consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
บทความหมอสมศักดิ์...เปรียบพวกเราเป็นขอทาน
สังคมไทยกับการแพทย์
โดย ศ. นพ. สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสังคมไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ในอดีตผู้ป่วยฟ้องร้องแพทย์ต่อแพทยสภาว่า แพทย์ไม่คำนึงถึงความสิ้นเปลืองของผู้ป่วย
โดยกล่าวหาว่าแพทย์ให้ยาแพงโดยไม่จำเป็น หรือแพทย์ส่งตรวจมากไปทำให้ต้องเสียเงินมาก
หรือกล่าวหาแพทย์เอกชนว่ารับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น
ปัจจุบันการฟ้องร้องกลับเป็นเรื่องตรงข้าม
ผู้ป่วยฟ้องร้องว่า แพทย์ทำไมไม่ให้ยาปฏิชีวนะจนทำให้การติดเชื้อรุนแรงจนพิการ ทำไมแพทย์ไม่ส่งตรวจอัลตราซาวนด์ หรือ CT scan ทำให้วินิจฉัยโรคไม่ได้ หรือกล่าวหาว่ามาโรงพยาบาลแล้วทำไมจึงไม่รับไว้ในโรงพยาบาลในครั้งแรกทำให้อ าการหนักขึ้น ความหวังดีของแพทย์ที่จะพยายามประหยัดเงินให้ผู้ป่วยกลายเป็นผลเสียแก่ตนเอง เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะแต่ก่อนผู้ป่วยต้องจ่ายเงินเอง ผู้ป่วยต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ปัจจุบันผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ต้องจ่ายเพราะมีประกันสังคม หรือใช้หลักประกันสุขภาพสามสิบบาท หรือมีบริษัทประกันสุขภาพเอกชนเป็นคนจ่าย นอกจากนี้ผู้ป่วยมีความคาดหวังสูง ถ้าผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่ผู้ป่วยต้องการ ผู้ป่วยก็พยายามจับผิดเพื่อหวังจะเอาเงินจากแพทย์หรือโรงพยาบาล
แต่เดิมผู้ป่วยจะขอให้แพทย์เป็นผู้ตัดสินใจในวิธีการรักษาที่แพทย์คิดว่าเหม าะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วย แต่ปัจจุบันแพทย์จะให้ได้แต่เพียงข้อมูลและคำแนะนำ ผู้ป่วยและญาติจะต้องเป็นคนตัดสินใจเอง โดยอาจไปขอความเห็นจากแพทย์ท่านอื่นหรือญาติพี่น้องก่อนก็ได้ถ้าไม่ใช่เรื่อ งเร่งด่วน แต่ก่อนไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหาย ปัจจุบันผู้ป่วยรู้ว่ามีการเรียกร้องได้ บางคนคิดว่าถูกรางวัลหวังได้เงินจากแพทย์
แพทย์จะต้องปรับตัวอย่างไรกับสังคมที่เปลี่ยนไป
แพทย์จะต้องบอกถึงทางเลือกต่างๆ ให้แก่ผู้ป่วยหรือญาติทราบทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ต้องคำนึงว่าเขาจะมีเงินจ่ายหรือไม่ หรือว่าจะเบิกได้หรือไม่ แพทย์ไม่ต้องไปคิดแทนผู้ป่วย จะต้องให้ผู้ป่วยคิดเองว่าเขาจะเลือกเอาวิธีใด แพทย์จะต้องบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าแพทย์ได้อธิบายแล้วแต่ผู้ป่วยปฏิเสธ ถ้าไม่บันทึกไว้ ผู้ป่วยอาจจะหาว่าแพทย์ไม่เคยบอก ปัญหาปัจจุบันคือ ผู้ป่วยจะเอาอย่างดีที่สุดและแพงที่สุด เพราะผู้ป่วยมีประกันสังคมหรือใช้หลักประกันสุขภาพโดยไม่ต้องจ่ายเงิน ถ้าใช้ของแพงโรงพยาบาลต้องจ่ายเอง โรงพยาบาลก็จะขาดทุนจนโรงพยาบาลอยู่ไม่ได้ โรงพยาบาลส่วนใหญ่ก็จะแก้ไขโดยมีเครื่องมือและยาจำกัด ถ้ามีแล้วไม่ให้ก็จะถูกฟ้อง มาตรฐานของโรงพยาบาลที่รับประกันสังคมและโครงการสามสิบบาทจะลดลงไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นโรงพยาบาลอนาถา ส่วนโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่เข้าโครงการก็จะปรับมาตรฐานให้สูงขึ้น มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากขึ้นเพื่อสร้างความแตกต่าง การแก้ไขทำได้โดยต้องให้ผู้ป่วยมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย หรือรัฐบาลให้ค่ารายหัวเพิ่มขึ้น หรือจ่ายตามความเป็นจริง หรือกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำไว้ให้โรงพยาบาลปฏิบัติ
ในอดีตคนไทยพุทธทราบว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสัจธรรมของมนุษย์ ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ ในศาสนาอิสลามเขาเชื่อว่าการตายนั้นได้ไปหาพระเจ้า แต่ปัจจุบันสังคมไทยส่วนหนึ่งคิดว่าเราต้องไม่ตาย ถ้าตายจะต้องเป็นความผิดของแพทย์ที่วินิจฉัยไม่ได้ หรือรักษาไม่หาย แต่เดิมโรคบางอย่างชาวบ้านกลัวมากเพราะถ้าเป็นแล้วอัตราตายสูง ถ้าไปหาแพทย์รักษาแล้วรอดชีวิตถือว่าโชคดี เช่น โรคไข้เลือดออก ปัจจุบันผู้ป่วยคิดกลับกันโดยผู้ป่วยคิดว่าโรคนี้ต้องไม่ตาย ถ้าตายต้องเป็นความผิดของแพทย์ ทั้งที่ความจริงผู้ป่วยบางรายมีอาการรุนแรงมาก แม้วินิจฉัยและรักษาถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นก็ยังตายได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อและพันธุกรรมของผู้ป่วยที่ทำให้ความรุนแรงของ โรคไม่เท่ากัน
แต่เดิมถ้าแพทย์ไม่คิดค่ารักษาพยาบาล โดยให้เงินสังคมสงเคราะห์ช่วย ผู้ป่วยจะรู้สึกขอบคุณแพทย์อย่างมาก ปัจจุบันผู้ป่วยไม่ได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลแต่ผู้ป่วยไม่คิดว่าแพทย์มีบุญคุณ
แต่ผู้ป่วยจะคิดว่าเป็นสิทธิของเขา บุคลากรทางการแพทย์มีหน้าที่รับใช้
บางคนมากล่าวหาแพทย์ของรัฐว่ากินเงินเดือนจากเงินภาษีของเขาทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เคยจ่ายภาษีรายได้เลย ขณะที่แพทย์จ่ายภาษีรายได้มากกว่าเขาหลายเท่า ความจริงแล้วเขาเอาเงินภาษีรายได้ของคนอื่นและบุคลากรทางการแพทย์มาใช้มากกว ่า
สังคมที่เปลี่ยนไปนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากประชานิยม รัฐพยายามทำให้ประชาชนพอใจโดยการให้แต่ไม่ได้สอนให้รู้จักหน้าที่และความรับ ผิดชอบต่อตนเองและสังคม อาจจะเห็นผลดีในระยะสั้นแต่จะสร้างปัญหาในระยะยาว การให้โดยไม่มีเหตุผลเหมือนเราให้ขอทานวันละสิบบาททุกวัน วันใดเราไม่ให้หรือให้น้อยลงขอทานก็จะโกรธ ด่าและขว้างของใส่เรา เพราะว่าเราให้เขาจนเคยชินกลายเป็นหน้าที
โดย: อ่านแล้วไม่สบายใจ [8 พ.ค. 49 23:56] ( IP A:58.9.184.140 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
เมื่อวานมีคุณยายอายุ 72 มาพบผมที่โอพีดี ผมพูดคุยให้คำแนะนำโดยไม่แจกยาซักเม็ด ยายก็ยกมือไหว้ขอบคุณ ผมบอกว่าผมยังเด็กอย่ไหว้เลยเดี๋ยวผมจะอายุสั้น แต่คุณยายบอกว่า ขอยายได้ไหว้หมอเถอะ เท่านี้ยายก็มีความสุข กลับกันกับคนไข้ที่พอจะมีความรู้ ชอบมาสั่งหมอว่าจะเอานู่นเอานี้ พอผมทักว่าทำไมถึงสั่งหมอถ้ารู้ว่าตัวเองต้องกินยาอะไรทำไมไม่ไปซื้อเองละ แถมพวกนี้ชอบมาดึกๆ นอกเวลาเพราะรู้ว่ามากลางวันคนแน่นต่อคิวยาว อยากมาเอายา ฉลาดแกมโกง เพราะเห็นเป็น 30 บาทก้จะเอานู่นเอานี่ ทั้งที่ ER เป็นเวลาไว้ให้คนไข้ฉุกเฉินแท้ ๆ บางคนเป็นไมเกรน มาขอ CT เพราะรู้ว่าเสียแค่ 30 บาท คนบางคนมา รพ นอกเขต ใช้ 30 บาทไม่ได้ พอบอกจะ x ray ก็บอกว่า ไม่ x ได้ไหม ไม่มีตัง (แต่มีตังกินเหล้าจนรถล้ม) พอบอกว่าว่าอุบัติเหตุใช้บัติทองข้ามเขตได้ก็เอาใหญ่ ทำเป็นสั่งนู่นสั่งนี่ 30 บาทดีจริงแต่มันแทบไม่ทำให้คนไข้ดูแลตัวเองเลย แถมชอบคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายหมอ หมอคือทาส คือผู้ให้บริการ บางคนมาส่งญาติตอนนตี 3 อันนี้ฉุกเฉิน พอทำเรื่อง admit ตี 4 เสร็จผมโดนปลุก อีก บรรดาญาติที่เหลือพากันเรียงแถวคอยตรวจ ผมถามว่าทำไมมาตรวจตอนนี้ คำตอบคือ ไหนๆ ก็มาถึง รพ แล้วเลยตรวจกันให้หมดนี่แหละ
โดย: เจอมากับตัว [9 พ.ค. 49 19:28] ( IP A:125.24.98.135 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าเป็นจริงอย่างที่ว่ามา ก็แย่เหมือนกันนะ
แต่คนในเครือข่ายเราไม่ยักกะเป็นแบบที่คุณเจอ
พวกเรานี่ ประเภทว่าไงก็ว่าตามกัน
แต่พอเดี้ยงแล้ว ไม่รับผิดชอบลูกเดียว
แม้จะผิดเห็น ๆ จะว่ายังไง
โดย: เห็นใจนะ [11 พ.ค. 49 13:49] ( IP A:58.9.188.145 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้างั้นที่ผมเล่ามา ก็ไม่ได้ต่างจากที่ ท่านอาจารย์สมศักดิ์ ว่าซักเท่าไหร่ แต่ผมก็ยังเชื่อว่าในสังคมเรานี้ยังมีคนดีมากว่าคนเลว ดังเช่นคุณยายวัย 72 ก็เปรียบดั่งที่คุณว่าในหมู่หมอส่วนใหญ่ที่เลวๆ ก้ยังมีหมอดีๆ เมื่อมองได้ดังนี้แล้วคุณก็คงไม่ต้องรู้สึกไม่สบายใจอีกนะ เพราะแผ่นดินนี้ ไม่สิ้นคนดี
โดย: คห2 [12 พ.ค. 49 18:46] ( IP A:125.24.91.243 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
ไม่ชอบหมอสมศักดิ์มาก ๆ
หน้าตาเจ้าเล่ห์ไม่พอ ยังพูดจากลับกลอก
โดย: ไม่ชอบ [15 พ.ค. 49 20:58] ( IP A:58.9.194.87 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
ครับ นอกจากเครือข่ายแล้ว ในโลกนี้ก็คงหาคนดีไม่ได้อีกแล้ว เห็นด้วยกับ คห 4 มาก
โดย: คห2 [16 พ.ค. 49] ( IP A:125.24.75.88 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน