ภาพจากศาลแพ่งกรุงเทพใต้ 14 ตุลาคม 2548
   วันที่เราทำได้สำเร็จ อีกครอบครัวหนึ่ง

สู้ต่อไปเพื่อนร่วมทุกข์ smile อีกร้อยคดีรอเราอยู่

โดย: เจ้าบ้าน [14 ต.ค. 48 20:19] ( IP A:61.91.161.239 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   มีมาเพิ่มอีกสามคดี ใครเป็นใครดูกันเอาเองครับ blink

โดย: เจ้าบ้าน [14 ต.ค. 48 20:21] ( IP A:61.91.161.239 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ขอให้เป็นศพสุดท้ายเถิด อย่าได้มีอีกเลย

ไม่ต้องถามนะว่าเครือข่ายฯ ได้เงินส่วนแบ่งหรือเปล่า cry

โดย: เจ้าบ้าน [14 ต.ค. 48 20:27] ( IP A:61.91.161.239 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    ทุกคนในภาพ คือผู้ที่ทุภพลภาพ และสูญเสียผู้ที่เป็นที่รัก จากความบกพร่องทางการแพทย์ทั้งสิ้น บางคนมีฐานะ บางคนยากไร้ แต่รวมใจกันเป็นหนึ่ง ..... เราจึงมีวันนี้
โดย: เจ้าบ้าน [14 ต.ค. 48 20:32] ( IP A:61.91.161.239 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
    เพิ่งเข้าไปเว็บบอร์ดผู้จัดการมา https://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9480000141795

.
โดย: เจ้าบ้าน [15 ต.ค. 48 1:23] ( IP A:61.91.161.123 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
    แถลงการณ์ของคนไข้

หนูกับลูกดีใจ ที่วันนี้สามีได้รับความเป็นธรรม และหนูได้รับการเยียวยา หนูรอวันนี้มานานด้วยความทุกข์ทรมานใจ การต่อสู้ในศาลเป็นเรื่องเหนื่อยสาหัสสำหรับชาวบ้าน ต้องขอบพระคุณศาลท่านที่เมตตา แต่ต้องรอดูก่อนว่า ทางกรมตำรวจ หรือทางแพทยสภาจะเรียกร้องให้อุทธรณ์หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หนูก็ขอบอกว่า “ถ้าท่านคิดว่าท่านผิด ท่านไม่ควรอุทธรณ์” เสียเวลาให้คดีรกศาลเปล่าๆ และเป็นการสร้างบาปให้แก่ครอบครัวผู้เสียหายด้วย เว้นแต่ท่านคิดว่าท่านไม่ผิด แต่เชื่อหนูเถอะ เรื่องนี้ท่านผิดแน่นอน หนูมั่นใจ แต่หนูไม่ว่านะถ้าท่านจะอุทธรณ์ ขอท้าเลยก็ได้ แต่ถ้าในใจท่านมีคุณธรรม มีมโนธรรม ท่านคงรู้ว่าท่านควรจะทำอย่างไร ท่านควรละอายแก่ใจบ้าง หลายปีที่ผ่านมาครอบครัวหนูลำบากมาก แต่ยังไม่ได้ครึ่งของความเสียใจที่สามีหนูและพ่อของลูกต้องจากไป ชีวิตสามีหนูหรือพ่อของลูกหนู แลกด้วยเงินไม่ได้หรอก ดังนั้นหมอเวลารักษาคนไข้ต้องระมัดระวังเอาใจใส่ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย [/font >หนูขอขอบคุณมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ และสภาทนายความที่ช่วยเหลือหนูมาตลอด รวมทั้งเพื่อน ๆ ที่ให้กำลังใจหนูมาตลอด หนูขอเรียกร้องให้ผู้เสียหายทุกคนออกมาใช้สิทธิ อย่านิ่งดูดาย การปล่อยความผิดพลาดให้ลอยนวลโดยคิดว่าไหน ๆ คนไข้ก็ตายไปแล้วเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง เพราะจะมีการกระทำผิดซ้ำอีก แล้วรายต่อไปอาจเป็นลูกหลานใครก็ได้ สังคมจะน่าอยู่ ถ้าทุกคนร่วมมือกัน และตรวจสอบซึ่งกันและกัน หากมีความเสียหายเกิดขึ้น แล้วไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครที่จริงใจ ก็ให้ไปขอความช่วยเหลือมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หรือเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ได้ ถึงเวลาที่ชาวบ้านต้องช่วยกันเองแล้วค่ะ

COPY FROM แถลงการณ์ของคุณรุ้ง
โดย: เจ้าบ้าน [15 ต.ค. 48 15:07] ( IP A:61.91.163.155 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
    คดีนี้ฟ้องโจทก์ระบุว่า ระหว่างวันที่ 7-12 สิงหาคม 2545 ผู้ตายเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ด้วยโรคฝีที่ทวารหนัก โดยจำเลยเป็นผู้จัดหาและรับผิดชอบดูแลแพทย์พยาบาล ซึ่งวันที่ 8 สิงหาคม พ.ต.อ.นพ.ณรงค์ชัย เจียรสกุล นายแพทย์งานศัลยกรรม เป็นผู้ผ่าตัดฝี ต่อมาผู้ตายมีอาการไข้ขึ้นสูงมีผื่นแดงทั่วทั้งตัว เมื่อโจทก์ที่ 1 ขอให้เรียกแพทย์มารักษากลับไม่มีแพทย์มาตรวจดูอาการ กระทั่งวันที่ 9 สิงหาคม แพทย์เวรเข้ามาดูอาการ และวันที่ 10-11 สิงหาคม พ.ต.อ.นพ.ณรงค์ชัยแพทย์เจ้าของไข้ จึงบอกว่าผู้ตายมีอาการแพ้ยา ซึ่งแพทย์เวรนำผู้ตายเข้ารักษาตัวฟอกไตในห้องไอซียู กระทั่งเสียชีวิตลงด้วยสาเหตุตับและไตวาย และระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งโจทก์ทั้งสองยืนยันว่าการเสียชีวิตเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการตรวจรักษาของแพทย์เจ้าของไข้ แพทย์เวร รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของจำเลย

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ จำเลย แล้วคดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำการโดยประมาทเลินเล่อหรือไม่ คดีนี้โจทก์มี ร.ต.อ.ญ.รุจิรา จงศุภวิศาลกิจ พยาบาลเวร เบิกความว่า เมื่อพบว่าผู้ตายมีไข้ขึ้นสูง พยานแจ้งให้ นพ.วิฑูรย์ บุญถนอมวงศ์ แพทย์เวรทราบ ซึ่งแพทย์สั่งฉีดยาแก้แพ้ให้ ขณะที่ นพ.วิฑูรย์พยานจำเลยเบิกความว่า ก่อนสั่งฉีดยา ได้สอบถามพยาบาลเวรว่าผู้ตายมีอาการแพ้ยาหรือไม่ พร้อมให้นักศึกษาแพทย์ตรวจดูอาการและให้รายงานผล

จากข้อเท็จจริงดังกล่าวศาลเห็นว่า เหตุที่ ร.ต.อ.ญ.รุจิราพยาบาลเวร รายงานอาการผู้ตายให้แพทย์เวรทราบ เพราะคิดว่าน่าจะมีอาการแพ้ยาจึงรายงานเพื่อให้แพทย์มาตรวจดูอาการด้วยตนเอง แต่ที่ นพ.วิฑูรย์อ้างว่าขณะนั้นกำลังผ่าตัดคนไข้รายอื่นจึงสั่งฉีดยาแก้แพ้นั้น ศาลเห็นว่าคำเบิกความของ นพ.วิฑูรย์เป็นเพียงคำกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีใบบันทึกรายงานการผ่าตัดที่ระบุช่วงเวลา มาเป็นหลักฐานแสดงในชั้นพิจารณา อีกทั้งยังพบว่ายาแก้แพ้ที่แพทย์เวรสั่งฉีดนั้นเป็นยาแก้แพ้ทั่วไป ซึ่งหลังจากผู้ตายมีอาการผิดปกติแต่แพทย์เจ้าของไข้และแพทย์เวรไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอย่างเพียงพอตามวิสัยของแพทย์ที่จะรักษาคนไข้ จึงเห็นว่าการกระทำของแพทย์ของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์จริง
โดย: . (เจ้าบ้าน ) [15 ต.ค. 48 15:14] ( IP A:61.91.163.155 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน