คืนนี้ดูแพทยสภาออกรายการนะ
   พวกเราไม่ได้ไปออกหรอก เพราะเขาไม่ยอมให้เราออก
กลัวเราฉีกหน้ากลางอากาศ
โดย: พวกเรา [17 ม.ค. 49 23:05] ( IP A:61.90.21.2 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   https://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action=display;num=1137515922

สมาชิกเราคนหนึ่งมีคำถามสองข้อ

1.เวชระเบียนให้คนไข้ไม่ได้ เพราะมีการเขียนพาดพิงถึงบุคคลที่สาม แล้วทำไมแพทยสภาไม่อบรมห้ามแพทย์เขียนพาดพิงบุคคลที่สามในเวชระเบียน เวชระเบียนทุกฉบับมีชื่อบุคคลที่สามจริงหรือไม่

2.เมื่อแพทยสภากล่าวว่า "ในภาวะการตรวจที่คนไข้มากเวลาจำกัด แพทย์ไม่สามารถตรวจได้อย่างละเอียดจึงเกิดความผิดพลาดได้ง่าย" แต่ทำไมจึงไม่ค่อยเห็นแพทยสภาตัดสินว่า"ผิดพลาด"เลย แต่ละเคส "ไม่มีมูล" สุดวิสัยทั้งสิ้น ตกลงว่าความผิดพลาดเกิดจริงหรือไม่จริงในการตรวจเชิงปริมาณดังกล่าว
โดย: คัดลอกมาจาก TCC [18 ม.ค. 49 6:45] ( IP A:61.90.14.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   เดี๋ยวนี้หมอเขาโกรธพวกเราจนเก็บอาการไม่อยู่แล้ว

ความเห็นที่ #1 เมื่อ: วันนี้ เวลา 00:06:21 »
ได้โปรดให้เกียรติ์อาจารย์สมศักดิ์ด้วยการนำหน้าด้วยคำว่า นพ. หรือ อาจารย์ ด้วยนะครับ ไอ้เฮงซว..ย
ส่งโดย: please 203.172.48.*


« ความเห็นที่ #2 เมื่อ: วันนี้ เวลา 00:46:18 »
ก็ต้องเรียนไอ้เฮงซวยคนถามว่า เวชระเบียนน่ะมันเป็นสมบัติส่วนตัวของคนเขียนเขา เหมือนบันทึกรักพิมฉวี ฉะนั้นมันจะเขียนถึงใครมันย่อมเขียนได้ ตราบเท่าที่มันจะไม่เอาไปเปิดเผยในที่สาธารณะแล้วก่อให้เกิดความเสียหายต่อบ ุคคลในบันทึก ประเด็นที่ต้องถามก็คือว่าเอ็งจะเอาไปทำอะไรไอ้เวชระเบียนบันทึกส่วนตัวของแ พทย์เขานี่น่ะ ถ้าเอาเขาไม่ให้ถือว่าเป็นสิทธิของหมอเขา ถ้าเอ็งจะเอาเอ็งต้องขอหมายศาลมา....เป็นคำตอบสุดท้าย

ส่วนไอ้ข้อหลังนี่ช่วยไม่ได้จริงๆครับอาจารย์ อาจารย์พลาดเต็มๆเลยครับก่อนออกอากาศปรึกษาผมก่อนนะครับในทางกดหมายนี่พลาดแ ปลว่าผิดพลาดเลยครับ ข้ออ้างเรื่องเวลาฟังไม่ขึ้นครับ เห็นด้วยกับไอ้เฮงซวยคนถามทุกอย่างในข้อนี้ครับ เหตุสุดวิสัยอ้างได้อย่างเดียวไปดูกดหมายครับมันมีคำว่าวิญญูชนพึงใช้ความระ มัดระวังอย่างเต็มความสามารถ....เขียนประมาณนี้แหละครับ ปริมาณงาน ข้อจำกัดเรื่องเวลาไม่ได้ช่วยอะไร
ส่งโดย: ขอเฮงซวยด้วยคน 203.188.10.*


« ความเห็นที่ #3 เมื่อ: วันนี้ เวลา 00:47:46 »
จขกท คงไม่มีครูบาอาจารย์ หรือมีแต่ไม่เคยจดจำว่าควรปฏิบัต่อครูอาจาย์แบบไหน
ส่งโดย: ลองๆนึกดูนะ 61.47.103.*

« ความเห็นที่ #4 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:00:34 »
เจ้าของกระทู้จะถามหาพ่อมึงหรอ ให้ไปถามแม่มึงก่อนดีกว่า ไอ้โครตเฮงซวย ส่งโดย: ขอเฮงซวยอีกคน 61.7.143.*
« ความเห็นที่ #5 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:18:31 »
เพื่อนๆแพทย์ในที่เข้ามาอ่านกระทู้TCC อย่าไปตอบกระทู้กันนะครับ ...อ่านแล้วก็ผ่านๆไปเลยครับ
--------------------------------------------------------------------------------
อันความคิดวิทยาเหมือนอาวุธ ประเสริฐสุดซ่อนใส่เสียในฝัก
สงวนคมสมนึกใครฮึกฮัก จึงค่อยชักเชือดฟันให้บรรลัย
ส่งโดย: Dr. Jekyll
สถานะ: Executive Member
จำนวนความเห็น: 527 210.203.182.*


« ความเห็นที่ #6 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:20:04 »
เป็นหมอต้องมีปากเป็นหมอด้วย
ทำไมโมโหง่ายจัง ไปที่นี่นะ
https://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=doctorroom;action= display;num=1137333945
ส่งโดย: เผอิญซวย 61.90.21.*


« ความเห็นที่ #7 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:35:11 »
อนึ่ง ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้นว่าเวชระเบียนถือเป็นสมบัติของโรงพยาบาล มิใช่ของแพทย์หรือแม้แต่ตัวผู้ป่วยเอง ประเด็นเรื่องเวชระเบียนนี้ มีแง่มุมที่น่าสนใจสมควรที่แพทย์ควรทราบไว้โดยย่อ ดังนี้
- ผู้ป่วยไม่มีกรรมสิทธิ์ในเวชระเบียน แม้เวชระเบียนนั้นจะเป็นเวชระเบียนที่เกี่ยวกับตนเองก็ตาม โดยตัวผู้ป่วยมีสิทธิเพียงการ “ได้ทราบข้อมูลของตน” ตามที่บัญญัติไว้ในประกาศสิทธิผู้ป่วย ข้อ 9 ว่า “ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ ปรากฏในเวชระเบียนเมื่อร้องขอ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของบุคคลอื่น” โดยกรรมสิทธิ์ในเวชระเบียนจะตกเป็นของสถานพยาบาล ยกเว้นว่า สถานพยาบาลนั้นเรียกเก็บค่าเวชระเบียน
- หากผู้ป่วยต้องการทราบข้อมูลในเวชระเบียน จะต้องให้สถานพยาบาลร่วมกับแพทย์ผู้ให้การรักษาใช้ดุลพินิจในการเปิดเผยข้อม ูล โดยแพทย์มีสิทธิเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จำเป็นในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพความเจ็บป ่วยและการรักษาโดยสรุปเท่านั้น แพทย์ไม่จำต้องเปิดเผยขั้นตอนปลีกย่อยในการดำเนินการรักษาเป็นต้นว่า การทำแผลใช้น้ำยาอะไร ใช้ยาขนาดกี่มิลลิกรัม เป็นต้น
- หากผู้ป่วยต้องการทราบขั้นตอนการรักษาโดยละเอียด ให้ทำผ่านทางองค์กรทางการแพทย์ คือ แพทยสภา
- ผู้ป่วยรวมทั้งผู้สืบสิทธิ (เช่น ลูกหรือภรรยาในกรณีที่ผู้ป่วยเสียชีวิต) มีสิทธิได้จำกัดในการขอเวชระเบียน และสิทธิดังกล่าวมีเพียงแค่การขอทราบข้อมูล โดยแพทย์เองก็มีสิทธิให้ข้อมูลเพียงปากเปล่า หรือการออกเอกสารสรุปขั้นตอนการรักษา โดยไม่จำเป็นต้องถ่ายสำเนาให้ทั้งหมด
- หากพิจารณารายละเอียดข้างต้นแล้ว จะเห็นว่า เมื่อผู้ป่วยมีสิทธิจำกัดในการขอเวชระเบียน บริษัทประกันภัยก็มีสิทธิไม่เกินไปกว่าตัวผู้ป่วย ดังนั้นเมื่อบริษัทประกันมาขอข้อมูลจากเวชระเบียน แม้ว่าจะให้ผู้ป่วยลงลายมือชื่อยินยอมในเอกสารขอให้เปิดเผยข้อมูล แพทย์หรือสถานพยาบาลก็ยังมีสิทธิในการเปิดเผยเท่าที่ตนเห็นสมควรตามกฎหมาย
- หากเป็นกรณีที่เป็นคดีความ และกระบวนการยุติธรรมต้องใช้ข้อมูลในเวชระเบียนอย่างละเอียด เช่น ศาล เป็นต้น กรณีเช่นนี้จะมีหมายศาลออกมาเพื่อขอเวชระเบียนไป ซึ่งกฎหมายได้ให้อำนาจไว้เป็นพิเศษ
จากรายละเอียดทั้งหมดข้างต้น จะเห็นว่าความเข้าใจในกรรมสิทธิ์เวชระเบียนนั้นเป็นที่คลาดเคลื่อน
อย่างมากในสังคม เพราะแม้แต่แพทย์หรือสถานพยาบาลหลาย ๆ แห่งก็ยังคงเข้าใจว่าผู้ป่วยน่าจะมีกรรมสิทธิ์ดีกว่า ประเด็นนี้ทำให้สื่อมวลชนเข้าใจผิดอยู่บ่อย ๆ โดยกล่าวหาว่าพยายามปกปิดข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องที่แพทยสภาน่าจะดำเนินการชี้แจงให้ทราบ
ส่งโดย: doctorlawyer (M.D. + LLB) 203.144.160.247 fwd for 61.91.111.*
โดย: คัดมาอีกที [18 ม.ค. 49 6:50] ( IP A:61.90.14.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   ทีนี้ตอบเองบ้างนะ

การกีดกันไม่ให้ผู้ป่วยเข้าถึงข้อมูลของที่เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้ป่วยโดยต รง นั้น แม้จะพูดบิดเบือนแค่ไหน เด็กอมมือก็ดูออกว่าเอื้อประโยชน์ให้ ฝ่ายไหนโดยตรง

หากต้องให้ผู้ป่วยลำบากมากขนาดนั้น กว่าจะผ่านขั้นตอนฟ้องร้อง กว่าจะ ได้ ก็มีการเขียนใหม่ แก้ไขข้อมูลใหม่ไปเรียบร้อยหมดแล้ว อย่าลืม หมอคือกลุ่มที่ฉลาดมากกว่าวิญญูชนทั้งหมดทั้งมวล บทจะร้ายขึ้นมาก็น่า กลัวมากกว่าวิญญูชนเช่นกัน
โดย: สมาชิกเครือข่ายฯ [18 ม.ค. 49 6:51] ( IP A:61.90.14.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   เราเองยังเห็นว่า "ถึงลูกถึงคน" ไม่แฟร์ที่ยอมให้หมอออกฝ่ายเดียว
มีข้อโต้แย้งมากมายในคืนที่ผ่านมา ฝ่ายวิชาชีพพยายามบิดเบือน
โอดครวญให้ชาวบ้านหรือรมต.หันมาเห็นใจ ถึงกล้าพูดว่าเดี๋ยวนี้
แพทยสภากับรมต.เข้าใจกันแล้ว เข้าใจกันเรื่องอะไร ทีแรกด่า
รมต.เหย็ง ๆ มิน่ารมต.ไปไหนรุมล้อมให้ข้อมูลที่บิดเบือนอยู่ตลอด
เวลา คิดว่าตัวเองทำสำเร็จแล้วสินะ ถ้าหากแน่จริงทำไมไม่ให้ฝ่าย
ผู้ป่วยไปร่วมโต้แย้งด้วย

วัวสันหลังหวะ เคยทำอะไรที่เฮงซวยเอาไว้มาก กลัวคนไข้จะฉีกหน้ากลางอากาศแล้วตอบไม่ได้ เลยต้องทนเป็นหน้าตัวเมียพูดอยู่
ฝ่ายเดียว
โดย: แด่..พวกที่เฮงซวยกว่า [18 ม.ค. 49 6:54] ( IP A:61.90.14.128 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   มึงก็ฟ้องเอาดิ กรูรำคาญ แม่งเห่ากันอยู่ได้
โดย: เชี่ย [18 ม.ค. 49 8:57] ( IP A:202.28.181.9 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ทำไมฟังเสียงเห่ารู้เรื่องล่ะ
โดย: งั้นก็พวกเชี่ยด้วยกันนะสิ [18 ม.ค. 49 9:25] ( IP A:61.90.71.241 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   วันที่ 26 เจอกันอีกนะครับ เราก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง คือทำแล้วไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ อย่าทำในสิ่งที่โลกติเตียนไม่ต้องสร้างกะลาแยกตัวจากโลกภายนอกไว้ชมกันเอง เชียร์กันเอง ดูง่ายๆ เว็บวิชาชีพอื่นคือเสียงสะท้อนของสังคม เราใช้เป็นกระจกส่องตัวเราเองได้ทุกเวลา ตราบใดที่เราไม่ทำตัวเป็นปีศาจคาบคัมภีร์
โดย: LEX [18 ม.ค. 49 11:04] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   หมอเริ่มถามตัวเอง ว่าแล้วตูมาทำงานเงินเดือนเท่าราชการอื่นๆทำไม ต้องรับผิดชอบชีวิตคน แบบที่เรียกว่าคนไข้ตายไม่ได้ ถ้าตายตูฟ้อง เวลาทำงานก็มากกว่าคนอื่น ไปทำเอกชนดีกว่า เงินเดือนหลายแสน ถ้าถูกฟ้องก็ยังคุ้ม พวกคุณก็ด่าอีกว่าไม่มีอุดมการณ์ พวกคุณก็ไปหาหมออุดมการณ์แล้วกัน อีกหน่อยจะเหลือสักกี่คน พวกคุณใช่สื่อทำลายทุกวัน จะเหลือแต่หมอที่ยังทำงานให้รัฐแบบเตรียมตัวออกไปอยู่เอกชนหรือไปต่างประเทศ ที่ให้ความเชื่อถือหมอมากกว่าประเทศนี้(หมอไม่ต้องห่วงว่าตกงาน ที่เขมร ลาว พม่า อัฟริกา อเมริกาใต้ ยังต้องการหมออีกมากมาย) มีหมอคนหนึ่งบอกว่า อีกหน่อยผมจะรักษาแค่คนในครอบครัว และญาติมิตรที่สนิทก็พอ ไม่รู้แส่ไปหาเรื่องให้เขาด่าทำไม ทำมากเงินก็เท่าเดิม (รพ. ของรัฐ) ทำมากก็เสี่ยงมาก เวลาส่วนตัวก็ไม่มี ถูกคนไข้ไล่บี้เหมือนโจร (คนที่รัฐมนตรีบอกว่าให้ไล่ออก หมอบอกว่าขอบใจมาก ที่ช่วยตัดสินใจ ) หมอบอกว่าถ้ารักษาแล้วคนไข้ต้องไม่ตาย โลกนี้คงน่าอยู่จริงๆ พ่อแม่พี่น้องหมอคงไม่ต้องตาย
โดย: คนเดือนตุลาที่ไม่ใช่หมอ [18 ม.ค. 49 11:08] ( IP A:203.114.123.64 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   คุณทราบไหม ตัวหมอเองบางครั้งเป็นโรคอะไรยังหาสาเหตุไม่เจอเลย หมอทั้งโรงพยาบาลช่วยกันวินิฉัย กว่าจะหาเจอก็เกือบตาย แบบนีถ้าเป็นไข้ ถูกฟ้องตายห่า
โดย: คตนเดือนตุลา [18 ม.ค. 49 11:13] ( IP A:203.114.123.64 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   ความเห็น 9 กับ 10

รอให้เกิดกับญาติพี่น้องหรือคนที่คุณรักเสียก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน
คุณไม่เคยเจอปัญหาที่หนักหนาสาหัส เวลามีเรื่องกับหมอ พวกนี้บิด
เบือนเก่ง เรื่องดี ๆ ของเขาเราเข้าใจและชื่นชมเขาเสมอ แต่ที่เราด่า
ก็เพราะมันไม่เคยพูดถึงความไม่ดีของตัวเองเลย มันเก่ง คุณคงไป
ฟังมาแต่เรื่องดี ๆ

คนตุลาก็เปลี่ยนได้ เยอะแยะไป
โดย: คนเดือนมกรา [18 ม.ค. 49 11:35] ( IP A:61.90.71.241 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   มันต้องแยกแยะเป็นหลายพวก

พวกแรกหมอทำแย่ๆจริง คนไข้ไม่รู้ ก็ไม่มีเรื่อง เขาก็จะทำแย่ๆแบบนั้นไปตลอด

พอวันหนึ่งไปเจอคนไข้ที่เขาไม่ยอม เอาเรื่องขึ้นมา แล้วแพทยสภาดันไปเถียงแทนหมอ ปกป้องอีก เรื่องเลยดัง ยกตัวอย่างกรณีคุณดลพรและเครือข่ายฯอีกหลายคน รวมคุณดอกรักด้วย แพทยสภาจะหลบเลี่ยงที่จะเผชิญกับสองคนนี้ตลอด

กรณีที่สามพวกคนป่วยรู้มากเอะอะฟ้องหมอลูกเดียวโดยเกาะกระแสเครือข่ายฯ โชคดีเจอหมอพลาดจริงก็ได้เงิน โชคไม่ดีหมอทำตามมาตรฐานแล้วเอาโรคไม่อยู่ ก็แห้ว ตอนจบเครือข่ายฯก็จะถูกแพทยสภาโยนบาปให้ ดูตัวอย่างในรายการ เคสน้องเซน และเด็กตายในท้องแม่ สามหมอพูดซ้ำไปซ้ำมาสนุกมาก จะบอกความจริงให้ว่าทั้งสองเคสไม่ได้เข้ามาขอความช่วยเหลือ เครือข่ายฯไม่ได้ไปช่วยฟ้อง เขาทำของเขาเอง

เคสที่เครือข่ายหนุนหลังแพทยสภาไม่กล้าเอามาเป็นตัวอย่างสักราย เพราะเป็นเรื่องโรงพยาบาลเอกชน เราวิเคราะห์หลักฐานชัดเจนแล้วถึงจะกล้าช่วย ชนักมันยังติดหลังพวกท่านอยู่ สิบสี่ปีแล้วยังถอนไม่ออก ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บจมลึก

ถ้าเครือข่ายยุให้ฟ้องทุกรายที่ตายในโรงพยาบาลรับรอง ศาลไม่ต้องทำงานอื่น คุณคนเดือนตุลาต้องอย่าไปเชื่อน้ำตาจระเข้ ที่มีชนักติดหลัง
โดย: คนเดือนพฤษภา [18 ม.ค. 49 11:42] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   อ้ออีกข้อหนึ่ง ชอบอ้างเรื่องรักษาไส้ติ่งแล้วตาย ชอบพูดขอความเห็นใจมากกกก

ข้อเท็จจริงที่ศาลตัดสินแล้วว่าแพทยประมาทที่ร่อนพิบูลย์นั่นเพราะ เสียชีวิตจากการบล็อคหลังที่ไม่มีการเตรียมการกู้ชีพไว้ก่อน ไม่ดูแลอุปกรณ์กู้ชีพให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน คนป่วยไม่ได้เสียเพราะไส้ติ่งอักเสบ พูดข้างเดียวหนังม้วนเก่า เปลี่ยนได้แล้ว
โดย: คนเดือนพฤษภา [18 ม.ค. 49 11:48] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
   ท่านรมต. สาสุข ท่านต้องฟังผู้ป่วยให้เยอะ ๆ อย่าโอนเอียงไปฝ่าย
โน้นเพียงเพราะพวกเขาได้ใกล้ชิด ได้เห็นกันทุกวัน ผู้ป่วยเสียเปรียบ
วันยังค่ำ

แม้จัดประชุมบอกว่าระดมความคิดเห็น แต่ขอโทษผู้ป่วยถูกจับไปนั่ง
เป็นไม้ประดับ ให้แสดงความคิดเห็นแค่คนละ 5 นาที หรือใครหน้า
ด้านหน่อยก็ได้พูด 10 นาที แต่เป็นสิบนาทีที่พวกหมอไม่สนใจฟัง
คุยกัน และทำหน้าเบื่อหน่าย

ท่านรมต. ต้องทำใจจัดประชุมอีกครั้ง คราวนี้ฟังแต่ฝ่ายผู้ป่วยบ้าง
แต่ต้องเสียสละเวลาเข้ามานั่งฟังด้วย อย่าให้ใครสรุปให้ฟังเพระจะ
ไม่ค่อยได้เรื่องจริง คนชงเรื่องบางทีก็ไม่ใช่ฝ่ายผู้ป่วย

แต่ คนเป็น รมต. ข้อเสียคือไม่ค่อยมีเวลา เลยไม่ค่อยได้ฟังเรื่อง
จริงเท่าไหร่
โดย: คนเดือนมกรา [18 ม.ค. 49 16:32] ( IP A:61.91.160.233 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน