consumer.pantown.com
Thai Iatrogenic Network รวมกระทู้เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ <<
กลับไปหน้าแรก
แม่โวย30บาทพ่นพิษ รพ.ดังทำลูกแฝดดับ
เอาอีกแล้ว ความวัวไม่ทันหาย
แม่โวย30บาทพ่นพิษ รพ.ดังทำลูกแฝดดับ
เมื่อวันที่ 25 เมษายน น.ส.นฤมล ประเสริฐพลกรัง วัย 25 ปี ชาว จ.นครราชสีมา ได้ร้องเรียนกรณีการใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาท รักษาทุกโรค ทำให้ลูกชายฝาแฝดเสียชีวิตทั้งคู่ว่า ตนแต่งงานอยู่กินกับสามีมากว่า 4 ปี จนมีลูกชายแล้วหนึ่งคนวัยขวบเศษ เดิมทีตนและครอบครัวประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งอยู่ย่าน ถ.สุมขุมวิท 101 พอตั้งท้องอีกครั้งหนึ่ง จึงย้ายสิทธิบัตรทองไปไว้ จ.นครราชสีมา หลังตนหยุดค้าขายเพื่อกลับไปพักผ่อนที่โคราช ก่อนจะย้ายกลับมาขายเสื้อผ้าย่านวงศ์สว่าง กทม. พร้อมกับย้ายสิทธิบัตรทองกลับมาไว้ที่ รพ.เกษมราษฎร์ ประชาชื่น ในกทม.เพื่อความสะดวกหากเจ็บท้องคลอดเนื่องจากอยู่ใกล้บ้านพัก
"ก่อนวันคลอด(23เมษายน 2549)เพียง 1 สัปดาห์ ดิฉันไปให้รพ.เกษมราษฎร์ อัลตราซาวนด์ดูเพศของลูก จนทราบว่าได้ลูกแฝด แต่ไม่ทราบเพศ เพราะเด็กอยู่ติดกันจนมองไม่เห็น ก็รู้สึกดีใจมากจึงรีบโทรศัพท์บอกญาติและเพื่อนๆทันที กระทั่งเวลา 02.00 น.วันที่ 23 เมษายน เกิดเจ็บท้อง จึงให้สามีรีบนำส่ง รพ.เกษมราษฎร์ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ก็รีบนำตัวไปเข้าห้องคลอดทันที โดยพี่สาวได้ยื่นบัตรทองให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าจะใช้สิทธิ์ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกว่าลูกคนหนึ่งในท้องหายใจช้าและเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว จึงขอให้หมอรีบทำการผ่าตัดเอาเด็กออก แต่หมอบอกให้เราลองเบ่งดู ทั้งที่เรารู้ว่าลูกเราไม่ไหวแล้ว หมอก็ให้รอเกือบชั่วโมงถึงผ่าทำคลอดให้ แต่ในที่สุดก็ไม่ทันกาลจริงๆ เพราะลูกคนหนึ่งตายในท้อง ส่วนอีกคนออกมาแต่ต้องเข้าห้องไอซียูด่วน เพราะมีเลือดไปเลี้ยงไม่ทัน"น.ส.นฤมล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทราบผลทันทีหรือไม่ว่าลูกเสียชีวิตแล้ว มารดาผู้เคราะห์ร้าย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ไม่ได้ทราบทันที เพราะโดนวางยาสลบ พอตื่นมาในตอนเช้าก็ถามพยาบาลที่เข้ามาดูอาการว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง พยาบาลก็ไม่ทราบ บอกแค่ว่าห้องคลอดยังไม่ส่งเรื่องขึ้นมา จนกระทั่งเวลา 10.00น.วันที่ 24เมษายน ตนก็ยังไม่รู้ชะตากรรมลูกตัวเอง จึงให้สามีและน้องชายไปติดตามจึงทราบว่า ลูกอีกคนหมอกำลังยื้อชีวิตอยู่ โดยขึ้นอยู่กับว่าเด็กจะแข็งแรงแค่ไหน เมื่อตนทราบอย่างนั้นก็แทบขาดใจ ทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องไห้
เมื่อถามอีกว่า แล้วทำอย่างไรกับเด็กที่เด็กที่เสียชีวิต น.ส.นฤมล เล่าว่า ก็สอบถามกับพ่อแม่พี่น้องและญาติทุกคนว่าจะทำอย่างไร ก็มีมติว่าให้นำศพไปเผาเวลา 17.00 น.ที่วัดประชาศรัทธาธรรม(วัดเสาหิน)โดยที่ตนไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย เนื่องจากเจ็บแผลที่ผ่าตัด แต่สามีเห็นแล้วก็มาบอกว่า หน้าตาอย่างไร ทำให้ตนยิ้มไปร้องไห้ไป เพราะได้แค่แต่จินตนาการหน้าตาลูกไป ส่วนลูกอีกคนหมอบอกว่าถ้ารอดสมองก็ไม่ดี เพราะเลือดเลี้ยงสมองไม่ทัน คือเราต้องมีลูกเอ๋อแน่นอนแต่ก็ทำใจ กระทั่งเวลา 05.00น.นพ.สมชาย (ไม่ทราบนามสกุล)แพทย์เจ้าของไข้โทรศัพท์ไปบอกสามีว่าลูกอีกคนเสียชีวิตแล้ว สามีจึงรีบขับรถพาตนมาที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันเห็นลมหายใจลูกทำให้ตนเสียใจที่สุดในชีวิต ซึ่งหมอบอกว่าได้พยายามช่วยเต็มที่แล้ว เช่น วิ่งไปเอาเลือดที่สภากาชาดไทย เพื่อมาถ่ายเลือดให้ ตนรู้สึกดีและขอบคุณที่เขายังทำให้ขนาดนั้น ต่อมาจึงนำศพลูกแฝดอีกคน ไปทำพิธีเผาที่วัดเดียวกับคนแรก โดยสามีตนบอกว่า อยากให้ลูกอยู่ด้วยกันจะได้มีเพื่อนเล่น
ต่อข้อถามถึงค่าใช้จ่ายก็พบว่า หากไม่ใช้สิทธิ์ 30 บาท แม่ผู้เคราะห์ร้าย กล่าวว่า ต้องเสียเงินกว่า 3หมื่นบาทในการเสียลูกชายฝาแฝดไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างตนรอดูอาการลูกแฝดคนที่สอง ได้รับการดูแลจากพยาบาลและเจ้าหน้าที่แย่มาก พูดจาเหมือนไม่ได้รับการอบรมด้านการพยาบาล พยาบาลบางคนจำคนไข้ผิด หาว่าตนเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ทั้งที่ไม่ได้เป็น ที่หนักที่สุดคือแพทย์คนหนึ่งเดินมาถามว่าลูกเป็นอย่างไรบ้าง ตนก็บอกว่าเสียแล้ว หมอยังถามต่อว่า ทั้งคู่เลยหรือ ทำให้ตนรู้สึกงงมาก เหมือนกับหมอไม่อ่านอะไรของคนไข้เลย
"เมื่อสามีลงไปชำระเงินที่ฝ่ายการเงิน โดยที่หน้าจอคอมพิวเตอร์บอกว่าไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินคนหนึ่งซึ่งกำลังตั้งท้องบอกว่าต้องจ่าย 500 บาท เราก็ไม่รู้เป็นค่าอะไรก็จ่ายไป พอเจ้าหน้าที่ฝ่ายห้องเย็นทราบ ก็จูงมือสามีไปเอาเงินคืนเพราะความจริงไม่ต้องเสียอะไรเลย ทำให้เสียความรู้สึกมาก ดิฉันจึงอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนกับแพทย์และโรงพยายาบาลเรื่องการเอาใจใส่คนไข้แม้จะใช้บัตร 30 บาท เพื่อปรับปรุงการบริการให้ดีกว่านี้"แม่ผู้เคราะห์ร้าย กล่าว
โดย: เจ้าบ้าน
[26 เม.ย. 49 22:50] ( IP A:124.121.137.144 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
จากหนังสือพิมพ์แนวหน้าวันนี้ เครือข่ายฯเตรียมรับเคส
https://www.naewna.com/news.asp?ID=5808
โดย: เจ้าบ้าน
[26 เม.ย. 49 22:53] ( IP A:124.121.137.144 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
จริงของแม่เด็ก ที่รู้ว่าลูกในท้องคนหนึ่งไม่หายใจ
แต่ถ้าลูกในท้องอีกคนหนึ่งกำลังหายใจอยู่ ผมว่ามันทะแม่งๆนะ
ลูกในท้องแม่หายใจได้ด้วยหรือ
แล้วรู้ได้ไงว่าลูกคนนึงกำลังจะแย่ ????
กำลังจะหาเงินตั้งตัวก็บอกมาเถอะ
โดย: นนนน [27 เม.ย. 49 8:03] ( IP A:61.7.128.142 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
หวัดดี นนท์
โดย: เครือข่ายฯ [27 เม.ย. 49 10:05] ( IP A:210.86.181.20 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
เด็กในท้องแม่ ไม่หายใจเอาอากาศออกซิเจน
แต่อาศัยเลือดและออกซิเจนจาก สายรก
ยิ่งพูด ก็ยิ่งรู้ว่าโง่ แต่อยากรวยทางรัด
โดย: .. [27 เม.ย. 49 11:18] ( IP A:203.156.40.13 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
อาจจะเป็นช่วง fetal distress แล้วเด็กดิ้นผิดปกติ
เรื่องรวยทางลัดคงไม่ใช่ น่าจะไปดูในรายละเอียดมากกว่า
ใช่ไหมครับ
โดย: ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ [27 เม.ย. 49 18:02] ( IP A:125.25.6.60 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
Delay and deny is very close.
โดย: สงสารจริงๆนะ [27 เม.ย. 49 22:18] ( IP A:124.121.138.32 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
เดี๋ยวนี้มีคนไข้น่าสงสาร รายวันเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดแล้ว
ก็พูดปาว ๆ ตั้งหลายครั้งหลายหน ว่าวันหนึ่งตายเกิน 30-70 คน
ปีหนึ่ง 11000-25000 คน (ประมานต่ำสุดแล้วตามมาตรฐานไอ้กัน)
แต่ก็ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ถ้าไม่รีบนำโครงการ Patient for Patient
safety ของ WHO มาใช้ โดยให้คนไข้มีส่วนร่วมละก้อ มีหวังร้อง
รายวันแบบนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
โดย: เครือข่ายฯ [28 เม.ย. 49 6:45] ( IP A:58.9.187.74 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
ปีหนึ่ง 11000-25000 คน (ประมานต่ำสุดแล้วตามมาตรฐานไอ้กัน)
ไปเปิดกะลา ด้วยการหาบทความที่วิจารณ์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลด้วยครับ
และถ้ายังคิดจะตะแบงเรื่องนี้ ก็มีงานของSara Charles ที่เสนอข้อมูลวิจัยพบว่า
คนที่ฟ้องหมอ ส่วนใหญ่ต้องการเงิน มีน้อยมากที่ต้องการฟ้องเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
ถ้าใช้ตามมาตรฐานไอ้กัน คนในนี้จะเหลือกี่คนที่มีความจริงใจ
โดย: ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ [30 เม.ย. 49] ( IP A:125.25.6.60 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน