาชีพและความสูญเสียที่เป็นกำแพงกั้นก็ไม่สามารถเรียกคืนกลับมา จึงเห็นว่าทั้งสองฝ่ายควรหันหน้าเข้าหากันและตัดความสัมพันธ์เชิงสัญญา(Contractual Re *** tionship)ออกไป คงเหลือไว้แต่ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ให้อภัยแก่กัน
ในทางพระพุทธศาสนาไม่มีเหตุบังเอิญ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรมที่ได้ก่อขึ้น เหตุ-ผล ผล-เหตุ ล้วนสัมพันธ์กันอย่างสิ้นเชิง เหตุเป็นอย่างไรย่อมให้ผลเช่นนั้น ผลเป็นอย่างไรย่อมเกิดจากเหตุอย่างนั้น สิ่งที่ท่านทั้งสองฝ่ายได้ประสบล้วนเกิดจากเหตุที่ท่านได้ก่อไว้ ด้วยปัญญาอย่างเราคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ต้องพระอริยสงฆ์หรืออริยบุคคลที่หลุดพ้นแล้วจะทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี ฉะนั้นจงอย่าสร้างสังขารใหม่ให้เกิดขึ้น และจงดับสังขารเก่าๆให้หมดสิ้นไปเพื่อที่ท่านจะได้หลุดพ้น อย่าหลงไปกับอวิชชาด้วยความไม่รู้อีกเลย
"จิตที่ไม่ถูกครอบงำด้วยการปรุงแต่งของกิเลสย่อมสามารถมองเห็นสรรพสิ่งที่ปรากฎตามความเป็นจริง"
โดย: [b] Justice [/b] [22 ก.ย. 52 10:15] ( IP A:61.7.177.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 102
   การเรียกร้องค่าเสียหายตามสิทธิ์ ไม่น่าจะเป็นการสร้างความไม่ดีต่อหมอ ขณะเดียวกันหากแม้ว่าหมอทำผิดพลาดจริงก็สมควรจะยอมรับและเยียวยาแก้ไข พร้อมทั้งหาทางป้องกัน
ส่วนค่าเสียหายก็ไม่ใช่เงินของหมอ เป็นเงินของคนไข้ลงขันกัน
ทั้งหมดข้างต้นไม่น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ดั้งเดิมเสียหาย แต่น่าจะเป็นการสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจและเห็นใจกันมากขึ้น
แต่การไม่รับผิดชอบจะสร้างความไม่ไว้วางใจ และแสดงถึงความไม่รับผิดชอบ และการที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทั้งๆที่ควรหาทางแก้ไขก็เป็นสิ่งที่ยากจะรับหรือยากจะอธิบายว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น
https://www.b *** ckherbals.com/who_takes_aim_at_reducing_medica.htm
WHO Takes Aim at Reducing Medical Mistakes
World Health Organization *** unches Initiative Aimed at Reducing Medical Mistakes
The Associated Press
Oct. 27, 2004 - Citing statistics that one in 10 hospital patients are victims of preventable medical mistakes, the World Health Organization on Wednesday announced an initiative to create a "culture of safety" in health care.
"Improved health care is perhaps humanity's greatest achievement of the *** st 100 years," WHO Director-General Dr. Lee Jong-wook said. "Improving patient safety in clinics and hospitals is in many cases the best way there is to protect the advances we have made in health care."
The initiative, the World Alliance for Patient Safety, will bring together governments, civil society organizations, scientists and researchers to develop and share strategies for reducing medical mistakes. Among the major partners are the United States, Britain and Australia.
The WHO cited figures from studies that said 10 percent of hospital patients in the world's industrialized countries suffer from medical mistakes, which can lead to serious disability or even death.
In the United States, a study by the federal Institute of Medicine estimated in 1999 that 44,000 to 98,000 hospital deaths annually are caused by "medical errors" c *** iming more lives than car accidents, breast cancer or AIDs.
The medical error rate is suspected to be even higher in the developing world, according to James Palmer, a WHO spokesman. Under-equipped hospitals, second-rate medications, a *** ck of technology and poor hygiene are major factors.
"Human error is inevitable," said Sir Liam Donaldson, chief medical officer of the British Department of Health and chairman of the WHO coalition on patient safety, By raising awareness of the issue, Donaldson said, "We can reduce error, but most importantly, we can reduce its impact."
One-fourth of all medical errors are caused by medication mistakes, he said. The causes can range from sloppy note taking especially doctors' illegible handwriting to different medications that come in deceptively simi *** r packaging. Patients may be given too high or too low a dose, the wrong medication, or no medication when one is needed.
Electronic health records can reduce the errors associated with paperwork, but is too costly for many countries and health providers. For now, the WHO will focus on creating a clear and consistent set of medical terminology, symbols, and principles to cut down on trans *** tion errors.
B *** ming individuals is not the solution, Donaldson said. Doctors or hospital staff who recognize that they made a critical mistake in treating a patient might not report their failure for fear of *** wsuits or losing their jobs. Instead, hospitals should foster a culture in which mistakes are admitted and studied so they are not repeated again.
Susan Sheridan, of Eagle, Ohio, said two members of her family were victims of medical errors.
In 1995, her five-day-old son, Cal, suffered brain damage when doctors did not detect his jaundice early enough to treat it.
Cal, now 9, has cerebral palsy and uses a walker to get around. Four years *** ter, doctors lost the *** b results showing that a tumor removed from her husband's neck was cancerous. The couple found out six months *** ter that the cancer had spread. Pat Sheridan died in 2002 at age 45.
"The system either didn't want to hear from me or didn't know how to hear from me," Sheridan said. She said the health care providers her family most trusted turned out to be "a system without a center" in which "no one was accountable."
She founded Consumers Advancing Public Safety to give victims of medical mistakes a voice. Now her group is working with the WHO to encourage patients to be proactive and to include them in research to reduce medical errors.
https://abcnews.go.com/Health/wireStory?id=203020
Copyright 2004 The Associated Press. All rights reserved.
โดย: ใจเขาใจเรา องค์การอนามัยโลก [22 ก.ย. 52 13:51] ( IP A:58.8.4.186 X: )
ความคิดเห็นที่ 103
   Another SAD Story cry
โดย: เจ้าบ้าน [22 ก.ย. 52 16:41] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 104
   อัดเทปไว้ มันเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม และฉลาดมาก
ใช่ซิก็เป็นหมอนี่
โดย: zzz [24 ก.ย. 52 10:14] ( IP A:118.175.146.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 105
   แบบนี้เขาไม่เรียกฉลาด เขาเรียกหมอหัวหมอ
โดย: อย่าเปลี่ยนเป็นหัวอื่นก็แล้วกัน [24 ก.ย. 52 22:07] ( IP A:58.9.199.195 X: )
ความคิดเห็นที่ 106
   วันนี้ศาลพิพากษาให้คนไข้ชนะแล้ว
หมอจะฟ้องกลับอีกหรือ
โดย: งง [3 ธ.ค. 52 23:37] ( IP A:58.11.30.108 X: )
ความคิดเห็นที่ 107
   โกหกคะ....ทางเครือข่าย ไม่เคยแนะนำให้ฟ้องหมอ ดิฉันเป็นผู้เสียหายคะ ญาติตายโดยไม่น่าตายโดยมือหมอ....แต่ทางเครือข่ายไม่เคยแนะนำให้ฟ้อง ให้คำปรึกษาในการทำเรื่องขอความเป็นธรรมโดยแนวทางที่ถูกต้องและต้องการความจริง...ถ้าได้ความยุติธรรมจากแพทยสภาและองค์การประกอบโรคศิลป์....ไม่มีใครอยากเสียเงินเสียเวลาฟ้องร้องทางศาลหรอกคะ....เรามาร่วมมือกันป้องกันและใส่ใจในการรักษาผู้ป่วยดีกว่าไหมคะ...เป็นการป้องกันที่ต้นเหตุ...ไม่ใช่มาแก้กันที่ปลายเหตุ.....เพราะปีหนึ่ง ปีหนึ่ง...มีผู้ที่เสียหายจากการประมาทของแพทย์เยอะมาก....นึกว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับตัวเองและครอบครัว ขอให้บุญกุศลส่งให้กับแพทย์ที่ตั้งใจทำงานและมีเมตตาธรรมทุกคนนะคะ...เราเชื่อว่าแพทย์ที่ดีมีมากกว่าแพทย์ที่เลวคะ
โดย: คนธรรมดา [7 ม.ค. 53 9:25] ( IP A:202.5.84.120 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน