consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
เรื่องเวชระเบียน เรื่องเก่าเอามาเล่าใหม่
หลังจากที่พวกเราได้ประชุมร่วมกับท่านอาจารย์ประเวศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา บัดนี้สิทธิของพวกเรายังถูกละเมิดอย่างมาก และมากกว่าเดิม คนไข้ที่เสียหายไม่สามารถขอเวชระเบียนได้ และขอยากกว่าเดิม เพราะฝ่ายหมอเขาส่งข่าวบอกกันหมดแล้วว่าไม่ให้ แต่ส่งเสริมให้ส่งไปที่กลุ่มของหมอเอื้อชาติให้ตรวจสอบ ท่านจะทำอะไรกันเราไม่ว่า แต่อย่าละเมิดสิทธิของผู้ป่วย ตรงนี้เราจะยอมกันหรือไม่
ดูข่าวเก่า ๆ เรื่องเวชระเบียน รู้สึกอ.สมศักดิ์ ท่านจะเล่นคำเพราะฝ่ายผู้ป่วยบอกว่าเวชระเบียนเป็นสิทธิของผู้ป่วยโดยสมบูรณ์นั้น หมายถึงต้องขอคัดถ่ายเอกสารได้ ไม่ใช่จะเอาตัวจริงออกมาทั้งหมดเสียเมื่อไหร่ อาจารย์แกล้งไม่เข้าใจหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ แล้วที่อ้างว่าให้ได้นั้นกลับ
ตรงกันข้ามเพราะผู้ป่วยขอไม่ได้ กว่าจะได้ก็หืดขึ้นคอ หลายรายเริ่มฟ้องเอาเวชระเบียนแล้ว ต่อไปเราจะบุกแพทยสภา ถ้ายังไม่ยอมให้
ดูข่าวนะ
แพทยสภาหัก"พินิจ"อีก ประวัติผู้ป่วยเป็นสิทธิหมอ
นายกแพทยสภาหัก"พินิจ"อีก ยันเวชระเบียนต้องเป็นสิทธิของแพทย์ ไม่สามารถยกเป็นสิทธิของผู้ป่วยตามคำขอของเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ได้ หวั่นกระทบบุคคลที่ 3 เป็นเหตุให้แพทย์ถูกฟ้องได้
ตามที่นายพินิจ จารุสมบัติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับปากเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ จะดำเนินการให้เวชระเบียนเป็นสิทธิของผู้ป่วย เพราะเห็นว่าข้อมูลการรักษาไม่ควรมีการปกปิด และต้องมีการเปิดเผยแก่ผู้ป่วย
นางดลพร ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ กล่าวอีกว่า ตามกฎหมายแล้ว ข้อมูลในเวชระเบียนเป็นสิทธิของผู้ป่วยโดยสมบูรณ์ ถึงแม้ตัวเอกสารจะเป็นของโรงพยาบาลก็ตาม แพทย์ไม่มีสิทธิที่จะมาคัดกรองข้อมูลก่อนให้ ตอนนี้ถึงขั้นที่ว่าผู้ป่วยไม่สามารถขอดูเวชระเบียนได้เลย จึงเป็นที่สงสัยว่าถ้าไม่มีอะไรผิดปกติทำไมต้องปกปิด แทนที่จะให้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ป่วยโดยดี
"การที่นายพินิจรับปากว่าจะดูแลเรื่องนี้ทำให้มีความหวังขึ้นมา เพราะไม่เคยมีรัฐมนตรีคนไหนที่จะกล้าชนกับแพทย์ จึงน่าจะมีความหวัง และอยากฝากให้ทำเรื่องเวชระเบียนไปพร้อมกันกับ การดำเนินการให้แพทยสภามีคนนอก และการตั้งกองทุนชดเชยผู้เสียหายไปพร้อมกันด้วย" นางดลพร กล่าว
ด้าน น.พ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า ปัจจุบันนี้ผู้ป่วยมีสิทธิในการขอข้อมูลในเวชระเบียนได้ และแพทย์มีสิทธิที่จะคัดกรองข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 ก่อนให้ผู้ป่วย โดยไม่สามารถให้ไปทั้งหมดได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกฟ้อง เพราะการเขียนเวชระเบียนบางครั้งมีการเขียนพาดพิงบุคคลที่ 3 เวชระเบียนจึงยังต้องเป็นสิทธิของโรงพยาบาลไม่สามารถเป็นสิทธิของผู้ป่วยได้
นายกแพทยสภา กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมายืนยันได้ว่า ข้อมูลในเวชระเบียนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจร่างกาย ผลเลือดผู้ป่วย และวิธีการรักษาอย่างไร เป็นข้อมูลของผู้ป่วยที่แพทย์ให้ได้ และก็ปฏิบัติมาตลอด แต่การเรียกร้องของเครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ที่จะให้เวชระเบียนเป็นสิทธิของผู้ป่วยนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
ต้องถามกลับว่า เวลาเขียนหนังสือเรื่องชีวประวัติประธานาธิบดีคนหนึ่ง ใครเป็นเจ้าของหนังสือเล่มนั้น ก็เป็นคนเขียนใช่หรือไม่ เวชระเบียนก็เช่นกัน แพทย์เป็นคนเขียนที่เกี่ยวกับการรักษาแพทย์ก็เป็นเจ้าของ ไม่ใช่ผู้ป่วย ที่ผ่านมาเมื่อผู้ป่วยร้องของดูเวชระเบียน แพทย์ก็ให้ดู เราไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม แต่บางสิ่งให้ไม่ได้เพราะการเขียนเวชระเบียนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 ถ้าให้ไปก็เกิดการฟ้องร้องขึ้นมา ทั้งที่แพทย์เขียนไว้เพื่อการทำงาน ไม่ได้ต้องการให้เปิดเผยแล้วมาจ้องจับผิดฟ้องร้องแพทย์ ตอนเขียนเวชระเบียนใช้เวลาไม่นาน คนเดียวตัดสินใจ แต่พอคนเอาไปดู ก็หาช่องทางจะฟ้องแพทย์ ความเป็นธรรมสำหรับแพทย์มีหรือไม่ น.พ.สมศักดิ์ กล่าวและว่า การที่นายพินิจรับปากว่าจะให้เวชระเบียนเป็นสิทธิผู้ป่วยนั้น สะท้อนว่านายพินิจยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าสิทธิผู้ป่วยกับการทำการรักษาของแพทย์ นี่เป็นเรื่องวิชาการไม่ใช่การหาคะแนนเสียง ยืนยันว่าแพทย์ไม่มีเจตนาทำร้ายผู้ป่วยแน่นอน ขณะนี้ทางแพทยสภากำลังยื่นเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความหมายเกี่ยวกับเรื่องเวชระเบียน สิทธิผู้ป่วย และสิทธิในการรักษา
ปัจจุบันแพทย์มีความกดดันในการทำงานมาก รักษาอย่างดีที่สุด พอตายแพทย์ก็ถูกฟ้องร้อง กำลังใจในการทำงานไม่มีเลย ค่าตอบแทนน้อย นี่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง แพทย์กับประชากรไม่สมดุลกัน เราทำดีที่สุด ตอนนี้แพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนหยุดการผ่าตัดทั้งหมด เพราะกลัวถูกฟ้องเมื่อมีปัญหา แล้วใครเดือดร้อนถ้าไม่ใช่ประชาชน นี่เป็นปัญหาทั้งระบบการแพทย์ การแก้ปัญหาก็ต้องแก้ทั้งระบบด้วย ไม่ใช่แค่หาเสียงน.พ.สมศักดิ์กล่าวในที่สุด
โดย: เครือข่ายฯ [1 ส.ค. 49 12:23] ( IP A:58.9.186.146 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
เฮ้อ
หมอนายกฯ มามุขเดิมๆอีกแล้ว หามุขใหม่บ้างท่าจะดีนะ
เป็นถึงนายกแพทยสภา ทำงานแบบพายเรืออยู่ในอ่าง ไม่รู้ว่าจะรักษาผลประโยชน์ของพวกพ้องแบบสีข้างเข้าถูไปถึงไหนกัน หาๆๆๆ
ปากก็อ้างว่าหมองานหนัก พักน้อย เป็นปัญหาทั้งระบบ
อ้าว แล้วจะมีเวลามานั่งคัดนั่งกรองข้อมูลเวชระเบียนคนไข้ที่เค้าขอกันได้ทันการเหรอ????
อ้างแต่จะรักษาความลับของความเห็นบุคคลที่สาม
แล้วชีวิตคนไข้ยามฉุกเฉินเนี่ย หน้าสิ่วหน้าขวานรอข้อมูลในตัวจริงของเวชระเบียนน่ะ ไม่ยิ่งสำคัญกว่าหรือไง?
ลองเอาสมองตรองดูทีว่าดึกดื่นเที่ยงคืนหากใครสักคนที่เป็นลูกท่านหลานเธอเกิดต้องเห็นเวชระเบียนตัวจริงเพื่อส่งต่อไปรักษา
จะมารอให้หมอที่ถือเวชระเบียนอยู่มาคัดมากรองเอาเวลานั้นหรือไง?
แค่นี้หากคิดไม่เป็นหรือแกล้งคิดไม่ออก จะลองเอาอวัยวะส่วนอื่นที่ต่ำกว่าเอวคิดดูก็ได้นะ เผื่อจะเกิดปัญญาได้บ้าง
นี่เข้าทำนองรักษาภาพพจน์มากกว่าจะรักษาชีวิตคนไข้อีกแล้ว
โดย: คนผ่านทาง [2 ส.ค. 49 17:58] ( IP A:58.8.106.230 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
เครือข่ายไม่มีวันเข้าใจหรอกครับ มีแต่คนที่นอนอยู่กับปัญหาอย่างเราถึงจะเข้าใจ
โดย: ขอบคุณ อ.สมศักดิ์ [3 ส.ค. 49 1:12] ( IP A:125.24.80.59 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
เรียน คุณ kanu
การเข้าใจหรือไม่เข้าใจ เราว่าไม่ใช่ประเด็นนะ
ประเด็นอยู่ที่เรื่อง จะคิดจะทำอย่างไรให้เกิดความ
เป็นธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่าย
เพราะใคร ๆ ก็อ้างได้ยามไม่อยากแก้ปัญหา หรือ
การแก้ปัญหานั้นเข้าตัว-เข้าเนื้อว่า "คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก"
มันฟังดูเป็นการตัดปัญหา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
ปัดสวะที่ง่ายเกินไป
โดย: เครือข่ายฯ [3 ส.ค. 49 9:33] ( IP A:58.9.190.222 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน