consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
ผลชันสูตรยัน"ไมเคิล"ถูกฆาตกรรมหมอให้ยาเกินขนาด
ผลชันสูตรยัน"ไมเคิล"ถูกฆาตกรรมหมอให้ยาเกินขนาด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
25 สิงหาคม 2552 09:28 น.
https://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000096578
และแล้วผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการของ"ไมเคิล แจ็กสัน"ราชาเพลงป็อปผู้ล่วงลับก็ได้ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่าการเสียชีวิตครั้งนี้เป็นการฆาตกรรม เกิดจากการให้ยาเกินขนาดโดยแพทย์ประจำตัว
ตามรายงานจากเอกสารทางศาลระบุว่า ราชาเพลงป็อปชื่อดังถูกฆาตกรรมจากแพทย์ผู้ให้ยา โพรพอฟอล เกินขนาด จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ในบ้านพักที่ลอสแองเจลิส ด้วยวัย 50 ปี
หลังการเสียชีวิตของนักร้องดัง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนอย่างหนักเกี่ยวกับรายละเอียดการใช้ยา, หน้าที่ของแพทย์ผู้สั่งยารวมถึงวิธีการรักษาจากคอนราด เมอร์เรย์ แพทย์ประจำตัวผู้ทำการรักษาไมเคิลด้วย
ตามรายงานระบุว่า ดร. คอนราด เมอร์เรย์ ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เขารักษาอาการนอนไม่หลับของนักร้องดังมาเป็นเวลาประมาณ 6 สัปดาห์ เขาได้ให้ยา โพรพอฟอล ปริมาณ 50 มิลลิกรัมทุกคืนด้วยวิธีการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ
ซึ่งเมอร์เรย์ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า ด้วยความที่เขากลัวว่านักร้องดังจะติดยาเขาจึงลดปริมาณลงเป็น 25 มิลลิกรัม และผสมยาอย่างอื่นเข้าไปทั้ง โลราซีแปม และ มีดาโซแลม
และก่อนที่นักร้องดังจะเสียชีวิต 2 วัน ดร. คอนราด ได้ให้ยาสองชนิดที่กล่าวไปพร้อมกับระงับยาโพรพอฟอลไว้ชั่วคราว และในเวลา 1.30 น. ของวันที่นักร้องดังเสียชีวิตเขาพยายามจะทำให้นักร้องดังได้นอนหลับโดยไม่ใช้ยาโพรพอฟอล โดยเปลี่ยนเป็นการให้ยาแวเลียมแทน
เขาบอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนต่อไปว่า ตัวยาดังกล่าวที่เขาให้ไปไม่ได้ผลเขาจึงฉีดยาคลายเครียด โลราซีแปม เข้าเส้นเลือดดำในเวลา 2.00 น. แต่ถึงกระนั้นนักร้องดังยังคงไม่หลับเขาจึงให้ยา มีดาโซแลมเพิ่มเข้าไปอีก
เมอร์เรย์ ให้ยาไมเคิลเพิ่มเข้าไปอย่างต่อเนื่อง โดยเขาระบุว่าในเวลา 10.40 น. เขาได้ให้ยาโพรพอฟอล ปริมาณ 25 มิลลิกรัมกับเขา ซึ่งเขากล่าวอ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเป็นเพราะไมเคิลเป็นผู้ต้องการตัวยาดังกล่าว
จากการรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าการให้ยาโพรพอฟอล ของเขากับไมเคิล แจ็กสันนั้นไม่พบว่าเป็นยาที่ได้มาอย่างผิดกฏหมาย เพราะเขามีเอกสารใบอนุญาตรับรองทางการแพทย์ตามหมายเลข DEA เป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่สืบสวนเองก็ได้ค้นพบขวดยาโพรพอฟอล เป็นจำนวน 8 ขวดและตัวยาอื่นๆมากมายตามใบสั่งของดร. คอนราด และแพทย์รายอื่นอีก 2 คน คือดร. อัลลัน เมทซ์เจอร์ รวมถึง ดร. อาร์โนล์ด เคลน ผู้เคยมีรายงานข่าวว่าเป็นพ่อของพรินซ์ ไมเคิล มาแล้วหลังการเข้าพิสูจน์หลักฐานในบ้านพักของนักร้องดังวันที่เสียชีวิต
ซึ่งตัวยาอื่นๆที่ค้นพบในบ้านพักของนักร้องดังนั้นตามเอกสารจากทางการระบุว่ามีทั้ง แวเลียม, แทมซูโลซิน, โลราซีแปม, เทมาซีแปม, โคลนาซีแปม, ทราโซโดน และ ไทซานิดีน
ดร. คอนราด ได้กล่าวกับเจ้าหน้าที่สืบสวนด้วยว่าเขาไม่ใช่แพทย์รายแรกที่ให้ยาโพรพอฟอล กับไมเคิล แจ็กสัน เพราะเขาเคยถามเรื่องนี้กับไมเคิลมาแล้วพร้อมกับสังเกตด้วยว่าตามมือและเท้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเข็มฉีดยา แต่นักร้องดังกล่าวเพียงว่าการได้รับยาหลากหลายชนิดสามารถช่วยเขาได้
ในช่วงเวลาก่อนที่นักร้องดังจะเสียชีวิตตามรายงานจากทางศาลระบุว่า ดร. คอนราด ได้เผยถึงเหตุการณ์หลังการให้ยาว่า เขาได้นั่งอยู่ข้างไมเคิล แจ็กสัน ก่อนจะไปเข้าห้องน้ำและนั่งพักผ่อน เมอร์เรย์ระบุว่าเขาออกจากห้องไปได้อย่างมากไม่เกิน 2 นาที พอเขากลับมาอีกครั้งก็สังเกตว่าไมเคิล แจ็กสัน ไม่หายใจแล้ว เขาจึงเริ่มทำการปั๊มหัวใจผายปอดช่วยชีวิต และพอสักพักก็วิ่งลงมาชั้นล่าง และบอกผู้ดูแลบ้านให้ส่งพรินซ์ ไมเคิล ลูกชายคนโตของไมเคิล ขึ้นไปข้างบน จากนั้นเขาก็ทำการปั๊มหัวใจต่อไป
ดร. คอนราด ระบุว่าเขาสังเกตว่าไมเคิล ไม่หายใจแล้วในเวลา 11.00 น. เขาจึงโทรศัพท์ถึง 3 ครั้งตั้งแต่เวลา 11.18 น. - 12.05 น. และเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมช่วยชีวิตก็มาถึงในเวลา 12.21 น. ซึ่งค่อนข้างคลาดเคลื่อนช้ากว่ารายงานที่ระบุออกมาก่อนหน้านี้
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ ดร. คอนราด เมอร์เรย์ ยังปฏิเสธที่จะเซ็นเอกสารยืนยันการเสียชีวิตของไมเคิล แจ็กสัน ขณะอยู่ที่ ยูซีแอลเอ เมดิคัล เซ็นเตอร์ด้วย
ตอนนี้ดร. คอนราด เมอร์เรย์ ถูกตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท และจะเรียกตัวแพทย์รายอื่นทั้ง เคลน, เมทซ์เจอร์ และ เดวิด สเลวิทท์ ผู้ที่จัดการเรื่องการแพทย์ให้กับไมเคิล แจ็กสัน เพื่อขึ้นคอนเสิร์ต O2 ด้วย และจะดำเนินการจับกุมแพทย์ผู้รักษาเขาภายใน 2 อาทิตย์นี้
โดย: แพทยสภาบ้านเราอายเลย [25 ส.ค. 52 15:59] ( IP A:58.9.187.97 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
ดร. คอนราด เมอร์เรย์
โดย: ถ้าอยู่เมืองไทย ไม่เคิลตายฟรีแน่ ๆ ๆ ๆ ๆ [25 ส.ค. 52 16:01] ( IP A:58.9.187.97 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
มาตฐานหมอไทยเขาดีจะตาย >>> ผิดได้ไง
(หมอบางคนนะ ไม่ได้รวมทุกคน)
เป็นคนไข้ไทยก็ตายฟรีแบบได้มาตรฐานค่ะ
โดย: จริงอะเปล่า [26 ส.ค. 52 12:37] ( IP A:124.157.190.129 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
"ตายฟรีแบบได้มาตรฐาน" ที่ชอบพูดกันนั้น ถ้าเกิดขึ้นกับใครก็เข้าใจว่าคงยอมรับไม่ได้ที่เกิดกับตัวเอง
แต่อย่างน้อยก็อยากให้ยอมรับให้ได้ว่ามีจริง และเอาผิดกับใครไม่ได้ด้วย เพราะไม่มีคนผิด
โดย: 000 [26 ส.ค. 52 13:25] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
เอาผิดกับใครไม่ได้เพราะมันไม่ยอมรับผิด
ก็เลยต้องจำใจ ตายฟรี ต่างหาก ...
โดย: 111 [26 ส.ค. 52 14:03] ( IP A:118.172.36.74 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
ไอ้ที่ไม่ยอมรับผิด ก็มีทั้งพวกที่ไม่ยอมรับผิด เ้พราะไม่ผิด กับพวกที่ไม่ยอมรับผิด เพราะเลว ทำผิดแล้วไม่ยอมรับ
แยกกันด้วย
โดย: 000 [26 ส.ค. 52 20:08] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
คนในห้องนี้เขาแยกแยะเป็นน่า
หมอดี ๆ มีมากกว่าหมอเลว เขาก็รู้
หมอดีอย่ากินปูนร้อนท้อง
ห้องนี้เขาด่าหมอที่เก่ง แต่ขี้โกง
แถมสอนลูกศิษย์ให้ขี้โกงอีกต่างหาก
โดย: หมอดี ๆ ถอยไปเลย [27 ส.ค. 52 8:58] ( IP A:58.9.199.25 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
บางทีการจ่ายยาตามที่ผู้ป่วยเรียกร้องก็เป็นดาบสองคมอย่างที่ว่า ไม่จ่ายตามใจมีปัญหามาก็ว่า จ่ายยาตามใจมีปัญหามาก็ว่า ถ้าเมืองไทยจะเรียนแบบอเมริกาที่เอากฎหมายมาเล่นงานแพทย์อย่างเต็มที่แล้วคนไทยพร้อมหรือยังกับค่ารักษาที่สูงลิ่วเหมือนสหรัฐ
โดย: คนเก่า [27 ส.ค. 52 21:19] ( IP A:202.28.183.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
เฮ้อ
ผมว่านะ หมอรุ่นที่ป้วนเปี้ยนไปมาแถวนี้บ่อยๆ ก็ไม่ค่อยจะมีพัฒนาการทางความคิดเอาซะเลย กี่ปีกี่กระทู้ที่เถียงกัน ก็คิดได้แต่แบบเดิมๆ ไม่ตื่นรู้กับความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้า ไม่รับรู้กับผู้คนรอบข้างที่ไม่ใช่หมอว่า "เขาคิดกันไปถึงไหนแล้ว?"
การแพทย์แบบของอเมริกานั้น ในสุนทรพจน์ของท่านบารัค โอบาม่า ก็สะท้อนบอกไว้ชัดเจนว่า เป็นการแพทย์แบบรักษาตามอาการ เฉพาะอาการ เฉพาะโรคแบบทื่อๆ (กึ่งซื่อบื้อแบบเข้าข้างผลประโยชน์ตัวเองไว้ก่อน) ไม่ใช่การรักษาแบบองค์รวมที่มุ่งสภาพสมดุลย์ทางสุขภาพที่ดีที่สุด โดยมีเงื่อนไขเชิงพานิชย์ตามที่บริษัทประกันภัยเป็นผู้ตั้งเงื่อนไขอย่างเสรี อย่างไร้มนุษยธรรมและด้วยแนวนึกคิดแบบทุนนิยมสามาน
การกล่าวอ้างว่า การฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นตัวเงินเยอะเอากับอาชีพหมอ แล้วจะทำให้ "การหาหมอต้องมีราคาแพงในที่สุด" เลียนแบบอย่างอเมริกาแน่ๆ จึงเท่ากับเป็นแนวคิดแบบหลงทาง "เห็นช้างขี้ แล้วนึกว่า เราเป็นลาสี่ขาเหมือนกัน ก็คงต้องขี้ตามช้าง" ไม่มีปัญญาที่จะคิดหาหนทางของตัวเอง
เหมือนกัน ในเรื่องการจ่ายยา ในเมื่อไม่ใช่สภาพ "น่าสิ่วหน้าขวาน" การตามใจคนไข้จ่ายยาตามที่คนไข้เรียกร้องเสมอไป ทั้งๆที่ "หมอเท่านั้น" ที่เป็นผู้รับผิดชอบและสังคมกำหนดหน้าที่ให้เป็นผู้รู้ผลของการจ่ายยาที่จะเกิดขึ้น แบบนี้ขืนตามใจคนไข้แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ "แล้วหมอจะถูกเรียกว่าเป็นหมอได้หรือ??? ตัวหมอคนนั้นไม่อยู่ในสภาพ "เสียศูนย์" หรือ???
หมอที่ตะบี้ตะบัน "ตามใจคนไข้" แบบ "อ่อนเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน" จนละเลยองค์ความรู้เฉพาะวิชาชีพของตนเอง ก็รังแต่จะเกิดโศกนาฏกรรมทำนองเดียวกับของกรณีราชาเพลงป๊อบคนนี้
ในมุมกลับกัน "คนไข้" ที่ตะบี้ตะบัน "เชื่อหมอแบบ" เดินตามลายแทงขุมทรัพย์ต้อยๆทุกกระเบียดนิ้ว ก็ไม่ต่างจากเอาคอขึ้นพาดเขียงที่อาจดูหลอกตาว่าเป็นหมอนนุ่มๆนอนสบายๆก็ได้
สุดท้ายนะ ทุกอย่างที่สมผัสและรับรู้ได้น่ะ มันก็เหมือนเหรียญ มันมีสองหน้าเสมอ
โดย: คนรู้ทัน ไม่รู้จริง [28 ส.ค. 52 8:09] ( IP A:58.8.100.56 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
ขอให้ฟันโช๊ะ สักเคสทีเถอะ....
ทั้งแพทยสภา และกองประกอบฯ
อย่าบอกนะว่า .. ตายแบบได้มาตรฐาน
อย่านะ อย่านะ เรามองคุณอยู่นะ
เปลี่ยนเสียที ชาวบ้านแช่งมามากแล้ว
โดย: หวังว่าจะเปลี่ยนนะแพทยสภา กองประกอบฯ [29 ส.ค. 52 17:57] ( IP A:58.9.184.223 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน