อุ้มศพลูกแฝดโวยหมอผ่าตาย
   วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5622

อุ้มศพลูกแฝดโวยหมอผ่าตาย

ไม่สนใจเพราะเป็นชาวเขา


โวยหมอ - นายสมหมาย บุญสม หนุ่มชาวเขาอุ้มศพลูกฝาแฝด ร้องเรียนสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่าแพทย์ไม่สนใจเพราะเห็นเป็นชาวเขา ปล่อยให้ภรรยาที่มาคลอดลูกรอถึง 5 ช.ม. จนลูกเสียชีวิตทั้งคู่ ตามข่าว


พ่ออุ้มศพลูกแฝดร้องสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ระบุแพทย์เป็นสาเหตุการตายเพราะผ่าตัดแม่เด็กล่าช้า ชาวเขาเชียงใหม่พร้อมญาติบุกสำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ร้องเรียนแพทย์ร.พ.นครพิงค์ทำงานล่าช้า เพราะเห็นเป็นชาวเขาเลยไม่สนใจ ปล่อยให้เมียที่มาคลอดลูกแฝดรอคลอดถึง 5 ชั่วโมงทั้งที่น้ำเดินแล้ว จนลูกตายทั้งสองคน ก่อนหน้านี้เข้าแจ้งความไว้แล้ว ยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุดทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง เตรียมเรียกร้องค่าเสียหาย 3 ล้านบาท ด้านทีมแพทย์ที่ผ่าโต้พยายามช่วยจนสุดความสามารถแล้ว แต่เด็กตายตั้งแต่ก่อนคลอดเพราะเสียเลือดมากจากรกฉีกขาด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 เม.ย. นายสมหมาย บุญสม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39 หมู่ 3 ต.สวนแตง อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี พร้อมญาติคือนายมงคล มนัสฐิติกุล เจ้าหน้าที่สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และชาวเขาจาก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จำนวน 20 คน นำศพเด็กทารกแฝดเพศชายลูกของนายสมหมาย เดินทางมายังสำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เพื่อร้องเรียนกรณีลูกแฝดถึงแก่ความตายระหว่างคลอด โดยนายสมหมายระบุว่า สาเหตุมาจากความบกพร่องของแพทย์

สำหรับเรื่องดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา นายสมหมายเข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ไพบูลย์ นามทอง พนักงานสอบสวนสภ.อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กล่าวหาว่าแพทย์ร.พ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ผ่าตัดทำคลอดบุตรของตนเองซึ่งเป็นลูกแฝดเพศชายล่าช้าจนเสียชีวิต

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายสมหมายนำภรรยาคือน.ส.วัชรี อยู่แฮ อายุ 28 ปี มาทำคลอดที่ร.พ.นครพิงค์ ทั้งนี้ ก่อนที่ทารกจะคลอด เมื่อเวลา 05.00 น. ทีมแพทย์นำโดยน.พ.วรจักร จิวะกิดาการ สูติ-นรีแพทย์ พบว่าน.ส.วัชรีมีอาการน้ำเดินปนเลือดออกมาทางช่องคลอด เมื่อตรวจภายในพบว่าปากมดลูกไม่เปิด และน.ส.วัชรีบอกว่าไม่เจ็บครรภ์ แพทย์จึงตรวจด้วยเครื่องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ พบว่าทารกคนหนึ่งหัวใจไม่เต้นและทารกอีกคนหัวใจเต้นช้าลงเรื่อยๆ จึงส่งตัวน.ส.วัชรีเข้าห้องผ่าตัดโดยด่วน ทารกคนแรกคลอดเวลา 10.50 น. ทารกคนที่สองคลอดเวลา 10.51 น. ปรากฏว่าสายสะดือพันคอทารกคนที่สอง 1 รอบ ทั้งนี้ แฝดคนพี่เสียชีวิตก่อนคลอด ส่วนคนน้องเสียชีวิตหลังคลอดในเวลาใกล้เคียงกัน สาเหตุเพราะเสียเลือดมาก สร้างความเสียใจแก่นายสมหมาย และระบุว่าสาเหตุที่ลูกชายเสียชีวิตเพราะแพทย์ให้ความช่วยเหลือล่าช้า

การร้องเรียนของนายสมหมายในวันนี้ มีนายอ้าย เรือนทน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ออกมารับเรื่อง โดยนายสมหมายยืนยันว่าเป็นความผิดของแพทย์ที่กระทำการล่าช้าทำให้ลูกของตนทั้งคู่ถึงแก่ความตาย หลังจากปรึกษาทนายความและผู้เกี่ยวข้อง ตกลงว่าจะดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับแพทย์ให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความแน่นอน และจะไปร้องขอความเป็นธรรมต่อแพทยสภา ในวันคลอดตนและภรรยาไปถึงร.พ.ตั้งแต่ 06.00 น. ภรรยาบอกว่าไม่อยากเบ่งลูกออก อยากผ่าตัดออก แพทย์กับพยาบาลก็บอกว่าไม่ว่าง และพยายามพูดเหมือนว่ารอให้หมดเวรของแพทย์คนนี้ก่อนรอแพทย์คนต่อไปมาก่อนค่อยดำเนินการ จนกระทั่งภรรยาเจ็บท้องจนลูกตายไป 1 คน จึงนำเข้าไปผ่าตัดทำให้ลูกต้องตายอีกคน ทั้งที่เด็กทั้งสองร่างกายสมบูรณ์ทุกประการ น้ำหนักตัว 2.9 ก.ก. กับ 2.4 ก.ก. เพราะพวกตนเป็นชาวเขา หมอกับพยาบาลจึงไม่ให้ความสำคัญ ทั้งที่เป็นคนไทยเหมือนกัน สำหรับการดำเนินคดีมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ ส่วนการฟ้องร้องจะเรียกค่าเสียหายจำนวน 3 ล้านบาท

ด้านนายอ้าย กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนไว้ และจะทำหนังสือไปยังร.พ.นครพิงค์ เพื่อขอทราบเรื่องราวทั้งหมด จากนั้นก็จะสรุปเรื่องส่งให้ระดับสูงดำเนินการต่อไป จะให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่ายแน่นอน

พ.ต.ท.ไพบูลย์ เจ้าของคดี เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สอบสวนปากคำพ่อและแม่ของเด็กแฝดทั้งสองคนไว้แล้ว แต่ต้องรอผลการตรวจชันสูตรศพของแพทย์นิติเวชฯ ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กทั้งสองอีกครั้ง ว่าสาเหตุเกิดจากอะไรกันแน่ เป็นความบกพร่องของใคร จึงจะดำเนินคดีต่อไป

น.พ.วรจักร กล่าวว่า ผู้ป่วยและสามีมาร.พ.นครพิงค์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ให้ประวัติว่าตั้งครรภ์เป็นครั้งที่ 3 เป็นครรภ์แฝด 2 โดยได้เริ่มฝากครรภ์ที่ร.พ.ในจังหวัดสมุทรสาคร แต่เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่ในจ.เชียงใหม่จึงต้องการให้ร.พ.นครพิงค์ผ่าตัดทำคลอดให้ การตรวจเบื้องต้นทารกทั้งสองคนปกติดี และยังไม่พบข้อบ่งชี้ทางสูติศาสตร์ในการทำผ่าตัดคลอด ประกอบกับเป็นครรภ์ที่สามแล้วน่าจะคลอดเองได้ แพทย์จึงได้แนะนำให้นอนร.พ.เพื่อรอเจ็บครรภ์ แต่ผู้ป่วยและสามีประสงค์จะกลับบ้านก่อนและยืนยันจะผ่าตัด แพทย์จึงได้นัดให้มานอนร.พ.ในวันที่ 16 เม.ย.แล้วจะประเมินอีกครั้ง

น.พ.วรจักร กล่าวว่า ในวันที่ 16 เม.ย. เวลา 07.00 น. ผู้ป่วยมาร.พ.และบอกว่ามีน้ำเดินปนเลือดออกทางช่องคลอดเวลาประมาณ 05.00 น. แพทย์ได้รับผู้ป่วยไว้ที่ห้องคลอด ต่อมาเวลา 08.20 น.ผู้ป่วยออกไปคุยกับญาติที่หน้าห้องคลอด พยาบาลจึงเชิญมานอนพักที่เตียงรอคลอด จากการตรวจทารกด้วยเครื่องตรวจติดตามการเต้นของหัวใจพบว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติทั้งสองคน เวลาประมาณ 09.10 น. ผู้ป่วยมีเลือดออกจากช่องคลอดจึงให้เตรียมผู้ป่วยสำหรับการผ่าตัดฉุกเฉิน ต่อมาเวลา 10.15 น.รังสีแพทย์แจ้งมาที่ห้องคลอดว่า ทารกคนหนึ่งด้านซ้ายไม่พบการเต้นของหัวใจ ส่วนทารกอีกคนด้านขวาเต้น 171 ครั้ง/นาที และลดลงมาเหลือ 78 ครั้ง/นาที จึงส่งผู้ป่วยไปผ่าตัดด่วน เริ่มเมื่อเวลา 10.47 น. ทารกคนแรกคลอดเวลา 10.50 น. ทารกคนที่สองคลอดเวลา 10.51 น. โดยพบสายสะดือพันคอทารกคนที่สอง 1 รอบ

น.พ.วรจักร กล่าวต่อไปว่า เด็กคนแรกเป็นเด็กเพศชาย ตัวซีดขาว ไม่ร้อง ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ไม่มีเสียงหัวใจเต้น และคนที่สองก็เช่นเดียวกัน ทีมแพทย์พยายามช่วยฟื้นคืนชีพทั้งสองคนนานประมาณ 20 นาที แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตทั้งสองคน สาเหตุเนื่องจากภาวะเสียเลือดมาก จากการฉีกขาดของรก แพทย์ได้ช่วยเหลือสุดความสามารถแล้ว แต่พ่อเด็กไม่ฟังเหตุผลคำอธิบายเลย อย่างไรก็ตาม ทางร.พ.ได้ส่งศพทารกแฝดทั้งสองและรกไปชันสูตรเพื่อยืนยันสาเหตุการตายที่ร.พ.มหาราชนครเชียงใหม่แล้ว
โดย: จากข่าวสดละเอียดอีกหน่อย [21 เม.ย. 49 20:11] ( IP A:58.8.9.171 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ความคิดเห็นที่ : 2 โดยคุณ : เลือดไทย

♣ กำจริงๆๆ..นี่มันเกิดอะไรขึ้นอยากรวยทางลัดหรือไร..แบบนี้ต่อไปนายก็อย่าไปใช้บริการทางแพทย์เลย ให้ใช้หมดตำแย ประจำหมู่บ้านนะดีแล้วนะ.. เวรกำไร้สำนึกบุญคุณหมอทั้งเหนื่อยทั้งเคลียดใอ้เนรคุณคนจังไล..ไปกลับไปใช้หมอผีหมอตำแยเถอะ...



58.8.83.19
หากความเห็นนี้มีคำไม่เหมาะสมโปรดคลิกที่นี่!....
โดย: ดูความเห็นที่สองในข่าวสด [21 เม.ย. 49 20:12] ( IP A:58.8.9.171 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   เป็นความผิดคนไข้ เสือกมีลูก
โดย: ลุกเขาตายทีละสองคนไม่ใช่คนเดียวนะ [21 เม.ย. 49 20:13] ( IP A:58.8.9.171 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   หมอมีบุญคุณตรงที่ผ่าเอาศพลูกออกมาให้ยังไงล่ะ หึหึ

ก่อนหน้านั้นถือว่าหมอมิต้องรับผิดชอบ เพราะอุบัติการณ์ หนึ่งในสี่พัน ต้องตายอยู่แล้น

อยากผ่าตอนเด็กยังดีๆอยู่ แล้วไม่ต้องเสียลูกแบบนี้ พวกเอ็งก็ไปเรียนหมอแล้วผ่าเองสิครับ

สรุปแทนนายกแพทยสภาได้เลย

เหนื่อยใจครับ และเศร้าแทนประชาชนประเทศนี้จริง
โดย: ก็ว่ากันไป [21 เม.ย. 49 21:50] ( IP A:124.121.138.46 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน