consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
พ่อแม่หนุ่มวัย28 บุกสธ. ร้องกรณีลูกชายตาย
พ่อแม่หนุ่มวัย28 บุกสธ. ร้องกรณีลูกชายตาย
ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อเวลา 13.30 น. นายธวัชสิทธิ์ ตวงสินกุลบดี นางธัญญพัฒน์ ตวงสินกุลบดี พ่อแม่ของนายพีรวีร์ ตวงสินกลุบดี อายุ 28 ปี ผู้เสียชีวิตด้วยอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียค่าใช้จ่ายไปกว่า 3 ล้านจากการรักษา รพ.เอกชน 3 แห่ง พร้อมด้วย นายปรวุฒิ พิพัฒน์เบญจพล นางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล น้าชาย และน้าสะใภ้ ได้เข้าพบนายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีการเสียชีวิตของนายพีรวีร์
นายปรวุฒิ กล่าวว่า ขอให้ รมว.สาธารณสุข ช่วยติดตามความคืบหน้า และสอบสวนการเสียชีวิตของหลานชายตน เนื่องจากขณะนี้ได้ร้องขอเวชระเบียนของโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยง โดยเฉพาะเอกสารสำคัญการบันทึกการตรวจวัดไข้ผู้ป่วย และรายงานของพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วย ซึ่งแพทย์ท่านหนึ่งให้คำแนะนำว่าเป็นเอกสารสำคัญที่จะชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของการของผู้ป่วย ที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจรักษา ทั้งนี้ตนกังวลว่า เอกสารที่ได้รับล่าช้านี้อาจถูกแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญได้ ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 3 ที่เข้ารักษากลับส่งเวชระเบียนการรักษาทั้งหมดโดยให้เป็นรูปเล่มสวยงาม มีเอกสารพร้อมทั้งขั้นตอนรักษา การจ่ายยาในแต่ละช่วง และใบเสร็จรับเงิน
นายปรวุฒิ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ยังไม่ได้ตันสินใจว่าจะฟ้องร้องโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งหรือไม่ แต่จะขอรอดูความรับผิดชอบของโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งก่อน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ทั้ง 2 โรงพยาบาลก็ไม่ได้ติดต่อใดๆ กลับมาหลังจากมีการนำเสนอข่าวไป ส่วนกรณีที่ นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ออกมาระบุว่า ในวันที่นายพีรวีร์เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น กระทรวงสาธารณสุขยังไม่ได้ออกคู่มือการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นั้น นายปรวุฒิ กล่าวว่า การออกมาระบุของ นพ.เอื้อชาติ ทั้งที่ยังไม่ได้มีการสอบสวนใดๆ จึงเกรงว่า การออกมาให้ข้อมูลแบบนี้จะเป็นการสกัดการร้องเรียนความเป็นธรรมของพวกตนให้กับหลานชาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ที่เราได้ยื่นเรื่องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังได้แสดงท่าทีเข้าใจ และรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ในช่วงนี้นายพีรวีร์ให้การรักษาแม้ว่าจะยังไม่มีคู่มือ แต่จากที่คนในครอบครัวมีการป่วยถึง 7 คน จึงน่าที่แพทย์วินิจฉัยอาการหวัด 2009 ได้เช่นกัน
นายปรวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับค่ารักษานายพีรวีร์ที่โรงพยาบาลแห่งที่ 3 ซึ่งมีค่ารักษาทั้งสิ้น 2.7 ล้านบาท ทางครอบครัวไม่ติดใจ และได้ทยอยจ่ายไปแล้วกว่าล้านบาท แต่ยอมรับว่าเป็นค่ารักษาที่สูงมากและเมื่อเปรียบเทียบกับการบริการที่ดี รวมถึงการรักษาที่เอาใจใส่ต่อผู้ป่วยอย่างมากก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าลดค่าใช้จ่ายตรงนี้ลงได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการดำเนินการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลที่ถูกร้องเรียนมา และหลังจากรับฟังข้อมูล ตนก็สงสัยว่าผู้เสียชีวิตมีการอาการป่วยในช่วงแรก 3-4 วัน และอาการไม่ดีขึ้น แต่ทำไมแพทย์จึงให้กลับบ้านได้ ขณะที่เมื่อกลับมารักษาอีกครั้งปรากฏว่ามีภาวะปอดอักเสบ และเอกซเรย์ดูพบว่าปอดขาวไปหมดแล้ว จากภาวะน้ำท่วมปอด อีกทั้งยังไม่มีการให้ยาโอเซลทามีเวียร์ตั้งแต่แรก แม้ว่าจะมีการอ้างว่าในการรักษาขณะนั้นไม่มีคู่มือแพทย์ในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เล่มเขียว แต่การรักษาของแพทย์ต้องยึดดูตามอาการเป็นหลักก่อนถึงจะมีคู่มือการรักษาหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ที่ดูแลกองการประกอบโรคศิลปะ รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบให้ทราบในวันที่ 25 ส.ค. ภายหลังจากที่ตนได้สั่งการให้เข้าไปดูแลเรื่องนี้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา
นายวิทยา กล่าวว่า สำหรับค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 2.7 ล้านบาท ในโรงพยาบาลแห่งที่ 3 นั้น ตนได้ฝาก สบส. เข้าไปดูแลช่วยเจรจาลดค่าลง แม้ว่าญาติจะจ่ายไปแล้วส่วนหนึ่ง ถือเป็นการช่วยเหลือญาติผู้ป่วยที่ได้รับความเดือนร้อน
ด้าน นพ.วิศิษฐ์ ตั้งนภากร รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ทางกรมได้รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว และจะเร่งดำเนินการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อให้ความเป็นธรรม และสัปดาห์หน้าจะเชิญตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นคู่กรณีมาชี้แจงต่อคณะกรรมการพิจารณารับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้จะยึดหลักการพิจารณาใน 3 ประเด็น คือ 1.สถานพยาบาลถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ 2.การรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลได้มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งในประเด็นนี้จะส่งเรื่องไปยังแพทยสภาดำเนินการ และ 3. การบรรเทาเยียวยาความเสียหายแก่ญาติผู้ป่วย ที่เป็นการไกล่เกลี่ยเบื้องต้นเพื่อไม่ให้มีการฟ้องร้องถึงขั้นศาล และหากตกลงกันได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี.
โดย: จากเดลินิวส์ [24 ส.ค. 52 23:07] ( IP A:58.9.194.156 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
ญาติเหยื่อหวัด09เข้าร้องขอความเป็นธรรม
สำนักข่าว INN
24 สิงหาคม 2552
ญาติเหยื่อ หวัด 2009 เข้าร้องขอความเป็นธรรม รมว.สธ. อ้าง ร.พ.เอกชน ชื่อดัง จ่ายยาให้ผู้ป่วยล่าช้า จนเสียชีวิตซ้ำไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ ในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง
นางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล อายุ 42 ปี น้าสะใภ้ของ นายพีรวีร์ ตวงสินกุลบดี อายุ 28 ปี ที่เสียชีวิต จากกรณีที่อ้างว่า โรงพยาบาลเอกชนใน กทม. ให้ยาโอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) ที่ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ช้าพร้อมเครือญาติเดินทางเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับ นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข ให้ติดตามในการขอแบบฟอร์มปรอทวัดไข้ และรายงานการพยาบาล จาก 2 โรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว เนื่องจาก โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง ไม่ยินยอมให้เอกสารทั้งนี้ยังได้ตอบโต้ น.พ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์ ในฐานะ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ที่ระบุว่าการรักษาดังกล่าว เกิดขึ้น
ก่อนที่จะมีคู่มือแพทย์ ที่จะใช้รักษาไข้หวัดใหญ่ 2009 จะถูกจัดพิมพ์ออกมาว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน เนื่องจากถือเป็นความผิดพลาดประมาทของแพทย์ ที่ทำการรักษา และไม่น่าจะมีผลต่อรูปคดีในอนาคต หากเกิดการฟ้องร้อง
อย่างไรก็ตาม นางพวงผกา ยังได้ฝากขอโทษไปยังโรงพยาบาลธนบุรีและโรงพยาบาลปิยะเวท 2 โรงพยาบาลเอกชน ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง กรณีที่มีการระบุในเว็บไซต์ว่า ตนไปให้สัมภาษณ์ว่า โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง เป็นผู้รักษา ย้ำ มิใช่ 2 โรงพยาบาลดังกล่าว แต่เป็นโรงพยาบาลเอกชนรายอื่น ทั้งนี้ ยืนยัน ตนไม่ได้เป็นผู้ให้ข่าว แต่อย่างใด
โดย: วันนี้ที่กระทรวง [24 ส.ค. 52 23:12] ( IP A:58.9.194.156 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2552
ที่มา
https://www.cueid.org/content/view/2821/71/
นพ.เอื้อชาติ กาญจนพิทักษ์
นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ให้สัมภาษณ์กรณีญาติผู้เสียชีวิตไปร้องเรียนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากโรงพยาบาลเอกชนที่ไปรักษาให้ยาต้านไวรัสช้า จนทำให้หนุ่มวัย 28 ปีเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยเสียเงินค่ารักษาพยาบาลไปถึง 3 ล้านบาทจากการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง ว่ากรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ดังนั้นต้องฟังข้อมูลจากทั้ง 2 ฝ่ายและให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้การให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้ป่วยเป็นดุล พินิจของแพทย์ผู้ให้การรักษา ในอดีตผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่การรักษาไม่จำเป็นต้องให้ยาต้านไวรัส โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ก็เพิ่งเข้ามาในปีนี้ ส่วนคู่มือแนวทางการรักษาผู้ป่วยของกระทรวงสาธารณสุข เล่มสีเขียวก็เพิ่งพิมพ์เมื่อวันที่ 17 ก.ค. กว่าจะกระจายไปยังโรงพยา บาลต่าง ๆ ในช่วงต้นการให้ยาเร็วก็เกรงว่าจะมีการดื้อยา อีกทั้งก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่าให้ยาต้านไวรัสแล้วคนไข้จะรอดหรือไม่
ด้าน นพ.ธารา ชินะกาญจน์
ผอ.กองการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ติดต่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาผู้เสียชีวิตจากโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 3 แห่งแล้ว ทั้งนี้หากได้ข้อมูลแล้วในวันจันทร์ที่ 24 ส.ค. จะประสานไปยังแพทย สภาทันที เพื่อให้นำเรื่องนี้เข้าสู่คณะอนุกรรมการจริยธรรมพิจารณาโดยเร็ว ซึ่งในกรณีนี้เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชน คณะอนุกรรมการจริยธรรมอาจเปิดประชุมเป็นวาระพิเศษพิจารณาเรื่องนี้ได้ สำหรับช่วงที่ผู้เสียชีวิตป่วยนั้น ประมาณ ปลายเดือน มิ.ย. ซึ่งขณะนั้นคู่มือการรักษาผู้ป่วย เล่มสีเขียวของกระทรวงสาธารณสุขยังไม่ออกมา แพทย์ผู้ให้การรักษาก็อาจคิดว่าป่วยเป็นเพียงโรคไข้หวัดธรรมดา จึงไม่ได้ให้ยาต้านไวรัส ดังนั้นก็คงต้องฟังคำชี้แจงและการพิจารณาของแพทยสภา อย่างไรก็ตามในส่วนของกองการประกอบโรคศิลปะเองก็ยังติดใจเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างแพง ก็คงต้องดูว่า ที่แพงนั้นเป็นค่าอะไรบ้าง ก็จะขอดูราคากลางว่าราคาดังกล่าวนั้นได้มีการประกาศให้ญาติคนไข้ทราบหรือไม่
ส่วน นพ.สุกิจ ทัศนสุนทรวงศ์
ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า หากทางกองการประกอบโรคศิลปะประสานงานมา ทางอนุกรรมการจริยธรรมก็พร้อมจะเร่งรัดพิจารณาให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน แต่คงบอกไม่ได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด แต่ก็จะพยายามพิจารณาให้เร็วขึ้น ขณะเดียวกันก็จะดำเนินการไกล่เกลี่ยทั้ง 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งแรก และญาติผู้เสียหายไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้จะประสานไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 3 ที่ผู้เสียชีวิตไปรักษาตัว แม้ทางญาติจะไม่ติดใจ แต่เนื่องจากค่ารักษาพยาบาลถือว่าสูง ดังนั้นก็อาจจะประสานไปทางโรงพยาบาลว่าจะสามารถลดค่ารักษาพยาบาลลงได้บ้างหรือไม่ เพราะทางญาติผู้เสียหายก็คงไม่กล้าที่จะขอลดค่ารักษาพยาบาล หรือทางโรงพยาบาลเองก็คงไม่กล้าเสนอตรงนี้
ด้านนางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล น้าสะใภ้นายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี อายุ 28 ปีผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณ นพ.สุกิจ ที่จะช่วยเจรจาเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางโรงพยาบาลเอกชนให้ หากทางโรงพยาบาลเอกชนลดค่าใช้จ่ายให้ก็เป็นเรื่องดี และขอขอบคุณด้วย ทั้งนี้คงต้องติดตามดูว่าทางแพทยสภาจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างไร ส่วนเรื่องค่าเสียหายอะไรต่าง ๆ นั้นขณะนี้ทางญาติยังไม่คิดเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่มีข่าวออกมาว่า นายพีรวีร์ไม่ได้เป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตนขอยืนยันว่า นายพีรวีร์ มีอาการทุกอย่างเหมือนคนเป็นโรคนี้ อีกทั้งคลุกคลีกับหลานที่ป่วย คนในบ้านหลายคนก็ป่วยเป็นโรคนี้
แม้ทางโรงพยาบาลเอกชนจะป้ายเชื้อในโพรงจมูกไปตรวจ และตรวจไม่เจอ เข้าใจว่าคงไม่ได้ส่งตรวจที่แล็บโรงพยาบาลใหญ่ เพราะไม่มีใบเสร็จมาเก็บเงิน อย่างกรณีของหลานสาวอายุ 11 ขวบ ที่ป่วยก่อนหน้านี้มีใบเสร็จเก็บเงิน 5,000 บาท และมีการส่งตรวจที่ รพ.ศิริราช การตรวจครั้งหลังสุดนั้นก็หาเชื้อไม่เจอ เข้าใจว่า ผ่านมาหลายวัน และได้รับยาต้านไวรัสไปเยอะแล้ว อย่างไรก็ตามถึงแม้ผลแล็บจะไม่ยืนยัน แต่อาการก็เข้าข่าย และแพทย์หลายท่านที่ให้การรักษาก็บอกว่าน่าจะเป็นโรคนี้
โดย: หมอหมู่ [24 ส.ค. 52 23:21] ( IP A:58.9.194.156 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
สธ.สั่งตรวจสอบด่วน รพ.เอกชนที่รักษาชายวัย 28 ปี ป่วยหวัด 2009 จนเสียชีวิต
21 ส.ค. 52 16.25 น.
สนับสนุนเนื้อหา.กระทรวงสาธารณสุข สั่งตรวจสอบด่วนโรงพยาบาลเอกชนที่รักษาชายวัย 28 ปี ป่วยไข้หวัดใหญ่ 2009 จนเสียชีวิต เพราะไม่ยอมจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์ คาดอีก 5 วัน ทราบผล นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีนางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล วัย 42 ปี ชาวกทม. เข้าร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี ว่านายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี วัย 28 ปี หลานชายที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่และเสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมผ่านมา เนื่องจากได้รับยาต้านไวรัสโอเซลมีเวียร์ช้า หลังเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนถึง 3 แห่ง เสียค่าใช้จายรวมทั้งสิ้น 3 ล้านบาท โดยญาติยังติดใจการรักษา ว่าเหตุใดจึงไม่ให้ยาต้านไวรัสทันทีทั้งทีอาการหนัก ซึ่งส่วนนี้ทางกระทรวงสาธารณสุข โดยนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะ ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่โรงพยาบาลเอกชนที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา โดยจะขอรายละเอียดการดูแลรักษาผู้เสียชีวิต พร้อมทั้งดูมาตรฐานของโรงพยาบาล ทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ บุคลากร เครื่องมือแพทย์ และสถานที่ด้วยว่าเป็นไปตามข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 หรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะส่งข้อมูลให้แพทยสภา เพื่อตรวจสอบมาตรฐานการรักษาว่าเป็นไปตามจริยธรรมหรือไม่ คาดว่าจะทราบผลในอีก 5 วัน
โดย: ตรวจสอบ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ [24 ส.ค. 52 23:23] ( IP A:58.9.194.156 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ต่อจากกระทู้นี้
https://www.pantown.com/board.php?id=12163&area=1&name=board12&topic=749&action=view
โดย: ต่อเนื่องกัน [24 ส.ค. 52 23:27] ( IP A:58.9.194.156 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
ไทยรัฐ
25 ส.ค.2552
https://www.thairath.co.th/content/edu/28524
อภ.เตรียมพ่นวัคซีนป้องกันหวัด09ใส่จมูกหนูขาวทดลองจำนวน20ตัวภายในสัปดาห์นี้ คาดภายใน7วันจะทราบผล สธ.สั่ง สบส.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีลูกชายตายเพราะหวัด09 ...
วานนี้ (24 ส.ค.) นายธวัชสิทธิ์ ตวงสินกุลบดี นางธัญญพัฒน์ ตวงสินกุลบดี พ่อแม่ของนายพีรวีร์ ตวงสินกลุบดี อายุ 28 ปี ผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเสียชีวิตภายหลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง เสียค่ารักษาพยาบาลไปกว่า 3 ล้านบาท พร้อมด้วย นายปรวุฒิ พิพัฒน์เบญจพล นางพวงผกา พิพัฒน์เบญจพล น้าชาย และน้าสะใภ้ เดินทางเข้าพบนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) เพื่อขอให้ช่วยเหลือหลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าร้องเรียนกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนางพวงผกา กล่าวว่า การเดินทางมาพบนายวิทยาครั้งนี้ ต้องการให้ สธ.ดำเนินการขอเวชระเบียนจากโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งที่ดำเนินการรักษาหลานชายในช่วงแรก เนื่องจากญาติไม่สามารถดำเนินการขอจากโรงพยาบาลได้ด้วยตนเอง และในช่วง 1-2 วันแรกที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์บอกว่าอาการไม่รุนแรงและให้กลับบ้าน ทั้งที่ญาติแจ้งให้แพทย์ทราบแล้วว่าในครอบครัวมีคนป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 มาก่อน และเมื่อนำผู้ป่วยกลับเข้ารับการรักษาพยาบาลอีกครั้ง พบว่า ปอดเป็น ฝ้าทั้งปอด ซึ่งแพทย์ไม่ได้ชี้แจงถึงอาการของผู้ป่วยให้ญาติทราบ บอกเพียงว่าไม่รอด ส่วนจะมีการฟ้องร้องโรงพยาบาลเอกชนหรือไม่ต้องหารือร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
นายวิทยา กล่าวภายหลังรับเรื่อวร้องเรียน ว่า ได้สั่งการให้กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้แล้ว และให้รายงานความคืบหน้าภายในวันที่ 25 ส.ค.นี้ รวมถึงได้มอบหมายให้ช่วยดำเนินการเจรจากับโรงพยาบาลเอกชน เพื่อลดค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัวนี้ เพราะค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างแพง
"ผมก็สงสัยว่าทำไมแพทย์ถึงให้ผู้ป่วยกลับบ้านในช่วงการรักษาพยาบาล 3-4 วันแรก ทั้งที่อาการของผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้น จนเมื่อผู้ป่วยกลับมารักษาตัวอีกครั้งก็พบว่ามีภาวะปอดอักเสบ และแพทย์ไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามีเวียร์ด้วย ซึ่งคงจะอ้างว่าในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่มีคู่มือแนวทางการปฏิบัติของแพทย์ ที่จัดทำโดย สธ.ไม่ได้ เพราะคู่มือดังกล่าวเป็นเพียงแนวทางปฏิบัติเท่านั้น ส่วนดุลยพินิจในการตัดสินใจดำเนินการรักษาผู้ป่วยต้องอยู่ที่แพทย์ที่ทำการ รักษา" นายวิทยากล่าว
ส่วนความคืบหน้าการทดลองวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 นพ.วิชัย โชควิวัฒน ประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม เปิดเผยว่า ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก ได้แนะนำเรื่องการทดลองความปลอดภัยของวัคซีนในสัตว์ จากเดิมที่ต้องทดลอง 2 ครั้ง คือ พ่นใส่จมูกหนูทดลองกับฉีดวัคซีนเข้าท้องหนูทดลองนั้น โดยสามารถลดขั้นตอนเหลือเพียงการทดลองอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ซึ่งทีมวิจัย ได้หารือร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) มีข้อสรุปตรงกันว่า จะเลือกทดลองความปลอดภัยของวัคซีน โดยพ่นวัคซีนเข้าจมูกหนูทดลองเท่านั้น และให้ทีมวิจัยเป็นผู้ทำการทดลองความปลอดภัยของวัคซีนเอง ส่วนกรมวิทยาศาสตร์ฯ จะเป็นผู้ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อน ที่จะฉีดให้กับประชาชน
นพ.วิชัย กล่าวด้วยว่า โดยการทดลองในสัตว์จะใช้หนูขาวทดลอง จำนวน 20 ตัว เป็นเพศชาย และหญิงอย่างละครึ่ง โดยจะเริ่มทดลองภายในสัปดาห์นี้ ใช้เวลาทดลอง 7 วัน จึงจะทราบผล นอกจากนี้ทีมวิจัยได้เริ่มทำการทดลองนำวัคซีนที่ผลิตได้ล็อตแรกคือ 6.7 ล็อกต่อซีซี นำมาเพาะเชื้อในจานเพาะเชื้อ จะทราบผลในอีก 7 วันข้างหน้า เบื้องต้นยังไม่พบว่าเจริญเติบโตของเชื้อโรคใดๆ ในวัคซีนทั้งสิ้น ส่วนการเพาะเชื้อไวรัสในไข่ไก่ล็อตที่ 2 ทีมวิจัยเพิ่งเริ่มฉีดเชื้อไวรัสเข้าไข่ไก่วานนี้ ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดเดิม 2-3 วัน เพราะน้ำในเยื่อหุ้มรกไข่ไก่มีปริมาณน้อยเกินไป เกรงว่าหากเร่งฉีดเชื้อจะทำให้ผลิตวัคซีนได้น้อยเหมือนครั้งแรก อย่างไรก็ตาม จะทราบผลภายในสิ้นเดือนนี้ว่าฟักเชื้อได้มากกว่าเดิมหรือไม่
โดย: จากไทยรัฐ [25 ส.ค. 52 8:41] ( IP A:58.9.186.176 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
เดลินิวส์
24-8-52
https://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=38&contentID=16051
วันนี้(24 ส.ค.) นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงกรณีที่ ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา ระบุว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ไม่น่าจะระบาดระลอก 2 เพราะการระบาดใหญ่ของประเทศไทยได้ผ่านพ้นไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา ว่า ความเห็นของนักระบาดวิทยาก็ยังบอกว่าอาจจะมีการระบาดระลอก 2 อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว ส่วนความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ คือ ศ.นพ.สมศักดิ์ ที่ได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้ บอกว่ามันจบแล้ว ก็ไม่รู้จะเชื่อ หรือฟังใครดี แต่สิ่งสำคัญคือ กระทรวงสาธารณสุขจะประมาทไม่ได้ เพราะเคยมีบทเรียนมาแล้วตั้งแต่การระบาดในช่วงต้น ๆ อีกทั้งขณะนี้ ยังไม่รู้ว่ามีคนติดเชื้อและมีภูมิคุ้มกันมากน้อยแค่ไหนแล้ว ดังนั้นต้องเตรียมพร้อมไว้เสมอ
'ในช่วง 3 เดือนครึ่งที่ผ่านมา ผมสะบักสะบอมไปทั้งตัว ดังนั้นไม่ว่าจะมีการระบาดระลอกที่ 2 หรือไม่ก็ต้องเตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน เพราะหากไม่เตรียมพร้อมเดี๋ยวจะโดนหนักอีก ดังนั้นในเร็วๆนี้ จะหารือนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแต่ละภาคในเรื่องนี้ โดยเฉพาะในบางจังหวัดที่ผ่านการรับมือโรคนี้มาแล้ว คิดว่าคงได้แนวทางที่เป็นประโยชน์' นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในขณะนี้ พบว่า ผู้ป่วยน้อยลง สถานการณ์ในโรงพยาบาลต่างๆ กลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว อาจเป็นเพราะว่า ประชาชนกังวลและป้องกันตัวเอง นอกจากนี้อาจเป็นเพราะว่าอากาศร้อน รวมทั้งการจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เร็วขึ้น เมื่อถามว่า แสดงว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตในรอบสัปดาห์นี้น่าจะน้อยลงใช่หรือไม่ นายวิทยา กล่าวว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อตัวเลขผู้ป่วยน้อยลง ตัวเลขผู้ป่วยชีวิตก็ต้องน้อยลงและสัมพันธ์กัน
นายวิทยา ยังได้กล่าวถึงการให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ทั่วประเทศออกสำรวจประชาชนทุกหลังคาเรือนที่มีอาการไข้หวัดใหญ่ว่า หลายพื้นที่ทำงานเข้าเป้า แต่บางพื้นที่เช่น ภาคเหนือติดอุปสรรคต้องทำนา และฝนตกหนัก ทำให้การดำเนินการได้ 100 % แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ อสม. ไปพบผู้ป่วยและมีการส่งต่อผู้ป่วยไปโรงพยาบาลด้วยตัวเอง
นายวิทยา ยังได้กล่าวถึงกรณีที่องค์การเภสัชกรรมมีการจ่ายยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์สำหรับเด็กว่า คิดว่าทาง อภ.คงมีตัวเลขนี้อยู่แล้ว หากทางโรงพยาบาลต่าง ๆ แจ้งความต้องการยามาก็สามารถแจกจ่ายได้
โดย: นายก..แพทยสภา สวนทางเรื่อย [25 ส.ค. 52 8:43] ( IP A:58.9.186.176 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
เรียกร้องความรับผิดชอบรพ.
นางพวงผกา กล่าวด้วยว่า ไม่ติดใจ รพ.บำรุงราษฎร์ แต่ติดใจโรงพยาบาลแห่งที่ 1 และ 2 ที่ให้ยาต้านไวรัสช้า และไม่ยอมตรวจยืนยันเชื้อทั้งๆ ที่ควรจะตรวจและคนไข้พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ตอนนี้ยังไม่คิดว่าจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายอย่างไร เพราะอยากรอดูความรับผิดชอบของโรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 1 และ 2 ก่อน ดูว่าแพทยสภาจะพิจารณาอย่างไร
ดีใจที่นายกฯ ให้โอกาสเข้าพบ ท่านก็สอบถามข้อเท็จจริง และบอกว่าจะรับเรื่องนี้ไปดูให้ โดยท่านก็บอกว่า กรณีนี้เพราะให้ยาช้าเกินไป จริงๆ การรักษาจะให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ใน 48 ชม. ดิฉันก็บอกกับนายกฯ ว่า ถ้าเสียเงิน 3 ล้านแล้วได้หลานกลับคืนมาจะไม่เสียใจเลย แต่นี่เสียทั้งเงินและเสียทั้งหลาน ดังนั้นต้องดูว่า ทางโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่งแรกจะรับผิดชอบอย่างไร นางพวงผกา กล่าว
รพ.ยืนยันรักษาตามมาตรฐาน
ผู้สื่อข่าวโทรศัพท์สอบถามไปยังผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนแห่งที่ 2 ที่ผู้ป่วยเข้ารักษาตัวเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้น ได้รับการยืนยันว่า ทางโรงพยาบาลได้รักษาผู้ป่วยเป็นไปตามมาตรฐานทางการแพทย์ และมีการติดตามอาการผู้ป่วย และภาวะโรคอย่างใกล้ชิด ซึ่งทันทีที่ผู้ป่วยมาถึงโรงพยาบาลก็มีการจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ให้แก่ผู้ป่วยทันที
และได้เก็บตัวอย่างเชื้อส่งตรวจถึง 2 ครั้ง รวมถึงที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วย ปรากฏว่าผลการตรวจเป็นลบไม่พบเชื้อ แต่เท่าที่แพทย์ดูอาการพบว่าคล้ายไข้หวัด 2009 จึงให้การรักษาเช่นเดียวกับหวัด 2009 แต่ที่ผู้ป่วยมีอาการไม่ดีขึ้นและแย่ลงนั้น เนื่องจากเป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ เพราะไม่พบทั้งเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียเลย
โดย: ยืนยัน [25 ส.ค. 52 19:46] ( IP A:58.9.223.32 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
บุกพบนายก
บุกพบรัฐมนตรี
ก็ถือว่าบุกไปถึงที่สุดแล้ว
สุดท้ายก็จบที่กองประกอบ + แพทยสภา
ผลักคนไข้ตกเหวแท้ ๆ
เสือสิงห์ กระทิงแรด
โดย: เอวังประเทศไทย [27 ส.ค. 52 9:00] ( IP A:58.9.199.25 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
องค์พระราชินีทรงมีพระราชดำรัส (บ่น) ว่า
ยุคที่เป็นกลียุคอย่างนี้ จะมีคนดีแค่ 1 ใน 4 ส่วน ที่เหลือจะเป็นคนชั่ว
ซึ่งก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์นี่แหละ
ก็เพราะเรามี "คนชั่ว" อยู่เยอะถึง 3 ใน 4 ของวงการตุลาการและยุติธรรม "ส่วนต้นน้ำ" ของกรณีพิพาททางการแพทย์นี่แหละ
ก็ต้องทำใจกันนะ
ท่อนหนึ่งในพระราชนิพนธ์เพลง
"ความฝันอันสูงสุด"
มีว่า
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
หวังว่าคงไม่ลืม
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [27 ส.ค. 52 9:54] ( IP A:58.8.107.84 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
เขาว่าแกเป็นคนคิดฟ้อนท์ไอโฟน
ถ้าจริงก็เสียดายทรัพยากร
โดย: ฟฟ [28 ส.ค. 52 9:53] ( IP A:58.8.11.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
นายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี หรือเดย์ เจ้าของนามแฝงCreative 7419 -เจ้าพ่อแห่งฟอนท์ บนไอโฟน
จากกรณีการเสียชีวิตของนายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี หรือเดย์ อายุ 28 ปี เจ้าของนามแฝงในบอร์ด Creative 7419 และเป็นเจ้าพ่อแห่งฟอนท์ (font) บนไอโฟน (iPhone) ที่ทำให้ชาวไอโฟนใช้ฟอนท์ภาษาไทยได้ ซึ่งป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง แต่โรงพยาบาล 2 แห่งแรก กลับไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพราะแพทย์วินิจฉัยว่า ไม่ได้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จนนายพีรวีร์เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลแห่งที่ 3 ทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมกว่า 3 ล้านบาท ทำให้ญาติต้องเข้าร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ตามที่มีสื่อมวลชนหลายสำนักเสนอข่าวไปบ้างแล้วนั้น
โดยเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา มีนักท่องไซเบอร์เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายพีรวีร์ ด้วยการโพสต์ข้อความโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์การวินิจฉัยของแพทย์ หลังพบว่า ก่อนหน้าเสียชีวิตนายพีรวีร์ ได้โพสต์ข้อความเล่าอาการป่วยของตนเอง และมีการฟอร์เวิร์ดเมลข้อความของนายพีรวีร์ และมีลิงค์เข้าไปในเว็บไซต์ Smart-Mobile.com ตลอดทั้งวัน ซึ่งข้อความที่นายพีรวีร์ได้โพสต์เล่าอาการป่วยของตนเองก่อนหน้าเสียชีวิต ดังนี้
"วันนี้ไปหาหมอตามที่หมอนัด ขึ้น BTS ไป คนก็เยอะ เลยต้องยืน สักพักเริ่มหวิวๆ เริ่มคลื่นไส้ แล้วโลกก็มืดลง แขนก็เริ่มชา มองอะไรไม่เห็นเลย ประมาณ 5 นาทีจนถึงสยาม คนลงเยอะก็ตั้งสติ เพ่งเห็นรางๆ ว่าที่นั่งว่าง ไม่ฟังเสียงล่ะครับ (หูอื้อ) คลำๆแล้วนั่งเลย แล้วก็นั่งก้มหน้าแบบสุดๆ โลกเริ่มสว่างขึ้น ทางเดินสายโลหิตเหือดแห้ง มือซีดเหลืองชาๆ แอร์บนรถเย็นมาก แต่เหงื่อยังกับอาบน้ำใหม่ๆ แบกสังขารไปจนถึง พุ่งหาร้านข้าวกินข้าว แล้วก็ไปพบหมอ หมอเจาะเลือดไปตรวจ เอ่อ หมอครับ เมื่อวันพฤหัสฯผมก็เพิ่งโดนเจาะไปครับ แล้วเมื่อกี้ก็หน้ามืดเลือดหมดครับหมอ หมอบอกไม่เป็นไรเอานิดเดียว ผลตรวจเลือดออกมา เกล็ดเลือดปกติ เม็ดเลือดขาวปกติ ไข้เลือดออกไม่เป็น ทำหมองงอีกคนแล้ว เลยถามไปว่าหรือจะเป็น 2009 หมอบอกตัดไปเลย 2009 อาการหลักต้องไอ เจ็บคอ แต่คุณไม่ไอ ไม่เจ็บคอ ไม่มีอะไรเลย ตัวร้อนเฉยๆ สรุปก็ยังหาสาเหตุไม่ได้ นัดให้มาวันจันทร์อีก บอกว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ต้องเรื่องใหญ่กันเลยล่ะ ต้องแอดมิดให้น้ำเกลือ เอาเลือดไปตรวจละเอียดหาไทรอยด์ หานั่นนู่นนี่ คิดในใจว่านี่ต้องทรมานไปอีก 2 วันหรือนี่ แล้วหมอก็ให้ยาลดไข้มาแค่นั้น"
นอกจากนี้ ในวันรุ่งขึ้น "เดย์" ยังโพสต์ข้อความอีกครั้งว่า "ไม่ไหวแล้ว ไปกราบขอหมอนอน รพ.ดีกว่า จะกี่หมื่นกี่แสนก็ยอม เรียก Taxi มารับก่อน เดี๋ยวไปเองหน้ามืดอีก"
มีรายงานว่า ภายในเว็บไซต์ดังกล่าวได้มีการวิพากษ์ วิจารณ์กันถึงการวินิจฉัยของแพทย์ ตั้งแต่ รพ.เอกชนแห่งแรกที่นายพีรวีร์ไปหา แล้วแพทย์ระบุว่า เป็นไข้ติดเชื้อ และให้เพียงยาพาราเซตามอล ลดไข้มากิน สองวันต่อมาไข้ไม่ลด ผู้ป่วยไปหาแพทย์ใหม่อีกครั้ง แพทย์ก็ยังไม่ตรวจละเอียด และให้พาราเซตามอลมาอีก จนผู้ป่วยต้องนั่งรถไฟฟ้าไปพบแพทย์ ตามสิทธิประกันสังคม ก่อนได้รับการฉีดยาและกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นแน่นหน้าอก ไปตรวจใหม่พบปอดติดเชื้อถึง 25% แพทย์ก็ยังไม่สั่งให้นอน รพ. บอกให้กลับบ้าน จนกระทั่งผู้ป่วยรู้ตัวว่าไม่ไหวจึงไป รพ.แห่งที่ 3 และพบว่าเป็นไข้หวัด 2009 แต่ก็สายเกินไปที่จะรักษาแล้ว ในที่สุดนายพีรวีร์ก็เสียชีวิตลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ฟอร์เวิร์ดเมล์นี้ระบุว่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีการประชาสัมพันธ์ทั้งในส่วนของแพทย์และประชาชน แต่กลับมีความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้น
โดย: หน้าตาแบบนี้นี่เอง [28 ส.ค. 52 11:15] ( IP A:58.11.72.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
โดย: 800 [28 ส.ค. 52 11:16] ( IP A:58.11.72.6 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
ไม่แน่ใจว่าเป็นรายเดียวกันหรือเปล่าครับ บางคนก็บอกว่าไม่ได้ชื่อนี้ รอให้ข่าวออกแน่ชัดก่อน เพราะชื่อโรงพยาบาลก็ไม่ตรงกัน
โดย: เจ้าบ้าน
[28 ส.ค. 52 11:39] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
คมชัดลึก :ชาวไอทีจวกหมอทำ "เดย์ ไอโฟน" ติดหวัดตาย ล่าสุด "วิทยา แก้วภราดัย" เผยขณะนี้แพทยสภาตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมชุดพิเศษขึ้นเตรียมเรียกตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 3 แห่ง และญาติผู้เสียชีวิตมาให้ข้อเท็จจริง 31 สิงหาคม อังกฤษ-ฝรั่งเศสได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่2009ล็อตแรกแล้ว FAOเตือนทั่วโลกเฉพาะอาเซียนระวังเชื้อหวัด09ผสมข้ามพันธุ์กับหวัดนก
จากกรณีที่นายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี หรือเดย์ อายุ 28 ปี เจ้าของนามแฝงในบอร์ด Creative 7419 และเป็นเจ้าพ่อแห่งฟอนท์ (font) บนไอโฟน (iPhone) ที่ทำให้ชาวไอโฟนใช้ฟอนท์ภาษาไทยได้ ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง แต่โรงพยาบาล 2 แห่งแรก กลับไม่ได้ให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพราะแพทย์วินิจฉัยว่า ไม่ได้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 จนนายพีรวีร์เสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลแห่งที่ 3 ทั้งยังต้องเสียค่าใช้จ่ายรวมกว่า 3 ล้านบาท ทำให้ญาติต้องเข้าร้องเรียนต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรีนั้น
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้มีนักท่องเน็ตได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายพีรวีร์ โดยมีการโพสต์ข้อความโจมตีและวิพากษ์วิจารณ์การวินิจฉัยของแพทย์ เนื่องจากก่อนหน้าเสียชีวิตนายพีรวีร์ ได้โพสต์ข้อความเล่าอาการป่วยของตนเอง และมีการฟอร์เวิร์ดเมลข้อความของนายพีรวีร์ และมีลิงค์เข้าไปในเว็บไซต์ Smart-Mobile.com ตลอดทั้งวัน ซึ่งมีข้อความที่นายพีรวีร์ได้โพสต์เล่าอาการป่วยของตนเองก่อนหน้าเสียชีวิต
ทางด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าววันนี้(28ส.ค.)ว่า ขณะนี้แพทยสภาได้ตั้งคณะอนุกรรมการสอบสวนจริยธรรมชุดพิเศษขึ้น เพื่อนัดไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นกรณีพิเศษ วันที่ 31 สิงหาคม เวลา 10.00 น. โดยจะเรียกตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนทั้ง 3 แห่ง และญาติผู้เสียชีวิตมาให้ข้อเท็จจริง
เบื้องต้นพบว่าข้อมูลที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้ขณะนี้ ยังแตกต่างกัน โรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า อาการป่วยของผู้เสียชีวิตไม่มีลักษณะบ่งชี้ว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 จึงรักษาตามอาการด้วยการให้ยาพาราเซตามอล ขณะที่ญาติยืนยันว่า อาการของผู้ที่เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยต้องสงสัย ควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีหลานสาวป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ดังนั้น จึงคาดว่าจะทราบสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกี่ยวกับความผิดพลาดในระบบการรักษาพยาบาล และการทำผิดจริยธรรมทางการแพทย์หรือไม่
สำหรับค่ารักษาพยาบาลของเดย์ ไอโฟน ที่สูงกว่า 3 ล้านบาทนั้น นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้ช่วยเจรจาลดค่าใช้จ่ายในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนแห่งสุดท้ายที่รับตัวผู้ป่วยไว้ ซึ่งก็ผ่อนปรนให้อยู่ระดับที่ญาติสามารถจ่ายค่ารักษาได้
นายแพทย์ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า ต้องรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของแพทยสภาก่อน ว่า เกิดจากการผิดพลาดในระบบรักษาพยายาลหรือไม่ หากพบว่าผิดพลาดจริง ทางกองการประกอบโรคศิลปะจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
"เดย์ ไอโฟน" เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในอินเตอร์เน็ต โดยใช้นามแฝงว่า "ครีเอทีฟ7419" เป็นเจ้าพ่อแห่ง Font บนไฟล์ที่ทำให้ชาวไอโฟนมีภาษาไทยใช้ในเครื่องไอโฟน
โดย: ชื่อไม่เหมือนกัน แต่ตายเหมือนกัน [29 ส.ค. 52 13:19] ( IP A:58.9.183.175 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
ขอให้ฟันโช๊ะ สักเคสทีเถอะ....
ทั้งแพทยสภา และกองประกอบฯ
อย่าบอกนะว่า .. ตายแบบได้มาตรฐาน
อย่านะ อย่านะ เรามองคุณอยู่นะ
เปลี่ยนเสียที ชาวบ้านแช่งมามากแล้ว
โดย: หวังว่าจะเปลี่ยนนะแพทยสภา กองประกอบฯ [29 ส.ค. 52 17:54] ( IP A:58.9.184.223 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 15 เพราะยังงัย ๆ ก็ออกมารูปนั้นอยู่แล้วแทงหวยย้อนงวดนะ....ถูกชัดเจน ฟันธง....นั่งหลับตาดูทางใน ทางนอก เลขที่ออก....ตายได้มาตรฐาน ฮ่า ฮ่า ประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขไทย....กองประกอบฯ ไทย....แพทยสภาไทย.....ตายโดยความประมาทของแพทย์แบบ ไทย ไทย...เฮ้อ....โชคดีหรือร้ายที่เกิดเป็นคน ไทย....เนี่ย....
โดย: หมอดู [6 ก.ย. 52 20:25] ( IP A:202.57.174.22 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
...แล้วถ้า "ตายแบบได้มาตรฐาน" (รักษาตามมาตรฐานที่พึงเป็นไปได้ในเวลานั้นๆ แล้ว เกิดเหตุจากการดำเนินของโรคเอง หรือเกิดจากกรณีเกินคาด) จริงๆ จะว่ายังไงดีครับ
โดย: หมอเดา [6 ก.ย. 52 20:46] ( IP A:58.8.97.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
น่าสงสารจัง
โดย: raff [25 ต.ค. 52 10:53] ( IP A:125.24.230.38 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน