consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
แพทยสภาเผยข้อบังคับรักษาเพื่อแปลงเพศ มีผลบังคับ 25 พย.นี้
แพทยสภาเผยข้อบังคับรักษาเพื่อแปลงเพศ
มีผลบังคับใช้ 25 พ.ย.นี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
11 กันยายน 2552 16:23 น.
https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000105848
ระดมแพทย์ผ่าตัดแปลงเพศประชุมเตรียมความพร้อม หลังข้อบังคับแพทยสภา รักษาเพื่อแปลงเพศ มีผลบังคับใช้ 25 พ.ย.นี้ พร้อมไฟเขียวให้เด็กอายุ 18 ปีขึ้นไปผ่าตัดแปลงเพศได้ แต่ต้องมีใบยินยอมจากผู้ปกครอง และผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องเท่านั้น
วันที่ 11 กันยายน 2552 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมและให้ความรู้ ความเข้าใจกับแพทย์ที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์และข้อปฏิบัติอย่างถูกต้อง ในการรักษาเพื่อแปลงเพศให้กับผู้ที่มีความต้องการทำศัลยกรรมแปลงเพศ โดย นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการแพทยสภาได้พิจารณาเห็นชอบข้อบังคับแพทยสภา เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การรักษาเพื่อแปลงเพศและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการแพทยสภา ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศทั่วไป เล่ม 126 ตอนพิเศษ 77 ง วันที่ 29 พฤษภาคม 2552 แล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552นี้
ปัจจุบันได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งที่มีความประสงค์จะทำศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศ เพื่อให้เป็นไปตามสภาพจิตใจที่ตรงกับตนเอง แต่เนื่องจากกระบวนการในการผ่าตัดแปลงเพศนั้น อาจจะมีผลกระทบต่อร่างกาย จิตใจ และสังคม ของตัวผู้ป่วยเอง อีกทั้งผลกระทบในข้อกฎหมาย ที่ผ่านมายังไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสำหรับการผ่าตัดแปลงเพศไว้เป็นการเฉพาะ ที่สำคัญเมื่อทำการผ่าตัดแปลงเพศให้กับประชาชนที่มีความต้องการแล้ว มีความเชื่อมั่นต่อแพทย์ผู้รักษา และเชื่อมั่นต่อแพทยสภาว่าจะคุ้มครองสวัสดิภาพความปลอดภัยของประชาชน นายกแพทยสภากล่าว
ด้าน นพ.สัมพันธุ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า ได้ทำความเข้าใจกับศัลยแพทย์เกี่ยวกับข้อบังคับของแพทย์สภาที่จะบังคับใช้ในปลายปีนี้ มี 4 ขั้นตอนหลัก คือ 1.การประเมินคนไข้ ว่ามีความพร้อมสมควรได้รับการผ่าตัดหรือไม่ ทั้งร่างกายและจิตใจ 2.การเตรียมคนไข้ ซึ่งต้องทำอย่างน้อย 1 ปี ดูเรื่องของสภาพจิตใจเป็นหลัก 3.การผ่าตัด และ 4.การติดตามผลหลังการผ่าตัด สำหรับแพทย์ที่สามารถดำเนินการผ่าตัดแปลงเพศได้นั้น ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนจากแพทยสภา และต้องเป็นศัลยแพทย์เท่านั้น
ส่วนการผ่าตัดแปลงเพศ กำหนดให้ทำให้ผู้ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และผู้ที่มีเกณฑ์อายุระหว่าง 18-20 ปี การผ่าตัดต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครอง ส่วนการแก้ไขข้อกฎหมายเพื่อเพิ่มสิทธิให้แก่ผู้ที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้วนั้น หรือการผลัดกัน พ.ร.บ.เพศที่ 3 นั้นถือเป็นหน้าที่ของกรรมการสิทธิมนุษยชน โดยทางแพทยสภายินดีให้ความคิดเห็นเรื่องการผ่าตัดที่ในอนาคตอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนทั้งการทำบัตรประชาชน หนังสือเดินทาง การเกณฑ์ทหาร เลขาธิการแพทยสภากล่าว
โดย: ผ่าตัดแพทยสภาก่อนดีไหม [11 ก.ย. 52 17:48] ( IP A:58.9.224.198 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
แก้ไขพรบ.วิชาชีพเวชกรรม ให้แพทยสภามีคนนอกเสียทีเถอะ
จะได้ไม่ทำอะไรตามใจ อะไรควรทำไม่ทำ ทำอะไรที่สนอง
อำนาจ สนองความเกลียดชังของตนเองทั้งนั้น
มีแพทยสภาไปทำไมฟะ
โดย: แพทยสภามีไว้ทำไม [12 ก.ย. 52 18:06] ( IP A:58.9.202.237 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
เจริญล่ะ อีคราวนี้
ส่งเสริม "เมดิคอลฮับ" ทางอ้อมด้วยวิธีเบี่ยงเบนนโยบายทางวิชาชีพ
โธ่เอ๋ย การแพทย์เรื่องแปลงเพศนี่ สมควรส่งเสริมได้เมื่อการสาธารณสุขมูลฐานของเราเข้มแข็งและพร้อมแล้วสำหรับคนไทยทั้งหมด
แล้วแพทยสภาเนี่ย ใช้เงินภาษีของคนไข้ไทยทั้งหมด ใช่ไหม?
การทำงาน ก็ต้องทำต้องคำนึงถึง ทิศทางความเป็นไปที่มีไว้สำหรับประโยชน์ของคนไข้ไทยทั้งระบบ ใช่ไหม?
แล้วงานอื่นๆ ที่ทำกันมาตั้งแต่หัวดำ จนทุกวันนี้หัวหงอกกันทั้งแผงแล้ว
ทำกันได้ดี ได้ครบถ้วนแล้วหรือ???? ถึงจะมาทำเรื่องนี้น่ะ
อนาถจริงๆ
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [15 ก.ย. 52 7:32] ( IP A:58.8.104.67 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
แพทยสภาเป็นสภาวิชาชีพ รายได้จากค่าธรรมเนียมของสมาชิก หรือเก็บจากแพทย์เอง ไม่มีงบประมาณรัฐสนับสนุนกิจการจากภาษีโดยตรง แต่อย่างใด ตั้งงบประมาณไม่ได้ครับ..เช่นเดียวกับสภาทนายความ สภาการพยาบาล สภาทันตกรรม สภาวิศวกรรม ฯลฯ..
โดย: นิติกรอิสระ [15 ก.ย. 52 18:41] ( IP A:58.8.110.241 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน