ลืมสายยางในท้องนาน 5 ปี
   https://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9520000097884
โดย: ไม่ได้ตั้งใจ [27 ส.ค. 52 18:08] ( IP A:58.8.211.139 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   บุก สธ.ร้องหมอลืมสายยาง 25 ซม.ในท้องนาน 5 ปี
ผู้จัดการออนไลน์
27-8-52

ญาติเดือดบุกร้อง สธ.หมอลืมสายยางยาว 25 ซม.อยู่ในท้องนาน 5 ปี เอกซเรย์เจอนิ่วเป็นของแถม ขณะที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์บัตรทอง ไม่รับผิดชอบผลการผ่าตัด ฉุนไม่มีจรรยาบรรณแพทย์

เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 26 สิงหาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข นายสุริยา ศรีสุขสอง น้าชาย นายอนุพงศ์ รอดนุช อายุ 25 ปี สามีของ น.ส.สุวารี ฉัตราภิวัฒน์ อายุ 23 ปี เดินทางมาร้องเรียนกระทรวงสาธารณสุข พร้อมญาติและเพื่อนกว่า 20 คน เนื่องจากแพทย์ตรวจพบว่ามีสายยางยาว 25 เซนติเมตร อยู่ในกระเพาะปัสสาวะและมีก้อนนิ่ว โดยมีเจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์

นายสุริยากล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ได้นำตัวน.ส.สุวารี เข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านบางแค โดยใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เนื่องจากมีอาการปวดท้อง ไม่สามารถกั้นปัสสาวะได้ เมื่อมาถึง 2-3 วันแรก แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด จนกระทั่งแพทย์ได้ทำการเอกซ์เรย์ที่บริเวณหน้าท้องจึงพบว่ามีสายยางยาวประมาณ 25 เซนติเมตร อยู่ที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งมีก้อนนิ่วอยู่ใกล้กับสายยาง จึงเพิ่งรู้ว่ามีสายยางอยู่ในท้องนาน 4-5 ปี แล้ว

นายสุริยากล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนอีกแห่งหนึ่ง เพื่อผ่าตัดกระสุนที่เกิดจากถูกลูกหลง ตั้งแต่ปี 29 มีนาคม 2547 แต่ไม่ทราบมาก่อนว่าแพทย์ใส่สายยางเพราะแพทย์ไม่เคยบอก เมื่อแพทย์ตรวจพบว่ามีสายยางอยู่ในท้องได้ติดต่อเพื่อจะขอเอกสารข้อมูลและเวชระเบียนผู้ป่วยเพื่อให้หมอนำไปวินิจฉัยก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด ซึ่งทางโรงพยาบาลให้เพียงใบส่งต่อผู้ป่วยเท่านั้น ดังนั้น ตนจะดำเนินการเอาผิดโรงพยาบาลดังกล่าวด้วย

“ล่าสุด เมื่อเช้าวันที่ 27 ส.ค. แพทย์โรงพยาบาลดังกล่าวให้ญาติเซ็นใบยินยอมให้ทำการผ่าตัดนำสายยางออกจากช่องท้อง โดยที่ไม่รับผิดชอบผลที่เกิดจากการผ่าตัด ทั้งๆ ที่แพทย์ได้แจ้งว่าจะทำการสลายนิ่ว รู้สึกรับไม่ได้ที่หมอบอกว่าจะไม่รับผิดชอบ อีกทั้งในเอกสารระบุเพียงเป็นการผ่าตัดเอานิ่วออก แต่ไม่บอกว่าผ่าตัดสายยางออกด้วย ญาติจึงไม่ยินยอม เพราะไม่เชื่อใจโรงพยาบาล แถมยังไล่ให้ไปรักษาพยาบาลที่อื่น ซึ่งคนเจ็บยังคงปวดท้องแต่กลับถอดสายน้ำเกลือเร่งให้เคลียร์ค่ารักษา เท่ากับหมอไม่มีจรรยาบรรณแพทย์เพราะปฏิเสธการรักษาทั้งๆ ที่มีสิทธิบัตรทองอยู่ที่นี่ ดังนั้น การมาร้องเรียนครั้งนี้อยากให้สธ.ดำเนินการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น เพราะไม่มีความมั่นใจที่จะรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าวอีกต่อไป” นายสุริยากล่าว

ด้าน นายอนุพงศ์ กล่าวว่า ภรรยาเริ่มรู้สึกปวดท้องและอั้นปัสสาวะไม่อยู่ช่วง 2-3 เดือนก่อนหน้านี้ เมื่ออาการรุนแรงขึ้นจึงมาพบแพทย์ เมื่อพบว่ามีสายยางในท้องทุกคนรู้สึกแปลกใจมาก แม้แต่พยาบาลก็แปลกใจ เพราะไม่รู้มาก่อน ขณะที่รักษาที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 ก็ไปตามแพทย์นัดทุกครั้ง

นพ.สุรพล โล่ห์ศิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีวิชัย 2 กล่าวว่า คนไข้คือน.ส.สุวารี ฉัตราภิวัฒน์ ได้เข้ารับการรักษาที่รพ.ศรีวิชัย 2 เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2547 จริง โดยผู้ป่วยถูกยิงเข้าที่ด้านหลัง ทะลุม้าม อาการสาหัส แพทย์ได้ทำการช่วยชีวิตโดยใส่สายยางเพื่อระบายของเสีย และ ระบายน้ำออก จนกระทั่งคนไข้อาการดีขึ้น ญาติได้แจ้งให้รพ.ทราบว่า มีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล และขอให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่รพ.หลวงพ่อทวีศักดิ์ จ.นครปฐม โดยได้แจ้งในใบส่งตัวผู้ป่วยถึงแพทย์ผู้ทำการรักษาต่อแล้วว่า มีการเจาะท่อและใส่สายยางไว้ในช่องท้องของผู้ป่วย ซึ่งโดยปกติ การรักษาในลักษณะนี้จะต้องใส่สายยางไว้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่เนื่องจากผู้ป่วยขอย้ายไปก่อนจะถึงกำหนด โดยรักษาที่รพ.ศรีวิชัย 2 เพียง 10 วัน เมื่อไปรักษาต่อที่รพ.อื่น แพทย์ที่รับรักษาจะต้องเป็นผู้เอาสายยางออก รวมทั้งผู้ป่วยก็จะต้องไปรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์นัด

"คงต้องพิจารณาหาข้อเท็จจริงว่า แพทย์ที่รับรักษาต่อไม่ได้เอาสายยางออกให้ หรือ นัดผู้ป่วยมาแล้วผู้ป่วยขาดการติดต่อกับรพ.ในส่วนของรพ.ศรีวิชัย ยืนยันว่าใส่สายยางในท้องผู้ป่วยจริง เพื่อช่วยชีวิตในขณะที่ผู้ป่วยมีอาการสาหัส ไม่ได้เป็นการลืมของแพทย์แต่อย่างใด"นพสุรพลกล่าว
โดย: เนื้อข่าว [27 ส.ค. 52 23:09] ( IP A:58.9.187.196 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
    หมอ-คนไข้โต้เดือด เหตุลืมสายยาง ในท้องนาน 5 ปี
ไทยรัฐ
28-8-52


ร้อง สธ.หมอลืมสายยางยาว 25 ซม.ในท้องนาน 5 ปี ขณะที่โรงพยาบาลตามสิทธิบัตรทอง ไม่รับผิดชอบผลการผ่าตัด ด้านผอ.รพ.ศรีวิชัย 2 ยืนยันใส่สายยางไว้จริง แต่คนไข้ย้ายไปรักษาต่อที่อื่นก่อนครบกำหนดไม่ได้เป็นการลืม...

นายสุริยา ศรีสุขสอง น้าชาย นายอนุพงศ์ รอดนุช อายุ 25 ปี สามีของ น.ส.สุวารี ฉัตราภิวัฒน์ อายุ 23 ปี เดินทางมาร้องเรียนที่กระทรวงสาธารณสุข พร้อมญาติและเพื่อนกว่า 20 คน ภายหลังจากแพทย์ตรวจพบมีสายยางยาว 25 เซนติเมตร อยู่ในกระเพาะปัสสาวะของ น.ส.สุวารี รวมทั้งมีก้อนนิ่ว โดยมีเจ้าหน้าที่กองการประกอบโรคศิลปะ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับเรื่องร้องทุกข์

นายสุริยา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค.2552 ได้นำตัว น.ส.สุวารี เข้ารับการรักษา ที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค โดยใช้สิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) เนื่องจากมีอาการปวดท้อง ไม่สามารถกั้นปัสสาวะได้ เมื่อมาถึง 2-3 วันแรก แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด จนกระทั่งแพทย์ได้ทำการเอกซ์เรย์ที่บริเวณหน้าท้องจึงพบว่า มีสายยางยาวประมาณ 25 เซนติเมตร อยู่ที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งมีก้อนนิ่วอยู่ใกล้กับสายยาง จึงเพิ่งรู้ว่ามีสายยางอยู่ในท้องนาน 4-5 ปี แล้ว

นายสุริยา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 เพื่อผ่าตัดกระสุนที่เกิดจากถูกลูกหลง ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.2547 แต่ไม่ทราบมาก่อนว่า แพทย์ใส่สายยาง เพราะแพทย์ไม่เคยบอก เมื่อแพทย์ตรวจพบว่า มีสายยางอยู่ในท้องได้ติดต่อเพื่อจะขอเอกสารข้อมูลและเวชระเบียนผู้ป่วย เพื่อให้หมอนำไปวินิจฉัย ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด ซึ่งทางโรงพยาบาลให้เพียงใบส่งต่อผู้ป่วยเท่านั้น ดังนั้นตนจะดำเนินการเอาผิดโรงพยาบาลดังกล่าวด้วย

ด้านนายแพทย์สุรพล โล่ห์ศิริวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีวิชัย 2 กล่าวชี้แจงว่า คนไข้ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจริง โดยผู้ป่วยถูกยิงเข้าที่ด้านหลัง ทะลุม้าม อาการสาหัส แพทย์ได้ทำการช่วยชีวิต โดยใส่สายยางเพื่อระบายของเสีย และระบายน้ำออก จนกระทั่งคนไข้อาการดีขึ้น ญาติได้แจ้งให้โรงพยาบาลทราบว่า มีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล และขอให้ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ จ.นครปฐม โดยได้แจ้งในใบส่งตัวผู้ป่วยถึงแพทย์ผู้ทำการรักษาต่อแล้วว่า มีการเจาะท่อและใส่สายยางไว้ในช่องท้องของผู้ป่วย

ผอ.โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 กล่าวว่า โดยปกติการรักษาในลักษณะนี้จะต้องใส่สายยางไว้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่เนื่องจากผู้ป่วยขอย้ายไปก่อนจะถึงกำหนด คือ รักษาที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 เพียง 10 วัน เมื่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่น แพทย์ที่รับรักษาจะต้องเป็นผู้เอาสายยางออก รวมทั้งผู้ป่วยก็จะต้องไปรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์นัด ซึ่งกรณีนี้จะต้องหาข้อเท็จจริงว่า แพทย์ที่รับรักษาต่อไม่ได้เอาสายยางออกให้ หรือนัดผู้ป่วยมาแล้วผู้ป่วยขาดการติดต่อกับโรงพยาบาล ในส่วนของโรงพยาบาลศรีวิชัยยืนยันว่า ใส่สายยางในท้องผู้ป่วยจริง เพื่อช่วยชีวิตในขณะที่ผู้ป่วยมีอาการสาหัส ไม่ได้เป็นการลืมของแพทย์แต่อย่างใด.
โดย: เอาล่ะ โต้กันเข้าแล้ว [28 ส.ค. 52 8:10] ( IP A:58.9.189.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    ผอ.รพ.ศูนย์อุดรฯ แจงข้อเท็จจริงสายยางในท้องผู้ป่วย
ข้อมูล MCOT http//www.mcot.or.th


อุดรธานี ๖ พ.ย.- ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรฯ ยืนยันแพทย์ไม่ได้ลืมสายยางหรือทำไตหาย ย้ำแพทย์ทำตามขั้นตอนการรักษาอย่างถูกต้อง และแจ้งให้ผู้ป่วยทราบแล้ว แต่คงไม่เข้าใจหรือได้รับข้อมูลจากที่อื่นมาไม่ชัดเจน

กรณีนายคำมูล คามะเชียงพิณ อายุ ๔๔ ปี พนักงานกวาดถนนเทศบาลนครอุดรธานี แจ้งความให้ตำรวจหาข้อเท็จจริงจากการตรวจพบสายยางยาว ๑ ฟุตในช่องท้อง และไตข้างซ้ายได้หายไป โดยปี ๒๕๔๒ ได้เข้ารับการผ่าตัดรักษา “นิ่วในไต” ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และยังคงยืนยันจะขอพบนายแพทย์เจริญ มีชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อรับทราบความจริง แต่จะไม่ให้หมอ รพ.ศูนย์อุดรธานี ทำการผ่าตัดเอาสายยางออก เพราะขาดความเชื่อมั่น ซึ่งขณะนี้นายคำมูลยังคงพักอยู่ที่บ้านบ่อน้อย ม.๑๑ ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี และเตรียมเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าว

น.พ.เจริญ มีชัย ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้เดินทางมาราชการที่ กทม. และจะเดินทางกลับคืนวันที่ ๕ พฤศจิกายน เพื่อชี้แจงกรณีตกเป็นข่าว พร้อมแสดงหลักฐานที่มีอยู่กรณีของนายคำมูล ขอยืนยันว่าหมอทำตามขั้นตอน ไม่ได้เกิดความผิดพลาด หรือเจตนาให้ผู้ป่วยเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นสายยางหรือไตหาย ซึ่งได้พยายามชี้แจงให้ผู้ป่วยทราบ แต่เพราะผู้ป่วยไปรับทราบข้อมูลจากโรงพยาบาลเอกชน จนเกิดความวิตกกังวลมาก ไม่ยอมรับฟังเหตุผลจากหมอ และตัดสินใจไปแจ้งความกับตำรวจ เอาหลักฐานประจำวันมาร้องเรียน

น.พ.เจริญ กล่าวว่า นายคำมูลเป็นคนป่วยพิเศษ โดยมารับการตรวจรักษาด้วยอาการ ปัสสาวะไม่ออก แพทย์ตรวจดูพบว่าเกิดจากอาการนิ่วในหลอดไตขวา และไม่มีไตข้างซ้าย สภาพเช่นนี้หากไม่ช่วยเหลือใน ๗ วัน ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตในอาการภาวะไตวาย โดยหมอได้ผ่าตัดเอานิ่วออกมา และการเย็บหลอดไตจะทำให้หลอดตีบ หมอจึงต้องเอาสายยางไปใส่ไว้ สายยางที่อยู่ในท้องไม่ใช่หมอลืมไว้ แต่ตั้งใจใส่ไว้ช่วยชีวิต ป้องกันไม่ให้หลอดตีบและปัสสาวะได้สะดวก ซึ่งหมอที่ผ่าตัดคงบอกคนไข้ไปแล้ว แต่คงสื่อสารไม่เข้าใจ

น.พ.เจริญ ยังกล่าวถึงไตซ้ายที่ว่าหายไปว่า ความจริงไม่มี หลักฐานการผ่าตัดครั้งแรกสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน รวมถึงการผ่าตัดครั้งแรก เป็นการผ่าตัดไตด้านขวา ไม่สามารถไปเกี่ยวกับไตข้างซ้ายได้ สำหรับอาการปวดท้องไม่ใช่เพราะสายยางที่ใส่ไว้หลอดไต แต่เป็นการป่วยจากสาเหตุอื่น เพราะสามารถเกิดขึ้นได้อยู่แล้ว หมอได้ตรวจรักษาอยู่หลายครั้ง ยอมรับว่าข่าวนี้กระทบหมอมาก โดยเฉพาะไปเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ที่หมอจะต้องเข้าไปรับผิดชอบ ส่วนผู้บริหารจะต้องดูแลทั้งสองฝ่าย ทั้งหมอที่จะรักษาคนไข้และคนไข้
โดย: ข้อมูลเก่ามาเล่าใหม่ [28 ส.ค. 52 8:19] ( IP A:58.9.189.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ร.พ.ลืมท่อยางในท้องคนไข้ 8 ปี
เก็บจาก มติชน 17 พ.ค.2547


ร.พ.ลืมท่อยาง 1 ฟุตในท้องคนไข้ 8 ปี เจ้าตัวไม่เอาเรื่อง แต่ขอให้ช่วยค่ารักษา

เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายต้อย สุขประสาน อายุ 44 ปี บ้านเลขที่ 405 หมู่ที่ 9 ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลกเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลพุทธชินราช ด้วยอาการปวดท้อง ผลการเอกซเรย์พบว่าที่บริเวณช่องกระเพาะปัสสาวะ มีสายยางยาวเกือบ 1 ฟุต หลังจากสอบประวัติพบว่าเมื่อปี 2539 นายต้อยเคยผ่าตัดก้อนนิ่วในไตที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จากนั้นอาการในช่วง 7 ปีแรกไม่มีอะไรผิดปกติ ต่อมาเมื่อต้นปี 2547 เริ่มมีอาการเจ็บช่องท้องโดยเฉพาะเวลาปวดท้องปัสสาวะ ครั้งแรกไปรักษาที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพฯ หมดค่ารักษาไป 6,000-7,000 บาท แพทย์เห็นอาการดีขึ้นจึงให้ออกจากโรงพยาบาล ต่อมามีอาการปวดท้องมากขึ้นจึงมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช

นายต้อยกล่าวว่า แพทย์เอกซเรย์ซ้ำ 2 ครั้ง พบสายยางอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร

"ผมไม่ได้คิดจะเอาเรื่องอะไรกับหมอ เพียงอยากให้ช่วยค่ารักษาพยาบาลให้หายเหมือนเดิมเท่านั้น ขณะนี้หมอยังไม่ได้นัดว่าจะผ่าตัดเมื่อไหร่ เพราะต้องฟอกเลือด ล้างไต เนื่องจากไตไม่ทำงานซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ตัวก็เริ่มบวม ผมกับภรรยาเงินเดือนสองคนร่วมกันยังไม่ถึงหมื่นบาท" นายต้อยกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
โดย: นี่ก็ลืม [28 ส.ค. 52 8:21] ( IP A:58.9.189.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   รอโรงพยาบาลหลวงพ่อทวีศักดิ์ท่านชี้แจง
เป็นพระไม่โกหกหรอกโยม เดี๋ยวก็กระจ่าง
โดย: จิงมะ [28 ส.ค. 52 11:47] ( IP A:58.8.11.29 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552
ปีที่ 32 ฉบับที่ 11494 มติชนรายวัน

กองประกอบโรคศิลปะสอบ สายยางในกระเพาะปัสสาวะ

จากกรณีที่นายอนุพงษ์ รองนุช ร้องเรียนว่า เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2552 ภรรยาปวดท้องจึงเข้ารักษาที่โรงพยาบาลเอกชนย่านบางแค กรุงเทพฯ แพทย์ตรวจพบสายยางยาว 25 เซนติเมตร ในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นผลจากการที่ผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 เนื่องจากถูกยิงเมื่อปี 2547 ซึ่ง 2 เดือนที่ผ่านมามีอาการผิดปกติ ปวดท้องและกลั้นปัสสาวะไม่ได้ ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยมาก

นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ได้ส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีแล้ว โดยนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งให้กองประกอบโรคศิลปะ ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และขอรายละเอียดข้อมูลการรักษาผู้ป่วยจากโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษา โดยรวมกับข้อมูลโรงพยาบาลราชวิถี เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรวบรวมข้อมูลส่งให้แพทยสภาตรวจสอบความถูกต้องการรักษาพยาบาล หากการตรวจสอบพาดพิงไปโรงพยาบาลไหน ก็จะขอเหตุผลการรักษาว่าใส่ท่อทิ้งไว้เพื่ออะไร โดยโรงพยาบาลราชวิถีจะผ่าตัดผู้ป่วยในบ่ายวันเดียวกันนี้ และโรงพยาบาลราชวิถีจะให้รายละเอียดต่อไป

นพ.ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองประกอบโรคศิลปะ กล่าวว่า จะดูรายละเอียดการรักษาผู้ป่วยรายนี้ พร้อมทั้งดูมาตรฐานของโรงพยาบาล ทั้งผู้ประกอบวิชาชีพ บุคลากร เครื่องมือแพทย์ และสถานที่ว่าเป็นไปตามข้อกำหนดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 หรือไม่ โดยจะรวบรวมข้อมูลส่งให้แพทยสภา เพื่อตรวจสอบมาตรฐานการรักษาว่าเป็นไปตามจริยธรรมหรือไม่อย่างเร่งด่วน (กรอบบ่าย)
โดย: ธารา ชินะกาญจน์ คุณเกษรกรณ๊ไตหาย จำชื่อคุณได้ไม่มีวันลืม คุณละเมิดสิทธิเขาเรื่องเวชระเบียน [29 ส.ค. 52 13:08] ( IP A:58.9.183.175 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   เอาละสิ...โอละพ่อ...คนละเรื่องเดียวกันเลย
ราชวิถียันสายยางในท้องสาว25เป็นวิธีรักษา
ข่าว INN
28-8-52


ผอ.ร.พ.ราชวิถี ยันเหตุพบสายยาง ที่ในกระเพาะปัสสาวะ ของหญิงสาววัย 25 ปี ไม่ใช่เกิดจากความชุ่ยของหมอ แต่เป็นวิธีการรักษา เนื่องจากผู้เสียหายถูกยิงจนระบบภายในมีปัญหา





แพทย์หญิงวารุณี จิรารัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ระบุ ว่าพลาสติกที่ตกอยู่ภายในกระเพาะปัสสาวะ หญิงอายุ 23 ปี ที่อ้างว่า แพทย์โรงพยาบาลเอกชนผ่าตัดทำการรักษากรณีถูกยิงเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว ลืมทิ้งไว้ภายในช่องท้องนั้น จากการตรวจสอบยอมรับเป็นผ้าพลาสติกที่แพทย์ใช้รักษาจริง แต่ไม่ได้ลืมทิ้งไว้ ภายช่องท้อง อย่างที่คนไข้เข้าใจ ทั้งนี้เป็นวิธีการรักษาตามปกติ เนื่องจากคนไข้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บแพทย์จึงต้องใช้ท่อพลาสติกดังกล่าวไว้ ส่วนที่คนไข้มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงนั้น เนื่องจากตรวจพบว่าเป็นนิ้วที่กระเพราะปัสสาวะ ซึ่งล่าสุดแพทย์ได้ผ่าตัดนำก้อนนิ่วออกมา และนำท่อพลาสติกออกจากช่องท้อง
ผู้ป่วยสำเร็จแล้ว เชื่อว่าวันจันทร์ที่ 31 ส.ค. ก็จะอนุญาตให้คนไข้กลับไปพักผ่อนที่บ้านได้
โดย: โอละพ่อ [29 ส.ค. 52 13:24] ( IP A:58.9.183.175 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   รัฐมนตรีฯสาธารณสุข ระบุ ยังไม่พบเชื้อกลายพันธุ์ ไข้หวัดนกผสมกับไข้หวัดใหญ่ 2009 หลังพบไก่งวงในประเทศชิลี ติดเชื้อ





นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการพบเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในไก่งวงของประเทศชิลี ทำให้เกรงว่าอาจเกิดกรณีไข้หวัดนกผสมกับไหวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ตามคำเตือนขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ทั้งนี้ ยืนยันประเทศไทยยังไม่พบกรณีเชื้อกลายพันธุ์ หรือ ไข้หวัดนก ที่อยู่ในสัตว์ปีก ผสมกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในคนแต่อย่างใด ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข จะยังคงระวังป้องกันอย่างเต็มที่ภายหลังที่เดินทางมาเป็นประธานวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้างอาคารผลิตวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกที่องค์การเภสัชกรรม จังหวัดสระบุรี

อย่างไรก็ตาม นายวิทยา ยังยืนยันประเทศไทยจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้ได้เพื่อช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้จะไม่ขอจำกัดในเรื่องระยะเวลาในการผลิต ส่วนกรณีที่คนไข้รายอื่นอ้างว่าแพทย์ที่รักษาผ่าตัดลืมสายยางที่ใช้ในการรักษาไว้ภายในช่องท้องของผู้ป่วยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว นั้น นายวิทยา ระบุยังไม่ได้รับรายงานแต่ก็จะกระทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วนต่อไป
โดย: ข่าว [29 ส.ค. 52 13:29] ( IP A:58.9.183.175 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   ขอให้ฟันโช๊ะ สักเคสทีเถอะ....
ทั้งแพทยสภา และกองประกอบฯ
อย่าบอกนะว่า .. ตายแบบได้มาตรฐาน
อย่านะ อย่านะ เรามองคุณอยู่นะ
เปลี่ยนเสียที ชาวบ้านแช่งมามากแล้ว
โดย: หวังว่าจะเปลี่ยนนะแพทยสภา กองประกอบฯ [29 ส.ค. 52 17:55] ( IP A:58.9.184.223 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ไอ้สายยางที่ว่า เค้าเรียกว่า Ureteral Stent ใช้สำหรับวางไว้ในทางเดินปัสสาวะเพื่อเป็นทางให้ปัสสาวะไหลได้ ไม่ใช่ว่าหมอลืมแต่อย่างใด

อ้างอิง
https://www.urostonecenter.com/management.asp
(ดูตรงหัวข้อ "Use of a Ureteral Stent")
โดย: หมอก้อนหิน [30 ส.ค. 52 19:44] ( IP A:124.157.150.77 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   เครือข่ายคุยกันตั้งแต่วันแรกว่าสงสัยเป็นสเต้น
ไม่ได้อยู่ในช่องท้องหรอก อยู่ในทางเดินปัสสวะจนมีนิ่วนั่นแหละ
และก็รู้ว่าใส่ไว้รักษาโรค แต่ก็เชื่อว่าแพทย์คงลืมเอาออก
เพียงแต่ว่า ลืมกันท่าไหน คนส่งส่งข่าวหรือไม่ คนรับลืมเอาออกหรือไม่
และก็สงสัยว่าทำไมส่องกล้องเอาออกไม่ได้ ขบนิ่วไม่ได้ ทำไมต้องผ่าตัด เดี๋ยวก็โดนอีกคดี
คนไข้เคยรู้ไหมว่ามีสายยางอยู่ในตัวเอง
หมอเคยลืมเอาออกไหม
When should the stent be removed?
If some cases the stent can be removed just a few days after the procedure, while in other cases your Urologist may recommend that it stay in place for up to 3 months. In general, a stent should be removed (or exchanged) within 3 months of insertion, since stents left in place for longer periods can lead to blockage, stone formation, or urinary infections.
ผอ.โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 กล่าวว่า โดยปกติการรักษาในลักษณะนี้จะต้องใส่สายยางไว้ประมาณ 3-4 สัปดาห์ แต่เนื่องจากผู้ป่วยขอย้ายไปก่อนจะถึงกำหนด คือ รักษาที่โรงพยาบาลศรีวิชัย 2 เพียง 10 วัน เมื่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลอื่น แพทย์ที่รับรักษาจะต้องเป็นผู้เอาสายยางออก รวมทั้งผู้ป่วยก็จะต้องไปรับการรักษาอย่างต่อเนื่องตามแพทย์นัด ซึ่งกรณีนี้จะต้องหาข้อเท็จจริงว่า แพทย์ที่รับรักษาต่อไม่ได้เอาสายยางออกให้ หรือนัดผู้ป่วยมาแล้วผู้ป่วยขาดการติดต่อกับโรงพยาบาล ในส่วนของโรงพยาบาลศรีวิชัยยืนยันว่า ใส่สายยางในท้องผู้ป่วยจริง เพื่อช่วยชีวิตในขณะที่ผู้ป่วยมีอาการสาหัส ไม่ได้เป็นการลืมของแพทย์แต่อย่างใด
โดย: ฟฟ [31 ส.ค. 52] ( IP A:58.8.211.95 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   ตกลงหมอลืมเอาออก หรือคนไข้ลืมนัด เพราะ คนไข้หลายคนมีแนวโน้มที่จะขาดนัดเมื่ออาการดีขึ้น

เบาหวานความดันยังมาไม่ค่อยจะตรงนัดเลย
โดย: เชื่อป่ะ [31 ส.ค. 52 6:32] ( IP A:125.26.110.78 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   เวลาบอกอะไรไป คนไข้บางคนจำได้ไม่ถึงสิบเปอรเซ็นต์ พอให้ทวนก็มักจะไม่รู้เรื่อง พอมีปัญหาก็อ้างว่าหมอไม่เคยบอก
โดย: นิสัยจริงๆ [31 ส.ค. 52 6:36] ( IP A:125.26.110.78 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   คนบางจำพวกมันก็ชอบโยนความผิดให้คนไข้ ง่ายดี
โดย: พวกมักง่าย [31 ส.ค. 52 7:45] ( IP A:58.9.189.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   แพทยสภาพิจารณาจริยธรรมแพทย์พรุ่งนี้ วินิจฉัยผิด-ลืมสายยางในช่องท้อง

นายแพทย์ธารา ชินะกาญจน์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ ระบุว่า พรุ่งนี้ (31 ส.ค.) แพทยสภาจะพิจารณาจริยธรรมแพทย์ 2 กรณี โดยช่วงเช้าจะพิจารณากรณีแพทย์โรงพยาบาลเอกชน 3 แห่ง วินิจฉัยโรคคลาดเคลื่อน จนทำให้นายพีรวีร์ ดวงสินกุลบดี วัย 28 ปี ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เสียชีวิต ซึ่งหากพบแพทย์บกพร่องจริง ก็จะผิดจริยธรรมที่ไม่ทำตามมาตรฐานวิชาชีพ ส่วนสถานพยาบาลก็มีความผิด ฐานไม่ควบคุมดูแลแพทย์ที่ทำการรักษา มีโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากนั้นจะพิจารณากรณีแพทย์ลืมสายยางไว้ในท้องของ น.ส.สุวารี ฉัตราภิวัฒน์ โดยให้โรงพยาบาลเอกชนแห่งแรกที่รักษา ส่งเอกสารใบส่งตัวผู้ป่วยมายืนยันว่า ได้แจ้งกับโรงพยาบาลรัฐที่เป็นผู้รักษาต่อแล้วว่า ให้แพทย์ถอดสายยางในช่องท้องออกให้ด้วย แต่แพทย์ไม่ได้ถอดสายยางออกถือว่า แพทย์มีความผิด โดยขณะนี้ น.ส.สุวารี อาการดีขึ้นแล้ว
โดย: 2 เคส หมู่หรือจ่า ติดตามดูตอนต่อไป [31 ส.ค. 52 8:18] ( IP A:58.9.189.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ผมทำผ่าตัดแปลงเพศ บ่อยครั้งที่เอาผ้าที่ยัดไว้ออกหลังผ่าตัด 7 วัน แล้วใส่ไปใหม่อีก 3-4 ชิ้น เพื่อทิ้งไว้อีกวัน เวลาเลือดยังซึมๆหลังเอาผ้าที่ยัดออก ผมต้องบอกคนไข้เสมอ ว่าหมอยัดไว้กี่ชิ้น พรุ่งนี้อย่าลืมบอกให้หมอเอาออกนะ เพราะบ้างที่เดี๋ยวหมอลืม งานยุ่งๆ แต่คุณไม่ลืมหรอก เพราะคุณจำคนเดียว อย่าลืมนะ
ผลก็คือคนไข้เตือนหมอไม่เคยลืมเลย
ผมว่าการใส่ร้ายคนไข้นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลย ความจริงแล้วเขาเป็นผู้ช่วยหมอที่ดีที่สุดในการรักษาตัวเขาเอง (พยาบาลยังไม่ดีเท่าเลย)
ข้อเสียคือบางครั้งใจร้อนชอบทำเกิน เช่นไปซื้อยาทาแผลหลังผ่าตัดหลอดละเป็นพันเพื่อรักษาแผลให้หายเร็วหลังตัดไหม แล้วแพ้เห่อมา
โดย: ฟฟ [31 ส.ค. 52 9:20] ( IP A:58.8.211.95 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   คนเรา สามัญสำนึก นะ สามัญสำนึก

ถ้าเป็นคนที่ "ไม่ชุ่ย หรือ ปัญญาอ่อนอย่างเหลือขอ" แล้วล่ะก็

เมื่อทำการผ่าตัดใหญ่ โดยเฉพาะหลังการประสบเหตุอันตรายจากการถูกยิงด้วยปืนอย่างนี้

หากหมอได้ "ทำผ่าตัดและฝากชิ้นส่วนแปลกปลอม" ไว้ในตัวเราและหมอได้บอกเราไว้ว่า "มีอยู่" ซึ่งหากหมอไม่ได้บอกไว้เป็นอย่างอื่นก่อน ก็ต้องเข้าใจและจำไว้ได้แน่ๆว่า "มีของแปลกปลอมอยู่ในตัว" และก็ต้องจำไว้ว่าต้องเอาออกไปจากตัวสักวันหนึ่งข้างหน้า ซึ่งย่อมไม่ใช่เดือน ไม่ใช่ปี และไม่ใช่รอไปห้าปีข้างหน้า

นี่คือเหตุผลง่ายๆที่ว่า ทำไมคนไข้ปรกติทั่วไป อย่างเช่นกรณีของท่าน ฟฟ กลับเป็นผู้ช่วยชั้นดีเลิศ ในการร่วมมือเตือนให้ท่าน "ฟฟ" เองนำชิ้นส่วนแปลกปลอมใดๆทีฝากไว้ในตัวคนไข้แล้วก่อนหน้านั้น คืนออกไปเมื่อถึงเวลา

กรณีอย่างนี้ ผมขอฟันธงว่า "หมอ" คนที่ฝาก stent ชิ้นนั้นไว้กับตัวคนไข้ ไม่ได้แจ้งคนไข้ ซึ่งก็คือ "ลืมไปเลย" ว่าต้องบอกคนไข้ว่ามีเจ้าสิ่งนี้อยู่ในตัวคนไข้ ซึ่งหากได้บอกไว้ คนไข้ก็จะต้องจำและสำนึกได้ว่าเมื่อถึงเวลาก็ต้องนำเจ้าของชิ้นนี้ออกไปจากตัว เพราะเอาออกเองไม่ได้

ยกเว้นคนไข้รายนี้จะเป็นอย่างที่ผมว่า คือ "ชุ่ยยิ่งกว่าหมอ หรือ ปัญญาอ่อนอย่างเหลือขอ"

แต่กรณีนี้ คนไข้รู้จักไปหาหมอเพื่อรับการรักษาต่อเนื่องของ "บาดแผลจากเหตุการถูกยิง"ได้เองโดยมีสำนึก แสดงว่า "เป็นคนปรกติ"

ฉะนั้น งานนี้หมอที่ทำผ่าตัดแล้วสอดเจ้า stent นี้เข้าไป "ต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ" อย่างไรก็ตาม

นี่เป็นความผิดพลาด ซึ่งเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ แต่ลองพิจารณากันดูนะครับว่า "ใครกันแน่" ที่พยายามปิดบังความผิดพลาด????

ตัวหมอเจ้าของไข้ที่ทำผ่าตัดหรือ???

ตัว ผ.อ.โรงพยาบาลที่เป็นที่ผ่าตัดหรือ???

ตัว ผ.อ. กองประกอบโรคศิลปะ หรือ???

ตัว ก.ก. หรือ จนท. แพทยสภาที่ออกมาให้ข่าวหรือ???

หรือแม้แต่ตัว ร.ม.ต. สธ. ซึ่งมีหน้าที่ต้องแก้ปัญหาทำนองนี้อย่างตรงไปตรงมาตามหน้าที่ หรือ?????******

กรณีนี้ เป็น "อีกหนึ่ง" ของตัวอย่างเหตุการณ์ที่สอดรับกับวาทะของท่านเซอร์เลียม โดนัลสัน ซึ่งขอฉายซ้ำอีก

วาทะอมตะของท่านเซอร์เลียม โดนัลสัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ (ตำแหน่งเทียบเคียงนายกแพทยสภาของไทย) แห่งแคว้น England, สหราชอาณาจักรอังกฤษ และ ประธานโครงการความปลอดภัยทางการแพทย์เพื่อคนไข้ผู้รับบริการ (Patients for Patient's Safety) ขององค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ

ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเรื่องของความปลอดภัยของคนไข้ภายใต้บริการทางสาธารณสุข (เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น) ไม่ได้อยู่ที่ "หาคนผิด" หรือ "ลงโทษคนทำพลาด" แต่อยู่ที่ การป้องกันความผิดพลาด ทั้งที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์และที่เกิดจากระบบ เพื่อไม่ให้มัน " เกิดขึ้น " และ นั่นเป็นเรื่องที่ต้องการความโปร่งใสที่มากยิ่งกว่าของตัวระบบบริการ รวมทั้ง ต้องการความสมัครใจที่ยิ่งใหญ่กว่าของบรรดาผู้อยู่ในวงวิชาชีพนี้ที่จะกล้ายอมรับอย่างซึ่งๆหน้าต่อความผิดพลาดของเรากันเอง เหนือสิ่งอื่นใด ความผิดพลาดเป็นเรื่องปรกติของมนุษย์ แต่การปิดบังความผิดพลาดเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และการล้มเหลวที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาดก็เป็นเรื่องที่ยกโทษให้ไม่ได้ พวกเราหมอทุกคนล้วนทำเรื่องผิดพลาดได้ทั้งสิ้น แต่นี่เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องเรียนรู้จากมันและหาหนทางที่ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะไม่ทำอันตรายกับใครได้อีก
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [1 ก.ย. 52 8:42] ( IP A:58.8.105.54 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   กรณีนี้เงียบไปแล้ว
สงสัยเคลียร์กันเรียบร้อย
คนไข้อยากได้เงินก็คงได้เงินเรียบร้อย
หมอไม่อยากให้เป็นข่าวก็คงได้ดังหวัง
สมใจทุกคน
โดย: แฮปปี้ [4 ก.ย. 52] ( IP A:58.8.93.46 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   ถึงคุณหมอตัดไข้ คนไข้มันคนละกลุ่มกันจริงๆ คนไข้ของคุณ high edu cation high money ควาามใส่ใจต่อการดูแลรักษามันต่างกันเยอะ มิฉะนั้นในโลกนี้คงไม่มีคนไข้ผิดนัด อีกอย่าง ใส่กีีิอตเพื่อซับแผล ยังไงก็ต้องดูแผล ต่ลืมให้บอกแต่ตอนดูแผลหมอก็ต้องเห็น คนไข้ก็ต้องเห็น

แต่การใส่ stent มันเป็นสายที่คาไว้แล้วทำห้คนไข้ดีขึ้น แผลหายคนไข้สบาย คนไข้ไม่ใส่ใจ มันมีให้เห็นบ่อยๆ

อีกตัวอย่าง ผ่าตัดใส่เหล็กที่กระดูกขากรณีขาหัก บอกแล้วบอกอีกว่า 1 ปี ต้องกลับมาผ่าเอาเหล็กออก ไม่งั้นเหล็กหักได้ พอคนไข้สบายขึ้น หายไปไม่กลับมาอีกไม่รู้เท่าไร ก็ยังคาเหล็กไว้แบบนั้น

คนไข้วัณโรค บอกให้คินยา 6 เดือน นัดมารับยาทุกเดือน พอกินยาได้เดือนเดียวหายไอ ก็หายตัวไม่ยอมพื่อให้มาตามนัด ต้องส่งคนไปตามที่บ้านให้มาเอายา ขอโทษ ไปกลางวันคนไข้ไปทำนาแล้ว ไปตีห้ากลับ 1 ทุ่ม ต้องไปตามคนไข้ตอนดึก เสียเวลาเสียกำลังคน

เบาวหวานความดันอีก น้ำตาล 3-400 ก็บอกหมอไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่เจ็บไม่ปวดกินข้าวได้ กินยาบ้างไม่กินบ้าง อาหารก็ตามใจปาก ขาดนัดเ็ป็นว่าเล่น เราก็เออ เด๋วรู้สึก

แน่นอน วันๆคุณก็เอาแต่ตัดไข้ คนไข้จริงๆ ในชีวิตคนไม่รู้เคยแตะถึงพันคนรึป่าว ไม่รู้เรื่องมันนก็ธรรมดา
โดย: รู้ไม่จริง แถม ปญอ [4 ก.ย. 52 7:07] ( IP A:125.26.110.2 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   คห ที่ 19 นี่ ท่าจะเป็นหมอจริง บรรยายประสบการณ์มาเยอะ

ว่าแต่ กรณีนี้ พี่ชายคนไข้เขาประกาศแล้วว่า ไม่เอาเงินทอง แต่ขอให้สารภาพผิดและขอโทษ แค่นั้น

ง่ายๆ จบไวๆดี แต่ไม่ทำ เสียเวลา "ค้าน้ำลาย" ต่อแทนที่ คนไข้เยอะอยู่แล้ว

แถมยังต้องมาให้ "คุณหมออย่าง คห ที่ 19" เปลืองแรงงาน+เวลาตรวจไข้อีกต่างหาก เฮ้อ เหนื่อยแทน
โดย: ไม่รู้จริง แต่ไม่ ป.ญ.อ. แล้วใครกันแน่ที่... [7 ก.ย. 52 9:08] ( IP A:58.8.108.56 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   ยิ่งทำให้น่าคิด ว่าทำไมถึงไม่ยอมทำอะไรง่ายๆ แต่ต้องทำให้เรื่องยุ่งยาก
อาจเป็นไปได้สองอย่าง หนึ่งคือเลวจริงๆ ไม่ยอมรับผิด กับสองคือไม่ได้ทำผิด จึงไม่ยอมรับผิด พยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์

คนทั่วไปที่ไม่มีอคติคงรู้ว่าอะไรมันน่าจะเป็นไปได้มากกว่ากัน
โดย: 222 [7 ก.ย. 52 20:14] ( IP A:61.90.10.138 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   แน่นอนครับ ก็ผมเป็นหมอ ไม่ช่างตัดไข่ ที่เอาแต่ตัดไข่จนไม่รู้สภาพความเป็นจริง
โดย: รู้ไม่จริง แถม ปญอ [7 ก.ย. 52 21:09] ( IP A:125.26.111.45 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน